มติการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 22/2561 (ครั้งที่ 69)
วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 08.00 น.
1. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
ผู้มาประชุม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานกรรมการ
(นายศิริ จิระพงษ์พันธ์)
รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ
(นายเพทาย หมุดธรรม)
แทนผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผน
เรื่องที่ 1 การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) วันที่ 20 เมษายน 2561 ได้มีมติเห็นชอบ ค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหมาะสมที่ 1.85 บาทต่อลิตร และเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2561 กบง. มีมติเห็นชอบแนวทางการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอลให้มีค่าใกล้ศูนย์สุทธิ ต่อมา กบง. เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2561 ได้มีมติเห็นชอบให้ฝ่ายเลขานุการฯ ใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ ในการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ในอัตราไม่เกิน 1.00 บาทต่อลิตร ในวงเงินไม่เกิน 6,000 ล้านบาท โดยสามารถชดเชยเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ ชดเชยในอัตรา 0.30 บาทต่อลิตร และมอบหมายให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (สบพน.) จัดทำรายงาน รายรับ/รายจ่าย และฐานะกองทุนน้ำมันฯ รายงาน กบง. ทราบทุกเดือน และเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2561 กบง. มีมติเห็นชอบแนวทางการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ดังนี้ (1) กรณีราคาน้ำมันดิบดูไบไม่เกิน 87.5 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ให้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ ในการรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว โดยปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนฯ สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วลงอีก 0.50 บาทต่อลิตร จากเดิมชดเชยไม่เกิน 1.00 บาทต่อลิตร เป็นชดเชยไม่เกิน 1.50 บาทต่อลิตร (2) กรณีราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ในช่วง 87.5 -92.5 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ให้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ ในการรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว โดยปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วลงอีก 0.50 บาทต่อลิตร จากเดิมชดเชยไม่เกิน 1.50 บาทต่อลิตร เป็นชดเชยไม่เกิน 2.00 บาทต่อลิตร และ/หรือปรับเพิ่มราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วขึ้นอีก 0.50 บาทต่อลิตร และ/หรือปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว
2. สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกปิดตลาด ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2561 มีดังนี้ (1) น้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 74.95 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล (2) น้ำมันเบนซิน 95 อยู่ที่ 81.28 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล (3) น้ำมันดีเซลอยู่ที่ 93.86 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล (4) อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2561 อยู่ที่ 33.0969 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ (5) ราคาไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันวันที่ 22 - 26 ตุลาคม 2561 ลิตรละ 22.68 บาท และ (6) ราคาเอทานอล ณ เดือนตุลาคม 2561 ลิตรละ 23.31 บาท โดยฐานะกองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมัน ณ วันที่ 21 ตุลาคม 2561 มีสินทรัพย์รวม 38,534 ล้านบาท หนี้สินรวม 14,793 ล้านบาท ฐานะกองทุนน้ำมันฯ สุทธิ 23,741 ล้านบาท โดยแยกเป็นบัญชีน้ำมัน 28,359 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 4,618 ล้านบาท จากสถานการณ์ราคาดังกล่าวข้างต้น ส่งผลทำให้โครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 26 ตุลาคม 2561 เป็นดังนี้ (1) ค่าการตลาดน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E10 น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 E10 น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 อยู่ที่ 3.3302 2.5797 2.7468 2.8050 4.4961 1.9563 และ 2.1916 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ส่วนราคาขายปลีก อยู่ที่ 37.24 29.85 29.58 26.84 21.14 29.89 และ 26.89 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ปัจจุบันน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E20 และน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E85 รัฐยังคงชดเชยราคา โดยกลุ่มของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอลมีรายรับประมาณ 41 ล้านบาทต่อเดือน กลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว มีรายจ่ายประมาณ 1,122 ล้านบาทต่อเดือน และภาพรวมกองทุนน้ำมันฯ มีรายจ่าย 1,071 ล้านบาทต่อเดือน
3. จากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกที่มีแนวโน้มราคาลดลงอย่างต่อเนื่องฝ่ายเลขานุการฯ ขอเสนอแนวทางการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้มีเงินสะสมไว้ใช้ในสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกมีความผันผวน โดยมีหลักการ ดังนี้ (1) กรอบล่าง สำหรับน้ำมันกลุ่มเบนซิน และแก๊สโซฮอลให้ใช้อัตราปัจจุบัน ดังนี้ น้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 และน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 อยู่ที่ 6.68 0.72 0.72 -2.18 และ -7.78 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ส่วนน้ำมันดีเซลหมุนเร็วให้ใช้กรอบล่างชดเชยที่อัตราไม่เกิน1.00 บาทต่อลิตร และ (2) กรอบบน สำหรับน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล ในช่วงราคาน้ำมันปรับตัวลดลงสามารถปรับเพิ่มอัตราส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพิ่มขึ้นจากกรอบล่างได้ไม่เกิน 1.00 บาทต่อลิตร ดังนี้ น้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอล 91 น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 และน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 มีกรอบบนอยู่ที่ 7.68 1.72 1.72 -1.18 และ -6.78 ตามลำดับ ส่วนน้ำมันดีเซลหมุนเร็วกรอบบนอยู่ที่ไม่เกิน 1.00 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ ในการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ให้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ บริหารราคาน้ำมันเชื้อเพลิง การปรับเพิ่มหรือลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ให้ยึดหลักเกณฑ์ค่าการตลาดเฉลี่ยที่เหมาะสม ตามมติ กบง. วันที่ 20 เมษายน 2561 และมอบหมายให้ สบพน. จัดทำรายงาน รายรับ/รายจ่าย และฐานะกองทุนน้ำมันฯ ของบัญชีน้ำมัน เพื่อรายงาน กบง. ทราบทุกครั้ง
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบกรอบการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
กลุ่มน้ำมันเบนซิน และน้ำมันแก๊สโซฮอล* กรอบล่าง = 0.00 บาท/ลิตร กรอบบน = 1.00 บาท/ลิตร
- น้ำมันเบนซิน กรอบล่าง = 6.68 บาท/ลิตร กรอบบน = 7.68 บาท/ลิตร
- น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 กรอบล่าง = 0.72 บาท/ลิตร กรอบบน = 1.72บาท/ลิตร
- น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 กรอบล่าง = 0.72 บาท/ลิตร กรอบบน = 1.72บาท/ลิตร
- น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 กรอบล่าง = -2.18 บาท/ลิตร กรอบบน = -1.18 บาท/ลิตร
- น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 กรอบล่าง = -7.78 บาท/ลิตร กรอบบน = -6.78 บาท/ลิตร
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว กรอบล่าง = -1.50 บาท/ลิตร กรอบบน = 1.00 บาท/ลิตร
หมายเหตุ * อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักตามปริมาณการใช้แต่ละชนิดน้ำมันในกลุ่มน้ำมันเบนซิน และน้ำมันแก๊สโซฮอล
2. มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบริหารราคาน้ำมันเชื้อเพลิงโดยปรับเพิ่มหรือลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตามกรอบข้อ 1 โดยสามารถปรับได้โดยการรักษาระดับค่าการตลาดที่เหมาะสมและส่วนต่างราคาขายปลีก ที่คำนึงถึงค่าความร้อนของชนิดเชื้อเพลิง และมอบหมายให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) จัดทำรายงาน รายรับ/รายจ่าย และฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อรายงานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน ทราบทุกครั้ง