ประหยัดไฟฟ้าหน้าร้อน
“สนพ.” พร้อมรับมือพีคไฟฟ้าหน้าร้อนนี้ ชวนปชช.ทุกภาคส่วนช่วยประหยัดไฟฟ้า!
กระทรวงพลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พร้อมรับมือพีคไฟฟ้าหน้าร้อนนี้ คาดการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าช่วงฤดูร้อนเพิ่มสูงขึ้นตามอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น โดยสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 35,889 เมกะวัตต์ โตขึ้นจากปี 2561 ประมาณ 4.6% และคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงระหว่างปลายเดือนเมษายน - ต้นเดือนพฤษภาคม 2562 จึงขอความร่วมมือประชาชน เอกชน และภาคอุตสาหกรรม ช่วยกันประหยัดไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อนเป็นพิเศษเพื่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าโดยรวม
นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า “สถานการณ์การผลิตไฟฟ้าในเดือนมกราคม 2562 มีกำลังผลิตในระบบไฟฟ้า อยู่ที่ 56,034 เมกะวัตต์ โดยมีสัดส่วนการผลิตจากก๊าซธรรมชาติสูงสุด 57% สถานการณ์การใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 17,600 GWh เพิ่มขึ้น 1.6% ทั้งนี้ การใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในภาคธุรกิจ บ้านอยู่อาศัย ในขณะที่การใช้ไฟฟ้าในกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าใช้เอง (IPS) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 13% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งประเทศ โดยสาขาอุตสาหกรรม มีสัดส่วนการใช้ไฟฟ้า 40% ลดลงที่ 1.1% สาขาธุรกิจ มีสัดส่วนการใช้ไฟฟ้า 22% เพิ่มขึ้น 7.3% ตามการขยายตัวของการบริโภคในภาคเอกชนและการท่องเที่ยว โดยกลุ่มธุรกิจหลักที่มีการใช้ไฟฟ้าในสัดส่วนที่สูง ได้แก่ ห้างสรรพสินค้า อพาร์ตเมนต์และเกสต์เฮาส์ และโรงแรม เพิ่มขึ้น 3.0% 11.8% และ 2.9% ตามลำดับ สอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มมากขึ้น มีการแข่งขันเพิ่มขึ้นในธุรกิจอพาร์ตเมนต์ให้เช่าสำหรับชาวต่างชาติ และสาขาครัวเรือน มีสัดส่วนการใช้ไฟฟ้า 20% การใช้เพิ่มขึ้น 14.6% คาดว่าเป็นผลมาจากการหยุดยาวต่อเนื่องในช่วงเทศกาลปีใหม่
สำหรับหน้าร้อนในปีนี้ คาดการณ์ว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของประเทศ (พีค) จะเกิดขึ้นระหว่างปลายเดือนเมษายน – ต้นเดือนพฤษภาคม 2562 โดยคณะทำงานจัดทำค่าพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้า ได้ประมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของประเทศ (พีค) ในปี 2562 จะอยู่ที่ 35,889 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 จากปี 2561 อยู่ที่ระดับ 34,317 เมกะวัตต์ เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2561 เวลา 13.51 น. โดยปัจจัยสำคัญ คือ กลุ่ม IPS ที่อาจเติบโตขึ้น การเข้าสู่ฤดูร้อนเร็วกว่าปกติ ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ถึงกลางเดือนพฤษภาคม 2562 ซึ่งในปีนี้กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าอุณหภูมิช่วงหน้าร้อนอยู่ที่ 42-43 องศาเซลเซียส โดยอุณหภูมิขึ้นหรือลดลง 1 องศาเซลเซียสจะมีผลต่อการใช้ไฟฟ้าประมาณ 400 เมกะวัตต์” รองปลัดกระทรวงกล่าว
ด้าน นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า “สนพ.ได้จัดเตรียมมาตรการสร้างความตระหนักในการประหยัดพลังงาน โดยได้มีการประชาสัมพันธ์ผ่านมาตรการ 4 ป. “ปิด-ปรับ-ปลด-เปลี่ยน” และขอความร่วมมือจากภาคประชาชน เอกชน และอุตสาหกรรม ให้ช่วยกันลดใช้ไฟฟ้าอย่างจริงจัง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อช่วยลดพีค ไม่ให้สูงขึ้นจนทำสถิติรอบใหม่ อันจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศ สำหรับมาตรการ 4 ป. เป็นมาตรการที่ทุกคนสามารถทำได้ทันที ได้แก่ ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศเป็น 26 องศา ซึ่งการเพิ่ม 1 องศาจะช่วยประหยัดไฟเพิ่มได้ 10% ปลดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าเมื่อเลิกใช้ เปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ ที่มี 1 – 3 ดาว โดยแต่ละดาวจะมีประสิทธิภาพการประหยัดไฟฟ้าได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 10% และเปลี่ยนเวลาที่ใช้ไฟฟ้า คือ หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นใน 2 ช่วงเวลา คือ 13.00 – 15.00 น. เพื่อลดพีคไฟฟ้าช่วงกลางวัน และ 19.00 –21.00 น. เพื่อลดพีคไฟฟ้าช่วงกลางคืน”
ผอ. สนพ. กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ กรณีผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติแหล่งยาดานา ประเทศเมียนมา มีแผนหยุดการผลิตบางส่วนเพื่อปรับปรุงและซ่อมบำรุงอุปกรณ์ประจำปี ระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย. 2562 รวมระยะเวลา 7 วันนั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า เพราะทั้งบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ กฟผ. ได้เตรียมแผนรองรับไว้แล้ว โดย ปตท. ได้เจรจาให้ผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติในแหล่งอื่นดำเนินการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประกอบกับเป็นช่วงที่ประชาชนเดินทางท่องเที่ยว กลับบ้านต่างจังหวัด ทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศโดยรวมลดลง ส่งผลให้ กฟผ. ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันเตาและน้ำมันดีเซลเพื่อผลิตไฟฟ้าทดแทน เพื่อให้ไม่กระทบต่อต้นทุนค่าไฟฟ้า และไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ก๊าซทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่งแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ ขอความร่วมมือจากประชาชนให้ใช้ไฟฟ้าในช่วง 7 วันดังกล่าวอย่างประหยัด เพื่อช่วยเสริมความมั่นคงทางด้านพลังงานของประเทศอีกทางหนึ่ง”
นายจรรยง วงศ์จันทร์พงษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการปฏิบัติการควบคุมระบบ กฟผ. เปิดเผยว่า “สำหรับการเตรียมความพร้อมในส่วนของระบบผลิตไฟฟ้า กฟผ. จะบริหารจัดการโรงไฟฟ้าในระบบทั้งของ กฟผ. IPP และ SPP ให้มีการทำงานบำรุงรักษาเท่าที่จำเป็น และขอความร่วมมืองดบำรุงรักษานอกแผน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือนมีนาคมถึง พฤษภาคม ที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงเพื่อรักษาความมั่นคง โดย กฟผ. มีกำลังผลิตสำรองพร้อมจ่ายเพียงพอสำหรับรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉินซ้ำซ้อนที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งได้ประสานงานกับ ปตท. ในการเพิ่มความสามารถในการส่งเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ ให้มีความเพียงพอต่อความต้องการใช้ ในส่วนของระบบส่งไฟฟ้าของ กฟผ. มีความพร้อมใช้งานเต็มความสามารถ ขอให้ทุกภาคส่วนมั่นใจว่า กฟผ. จะดูแลระบบผลิตและส่งไฟฟ้าของประเทศให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ไฟฟ้า และขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนช่วยกันลดการใช้ไฟฟ้าเพื่อช่วยให้การใช้ไฟฟ้าในระบบไม่สูงจนเกินไป"
ขณะที่ นายวุฒิกร สติฐิต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า “ปตท.ได้มีการจัดเตรียมความพร้อมด้านเชื้อเพลิงโดยเฉพาะในส่วนของก๊าซธรรมชาติ และก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ให้เพียงพอสำหรับกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าในช่วงหน้าร้อนที่มีการคาดการณ์ว่าจะเกิดพีคไฟฟ้า รวมถึงกรณีที่จะมีการหยุดจ่ายก๊าซฯแหล่งยาดานาเพื่อซ่อมบำรุงอุปกรณ์ ช่วงวันที่ 11-17 เม.ย.2562 นี้ด้วย ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะไม่เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงพลังงานของประเทศ