มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 4/2546 (ครั้งที่ 36)
วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2546 เวลา 14.00 น.
ณ ห้องประชุมธำรงนาวาสวัสดิ์ ชั้น 3
อาคารสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล
1. รายงานฐานะเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
2. ขออนุมัติเงินสนับสนุนโครงการส่งเสริมผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กที่ใช้พลังงานหมุนเวียน
3. ขออนุมัติเงินสนับสนุนโครงการอนุรักษ์พลังงานสำหรับบ้านเอื้ออาทร ระยะที่ 1
6. มอบอำนาจในการพิจารณาขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ เกิน 3 เดือนหลังสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา
ปลัดกระทรวงพลังงาน (นายเชิดพงษ์ สิริวิชช์) กรรมการ
รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล) แทนผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช) ผู้เข้าร่วมประชุม
เรื่องที่ 1 รายงานฐานะเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานการรับ-จ่ายเงินกองทุนฯ ซึ่งได้มีการรับ-จ่ายเงินกองทุนฯ ประจำไตรมาสที่ 3 ตั้งแต่ วันที่ 1 เมษายน 2546 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2546 มีเงินคงเหลือในบัญชีเงินฝากธนาคาร ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2546 เป็นเงิน 11,084,789,080.14 บาท
2. เงินกองทุนฯ ตามประมาณการค่าใช้จ่ายสำหรับแผนงานอนุรักษ์พลังงาน ตั้งแต่ ปี 2543 ถึง ปี 2547 เป็นจำนวน 29,110.61 ล้านบาท คณะกรรมการกองทุนฯ ได้พิจารณาอนุมัติโครงการแล้ว จำนวน 20,356.85 ล้านบาท มีเงินคงเหลืออีก 8,753.76 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 3 แผนงาน ได้แก่ แผนงานภาคบังคับ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน สรุปได้ดังนี้
(1) แผนงานภาคบังคับ โดย พพ. เป็นผู้รับผิดชอบบริหารการใช้จ่ายสำหรับโครงการต่างๆ รวม 4 โครงการ ได้แก่ โครงการอาคารของรัฐ โครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน โครงการโรงงานและอาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบหรือก่อสร้าง โครงการประชาสัมพันธ์ ภายในวงเงินที่ได้รับอนุมัติเป็นจำนวน 8,906.80 ล้านบาท และได้ดำเนินการเบิกจ่าย ผูกพันและคาดว่าจะผูกพัน ไปแล้วจำนวน 8,764.01 ล้านบาท คงเหลือจำนวน 142.79 ล้านบาท
(2) แผนงานภาคความร่วมมือ โดย สนพ. เป็นผู้รับผิดชอบบริหารการใช้จ่ายเงินสำหรับโครงการต่างๆ รวม 5 โครงการ ได้แก่ โครงการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน โครงการส่งเสริมผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กที่ใช้พลังงานหมุนเวียน โครงการส่งเสริมธุรกิจด้านการอนุรักษ์พลังงาน โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนา โครงการโรงงานและอาคารทั่วไปที่กำลังใช้งาน ภายในวงเงินที่ได้รับอนุมัติเป็นจำนวน 4,325.69 ล้านบาท และได้ดำเนินการเบิกจ่ายและผูกพันไปแล้วจำนวน 3,653.40 ล้านบาท คงเหลือจำนวน 672.29 ล้านบาท
(3) แผนงานสนับสนุน โดย สนพ. เป็นผู้รับผิดชอบบริหารการใช้จ่ายเงินสำหรับโครงการพัฒนาบุคลากร โครงการประชาสัมพันธ์ และโครงการบริหารงานตามกฎหมาย เป็นจำนวน 7,124.36 ล้านบาท ดำเนินการเบิกจ่ายและผูกพันไปแล้ว จำนวน 5,700.75 ล้านบาท คงเหลือจำนวน 1,423.02 ล้านบาท
(4) สรุปฐานะเงินกองทุนฯ ตั้งแต่ปี 2543 - 2547
หน่วย : ล้านบาท
รายการ | อนุมัติกรอบ | อนุมัติ | จ่ายจริง +ผูกพัน +คาดว่าจะผูกพัน |
คงเหลือ |
แผนงานภาคบังคับ* | 17,021.30 | 8,906.80 | 8,764.01 | 142.79 |
แผนงานภาคความร่วมมือ | 6,422.00 | 4,325.69 | 3,653.40 | 672.29 |
แผนงานสนับสนุน** | 5,667.31 | 7,124.36 | 5,700.75 | 1,423.02 |
รวม | 29,110.61 | 20,356.85 | 18,118.16 | 2,238.10 |
หมายเหตุ
* พพ. คาดว่าจะผูกพันเป็นจำนวน 6,084.11 ล้านบาท
** พพ. มีประมาณการคาดว่าจะผูกพัน จำนวน 634.59 ล้านบาท
3. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช) ได้ให้ข้อสังเกตว่า การรายงาน การรับ-จ่ายเงิน ควรมีรูปแบบที่มีรายละเอียดของแต่ละโครงการ ของแต่ละแผนงานให้ชัดเจนว่าได้รับอนุมัติเงินจากองทุนฯ ตามมติเท่าใด เบิกจ่ายเท่าใด ผูกพันเท่าใด คงเหลือเท่าใด เพื่อคณะกรรมการกองทุนฯ จะได้รับทราบถึงฐานะการเงินของกองทุนฯ และใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาอนุมัติเงินกองทุนฯ ให้สนับสนุนโครงการต่างๆ
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบและให้ฝ่ายเลขานุการฯ ปรับรูปแบบของรายงานการรับ-จ่ายเงินกองทุนฯ ให้มีรายละเอียดการใช้จ่ายเงินของแต่ละโครงการที่ชัดเจน ตามข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
เรื่องที่ 2 ขออนุมัติเงินสนับสนุนโครงการส่งเสริมผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กที่ใช้พลังงานหมุนเวียน
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบว่า ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 3/2546 (ครั้งที่ 35) เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2546 ได้พิจารณาข้อเสนอของผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก จำนวน 6 โครงการ ที่ได้ยื่นข้อเสนอขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุนฯ ตามโครงการส่งเสริมผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กที่ใช้พลังงานหมุนเวียน โดยที่ประชุมได้มีมติให้ สนพ. จัดทำข้อมูลด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อมของผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กทั้ง 6 โครงการ ที่มีรายละเอียดเพียงพอต่อการพิจารณาตัดสินใจ แล้วเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอีกครั้ง โดยผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก 6 รายมีรายชื่อดังต่อไปนี้
เจ้าของโครงการ | สถานที่ตั้ง | เชื้อเพลิง พลังงาน |
พลังไฟฟ้าเฉลี่ยเข้าระบบ (MW) |
อัตราขอรับเงินสนับสนุน (บาท/kwh) |
เงินสนับสนุนจากกองทุนฯ (บาท) |
|
(1) บริษัท ไทยเพาเวอร์ซัพพลาย จำกัด | ต.บางปะกง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา | แกลบ | 1.6 | 0.1812 | 12,037,478.80 | |
(2) บริษัท ไทยเพาเวอร์ซัพพลาย จำกัด | ต.บางสมัคร อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา | แกลบ เปลือกไม้ กะลาปาล์ม | 2.0 | 0.181 | 15,030,240.00 | |
(3) บริษัท ไทยเพาเวอร์ซัพพลาย จำกัด | ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสาราคาม จ.ฉะเชิงเทรา | แกลบ เปลือกไม้ | 16.0 | 0.183 | 119,111,040.00 | |
(4) บริษัท กัลฟ์อิเล็คตริก จำกัด (มหาชน) | ต.ลำภูรา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง | เศษไม้ยางพารา กะลาปาล์ม | 20.0 | 0.180 | 126,144,000.00 | |
(5) บริษัท น้ำตาลสระบุรี จำกัด | ต.คำพราน อ.วังม่วง จ.สระบุรี | ชานอ้อย | 4.0 | 0.140 | 9,979,200.00 | |
(6) บริษัท น้ำตาลตะวันออก จำกัด | ต.ห้วยโจด อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว | ชานอ้อย |
5.6 |
0.120 | 9,630,720.00 |
2. ผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กทั้ง 6 ราย ได้ส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้ สนพ. เรียบร้อยแล้ว และสรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของแต่ละรายโดยเปรียบเทียบกับค่ามาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด ได้ดังนี้
(1) โรงไฟฟ้าของบริษัท กัลฟ์อิเล็คตริก จำกัด (มหาชน) อ.ห้วยยอด จ.ตรัง (RFP 00019) เป็นโรงไฟฟ้าใหม่ และ "เข้า" เกณฑ์ต้องทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) แต่รายงานที่จัดส่งให้ สนพ. ยังไม่ได้รับการเห็นชอบจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)
(2) โรงไฟฟ้าของบริษัท ไทยเพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา (RFP 00012) เป็นโรงไฟฟ้าที่มีการขยาย/ปรับปรุงกำลังการผลิตจน "เข้า" เกณฑ์ต้องทำรายงาน EIA รายงานที่จัดส่งให้ สนพ. เป็นรายงาน EIA เดือนกรกฎาคม 2545 ถึง มิถุนายน 2546 ได้รับการเห็นชอบจาก สผ. แล้ว
(3) โรงไฟฟ้าของบริษัท ไทยเพาเวอร์ซัพพลาย จำกัด อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา (RFP 00010) เป็นโรงไฟฟ้าที่มีการขยาย/ปรับปรุงกำลังการผลิต แต่ "ไม่เข้า" เกณฑ์ต้องจัดทำรายงาน EIA รายงานที่จัดส่งให้ สนพ. เป็นผลการวิเคราะห์ข้อมูลคุณภาพสิ่งแวดล้อมทั้งก่อนและหลังการขยาย/ปรับปรุงกำลังการผลิต ปรากฏว่าผ่านเกณฑ์มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด
(4) โรงไฟฟ้าของบริษัท ไทยเพาเวอร์ซัพพลาย จำกัด อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา (RFP 00011) เป็นโรงไฟฟ้าที่มีการขยาย/ปรับปรุงกำลังการผลิต แต่ "ไม่เข้า" เกณฑ์ต้องจัดทำรายงาน EIA รายงานที่จัดส่งให้ สนพ. เป็นผลการวิเคราะห์ข้อมูลคุณภาพสิ่งแวดล้อมทั้งก่อนและหลังการขยาย/ปรับปรุงกำลังการผลิต ปรากฏว่าผ่านเกณฑ์มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด
(5) โรงไฟฟ้าของบริษัท น้ำตาลสระบุรี จำกัด อ.วังม่วง จ.สระบุรี (RFP 00031) เป็นโรงไฟฟ้าที่มีการขยาย/ปรับปรุงกำลังการผลิต แต่ "ไม่เข้า" เกณฑ์ต้องจัดทำรายงาน EIA รายงานที่จัดส่งให้ สนพ. เป็นผลการวิเคราะห์ข้อมูลคุณภาพสิ่งแวดล้อมทั้งก่อนและหลังการขยาย/ปรับปรุงกำลังการผลิต ปรากฏว่าผ่านเกณฑ์มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด ประกอบกับจากการสอบถามประชาชนในพื้นที่โดยเจ้าหน้าที่ของศูนย์ประสานงานโครงการฯ ของสนพ. ได้รับการยืนยันว่าหลังจากบริษัทฯ ปรับปรุงบ่อน้ำทิ้งแล้วก็ไม่พบปัญหาน้ำล้นจากระบบในฤดูการผลิตที่ผ่านมา
(6) โรงไฟฟ้าของบริษัท น้ำตาลตะวันออก จำกัด อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว (RFP 00067) เป็นโรงไฟฟ้าที่มีการขยาย/ปรับปรุงกำลังการผลิต แต่ "ไม่เข้า" เกณฑ์ต้องจัดทำรายงาน EIA รายงานที่จัดส่งให้ สนพ. เป็นผลการวิเคราะห์ข้อมูลคุณภาพสิ่งแวดล้อมทั้งก่อนและหลังการขยาย/ปรับปรุงกำลังการผลิต ปรากฏว่าคุณภาพน้ำในบ่อน้ำทิ้งมีค่าสูงเกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดมาก จากการสอบถามประชาชนในพื้นที่โดยเจ้าหน้าที่ของศูนย์ประสานงานโครงการฯ ของ สนพ. ได้รับข้อมูลว่า ในอดีตที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่มีน้ำหลากมาก บริษัทฯ จะปล่อยน้ำทิ้งออกจากโรงงาน แต่ในปี 2546 บริษัทฯ เพิ่งทำการปรับปรุงบ่อน้ำทิ้งและระบบบำบัดเสร็จสมบูรณ์ จึงยังไม่มีข้อมูลรองรับว่าบริษัทฯ จะไม่มีการระบายน้ำทิ้งออกไปสู่สิ่งแวดล้อมอีกในช่วงที่น้ำมาก
มติที่ประชุม
1. อนุมัติเงินจากกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการส่งเสริมผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กที่ใช้พลังงานหมุนเวียน ให้ กฟผ. เพิ่มเติม ในวงเงินรวมทั้งสิ้น 165,788,678.40 บาท (หนึ่งร้อยหกสิบห้าล้านเจ็ดแสนแปดหมื่นแปดพันหกร้อยเจ็ดสิบแปดบาทสี่สิบสตางค์) เพื่อนำไปจ่ายให้กับผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก จำนวน 5 โครงการ ที่ทำสัญญากับ กฟผ. ตามระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตรายเล็กเรียบร้อยแล้ว ตามหน่วยไฟฟ้าที่จำหน่ายให้ กฟผ. ในอัตรา (บาท/กิโลวัตต์-ชั่วโมง) ที่ผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กแต่ละรายได้เสนอไว้ โดยกองทุนฯ จะสนับสนุนผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กแต่ละราย เป็นระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กเริ่มต้นขายและส่งมอบไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. ตามปริมาณพลังงานไฟฟ้าที่ได้ตกลงกันไว้ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า โดยผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก จำนวน 5 โครงการ มีรายชื่อดังต่อไปนี้
เจ้าของโครงการ | สถานที่ตั้ง | เชื้อเพลิง พลังงาน |
พลังไฟฟ้าเฉลี่ยเข้าระบบ (MW) |
อัตราขอรับเงินสนับสนุน (บาท/kwh) |
เงินสนับสนุนจากกองทุนฯ (บาท) |
|
(1) บริษัท ไทยเพาเวอร์ซัพพลาย จำกัด | ต.บางปะกง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา | แกลบ | 1.6 | 0.1812 | 12,037,478.80 | |
(2) บริษัท ไทยเพาเวอร์ซัพพลาย จำกัด | ต.บางสมัคร อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา | แกลบ เปลือกไม้ กะลาปาล์ม | 2.0 | 0.181 | 15,030,240.00 | |
(3) บริษัท ไทยเพาเวอร์ซัพพลาย จำกัด | ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสาราคาม จ.ฉะเชิงเทรา | แกลบ เปลือกไม้ | 16.0 | 0.183 | 119,111,040.00 | |
(4) บริษัท น้ำตาลสระบุรี จำกัด | ต.คำพราน อ.วังม่วง จ.สระบุรี | ชานอ้อย | 4.0 | 0.140 | 9,979,200.00 | |
(5) บริษัท น้ำตาลตะวันออก จำกัด | ต.ห้วยโจด อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว | ชานอ้อย | 5.6 | 0.120 | 9,630,720.00 | |
รวม 5 โครงการ | 165,788,678.80 |
2. อนุมัติเงินจากกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการส่งเสริมผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กที่ใช้พลังงานหมุนเวียน ให้ กฟผ. เพิ่มเติม ในวงเงินรวมทั้งสิ้น 11,605,207.49 บาท (สิบเอ็ดล้านหกแสนห้าพันสองร้อยเจ็ดบาทสี่สิบเก้าสตางค์) เพื่อนำไปเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมูลค่ารายจ่ายที่เกิดจากการนำเงินกองทุนฯ ไปจ่ายสนับสนุนฯ ให้กับผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กแต่ละราย รวมจำนวน 5 โครงการ ตามรายชื่อในข้อ 1 ของมติที่ประชุม
3. เห็นชอบให้ สนพ. ใช้เงินจากจากกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการส่งเสริมผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กที่ใช้พลังงานหมุนเวียน เพิ่มเติม ในวงเงิน 22,500,000 บาท (ยี่สิบสองล้านห้าแสนบาทถ้วน) เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการไตรภาคี ที่ได้รับอนุมัติเพิ่มเติมอีก 5 คณะ ตามรายชื่อในข้อ 1 ของมติที่ประชุม โดยค่าใช้จ่ายประกอบด้วย
(1) ค่าตอบแทน ค่าใช้สอยและค่าวัสดุ ในการจัดประชุมคณะกรรมการไตรภาคี 5 คณะ ตลอดระยะเวลา 5 ปี (ประมาณ 100,000 บาทต่อคณะต่อปี) |
2,500,000 บาท |
(2) ค่าจ้างที่ปรึกษาดำเนินการเก็บข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม ของคณะกรรมการไตรภาคี 5 คณะ ตลอดระยะเวลา 5 ปี (ประมาณ 800,000 บาทต่อคณะต่อปี) รวมเป็นเงินจำนวน 22,500,000 บาท |
20,000,000 บาท |
โดยให้ สนพ. จัดทำรายละเอียดพร้อมทั้งแผนการใช้จ่ายเงินตามข้อ 3 (1) และ (2) เสนอ ผู้อำนวยการ สนพ. อนุมัติเป็นรายปี และรายงานความเป็นไปให้คณะกรรมการกองทุนฯ ได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง
เรื่องที่ 3 ขออนุมัติเงินสนับสนุนโครงการอนุรักษ์พลังงานสำหรับบ้านเอื้ออาทร ระยะที่ 1
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้มีหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในวงเงิน 5,188,500 บาท ให้การเคหะแห่งชาติ เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามมาตรการประหยัดพลังงานสำหรับโครงการบ้านเอื้ออาทรระยะที่ 1 จำนวน 4,175 หน่วย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้สั่งการให้ พพ. เป็นผู้พิจารณาดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ซึ่ง พพ. ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว มีความเห็นว่า เห็นควรให้การสนับสนุนเงินกองทุนฯ ให้แก่การเคหะแห่งชาติ เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสำหรับโครงการเอื้ออาทร ระยะที่ 1 ดังนั้น พพ. จึงได้มีหนังสือถึงปลัดกระทรวงพลังงาน เพื่อให้พิจารณาเสนอโครงการอนุรักษ์พลังงานสำหรับบ้านเอื้ออาทร ระยะที่ 1 ต่อคณะอนุกรรมการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อพิจารณา อนุมัติเงินกองทุนฯ สนับสนุน
2. คณะอนุกรรมการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 3/2546 (ครั้งที่ 3) เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2546 ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว ในหลักการเห็นควรให้การสนับสนุนโครงการ และมีข้อเสนอแนะว่า โครงการดังกล่าวควรขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ จากแผนงานภาคบังคับ โครงการโรงงานและอาคารที่อยู่ระหว่างออกแบบและก่อสร้าง จากเดิมที่เป็นโครงการอาคารของรัฐ แต่เนื่องจากในปีงบประมาณ 2546 คณะกรรมการกองทุนฯ ไม่ได้จัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของโครงการดังกล่าว ที่ประชุมจึงเห็นควรให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติโอนเงินกองทุนฯ แผนงานภาคบังคับ โครงการอาคารของรัฐ รายการค่าใช้จ่ายสมทบเพื่อปรับปรุงอาคาร ปีงบประมาณ 2546 จำนวน 5,188,500 บาท มาเข้าโครงการโรงงานและอาคารที่อยู่ระหว่างออกแบบและก่อสร้าง เพื่อให้ พพ. นำไปจัดสรรให้แก่การเคหะแห่งชาติ เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการอนุรักษ์พลังงานสำหรับบ้านเอื้ออาทร ระยะที่ 1 ต่อไป
มติที่ประชุม
อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานภาคบังคับ โครงการอาคารของรัฐ รายการค่าใช้จ่ายสมทบเพื่อปรับปรุงอาคาร ปีงบประมาณ 2547 จำนวน 5,188,500 บาท (ห้าล้านหนึ่งแสนแปดหมื่นแปดพันห้าร้อยบาทถ้วน) ให้ พพ. นำไปจัดสรรให้แก่การเคหะแห่งชาติ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการอนุรักษ์พลังงานสำหรับบ้านเอื้ออาทร ระยะที่ 1
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบว่า กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ได้รับข้อเสนอโครงการจากมหาวิทยาลัยมหิดล ประสงค์จะขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการลงทุนอนุรักษ์พลังงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน สำหรับอาคารโรงพยาบาลศิริราช ในวงเงิน 99,455,822 บาท โดยอาคารดังกล่าวได้ดำเนินการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น การตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานโดยละเอียด และการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีผลการศึกษาระดับการใช้พลังงานในส่วนของระบบการถ่ายเทความร้อนรวม ระบบแสงสว่าง และระบบปรับอากาศ เมื่อเปรียบเทียบกับกับเกณฑ์มาตรฐานตามที่กำหนดไว้ตามกฎกระทรวงแล้ว มีศักยภาพที่จะปรับปรุงให้ระดับการใช้พลังงานมีประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิมและอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง
2. พพ. ได้วิเคราะห์และกลั่นกรองมาตรการอนุรักษ์พลังงานของอาคารโรงพยาบาลศิริราช ที่มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ยื่นขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการให้เงินสนับสนุนจากกองทุนฯ แล้ว สรุปได้ดังนี้
(1) มาตรการต่างๆ ที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เพื่อทำการลงทุนปรับปรุงฯ มีศักยภาพที่จะประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 8,242,874 หน่วย/ปี คิดเป็นเงินประมาณ 22,140,389 บาทต่อปี สามารถลดความต้องการพลังไฟฟ้าได้ประมาณ 3,497 kW และประหยัดพลังงานอื่นๆ ได้ประมาณ 312,308 บาท/ปี
(2) ผลตอบแทนการลงทุนทางด้านเศรษฐศาสตร์ที่แท้จริงของแต่ละมาตรการเกินกว่าร้อยละ 9
(3) ค่าใช้จ่ายในการลงทุนตามแผนอนุรักษ์พลังงานของแต่ละมาตรการ ที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 91,455,822 บาท (เก้าสิบเอ็ดล้านสี่แสนห้าหมื่นห้าพันแปดร้อยยี่สิบสองบาทถ้วน) ตามรายละเอียดดังนี้
มาตรการ | เงินลงทุนที่เห็นควรให้การสนับสนุน จากกองทุนฯ (บาท) |
||
(1) | มาตราการที่ต้องปรับปรุงตามกฎกระทรวง | 67,519,707 | |
(1.1) การติดฉนวนความร้อนที่ฝ้าเพดาน | 972,285 | ||
(1.2) การติดฟิล์มกรองแสง | 10,213,202 | ||
(1.3) การใช้บัลลาสต์สำหรับหลอดฟลูออเรสเซนต์ | 14,250 | ||
(1.4) การใช้โคมประสิทธิภาพการสะท้อนแสงสูงขนาด 1´36 วัตต์ | 230,950 | ||
(1.5) การใช้เครื่องปรับอาคารชนิดประสิทธิภาพสูง | 56,089,020 | ||
(2) | มาตรการปรับปรุงระดับการใช้พลังงานที่มีศักยภาพในการอนุรักษ์พลังงาน |
23,936,115 |
|
(2.1) การใช้หลอดประหยัดพลังงาน | 110,376 | ||
(2.2) การใช้บัลลาสต์สำหรับหลอดฟูลออเรสเซนต์ | 2,421,000 | ||
(2.3) การใช้โคมไฟชนิดประสิทธิภาพการสะท้อนแสงสูง | 21,168,200 | ||
(2.4) การเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้เชื้อเพลิงเหลว | 105,000 | ||
(2.5) การหุ้มฉนวนความร้อนหม้อไอน้ำ | 56,779 | ||
(2.6) การติดตั้ง STEAM TRAP | 74,760 | ||
รวมเงินลงทุนในแต่ละมาตรการที่เห็นควรให้การสนับสนุนจากกองทุนฯ |
91,455,822 |
3. คณะอนุกรรมการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 5/2546 (ครั้งที่ 5) เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2546 ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว และได้มีมติเห็นชอบให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานภาคบังคับ โครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน (ในส่วนของอาคารควบคุม) ปีงบประมาณ 2547 ให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เพื่อนำไปจัดสรรให้แก่มหาวิทยาลัยมหิดล สำหรับอาคารโรงพยาบาลศิริราช เพื่อสนับสนุนเป็นค่าใช้จ่ายในการลงทุนอนุรักษ์พลังงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ในวงเงิน 91,455,822 บาท (เก้าสิบเอ็ดล้านสี่แสนห้าหมื่นห้าพันแปดร้อยยี่สิบสองบาทถ้วน) ตามรายละเอียดที่ปรากฏในตารางในข้อ 2
มติที่ประชุม
อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานภาคบังคับ โครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน (ในส่วนของอาคารควบคุม) ปีงบประมาณ 2547 ให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เพื่อนำไปจัดสรรให้แก่มหาวิทยาลัยมหิดล สำหรับอาคารโรงพยาบาลศิริราช เพื่อสนับสนุนเป็นค่าใช้จ่ายในการลงทุนอนุรักษ์พลังงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ในวงเงิน 91,455,822 บาท (เก้าสิบเอ็ดล้านสี่แสนห้าหมื่นห้าพันแปดร้อยยี่สิบสองบาทถ้วน) ตามรายละเอียดที่ปรากฏในตารางข้อ 2
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบว่า คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 4/2542 เมื่อวันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม 2542 มีมติให้คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน จัดสรรเงินกองทุนสำหรับแผนงานและโครงการในปีงบประมาณ 2543–2547 มีวงเงินรวม 29,110.61 ล้านบาท และให้คณะกรรมการกองทุนฯ มีอำนาจที่จะปรับปรุงการจัดสรรเงินตามแผนงานต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสมภายในวงเงินรวมดังกล่าว ทั้งนี้โดยให้สอดคล้องกับการขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ การจัดลำดับความสำคัญตลอดจนรายได้ของกองทุนฯ โดยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ได้อนุมัติวงเงินโครงการบริหารงานตามกฎหมายเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงานสำหรับ สนพ. พพ. และ บก. สรุปได้ดังนี้
หน่วย : ล้านบาท | ||||||
งบประมาณที่ได้รับอนุมัติตามแผนอนุรักษ์พลังงาน | ||||||
หน่วยงาน | 2543 | 2544 | 2545 | 2546 | 2547 | รวม |
สนพ. | 112.05 | 100.00 | 105.95 | 113.50 | 120.65 | 552.15 |
พพ. | 484.12 | 569.27 | 555.89 | 529.19 | 534.08 | 2,672.55 |
บก. | 0.75 | 0.92 | 0.98 | 0.98 | 0.98 | 4.61 |
รวมเป็นเงิน | 596.92 | 670.19 | 662.82 | 643.67 | 655.71 | 3,229.31 |
2. คณะอนุกรรมการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 6/2546 (ครั้งที่ 6 ) เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2546 ได้มีมติเห็นชอบเงินงบประมาณเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานตามกฎหมายประจำปีงบประมาณ 2547 สำหรับ สนพ. พพ. และบก. โดยสรุปดังนี้
หมวดรายจ่าย | สนพ. | พพ. | บก. | รวม |
1.ค่าจ้างชั่วคราว | 4,477,920 | 25,438,320 | 334,320 | 30,250,560 |
2.ค่าตอบแทนใช้สอยและวัสดุ | 18,306,200 | 35,879,560 | 144,628 | 54,330,388 |
3.ค่าสาธารณูปโภค | 2,000,000 | 8,093,500 | - | 10,093,500 |
4.ค่าครุภัณฑ์ ที่ดินและสิ่งก่อสร้าง | 2,272,000 | 22,157,455 | 206,500 | 24,635,955 |
5.รายจ่ายอื่น | 121,882,110 | 350,025,000 | - | 471,907,110 |
รวมเป็นเงิน | 148,938,230 | 441,593,835 | 685,448 | 591,217,513 |
โดยให้แต่ละหน่วยงาน ถัวจ่ายรายการต่างๆ ภายในหมวดเดียวกันได้ สำหรับรายการที่ต้องการถัวจ่ายระหว่างหมวดและไม่เกินรายการละ 10 ล้านบาท ให้เสนอ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานพิจารณาอนุมัติ และรายการที่ต้องการถัวจ่ายระหว่างหมวดและเกินรายการละ 10 ล้านบาทแต่ไม่เกิน 50 ล้านบาทให้เสนอคณะอนุกรรมการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานพิจารณาอนุมัติ ส่วนรายการที่ต้องการถัวจ่ายระหว่างหมวดและเกินรายการละ 50 ล้านบาท ให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติ
มติที่ประชุม
1. อนุมัติรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2547 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานตามกฎหมายของ บก. ในวงเงิน 685,448 บาท (หกแสนแปดหมื่นห้าพันสี่ร้อยสี่สิบแปดบาทถ้วน) ตามรายละเอียดปรากฏในเอกสารแนบ 4.5.1 โดยให้ถัวจ่ายรายการต่างๆ ภายในหมวดเดียวกันได้ สำหรับรายการที่ต้องการถัวจ่ายระหว่างหมวดและไม่เกินรายการละ 10 ล้านบาท ให้เสนอผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานพิจารณาอนุมัติ และอนุมัติให้ บก. เบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำปี 2547 เพื่อการบริหารงานตามกฎหมายได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546
2. ให้ สนพ. และ พพ. ดำเนินการปรับปรุงงบประมาณค่าใช้จ่ายในการบริหารงานตามกฎหมาย ประจำปีงบประมาณ 2547 ตามข้อสังเกตของคณะกรรมการกองทุนฯ โดยจะต้องกำหนดตัวชี้วัดผลงานหลัก (Key Performance Indicator) ประกอบคำชี้แจง คำขอตั้งงบประมาณรายจ่าย ให้ชัดเจน แล้ว นำเสนอต่อ ศ.ดร.ปรีดา วิบูลย์สวัสดิ์ รศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์ และนายอัศวิน คงสิริ พิจารณาให้ความเห็น ก่อนนำเสนอต่อ คณะอนุกรรมการฯ และคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบว่า ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ข้อ 16 ระบุว่า "ให้ผู้เบิกเงินกองทุนใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันตามประมาณการรายจ่ายประจำปีได้ภายในวงเงินและปีงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ กรณีผู้เบิกเงินกองทุนก่อหนี้ผูกพันภายในปีงบประมาณแต่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายในปีงบประมาณนั้นๆ ให้ขยายเวลาการเบิกจ่ายรายการนั้นๆ ต่อไปได้ภายในสามเดือนนับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา"
2. สนพ. และ พพ. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกองทุนฯ ให้เป็นผู้เบิกเงินกองทุนฯ จากกรมบัญชีกลาง และนำไปจ่ายให้แก่ผู้ได้รับจัดสรรเงินทุนเพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรมตามแผนงานของแต่ละโครงการที่ได้รับอนุมัติเงินจากกองทุนฯ โดยผู้เบิกเงินกองทุนใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันตามประมาณการรายจ่ายประจำปีโดยปฎิบัติตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ข้อ 16 ดังที่กล่าวมาแล้วในข้อ 1
3. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 2/2544 (ครั้งที่ 23) เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2544 ได้พิจารณาเรื่องที่ พพ. ขอขยายระยะเวลาเบิกจ่ายเงินให้กับบริษัทที่ พพ. ได้ทำข้อผูกพันไว้แล้วแต่ไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้ทันภายในปีงบประมาณ 2544 โดยที่ประชุมมีมติให้กรณีที่ผู้เบิกเงินกองทุนก่อหนี้ผูกพันภายใน ปีงบประมาณแล้ว แต่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายในปีงบประมาณนั้น ก็ให้คณะอนุกรรมการแต่ละชุดที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการกองทุนฯ มีอำนาจอนุมัติขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ให้โครงการต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนภายใต้การกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการแต่ละชุดได้ ภายในวงเงิน 10 ล้านบาท
4. พพ. ได้เสนอให้คณะอนุกรรมการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พิจารณาเรื่องอนุมัติให้ พพ. สามารถขยายระยะเวลาใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ตามที่ พพ. ได้ก่อหนี้ผูกพันไว้แล้ว ตามงบประมาณรายจ่ายโครงการอาคารของรัฐและโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน แต่ พพ. ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายใน ปีงบประมาณนั้นๆ ภายในเวลาสามเดือนนับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา รวมจำนวน 6 ราย โดย พพ. จะขอให้ขยายเวลาการเบิกจ่ายแต่ละรายการต่อไปและเกินกว่าระยะเวลาสามเดือนนับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ในการประชุมครั้งที่ 4/2546 (ครั้งที่ 4) เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2546 ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว และได้มีอนุมัติขยายเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ให้โครงการต่างๆ ที่ พพ. ได้ทำข้อผูกพันไว้แล้วและมีวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท ได้ตามที่ พพ. ขอมา และสำหรับโครงการที่มีวงเงินเกิน 10 ล้านบาท คณะอนุกรรมการฯ ได้มีมติเห็นชอบให้นำเสนอต่อคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณา
นอกจากนี้คณะอนุกรรมการฯ มีความเห็นว่า เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและลดขั้นตอนในทางปฏิบัติ จึงเห็นควรเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณามอบอำนาจให้ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (ผอ.สนพ.) และ/หรืออธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (อพพ.) เป็นผู้ใช้ดุลยพินิจและมีอำนาจอนุมัติการขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ เกินระยะเวลา 3 เดือนหลังสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญาได้
มติที่ประชุม
1. อนุมัติให้ พพ. ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินการปรับปรุงอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงานในอาคารของรัฐ ที่ พพ. ได้ว่าจ้างบริษัท บีเอ็นบี อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด เพื่อดำเนินการปรับปรุงอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงานในอาคารของรัฐ จำนวน 18 ราย ในวงเงิน 12,465,500 บาท ตามสัญญาเลขที่ 224/45 ลงวันที่ 30 กันยายน 2545 ได้ โดยให้ขยายระยะเวลาเป็นภายใน 30 วัน นับจากวันที่ พพ. ได้รับหนังสือแจ้งมติคณะกรรมการกองทุนฯ ที่อนุมัติให้ พพ. ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงิน
2. มอบอำนาจกรณีที่ พพ. ในฐานะผู้เบิกเงินกองทุนได้ก่อหนี้ผูกพันภายในปีงบประมาณแล้ว แต่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายในปีงบประมาณ ตามข้อ 16 แห่งระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ก็ให้อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (อพพ.) มีอำนาจอนุมัติขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ให้โครงการต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนภายใต้แผนงานภาคบังคับ ทั้งนี้ พพ. จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน นับจากวันที่ อพพ. ได้มีมติให้ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ และเมื่อ อพพ. ดำเนินการดังกล่าวแล้ว ต้องรายงานให้คณะอนุกรรมการฯ รับทราบเป็นระยะๆ ด้วย
3. มอบอำนาจกรณีที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ในฐานะผู้เบิกเงินกองทุนได้ก่อหนี้ผูกพันภายในปีงบประมาณแล้ว แต่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายในปีงบประมาณ ตามข้อ 16 แห่งระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ก็ให้ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (ผอ.สนพ.) มีอำนาจอนุมัติขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ให้โครงการต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนภายใต้แผนงานภาคความร่วมมือและแผนงานสนับสนุน ทั้งนี้ สนพ. จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน นับจากวันที่ ผอ.สนพ. ได้มีมติให้ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ และเมื่อ ผอ.สนพ. ดำเนินการดังกล่าวแล้ว ต้องรายงานให้คณะอนุกรรมการฯ รับทราบเป็นระยะๆ ด้วย
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบว่า ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ และคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ ได้อนุมัติโครงการอนุรักษ์พลังงานสำหรับอาคารควบคุมที่เป็นส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เป็นกรณีเร่งด่วนหรือกรณีพิเศษ (Fast Track) ไปแล้ว จำนวน 11 โครงการ รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น 4,260.54 ล้านบาท โดยมีหน่วยงานราชการที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว ประกอบด้วย ทบวงมหาวิทยาลัย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกองบัญชาการทหารสูงสุด โดย พพ. ได้กำหนดขั้นตอนการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ ทั้ง 11 โครงการ ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 ให้ว่าจ้าง IA เพื่อดำเนินงานในส่วนของการบริหารงานในการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน
ขั้นตอนที่ 2 ให้ว่าจ้าง IA เพื่อดำเนินงานในส่วนของการบริหารงานในการปรับปรุงอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงาน
ขั้นตอนที่ 3 ให้ว่าจ้างนิติบุคคลในการควบคุมการปรับปรุงอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงาน
2. การดำเนินการอนุรักษ์พลังงานของแต่ละ กระทรวง ทบวง และหน่วยงานต่างๆ ภายใต้โครงการ Fast Track ทั้ง 11 โครงการ นั้น ยังประกอบด้วยอาคารควบคุมภายใต้สังกัดของแต่ละโครงการอีกจำนวนมาก และกระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยการดำเนินการที่ผ่านมา ปรากฏว่าทั้ง 11 โครงการ ได้ว่าจ้าง IA บริหารงานในการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน ตามขั้นตอนที่ 1 เสร็จเรียบร้อยแล้ว มีกองทัพอากาศเพียงหน่วยงานเดียวที่ได้ว่าจ้าง IA บริหารงานในการปรับปรุงอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงาน ตามขั้นตอนที่ 2 เสร็จเรียบร้อยแล้ว และยังไม่มีโครงการใดดำเนินการว่าจ้างนิติบุคคลในการควบคุมการปรับปรุงอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงาน ตามขั้นตอนที่ 3
3. เพื่อให้การดำเนินการของอาคารควบคุมที่อยู่ภายใต้โครงการ Fast Track มีความคล่องตัวและเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งสามารถดำเนินกิจกรรมด้านการอนุรักษ์พลังงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง พพ. เห็นควรให้มีการปรับปรุงแนวทางในการดำเนินการโครงการ Fast Track ตามมติคณะกรรมการกองทุนฯ ครั้งที่ 1/2543 (ครั้งที่ 19) เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2543 ในบางประเด็น เป็นดังนี้
(1) ยกเลิกการว่าจ้าง IA บริหารงานในการปรับปรุงอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงาน
(2) ปรับปรุงแนวทางการว่าจ้างนิติบุคคลเพื่อควบคุมงานการปรับปรุงอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงาน โดยปรับเปลี่ยนให้อาคารควบคุมที่อยู่ภายใต้โครงการ Fast Track สามารถว่าจ้างนิติบุคคลควบคุมงานการปรับปรุงอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงานเองได้
(3) มอบให้อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน มีอำนาจอนุมัติค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างนิติบุคคลควบคุมงานการปรับปรุงอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงานตามกรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ไว้แล้ว
4. พพ. ได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ ในการประชุมครั้งที่ 8/2545 (ครั้งที่ 29) เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2545 ที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว เห็นว่าเพื่อเป็นการแก้ปัญหาอุปสรรคของการดำเนินการโครงการอนุรักษ์พลังงานสำหรับอาคารควบคุมที่เป็นส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ (Fast Track) และให้การดำเนินการโครงการ Fast Track เป็นอย่างคล่องตัวและรวดเร็วยิ่งขึ้น ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบตามที่ พพ. เสนอในข้อ 3 และให้ พพ. นำเสนอคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พิจารณาอนุมัติ
มติที่ประชุม
1. ให้ยกเลิกการว่าจ้างตัวแทนดำเนินการ (IA) บริหารงานในการปรับปรุงอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงานของโครงการอนุรักษ์พลังงานสำหรับอาคารควบคุมที่เป็นส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเป็นกรณีเร่งด่วนหรือกรณีพิเศษ (Fast Track)
2. ให้อาคารควบคุมที่อยู่ภายใต้โครงการอนุรักษ์พลังงานสำหรับอาคารควบคุมที่เป็นส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเป็นกรณีเร่งด่วนหรือกรณีพิเศษ (Fast Track) สามารถว่าจ้างนิติบุคคลควบคุมงานการปรับปรุงอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงานได้เอง โดยไม่ต้องให้ปลัดกระทรวง/ปลัดทบวง/หรือหัวหน้าส่วนราชการของโครงการเป็นผู้ดำเนินการจ้างฯ
3. ให้อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน มีอำนาจอนุมัติเงินกองทุนฯ ให้แก่อาคารควบคุมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่อยู่ภายใต้โครงการอนุรักษ์พลังงานสำหรับอาคารควบคุมที่เป็นส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเป็นกรณีเร่งด่วนและกรณีพิเศษ (Fast Track) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างนิติบุคคลควบคุมงานการปรับปรุงอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงาน ตามกรอบวงเงินที่อนุมัติไว้แล้ว และเมื่ออนุมัติแล้วให้รายงานให้คณะอนุกรรมการฯ ทราบเป็นคราวๆ ไป ทั้งนี้ให้หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจที่ได้รับการสนับสนุนนั้น เสนอผลการพิจารณาคัดเลือกผู้รับจ้างควบคุมงานการปรับปรุงอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงานให้อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานพิจารณาอนุมัติก่อนทำสัญญา
ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการดำเนินงานของหน่วยงานที่ได้รับอนุมัติไปก่อนที่มีมติอนุมัติในครั้งนี้