![Super User](http://www.gravatar.com/avatar/8f29cc35bfcee5e137109c704783b4c7?s=100&default=https%3A%2F%2Feppo.go.th%2Fcomponents%2Fcom_k2%2Fimages%2Fplaceholder%2Fuser.png)
Super User
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 4-10 มิถุนายน 2550
กบง. ครั้งที่ 144 - วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 10/2556 (ครั้งที่ 144)
วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 15.30 น.
ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
1. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานกรรมการ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ
เรื่องที่ 1 การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการ เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ และราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ข้อ 1.7.3 ดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคและผู้ผลิต และ ข้อ 3.5.3 กำกับราคาพลังงานให้มีความเหมาะสม เป็นธรรมและมุ่งสู่การสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยปรับบทบาทกองทุนน้ำมันฯ ให้เป็นกองทุนสำหรับรักษาเสถียรภาพราคา ส่วนการชดเชยราคานั้นจะดำเนินการอุดหนุนเฉพาะกลุ่ม ส่งเสริมให้มีการใช้ก๊าซธรรมชาติมากขึ้นในภาคขนส่งและส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอลและไบโอดีเซลในภาคครัวเรือน
2. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบหลักเกณฑ์การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และระยะเวลาให้มีความเหมาะสมภายใต้กรอบหลักเกณฑ์การมอบหมาย ดังนี้
2.1 น้ำมันดีเซล การปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาสูงขึ้นจนทำให้มีผลกระทบต่อภาคขนส่งและค่าโดยสารเกินสมควรให้ กบง. พิจารณาปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้ตามความเหมาะสม การปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาต่ำจนทำให้ผู้ประกอบการขนส่งและโดยสารสมควรปรับอัตราค่าบริการลงให้ กบง. ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่กระทบเกินสมควรต่อค่าขนส่งและโดยสาร
2.2 น้ำมันเบนซิน/น้ำมันแก๊สโซฮอล การปรับเพิ่ม/ลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลให้พิจารณาปรับ เพื่อรักษาระดับส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันเบนซินกับน้ำมันแก๊สโซฮอล เพื่อจูงใจให้มีการใช้พลังงานทดแทน (เอทานอล) มากขึ้น
3. ราคาน้ำมันตลาดโลกได้ปรับตัวลดลง โดยราคาปิดตลาด ณ วันที่ 8 เมษายน 2556 น้ำมันดิบดูไบ เบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 103.15, 114.57 และ 119.09 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ โดยราคาน้ำมันดิบดูไบ เบนซิน และดีเซลปรับตัวลดลง 1.60, 7.24 และ 1.19 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ จากราคาปิดตลาดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2556 เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง ทำให้ผู้ค้าน้ำมันปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันจำนวน 4 ครั้ง ดังนี้
(หน่วย : บาทต่อลิตร) | ||||
ชนิดน้ำมัน | 12 มี.ค. 56 | 4 มี.ค. 56 | 5 เม.ย. 56 | 6 เม.ย. 56 |
น้ำมันเบนซิน 95 | -0.50 | +0.40 | -0.40 | -0.50 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 | -0.50 | +0.40 | -0.40 | -0.50 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 | -0.50 | +0.40 | -0.40 | -0.50 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 | -0.50 | +0.40 | -0.40 | -0.50 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 | -0.30 | +0.20 | -0.20 | -0.30 |
น้ำมันดีเซล | - | - | - | - |
และส่งผลให้โครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 9 เมษายน 2556 เป็นดังนี้
โครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 9 เมษายน 2556
4. ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 7 เมษายน 2556 มีทรัพย์สินรวม 6,584 ล้านบาท หนี้สินรวม 19,444 ล้านบาท โดยกองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิติดลบ 12,860 ล้านบาท
5. จากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลง เพื่อรักษาเสถียรภาพของกองทุนน้ำมันฯ และให้ค่าการตลาดอยู่ในระดับที่เหมาะสม ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซล ขึ้น 0.40 บาทต่อลิตร ดังนี้
ชนิดน้ำมัน | เดิม | ใหม่ | เปลี่ยนแปลง(+/-) |
น้ำมันเบนซิน 95 | 9.20 | 9.20 | - |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 | 4.00 | 4.00 | - |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 | 1.90 | 1.90 | - |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 | -0.20 | -0.20 | - |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 | -10.90 | -10.90 | - |
น้ำมันดีเซล | 2.80 | 3.20 | +0.40 |
จากการปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ จะมีรายรับเพิ่มขึ้นประมาณวันละ 23.24 ล้านบาท จากวันละ 160.24 ล้านบาท เป็นรายรับวันละ 183.99 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลขึ้น 0.40 บาทต่อลิตร จาก 2.80 บาทต่อลิตร เป็นเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 3.20 บาทต่อลิตร โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2556 เป็นต้นไป
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 14-20 พฤษภาคม 2550
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 3-9 พฤศจิกายน 2551
กบง. ครั้งที่ 143 - วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 9/2556 (ครั้งที่ 143)
วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13.30 น.
ณ ห้องประชุม 6 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
1. แนวทางการปรับราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ภาคครัวเรือน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานกรรมการ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล
รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน นายนที ทับมณี เป็นกรรมการและเลขานุการ แทนผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
เรื่องที่ 1 แนวทางการปรับราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ภาคครัวเรือน
สรุปสาระสำคัญ
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2554 เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2554 เรื่อง แนวทางการปรับราคาขายปลีกก๊าซ LPG โดยให้ตรึงราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคครัวเรือน (18.13 บาทต่อกิโลกรัม) ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2555 ต่อมาเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2555 คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้มีมติเห็นชอบ ดังนี้ (1) แนวทางการบรรเทาผลกระทบจากการปรับราคาก๊าซ LPG ภาคครัวเรือน โดยเห็นชอบให้กำหนดกลุ่มครัวเรือนรายได้น้อย โดยอิงจากฐานข้อมูลครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน จากการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และอนุมัติเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง งบค่าใช้จ่ายอื่น ปีงบประมาณ 2556 ให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เพื่อดำเนินโครงการจัดทำฐานข้อมูลร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร และครัวเรือนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ เพื่อรองรับการบรรเทาผลกระทบจากการปรับราคาก๊าซ LPG ในวงเงิน 50 ล้านบาท และ (2) เห็นชอบร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบรรเทาผลกระทบจากการปรับราคาก๊าซ LPG ภาคครัวเรือน
2. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2556 เห็นชอบตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2556 เรื่อง แนวทางการปรับราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ภาคครัวเรือน โดยสรุปได้ดังนี้ (1) เห็นชอบให้ขยายเวลาตรึงราคาก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนที่ 18.13 บาทต่อกิโลกรัม ไปจนถึงเดือนมีนาคม 2556 (2) เห็นชอบให้ปรับราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนให้สะท้อนต้นทุนโรงแยกก๊าซธรรมชาติที่ 24.82 บาทต่อกิโลกรัม ภายในปี 2556 โดยมอบหมายให้ กบง. พิจารณาแนวทางการปรับราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคครัวเรือน และการบรรเทาผลกระทบกลุ่มครัวเรือนรายได้น้อย และร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร และ (3) เห็นชอบมอบหมายให้ สนพ. และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาดำเนินการแก้ไขคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 4/2547 เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้ครัวเรือนรายได้น้อย และร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร สามารถรับเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้
3. คณะอนุกรรมการบรรเทาผลกระทบจากการปรับราคาก๊าซ LPG ภาคครัวเรือน ได้จัดประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางบรรเทาผลกระทบจากการปรับราคาก๊าซ LPG ภาคครัวเรือน โดยสรุปได้ดังนี้
3.1 แนวทางการบรรเทาผลกระทบกลุ่มครัวเรือนรายได้น้อย และร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร
3.1.1 การจัดทำฐานข้อมูลและหลักเกณฑ์ผู้ได้รับการช่วยเหลือ
(1) ครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ใช้ฐานข้อมูลจาก กฟน. โดยมีคุณสมบัติผู้ได้รับการช่วยเหลือ ได้แก่ เป็นผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัย ประเภท 1.1 ซึ่งติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้า ขนาด 5(15) แอมแปร์ 230 โวลต์ 1 เฟส 2 สาย และใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน และมีปริมาณการใช้ไฟฟ้าจริงเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี ไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน (เช่น ใช้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยในปี 2555 สำหรับผู้ได้รับการช่วยเหลือในปี 2556)
(2) ครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน ในส่วนภูมิภาค ใช้ฐานข้อมูลจาก กฟภ. และกิจการสวัสดิการไฟฟ้าสัตหีบ โดยมีคุณสมบัติผู้ได้รับการช่วยเหลือ ได้แก่ เป็นผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัย ประเภท 1.1.1 ซึ่งติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้า ขนาด 5(15) แอมแปร์ 220 โวลต์ 1 เฟส 2 สาย และใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน และมีปริมาณการใช้ไฟฟ้าจริงเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี ไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน
(3) ครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ในเขตเทศบาล หน่วยงานจัดทำฐานข้อมูลคือ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต คุณสมบัติผู้ได้รับการช่วยเหลือคือ ต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น/กรุงเทพฯ
(4) ครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้นอกเขตเทศบาล หน่วยงานจัดทำฐานข้อมูล ได้แก่ กรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย โดยใช้ข้อมูลจากข้อมูลพื้นฐานระดับหมู่บ้าน/ชุมชน (กชช. 2ค) คุณสมบัติผู้ได้รับการช่วยเหลือ คือต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(5) ร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร หน่วยงานจัดทำฐานข้อมูลคือมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต คุณสมบัติผู้ได้รับการช่วยเหลือ คือต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ (กรุงเทพฯ และเมืองพัทยา)
3.1.2 ความก้าวหน้าในการจัดทำฐานข้อมูล
(1) ครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดย กฟน. ได้จัดทำฐานข้อมูล รายละเอียดประกอบด้วย ปริมาณการใช้ไฟฟ้า ประเภทบ้านอยู่อาศัย 1.1 ตั้งแต่ 0 - 90 หน่วย (kWh) ใน 3 จังหวัด แยกจังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี และสมุทรปราการ ซึ่งมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 241,207 ราย ดังนี้
(2) ครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน ในส่วนภูมิภาค โดย กฟภ. ได้จัดทำฐานข้อมูล มีรายละเอียดแบ่งตามภูมิภาค 4 ภูมิภาค คือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ซึ่งมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 7,183,456 ราย
(3) ครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ในเขตเทศบาล และร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตเริ่มสำรวจเก็บข้อมูลจำนวนครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ในเขตเทศบาล และร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหารตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม - 26 มีนาคม 2556 ใน 76 จังหวัด และในกรุงเทพฯ 15 เขต จากทั้งหมด 50 เขต และได้มีการบันทึกจัดทำฐานข้อมูลแล้วเสร็จประมาณร้อยละ 80 ดังนี้
(4) แนวทางการช่วยเหลือ
การลงทะเบียน แบ่งเป็น 2 กรณี กรณีที่ 1 ร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร ครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ลงทะเบียนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น/องค์กรปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ (กรุงเทพฯ และเมืองพัทยา) และกรณีที่ 2 ครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน ใช้ฐานข้อมูลจาก กฟน./กฟภ./กิจการสวัสดิการไฟฟ้าสัตหีบ
เกณฑ์การช่วยเหลือ/ชดเชย โดยปริมาณการช่วยเหลือก๊าซ LPG ที่จะได้รับเป็นไปตามเกณฑ์ ดังนี้ ครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน และครัวเรือนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ได้รับการช่วยเหลือครัวเรือนละ 6 กิโลกรัมต่อเดือน และร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร ได้รับการช่วยเหลือตามปริมาณการใช้ก๊าซ LPG จริง แต่ไม่เกิน 150 กิโลกรัมต่อเดือน
วิธีการช่วยเหลือ ดำเนินการโดย โอนเงินเข้าบัญชี/ผ่านบิลค่าไฟฟ้า ครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน หรือโดยวิธีการจ่ายเงินชดเชย โดยจ่ายเงินชดเชยทุกเดือนตามราคาก๊าซ LPG ที่ปรับขึ้นหรือจ่ายเงินชดเชยเป็นช่วงระยะเวลา 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี จ่าย 1 ครั้ง (Pre-Paid)
(5) ระยะเวลาดำเนินการคาดว่าจะสามารถเริ่มต้นดำเนินการปรับราคาก๊าซ LPG และจ่ายเงินชดเชยประมาณเดือนมิถุนายน 2556 ซึ่งได้พิจารณาจากความพร้อมด้านต่างๆ ดังนี้
ฐานข้อมูลร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร แล้วเสร็จประมาณกลางเดือนเมษายน 2556
การลงทะเบียนแล้วเสร็จประมาณกลางเดือนพฤษภาคม 2556 (1 เดือนภายหลังฐานข้อมูลแล้วเสร็จ)
ระบบบัญชีธนาคารแล้วเสร็จประมาณกลางเดือนพฤษภาคม 2556 (1 เดือนภายหลังฐานข้อมูลแล้วเสร็จ) เพื่อทดลองระบบการจ่ายเงินชดเชย ก่อนเริ่มต้นการปรับราคาก๊าซ LPG
ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงการลงทะเบียนและการเริ่มต้นปรับราคาก๊าซ LPG
3.2 แนวทางการปรับราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคครัวเรือน
ตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2556 เห็นชอบให้ปรับราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนให้สะท้อนต้นทุนโรงแยกก๊าซธรรมชาติที่ 24.82 บาทต่อกิโลกรัม ภายในปี 2556 และจากการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะทำให้สามารถเริ่มปรับราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนได้ประมาณเดือนมิถุนายน 2556 ดังนั้น ฝ่ายเลขานุการฯ ขอเสนอปรับราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2556 โดยปรับเพิ่มขึ้นเดือนละ 0.96 บาทต่อกิโลกรัม
มติของที่ประชุม
1. รับทราบแนวทางการบรรเทาผลกระทบกลุ่มครัวเรือนรายได้น้อย และร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหารตามข้อ 3.1
2. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาตรึงราคาก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนที่ 18.13 บาทต่อกิโลกรัม ไปจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2556