
Super User
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 11 พฤศจิกายน 2551
ครั้งที่ 30 - วันพฤหัสบดี ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2551
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 5/2551 (ครั้งที่ 30)
วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2551 เวลา 14.00 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง (พฤษภาคม - 13 มิถุนายน 2551)
2. แนวทางการจัดสรรน้ำมันเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (พลโทหญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ) เป็นประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล) เป็นกรรมการและเลขานุการ
ประธานฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมฯ ทราบว่า ภายหลังจากการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) นัดพิเศษครั้งแรกไปได้ประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือน้ำมันดีเซลหมุนเร็วราคาถูกให้กับรถโดยสารประจำทาง (ขสมก.) ซึ่งได้ช่วยคลี่คลายความเดือดร้อนของประชาชนได้ระดับหนึ่ง และในช่วงที่ผ่านมาได้มีหลายกลุ่มอาชีพที่ได้รับความเดือดร้อนจากราคาน้ำมันแพงได้มาขอความช่วยเหลือเพื่อรับการจัดสรรน้ำมันราคาถูก จึงทำให้ต้องรบกวนเชิญประชุมครั้งนี้
อนึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้ขอให้อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (นายเมตตา บันเทิงสุข) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ข้อเสนอของกลุ่มรถบรรทุกที่มายื่นหนังสือต่อกระทรวงพลังงานเพื่อให้ช่วยเหลือเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ โดยมีข้อเสนอ 3 ข้อ ดังนี้ 1) ให้ช่วยเหลือลดราคาขายน้ำมันดีเซลลิตรละ 3 บาท 2) เรื่องแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำสำหรับการเปลี่ยนไปใช้ NGV และ 3) เร่งรัดให้ ปตท.ดำเนินการติดตั้งสถานีบริการ NGV โดยที่ข้อเสนอ ในข้อ 2 และข้อ 3 จะมีคณะกรรมการที่ดูแลอยู่ ส่วนประเด็นราคาน้ำมันถูกจะเกี่ยวข้องหลายกระทรวง เห็นควรให้นำข้อเสนอดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีให้พิจารณาก่อน
เรื่องที่ 1. สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง (พฤษภาคม - 13 มิถุนายน 2551)
สรุปสาระสำคัญ
1. ราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์ เท็กซัสเฉลี่ยเดือนพฤษภาคม 2551 อยู่ที่ระดับ 119.5 และ 125.38 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว 16.09 และ 12.75 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ จากไนจีเรียเลื่อนการส่งออกน้ำมันดิบ Qua lboe ปริมาณ 950,000 บาร์เรล จากเดือนมิถุนายนเป็นเดือนกรกฎาคม 2551 และจากข่าวชาวประมงฝรั่งเศสประท้วงปิดท่าขนส่งน้ำมัน Port-la-Nouvelle และ La Rochelle เพื่อเรียกร้องรัฐบาลให้ความช่วยเหลือที่ราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูง และต่อมาในช่วงวันที่ 1-13 มิถุนายน 2551 ราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์ เท็กซัสเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 124.92 และ 131.44 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว 5.43 และ 6.06 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ จากตลาด ที่ยังกังวลต่ออุปทานน้ำมันตึงตัวหลังกระทรวงพลังงานของสหรัฐฯ รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 มิถุนายน 2551 ลดลง 4 สัปดาห์ต่อเนื่องปริมาณรวม 24 ล้านบาร์เรล ต่ำกว่าช่วงเดียวกัน ของปีก่อนร้อยละ 14 ประกอบกับข่าวเหตุเพลิงไหม้แหล่งผลิตน้ำมันดิบ Oseberg A Oilfield ของนอร์เวย์ รวมทั้งข่าวการหยุดงานประท้วงการแปรรูปของคนงานท่าเรือ Fos-Lavera ในฝรั่งเศสส่งผลให้เรือบรรทุกน้ำมันจำนวน 17 ลำ ไม่สามารถขนส่งน้ำมันได้ตามปกติ
2. ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 92 และน้ำมันดีเซลเฉลี่ยเดือนพฤษภาคม 2551 อยู่ที่ระดับ 131.13, 130.06 และ 158.62 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว 13.05, 12.97 และ 20.29 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ ตามราคาน้ำมันดิบและจากข่าวบริษัทน้ำมันแห่งชาติของอินโดนีเซียมีแผนนำเข้าน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมัน Balongan มีแผนปิดซ่อมบำรุงและจากข่าวรัฐบาลอินโดนีเซียมีแผนขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศประมาณร้อยละ 16-22 และจากความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในจีนในช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค และต่อมาในช่วงวันที่ 1-13 มิถุนายน 2551 ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 92 และน้ำมันดีเซลเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 139.29, 137.63 และ 164.62 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว 8.16, 7.57 และ 5.99 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ ตามราคาน้ำมันดิบและบริษัท Pak-Arab Refinery Co ของปากีสถานจะงดส่งออกน้ำมันเบนซินในเดือนมิถุนายน 2551 เป็นเดือนที่สองติดต่อกันเพื่อลดภาวะอุปทานตึงตัวจากโรงกลั่นภายในประเทศลดอัตราการกลั่นและความต้องการใช้ในประเทศอยู่ในระดับสูง รวมทั้งความต้องการจากจีนและอินโดนีเซียมีมาก
3. เดือนพฤษภาคม 2551 ผู้ค้าน้ำมันได้ปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอลและน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 3.50, 2.80 และ 5.10 บาทต่อลิตร ตามลำดับ และในช่วงวันที่ 1-16 มิถุนายน 2551 ผู้ค้าน้ำมันได้ปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอลและน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 2.00, 2.00 และ 2.80 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 91, แก๊สโซฮอล 95 (E10), (E20), 91 ดีเซลหมุนเร็ว และดีเซลหมุนเร็ว บี 5 ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2551 อยู่ที่ระดับ 42.09, 40.99, 37.39, 36.09, 36.59, 41.84 และ 41.14 บาทต่อลิตร ตามลำดับ
4. แนวโน้มราคาน้ำมันเดือนมิถุนายน 2551 คาดว่าราคาน้ำมันยังคงมีความผันผวนในทิศทางที่สูงขึ้น ซึ่งราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์ เท็กซัสจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ 125 - 135 และ 130 - 140 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ จากปริมาณความต้องการใช้น้ำมันของจีนและอินเดียที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความต้องการจากประเทศในตะวันออกกลาง และจากความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้นในไนจีเรีย การเมืองในอิรักและกรณีพิพาทระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ เกี่ยวกับโครงการพัฒนานิวเคลียร์ สำหรับราคาน้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลหมุนเร็วในตลาดจรสิงคโปร์เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 135 - 145 และ 160 - 170 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ ตามราคาน้ำมันดิบและการเข้ามาซื้อขายน้ำมันล่วงหน้าของกองทุนเก็งกำไร (Hedge Fund) ในตลาดซื้อขายล่วงหน้าจากภาวะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง
5. สำหรับสถานการณ์ก๊าซ LPG ช่วงเดือนมิถุนายน 2551 ราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น 54 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน มาอยู่ที่ระดับ 905 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ตามราคาน้ำมันดิบตลาดโลกและอุปทานในภูมิภาคตึงตัว ขณะที่ความต้องการเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและเวียดนามต้องการนำเข้าก๊าซ LPG ในเดือนกรกฎาคม 2551 ปริมาณ 22,000 ตัน ตลอดจนประเทศไทยได้มีการสั่งนำเข้าก๊าซ LPG เพื่อรองรับความต้องการใช้ในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งคาดการณ์ตัวเลขการนำเข้ารวมในปี 2551 ประมาณ 200,000 ตัน โดยที่ราคาก๊าซ LPG ณ โรงกลั่นในเดือนมิถุนายน อยู่ที่ระดับ 10.9960 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้ราคาขายปลีกอยู่ที่ระดับ 18.13 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับราคาก๊าซ LPG ตลาดโลกในช่วงเดือนกรกฎาคม 2551 คาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 925 - 935 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน
6. สถานการณ์น้ำมันแก๊สโซฮอล ในช่วงต้นปี 2551 มีปริมาณจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอลอยู่ที่ระดับ 7.4 ล้านลิตรต่อวัน ในเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2551 มีปริมาณจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็น 8.1 และ 7.6 ล้านลิตรต่อวัน ตามลำดับ โดยมีสถานีบริการ 4,022 แห่ง ปัจจุบันราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 และ 91 อยู่ที่ 42.09 และ 36.59 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ส่วนการจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล E20 เริ่มจำหน่ายเดือนมกราคม 2551 โดยบริษัทบางจาก และ ปตท. มีสถานีบริการจำนวน 20 แห่ง และ 66 แห่ง ตามลำดับ ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล E20 ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤษภาคม 2551 ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนอยู่ที่ระดับ 63,000 ลิตรต่อวัน และราคาขายปลีกอยู่ที่ 36.09 บาทต่อลิตร และกำลังการผลิตและปริมาณการผลิตเอทานอลจริงเท่ากับ 1.57 และ 0.89 ล้านลิตรต่อวัน ตามลำดับ จากผู้ประกอบการที่ผลิตเอทานอลเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง 11 ราย แต่ผลิตเพียง 8 ราย โดยราคาเอทานอลแปลงสภาพไตรมาส 2 ในปี 2551 อยู่ที่ลิตรละ 17.54 บาท
7. สำหรับน้ำมันไบโอดีเซล เดือนพฤษภาคม 2551 มีกำลังการผลิตรวม 2.18 ล้านลิตรต่อวัน จากผู้ผลิตไบโอดีเซลที่ได้คุณภาพตามประกาศของกรมธุรกิจพลังงาน 9 ราย และราคาไบโอดีเซลในประเทศเฉลี่ยช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม อยู่ที่ 40.94, 38.29 และ 37.59 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ส่วนปริมาณการจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 เดือนมีนาคม เมษายน และพฤษภาคม 2551 มีจำนวน 7.52 8.30 และ 9.56 ล้านลิตรต่อวัน ตามลำดับ ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 อยู่ที่ 41.14 บาทต่อลิตร ซึ่งต่ำกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว 0.70 บาทต่อลิตร
8. ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 17 มิถุนายน 2551 มีเงินสดในบัญชี 16,557 ล้านบาท มีหนี้สินค้างชำระ 12,808 ล้านบาท แยกเป็นหนี้พันธบัตร 8,800 ล้านบาท ภาระดอกเบี้ยพันธบัตร 258 ล้านบาท และหนี้ค้างชำระเงินชดเชย 3,360 ล้านบาท และงบบริหารและโครงการซึ่งได้อนุมัติแล้ว 390 ล้านบาท ฐานะกองทุนน้ำมันฯ สุทธิ 3,749 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
เรื่องที่ 2 แนวทางการจัดสรรน้ำมันเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน
สรุปสาระสำคัญ
1. คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2551 ได้มีมติ เรื่องแนวทางการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาผลกระทบปัญหาราคาน้ำมันแพง โดยรับทราบผลการช่วยเหลือที่กระทรวงพลังงานได้ขอความร่วมมือกับ 4 โรงกลั่นในเครือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกันบริจาค โดยการจัดสรรน้ำมันดีเซลหมุนเร็วปริมาณ 122 ล้านลิตรต่อเดือน เป็นเวลา 6 เดือน รวม 732 ล้านลิตร ในราคาที่ต่ำกว่าราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วปกติ 3 บาทต่อลิตร รวมมูลค่า 2,196 ล้านบาท โดย กบง. เป็นผู้พิจารณาจัดสรรแทนกระทรวงพลังงาน และให้การช่วยเหลือกลุ่มประชาชนหรือสาขาอาชีพที่มีรายได้ต่ำและได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มประมง กลุ่มเกษตรกร และ กลุ่มผู้ใช้รถโดยสารประจำทาง เป็นต้น โดยให้ ปตท. เป็นผู้ประสานงานกับโรงกลั่นทั้ง 4 แห่ง ในการจัดหาน้ำมันดังกล่าว
นอกจากนี้ได้เห็นชอบแนวทางการช่วยเหลือประชาชนจากปัญหาราคาน้ำมันแพง โดยให้การช่วยเหลือกลุ่มประชาชนหรือสาขาอาชีพที่มีรายได้ต่ำได้รับความเดือดร้อน ติดต่อมาที่ สนพ. หรือหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบ และให้หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบเป็นผู้นำเสนอขอรับความช่วยเหลือต่อ กบง. โดยข้อเสนอที่ได้รับความเห็นชอบไปแล้ว กบง. จะติดตามและประเมินผลทุกๆ เดือน
2. ความก้าวหน้าในการจัดสรรน้ำมัน สำหรับกลุ่มผู้เดือดร้อนที่ได้รับการพิจารณาจัดสรรแล้วเป็นกลุ่มผู้เดือดร้อนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงคมนาคม ซึ่งได้รับการจัดสรรเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2551 โดย กบง. ได้เห็นชอบข้อเสนอของกระทรวงคมนาคมด้วยการช่วยเหลือลดราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วให้กับรถหมวด 1 และ หมวด 4 ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวนประมาณ 14,600 คัน ซึ่งมีปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วประมาณ 1 ล้านลิตรต่อวัน หรือประมาณ 30 ล้านลิตรต่อเดือน เป็นเวลา 6 เดือน มีราคาถูกกว่าราคาจำหน่ายปกติ 3.00 บาทต่อลิตร โดยผ่านจุดจำหน่ายน้ำมันของสถานีบริการ ขสมก. นับตั้งแต่วันที่เริ่มจำหน่ายน้ำมันในโครงการฯ จนกว่าจะได้ข้อยุติของศาลปกครองในกรณีการขอปรับขึ้นค่าโดยสารหรือเท่ากับที่จำนวนน้ำมันที่ ขสมก. ได้รับการจัดสรรประมาณ 180 ล้านลิตรหมดลง แล้วแต่เหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้นก่อน พร้อมทั้งได้มอบให้กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เป็นผู้ประสานกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตามมติข้างต้น
3. กลุ่มผู้เดือดร้อนที่อยู่ระหว่างการพิจารณาให้ความช่วยเหลือ ประกอบด้วยกลุ่มผู้เดือดร้อนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงคมนาคม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
3.1 กลุ่มผู้เดือดร้อนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงคมนาคม ได้แก่ 1) สมาคมผู้ประกอบการรถบรรทุกสินค้าภาคอีสาน ได้มีหนังสือขอรับความช่วยเหลือเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2551 ในประเด็นให้ช่วยเหลือลดราคาขายน้ำมันดีเซลลิตรละ 3.00 บาท และเรื่องแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำสำหรับการเปลี่ยนไปใช้ NGV พร้อมทั้งเร่งรัดให้ ปตท. ดำเนินการติดตั้งสถานีบริการ NGV และ 2) กลุ่มแท็กซี่จากโครงการพัฒนาแท็กซี่ไทย (แท็กซี่เอื้ออาทร) เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2551 กลุ่มแท็กซี่ฯ จำนวนประมาณ 300 คัน ได้มีหนังสือขอรับความช่วยเหลือ โดยขอให้จัดสรรหาเชื้อเพลิงราคาถูกให้ตามสถานีบริการ ที่กำหนดให้ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และขอให้จัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์และติดตั้งเครื่องยนต์ NGV
3.2 นอกจากนั้น สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2551 โดยสมาชิกจำนวน 9 สมาคมฯ และ 4 ชมรม ได้มีหนังสือขอรับความช่วยเหลือ ดังนี้ คือ 1)ขอให้จัดหาน้ำมันราคาพิเศษให้ภาคขนส่งทางบกโดยเร่งด่วน ควรจะนำเข้าคณะรัฐมนตรีอนุมัติ 2) การแปลงทรัพย์สินเป็นทุน (รถบรรทุก) หลักทรัพย์ประกันสินเชื่อหรือเงินกู้ 3) ขอสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 0.5 ต่อปี เพื่อการใช้พลังงานทดแทน 4) การลดภาษีรถบรรทุกใหม่เครื่องยนต์ NGV เหลือร้อยละ 10 (นโยบายภาษี) มีกำหนดระยะเวลาและจำนวนรถ 5) ขอเงินสนับสนุนจากกองทุนอนุรักษ์พลังงาน เพื่อใช้ปรับปรุงเครื่องยนต์หรือเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็น NGV 6) ขอให้สร้างสถานี NGV ครอบคลุมแต่ละภูมิภาค และมีความเพียงพอสำหรับรถบรรทุก และ 7) ขอให้มีการปรับปรุงคุณภาพของ NGV ให้มีความสะอาดและมีมาตรฐานค่าความร้อนคงที่
3.3 กลุ่มผู้เดือดร้อนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คือ เกษตรกร ผู้เลี้ยงกุ้ง เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2551 กรมประมงได้มีหนังสือเพื่อขอให้พิจารณาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง โดยขอให้มีการนำน้ำมันในโครงการจำหน่ายน้ำมันในเขตทะเลอาณาเขตให้ชาวประมงชายฝั่ง (น้ำมันม่วง) เพื่อมาจำหน่ายให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง โดยขอให้ใช้หลักเกณฑ์ วิธีการเช่นเดียวกัน
4. เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ กบง. เรื่องแนวทางการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาผลกระทบปัญหาราคาน้ำมันแพงในข้อ 1 กระทรวงพลังงานได้มีหนังสือลงวันที่ 18 มิถุนายน 2551 ถึงกระทรวงที่รับผิดชอบทั้งกระทรวงคมนาคมและกระทรวงเกษตรฯ เพื่อให้ดำเนินการพิจารณาประเด็นดังนี้คือ กลุ่มผู้ร้องดังกล่าวเป็นกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำซึ่งมีความเดือดร้อนที่สมควรได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐหรือไม่ หากกระทรวงคมนาคมและกระทรวงเกษตรฯ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่ากลุ่มดังกล่าวมีความเดือนร้อนสมควรดำเนินการช่วยเหลือ ขอให้ทั้ง 2 กระทรวงจัดทำประมาณความต้องการน้ำมันดีเซลราคาถูก แนวทางการดำเนินการจัดสรรน้ำมัน รวมทั้งการกำหนดให้มีจุดจ่ายน้ำมันที่ชัดเจนในภาคการปฏิบัติ และการป้องกันการรั่วไหล รวมทั้งมอบหมายให้มีหน่วยงานรับผิดชอบในการติดตามและตรวจสอบ เพื่อนำเสนอ กบง. พิจารณาต่อไป
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบให้กำหนดแนวทางในการช่วยเหลือกลุ่มต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันแพงในอนาคต โดยการให้ความช่วยเหลือจะพิจารณา ดังนี้
1.1 ให้กลุ่มผู้เดือดร้อนทำหนังสือร้องขอความช่วยเหลือผ่านกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณากลั่นกรองและเสนอความเห็นต่อกระทรวงพลังงาน เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานพิจารณาต่อไป
1.2 ผู้ที่สมควรได้รับความช่วยเหลือ ได้แก่ ผู้ประกอบกิจการที่ถูกรัฐบาลควบคุมรายได้จนไม่สามารถปรับรายได้ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันแพงได้ และกลุ่มที่มีรายได้ต่ำและได้รับผลกระทบ จากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
1.3 ต้องแสดงวิธีการจัดสรรน้ำมันให้ชัดเจนว่า น้ำมันราคาถูกจะต้องส่งผ่านไปถึงผู้เดือดร้อนจริง ไม่รั่วไหลไปทางอื่น
2. มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ รายงานผลการช่วยเหลือประชาชนโดยใช้น้ำมันราคาถูกจากโรงกลั่นในบางสาขาอาชีพที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันแพงเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
3. เห็นควรให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องพิจารณากลั่นกรองกลุ่มที่ควรได้รับความช่วยเหลือ และจัดทำกรอบระยะเวลาและจำนวนที่ต้องการให้การช่วยเหลือ รวมทั้งรายละเอียดการบริหารจัดการและตรวจสอบในการจัดสรรน้ำมันให้ชัดเจน แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้การช่วยเหลือได้ส่งผ่านถึงกลุ่มผู้เดือดร้อนจริง
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 14 ธันวาคม 2552
ประกาศกบง.ฉบับที่ 101 พ.ศ. 2556
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 10 พฤศจิกายน 2554
ครั้งที่ 29 - วันจันทร์ ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2551
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 4/2551 (ครั้งที่ 29)
วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2551 เวลา 10.00 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. แนวทางการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาผลกระทบปัญหาราคาน้ำมันแพง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (พลโทหญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ) เป็นประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล) เป็นกรรมการและเลขานุการ
ประธานฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมฯ ทราบว่าการประชุมในครั้งนี้เป็นการประชุมนัดพิเศษเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนเกี่ยวกับผลกระทบจากปัญหาราคาน้ำมันแพง ทั้งนี้เนื่องจาก สนพ. ได้รายงานให้ทราบ เกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วกับราคาน้ำมันดิบ ในช่วงปี 2549 - 2550 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ จึงได้หารือกับโรงกลั่นในเครือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ว่าจะมีแนวทางช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างไร ซึ่งเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2551 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยรองปลัดกระทรวงพลังงาน (นายณอคุณ สิทธิพงศ์) ในฐานะประธานคณะกรรมการบริษัทและผู้บริหารระดับสูงของโรงกลั่นได้มาพบและรายงานให้ทราบถึงแนวทางการช่วยเหลือที่กลุ่มโรงกลั่นในเครือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สามารถช่วยเหลือกับประชาชน โดยมีรายละเอียดคือ โรงกลั่นทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ โรงกลั่นพีทีทีเออาร์ โรงกลั่นไออาร์พีซี โรงกลั่นไทยออยล์ และโรงกลั่นบางจาก จะร่วมกันบริจาคโดยจัดสรรน้ำมันดีเซลหมุนเร็วในปริมาณ 122 ล้านลิตร/เดือน เป็นเวลา 6 เดือนรวม 732 ล้านลิตร ในราคาที่ต่ำกว่าราคาดีเซลหมุนเร็วปกติในอัตรา 3 บาท/ลิตร รวมเป็นมูลค่า 2,196 ล้านบาท โดยน้ำมันดังกล่าวจะช่วยเหลือกลุ่มประชาชนหรือสาขาอาชีพที่มีรายได้ต่ำ และได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มประมง กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มผู้ใช้รถโดยสารประจำทาง เป็นต้น ซึ่งในรายละเอียดของแนวทางการช่วยเหลือจะขอนำมาปรึกษาหารือในวันนี้ และในนามของกระทรวงพลังงาน ขอขอบคุณโรงกลั่นทั้ง 4 แห่งในเครือของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
เรื่องที่ 1 แนวทางการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาผลกระทบปัญหาราคาน้ำมันแพง
สรุปสาระสำคัญ
1. สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยเดือนพฤษภาคม 2551 อยู่ที่ระดับ 119.46 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ปรับตัวสูงขึ้นจากราคาเฉลี่ยเดือนมกราคม 2551 จำนวน 32.1 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล โดยครึ่งหนึ่งของจำนวนที่เพิ่มขึ้นเป็นการเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมถึง 16.05 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล สาเหตุจากประเทศจีนต้องนำเข้าน้ำมันเพิ่มขึ้นเพื่อทดแทนการใช้ถ่านหิน อันเนื่องจากเหมืองหลายแห่งปิดทำการด้วยเหตุแผ่นดินไหว ส่วนราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเฉลี่ยเดือนพฤษภาคม 2551 อยู่ที่ระดับ 158.63 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ปรับตัวสูงขึ้นจากราคาเฉลี่ยของเดือนมกราคม 2551 จำนวน 52.93 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล สูงกว่าน้ำมันดิบที่สูงขึ้นเพียง 32.1 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เนื่องจากจีนได้เพิ่มปริมาณการนำเข้าน้ำมันดีเซลหมุนเร็วมากขึ้นเพื่อใช้แทนน้ำมันเตาและถ่านหิน ส่วนราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 91, แก๊สโซฮอล 95, 91 และน้ำมันดีเซลหมุนเร็วของไทยปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ในระดับ 40.09, 38.99, 35.39, 34.59 และ 39.04 บาทต่อลิตร ตามลำดับ
2. กระทรวงพลังงานได้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนในบางสาขาอาชีพที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาราคาน้ำมันแพงแล้ว ดังนี้
2.1 กลุ่มเรือประมง โดยกลุ่มเรือประมงชายฝั่งจะใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อลดราคาน้ำมันม่วงให้ต่ำกว่าราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบนบกลิตรละ 2 บาท ส่วนกลุ่มเรือประมงน้ำลึกจะจำหน่ายน้ำมันเขียวในราคาถูกกว่าน้ำมันดีเซลบนบกสำหรับเรือประมงขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ในบริเวณเขตต่อเนื่องซึ่งห่างจากชายฝั่ง 12-24 ไมล์ทะเลทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ทั้งนี้ราคาน้ำมันเขียวจะได้รับการยกเว้นภาษีอากร และไม่เก็บเงินเข้ากองทุนต่างๆ ทำให้ราคาถูกกว่าน้ำมันเบนซินบนบกลิตรละ 5-6 บาท
2.2 กลุ่มธุรกิจการขนส่ง รถกระบะและรถตู้ที่ไม่สามารถดัดแปลงหรือปรับแต่งเครื่องยนต์ให้เปลี่ยนไปใช้ NGV ยังสามารถเลือกใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี5 ได้ซึ่งกระทรวงพลังงานจะใช้การบริหารกองทุนน้ำมันฯ ทำให้ราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี5 ถูกกว่าน้ำมันดีเซลลิตรละ 0.70 บาท
2.3 กลุ่มเกษตรกร ส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 ซึ่งมีราคาถูกกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็วลิตรละ 0.70 บาท ให้มีการจำหน่ายอย่างทั่วถึงในสถานีบริการของ ปตท. และ บางจาก รวมทั้งส่งเสริมการผลิตและการใช้ไบโอดีเซลชุมชนสำหรับเครื่องจักรกลการเกษตรในพื้นที่ชนบททั่วไป
3. แนวทางการช่วยเหลือประชาชนจากปัญหาราคาน้ำมันแพง
3.1 แนวทางการจัดหาน้ำมัน จากสถานการณ์ราคาน้ำมันพบว่าราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและลดผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ กระทรวงพลังงานได้ขอความร่วมมือกับ 4 โรงกลั่นในเครือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้แก่ โรงกลั่นพีทีทีเออาร์ โรงกลั่นไออาร์พีซี โรงกลั่นไทยออยล์ และโรงกลั่นบางจาก ร่วมกันจัดสรรน้ำมันดีเซลหมุนเร็วในปริมาณ 122 ล้านลิตรต่อเดือน เป็นเวลา 6 เดือน (มิถุนายน - พฤศจิกายน 2551) รวม 732 ล้านลิตร ในราคาที่ต่ำกว่าราคาดีเซลหมุนเร็วปกติ 3 บาทต่อลิตร รวมเป็นมูลค่า 2,196 ล้านบาท เพื่อเป็นการช่วยเหลือกลุ่มประชาชนหรือสาขาอาชีพที่มีรายได้ต่ำ เช่น กลุ่มประมง กลุ่มเกษตรกร และผู้ใช้รถโดยสารประจำทาง เป็นต้น
3.2 แนวทางดำเนินการช่วยเหลือกลุ่มประชาชนหรือสาขาอาชีพที่มีรายได้ต่ำที่ได้รับความเดือดร้อนโดยสามารถติดต่อมาที่ สนพ. หรือหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบ และให้หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบเป็นผู้นำเสนอขอรับความช่วยเหลือต่อคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยข้อเสนอที่ได้รับความเห็นชอบจาก กบง. ไปแล้ว กบง. จะพิจารณาติดตามและประเมินผลทุกๆ เดือน และมอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) และ สนพ. เป็นผู้ประสานการดำเนินงาน
4. เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2551 ผู้แทนกระทรวงคมนาคมได้ยื่นข้อเสนอทางวาจาต่อกระทรวงพลังงาน เพื่อให้ กบง. พิจารณา ช่วยเหลือลดราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วให้กับรถหมวด 1 (รถโดยสารในเมือง เช่น ขสมก. และรถร่วมบริการ) และหมวด 4 (รถโดยสารในเขตจังหวัด (ชานเมือง)) ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 14,636 คัน ซึ่งมีปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วประมาณ 1 ล้านลิตรต่อวัน โดยผ่านจุดจำหน่ายน้ำมันของสถานีบริการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เท่านั้น อันเนื่องจากศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งให้ทุเลาการปรับขึ้นราคาค่าโดยสารชั่วคราว จึงทำให้รถโดยสารหยุดเดินรถประท้วง ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้รถโดยสาร
5. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้พิจารณาข้อเสนอของกระทรวงคมนาคมข้างต้นแล้วเห็นควรให้ความช่วยเหลือ โดยมีแนวทางการให้ความช่วยเหลือ ดังนี้
5.1 การจัดหาน้ำมัน : กระทรวงพลังงานโดย ปตท. จัดหาน้ำมันดีเซลจำนวนประมาณ 1 ล้านลิตรต่อวัน ตามที่กระทรวงคมนาคมร้องขอ ให้กับรถหมวด 1 และ หมวด 4 ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยน้ำมันดีเซลที่จำหน่ายเป็นน้ำมันดีเซลคุณภาพปกติที่จำหน่ายในสถานีบริการทั่วไป และถูกกว่าราคาจำหน่ายในสถานีบริการปกติ 3.00 บาท/ลิตร มีปริมาณการจำหน่ายประมาณ 1 ล้านลิตรต่อวัน นับตั้งแต่วันที่เริ่มจำหน่ายน้ำมันในโครงการฯ จนกว่าจะได้ข้อยุติของศาลปกครองในกรณีการขอปรับขึ้นค่าโดยสาร
5.2 การจัดสรรน้ำมัน จะจัดสรรให้กับรถ ขสมก. และ รถร่วม ขสมก. เฉพาะรถหมวด 1 และ หมวด 4 ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวนประมาณ 14,636 คัน หรือคิดเป็นประชาชนที่เกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 4 ล้านคน โดยมีปริมาณความต้องการใช้น้ำมันประมาณ 30 ล้านลิตรต่อเดือน โดยมอบให้กระทรวงคมนาคมเป็นผู้ดำเนินงาน ติดตาม และกำกับดูแลการจำหน่ายน้ำมันของสถานีบริการของ ขสมก. ให้กับรถหมวด 1 และ หมวด 4 ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวนประมาณ 14,636 คัน
5.3 เนื่องจากจุดจำหน่ายน้ำมันในปัจจุบันของ ขสมก. มี 24 แห่งสามารถรองรับความต้องการใช้ได้น้ำมันดีเซลได้ 0.4 ล้านลิตรต่อวัน แต่จากการที่กระทรวงพลังงานมีแนวทางช่วยเหลือ รถหมวด 1 และ หมวด 4 ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านลิตรต่อวัน และต้องมีรถขนส่งน้ำมันวิ่งในช่วงกลางวัน จึงมีความจำเป็นต้องขออนุญาตสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นกรณีพิเศษให้รถขนส่งน้ำมันสามารถวิ่งนอกช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนดได้
มติของที่ประชุม
1. รับทราบผลการช่วยเหลือที่กระทรวงพลังงานได้ขอความร่วมมือกับ 4 โรงกลั่นในเครือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้แก่ โรงกลั่นพีทีทีเออาร์ โรงกลั่นไออาร์พีซี โรงกลั่นไทยออยล์ และโรงกลั่นบางจาก ได้ร่วมกันบริจาค โดยการจัดสรรน้ำมันดีเซลหมุนเร็วในปริมาณ 122 ล้านลิตรต่อเดือน เป็นเวลา 6 เดือน (มิถุนายน - พฤศจิกายน 2551) รวม 732 ล้านลิตร ในราคาที่ต่ำกว่าราคาดีเซลหมุนเร็วปกติ 3 บาทต่อลิตร รวมเป็นมูลค่า 2,196 ล้านบาท โดยคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานเป็นผู้พิจารณาจัดสรรแทนกระทรวงพลังงาน และให้การช่วยเหลือกลุ่มประชาชนหรือสาขาอาชีพที่มีรายได้ต่ำและได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มประมง กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มผู้ใช้รถโดยสารประจำทาง เป็นต้น โดยให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นประสานงานกับโรงกลั่นทั้ง 4 แห่ง ในการจัดหาน้ำมันดังกล่าว
2. เห็นชอบแนวทางการช่วยเหลือประชาชนจากปัญหาราคาน้ำมันแพง โดยให้การช่วยเหลือกลุ่มประชาชนหรือสาขาอาชีพที่มีรายได้ต่ำ เช่น ชาวประมง เกษตรกร และ ผู้ใช้รถโดยสารประจำทาง เป็นต้น โดยกลุ่มประชาชนหรือสาขาอาชีพที่มีรายได้ต่ำที่ได้รับความเดือดร้อนติดต่อมาที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานหรือหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบ และให้หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบเป็นผู้นำเสนอขอรับความช่วยเหลือต่อคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยข้อเสนอที่ได้รับความเห็นชอบไปแล้ว คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานจะพิจารณาติดตามและประเมินผลทุกๆ เดือน
ทั้งนี้ มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงานและสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานเป็นผู้ประสานการดำเนินงาน
3. เห็นชอบข้อเสนอของกระทรวงคมนาคม โดยให้ความช่วยเหลือลดราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วให้กับรถหมวด 1 (รถโดยสารในเมือง เช่น ขสมก. และรถร่วมบริการ) และหมวด 4 (รถโดยสารในเขตจังหวัด (ชานเมือง)) ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวนประมาณ 14,600 คัน ซึ่งมีปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วประมาณ 1 ล้านลิตรต่อวัน โดยผ่านจุดจำหน่ายน้ำมันของสถานีบริการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ดังนี้
3.1 การจัดหาน้ำมัน : กระทรวงพลังงานโดยบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จัดหาน้ำมันจำนวนประมาณ 1 ล้านลิตรต่อวัน ตามที่กระทรวงคมนาคมร้องขอให้กับรถหมวด 1 และ หมวด 4 ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
3.2 ราคาน้ำมันดีเซล : น้ำมันดีเซลที่จำหน่ายเป็นน้ำมันดีเซลคุณภาพปกติที่จำหน่ายในสถานีบริการทั่วไป และถูกกว่าราคาจำหน่ายในสถานีบริการปกติ 3.00 บาทต่อลิตร
3.3 ปริมาณการจำหน่าย : ประมาณ 1 ล้านลิตรต่อวัน นับตั้งแต่วันที่เริ่มจำหน่ายน้ำมันในโครงการฯ จนกว่าจะได้ข้อยุติของศาลปกครองในกรณีการขอปรับขึ้นค่าโดยสารหรือเท่าที่จำนวนน้ำมันที่ได้รับการจัดสรรหมดลง แล้วแต่เหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้นก่อน
3.4 การจัดสรรน้ำมัน : จัดสรรให้กับรถ ขสมก. และ รถร่วม ขสมก. เฉพาะรถหมวด 1 และ หมวด 4 ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวนประมาณ 14,600 คัน หรือคิดเป็นประชาชนที่เกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 4 ล้านคน โดยมีปริมาณความต้องการใช้น้ำมันประมาณ 30 ล้านลิตรต่อเดือน
3.5 การบริหารจัดการ : มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเป็นผู้ดำเนินงาน ติดตาม และกำกับดูแลการจำหน่ายน้ำมันของสถานีบริการของ ขสมก. หรือสถานีบริการที่ ขสมก. รับรอง ให้กับรถหมวด 1 และหมวด 4 ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวนประมาณ 14,600 คัน
3.6 มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน เป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตามมติข้างต้น เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน และให้นำผลการดำเนินงานเสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานในการประชุมครั้งต่อไป