มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 3/2549 (ครั้งที่ 44)
วันพฤหัสบดีที่ 21 ธันวาคม 2549 เวลา 13.30 น
ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล
1. แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
4. เห็นชอบผลการดำเนินงานโครงการที่เป็นงานต่อเนื่องและผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการกองทุนฯ แล้ว
5. ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการประเมินผลแผนอนุรักษ์พลังงาน
รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์) กระทรวงพลังงาน ผู้เข้าร่วมการประชุม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า เนื่องจากประธานกรรมการกองทุนฯ ติดภารกิจเร่งด่วน จึงมอบหมายให้ทำหน้าที่ประธานในการประชุมไปพรางก่อน
เรื่องที่ 1 แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2549 ได้มติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนฯ เรียบร้อยแล้ว จำนวน 7 ท่าน ตามรายนามดังต่อไปนี้
1. นายปิยะวัติ บุญ-หลง
2. นายปรีดา วิบูลย์สวัสดิ์
3. นายกฤษณพงศ์ กีรติกร
4. นายอรรจน์ เศรษฐบุตร
5. นายยอดเยี่ยม เทพธรานนท์
6. นางสาวพรทิพย์ จาละ
7. นายพรายพล คุ้มทรัพย์
มติที่ประชุม
รับทราบ
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงาน ประมาณการรับ-จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและงบการเงินที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบเรียบร้อยแล้วให้ที่ประชุมรับทราบ ซึ่งมีประมาณการรับ-จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 คงเหลือ ณ วันที่ 30 กันยายน 2550 ดังนี้
หน่วย : ล้านบาท | |
เงินคงเหลือ ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 | 4,915.24 |
บวก ประมาณการรายรับ ปี 2550 | 1,400.00 |
รวมเงินคงเหลือ | 6,315.24 |
หัก ประมาณการรายจ่าย ปี 2550 | (3,641.18) |
ประมาณการเงินคงเหลือ ณ วันที่ 30 ก.ย. 2550 | 2,674.06 |
มติที่ประชุม
รับทราบ
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้คณะกรรมกองทุนฯ รับทราบถึงกรอบแผนอนุรักษ์ฯ ระยะที่ 3 โดยสรุป ดังนี้
1. ความเป็นมา
1.1 คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในการประชุม เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2547 ได้อนุมัติกรอบแผนอนุรักษ์พลังงานฯ ระยะที่ 3 (ในช่วงปี 2548-2554) ตามข้อเสนอของคณะกรรมการกองทุนฯ และเห็นชอบให้คณะกรรมการกองทุนฯ โดยมีเป้าหมายตามยุทธศาสตร์พลังงานของประเทศที่จะลดอัตราส่วนการใช้พลังงานต่ออัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจจาก 1.4:1 เป็น 1:1 ภายในปี 2551 และเพิ่มอัตราส่วนการใช้พลังงานทดแทนจากร้อยละ 0.5 เป็นร้อยละ 8 ภายในปี 2554
1.2 ผลการดำเนินการในปี 2548 และปี 2549 คาดว่าเมื่อโครงการดำเนินงานจนครบอายุการใช้งานของอุปกรณ์หรือเทคโนโลยีแล้ว จะลดการใช้พลังงานได้ 2,490 ktoe/ปี หรือคิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 47,310 ล้านบาท อัตราการใช้พลังงานต่ออัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจจาก 1.4:1 เป็น 1.2:1 เพิ่มอัตราส่วนการใช้พลังงานทดแทนจากร้อยละ 0.5 เป็นร้อยละ 3 และยังมีประโยชน์ในด้านอื่นๆ เช่น ลดการก่อมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
2. ทบทวนแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 ในช่วงที่เหลือ (ปี 2550-2554)
เป็นการทบทวนแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 (ในช่วงปี 2548-2554) จากที่ กพช. เห็นชอบไว้เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2547 โดยพิจารณาจากความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันทั้งด้านศักยภาพและมาตรการที่จะดำเนินการ รวมถึงความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ด้านพลังงานของประเทศ และนโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลชุดปัจจุบัน
2.1 ยุทธศาสตร์ด้านพลังงานของประเทศ ในช่วงปี 2548-2554
ยุทธศาสตร์หลักของการแก้ไขปัญหาด้านพลังงานของประเทศ ประกอบด้วย (1) การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัด (2) การใช้พลังงานทดแทน เช่น NGV ก๊าซโซฮอล์ และไบโอดีเซล และ (3) ความมั่นคงในการจัดหาแหล่งพลังงานในประเทศและต่างประเทศ (4) การพัฒนาศูนย์กลางพลังงาน และมีมาตรการประหยัดพลังงานมาตามลำดับ โดยมุ่งเน้นใน 3 ภาคเศรษฐกิจหลักที่มีการใช้พลังงานรวมมากถึงร้อยละ 95 ได้แก่ ภาคการขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจและที่อยู่อาศัย โดยมีภาครัฐทำตัวเป็นตัวอย่างด้านประหยัดพลังงาน
2.2 นโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลชุดปัจจุบัน
"ส่งเสริมประสิทธิภาพและประหยัดการใช้พลังงาน การพัฒนาและใช้ประโยชน์พลังงานทดแทน การสำรวจและพัฒนาแหล่งพลังงานทั้งภายในประเทศและนอกประเทศ รวมถึงเขตพัฒนาร่วมกันกับประเทศเพื่อนบ้าน การส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด การกำหนดโครงสร้างราคาพลังงานที่เหมาะสม และการปรับโครงสร้างบริหารกิจการพลังงานให้เหมาะสม โดยแยกงานนโยบายและการกำกับดูแลให้มีความชัดเจน รวมทั้งส่งเสริมการแข่งขันในธุรกิจพลังงานในระยะยาว และการศึกษาวิจัยพลังงานทางเลือก" โดยกระทรวงพลังงานได้จัดทำแนวนโยบายพลังงานดังกล่าวให้มีรายละเอียดและชัดเจนมากขึ้น และเสนอ กพช. เห็นชอบเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2549 โดยเป็นการมุ่งเน้นการวางพื้นฐานการพัฒนาพลังงานของประเทศให้มีความมั่นคงและยั่งยืน สอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
3. แผนปฏิบัติการอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2550-2554
3.1 จากการทบทวนแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 เพื่อดำเนินการในช่วงปี 2550-2554 องค์ประกอบของแผนฯ ยังคงดำเนินการใน 3 แผนงาน
(1) แผนงานพัฒนาพลังงานทดแทน เป็นแผนงานเกี่ยวกับ
งานศึกษา วิจัยพัฒนา และส่งเสริมเพื่อก่อให้เกิดการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้นในการผลิตไฟฟ้า ความร้อน และเชื้อเพลิงชีวภาพ เพื่อใช้ในภาคคมนาคมขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม บ้านอยู่อาศัย ได้แก่ แสงอาทิตย์ น้ำ ลม ชีวมวล ชีวภาพ เอทานอล ไบโอดีเซล เซลล์เชื้อเพลิง ฯลฯ
งานสร้างและพัฒนาศักยภาพของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานด้านพลังงานทดแทน ได้แก่ การประชุมเชิงวิชาการ สัมมนา ฝึกอบรม ดูงาน ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการให้ทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี โท เอก
งานเผยแพร่ข้อมูล สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนทั่วไป เพื่อรู้จักพลังงานทดแทน พลังงานทางเลือก ให้ถูกต้อง อาทิ ชีวมวล ชีวภาพ ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน นิวเคลียร์ แก๊สโซฮอล์ ไบโอดีเซล มีความเชื่อมั่น และสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐ
(2) แผนงานเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เป็นแผนงานเกี่ยวกับ
งานศึกษา วิจัยพัฒนา และส่งเสริมเพื่อก่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ในภาคคมนาคมขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม ธุรกิจ บริการ เกษตรกรรม และภาคบ้านอยู่อาศัย
งานสร้างและพัฒนาศักยภาพของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ได้แก่ การประชุมเชิงวิชาการ สัมมนา ฝึกอบรม ดูงาน ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการให้ทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี โท เอก
งานสร้างความรู้ความเข้าใจเพื่อให้มีการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า ปรับเปลี่ยนลักษณะการใช้พลังงานให้เป็นไปอย่างพอประมาณ
(3) แผนงานบริหารเชิงกลยุทธ์ เป็นแผนงานเกี่ยวกับ
งานศึกษาวิจัยเชิงนโยบายเพื่อเป็นข้อเสนอแนะ ทางเลือก หรือภาพรวมของสถานการณ์ที่ผสมผสานทั้งมิติด้าน การผลิตและการใช้พลังงาน ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สำหรับใช้ประกอบการตัดสินใจพัฒนาแผนพลังงานทดแทน หรือแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้เหมาะสมทันต่อสถานการณ์ เป็นเครื่องมือนำทางสำหรับจัดลำดับความสำคัญของงานและการจัดสรรงบประมาณ
งานด้านบริหารจัดการให้แผนอนุรักษ์พลังงานดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ
งานช่วยเหลือส่งเสริมการดำเนินงานอื่นๆ เป็นเรื่องเฉพาะกิจที่สำคัญหรือเร่งด่วน
3.2 โดยส่วนใหญ่ยังคงมาตรการเดิม แต่ปรับเป้าหมายและวิธีดำเนินการเพื่อให้ผลที่คาดว่าจะได้รับชัดเจนขึ้น ได้แก่ การดำเนินการให้โรงงานควบคุมและอาคารควบคุมปฏิบัติตามที่พระราชบัญญัติฯ กำหนดอย่างจริงจัง การดำเนินการเรื่องมาตรฐานประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงาน ปรับลดเป้าหมายของการลดปริมาณการใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ของประเทศ เพราะแผนงานบางส่วน เช่น ระบบขนส่งมวลชน ระบบขนส่งสินค้า แผนปฏิบัติการโลจิสติกส์ ที่เป็นโครงการขนาดใหญ่และต้องใช้เงินลงทุนสูง ได้เลื่อนมาดำเนินการในปี 2550 นอกจากนี้ยังได้เพิ่มการส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติ และทบทวนเป้าหมายและแผนด้านพลังงานทดแทนทั้งด้านการผลิตไฟฟ้าในส่วนของพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และน้ำ เป้าหมายของการใช้แก๊สโซฮอล์ ไบโอดีเซล เป็นต้น โดยคำนึงถึงศักยภาพ ความสามารถ ความพร้อม ความเหมาะสมที่จะดำเนินการ
3.3 สรุปเป้าหมายแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 ในช่วงปี 2550-2554
(1) เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยลดใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ ในปี 2554 จาก 91,877 พันตัน เทียบเท่าน้ำมันดิบ เหลือ 84,183 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือลดการใช้พลังงานโดยไม่เกิดประโยชน์ได้ประมาณ 9.1 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 7,694 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ จำแนกเป็นภาคคมนาคมขนส่ง 3.9% ภาคอุตสาหกรรม 4.6% การจัดการใช้พลังงาน 0.7%
(2) พัฒนาพลังงานทดแทนให้มีสัดส่วนการใช้เพิ่มขึ้น โดยในปี 2554 จะมีการใช้พลังงานอื่นๆ เพิ่มขึ้น 13.9% ของความต้องการใช้พลังงานขั้นสุดท้าย หรือทดแทนการใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ประมาณ 11,722 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ จำแนกเป็น
1) ภาคคมนาคมขนส่ง มีการใช้พลังงานทดแทน 21% โดยใช้ Biodiesel แทนน้ำมันดีเซล 1,258 ktoe ใช้ Ethanol แทนน้ำมันเบนซิน 820 ktoe และใช้ NGV 4,764 ktoe
2) ภาคอุตสาหกรรมและบ้านอยู่อาศัย มีการใช้พลังงานทดแทน ดังนี้
ใช้แสงอาทิตย์ผลิตไฟฟ้า 75 MW คิดเป็น 7 ktoe และทำน้ำร้อน 5 ktoe
ใช้พลังลมสูบน้ำและผลิตไฟฟ้า 45 MW คิดเป็น 5 ktoe
ใช้น้ำท้ายเขื่อนชลประทานผลิตไฟฟ้า 156 MW คิดเป็น 18 ktoe
ใช้ชีวมวลผลิตไฟฟ้า 2,800 MW คิดเป็น 940 ktoe และให้ความร้อน 3,660 ktoe
ใช้น้ำเสียมาเป็นก๊าซชีวภาพผลิตไฟฟ้า 30 MW หรือคิดเป็น 14 ktoe
(3) มีผู้จบการศึกษาระดับอุดมศึกษาทั้งในและต่างประเทศด้านพลังงานมาช่วยเสริมการทำงานเพิ่มขึ้น 400 คน มีหลักสูตรการเรียนการสอนด้านพลังงานในโรงเรียนกว่า 30,000 โรงเรียน มีหลักสูตรอุดมศึกษาที่ตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและผลิตบุคลากรที่มีทักษะด้านพลังงานในภาคอุตสาหกรรม 1,400 คน ผู้ชำนาญการด้านพลังงานระดับท้องถิ่นได้รับการพัฒนาทักษะ 500 คน
เปรียบเทียบเป้าหมายอนุรักษ์พลังงานในปี 2554 ระหว่างแผนเดิมกับแผนที่ปรับปรุง
แผนงาน | เป้าหมายเดิม | เป้าหมายใหม่ | ||
ktoe | ร้อยละ | ktoe | ร้อยละ | |
(1) แผนงานเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 10,354 | 12.7 | 7,694 | 9.1 |
- สาขาอุตสาหกรรม | 3,411 | 4.2 | 3,832 | 4.6 |
- สาขาขนส่ง | 6,270 | 7.7 | 3,290 | 3.9 |
- การจัดการด้านการใช้พลังงาน | 673 | 0.8 | 571 | 0.7 |
(2) แผนงานด้านพลังงานทดแทน | 7,530 | 9.2 | 11,722 | 13.9 |
- ส่งเสริม NGV | - | - | 4,764 | 5.7 |
- พลังงานหมุนเวียน* | 7,530 | 9.2 | 6,958 | 8.3 |
เป้าหมายของการใช้พลังงานหมุนเวียน ในปี 2554 จำแนกประเภทได้ดังนี้
ประเภทพลังงาน | ไฟฟ้า | ความร้อน | เชื้อเพลิงชีวภาพ | รวม | ||
MW | ktoe | ktoe | ล้านลิตร/วัน | ktoe | ktoe | |
เอทานอล | - | - | - | 3 | 820 | 820 |
ไบโอดีเซล | - | - | - | 4 | 1,258 | 1,258 |
ชีวมวล | 2,800 | 940 | 3,660 | - | - | 4,600 |
ขยะ | 100 | 45 | - | - | - | 45 |
ก๊าซชีวภาพ | 30 | 14 | 186 | - | - | 200 |
ไฟฟ้าพลังน้ำ | 156 | 18 | - | - | - | 18 |
พลังลม | 45 | 5 | - | - | - | 5 |
แสงอาทิตย์ | 75 | 7 | 5 | - | - | 12 |
รวม | 3,206 | 1,029 | 3,851 | 7 | 2,078 | 6,958 |
โดยในช่วงปี 2550-2554 จะขอจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไปดำเนินการประมาณ 12,488 ล้านบาท และขอให้คณะกรรมการกองทุนฯ จัดสรรเงินกองทุนฯ สำหรับใช้จ่ายตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 (ในช่วงปี 2550-2554) ภายในวงเงินรวมดังกล่าว โดยสามารถให้ความเห็นชอบปรับปรุงแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และการจัดสรรเงินตามแผนงานต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ภายในวงเงินรวมดังกล่าว
4. แผนปฏิบัติการอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2550
แผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปีงบประมาณ 2550 ที่ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการกองทุนฯ แล้วในการประชุมรวม 2 ครั้ง คือเมื่อวันที่ 4 และ 14 ธันวาคม 2549 โดยสรุปสาระสำคัญของแผนฯ ได้ดังนี้
4.1 เร่งรัดการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 เพื่อบังคับให้โรงงานควบคุม 3,110 แห่ง อาคารควบคุม 1,115 แห่ง (ไม่รวมอาคารของรัฐ 800 แห่ง) ดำเนินการตามแผนและเป้าหมายอนุรักษ์พลังงานที่เสนอไว้กับ พพ. อย่างจริงจัง โดยแก้ไขกฎกระทรวง ใช้มาตรการส่งเสริม สนับสนุนและจูงใจทั้งด้านการเงิน มาตรการทางภาษี และคำแนะนำทางด้านเทคนิค
4.2 ติดตามการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงในหน่วยงานราชการและอาคารของรัฐให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีกับประชาชน คาดว่าในปี 2550 จาก 1,800 หน่วยงานที่ใช้ไฟฟ้ามากกว่า 10,000 หน่วย/ปี จะลดใช้พลังงาน 38 ktoe/ปี คิดเป็นมูลค่า 1,187 ล้านบาท/ปี
4.3 เร่งรัดการจัดการออกกฎกระทรวงเพื่อให้ วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องจักร และเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงาน ที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศไทย ได้มาตรฐานมีประสิทธิภาพด้านพลังงาน พร้อมทั้งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีการผลิตและประชาชนนิยมใช้เป็นที่แพร่หลาย โดยในปี 2550 สมอ. จะประกาศให้มาตรฐานการใช้พลังงานขั้นต่ำมีผลใช้บังคับกับบัลลาสต์ และหลอดฟลูออเรสเซนต์/คอมแพคฟลูออเรสเซนต์ กระทรวงพลังงานออกกฎกระทรวงประกาศมาตรฐานขั้นสูงกับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า 6 รายการ และมีสินค้าที่ติดฉลากแสดงประสิทธิภาพพลังงานเพิ่มเติม คือ พัดลมโคจร กระติกน้ำร้อน เตาหุงต้ม LPG อุปกรณ์ปรับความเร็วรอบมอเตอร์ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถบรรทุกส่วนบุคคล คาดว่าจะก่อให้เกิดผลประหยัดพลังงาน 120 ktoe/ปี คิดเป็นมูลค่า 3,493 ล้านบาท/ปี
4.4 ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนพัฒนาพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น โดยใช้มาตรการกำหนดอัตราราคารับซื้อไฟฟ้าส่วนเพิ่ม (Adder) และใช้เงินจากกองทุนฯ 2,000 ล้านบาท (1,000 ล้านบาท/ปี) เพื่อให้เอกชนที่จะลงทุนด้านพลังงานทดแทนได้มีแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ที่คาดว่าจะช่วยทำให้เพิ่มอัตราส่วนการใช้พลังงานทดแทนจากร้อยละ 3 เป็นร้อยละ 4.7 คาดว่าเป็นการผลิตไฟฟ้าเพิ่มจาก 2,055 MW เป็น 2,233 MW เพิ่มการใช้ในกระบวนการความร้อนจาก 1,789 ktoe เป็น 2,217 ktoe และเพิ่มการใช้เอทานอล 0.4 ล้านลิตร/วัน เป็น 0.9 ล้านลิตร/วัน และใช้ไบโอดีเซล 0.3 ล้านลิตร/วัน เป็น 0.5 ล้านลิตร/วัน
4.5 การกระจายความรู้ความเข้าใจสู่ภูมิภาคและท้องถิ่นอย่างทั่วถึง ทั้งเรื่องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการใช้พลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานรูปแบบอื่นที่เหมาะสมกับท้องถิ่น
4.6 ให้ความรู้ความเข้าใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในเรื่องพลังงานทางเลือก ทั้งด้านนโยบายของรัฐ การผลิต การใช้ การกำกับดูแลความปลอดภัย และการจัดการป้องกันผลกระทบ เช่น ก๊าซธรรมชาติ แก๊สโซฮอล์ ไบโอดีเซล ถ่านหิน นิวเคลียร์ เป็นต้น
4.7 ในปี 2550 คาดว่าจะมีประมาณการรายจ่ายรวมทั้งสิ้น 3,487,758,344 บาท ประกอบด้วย
1. แผนพลังงานทดแทน | 2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 3. แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ | |||
ล้านบาท | ล้านบาท | ล้านบาท | |||
1.1 งานศึกษาวิจัยและ | 2.1 งานศึกษาวิจัยและ | 3.1 งานศึกษาเชิงนโยบาย | |||
พัฒนาด้านเทคนิค | 356.22 | พัฒนาด้านเทคนิค | 239.00 | และวิชาการ | 102.00 |
1.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 1,541.05 | 2.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 548.11 | 3.2 งานบริหารกองทุน | 85.52 |
1.3 งานพัฒนาบุคลากร | 34.50 | 2.3 งานพัฒนาบุคลากร | 180.35 | 3.3 งานอื่นๆ | - |
และประชาสัมพันธ์ | 156.00 | และประชาสัมพันธ์ | 180.00 | ||
1.4 งานบริหารแผนงาน | 42.50 | 2.4 งานบริหารแผนงาน | 22.50 | ||
รวม | 2,130.27 | รวม | 1,169.96 | รวม | 187.52 |
โดยจัดสรรให้ 3 หน่วยงาน คือ พพ. สนพ. และกรมบัญชีกลาง นำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ดังนี้
หน่วยงาน | 1. แผนพลังงานทดแทน | 2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพฯ | 3. แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ | รวม |
1) พพ. | 1,600,772,500 | 697,350,000 | - | 2,298,122,500 |
2) สนพ. | 529,500,000 | 472,611,000 | 186,405,104 | 1,188,516,104 |
3) กรมบัญชีกลาง | - | - | 1,119,740 | 1,119,740 |
รวม | 2,130,272,500 | 1,169,961,000 | 187,524,844 | 3,487,758,344 |
ทั้งนี้ ให้แต่ละหน่วยงานสามารถถัวจ่ายภายในแผนงาน/งานเดียวกันได้
4.8 สรุปผลที่คาดว่าจะได้รับจากการดำเนินการในปี 2550 จะสามารถลดปริมาณการใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ลง 541 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ และจะนำพลังงานทดแทนมาใช้เพิ่มขึ้น 550 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ ภายในปี 2550
5. ฐานะการเงินกองทุนฯ ในช่วงปี 2550-2554
5.1 ในช่วงปี 2535-2540 กพช. กำหนดอัตราจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนฯ ไว้ที่ 7 สตางค์/ลิตร เป็นช่วงที่การดำเนินงานอนุรักษ์พลังงานยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น เพราะรอการออกกฎกระทรวง รอการจัดทำระเบียบและหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินให้เรียบร้อย จึงทำให้ฐานะการเงินของกองทุนฯ มีรายรับสูงกว่ารายจ่ายมาก ซึ่งในเดือนกรกฎาคม 2540 สถานการรายได้ของรัฐไม่เพียงพอกับงบประมาณที่ตั้งไว้ในปี 2540 และ 2541 กพช. จึงได้เก็บเพิ่มอัตราภาษีน้ำมันเชื้อเพลิง และให้ลดอัตราการเงินส่งเข้ากองทุนฯ เป็นอัตรา 4 สตางค์ต่อลิตร เป็นการชั่วคราว เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันในช่วงเวลานั้น
การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในช่วงที่ผ่านมา ยังมีสภาพคล่องเพราะมีเงินสะสมมาจากช่วงปี 2535-2540 ที่รายรับสูงกว่ารายจ่ายมาก ปัจจุบันวงเงินดังกล่าวได้มีการใช้จ่ายออกไปตามแผนฯ อย่างต่อเนื่อง ทำให้ฐานะการเงินของกองทุนฯ ณ 30 กันยายน 2549 เมื่อประเมินกับรายรับของกองทุนฯ ที่เก็บในอัตรา 4 สตางค์/ลิตร จะไม่เพียงพอรองรับกับแผนการดำเนินงานในช่วงต่อไป
5.2 เพื่อช่วยเหลือและส่งเสริมให้มีการผลิตและใช้พลังงานอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนก่อให้เกิดการผลิตอุปกรณ์และวัสดุที่ใช้ในการอนุรักษ์พลังงานขึ้นภายในประเทศ และเร่งรัดให้การดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายตามแผนฯ คาดว่าจะขอจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ประมาณ 12,488 ล้านบาท (ปี 2550-2554) และจากสถิติการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเฉลี่ย 3,521 ล้านบาท/ปี เมื่อนำมาเป็นฐานการจัดทำงบประมาณรายจ่าย ล่วงหน้าแต่ละปี ในระยะเวลา 5 ปี โดยประมาณการรายรับของกองทุนฯ จากปัจจุบันที่กำหนดอัตราเก็บเงินเข้ากองทุนฯ 4 สตางค์/ลิตร หรือประมาณ 1,300-1,400 ล้านบาท/ปี จึงสรุปฐานะการเงินของกองทุนฯ ในช่วง 2550-2554 ได้ดังนี้
ปีงบประมาณ | 2550 | 2551 | 2552 | 2553 | 2554 | รวม |
1. เงินคงเหลือยกมาต้นปี | 4,915 | (514) | (2,554) | (3,081) | (3,493) | 4,915 |
2. ประมาณการรายรับล่วงหน้า | 1,287 | 1,314 | 1,342 | 1,370 | 1,399 | 6,711 |
3. เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจาก พพ. | 413 | 937 | 1,080 | 986 | 936 | 4,351 |
รวมรับ | 1,699 | 2,251 | 2,421 | 2,356 | 2,335 | 4,351 |
4. รายจ่าย ประกอบด้วย | ||||||
4.1 รายจ่ายผูกพัน ปี 2538-2547 | 558 | 468 | 398 | 265 | 76 | 1,764 |
4.2 รายจ่ายผูกพัน ปี 2548-2549 | 3,082 | 824 | 551 | 503 | - | 4,959 |
4.3 ประมาณการรายจ่ายล่วงหน้า | 3,488 | 3,000 | 2,000 | 2,000 | 2,000 | 12,488 |
รวมจ่าย | 7,128 | 4,291 | 2,948 | 2,768 | 2,076 | 19,212 |
5. เงินคงเหลือปลายปี ยกไป | (514) | (2,554) | (3,081) | (3,493) | (3,235) | (3,235) |
5.3 เมื่อพิจารณาสถานการงบประมาณของประเทศในปัจจุบันค่อนข้างมั่นคงแล้ว และเพื่อให้ฐานะทางการเงินของกองทุนฯ เพิ่มขึ้นสู่ระดับเดิมและสอดคล้องกับการใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ ตามแผนอนุรักษ์พลังงาน จึงขอเสนอปรับเพิ่มอัตราส่งเงินเข้ากองทุนฯ เป็นอัตรา 7 สตางค์ต่อลิตร สำหรับน้ำมันเบนซิน ก๊าด ดีเซล และเตาที่ผลิตในประเทศและนำเข้า และอัตรา 6.3 สตางค์ต่อลิตร สำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ซึ่งจะทำให้ฐานะการเงินของกองทุนฯ ในช่วง 2-3 ปีแรก รายจ่ายยังสูงกว่ารายรับ แต่จากการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ แต่ละปี พบว่าเบิกจ่ายได้เฉลี่ยร้อยละ 70 ของงบประมาณประจำปีที่ได้รับ ซึ่งเมื่อนำมาประมาณการฐานะการเงินในช่วง ปี 2550-2554 ก็เห็นว่าการกำหนดอัตราส่งเงินเข้ากองทุนฯ ที่ระดับอัตรา 7 สตางค์ต่อลิตร ก็น่าจะสอดคล้องกับการใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ
หน่วย : ล้านบาท
ปีงบประมาณ | 2550 | 2551 | 2552 | 2553 | 2554 | รวม |
1. เงินคงเหลือยกมาต้นปี | 4,915 | 1,348 | (4) | 25 | 491 | 4,915 |
2. ประมาณการรายรับล่วงหน้า | 2,102 | 2,149 | 2,198 | 2,248 | 2,299 | 10,995 |
3. เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจาก พพ. | 413 | 937 | 1,080 | 986 | 936 | 4,351 |
รวมรับ | 2,514 | 3,086 | 3,277 | 3,233 | 3,235 | 4,351 |
4. รายจ่าย ประกอบด้วย | ||||||
4.1 รายจ่ายผูกพัน ปี 2538-2547 | 558 | 468 | 398 | 265 | 76 | 1,764 |
4.1 รายจ่ายผูกพัน ปี 2548-2549 | 3,082 | 824 | 551 | 503 | - | 4,959 |
4.3 ประมาณการรายจ่ายล่วงหน้า | 2,441 | 3,146 | 2,300 | 2,000 | 2,600 | 12,488 |
รวมจ่าย | 6,081 | 4,438 | 3,248 | 2,768 | 2,676 | 19,212 |
5. เงินคงเหลือปลายปี ยกไป | 1,348 | (4) | 25 | 491 | 1,049 | 1,049 |
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบกรอบแผนอนุรักษ์พลังงาน และกรอบการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในช่วงปี 2550-2554 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ และก่อนนำเสนอ กพช. ให้ สนพ. ปรับลดเป้าหมายพลังงานแสงอาทิตย์ลงเป็น 45 MW เพิ่มเป้าหมายของพลังงานลมเป็น 115 MW ปรับลดเป้า NGV เป็น 251,600 คัน สำหรับแนวทางดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในขนส่งนั้น เห็นชอบกรอบแผนงานตามที่เสนอ และเมื่อแผนงานทางกระทรวงคมนาคมชัดเจนขึ้นแล้ว คณะกรรมการกองทุนฯ จะพิจารณารายละเอียดภายหลัง
2. อนุมัติแผนอนุรักษ์พลังงาน และงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 2550 ในวงเงินรวม 3,484,538,344 บาท โดยจัดสรรให้ พพ. สนพ. และกรมบัญชีกลาง ประกอบด้วย
หน่วย : บาท
หน่วยงาน | 1. แผนพลังงานทดแทน | 2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพฯ | 3. แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ | รวม |
1) พพ. | 1,597,552,500 | 697,350,000 | - | 2,294,902,500 |
2) สนพ. | 529,500,000 | 472,611,000 | 186,405,104 | 1,188,516,104 |
3) กรมบัญชีกลาง | - | - | 1,119,740 | 1,119,740 |
รวม | 2,127,0522,500 | 1,169,961,000 | 187,524,844 | 3,484,538,344 |
ทั้งนี้ ให้แต่ละหน่วยงานสามารถถัวจ่ายภายในแผนงาน/งานเดียวกันได้
3. สำหรับค่าใช้จ่ายในงานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน อนุมัติให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2549 โดยให้แต่ละหน่วยงานสามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในหมวดต่าง ๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม และในส่วนงบประมาณรายจ่ายปี 2550 ที่ พพ. และ สนพ. ได้รับ ให้ สามารถโอนเปลี่ยนแปลงรายจ่ายระหว่างหน่วยงานและหรือให้หน่วยงานในกระทรวงพลังงานรับไปดำเนินการได้ โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
4. อนุมัติให้โครงการที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไปแล้ว สามารถเปลี่ยนแปลงรายละเอียดได้ โดยให้คณะอนุกรรมการกองทุนฯ เป็นผู้พิจารณารายละเอียดและให้ความเห็นชอบในการเปลี่ยนแปลงนั้น
5. ให้ สนพ. และ พพ. รายงานความก้าวหน้าของการดำเนินงานให้ฝ่ายเลขานุการฯ เพื่อสรุปรายงานคณะอนุกรรมการฯ ทุก 3 เดือน และคณะกรรมการกองทุนฯ ทุก 6 เดือน
6. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้ทุนอุดหนุนวิจัย ร่วมพิจารณากับคณะอนุกรรมการกองทุนฯ อีกครั้ง ก่อนดำเนินการ เนื่องจากแผนอนุรักษ์พลังงานปีงบประมาณ 2550 มีบางโครงการที่จะดำเนินการ อาจมีความซ้ำซ้อน หรืออาจจะเคยมีการศึกษาวิจัยไปแล้ว
ฝ่ายเลขานุการฯ ต่อเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อโปรดทราบผลการดำเนินงานของโครงการระยาวและได้ผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการกองทุนฯ แล้วในการประชุมครั้งที่ 2/2549 เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2549 และ ครั้งที่ 3/2549 เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2549 รวม 4 โครงการ ดังต่อไปนี้
1. โครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ระยะที่ 3
1.1 คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 4/2544 เมื่อ 19 กันยายน 2444 ได้อนุมัติเงินกองทุนฯ ให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในวงเงินรวม 853 ล้านบาท เพื่อดำเนินการส่งเสริมการลงทุนให้เจ้าของฟาร์มสุกรขนาดกลาง (มีสุกร 500-5,000 ตัว) และขนาดใหญ่ (มีสุกรมากกว่า 5,000 ตัว) นำน้ำเสียและมูลสุกรไปผ่านระบบบำบัดและผลิตได้ก๊าซชีวภาพมาใช้ประโยชน์เป็นพลังงานทดแทนด้านความร้อนและนำไปผลิตไฟฟ้า โดยในเวลา 8 ปี จะติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพให้สามารถรองรับของเสียจากสุกรขุนได้ 2 ล้านตัว หรือคิดเป็น 70-80% ของปริมาณสุกรที่เลี้ยงอยู่ในฟาร์มขนาดกลางและขนาดใหญ่ โดยแบ่งกิจกรรมออกเป็น
วงเงินรวม | ส่วนที่ 1: | ส่วนที่ 2: | ส่วนที่ 3: |
ฟาร์มขนาดใหญ่ | ฟาร์มขนาดกลาง | ศูนย์การเรียนรู้ | |
348 ล้านบาท | 419 ล้านบาท | 86 ล้านบาท | |
- ค่าบริหารงาน | 202 ล้านบาท | 118 ล้านบาท | |
- เงินอุดหนุนผู้เข้าร่วมโครงการฯ | 146 ล้านบาท (18% ของค่าก่อสร้าง) |
169 ล้านบาท (15% ของค่าก่อสร้าง) |
|
- ค่าบริษัทที่ปรึกษา | - | 132 ล้านบาท | |
- ศูนย์การเรียนรู้ เครื่องมือทดสอบ | 86 ล้านบาท |
1.2 คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้รับทราบผลการดำเนินงานปีที่ 2 ตามที่ มช. เสนอมา และผลประเมินจาก บริษัท อีอาร์เอ็มสยาม จำกัด ที่อยู่ในเกณฑ์ดี ทั้งด้านเทคโนโลยี ผลตอบแทนการลงทุน ความสามารถในการทดแทนเชื้อเพลิง ประสิทธิภาพของเจ้าของโครงการฯ ผลกระทบของโครงการฯ ที่มีต่อปัจจัยอื่นๆ ทางสังคมและสิ่งแวดล้อม คณะอนุกรรมการฯ จึงเห็นชอบให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้การสนับสนุนการดำเนินงานปีต่อไป มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
2. โครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมันและพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจรในพื้นที่ตัวอย่างเขตภาคเหนือ
2.1 กองทุนฯ ได้ให้การสนับสนุนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ในวงเงินรวม 50 ล้านบาท เพื่อทำการศึกษาวิจัย โครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมันและพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจรในพื้นที่ตัวอย่างเขตภาคเหนือ ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี (ปี 2548- 2552) โดยมีเป้าประสงค์ดังนี้
(1) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility) ทั้งด้านสถานภาพของระบบการปลูก การผลิตพืชน้ำมัน ที่มีศักยภาพในพื้นที่นอกเขตภาคใต้และมีปริมาณฝนน้อย เช่นในพื้นที่ภาคเหนือ
(2) เพื่อศึกษากระบวนการสกัดแปรรูปน้ำมันดิบของโรงงานขนาดพอเหมาะแก่ชุมชน เพื่อทำน้ำมัน ไบโอดีเซล ทั้งด้านเศรษฐศาสตร์ สังคม และสิ่งแวดล้อม
(3) เพื่อจัดทำศูนย์เรียนรู้ชุมชน (Farm model) ที่มีแบบจำลอง Process-based ของปาล์มน้ำมันและสบู่ดำ เพื่อการปลูกและผลิตไบโอดีเซลครบวงจร
2.2 คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้รับทราบผลการดำเนินงานปีที่ 1 ตามที่ มช. เสนอมา และผลประเมินจากคณะอนุกรรมการประเมินผลแผนอนุรักษ์ ที่มีประสิทธิภาพอยู่ในระดับ 4 และประสิทธิผลอยู่ในระดับ 3 คะแนน จาก 5 คะแนนเต็ม คณะอนุกรรมการฯ จึงเห็นชอบให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้การสนับสนุนการดำเนินงานปีต่อไป
3. โครงการพัฒนาบัณฑิตศึกษาและงานวิจัยด้านเทคโนโลยีพลังงานและสิ่งแวดล้อม
3.1 คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2541 ได้อนุมัติเงินกองทุนฯ ให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เป็นค่าใช้จ่ายในโครงการพัฒนาบัณฑิตศึกษาและงานวิจัยด้านเทคโนโลยีพลังงานและสิ่งแวดล้อม ในวงเงินรวม 145.76 ล้าน ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนนักศึกษาที่ได้รับทุนทั้งสิ้น 276 คน แบ่งเป็นระดับปริญญาเอก 135 คน (เป้าหมาย 120 คน) และระดับปริญญาโท 141 คน (เป้าหมาย 210 คน) โดยมีผู้สำเร็จการศึกษา 94 คน แบ่งเป็นระดับปริญญาเอก 27 คน และระดับปริญญาโท 67 คน ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่องจากเป็นหลักสูตรที่เน้นการวิจัย และต้องรอการตีพิมพ์ผลงานให้ครบตามเงื่อนไขจึงจะสำเร็จการศึกษาได้
3.2 คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้รับทราบผลการดำเนินงานปีที่ 4 ตามที่ มจธ. เสนอมา และผลประเมินจาก Asia Policy Research Co.,Ltd. เป็นที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาระบบติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน (Performance Monitoring System) ของ JGSEE ที่อยู่ในระดับดีโดยเฉพาะด้านบริหารจัดการมีโครงสร้างองค์กรที่ดีและเป็นทางการ มีแผนกลยุทธ์ที่จะนำไปสู่เป้าหมาย การพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง คณะอนุกรรมการฯ จึงเห็นชอบให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้การสนับสนุนการดำเนินงานปีต่อไป
4. การลงทุนอนุรักษ์พลังงานในอาคารควบคุมของ 3 หน่วยงาน
4.1 ในช่วงปี 2535-2548 กองทุนฯ ได้ให้การสนับสนุนแก่อาคารควบคุมที่เป็นส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เป็นเงินช่วยเหลือให้เปล่าในการศึกษา วางแผนและการลงทุนในการอนุรักษ์พลังงานในแต่ละอาคาร และผู้ได้รับการสนับสนุนที่เป็นหน่วยงานราชการจะต้องทำหนังสือยืนยันกับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ( พพ.) ต่อมาคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2548 (ครั้งที่ 1) เมื่อ 26 มกราคม 2548 มีมติให้ระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการลงทุนตามแผนอนุรักษ์พลังงานแก่เจ้าของอาคารควบคุม ในกรณีที่ยังไม่ดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2548 เป็นต้นไป พพ. ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบการดำเนินงานฯ ได้ออกหนังสือแจ้งเตือนไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่ พพ. ได้แจ้งยืนยันไปแล้วว่าจะได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ โดยขอให้หน่วยงาน เร่งดำเนินการจัดหาผู้รับจ้างพร้อมส่งคู่สัญญาจ้างให้ พพ. ตามระยะเวลาที่ระบุในหนังสือแจ้งยืนยันการขอรับการสนับสนุน โดยมีหน่วยงานที่ไม่สามารถเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ให้กับผู้รับจ้างได้ โดยมีประเด็นปัญหาในแต่ละกรณีดังนี้
(1) กรณีจังหวัดกระบี่: ได้ทำสัญญาว่าจ้าง บริษัท เค แอนด์ พี ซินเซียริตี้ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เป็นผู้ดำเนินการอนุรักษ์พลังงานอาคารโรงพยาบาลกระบี่ ในวงเงิน 2,248,331 บาท ตามสัญญาเลขที่ 69/2548 ลงวันที่ 6 กรกฎาคม 2548 แต่ พพ. ได้มีหนังสือด่วนมากที่ พน 0504/50840 ลงวันที่ 19 กันยายน 2548 แจ้งยกเลิกการสนับสนุนโรงพยาบาลกระบี่ เพราะไม่ได้รับหนังสือส่งคู่สัญญาจ้างของจังหวัดกระบี่
(2) กรณีกรมยุทธโยธาทหารบก : ได้ทำสัญญาว่าจ้าง 2 บริษัท คือ (1) บริษัท อี อี แอนด์ ไอ คอนซัลแตนท์ จำกัด 3,189,000 บาท และ (2) บริษัท จินตรงค์ จำกัด 719,967 บาท เป็นผู้ดำเนินการอนุรักษ์พลังงาน อาคารของมณฑลทหารบกที่ 23 (ค่ายศรีพัชรินทร) จ.ขอนแก่น ตามสัญญา อ. 11/2547 ลงนามวันที่ 14 มกราคม 2548 และกรมรบพิเศษที่ 1 (ค่ายวชิราลงกรณ์) จ.ลพบุรี ตามสัญญา อ. 25/2547 ลงนามวันที่ 24 มกราคม 2548 ตามลำดับ แต่ พพ. แจ้งยกเลิกการสนับสนุน กรมยุทธโยธาทหารบกจึงยังไม่สามารถเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ให้กับผู้รับจ้างได้
4.2 คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้พิจารณาแล้ว มีความเห็นว่าปัญหาดังกล่าวเกิดจากความคลาดเคลื่อนในระหว่างการจัดส่งเอกสารระหว่างหน่วยงาน ประกอบกับการลงทุนอนุรักษ์พลังงานสำหรับอาคารโรงพยาบาลกระบี่ ในวงเงิน 2,248,331 บาท และการลงทุนอนุรักษ์พลังงานในอาคารมณฑลทหารบกที่ 23 (ค่ายศรีพัชรินทร) จ.ขอนแก่น และอาคารกรมรบพิเศษที่ 1 (ค่ายวชิราลงกรณ์) จ.ลพบุรี ในวงเงินรวม 3,908,967 บาท นั้น ก่อให้เกิดการลดใช้พลังงานคิดเป็นมูลค่า 1,155,400 บาท/ปี จึงเห็นควรเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้การสนับสนุน
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบผลการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ระยะที่ 3 ครั้งที่ 2 ตามที่ มช. เสนอมา และอนุมัติเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน "โครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ระยะที่ 3" ในส่วนบริหารโครงการฯ ให้ มช. ในวงเงินรวม 78,143,841 บาท ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 ฟาร์มขนาดใหญ่ งวดที่ 6-9 ในวงเงิน 60,623,000 บาท และส่วนที่ 2 ฟาร์มขนาดกลาง งวดที่ 8-11 ในวงเงิน 17,520,841 บาท
2. เห็นชอบผลการดำเนินงานโครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมันและพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจรในพื้นที่ตัวอย่างเขตภาคเหนือ ปีที่ 1 ตามที่ มช. เสนอมา และอนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ งานศึกษาเชิงนโยบายและวิชาการ ให้ มช. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามแผนงานโครงการฯ ในปีที่ 2 ในวงเงิน 8,346,000 บาท
3. เห็นชอบผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาบัณฑิตศึกษาและงานวิจัยด้านเทคโนโลยีพลังงานและสิ่งแวดล้อม ปีที่ 4 ตามที่ มจธ. เสนอมา และอนุมัติเงินกองทุนฯ โครงการพัฒนาบุคลากร หมวดการพัฒนาหลักสูตร สื่อการเรียนการสอน อุปกรณ์และห้องปฏิบัติการ โครงการพัฒนาบัณฑิตศึกษาและงานวิจัยด้านเทคโนโลยีพลังงานและสิ่งแวดล้อม ปีที่ 5 ให้ มจธ. ในวงเงิน 18,811,500 บาท และเห็นชอบให้ มจธ. ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการฯ จากเดิมสิ้นสุดในเดือนกันยายน 2549 เป็นเดือนกันยายน 2550
4. อนุมัติให้ พพ. จัดสรรเงินกองทุนฯ ให้จังหวัดกระบี่ เพื่อสนับสนุนเป็นค่าใช้จ่ายในการลงทุนอนุรักษ์พลังงานตามเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน สำหรับอาคารโรงพยาบาลกระบี่ ในวงเงิน 2,248,331 บาท ตามสัญญาเลขที่ 69/2548 ลงวันที่ 6 กรกฎาคม 2548 โดยใช้งบประมาณที่ได้ผูกพันไว้แล้วต่อไป
5. อนุมัติให้ พพ. จัดสรรเงินกองทุนฯ ให้กองทัพบก เพื่อสนับสนุนเป็นค่าใช้จ่ายในการลงทุนอนุรักษ์พลังงานตามเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน สำหรับอาคารมณฑลทหารบกที่ 23 (ค่ายศรีพัชรินทร) จ.ขอนแก่น ในวงเงิน 3,189,000 บาท ตามสัญญาเลขที่ อ.11/2547 ลงวันที่ 14 มกราคม 2548 โดยใช้งบประมาณที่ได้ผูกพันไว้แล้วต่อไป
6. อนุมัติให้ พพ. จัดสรรเงินกองทุนฯ ให้กองทัพบก เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการลงทุนอนุรักษ์พลังงานตามเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน สำหรับอาคารกรมรบพิเศษที่ 1 (ค่ายวชิราลงกรณ์) จ.ลพบุรี ในวงเงิน 719,967 บาท ตามสัญญาเลขที่ อ.25/2547 ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2548 โดยใช้งบประมาณที่ได้ผูกพันไว้แล้วต่อไป
7. เห็นชอบให้ พพ. ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงิน เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุนในการอนุรักษ์พลังงานตามเป้าหมายและแผนฯ ตามข้อ 4 - ข้อ 6 โดยให้สามารถเบิกจ่ายเงินภายในระยะเวลา 3 เดือน นับจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งมติคณะกรรมการกองทุนฯ ด้วย
เรื่องที่ 5 ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการประเมินผลแผนอนุรักษ์พลังงาน
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่า มีอนุกรรมการประเมินผลแผนอนุรักษ์พลังงาน จำนวน 2 ท่าน ได้ขอลาออกจากการเป็นอนุกรรมการฯ ได้แก่ นายปรีดา วิบูลย์สวัสดิ์ และ นายมานิจ ทองประเสริฐ เพื่อให้การดำเนินการประเมินผลแผนอนุรักษ์พลังงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ในการประชุมครั้งที่ 6/2549 (ครั้งที่ 29) เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2549 ที่ประชุมได้มีมติให้เปลี่ยนชื่อคณะอนุกรรมการฯ จากเดิมเป็น "คณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน" โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการ ดังนี้
1. องค์ประกอบของคณะอนุกรรมการฯ
(1) | นายจุลละพงษ์ จุลละโพธิ | ประธานอนุกรรมการ |
(2) | นายปิยะวัติ บุญ-หลง | อนุกรรมการ |
(3) | นายศุภชาติ จงไพบูลย์พัฒนะ | อนุกรรมการ |
(4) | นายธีระพงษ์ วิกิตเศรษฐ | อนุกรรมการ |
(5) | นายทนงเกียรติ เกียรติศิริโรจน์ | อนุกรรมการ |
(6) | นายสมชาติ โสภณรณฤทธิ์ | อนุกรรมการ |
(7) | นายกล้าณรงค์ ศรีรอต | อนุกรรมการ |
(8) | ผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน | อนุกรรมการและเลขานุการ |
2. อำนาจและหน้าที่ของคณะอนุกรรมการ
(1) พิจารณาให้ความเห็นชอบในการจ้างที่ปรึกษาเพื่อประเมินผลการดำเนินงานของโครงการ ที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ตามหลักเกณฑ์ และวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนฯ กำหนด
(2) ประเมินผลการดำเนินงานของโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ เป็นรายโครงการ
(3) เสนอข้อพิจารณาประกอบรายงานการประเมินผลของโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ เป็นรายโครงการ และนำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ
(4) มีอำนาจแต่งตั้งคณะทำงาน เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่คณะอนุกรรมการฯ มอบหมาย
(5) ปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ มอบหมาย
ในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะอนุกรรมการดังกล่าว ให้มีอำนาจเชิญผู้แทนของส่วนราชการ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อชี้แจงรายละเอียดในข้อเท็จจริง คำอธิบาย คำแนะนำ หรือจัดส่งเอกสารตามที่เห็นสมควร
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการประเมินผลแผนอนุรักษ์พลังงาน เป็นคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน ตามที่คณะอนุกรรมการฯ เสนอ และมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานจัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการดังกล่าว เสนอต่อประธานกรรมการกองทุนฯ เพื่อลงนามต่อไป