มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 26/2554 (ครั้งที่ 84)
เมื่อวันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 15.00 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
2. การดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ
ปลัดกระทรวงพลังงาน (นายณอคุณ สิทธิพงศ์) กรรมการเป็นประธานในที่ประชุม
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ) กรรมการและเลขานุการ
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมฯ ทราบว่า เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในฐานะประธานกรรมการบริหารนโยบายพลังงานติดภารกิจ จึงขอให้ที่ประชุมฯ แต่งตั้งกรรมการขึ้นทำหน้าที่ประธานกรรมการในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งที่ประชุมฯ ได้มีมติเห็นชอบให้ปลัดกระทรวงพลังงานทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม
เรื่องที่ 1 การแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพง
สรุปสาระสำคัญ
1. ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2553 และวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 เห็นชอบให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2553 ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2554 นั้น การดำเนินการที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2553 ถึงวันที่ 6 พฤษภาคม 2554 กองทุนน้ำมันฯ ได้จ่ายชดเชยเพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไปแล้วประมาณ 24,005 ล้านบาท โดยฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ มิถุนายน 2554 มีฐานะเบื้องต้นสุทธิ 412 ล้านบาท
2. มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2554 เห็นชอบให้ปรับอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันลดลง 5.3050 บาทต่อลิตร จาก 5.3100 บาทต่อลิตร เป็น 0.0050 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2554 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2554 และเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2554 คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติในหลักการให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) (สบพน.) กู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินในวงเงินประมาณ 20,000 ล้านบาท เพื่อใช้เสริมสภาพคล่องทางการเงินของกองทุนน้ำมันฯ หากราคาน้ำมันปรับเพิ่มสูงขึ้นจนทำให้กองทุนน้ำมันฯ ไม่มีสภาพคล่องที่จะไปชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
3. สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงแกว่งตัวอยู่ในระดับสูง โดย ณ วันที่ 17 มิถุนายน 2554 ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 105.90 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล น้ำมันเบนซินอยู่ที่ 118.18 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 124.46 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล โดยปรับตัวลดลงจากวันที่ 16 มิถุนายน 2554 เท่ากับ 2.80, 3.03 และ 3.43 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ จากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันในประเทศลดลงตามไปด้วย โดยค่าการตลาดน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ณ วันที่ 20 มิถุนายน 2554 อยู่ที่ 2.0088 บาทต่อลิตร และค่าการตลาดเฉลี่ย 5 วันทำการ อยู่ที่ 1.1203 บาทต่อลิตร
4. เพื่อเป็นการลดภาระและเสริมสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันฯ ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วขึ้น 0.50 บาทต่อลิตร จาก 0.70 บาทต่อลิตร เป็น 1.20 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลหมุนเร็วอยู่ที่ 1.5088 บาทต่อลิตร และค่าการตลาดเฉลี่ย 5 วันทำการ อยู่ที่ 1.0203 บาทต่อลิตร กองทุนน้ำมันฯ มีภาระลดลงวันละ 28 ล้านบาท จากติดลบวันละ 41 ล้านบาท เป็นติดลบวันละ 13 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วขึ้น 0.50 บาท ต่อลิตร จาก 0.70 บาทต่อลิตร เป็นเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 1.20 บาทต่อลิตร โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน รับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2554 เป็นต้นไป
เรื่องที่ 2 การดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ
1. ประธานฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมฯ ทราบว่าเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2554 คณะรัฐมนตรีได้มีการประชุมเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันปาล์มและมีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ซึ่ง กนป. มีมติมอบหมายให้กระทรวงพลังงานพิจารณาเพิ่มสัดส่วนไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจาก B3 เป็น B4 เพื่อช่วยในการดูดซับน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกินในระบบ และในวันนี้ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) และกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ได้มีการประชุมหารือร่วมกับผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงตามมาตรา 7 และผู้ผลิตไบโอดีเซล (B100) เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการดังกล่าวแล้ว
2. อธิบดี พพ. (นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา) ได้ชี้แจงเกี่ยวกับสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ในปี 2554 ตามที่กรมการค้าภายในรายงานว่า สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบของเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายน 2554 อยู่ที่ 213,000 242,000 268,000 281,000 และ 314,000 ตัน ตามลำดับ โดยที่ safety stock อยู่ที่ประมาณ 200,000 ตัน ถ้ากระทรวงพลังงานพิจารณาเพิ่มสัดส่วนไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจาก B3 เป็น B4 จะต้องเพิ่มการใช้น้ำมันปาล์มดิบจาก 25,000 ตันต่อเดือน เป็น 35,000 ตันต่อเดือน โดยเท่ากับดูดซับน้ำมันปาล์มดิบประมาณ 10,000 ตันต่อเดือน ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน 2554 การดำเนินการของกระทรวงพลังงานที่พิจารณาปรับเพิ่มสัดส่วนไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจาก B3 เป็น B4 จะไม่ทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำมันปาล์มดิบและไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณและราคาของน้ำมันพืชสำหรับการบริโภค
3. การดำเนินการปรับเพิ่มสัดส่วนไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจาก B3 เป็น B4 ที่ประชุมฯ ได้มอบหมายให้ ธพ. รับไปดำเนินการออกประกาศกรมธุรกิจพลังงานและประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2554 เป็นต้นไป เป็นระยะเวลา 3 เดือน และเพื่อดำเนินการเร่งรัดการดูดซับน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกิน ได้มอบหมายให้ ธพ. รับไปประสานกับผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงตามมาตรา 7 เพื่อให้เริ่มรับซื้อไบโอดีเซลเข้ามาในสต๊อกเพื่อเตรียมผสมเป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B4 ซึ่งจะทำให้ผู้ผลิตไบโอดีเซลเริ่มรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกินในระบบเข้ามาเร็วขึ้น
4. เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ได้ประกาศราคารับซื้อน้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่ประมาณ 35 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นราคาตามตลาดซื้อขายจริง ขณะที่ กนป. ได้มีมติให้ผู้ผลิตไบโอดีเซลรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบในราคาไม่ต่ำกว่า 36.28 บาทต่อกิโลกรัม ประธานฯ จึงมอบหมายให้ สนพ. ไปดำเนินการทบทวนหลักเกณฑ์การกำหนดราคาไบโอดีเซล (B100) โดยเร่งด่วน เพื่อให้สูตรโครงสร้างราคาไบโอดีเซลสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยให้นำเสนอคณะอนุกรรมการศึกษาหลักเกณฑ์การกำหนดโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ก่อนนำเสนอ กบง. พิจารณาต่อไป
มติของที่ประชุม
1. มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงานไปดำเนินการออกประกาศกรมธุรกิจพลังงานเพื่อปรับเพิ่มสัดส่วน ไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจาก B3 เป็น B4 และประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2554 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2554 เป็นระยะเวลา 3 เดือน
2. มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงานไปประสานกับผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงตามมาตรา 7 ให้เริ่มรับซื้อ ไบโอดีเซลเข้ามาในสต๊อกเพื่อเตรียมผสมเป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B4 เพื่อเร่งรัดการดำเนินการดูดซับน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกิน
3. มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ไปดำเนินการทบทวนหลักเกณฑ์การกำหนดราคาไบโอดีเซล (B100) โดยเร่งด่วน แล้วนำเสนอคณะอนุกรรมการศึกษาหลักเกณฑ์การกำหนดโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ก่อนนำเสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานพิจารณาต่อไป