มติการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 2/2565 (ครั้งที่ 40)
วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2565
1. การกำกับดูแลค่าการตลาดของน้ำมันแก๊สโซฮอล 95E10 และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7
2. แนวทางการกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล (บี100) ในภาวะวิกฤติด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
3. มาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้น
ผู้มาประชุม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานกรรมการ
(นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์)
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ
(นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท)
เรื่องที่ 1 การกำกับดูแลค่าการตลาดของน้ำมันแก๊สโซฮอล 95E10 และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7
สรุปสาระสำคัญ
1. เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2564 คณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม ได้ประชุมคณะทำงานย่อยซึ่งมีปลัดกระทรวงพลังงาน (นายกุลิศ สมบัติศิริ) เป็นประธาน โดยผู้แทนภาคประชาชนมีความเห็นว่า น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสินค้าควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 จึงขอให้กระทรวงพลังงานกำกับดูแลค่าการตลาดของน้ำมันแก๊สโซฮอล 95E10 ไม่ให้เกิน 1.85 บาทต่อลิตร ตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 และค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 ไม่ให้เกิน 1.40 บาทต่อลิตร ตามมติ กบง. เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2564 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 ซึ่งกระทรวงพลังงานได้รับข้อเสนอการกำกับดูแลค่าการตลาดดังกล่าวเพื่อนำเสนอต่อ กบง. พิจารณา
2. เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2564 กบง. ได้มีมติรับทราบผลการประชุมหารือของคณะทำงานย่อย ภายใต้คณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม และรับทราบข้อเสนอของฝ่ายเลขานุการฯ ในการดำเนินการตามข้อเสนอของภาคประชาชนที่เสนอให้มีแนวทางการกำกับดูแลค่าการตลาดของน้ำมันแก๊สโซฮอล 95E10 และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 พร้อมทั้งมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ ประสานกรมการค้าภายใน (คน.) กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือแนวทางการกำกับดูแลการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมัน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกภาคส่วน รวมทั้งศึกษาแนวทางอื่นเพิ่มเติมในการกำกับดูแลค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิง และเสนอต่อ กบง. พิจารณา
3. เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2565 สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้ประชุมหารือกับผู้แทน คน. สคบ. และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ถึงแนวทางการกำกับดูแลค่าการตลาดของน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ให้เกินระดับที่เหมาะสมตามมติ กบง. ซึ่งที่ประชุมมีความเห็น ดังนี้ (1) สคบ. มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ในการดำเนินการตามที่ผู้บริโภคร้องทุกข์ โดยมาตรา 21 ได้กำหนดไว้ว่าในกรณีที่มีกฎหมายว่าด้วยการใดได้บัญญัติเรื่องใดไว้โดยเฉพาะแล้วให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการนั้น และให้นำบทบัญญัติในพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภคไปใช้บังคับได้เท่าที่ไม่ซ้ำหรือขัดกับบทบัญญัติต่างๆ ที่มีอยู่แล้ว ดังนั้น พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภคจะเป็นกฎหมายทั่วไปที่เข้าไปเสริม จึงไม่สามารถเข้าไปดำเนินการบังคับผู้ประกอบธุรกิจได้ (2) คน. มีอำนาจตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 มีหน้าที่ดูแลเรื่องการติดป้ายแสดงราคาและมาตรวัด โดยกำกับดูแลราคาขายปลีกน้ำมันให้ตรงตามที่มีการแจ้งไว้ และกำกับดูแลให้สถานีบริการติดป้ายแสดงราคาที่ชัดเจนตรงตามที่กำหนดและผู้บริโภคได้รับปริมาณน้ำมันตรงตามที่ซื้อ (3) สคก. ได้ให้ความเห็นว่า กระทรวงพลังงานสามารถอาศัยอำนาจตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 15/2562 เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง มาใช้ในการกำหนดราคาขายปลีกน้ำมันและกำหนดค่าการตลาดได้ แต่การกำหนดราคาน้ำมันอาจจะขัดกับหลักการค้าเสรี หรือหากจะใช้กฎหมายฉบับอื่นที่มีอยู่แล้วมากำหนดราคาก็จะขัดกับหลักการค้าเสรีเช่นเดียวกัน
มติของที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
เรื่องที่ 2 แนวทางการกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล (บี100) ในภาวะวิกฤติด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล (บี100) ในภาวะวิกฤติด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิง (คณะอนุกรรมการฯ) เพื่อจัดทำข้อเสนอหลักเกณฑ์การกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว รวมทั้งวิเคราะห์ผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันและการส่งออกน้ำมันปาล์ม และจัดทำข้อเสนอเพื่อบรรเทาผลกระทบเสนอต่อ กบง. พิจารณา
2. คณะอนุกรรมการฯ ได้ประชุมหารือโดยสรุปประเด็นสำคัญได้ ดังนี้
2.1 แนวคิดและหลักเกณฑ์การกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ต้องพิจารณาถึงผลกระทบต่อราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีผลต่อค่าครองชีพและระบบการขนส่ง ซึ่งมีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงปริมาณการใช้ไบโอดีเซลที่ช่วยดูดซับน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกินจากการบริโภคในประเทศ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันให้ได้รับผลประโยชน์ในระดับที่เหมาะสม และควรดำเนินการภายใต้สมมติฐานที่ไม่มีการชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562
2.2 ทางเลือกการกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว มี 4 ทางเลือก ได้แก่ ทางเลือกที่ 1 กำหนดน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี5 เกรดเดียว ทางเลือกที่ 2 น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 เกรดเดียว ทางเลือกที่ 3 น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว 3 เกรด คือ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 บี10 และบี20 และทางเลือกที่ 4 กำหนดเป็น 2 ระยะ โดยระยะสั้น ปี 2565 ถึงปี 2566 กำหนดน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว 2 เกรด คือ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 และบี20 สำหรับใช้กับรถบรรทุกขนาดใหญ่ และระยะยาว ปี 2567 เป็นต้นไป กำหนดน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 เกรดเดียว ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของทางเลือกในมิติด้านราคาขายปลีกของน้ำมัน มิติด้านการบริหารจัดการสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบของประเทศ และมิติด้านความเข้ากันได้กับเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ในอนาคต สรุปได้ว่า ทางเลือกที่ 1 กำหนดน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี5 เกรดเดียว จะทำให้มีสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกินสูงเกินขีดความสามารถในการบริหารจัดการ และอาจส่งผลให้ราคาผลปาล์มดิบตกต่ำ จึงไม่เหมาะสมต่อการดำเนินการในปัจจุบัน ด้านทางเลือกที่ 3 กำหนดน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว 3 เกรด คือ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 บี10 และบี20 มีข้อจำกัดด้านการใช้งานกับรถยนต์มาตรฐานยูโร 5 เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ยังไม่รับรองการใช้งานน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 และบี20 กับรถยนต์ดังกล่าว ประกอบกับการกำหนดน้ำมันหลายเกรดสร้างภาระต่อผู้ประกอบการที่ต้องมีหลายหัวจ่าย และต้องแยกการจัดเก็บและขนส่งน้ำมันแต่ละเกรด ตลอดจนไม่สอดคล้องกับนโยบายการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าที่ทำให้การใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วและไบโอดีเซลในอนาคตมีแนวโน้มลดลง ดังนั้น ทางเลือกที่เป็นไปได้จึงมี 2 กรณี คือ ทางเลือกที่ 2 และทางเลือกที่ 4
2.3 คณะอนุกรรมการฯ มีข้อคิดเห็นต่อทางเลือกการกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ดังนี้ ผู้ทรงคุณวุฒิ เห็นว่า (1) ทางเลือกที่ควรดำเนินการมากที่สุด คือ ทางเลือกที่ 1 โดยไม่ควรกำหนดน้ำมันดีเซลหลายเกรด และการใช้น้ำมันปาล์มดิบเป็นพลังงานทดแทนควรเป็นการดูดซับเฉพาะปริมาณส่วนเกินจากการบริโภคโดยไม่นำมาใช้ในภาคพลังงานเป็นหลักเช่นปัจจุบัน (2) ควรยกเลิกน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 เนื่องจากน้ำมันที่ผสมไบโอดีเซลสูงกว่าร้อยละ 7 ไม่สามารถเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้ อีกทั้งยังต้องใช้กองทุนน้ำมันฯ เพื่อชดเชยราคาซึ่งไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกองทุนน้ำมันฯ(3) การใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 และบี 20 กับรถยนต์ยูโร 5 ที่จะบังคับใช้ภายในปี 2567 อาจทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมจากระบบกำจัดมลพิษของเครื่องยนต์ที่ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพหรือเกิดการเสื่อมสภาพก่อนกำหนด ด้านอนุกรรมการจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และกรมการค้าภายใน เห็นว่า (1) ควรดำเนินการตามทางเลือกที่ 3 เนื่องจากคาดว่าปริมาณผลผลิตปาล์มปี 2565 จะเพิ่มมากกว่าปี 2564 อีกร้อยละ 3 จึงมีโอกาสสูงที่สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบอาจสูงกว่า 300,000 ตัน ซึ่งเป็นระดับสต๊อกที่เหมาะสมของประเทศตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป โดยมีโอกาสที่จะส่งออกน้ำมันปาล์มดิบได้ยาก เนื่องจากปกติราคาน้ำมันปาล์มดิบของไทยสูงกว่าต่างประเทศมากกว่า 2 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งไม่เข้าข่ายได้รับเงินสนับสนุนตามโครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกินของกรมการค้าภายใน (2) ปัจจุบันแผนเพิ่มปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มดิบจากการพัฒนาอุตสาหกรรมโอลิโอเคมีคัล ภายใต้การพิจารณาของคณะอนุกรรมการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันยังไม่มีข้อสรุปอย่างเป็นรูปธรรม จึงยังจำเป็นต้องใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 และบี20 เพื่อไม่ให้เกิดภาวะสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบล้น อย่างไรก็ดี คณะอนุกรรมการฯ มีความเห็นว่า ทางเลือกที่ 4 เป็นทางเลือกที่ยอมรับได้มากที่สุด หากยังไม่มีทางเลือกอื่นที่สามารถดำเนินการได้ ภายใต้ข้อจำกัดของสถานการณ์โควิด และช่องทางการระบายสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบที่จำกัด เพื่อให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และกรมการค้าภายใน มีเวลาเตรียมความพร้อมบริหารจัดการสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ เช่น มาตรการส่งเสริมการส่งออก การปฏิบัติตามมาตรการการลดปริมาณการผลิตผลปาล์ม และการเพิ่มปริมาณการใช้จากการพัฒนาอุตสาหกรรมโอลิโอเคมีคัล
2.4 เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2565 คณะอนุกรรมการฯ ได้กำหนดข้อเสนอหลักเกณฑ์การกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลในกรณีเกิดวิกฤติด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มเติมจากภาวะปกติ เพื่อรักษาเสถียรภาพ ด้านราคาจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกและไบโอดีเซลมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ดังนี้ หากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วสูงกว่า 30 บาทต่อลิตร โดยไม่มีการชดเชยราคาจากกองทุนน้ำมันฯ มีแนวทางการกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล โดยกรณีราคาไบโอดีเซลสูงกว่า 1.5 เท่า และ 2.5 เท่า ของราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันดีเซลพื้นฐาน (B0) ให้นำเสนอ กบง. พิจารณาปรับลดสัดส่วนผสมของไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว เป็นร้อยละ 5 และร้อยละ 3 ตามลำดับ ทั้งนี้ ราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันดีเซลพื้นฐาน วันที่ 24 มกราคม 2565 อยู่ที่ 20 บาทต่อลิตร ราคาไบโอดีเซล อยู่ที่ 57.72 บาทต่อลิตร ฐานะกองทุนน้ำมันฯ สุทธิ วันที่ 23 มกราคม 2565 อยู่ที่ติดลบ 12,335 ล้านบาท และสภาพคล่องกองทุนน้ำมันฯ เดือนมกราคม 2565 ติดลบ 7,353 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งหากราคาสถานการณ์ราคาน้ำมันยังไม่คลี่คลาย คาดว่าจะสามารถใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ ในการชดเชยราคาน้ำมันได้จนถึงเดือนมีนาคม 2565
มติของที่ประชุม
เห็นชอบในหลักการแนวทางการกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล (บี100) ในสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงภาวะปกติ และภาวะวิกฤติ ดังนี้
1. ภาวะปกติ
1.1 ระยะสั้น (พ.ศ. 2565 ถึง พ.ศ. 2566) กำหนดให้มีน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว 2 เกรด คือ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 สำหรับใช้กับรถบรรทุกขนาดใหญ่
1.2 ระยะยาว (พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป) กำหนดให้มีน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 เกรดเดียว
2. ภาวะวิกฤติ
2.1 กรณีราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วสูงกว่า 30 บาทต่อลิตร โดยไม่มีการชดเชยราคาจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และราคาไบโอดีเซลสูงกว่า 1.5 เท่า ของราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันดีเซลพื้นฐาน (บี0) ให้นำเสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานพิจารณาปรับลดสัดส่วนผสมของไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว เป็นร้อยละ 5
2.2 กรณีราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วสูงกว่า 30 บาทต่อลิตร โดยไม่มีการชดเชยราคาจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และราคาไบโอดีเซลสูงกว่า 2.5 เท่า ของราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันดีเซลพื้นฐาน (บี0) ให้นำเสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานพิจารณาปรับลดสัดส่วนผสมของไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว เป็นร้อยละ 3
ทั้งนี้ มอบหมายให้คณะอนุกรรมการพิจารณาสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล (บี100) ในภาวะวิกฤติด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิง หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและนำมาเสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานพิจารณาต่อไป
เรื่องที่ 3 มาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้น
สรุปสาระสำคัญ
1. เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2564 คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้มีมติเห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ปรับตัวสูงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 ดังนี้ (1) กำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันในน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 บี10 และบี20 ที่ระดับไม่ต่ำกว่าร้อยละ 6.6 และไม่สูงกว่าร้อยละ 7 ร้อยละ 10 และร้อยละ 20 โดยปริมาตร ตามลำดับ (2) ขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงคงค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มดีเซลไม่เกิน 1.40 บาทต่อลิตร (3) มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ออกประกาศ เรื่อง กำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซล พ.ศ. …. (4) มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ ประสานสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) นำเสนอคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) พิจารณาปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันกลุ่มดีเซลให้สอดคล้องกับมาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ปรับตัวสูงขึ้น และ (5) มอบฝ่ายเลขานุการฯ ประสาน สกนช. นำเสนอ กบน. ใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ บริหารจัดการอัตราเงินกองทุนเพื่อให้ค่าการตลาดของน้ำมันกลุ่มดีเซลแต่ละชนิดไม่เกิน 1.40 บาทต่อลิตร
2. สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยในเดือนมกราคม 2565 ราคาน้ำมันดิบดูไบปรับขึ้น 12 ครั้ง ในช่วง 0.03 ถึง 0.46 บาทต่อลิตร และปรับลง 7 ครั้ง ในช่วง 0.05 ถึง 0.39 บาทต่อลิตร เฉลี่ยทั้งเดือนปรับขึ้น 2.01 บาทต่อลิตร ซึ่งสะท้อนไปสู่ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศเดือนมกราคม 2565 ซึ่งมีการปรับขึ้น 4 ครั้ง ครั้งละประมาณ 10 ถึง 60 สตางค์ต่อลิตร เนื่องจากค่าการตลาดเฉลี่ยของน้ำมันต่ำกว่าค่าการตลาดที่เหมาะสมที่ระดับ 2 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและกลุ่มแก๊สโซฮอล 95E10 E20 และ 91E10 ปรับขึ้นรวม 2.90 บาทต่อลิตร และราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มดีเซลหมุนเร็ว บี7 บี10 และบี20 ปรับขึ้นรวม 1.50 บาทต่อลิตร เป็นไปในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันตลาดโลกที่ราคาน้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นรวม 1.68 และ 2.37 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ด้านราคาไบโอดีเซล (บี100) ณ วันที่ 28 มกราคม 2565 อยู่ที่ 57.72 บาทต่อลิตร สูงขึ้นจากต้นเดือนธันวาคม 2564 ซึ่งอยู่ที่ 48.29 บาทต่อลิตร ประมาณร้อยละ 20 ส่งผลต่อต้นทุนราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ผสมไบโอดีเซลขั้นต่ำที่ร้อยละ 6.6 ประมาณ 0.62 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ ราคาน้ำมันตลาดโลกและไบโอดีเซลที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศปรับตัวสูงขึ้น โดยปัจจุบันราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มดีเซลหมุนเร็วอยู่ที่ระดับประมาณ 30 บาทต่อลิตร ซึ่งส่งผลให้ผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 68 ของปริมาณการใช้น้ำมันทั้งหมด และส่งผลต่อภาระค่าใช้จ่ายของกองทุนน้ำมันฯ ในการจ่ายเงินชดเชย โดย ณ วันที่ 23 มกราคม 2564 ฐานะกองทุนน้ำมันฯ สุทธิ อยู่ที่ติดลบ 12,335 ล้านบาท และสภาพคล่องสุทธิ อยู่ที่ติดลบ 7,353 ล้านบาท
3. เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 กบง. ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล (บี100) ในภาวะวิกฤติด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิง (คณะอนุกรรมการฯ) เพื่อเสนอแนะแนวทางบริหารจัดการราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของไบโอดีเซล เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนในภาวะวิกฤติด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ได้จัดทำข้อเสนอแนวทางการกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลในสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงภาวะปกติและภาวะวิกฤติ เสนอต่อ กบง. พิจารณา ดังนี้ ภาวะปกติ ระยะสั้น ปี 2565 ถึงปี 2566 กำหนดน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว 2 เกรด คือ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 และบี20 สำหรับใช้กับรถบรรทุกขนาดใหญ่ และระยะยาว ปี 2567 เป็นต้นไปกำหนดน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 เกรดเดียว และภาวะวิกฤติ หากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วสูงกว่า 30 บาทต่อลิตร โดยไม่มีการชดเชยราคาจากกองทุนน้ำมันฯ มีแนวทางการกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล โดยกรณีราคาไบโอดีเซลสูงกว่า 1.5 เท่า และ 2.5 เท่า ของราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันดีเซลพื้นฐาน (B0) ให้นำเสนอ กบง. พิจารณาปรับลดสัดส่วนผสมของไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเป็นร้อยละ 5 และร้อยละ 3 ตามลำดับ
4. หากไม่มีการชดเชยราคาจากกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 28 มกราคม 2565 ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจะอยู่ที่ 33.25 บาทต่อลิตร และราคาไบโอดีเซลอยู่ที่ 57.72 บาทต่อลิตร สูงกว่าราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันดีเซลพื้นฐานซึ่งอยู่ที่ 21.79 บาทต่อลิตร คิดเป็น 2.65 เท่า โดยจากข้อเสนอแนวทางการกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลของคณะอนุกรรมการฯ ควรปรับลดสัดส่วนผสมของไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว เป็นร้อยละ 3 ทั้งนี้ ฝ่ายเลขานุการฯ เห็นว่า การลดสัดส่วนผสมของไบโอดีเซลลงจะช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนมากขึ้น รวมทั้งลดภาระของกองทุนน้ำมันฯ นอกจากนี้ การลดความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบในภาคพลังงานจะช่วยให้มีปริมาณน้ำมันปาล์มสำหรับการบริโภคเพิ่มขึ้น บรรเทาความเดือนร้อนด้านราคาน้ำมันปาล์มขวดสูง โดยการลดสัดส่วนผสมเป็นร้อยละ 3 (บี3) จะลดต้นทุนน้ำมันดีเซลหมุนเร็วลงประมาณ 1.00 ถึง 1.30 บาทต่อลิตร อย่างไรก็ตาม จะทำให้อัตราภาษีสรรพสามิตปรับเพิ่มขึ้น 45 สตางค์ต่อลิตร จาก 5.99 บาทต่อลิตร เป็น 6.44 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ราคาขายปลีกลดลงเพียง 0.55 ถึง 0.85 บาทต่อลิตร ประกอบกับมาตรการดังกล่าวอาจทำให้สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบสูงกว่าสต๊อกที่เหมาะสมของประเทศที่ระดับ 3 แสนตัน เมื่อสิ้นสุดมาตรการช่วงสิ้นเดือนมีนาคม 2565 จากสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 ที่ 1.73 แสนตัน ซึ่งจะส่งผลต่อเสถียรภาพราคาผลปาล์มทะลาย ดังนั้น ฝ่ายเลขานุการฯ จึงเสนอมาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ปรับตัวสูงขึ้นในระยะสั้น โดยให้ปรับลดสัดส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจากร้อยละ 7 (บี7) เป็นร้อยละ 5 (บี5) ซึ่งจะลดต้นทุนน้ำมันดีเซลหมุนเร็วลงประมาณ 50 ถึง 60 สตางค์ ต่อลิตร โดยไม่ทำให้อัตราภาษีสรรพสามิตปรับเพิ่มขึ้น และคาดว่าจะไม่ทำให้สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบสูงกว่าสต๊อกที่เหมาะสมของประเทศที่ระดับ 3 แสนตันเมื่อสิ้นสุดมาตรการ ทั้งนี้ เห็นควรรายงานให้คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ทราบในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ก่อนเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ปรับตัวสูงขึ้นในระยะสั้นตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 โดยกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันให้เป็นไปตามสัดส่วนการผสมของกลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ดังนี้ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 และไม่สูงกว่าร้อยละ 7 โดยปริมาตร น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 และไม่สูงกว่าร้อยละ 10 โดยปริมาตร และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 และไม่สูงกว่าร้อยละ 20 โดยปริมาตร
2. มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน ออกประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง กำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซล (ฉบับที่ ...) พ.ศ. 2565 ให้สอดคล้องกับมาตรการบรรเทาผลกระทบ ตามข้อ 1
3. มอบหมายให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน นำเสนอมาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ปรับตัวสูงขึ้น ตามข้อ 1 ต่อคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเพื่อทราบ