มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 2/2554 (ครั้งที่ 54)
วันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2554 เวลา 14.00 น.
ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคารสำนักงานองค์การสวนสัตว์
1. การลาออกของอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน
2. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (เพิ่มเติม)
3. การขอรับคืนหุ้นจำนวน 34,200 หุ้น ของบริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ถือในนามกระทรวงการคลัง (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน)
4. การตรวจสอบการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ระยะที่ 1-4 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ
นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 การลาออกของอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน
1. คณะกรรมการกองทุนฯ มีคำสั่งลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน โดยมี ศ.ดร. จุลละพงษ์ จุลละโพธิ เป็นประธานอนุกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 8 ท่าน เป็นอนุกรรมการ และผู้แทน สนพ. เป็นเลขานุการฯ เพื่อทำหน้าที่ประเมินผลการดำเนินงานของโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ และเสนอข้อพิจารณาประกอบรายงานการประเมินผลของโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ต่อคณะกรรมการกองทุนฯ
2. ศ.ดร.วิวัฒน์ ตัณฑะพาณิชกุล อนุกรรมการประเมินผลฯ ได้มีหนังสือลงวันที่ 17 มีนาคม 2554 เพื่อขอลาออกจากการเป็นอนุกรรมการประเมินผลฯ ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2554 เป็นต้นไป เนื่องจากได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์ประจำสถาบันเทคโนโลยีแห่งโตเกียว ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2554 ได้มีมติรับทราบการลาออกของอนุกรรมการดังกล่าวแล้ว
มติที่ประชุม
รับทราบการลาออกของ ศ.ดร. วิวัฒน์ ตัณฑะพาณิชกุล อนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน
เรื่องที่ 2 งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (เพิ่มเติม)
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554 ได้อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2554 ในวงเงินรวม 2,614,335,136 บาท ดังนี้
2. มีหน่วยงานยื่นความประสงค์ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 จากกองทุนฯ เพิ่มเติม ในวงเงินรวม 90,025,790 บาท เพื่อดำเนินโครงการ ดังนี้
2.1 กองทัพบก ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนฯ ในวงเงิน 39,654,200 บาท ดำเนิน "โครงการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ เพื่อใช้ในกองกำลังป้องกันชายแดน" เพื่อส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่มีศักยภาพ โดยจะดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ ขนาด 3 กิโลวัตต์ จำนวน 34 ชุด ให้กับฐานปฏิบัติการของกองกำลังป้องกันชายแดนที่ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้งานหรือมีกระแสไฟฟ้าใช้งานไม่เพียงพอ
2.2 พพ. ขอรับการสนับสนุนงบประมาณกองทุนฯ ในวงเงิน 44,685,590 บาท ดำเนิน "โครงการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับฐานปฏิบัติการทางทหาร" ให้กับกรมการพลังงานทหารและกองบัญชาการกองทัพเรือ ตามข้อตกลงในบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงพลังงานและกระทรวงกลาโหม เพื่อให้มีไฟฟ้าใช้ และเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติภารกิจในด้านปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ
2.3 กองบิน 1 ขอรับการสนับสนุนงบประมาณกองทุนฯ ในวงเงิน 3,686,000 บาท ดำเนิน "โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนในกองบิน 1" เพื่อขยายผลการใช้เทคโนโลยีและการผลิตพลังงานทดแทนจากโครงการนำร่องกองทัพสีเขียวการใช้พลังงานทดแทนในหน่วยงานกองทัพอากาศ
2.4 สนพ. ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนฯ ในวงเงิน 2,000,000 บาท เพื่อดำเนิน "การติดตามประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานทดแทน ปี 2553" เพื่อติดตามผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าที่มีการใช้พลังงานทดแทนเป็นเชื้อเพลิง
3. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้นำงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ (เพิ่มเติม) เสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2554 แล้ว และมีความเห็นว่าการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ ให้กับฐานปฏิบัติการของกองกำลังป้องกันชายแดนที่ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้งานหรือมีกระแสไฟฟ้าใช้งานไม่เพียงพอ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติภารกิจในด้านปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ จึงเห็นควรให้การสนับสนุนโครงการฯ ตามคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ (เพิ่มเติม) ในวงเงินรวม 89,582,120 บาท ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ โดยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้
3.1 โครงการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ เพื่อใช้ในกองกำลังป้องกันชายแดน โดย กองทัพบก เห็นควรให้ปรับลดระยะเวลาดำเนินงาน จาก 1 ปี เป็น 6 เดือน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ให้เร็วขึ้น
3.2 โครงการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับฐานปฏิบัติการทางทหาร โดย พพ. เห็นว่า มีบางพื้นที่ที่จะดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ในฐานปฏิบัติการทางทหารซ้ำซ้อนกับโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์เพื่อใช้ในกองกำลังป้องกันชายแดน ของกองทัพบก จึงให้ตัดพื้นที่ซ้ำซ้อนในโครงการของ พพ. ออก ทำให้จำนวนระบบผลิตฯ ลดลงเหลือ 176 ระบบ และคงเหลืองบประมาณในการดำเนินโครงการ ในวงเงิน 44,241,920 บาท
3.3 โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนในกองบิน 1 เห็นว่า เป็นการขยายผลการใช้เทคโนโลยีและการผลิตพลังงานทดแทน จากโครงการนำร่องกองทัพสีเขียว ซึ่งจะช่วยให้เกิดการส่งเสริมให้การใช้พลังงานทดแทนตามกลไกการผลักดันให้มีการใช้พลังงานทดแทนทุกภาคส่วน จึงเห็นควรให้การสนับสนุน ในวงเงิน 3,686,000 บาท
3.4 การติดตามประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ที่ใช้พลังงานทดแทน ปี 2553 โดย สนพ. เห็นว่า โครงการดังกล่าวจะทำให้ได้แนวทางในการดำเนินงานและ/หรือแนวทางในการปรับปรุงผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบไฟฟ้าในอนาคต จึงเห็นควรให้การสนับสนุน ในวงเงิน 2,000,000 บาท
3.5 เห็นควรจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้กับ 2 หน่วยงานผู้เบิกเงินกองทุนฯ เพื่อดำเนินโครงการ ดังนี้
(1) ให้ พพ. ในวงเงิน 44,241,920 บาท ในการดำเนิน "โครงการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับฐานปฏิบัติการทางทหาร"
(2) ให้ สนพ. ในวงเงินรวม 45,340,200 บาท ในการดำเนิน
- โครงการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ เพื่อใช้ในกองกำลังป้องกันชายแดน ในวงเงิน 39,654,200 บาท โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 6 เดือน
- โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนในกองบิน 1 ในวงเงิน 3,686,000 บาท
- การติดตามประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ที่ใช้พลังงานทดแทน ปี 2553 ในวงเงิน 2,000,000 บาท
4. คณะอนุกรรมการฯ จึงมีมติให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ (เพิ่มเติม) ต่อไป
มติที่ประชุม
1. อนุมัติเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2554 (เพิ่มเติม) แผนพลังงานทดแทน งานส่งเสริมและสาธิต ให้ พพ. ในวงเงิน 44,241,920 บาท (สี่สิบสี่ล้านสองแสนสี่หมื่นหนึ่งพันเก้าร้อยยี่สิบบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนิน "โครงการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับฐานปฏิบัติการทางทหาร" ระยะเวลาดำเนินงาน 6 เดือน
2. อนุมัติเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2554 (เพิ่มเติม) แผนพลังงานทดแทน งานส่งเสริมและสาธิต ให้ สนพ. ในวงเงินรวม 45,340,200 บาท (สี่สิบห้าล้านสามแสนสี่หมื่นสองร้อยบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนิน
(1) โครงการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ เพื่อใช้ในกองกำลังป้องกันชายแดน ในวงเงิน 39,654,200 บาท โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 6 เดือน
(2) โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนในกองบิน 1 ในวงเงิน 3,686,000 บาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ 4 เดือน
(3) การติดตามประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานทดแทน ปี 2553 ในวงเงิน 2,000,000 บาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ 12 เดือน
เรื่องที่ 3 การขอรับคืนหุ้นจำนวน 34,200 หุ้น ของบริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ถือในนามกระทรวงการคลัง (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน)
1. พพ. ได้ให้การสนับสนุนการศึกษาวิจัยแก่ บริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ในการดำเนิน "โครงการต้นแบบการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี Vanadium Redox Flow" สำหรับการลดภาระกำลังไฟฟ้าสูงสุด การผลิตไฟฟ้าผสมผสานขนาดเล็ก รถประจำทางไฟฟ้า และเซลล์เชื้อเพลิงคาร์โบไฮเดรท ในวงเงิน 175 ล้านบาท มีระยะเวลาตั้งแต่ 30 มีนาคม 2549 - 29 กรกฎาคม 2550 และได้ว่าจ้างสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นที่ปรึกษาฯ โดยร่วมกับผู้ชำนาญการจากมหาวิทยาลัยของรัฐในประเทศ เพื่อติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลโครงการให้ พพ. และรับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากบริษัทฯ ในวงเงิน 25 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาดำเนินงานตั้งแต่ 30 มีนาคม 2549-29 ตุลาคม 2550
2. พพ. ได้ยกเลิกสัญญาสนับสนุนบริษัทเซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2552 เนื่องจากบริษัทฯ ทำงานล่าช้าและไม่ทำการปรับปรุงผลงานงวดที่ 1 ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบจาก สวทช. และไม่เป็นไปตามสัญญาฯ
3. พพ. และ สวทช. ได้ปรับลดวงเงินว่าจ้างตามสัญญาจาก 25 ล้านบาท เหลือ 3,461,487.60 บาท เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2553
4. ในสัญญาสนับสนุนฯ ระหว่าง พพ. และ บริษัทฯ ได้ระบุว่าบริษัทฯ ได้บริจาคหุ้นให้เป็นกรรมสิทธิแก่กระทรวงการคลัง (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน) ได้แก่ หุ้นของบริษัทฯ และหุ้นของบริษัทฯ ในเครือ จำนวน 3 บริษัท อันเป็นหุ้นที่ได้มีการชำระเต็มมูลค่าแล้ว ดังนี้ (1) หุ้นของบริษัท Squirrel Holdings Ltd. จำนวน 330 หุ้น คิดเป็นมูลค่าหุ้นรวม 330 เหรียญสหรัฐ (2) หุ้นของบริษัท Cellennium USA., Inc จำนวน 50 หุ้น คิดเป็นมูลค่าหุ้นรวม 50 เหรียญสหรัฐ และ (3) หุ้นของบริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 34,200 หุ้น คิดเป็นมูลค่าหุ้นรวม 3,420,000 บาท โดยคิดราคาหุ้นตามที่บริษัทฯ แจ้งไว้ ณ เดือนกันยายน 2548 ซึ่งเมื่อยกเลิกสัญญาฯ บริษัทฯ ได้มีหนังสือขอคืนหุ้น ซึ่ง พพ. ได้จัดทำหนังสือขอทราบความเหมาะสมจากสำนักงานอัยการสูงสุด (อส.) เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการรับบริจาคและการบริหารจัดการหุ้นและช่วยตรวจร่างสัญญาสนับสนุนฯ ให้กับ พพ.
5. อส. ได้มีหนังสือแจ้งผลการหารือของ พพ. สรุปได้ว่า ตามสัญญาสนับสนุนฯ หุ้นที่บริษัทฯ บริจาคให้แก่กองทุนฯ นั้น เป็นสมบัติของกองทุนฯ นับแต่วันที่บริษัทฯ ได้โอนให้กับกองทุนฯ ซึ่งคือวันที่ลงนามในสัญญาฯ
6. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2554 (ครั้งที่ 25) เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2554 ได้มีมติเห็นชอบให้ พพ. คืนหุ้นจำนวน 34,200 หุ้น คิดเป็นมูลค่าหุ้นรวม 3,420,000 บาท ให้แก่บริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ตามที่ได้ระบุไว้ในสัญญาสนับสนุนฯ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาต่อไป
มติที่ประชุม
เพื่อให้การปฏิบัติของคณะกรรมการกองทุนฯ เป็นไปอย่างถูกต้อง จึงให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเรื่องดังกล่าวหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาว่า คณะกรรมการกองทุนฯ สามารถดำเนินการคืนหุ้นตามหนังสือการขอรับคืนหุ้น จำนวน 34,200 หุ้น ของบริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ได้หรือไม่ และมีแนวทางปฏิบัติอย่างไร
เรื่องที่ 4 การตรวจสอบการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ระยะที่ 1-4 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2538 วันที่ 3 ตุลาคม 2540 วันที่ 19 กันยายน 2544 และวันที่ 21 กันยายน 2550 ได้มีมติอนุมัติเงินกองทุนฯ ให้กับสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ (สวพ.) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในวงเงินรวมทั้งสิ้น 1,464,800,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนิน "โครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ระยะที่ 1-4" ตั้งแต่ปี 2538-2555 เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพรองรับน้ำเสีย/ของเสียจากการเลี้ยงปศุสัตว์
2. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ดำเนินการตรวจสอบโครงการส่งเสริมเทคโนโลยีก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ระยะที่ 1-4 เฉพาะในส่วนฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่เข้าร่วมโครงการที่ก่อสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพแล้วเสร็จ โดยทำการสุ่มตรวจสอบฟาร์มสุกรที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 173 ระบบ จากทั้งหมด 304 ระบบ ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน เพื่อให้มีการกระจายสัดส่วนครอบคลุมพื้นที่ทุกภาคของประเทศไทย จำนวน 17 จังหวัด พร้อมทั้งมีการตรวจสอบข้อมูลจากเอกสารรายงานต่างๆ ของโครงการฯ มีการสัมภาษณ์ในเชิงลึกกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และมีการสังเกตการณ์การดำเนินงานของระบบก๊าซชีวภาพที่สุ่มตรวจสอบในพื้นที่ก่อสร้างระบบจริง ใช้ระยะเวลาการตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2552 - 31 พฤษภาคม 2553 โดยมีข้อตรวจพบ 2 ประเด็น และข้อสังเกต 1 ประการ ทั้งนี้ สตง. ได้มีข้อเสนอแนะให้ สนพ. ดำเนินการ ดังนี้
ข้อตรวจพบที่ 1: การดำเนินงานไม่เป็นไปตามหลักการและข้อเสนอโครงการระบบก๊าซชีวภาพของฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการที่มีการก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพแล้วเสร็จ และมีการเดินระบบผลิตก๊าซชีวภาพแล้ว ณ 31 กรกฎาคม 2552 พบว่าการดำเนินงานไม่เป็นไปตามหลักการและข้อเสนอแนะโครงการ ดังนี้
1) ฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ แต่ได้เข้าร่วมโครงการในฐานะเป็นฟาร์มขนาดกลาง จำนวน 8 ฟาร์ม รวม 19 ระบบ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.98 ของจำนวนที่สุ่มตรวจสอบ
2) ไม่มีการกระจายฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการ (มีการสนับสนุนการก่อสร้างระบบก๊าซชีวภาพในบริเวณที่ตั้งของฟาร์มเดียวกันมากกว่า 1 ระบบ) จำนวน 9 ฟาร์ม รวม 23 ระบบ หรือคิดเป็นร้อยละ 7.57
3) มีการอนุมัติให้องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) 2 แห่ง คือ อบต. สำนักตะคร้อ จ. นครราชสีมา และ อบต. ท่าหิน จ. สงขลา ซึ่งไม่มีอำนาจหน้าที่ในการทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์เข้าร่วมโครงการ
ข้อตรวจพบที่ 2: การดำเนินงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
ระบบก๊าซชีวภาพของฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ จำนวน 173 ระบบ จากระบบผลิตก๊าซชีวภาพที่มีการก่อสร้างและติดตั้งแล้วเสร็จทั้งหมด 304 ระบบ ณ กรกฎาคม 2552 พบว่า
1) ฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการที่มีการผลิตก๊าซชีวภาพและใช้ประโยชน์เพื่อทดแทน LPG หรือพลังงานไฟฟ้า ร้อยละ 65.63 ดำเนินการได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้
2) ฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการไม่มีการผลิตก๊าซชีวภาพและใช้ประโยชน์เพื่อทดแทน LPG หรือพลังงานไฟฟ้า โดยมีฟาร์มที่หยุดผลิตก๊าซชีวภาพ 2 ระบบ ได้แก่ อบต. ท่าหิน และฟาร์มพนัสพันธุ์สัตว์
ข้อสังเกต : การจัดทำสัญญาการดำเนินงานเพื่อก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพกับบุคคลซึ่งไม่ใช่เจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย พบว่า มีการลงนามในสัญญากับบุคคลซึ่งไม่ใช่เจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย จำนวน 3 ฟาร์ม รวม 9 สัญญา คิดเป็นร้อยละ 5.2 ของจำนวนระบบก๊าซชีวภาพที่สุ่มตรวจสอบ อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อเงินอุดหนุนของกองทุนฯ ที่มิได้นำไปสนับสนุนการก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพให้กับเจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย เป็นจำนวนเงินประมาณ 30.59 ล้านบาท และให้นำเสนอต่อคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเสียหายต่อเงินอุดหนุนของกองทุนฯ ที่มิได้นำไปสนับสนุนการก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพให้กับเจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย
ข้อเสนอแนะ สตง.ให้ สนพ. พิจารณาดำเนินการดังนี้
1) ในอนาคตหากมีการดำเนินโครงการในระยะต่อไป หรือโครงการอื่นที่มีลักษณะเช่นเดียวกัน
1.1 ต้องมีการควบคุมและตรวจสอบการดำเนินงานของโครงการ ให้เป็นไปตามหลักการและข้อเสนอของโครงการ และความเห็นหรือมติของคณะกรรมการกองทุนฯ อย่างเคร่งครัด
1.2 ควรมีการพิจารณาและตรวจสอบข้อเสนอโครงการ ให้มีการกำหนดกิจกรรมให้ครอบคลุมถึงระบบการใช้ประโยชน์จากก๊าซชีวภาพ
1.3 ควรกำหนดเป้าหมายการผลิตก๊าซชีวภาพและการใช้ประโยชน์ให้สอดคล้องกับสภาพการผลิตและใช้งานจริง
1.4 ควรกำหนดให้มีการติดตามผลและเก็บรวบรวมข้อมูลการดำเนินงานหลังจากเดินระบบครบ 1 ปี แล้ว และให้ฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการ รายงานผลให้ทราบเป็นระยะ
1.5 ควรกำหนดระยะเวลาการผลิตและใช้ประโยชน์ของระบบก๊าซชีวภาพไว้ในเงื่อนไขของสัญญา โดยให้สอดคล้องกับอายุการใช้งานของระบบผลิตก๊าซชีวภาพ
1.6 โครงการที่มีการดำเนินการต่อเนื่องระยะเวลาหลายปี ควรกำหนดให้มีการประเมินผลทุกระยะก่อนการอนุมัติเงินกองทุน เพื่อดำเนินโครงการในระยะต่อไป
2) โครงการฯ ระยะที่ 3 และ 4 อยู่ระหว่างดำเนินการ
2.1 ต้องมีการควบคุมและตรวจสอบการดำเนินงานของ สวพ. ให้เป็นไปตามหลักการและข้อเสนอของโครงการ และความเห็นหรือมติของคณะกรรมการกองทุนฯ รวมถึงแจ้งให้ สวพ. ควบคุมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และที่ปรึกษาให้เป็นไปตามหลักการและข้อเสนอของโครงการอย่างเคร่งครัด
2.2 ดำเนินการสำรวจระบบผลิตก๊าซชีวภาพที่มีปัญหา/หยุดการผลิต รวมทั้งระบบที่ผลิตและใช้ประโยชน์ได้ต่ำกว่าเป้าหมาย เพื่อรวบรวมปัญหาอุปสรรค และดำเนินการแก้ไขต่อไป
2.3 ฟาร์มที่ยังไม่ได้ทำสัญญาเข้าร่วมโครงการ ควรพิจารณาเพิ่มเงื่อนไขในสัญญาเกี่ยวกับระยะเวลาการผลิตและใช้ประโยชน์ของระบบผลิตก๊าซชีวภาพให้สอดคล้องกับอายุการใช้งานของระบบ และกรณีมีการรื้อถอนระบบผลิตก๊าซชีวภาพก่อนครบอายุการใช้งาน ฟาร์มต้องชำระเงินอุดหนุนค่าก่อสร้างและติดตั้งระบบผลิตก๊าซชีวภาพคืนให้กับกองทุนฯ ตามสัดส่วนของอายุการใช้งานที่เหลืออยู่ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานตามอายุการใช้งานของระบบ
3. สวพ. ได้ดำเนินการก่อสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพในพื้นที่จำนวน 3 ฟาร์ม ได้แก่ 1) บริษัท วี.ซี.เอฟ. กรุ๊ป จำกัด 2) บริษัท ปฐมเกษตร จำกัด และ 3) บริษัท ชัยภูมิฟาร์ม จำกัด ซึ่ง สตง. ตรวจพบว่าการก่อสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพ มีการลงนามในสัญญากับบุคคลซึ่งไม่ใช่เจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย ได้แก่ 1) นายวีระชัย เตชะสัตยา 2) นายสว่าง ศักดิ์ศรีสกุล และ 3) นายปราโมทย์ จิรกวินวาณิช และ นางสาวจริภรณ์ จิรกวินวาณิช ตามลำดับ เห็นว่าอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อเงินอุดหนุนของกองทุนฯ เนื่องจากมีการทำสัญญากับบุคคลซึ่งไม่ใช่เจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย โดย สวพ. ได้ชี้แจงว่า การเข้าร่วมโครงการในนามบุคคลซึ่งไม่ใช่เจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย บุคคลดังกล่าวนั้น ได้จัดส่งเงินค้ำประกันสัญญา และได้ดำเนินการก่อสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพ รวมทั้งอุปกรณ์ผลิตพลังงานทดแทนอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการตามที่สัญญาระบุ เมื่อ สวพ. ตรวจสอบแล้วพบว่า บุคคลดังกล่าวสามารถดำเนินการก่อสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพได้ตามวัตถุประสงค์อย่างสมบูรณ์ จึงได้ดำเนินการเบิกจ่ายเงินสนับสนุนให้แก่บุคคลซึ่งเป็นคู่สัญญา ทั้งนี้ สวพ. ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินภายในของเจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย หรือเงินส่วนตัวของบุคคลในการนำมาใช้ในกิจกรรมการก่อสร้างตามสัญญา
4. สนพ. ได้ประสานงานให้ สวพ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นปรับปรุงการดำเนินงานโครงการที่กำลังจะดำเนินการในอนาคต หรือโครงการที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะของ สตง. แล้ว ส่วนการดำเนินงานตามข้อสังเกตของ สตง. นั้น สนพ. เห็นสมควรนำเสนอกรรมการกองทุนฯ พิจารณากรณีการจัดทำสัญญาการดำเนินงานเพื่อก่อสร้างและติดตั้งระบบผลิตก๊าซชีวภาพกับบุคคลซึ่งไม่ใช่เจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย ของ สวพ.เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเสียหายต่อเงินอุดหนุนของกองทุนฯ ที่มิได้นำไปสนับสนุนการก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพให้กับเจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย ตามข้อเสนอแนะของ สตง.
5. ฝ่ายเลขานุการฯ เห็นควรเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ ให้มีการตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อดำเนินการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเสียหายต่อเงินอุดหนุนของกองทุนฯ ที่มิได้นำไปสนับสนุนการก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพให้กับเจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย ตามความเห็นของ สตง. โดยมีองค์ประกอบ ดังนี้
1. ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน (นายชุมพล ฐิตยารักษ์) ประธานอนุกรรมการ
2. ผู้แทนกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน อนุกรรมการ
3. ผู้แทนกรมบัญชีกลาง อนุกรรมการ
4. ผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน อนุกรรมการ
5. หัวหน้ากลุ่มงานนิติการ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน อนุกรรมการและเลขานุการ
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ เพื่อดำเนินการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเสียหายต่อเงินอุดหนุนของกองทุนฯ ที่มิได้นำไปสนับสนุนการก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพให้กับเจ้าของฟาร์ม ตามกฎหมาย โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอมา