มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 25/2555 (ครั้งที่ 122)
วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 13.00 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
1. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ) กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการ เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ และราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ข้อ 1.7.3 ดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคและผู้ผลิต และ ข้อ 3.5.3 กำกับราคาพลังงานให้มีความเหมาะสม เป็นธรรมและมุ่งสู่การสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยปรับบทบาทกองทุนน้ำมันฯ ให้เป็นกองทุนสำหรับรักษาเสถียรภาพราคา ส่วนการชดเชยราคานั้นจะดำเนินการอุดหนุนเฉพาะกลุ่ม ส่งเสริมให้มีการใช้ก๊าซธรรมชาติมากขึ้นในภาคขนส่งและส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอลและไบโอดีเซลในภาคครัวเรือน
2. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบหลักเกณฑ์การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และระยะเวลาให้มีความเหมาะสมภายใต้กรอบหลักเกณฑ์การมอบหมาย ดังนี้
2.1 น้ำมันดีเซล การปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาสูงขึ้นจนทำให้มีผลกระทบต่อภาคขนส่งและค่าโดยสารเกินสมควรให้ กบง.พิจารณาปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้ตามความเหมาะสม การปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาต่ำจนทำให้ผู้ประกอบการขนส่งและโดยสารสมควรปรับอัตราค่าบริการลงให้ กบง. ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่กระทบเกินสมควรต่อค่าขนส่งและโดยสาร
2.2 น้ำมันเบนซิน/น้ำมันแก๊สโซฮอล การปรับเพิ่ม/ลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลให้พิจารณาปรับเพื่อรักษาระดับส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันเบนซินกับน้ำมันแก๊สโซฮอล เพื่อจูงใจให้มีการใช้พลังงานทดแทน (เอทานอล) มากขึ้น
3. ราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยราคาปิดตลาด ณ วันที่ 16 สิงหาคม 2555 น้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 111.28 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล น้ำมันเบนซิน 95 อยู่ที่ 131.12 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 132.3 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบดูไบและดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการประชุมครั้งก่อนเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2555 (ราคาปิดตลาดวันที่ 13 สิงหาคม 2555) 2.69 และ 3.40 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลง 0.63 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันในประเทศเพิ่มสูงตามไปด้วย โดยมีโครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 17 สิงหาคม 2555 ดังนี้
4. ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 12 สิงหาคม 2555 มีทรัพย์สินรวม 5,062 ล้านบาท หนี้สินกองทุน 19,492 ล้านบาท แยกเป็นหนี้ค้างชำระชดเชย 14,179 ล้านบาท งบบริหารและโครงการซึ่งได้อนุมัติแล้ว 163
ล้านบาท และเงินกู้ยืม 5,150 ล้านบาท ดังนั้น กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิติดลบ 14,430 ล้านบาท
5. จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันตลาดโลก ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูง ดังนั้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล และดีเซล ดังนี้
ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ จะมีรายรับลดลงประมาณวันละ 42 ล้านบาท จากติดลบวันละ 37 ล้านบาทเป็นติดลบวันละ 79 ล้านบาท
การพิจารณาของที่ประชุม
1. ประธานฯ ได้มีความเห็นว่า การปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เป็นกลไกเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน โดยเฉพาะราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลซึ่งส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อและค่าครองชีพ และการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในการประชุมครั้งนี้ ทำให้กองทุนน้ำมันฯ ติดลบเพิ่มมากขึ้น จากติดลบวันละ 37 ล้านบาท เป็นติดลบวันละ 79 ล้านบาท
2. รักษาการผู้อำนวยการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (นายชายน้อย เผื่อนโกสุม) ได้มีความเห็นว่า
จากการคาดการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง แต่หลังจากไตรมาส 3 ของปี 2555 ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงอาจจะมีแนวโน้มลดลง และเห็นด้วยกับการใช้กองทุนน้ำมันฯ เป็นกลไกในการอุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้อยู่ระดับสูงเกินไป เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงราคาของน้ำมันดีเซลที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน แต่ทั้งนี้ ในส่วนของการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินลง อาจเป็นการส่งสัญญาณที่
สวนทางกับนโยบายการยกเลิกการใช้น้ำมันเบนซิน 91 ซึ่งปลัดกระทรวงพลังงาน (นายณอคุณ สิทธิพงศ์) ได้ชี้แจงว่า ในช่วงนี้ราคาน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลยังคงอยู่ในระดับสูง และมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งสองชนิดมีปริมาณการใช้มาก จึงจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันทั้งสองชนิดอย่างใกล้ชิดรวมทั้งดูแลราคาขายปลีกให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าอีกประมาณ
1 – 2 สัปดาห์ ราคาน้ำมันเบนซินตลาดโลกอาจจะปรับตัวลดลง และ กบง. สามารถพิจารณาปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2555 เป็นต้นไป