![Super User](http://www.gravatar.com/avatar/8f29cc35bfcee5e137109c704783b4c7?s=100&default=https%3A%2F%2Feppo.go.th%2Fcomponents%2Fcom_k2%2Fimages%2Fplaceholder%2Fuser.png)
Super User
กบง. ครั้งที่ 120 - วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม 2555
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 23/2555 (ครั้งที่ 120)
วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม 2555 เวลา 15.30 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
1. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ) กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการ เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ และราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ข้อ 1.7.3 ดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคและผู้ผลิต และ ข้อ 3.5.3 กำกับราคาพลังงานให้มีความเหมาะสม เป็นธรรมและมุ่งสู่การสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยปรับบทบาทกองทุนน้ำมันฯ ให้เป็นกองทุนสำหรับรักษาเสถียรภาพราคา ส่วนการชดเชยราคานั้นจะดำเนินการอุดหนุนเฉพาะกลุ่ม ส่งเสริมให้มีการใช้ก๊าซธรรมชาติมากขึ้นในภาคขนส่งและส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอลและไบโอดีเซลในภาคครัวเรือน
2. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบหลักเกณฑ์การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และระยะเวลาให้มีความเหมาะสมภายใต้กรอบหลักเกณฑ์การมอบหมาย ดังนี้
2.1 น้ำมันดีเซล การปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาสูงขึ้นจนทำให้มีผลกระทบต่อภาคขนส่งและค่าโดยสารเกินสมควรให้ กบง.พิจารณาปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้ตามความเหมาะสม การปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาต่ำจนทำให้ผู้ประกอบการขนส่งและโดยสารสมควรปรับอัตราค่าบริการลงให้ กบง. ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่กระทบเกินสมควรต่อค่าขนส่งและโดยสาร
2.2 น้ำมันเบนซิน/น้ำมันแก๊สโซฮอล การปรับเพิ่ม/ลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลให้พิจารณาปรับเพื่อรักษาระดับส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันเบนซินกับน้ำมันแก๊สโซฮอล เพื่อจูงใจให้มีการใช้พลังงานทดแทน (เอทานอล) มากขึ้น
3. ราคาน้ำมันตลาดโลกยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยราคาปิดตลาด ณ วันที่ 8 สิงหาคม 2555 น้ำมันดิบดูไบ น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 106.85, 128.53 และ 126.84 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ น้ำมันดิบดูไบปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการประชุมครั้งก่อนเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2555 (ราคาปิดตลาดวันที่ วันที่ 6 สิงหาคม 2555) 2.44, 4.01 และ 2.89 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ จากราคาน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันในประเทศเพิ่มสูงตามไปด้วย โดยมีโครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 9 สิงหาคม 2555 ดังนี้
4. ฐานะกองทุนน้ำมันฯ วันที่ 5 สิงหาคม 2555 มีทรัพย์สินรวม 5,419 ล้านบาท หนี้สินกองทุน 19,921 ล้านบาท แยกเป็นหนี้ค้างชำระชดเชย 13,607 ล้านบาท งบบริหารและโครงการซึ่งได้อนุมัติแล้ว 163 ล้านบาท และเงินกู้ยืม 6,150 ล้านบาท กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิติดลบ 14,502 ล้านบาท
5. จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันตลาดโลก ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูง ดังนั้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลลงและน้ำมันเบนซิน 91 ปรับลดลง 0.30 และ 0.40 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E10, 91E10 และ E20 ปรับลดลงชนิดละ 0.30 บาทต่อลิตร ซึ่งจะทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายรับลดลงประมาณวันละ 23 ล้านบาท จากวันละ 8 ล้านบาท เป็นติดลบวันละ 15 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
(หน่วย : บาทต่อลิตร)
ชนิดน้ำมัน | เดิม | ใหม่ |
น้ำมันเบนซิน 95 | 7.10 | 7.10 |
น้ำมันเบนซิน 91 | 7.10 | 6.70 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 | 2.10 | 1.80 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 | 0.50 | 0.20 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 | -0.70 | -1.00 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 | -12.50 | -12.50 |
น้ำมันดีเซล | 0.30 | 0.00 |
โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2555 เป็นต้นไป
ที่ประชุมฯ ได้หารือเกี่ยวกับการยกเลิกน้ำมันเบนซิน 91 ซึ่งในปัจจุบันยังมีกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ที่ยังใช้น้ำมันเบนซิน 91 อยู่เป็นจำนวนมาก จึงควรมีแนวทางส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลในรถจักรยานยนต์ให้มากขึ้น ซึ่งที่ประชุมฯ ได้เห็นควรมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานไปศึกษาแนวทางดำเนินการดังกล่าว และให้กรมธุรกิจพลังงานประชุมหารือและเชิญชวนผู้ค้าน้ำมันที่สนใจเข้าร่วมโครงการบัตรเครดิตพลังงานสำหรับรถจักรยานยนต์สาธารณะ เพื่อส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลในกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ต่อไป
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 23 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม 2552
กบง. ครั้งที่ 119 - วันอังคารที่ 7 สิงหาคม 2555
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 22/2555 (ครั้งที่ 119)
วันอังคารที่ 7 สิงหาคม 2555 เวลา 14.00 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
1. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ) กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบหลักเกณฑ์การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และระยะเวลาให้มีความเหมาะสมภายใต้กรอบหลักเกณฑ์การมอบหมาย ดังนี้
1.1 น้ำมันดีเซล การปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาสูงขึ้นจนทำให้มีผลกระทบต่อภาคขนส่งและค่าโดยสารเกินสมควรให้ กบง. พิจารณาปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้ตามความเหมาะสม การปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาต่ำจนทำให้ผู้ประกอบการขนส่งและโดยสารสมควรปรับอัตราค่าบริการลงให้ กบง. ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่กระทบเกินสมควรต่อค่าขนส่งและโดยสาร
1.2 น้ำมันเบนซิน/น้ำมันแก๊สโซฮอล การปรับเพิ่ม/ลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลให้พิจารณาปรับเพื่อรักษาระดับส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันเบนซินกับน้ำมันแก๊สโซฮอล เพื่อจูงใจให้มีการใช้พลังงานทดแทน (เอทานอล) มากขึ้น
2. ราคาน้ำมันตลาดโลกยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยราคาปิดตลาด ณ วันที่ 6 สิงหาคม 2555 น้ำมันดิบดูไบ น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 104.41, 124.52 และ 123.95 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ น้ำมันดิบดูไบปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการประชุมครั้งก่อนเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2555 (ราคาปิดตลาดวันที่ 19 กรกฎาคม 2555) 1.52, 5.44 และ 2.47 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ จากราคาน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันในประเทศเพิ่มสูงตามไปด้วย โดยมีโครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 7 สิงหาคม 2555 ดังนี้
3. ฐานะกองทุนน้ำมันฯ วันที่ 5 สิงหาคม 2555 มีทรัพย์สินรวม 5,419 ล้านบาท หนี้สินกองทุน 19,921 ล้านบาท แยกเป็นหนี้ค้างชำระชดเชย 13,607 ล้านบาท งบบริหารและโครงการซึ่งได้อนุมัติแล้ว 163 ล้านบาท และเงินกู้ยืม 6,150 ล้านบาท กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิติดลบ 14,502 ล้านบาท
4. จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันตลาดโลก ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูง ดังนั้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลลง 0.30 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล 95E10, 91E10, E20 และ E85 ปรับลดลงชนิดละ 0.50 บาทต่อลิตร ซึ่งจะทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายรับลดลงประมาณวันละ 22 ล้านบาท จากวันละ 31 ล้านบาท เป็นวันละ 9 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
(หน่วย : บาทต่อลิตร)
ชนิดน้ำมัน | เดิม | ใหม่ |
น้ำมันเบนซิน 95 | 7.10 | 7.10 |
น้ำมันเบนซิน 91 | 7.10 | 7.10 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 | 2.60 | 2.10 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 | 1.00 | 0.50 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 | -0.20 | -0.70 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 | -12.00 | -12.50 |
น้ำมันดีเซล | 0.60 | 0.30 |
โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม 2555 เป็นต้นไป
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 16-22 กุมภาพันธ์ 2552
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 9-15 กุมภาพันธ์ 2552
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 15-21 มีนาคม 2553
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 2-8 กุมภาพันธ์ 2552
กบง. ครั้งที่ 118 - วันศุกร์ที่ 20 กรกฏาคม 2555
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 21/2555 (ครั้งที่ 118)
วันศุกร์ที่ 20 กรกฏาคม 2555 เวลา 16.30 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
1. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์) ประธานกรรมการ
รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายนที ทับมณี) กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบหลักเกณฑ์การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และระยะเวลาให้มีความเหมาะสมภายใต้กรอบหลักเกณฑ์การมอบหมาย ดังนี้
1.1 น้ำมันดีเซล การปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาสูงขึ้นจนทำให้มีผลกระทบต่อภาคขนส่งและค่าโดยสารเกินสมควรให้ กบง. พิจารณาปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้ตามความเหมาะสม การปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาต่ำจนทำให้ผู้ประกอบการขนส่งและโดยสารสมควรปรับอัตราค่าบริการลงให้ กบง. ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่กระทบเกินสมควรต่อค่าขนส่งและโดยสาร
1.2 น้ำมันเบนซิน/น้ำมันแก๊สโซฮอล การปรับเพิ่ม/ลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลให้พิจารณาปรับเพื่อรักษาระดับส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันเบนซินกับน้ำมันแก๊สโซฮอล เพื่อจูงใจให้มีการใช้พลังงานทดแทน (เอทานอล) มากขึ้น
2. ราคาน้ำมันตลาดโลกยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยราคาปิดตลาด ณ วันที่ 19 กรกฎาคม 2555 น้ำมันดิบดูไบ น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 102.79, 119.08 และ 121.48 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ น้ำมันดิบดูไบปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการประชุมครั้งก่อนเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2555 (ราคาปิดตลาดวันที่ 17 กรกฎาคม 2555) 1.94, 3.51 และ 3.20 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ จากราคาน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันในประเทศเพิ่มสูงตามไปด้วยโดยมีโครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 20 กรกฎาคม 2555 ดังนี้
3. ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 15 กรกฎาคม 2555 มีทรัพย์สินรวม 5,193 ล้านบาท หนี้สินกองทุน 21,532 ล้านบาท แยกเป็นหนี้ค้างชำระชดเชย 12,711 ล้านบาท งบบริหารและโครงการซึ่งได้อนุมัติแล้ว 171 ล้านบาท และเงินกู้ยืม 8,650 ล้านบาท กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิติดลบ 16,339 ล้านบาท
4. จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาดีเซลตลาดโลก ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับสูง ดังนั้นเพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้กระทบต่อภาคขนส่งและค่าโดยสารและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯของน้ำมันดีเซลลง 0.40 บาทต่อลิตร ซึ่งจะทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 0.40 บาทต่อลิตร กองทุนน้ำมันฯ จะมีรายรับลดลงประมาณวันละ 22 ล้านบาท จากวันละ 115 ล้านบาท เป็นวันละ 93 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
(หน่วย : บาทต่อลิตร)
ชนิดน้ำมัน | เดิม | ใหม่ | เปลี่ยนแปลง(+/-) |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 | 2.90 | 2.60 | -0.30 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 | 1.30 | 1.00 | -0.30 |
น้ำมันดีเซล | 1.00 | 0.60 | -0.40 |
โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2555 เป็นต้นไป
ปลัดกระทรวงคมนาคม (นายศิลปชัย จารุเกษมรัตนะ) ได้มีความเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลจะส่งผลกระทบโดยตรงต่ออัตราค่าโดยสารรถขนส่งสาธารณะ โดยเมื่อมีการปรับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล จะมีการปรับเพิ่มอัตราค่าบริการของรถโดยสารนอกระบบ ซึ่งกระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างดำเนินการกำกับดูแลในส่วนนี้ ทั้งนี้ การที่รัฐบาลมีนโยบายรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลให้มีเสถียรภาพและราคาไม่สูงเกินไปจะส่งผลดีต่อประชาชน ซึ่งประธานฯ ได้ชี้แจงว่า ที่ผ่านมา กบง. ได้กำกับดูแลเกี่ยวกับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเป็นกรณีพิเศษ โดยในช่วงก่อนหน้านี้ที่ราคาน้ำมันตลาดโลกอยู่ในระดับสูง และกองทุนน้ำมันฯ มีฐานะกองทุนติดลบ รวมทั้งมีการจ่ายเงินเพื่อชดเชยราคาน้ำมันและราคาก๊าซ LPG ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลปรับตัวสูงขึ้น แต่ในปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ มีฐานะกองทุนดีขึ้นและมีรายรับจากการเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ทำให้สามารถใช้กลไกของกองทุนน้ำมันฯ กำกับดูแลราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชน
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 8-14 มีนาคม 2553
กบง. ครั้งที่ 117 - วันพุธที่ 18 กรกฏาคม 2555
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 20/2555 (ครั้งที่ 117)
วันพุธที่ 18 กรกฏาคม 2555 เวลา 16.30 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
1. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
ปลัดกระทรวงพลังงาน กรรมการ (นายณอคุณ สิทธิพงศ์) เป็นประธานที่ประชุม
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ) กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบหลักเกณฑ์การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และระยะเวลาให้มีความเหมาะสมภายใต้กรอบหลักเกณฑ์การมอบหมาย ดังนี้
1.1 น้ำมันดีเซล การปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาสูงขึ้นจนทำให้มีผลกระทบต่อภาคขนส่งและค่าโดยสารเกินสมควรให้ กบง. พิจารณาปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้ตามความเหมาะสม การปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาต่ำจนทำให้ผู้ประกอบการขนส่งและโดยสารสมควรปรับอัตราค่าบริการลงให้ กบง. ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่กระทบเกินสมควรต่อค่าขนส่งและโดยสาร
1.2 น้ำมันเบนซิน/น้ำมันแก๊สโซฮอล การปรับเพิ่ม/ลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลให้พิจารณาปรับเพื่อรักษาระดับส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันเบนซินกับน้ำมันแก๊สโซฮอล เพื่อจูงใจให้มีการใช้พลังงานทดแทน (เอทานอล) มากขึ้น
2. ราคาน้ำมันตลาดโลกยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยราคาปิดตลาด ณ วันที่ 17 กรกฎาคม 2555 น้ำมันดิบดูไบ น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 100.85, 115.57 และ 118.28 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ น้ำมันดิบดูไบปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการประชุมครั้งก่อนเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2555 (ราคาปิดตลาดวันที่ 11 กรกฎาคม 2555) 4.40 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.00 และ 3.44 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ จากราคาน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลงและราคาไบโอดีเซลที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันในประเทศเพิ่มสูงตามไปด้วย โดยมีโครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 18 กรกฎาคม 2555 ดังนี้
3. ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 15 กรกฎาคม 2555 มีทรัพย์สินรวม 5,193 ล้านบาท หนี้สินกองทุน 21,532 ล้านบาท แยกเป็นหนี้ค้างชำระชดเชย 12,711 ล้านบาท งบบริหารและโครงการซึ่งได้อนุมัติแล้ว 171 ล้านบาท และเงินกู้ยืม 8,650 ล้านบาท กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิติดลบ 16,339 ล้านบาท
4. จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาดีเซลตลาดโลก ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลงและราคาไบโอดีเซลที่ปรับเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับสูง ดังนั้น เพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้กระทบต่อภาคขนส่งและค่าโดยสาร และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซล ลง 0.50 บาทต่อลิตร ซึ่งจะทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 0.50 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกยังคงอยู่ที่ 29.83 บาทต่อลิตร กองทุนน้ำมันฯ จะมีรายรับลดลงประมาณวันละ 28 ล้านบาท จากวันละ 148 ล้านบาท เป็นวันละ 120 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
(หน่วย : บาทต่อลิตร)
ชนิดน้ำมัน | เดิม | ใหม่ | เปลี่ยนแปลง(+/-) |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 | 3.30 | 2.90 | -0.40 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 | 1.70 | 1.30 | -0.40 |
น้ำมันดีเซล | 1.50 | 1.00 | -0.50 |
โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2555 เป็นต้นไป
รองปลัดกระทรวงพลังงาน (นายคุรุจิต นาครทรรพ) ได้แจ้งให้ที่ประชุมฯ ทราบว่า ตามที่กระทรวงพลังงานได้ดำเนินการตามแผนการดำเนินการสนับสนุนกลุ่มรถแท็กซี่ที่ใช้ก๊าซ LPG ให้เปลี่ยนมาเป็นรถแท็กซี่ NGV จำนวนประมาณ 15,000 คัน ในวงเงินประมาณ 248 ล้านบาท ปัจจุบันได้มีรถแท็กซี่เข้าร่วมโครงการประมาณ 4,800 คัน ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินจากกองทุนน้ำมันฯ ประมาณ 120 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าอุปกรณ์ 79 ล้านบาท ค่าติดตั้ง 24 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการทำลายชุดอุปกรณ์ และถังก๊าซ LPG 12 ล้านบาท โดยประมาณ ซึ่งขณะนี้ได้มีการสั่งซื้อเพื่อจัดซื้อถัง NGV และอุปกรณ์ส่วนควบแล้วจำนวนประมาณ 3,000 ชุด ส่งมอบแล้วประมาณ 2,000 ชุด โดยมี รถแท็กซี่เข้ารับการติดตั้งแล้วประมาณ 1,100 คัน
มติของที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ