มติคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 1/2550 (ครั้งที่ 7)
วันที่ 12 เมษายน 2550 เวลา 09.30 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิติพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. ความคืบหน้าการปฏิบัติตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535
2. ความคืบหน้าการส่งเสริม ช่วยเหลือ อุดหนุน ด้านอนุรักษ์พลังงาน
3. ความคืบหน้าในการกำหนดมาตรฐานเครื่องจักรอุปกรณ์วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้พลังงาน
4. ความคืบหน้าโครงการส่งเสริมไบโอดีเซล
5. ขออนุมัติเงินสนับสนุนโครงการยุติหลอดไส้ ใช้หลอดตะเกียบเบอร์ 5
6. ขออนุมัติเงินสนับสนุนโครงการเทอดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 "ตามรอยพระยุคลบาท พระบิดาแห่งการพัฒนาพลังงานไทย"
7. ขอความเห็นชอบโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยสถาบันการเงิน ระยะที่ 3
8. ขอความเห็นชอบโครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม
9. ขอความเห็นชอบปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
10. ขอความเห็นชอบปรับรายละเอียด โครงการ กรุงเทพฯ ฟ้าใส ด้วยไบโอดีเซล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์) ประธานอนุกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายชวลิต พิชาลัย) รองผู้อำนวยการฯ รักษาราชการแทน ผอ.สนพ. อนุกรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 ความคืบหน้าการปฏิบัติตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535
อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบความคืบหน้าการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ดังต่อไปนี้
1. การดำเนินการในกิจกรรมต่างๆ ตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535
ณ วันที่ 10 เมษายน 2550 อาคารควบคุมที่กำลังใช้งานที่จะต้องดำเนินการอนุรักษ์พลังงานตามกฎหมาย มีจำนวน 1,917 แห่ง ประกอบด้วย อาคารส่วนราชการ 800 แห่ง และเอกชน 1,117 แห่ง สำหรับโรงงานควบคุมที่กำลังใช้งานที่จะต้องดำเนินการอนุรักษ์พลังงาน มีจำนวน 3,160 แห่ง ซึ่งเจ้าของอาคารควบคุม และเจ้าของโรงงานควบคุมได้ดำเนินการอนุรักษ์พลังงานตามกิจกรรมต่างๆ ตามที่พระราชบัญญัติฯ และกฎกระทรวงกำหนด โดยนำมาสรุปได้ดังนี้
กิจกรรม | อาคารควบคุม (แห่ง) | โรงงานควบคุม (แห่ง) | ||||
ทั้งหมด | รับ | อนุมัติ | ทั้งหมด | รับ | อนุมัติ | |
การแต่งตั้งผู้รับผิดชอบด้านพลังงาน | 1,917 | 1,749 | 1,598 | 3,160 | 2,623 | 2,253 |
ส่งข้อมูลการใช้พลังงาน | 1,917 | 1,777 | 1,743 | 3,160 | 2,702 | 2,587 |
รายงานเป้าหมายและแผนฯ | 1,917 | 1,532 | 1,384 | 3,160 | 2,055 | 1,598 |
2. การปรับปรุงแก้ไข พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535
พรบ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ได้ใช้มาระยะหนึ่งแล้ว บทบัญญัติบางประการไม่สอดคล้องและเหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน จึงได้มีการปรับปรุงให้เหมาะสมครอบคลุมกิจกรรมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในทุกภาคส่วน โดยมีสาระสำคัญในการแก้ไขและความคืบหน้าในการดำเนินการสรุปได้ดังนี้
2.1 สาระสำคัญในการแก้ไข
(1) ขยายขอบเขตให้มีการอนุรักษ์พลังงานเพิ่มเติมถึงเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในภาคคมนาคมขนส่ง ที่อยู่อาศัย และการเกษตร ทั้งนี้เพราะเพื่อให้กฎหมายมีความเหมาะสม ครอบคลุมกิจกรรมการใช้พลังงานทุกภาคส่วน
(2) เปลี่ยนโครงสร้างการอนุรักษ์พลังงานไม่ให้เป็นภาระต่อผู้ที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
(3) เปลี่ยนแปลงขั้นตอนการออก กฎ ระเบียบให้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อให้ทันต่อสภาพการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม
2.2 ความคืบหน้าในการดำเนินการ
(1) คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ มีมติเห็นชอบแล้ว เมื่อ 2 มีนาคม 2550
(2) คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการ เมื่อ 13 มีนาคม 2550
(3) ณ ปัจจุบัน (12 เมษายน 2550) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากำลังพิจารณาแก้ไขถ้อยคำ และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการให้กระทรวงพลังงานเก็บรักษาเงินกองทุน
2.3 การดำเนินการในขั้นต่อไป
คาดว่าสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฯ แล้วเสร็จในช่วงเดือนพฤษภาคม 2550 และจะส่งร่าง พ.ร.บ.ฯ คืนให้คณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาเป็นลำดับต่อไปได้ ภายในเดือนมิถุนายน 2550
2.4 การพัฒนากฎหมายลำดับรอง
ได้มีการแก้ไขและพัฒนากฎหมายลำดับรอง เพื่อให้สอดคล้องกับ ร่าง พ.ร.บ.ฯ และคาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาได้พร้อมกับ ร่าง พ.ร.บ.ฯ ในเดือนมิถุนายน 2550 ประกอบด้วย
(1) กฎกระทรวง ข้อกำหนดการจัดการพลังงาน ตามมาตรา 9 มาตรา 21
(2) กฎกระทรวง หลักเกณฑ์ วิธีการแจ้งแต่งตั้งผู้รับผิดชอบพลังงาน ตามมาตรา 9
(3) กฎกระทรวง ประเภทขนาดอาคารที่จะทำการก่อสร้างใหม่ ตามมาตรา 19
(4) กฎกระทรวง กำหนดมาตรฐานประสิทธิภาพของเครื่องจักร /อุปกรณ์ ตามมาตรา 23
(5) กฎกระทรวง กำหนดคุณสมบัติผู้ตรวจประเมิน ตามมาตรา 48
ขั้นตอน ปี พ.ศ. 2550 | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | มิ.ย. | ก.ค. | ส.ค. |
· ยกร่างกฎกระทรวง 5 ฉบับ | √ | |||||
· รับฟังความคิดเห็น | √ | |||||
· ปรับปรุงแก้ไขเสนอ อพพ. | √ | |||||
· เสนอคณะกรรมการพัฒนากฎหมายกระทรวงพลังงาน | √ | |||||
· เสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ | การนำเสนอขั้นตอนต่อจากนี้ ต้องรอให้ร่างกฎหมายหลักมีผลใช้บังคับแล้ว | |||||
· เสนอคณะรัฐมนตรี |
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ และให้ พพ. รับความเห็นของที่ประชุมไปดำเนินการต่อไป
เรื่องที่ 2 ความคืบหน้าการส่งเสริม ช่วยเหลือ อุดหนุน ด้านอนุรักษ์พลังงาน
อธิบดี พพ. ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบความคืบหน้าการดำเนินการส่งเสริม ช่วยเหลือ อุดหนุน ด้านอนุรักษ์พลังงาน ดังนี้
1. โครงอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วม
เป็นการมุ่งเน้นให้เกิดผลการอนุรักษ์พลังงาน โดยให้ผู้ปฏิบัติงานในสถานประกอบการมีความรู้ความเข้าใจทั้งทางด้านทฤษฎีและปฏิบัติด้วยตัวเองในการจัดการใช้พลังงานได้อย่างถูกวิธีและคุ้มค่า โดย พพ. จัดส่งคณะผู้เชี่ยวชาญไปให้ความรู้ความเข้าใจแก่ทีมงานอนุรักษ์พลังงานที่โรงงานและอาคารแต่ละแห่ง ช่วยหามาตรการในการอนุรักษ์พลังงาน และผลักดันให้มีการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว ซึ่ง พพ. ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2545 และมีผลการดำเนินงานดังนี้
ในช่วงปี 2545-2549 พพ. ดำเนินการอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วมไปแล้ว 2,027 แห่ง คาดว่าเกิดผลประหยัดพลังงานคิดเป็นมูลค่า 2,071 ล้านบาทต่อปี สำหรับในปี 2550 พพ. ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ 107,000,000 บาท มีเป้าหมายดำเนินการในโรงงานควบคุม 300 แห่ง และอาคารควบคุม 50 แห่ง คาดว่าจะลงนามในการจ้างที่ปรึกษาฯ เข้ามาดำเนินการได้ในเดือนเมษายน 2550
2. โครงการสิทธิประโยชน์ทางภาษี
เป็นการกระตุ้นให้เกิดการปรับปรุงการใช้พลังงาน โดยพิจารณาคืนภาษีของรายได้ส่วนที่เกิดจากการดำเนินการตามมาตรการอนุรักษ์พลังงานแก่โรงงานและอาคารเอกชน เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีความคืบหน้า ณ เดือนมีนาคม 2550 ดังนี้
กิจกรรม | จำนวน | เงินสนับสนุนจากภาครัฐ | เงินลงทุนเอกชน | ผลประหยัด |
(แห่ง) | (ล้านบาท) | (ล้านบาท) | (ล้านบาท/ปี) | |
1) Performance Based | 76 | 44.4 | 582 | 408 |
(เห็นชอบการตรวจวัดแล้ว) | (55) | (29.4) | (358) | (226) |
2) Cost based | 94 | 112.4 | 597 | 375 |
ในปี 2550 พพ. ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ 140 ล้านบาท เพื่อดำเนินการกระตุ้นให้เกิดการปรับปรุงการใช้พลังงาน ตามแนวทาง Performance Based ซึ่ง ณ เดือนมีนาคม 2550 อยู่ระหว่างการคัดเลือกบริษัทเอกชนเข้ามาดำเนินการแทน พพ.
3. โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยสถาบันการเงิน
เป็นโครงการที่ช่วยส่งเสริมและผลักดันให้เกิดการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานในกลุ่มเป้าหมายที่เป็นโรงงาน อาคาร และบริษัทจัดการพลังงาน (Energy Service Company) และเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่สถาบันการเงินในการกู้ยืมเงินเพื่อลงทุนในโครงการอนุรักษ์พลังงาน โดย พพ. ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการฯ ระยะที่ 1 (ปี 2546-2548) ในวงเงิน 2,000 ล้านบาท และระยะที่ 2 (ปี 2549-2551) ในวงเงิน 2,000 ล้านบาท ซึ่ง ณ เดือนมีนาคม 2550 ได้เกิดการลงทุนอนุรักษ์พลังงาน 153 โครงการ เป็นเงินให้กู้ดอกเบี้ยต่ำจากกองทุนฯ 3,354 ล้านบาท สถาบันการเงินและภาคเอกชนลงทุนเอง 2,867 ล้านบาท ก่อให้เกิดผลประหยัดพลังงานตลอดอายุการใช้งาน ประมาณ 36,094 ล้านบาท
อธิบดี พพ. แจ้งว่ายังมีผู้สนใจลงทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานอีกมาก พพ. จึงเสนอขอเงินสนับสนุนจากกองทุนฯ เพื่อดำเนินการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยสถาบันบันการเงิน ระยะที่ 3 โดยจะเสนอคณะอนุกรรมการฯ พิจารณาในระเบียบวาระการประชุมที่ 4.3 พร้อมด้วยรายละเอียดและตัวอย่างของมาตรการที่ภาคเอกชนลงทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานไปแล้ว
4. การส่งเสริมธุรกิจบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO)
เป็นโครงการทางเลือกหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาให้แก่ผู้ประกอบการเรื่องการขาดแหล่งเงินทุนและความเชื่อมั่นในการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงาน พพ. ได้สนับสนุนให้ผู้ประกอบการเลือกใช้บริการของ ESCO โดยการให้ความรู้และจัดทำคู่มือการตรวจวัดและประเมินผล รวมทั้งรูปแบบสัญญาเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานระหว่างผู้ประกอบการ และ ESCO นอกจากนี้ ESCO ยังสามารถขอรับสิทธิประโยชน์ ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร หรือหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในโครงการ และได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก BOI ได้อีกด้วย โดยมีความคืบหน้าในการดำเนินการโครงการ ดังนี้
(1) ปัจจุบันมีโครงการที่ได้รับความเห็นชอบให้ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในกิจการด้านการจัดการพลังงาน (ESCO) แล้ว จำนวน 6 ราย ส่วนใหญ่เป็นโครงการด้านการผลิตพลังงานไฟฟ้าและความร้อนร่วม (Cogeneration) นอกจากนี้ยังมีมาตรการการอนุรักษ์พลังงานอื่นๆ เช่น การปรับเปลี่ยน Chiller, การเปลี่ยน เชื้อเพลิงใน Boiler, การควบคุมระบบแสงสว่าง เป็นต้น จากจำนวน 6 โครงการนี้ จะมีการลงทุนทั้งสิ้น 557.69 ล้านบาท และเกิดผลการประหยัดพลังงานมีมูลค่าทั้งสิ้น ประมาณ 149.36 ล้านบาทต่อปี
(2) พพ. ได้ทำการจัดสรรงบประมาณจำนวน 5 ล้านบาท เพื่อดำเนินการประชาสัมพันธ์ เรื่องธุรกิจจัดการพลังงาน ภายใต้โครงการ ESCO Fair and Road Show 2007 ซึ่งจะมีการจัดการสัมมนาและนิทรรศการ เพื่อแสดงผลงานของธุรกิจบริษัทจัดการพลังงานที่ผ่านมา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการโรงงาน/อาคาร อีกทั้งยังมีการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลบริษัทจัดการพลังงาน เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถค้นหาข้อมูลของบริษัทจัดการพลังงาน และโครงการที่ผ่านมาเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาเลือกใช้บริษัทจัดการพลังงาน โดยจะมีการจัดงาน ESCO Fair 2007 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์ ในเดือน กรกฎาคม และจะมีการจัดสัมมนาในลักษณะ Road Show อีก 3 ครั้ง ในจังหวัดที่มีนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง รวมทั้งจะมีการจัดตั้งเครือข่ายระหว่างบริษัทจัดการพลังงาน สถาบันการเงินและภาคอุตสาหกรรม เพื่อให้สามารถติดต่อประสานงานกันได้สะดวกและกว้างขวางขึ้น
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
เรื่องที่ 3 ความคืบหน้าในการกำหนดมาตรฐานเครื่องจักรอุปกรณ์วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้พลังงาน
อธิบดี พพ. ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบความคืบหน้าการดำเนินการกำหนดมาตรฐานเครื่องจักรอุปกรณ์ วัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้พลังงาน ดังนี้
1. การกำหนดมาตรฐานเครื่องจักรอุปกรณ์วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้พลังงาน
พพ. ได้จัดทำแผน 5 ปี (2550-2554) เพื่อออกกฎกระทรวงและกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำ (MEPs) ตลอดจนแผนส่งเสริม (ติดฉลาก) เครื่องจักรและอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง รวมถึงวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยจะดำเนินการรวมทั้งสิ้น 35 ผลิตภัณฑ์ (รวมรถยนต์ 1 ผลิตภัณฑ์) และจะนำมากำหนดมาตรฐานประสิทธิภาพขั้นต่ำ (MEPs) รวม 21 ผลิตภัณฑ์ โดย พพ. ได้ประสานกับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์แล้ว เพื่อออกพระราชกฤษฎีกาใช้บังคับ
ในปี 2550 ระยะที่ 1 พพ. จะจัดทำร่างกฎกระทรวงให้แล้วเสร็จ จำนวน 10 ผลิตภัณฑ์ และดำเนินการติดฉลากได้ 10 ผลิตภัณฑ์ และกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำได้ 9 ผลิตภัณฑ์ สำหรับระยะที่ 2 จะจัดทำร่างกฎกระทรวงอีก 11 ผลิตภัณฑ์ (ยังไม่มีงบประมาณ
2. การอนุรักษ์พลังงานในอาคารและบ้านที่อยู่อาศัย
พพ. จะออกกฎกระทรวงการใช้พลังงานในอาคารที่อยู่ในข่ายควบคุมที่จะขออนุญาตก่อสร้างใหม่ หรือดัดแปลง พื้นที่ตั้งแต่ 2,000 ตารางเมตรขึ้นไป และจะส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในอาคารที่ไม่เข้าข่ายควบคุมและบ้านที่อยู่อาศัย โดยการติดฉลาก มีเป้าหมาย 200 แห่ง เป็นโครงการต่อเนื่อง 3 ปี (2550-2552) และในปี 2550 จะจัดหาผู้เข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่า 175 แห่ง และจะจัดประกวดบ้านจัดสรรอนุรักษ์พลังงานดีเด่น ปี 2550 ให้ผู้ประกอบการบ้านจัดสรรทั่วประเทศส่งบ้านเข้าประกวดไม่น้อยกว่า 90 แบบ
ความเห็นของที่ประชุม
ที่ประชุมได้รับทราบผลการดำเนินงานและมีความเห็นเพิ่มเติมดังนี้
1. ให้ พพ. รับไปหารือกับ กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ข้อกำหนดการใช้พลังงานในอาคารที่จะขออนุญาตก่อสร้างที่จะบังคับใช้กับอาคารขนาดพื้นที่รวมตั้งแต่ 2,000 ตารางเมตรขึ้นไป ได้แก่ อาคารสำนักงานสถานศึกษา ห้างสรรพสินค้า สถานบริการ สถานพยาบาล โรงแรม อาคารชุด ซึ่งอยู่ระหว่างการแก้ไขกฎกระทรวงนั้น ครอบคลุมถึงอาคารของส่วนราชการที่ออกแบบสร้างใหม่ด้วย
2. ให้ พพ. เร่งดำเนินการตามเป้าหมายการจัดทำร่างกฎกระทรวงฯ ที่จะดำเนินงานเป็นรายอุปกรณ์ พร้อมกำหนดแล้ว เสร็จ ระยะที่ 1 จำนวน 15 ผลิตภัณฑ์ ตามที่ พพ. ได้แจ้งต่อที่ประชุม ดังนี้
ลำดับที่ | เครื่องจักร/อุปกรณ์/วัสดุ ปี 2551 | ปี 2550 | ปี 2551 | ||
ก.ค. 50 | ต.ค.50 | ธ.ค. 50 | |||
1 | ตู้เย็น | √ | |||
2 | เครื่องปรับอากาศ | √ | |||
3 | พัดลมไฟฟ้า | √ | |||
4 | หม้อหุงข้าวไฟฟ้า | √ | |||
5 | กระติกน้ำร้อนไฟฟ้า | √ | |||
6 | เครื่องทำน้ำอุ่น | √ | |||
7 | มอเตอร์ไฟฟ้า | √ | |||
8 | เตาแก๊ส | √ | |||
9 | อุปกรณ์ปรับความเร็วรอบ | √ | |||
10 | หลอดฟลูออเรสเซนต์ | √ | |||
11 | บัลลาสต์แกนเหล็ก | √ | |||
12 | บัลลาสต์อิเล็กทรอนิกส์ | √ | |||
13 | โคมไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง | √ | |||
14 | หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนซ์ | √ | |||
15 | รถยนต์ | √ |
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ และให้ พพ. รับความเห็นของที่ประชุมไปดำเนินการต่อไป
เรื่องที่ 4 ความคืบหน้าโครงการส่งเสริมไบโอดีเซล
การพัฒนาและส่งเสริมการผลิตและการใช้ไบโอดีเซล เป็นแนวทางการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการที่เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2548 ซึ่ง สรุปความคืบหน้าได้ดังนี้
1. ปีงบประมาณ 2549 : พพ. ได้จัดทำต้นแบบ จำนวน 72 แห่ง โดยได้ติดตั้งระบบผลิตไบโอดีเซล พร้อมทั้งฝึกอบรมให้กับชุมชนได้ทราบถึง ขั้นตอนการผลิตไบโอดีเซล ตลอดจนการบริหารจัดการชุมชนเพื่อให้เกิดการใช้ไบโอดีเซลอย่างยั่งยืนต่อไป พร้อมทั้งได้สุ่มเก็บตัวอย่างไบโอดีเซลที่ผลิตได้จากชุมชนเพื่อตรวจสอบคุณภาพตามประกาศของกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง กำหนดลักษณะและคุณภาพของ ไบโอดีเซลสำหรับเครื่องยนต์การเกษตร (ไบโอดีเซลชุมชน) พ.ศ. 2549
2. ปีงบประมาณ 2550 : พพ. ได้ปรับปรุงรูปแบบการดำเนินการจากเดิมที่ได้สนับสนุนระบบผลิต ขนาดกำลังผลิต 100 ลิตรต่อวันให้กับชุมชน อบรมให้มีความรู้ด้านเทคนิคการผลิตไบโอดีเซลให้กับชุมชน และติดตามการดำเนินงานของชุมชนเพื่อผลิตไบโอดีเซลนั้น พพ. จะดำเนินการสนับสนุนเฉพาะความรู้ด้านเทคนิคการผลิตไบโอดีเซลให้กับชุมชนและติดตามการดำเนินงานของชุมชนเพื่อผลิตไบโอดีเซลให้มีคุณภาพ โดยเงินลงทุนระบบผลิตไบโอดีเซลนั้นทางชุมชนที่เข้าร่วมโครงการจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย โดยมีจำนวนชุมชนต้นแบบเพิ่มขึ้นเป็น 400 แห่ง ซึ่ง พพ. ได้รับงบจากกองทุนฯ ประมาณ 155,000,000 บาท เพื่อดำเนินโครงการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานด้วยไบโอดีเซลชุมชน ปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนการคัดเลือกที่ปรึกษาเพื่อดำเนิน โครงการฯ
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ และให้ พพ. รับความเห็นของที่ประชุมไปดำเนินการ
เรื่องที่ 5 ขออนุมัติเงินสนับสนุนโครงการยุติหลอดไส้ ใช้หลอดตะเกียบเบอร์ 5
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้นำเสนอที่ประชุมพิจารณา "โครงการยุติหลอดไส้ ใช้หลอดตะเกียบเบอร์ 5" ที่สำนักการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ยื่นข้อเสนอ ไว้กับ สนพ. เพื่อขอสนับสนุนทุนดำเนินโครงการฯ จากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในวงเงิน 80,000,000 บาท (แปดสิบล้านบาทถ้วน) ภายในระยะเวลา 36 เดือน ซึ่งสามารถสรุปสาระสำคัญของโครงการดังนี้
(1) วัตถุประสงค์โครงการฯ : เพื่อดำเนินมาตรการประหยัดพลังงานของประเทศ อย่างยั่งยืนด้วยการปฏิบัติการในด้านต่างๆ ให้มีการยุติ การผลิต การนำเข้า (ด้านซัพพลาย) และยุติการใช้ (ด้านดีมานต์) หลอดอินแคนเดสเซนต์ (หลอดไส้) และส่งเสริมให้มีการใช้หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ (หลอดตะเกียบ) ทดแทน ตลอดไป
(2) สาระสำคัญของโครงการฯ : การบริหารจัดการทางการตลาดเพื่อยุติการผลิต การนำเข้า และการจำหน่ายหลอดไส้ และส่งเสริมการใช้หลอดตะเกียบ ดังนี้
- โฆษณาประชาสัมพันธ์ให้เกิดความต้องการใช้หลอดตะเกียบแทนหลอดไส้ โดย กฟผ. รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ในวงเงินประมาณ 50 ล้านบาท
- ประมาณเดือนมิถุนายน-กันยายน 2550 จัดซื้อหลอดตะเกียบจำนวน 800,000 หลอด เพื่อแจกจ่ายให้มีการเปลี่ยนในสถานที่สาธารณะ ให้เห็นผลประหยัดโดยชัดเจน โดย กฟผ. ขอสนับสนุนเงินจากกองทุนฯ เป็นเงินให้เปล่า 48 ล้านบาท
- ในช่วงปี 2551-2553 จะดึงราคาตลาดหลอดตะเกียบให้ลดต่ำลงด้วยการจัดซื้อรวม 15 ล้านหลอด แล้วขายปลีกในราคาซื้อ 60 บาท/หลอด โดย กฟผ. ขอสนับสนุนเงินจากกองทุนฯ เป็นเงินหมุนเวียนเพื่อซื้อหลอดตะเกียบ 3 ปี ในวงเงิน 32 ล้านบาท
- สร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพและอายุการใช้งานด้วยการกำหนดให้มีการรับประกัน 1 ปี
- เสนอการกำหนดมาตรการภาครัฐ ในด้านกฎระเบียบ และภาษีเพื่อให้เกิดผลอย่างยั่งยืน
(3) ประโยชน์ที่มีต่อการประหยัดพลังงาน : เมื่อใช้หลอดตะเกียบ 15.8 ล้านหลอด แทนหลอดไส้
- ประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 536 ล้านหน่วย และลดความต้องการไฟฟ้าสูงสุดได้ 162 เมกะวัตต์
- ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ 300,000 ตัน
- ลดการนำเข้า LNG เพื่อผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 1,106 ล้านบาท
2. สนพ. ได้ประเมินคุณภาพของข้อเสนอฯ โดยเชิญผู้ทรงคุณวุฒิ 4 ท่าน ประกอบด้วย 1) ศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์ 2) รศ.ดร.อภิชิต เทอดโยธิน 3) ดร.ปีเตอร์ ดูปอง และ 4) นายเกชา ธีระโกเมน ร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างกันเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2550 ซึ่งเห็นว่ารายละเอียดในข้อเสนอของ กฟผ. ยังขาดข้อมูลในประเด็นสำคัญ จึงได้ให้ผู้แทน กฟผ. ได้เข้าร่วมประชุมและให้รายละเอียดเพิ่มเติม ดังนี้
ประเด็นที่ 1: ความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ในมุมมองระดับประเทศและมุมของประชาชน
ข้อมูลเพิ่มเติม: เมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคในการใช้งานหลอดไส้เทียบกับหลอดตะเกียบ 1 หลอดที่มีการใช้งาน 6,000 ชั่วโมง หลอดตะเกียบมีค่าใช้จ่ายรวมเพียงประมาณ 1 ใน 3 ของหลอดไส้ และมีระยะเวลาคืนทุนเพียง 1 ปี หากผู้บริโภคหันมาใช้หลอดตะเกียบจะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าหลอดไส้ มี B/C Ratio ของผู้บริโภคที่ 7.3 เท่า ส่วนในกรณีของประเทศนั้นหากคิดในกรณีแจกและจำหน่ายหลอด 15.8 ล้านหลอด ตั้งแต่ปี 2550-2553 (Base Case) จะลดความต้องการไฟฟ้าสูงสุด 162 เมกะวัตต์ และลดการใช้พลังงานไฟฟ้า 536 ล้านหน่วย โครงการให้ความคุ้มค่าสูง คือ B/C Ratio ของระบบที่ 6.5 เท่า และ โดยมีต้นทุนต่อหน่วยที่ประหยัดได้ 18.06 สตางค์/kWh และ 599.23 บาท/kW
ประเด็นที่ 2: วิธีทราบผลกระทบต่อผู้ประกอบการและนำผลที่รับทราบไปปรับปรุงการดำเนินการ
ข้อมูลเพิ่มเติม: กฟผ. จัดประชุมผู้ผลิต/ผู้นำเข้า เพื่อรับฟังความเห็นด้านต่างๆ โดยประชุมไปแล้ว 2 ครั้ง เมื่อเดือนมีนาคม 2550 ทราบว่ามีผู้ผลิตหลอดตะเกียบในประเทศ 2 ราย และได้เลิกกิจการไปแล้ว ดังนั้นหลอดตะเกียบในประเทศไทย จึงเป็นการนำเข้าทั้งหมด ผู้ผลิตและนำเข้าหลอดไฟฟ้ามีความเห็นในเชิงบวกและยินดีร่วมมือกับโครงการฯ โดยจะเสนอแนวทางเพื่อลดผลกระทบอันเกิดจากการยุติการผลิตหลอดไส้มาเสนอต่อ กฟผ. ในการประชุมครั้งต่อไปที่จะจัดขึ้นประมาณปลายเดือนเมษายน 2550
ประเด็นที่ 3: วิธีแจกและจำหน่ายหลอดตะเกียบ รวมถึงวิธีจัดการกับหลอดไส้ของเดิม
ข้อมูลเพิ่มเติม: กฟผ. จะโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้เกิดความต้องการใช้หลอดตะเกียบแทนหลอดไส้ พร้อมกับดึงราคาตลาดหลอดตะเกียบให้ลดต่ำลง ด้วยการจัดซื้อในปริมาณมาก ในช่วง 3 ปี ประมาณ 15.8 ล้านหลอด พร้อมทั้งการรับประกันการใช้งาน 1 ปี โดยใช้เงินที่จะขอสนับสนุนจากกองทุนฯ 80 ล้านบาท
- เป็นเงินให้เปล่า 48 ล้านบาท เพื่อซื้อหลอดตะเกียบแจกฟรีสู่ชุมชนและชาวบ้าน จำนวน 800,000 หลอด สำหรับหลอดไส้ที่ปลดออก กฟผ. จะทำลายทิ้ง เพื่อไม่ให้มีการนำกลับไปใช้งานอีก
- เป็นเงินหมุนเวียน 32 ล้านบาท เพื่อซื้อหลอดตะเกียบจำหน่ายให้กับชุมชนและชาวบ้าน ในราคา 60 บาท/หลอด และ กฟผ. จะคืนเงินส่วนนี้ให้กองทุนฯ ในปี 2553
ประเด็นที่ 4: ความเชื่อมั่นว่าการดำเนินการตามแผนงานจะทำให้ราคาเฉลี่ยของหลอดตะเกียบในปีสุดท้ายของโครงการอยู่ที่ 60 บาท (± 10%)
ข้อมูลเพิ่มเติม: ด้วยประสบการณ์และความสำเร็จที่ กฟผ. ได้รับจากโครงการประชาร่วมใจประหยัดไฟฟ้า และแนวทางการดำเนินการด้านซัพพลายและดีมานต์ตามที่เสนอไว้โดยต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปี กฟผ. เชื่อว่าราคาหลอดตะเกียบจะสามารถลดต่ำลงและกลไกตลาดจะทำงานต่อไปได้
สรุปความเห็นของคณะผู้ทรงคุณวุฒิ
คณะผู้ทรงคุณวุฒิมีความเห็นว่าโครงการนี้มีวัตถุประสงค์ที่ดีและหากสามารถดำเนินการได้ตามที่เสนอไว้ จะก่อเกิดประโยชน์ต่อประเทศโดยรวม จึงเห็นควรที่กองทุนฯ จะสนับสนุนให้ดำเนินการ โดยให้ กฟผ
(1) ปรับปรุงเพิ่มเติมข้อมูลในข้อเสนอโครงการฯ ให้ครบถ้วนและชัดเจนตามประเด็นต่างๆ ที่ได้ให้ไว้กับคณะผู้ทรงคุณวุฒิ ดังรายละเอียดปรากฏในข้อ 2.2
(2) ระบุแนวทางที่จะนำเสนอให้รัฐมีมาตรการในการป้องกันไม่ให้ตลอดตะเกียบที่มีคุณภาพต่ำกระจายสู่ผู้บริโภคในประเทศ
(3) ระบุแนวทางที่จะศึกษาและเตรียมมาตรการรองรับกับผลกระทบที่อาจเกิดจากการรณรงค์เลิกใช้หลอดไส้ เพื่อให้มีคำแนะนำในการใช้งานเพื่อให้ถูกที่ถูกทาง คำแนะนำทางออกเพื่อแก้ปัญหาด้านการออกแบบตกแต่ง สถาปัตยกรรม
(4) ให้ สนพ. ประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินโครงการฯ เมื่อจะครบ18 เดือน
3. ที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้ คุณบรรพต แสงเขียว ผู้ช่วยผู้ว่าการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า ผู้แทนจาก กฟผ. ได้นำเสนอรายละเอียดของโครงการ สรุปได้ดังนี้
3.1 แนวทางการดำเนินโครงการ
เพื่อให้โครงการนี้บรรลุตามวัตถุประสงค์เป็นมาตรการประหยัดพลังงานที่ยั่งยืนของประเทศ กฟผ. กำหนดแนวทางดำเนินการตามโครงสร้างดังนี้
กฟผ. ได้แจ้งต่อที่ประชุมเพื่อพิจารณาด้วยว่า ในการเปลี่ยนหลอดไส้ และนำหลอดตะเกียบไปใช้แทนนั้น บางรายอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนขั้วหลอดให้กับประชาชนด้วย จึงเสนอขอใช้เงินกองทุนแบบให้เปล่าเพิ่มอีก 2 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าซื้อขั้วหลอดและการจัดกิจกรรมใน 5 จังหวัด เมื่อรวมกับงบประมาณเดิมที่ขอจากกองทุนฯ 48 ล้านบาท รวมเป็นเงินสนับสนุนแบบให้เปล่า 50 ล้านบาท
ภาพตัวอย่างรูปแบบกล่องหลอดตะเกียบของโครงการฯและแบบฟอร์มที่ให้ผู้ใช้ไฟฟ้าครัวเรือนแจ้งความจำนง
1. ชื่อ..........นามสกุล.................. 2. หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน............................. 3. บ้านเลขที่.................. หมู่......... หมู่บ้าน........... ถนน..............ตำบล............ อำเภอ........... จังหวัด.......... โทรศัพท์............................ |
4. หลอดตะเกียบเบอร์ 5 ที่ต้องการ 4.1 ขนาด __ 15 วัตต์ __ 20 วัตต์ 4.2 แสงไฟสี __ สีขาว __ สีเหลือง/ส้ม 5. มีหลอดไส้แลกคืน __ มี __ ไม่มี 6. ต้องการรับหลอดที่ __ ผู้ใหญ่บ้าน __ กำนัน __ อำเภอ __ ศาลากลางจังหวัด __ ตลาดสด...... |
3.2 แผนปฏิบัติการ
กฟผ. ได้นำเสนอขั้นตอนและแผนปฏิบัติการต่อที่ประชุมดังนี้
การพิจารณาของที่ประชุม
1. เห็นชอบให้ กฟผ. ใช้จ่ายเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในวงเงิน 80,000,000 บาท (แปดสิบล้านบาทถ้วน) โดย
- เป็นเงินให้เปล่า 48 ล้านบาท เพื่อซื้อหลอดตะเกียบแจกฟรีสู่ชุมชนและชาวบ้าน จำนวน 800,000 หลอด
- เป็นเงินหมุนเวียน 30 ล้านบาท เพื่อซื้อหลอดตะเกียบจำหน่ายให้กับชุมชนและชาวบ้าน ในราคา 60 บาท/หลอด และ กฟผ. จะคืนเงินส่วนนี้ให้กองทุนฯ ในปี 2553
- เป็นเงินให้เปล่า 2 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าเปลี่ยนขั้วหลอดไส้และค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมรณรงค์เปลี่ยนหลอด 5 จังหวัด
2. ระบุแนวทางที่จะนำเสนอให้รัฐมีมาตรการในการป้องกันไม่ให้ตลอดตะเกียบที่มีคุณภาพต่ำกระจายสู่ผู้บริโภคในประเทศ รวมทั้งคำแนะนำในการใช้งานเพื่อให้ถูกที่ถูกทาง คำแนะนำทางออกเพื่อแก้ปัญหาด้านการออกแบบตกแต่ง สถาปัตยกรรม
3. ควรกำหนดกรอบระยะเวลาในการยกเลิกหลอดไส้ให้ชัดเจน และประสานงานกับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพื่อส่งเสริมการผลิตหลอดตะเกียบในประเทศ
4. เตรียมการจัดการให้เรื่องการกระจายหลอดตะเกียบไปยังกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
5. ให้ สนพ. ประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินโครงการฯ เมื่อจะครบ 18 เดือน
เห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานโครงการสนับสนุนการศึกษาวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2550 ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ในวงเงิน 80,000,000 บาท (แปดสิบล้านบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายใน "โครงการยุติหลอดไส้ ใช้หลอดตะเกียบเบอร์ 5 " และ ให้ กฟผ. และกระทรวงพลังงานรับข้อสังเกตของที่ประชุมไปดำเนินการด้วย
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้นำเสนอที่ประชุมพิจารณา "โครงการเทอดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 "ตามรอยพระยุคลบาท พระบิดาแห่งการพัฒนาพลังงานไทย" ที่ สนพ. เสนอขอจัดสรรเงินกองทุนฯ ในวงเงิน 50,000,000 บาท (ห้าสิบล้านบาทถ้วน) เพื่อนำไปดำเนินโครงการดังนี้
วัตถุประสงค์ รวบรวมแนวพระราชดำริด้านพัฒนาพลังงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากข้อมูลของหลายหน่วยงานที่ได้มีโอกาสทำงานสนองพระราชดำริด้านการพัฒนาพลังงาน ตลอดระยะเวลาแห่งการครองราชย์สมบัติ และเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ ที่เหมาะสม ให้พสกนิกร สถาบันการศึกษาทุกระดับ ภาครัฐ ภาคเอกชน ได้น้อมนำต้นแบบทางความคิดและเป็นแรงบันดาลใจในการนำไปประยุกต์ใช้ เพื่อการพัฒนาสู่การพึ่งพาตนเองอย่างแท้จริง ตามรอยพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตัวอย่างเนื้อหา "ตามรอยพระยุคลบาท พระบิดาแห่งการพัฒนาพลังงานไทย"
ขอบเขตงาน วางแผนเผยแพร่แนวพระราชดำริด้านพัฒนาพลังงานและพลังงานทดแทนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ระหว่างเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2550 โดยเสนอกลยุทธ์และงานสร้างสรรค์ที่สื่อสารเข้าถึงพสกนิกร ภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษาทุกระดับ ได้อย่างเข้าใจและน้อมนำต้นแบบทางความคิด เป็นแรงบันดาลใจในการนำไปประยุกต์ใช้ เพื่อการพัฒนาสู่การพึ่งพาตนเอง เช่น
- ผลิตและเผยแพร่ภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์ทางสื่อโทรทัศน์ สปอตวิทยุ และสื่อต่างๆ
- ผลิตและเผยแพร่สารคดีสั้น ทางสื่อโทรทัศน์ ไม่น้อยกว่า 25 ตอน
- การผลิตและเผยแพร่ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ หรือแนวคิดในการใช้สื่อรูปแบบใหม่
- การจัดกิจกรรมเผยแพร่ต่างๆ ที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงบางรายการเพื่อความเหมาะสม ฯลฯ
ผลที่จะได้รับ พสกนิกร นักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ เอกชน ได้ทราบพระอัจฉริยภาพด้านพัฒนาพลังงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวน้อมนำเป็นแนวทางให้รู้จักมองปัญหาและแก้ไขปัญหา โดยมองไปรอบๆ ตัวด้วยปัญญา และนำสิ่งที่มีอยู่มาพัฒนาใช้ให้เกิดประโยชน์ และทำให้ครบวงจร
ขอสนับสนุนจากกองทุนฯ 50,000,000 บาท (ห้าสิบล้านบาทถ้วน) เพื่อจัดจ้างผู้มีประสบการณ์ มีความชำนาญการเข้ามาดำเนินงาน โดยสามารถถัวจ่ายระหว่างรายการ และแยกรายการและทำสัญญาหรือหนังสือยืนยันได้หลายรายการตามความเหมาะสม
มติที่ประชุม
เห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้ สนพ. ในวงเงิน 50,000,000 บาท (ห้าสิบล้านบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายใน โครงการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 "ตามรอยพระยุคลบาท พระบิดาแห่งการพัฒนาพลังงานไทย" โดยถัวจ่ายเงินกองทุนฯ จากแผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค โครงการสนับสนุนทุนการศึกษา วิจัย พัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน ปีงบประมาณ 2550 ที่ สนพ. ได้รับอนุมัติไว้แล้ว มาสมทบในโครงการประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพลังงานทางเลือก และให้ สนพ. รับข้อสังเกตของที่ประชุมไปดำเนินการด้วย
เรื่องที่ 7 ขอความเห็นชอบโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยสถาบันการเงิน ระยะที่ 3
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้นำเสนอที่ประชุมพิจารณา "โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานโดยสถาบันการเงิน ระยะที่ 3" ที่ พพ. เสนอขอรับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ในวงเงิน 1,000 ล้านบาท (หนึ่งพันล้านบาท) ซึ่ง พพ. เคยได้รับเงินจากกองทุนฯ นำไปใช้จ่ายในโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน และส่งเสริมพลังงานทดแทน รวม 3 ครั้ง
(1) ระยะที่ 1 เมื่อ 11 ตุลาคม 2544 วงเงิน 2,000 ล้านบาท (เฉพาะอนุรักษ์ฯ)
(2) ระยะที่ 2 เมื่อ 25 สิงหาคม 2548 วงเงิน 2,000 ล้านบาท (อนุรักษ์ฯ+ทดแทน)
(3) ระยะที่ 1 เมื่อ 21 ธันวาคม 2549 วงเงิน 1,000 ล้านบาท (เฉพาะทดแทน)
การใช้จ่ายเงินดังกล่าว พพ. ได้ให้สถาบันการเงินที่ผ่านการคัดเลือกของ พพ. นำไปเป็นเงินหมุนเวียนให้แก่โรงงาน อาคาร และบริษัทจัดการพลังงาน นำไปใช้ในการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยสถาบันการเงิน ปล่อยกู้ภายใน 3 ปี และส่งคืนกองทุนฯ ผ่าน พพ. ในเวลา 10 ปี นับจากวันที่ พพ. ทำสัญญากับสถาบันการเงิน
สถาบันการเงินฯ จะจ่ายดอกเบี้ยคืนกองทุนฯ ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.5 ของเงินกองทุนฯ ที่สถาบันการเงินนำไปปล่อยให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อเป็นค่าเสียโอกาสในส่วนดอกเบี้ยเงินฝากที่กองทุนฯ ได้รับเป็นประจำ
2. ปัจจุบัน มีสถาบันการเงินเข้าร่วมโครงการฯ 11 ธนาคาร ได้แก่ ทหารไทย กรุงเทพ ไทยธนาคาร นครหลวงไทย กรุงศรีอยุธยา ไทยพาณิชย์ กสิกรไทย กรุงไทย ยูไนเต็ด โอเวอร์ซีส์ (ไทย) และ SMEs Bank ซึ่งสรุปผลงานโดยรวมของโครงการเงินหมุนเวียนเพื่ออนุรักษ์พลังงานฯ ระยะที่ 1 และ 2 ได้ปล่อยกู้รวม 153 ราย คิดเป็นจำนวนเงิน 1,908 ล้านบาท +1,446 ล้านบาท รวม 3,354 ล้านบาท รวมผลประหยัด 2,660 ล้านบาท/ปี ดังนี้
ประเภทจำนวน (ข้อเสนอ) |
เงินลงทุน (ล้านบาท) |
วงเงินสนับสนุนที่ พพ. อนุมัติ (ล้านบาท) |
ผลประหยัดไฟฟ้า (ล้านหน่วย/ปี) |
ผลประหยัดเชื้อเพลิง (เทียบเท่าน้ำมันเตา) (ล้านลิตร/ปี) |
รวมผลประหยัด (ล้านบาท/ปี) |
|
อาคาร | 22 | 256 | 221 | 26 | 1 | 77 |
โรงงาน | 129 | 5,787 | 3,075 | 376 | 162 | 2,477 |
ESCO | 2 | 178 | 58 | 11 | 8 | 106 |
รวม | 153 | 6,221 | 3,354 | 413 | 171 | 2,660 |
3. เหตุผลและความจำเป็นที่ พพ. ต้องขอสนับสนุนจากกองทุนฯ เพิ่มเติม ในวงเงิน 1,000 ล้านบาท เนื่องจากมีเอกชนให้ความสนใจยื่นขอสินเชื่อเพื่อการลงทุนด้านพลังงานไว้กับสถาบันการเงินกว่า 80 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3,350 ล้านบาท และมีข้อเสนอโครงการอีก 20 ราย ที่ พพ. อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติมูลค่ารวม 567.2 ล้านบาท ขณะที่วงเงินหมุนเวียน ระยะที่ 1 คงเหลืออยู่ 96 ล้านบาท จะครบกำหนดเวลาปล่อยกู้ในวันที่ 29 เมษายน 2550 และระยะที่ 2 คงเหลืออยู่ 554 ล้านบาท เท่านั้น
4. เมื่อพิจารณาฐานะการเงินของกองทุนฯ โดยอยู่บนฐานของรายได้เฉลี่ยปีละ 1,400 ล้านบาท และประมาณการรายจ่ายปีละ 2,000 ล้านบาท หากมีการจัดสรรเงินเพิ่มเติมอีก 1,000 ล้านบาท เพื่อให้ พพ. รับไปดำเนินโครงการเงินหมุนเวียนฯ ระยะที่ 3 จะมีผลกระทบต่อฐานะการเงินของกองทุนฯ ที่จะขาดดุลในปีงบประมาณ 2551 และ 2552 วงเงิน 610 ล้านบาท และ 281 ล้านบาท ตามลำดับ และจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยแสดงรายการได้ดังนี้
ปีงบประมาณ | 2550 | 2551 | 2552 | 2553 | 2554 | รวม |
1. เงินคงเหลือยกมาต้นปี | 4,915 | 1,239 | (610) | (281) | 184 | 4,915 |
2.ประมาณการรายรับล่วงหน้า | 1,795 | 2,149 | 2,198 | 2,248 | 2,299 | 10,688 |
3. เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืน | 413 | 937 | 1,080 | 986 | 936 | 4,351 |
รวมรับ | 2,208 | 3,086 | 3,277 | 3,233 | 3,235 | 4,351 |
4. รายจ่าย ประกอบด้วย | ||||||
4.1 รายจ่ายผูกพัน ปี 2538-2547 | 558 | 468 | 398 | 265 | 76 | 1,764 |
4.1 รายจ่ายผูกพัน ปี 2548-2549 | 3,082 | 824 | 551 | 503 | - | 4,959 |
4.3 ประมาณการรายจ่ายล่วงหน้า | 2,244 | 3,644 | 2,000 | 2,000 | 2,600 | 12,488 |
รวมจ่าย | 5,884 | 4,935 | 2,948 | 2,768 | 2,676 | 19,212 |
5. เงินคงเหลือปลายปี ยกไป | 1,239 | (610) | (281) | 184 | 742 | 742 |
5. อธิบดี พพ. ได้ยกตัวอย่างมาตรการและความสำเร็จที่ได้รับจากการดำเนินโครงการฯ เช่น
- เอส พี เอ็ม อาหารสัตว์ เปลี่ยน Boiler จากเชื้อเพลิงน้ำมันเตา เป็น Boiler เชื้อเพลิงจากขี้เลื่อย/เศษฟืน เงินลงทุน 10.6 ล้านบาท ประหยัด 6.3 ล้านบาท/ปี คืนทุน 1.7 ปี
- นันยางการทออุตสาหกรรม เปลี่ยนเครื่องจักร (เครื่องย้อม) ประสิทธิภาพสูง เงินลงทุน 47ล้านบาท ประหยัด 11 ล้านบาท/ปี คืนทุน 4.3 ปี
- ฟิวเจอร์เท็กซ์ เปลี่ยนหม้อต้มไอน้ำมันร้อนโดยใช้เชื้อเพลิงขี้เลื่อยและวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรทดแทนน้ำมันเตา เงินลงทุน 10 ล้านบาท ประหยัด 13 ล้านบาท/ปี คืนทุน 0.8 ปี
- ไทยเพิ่มพูนอุตสาหกรรม ติดตั้งเครื่องอบกากอ้อยเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนน้ำมันเตา เงินลงทุน 9.2 ล้านบาท ประหยัด 5.2 ล้านบาท/ปี คืนทุน 1.8 ปี
ภาพรวมความสำเร็จของโครงการฯ ระยะที่ 1 และระยะที่ 2 สรุปได้ว่าเกิดผลประหยัดพลังงานมากกว่า 2,660 ล้านบาทต่อปี นอกจากจะช่วยประหยัดพลังงานตลอดอายุอุปกรณ์กว่า 32,000 ล้านบาท และลดการนำเข้าน้ำมันดิบ 171 ล้านลิตร/ปี ชะลอการลงทุนเพื่อสร้างโรงไฟฟ้า 1,885 ล้านบาท แล้วยังลดปัญหาด้านมลภาวะที่เกิดจากการใช้พลังงานอีกด้วย รวมถึงได้ช่วยกระตุ้นสถาบันการเงิน 11 แห่งให้ความสนใจในตลาดสินเชื่อด้านอนุรักษ์พลังงาน โดยได้ใช้เงินของสถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อไปมากกว่า 15,000 ล้านบาท
มติที่ประชุม
เห็นชอบการดำเนิน "โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยสถาบันการเงิน ระยะที่ 3" ตามที่ พพ. เสนอขอมา โดยให้ดำเนินการดังต่อไปนี้
1. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติเงินกองทุนฯ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานส่งเสริมและสาธิต ปีงบประมาณ 2550 ให้ พพ. เพิ่มเติม ในวงเงิน 1,000 ล้านบาท โดยเสนอขอนายกรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติโอนเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 3,000 ล้านบาท มาสมทบเป็นรายได้ให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องของฐานะการเงินของกองทุนฯ ทำให้มีศักยภาพช่วยผลักดันการดำเนินการตามนโยบายของรัฐในการแก้ไขปัญหาด้านพลังงานของประเทศได้มากขึ้น
2. ในระหว่างที่รอปรับฐานะการเงินของกองทุนฯ ให้ พพ. ขยายกรอบการใช้เงิน "โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ระยะที่ 1" ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติจัดสรรเงินไว้แล้วเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2550 ในวงเงิน 1,000 ล้านบาท ให้สามารถปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการเพื่อการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานได้ด้วย โดยมีขั้นตอน เงื่อนไข หลักเกณฑ์ การเบิกจ่ายเงิน ในการสนับสนุนเหมือนกับโครงการเงินหมุนเวียนฯ ระยะที่ 2 และให้รับข้อสังเกตของที่ประชุมไปดำเนินการด้วย
เรื่องที่ 8 ขอความเห็นชอบโครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้นำเสนอที่ประชุมพิจารณา "โครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม" ที่ พพ. เสนอขอรับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2550 เพิ่มเติม ในวงเงิน 87,000,000 บาท (แปดสิบเจ็ดล้านบาทถ้วน) ซึ่งโครงการนี้ คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2549 (ครั้งที่ 41) เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2549 เคยมีมติอนุมัติเงินกองทุนฯ แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ปีงบประมาณ 2549 ให้ พพ. ไปดำเนินการจัดหา ติดตั้ง กังหันลมระบบมีเกียร์ เพื่อสาธิตการผลิตไฟฟ้า ขนาด 1.5 MW บริเวณพื้นที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช โดยมีเงื่อนไขให้ พพ. จะต้องดำเนินการพิจารณาทบทวนรายละเอียดของโครงการให้มีความชัดเจนก่อน ในประเด็น ดังนี้
- การศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากโครงการ
- ประสานกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อทำการกำหนดแนวทางการคำนวณผลตอบแทนและการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการดำเนินโครงการ ให้มีสมมติฐานในการคำนวณแบบเดียวกัน
- พิจารณาทบทวน ชนิด และขนาดของกังหันลมให้มี Power Curve เหมาะสมกับความเร็วลมเฉลี่ยในพื้นที่ที่ติดตั้ง รวมถึงทบทวนการติดตั้งกังหันลมทั้งในด้านเทคนิค ศักยภาพการผลิตไฟฟ้า ที่ตั้ง เพื่อให้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่
- พพ. จะต้องดำเนินการจัดหาผู้ดำเนินการติดตั้งระบบกังหันลมให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับทุนจากกองทุนฯ และจะต้องรายงานความก้าวหน้าของผลการดำเนินโครงการดังกล่าวให้คณะกรรมการกองทุนฯ ทราบ
2. พพ. ได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในวงเงิน 498,000 บาท ศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และได้ส่งรายงานฉบับสมบูรณ์แล้วเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2549 สรุปได้ดังนี้
- ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางกายภาพทางด้านลบในระดับ "น้อย" ขณะที่คุณค่าการใช้ประโยชน์ของมนุษย์และคุณค่าต่อคุณภาพชีวิตอยู่ในระดับ "มาก"
- จัดรับฟังความเห็นของประชาชนในพื้นที่ มีผู้เข้าร่วม 113 คน โดยร้อยละ 98.7 เห็นด้วยเพราะเห็นว่าจะเป็นแหล่งพลังงาน แหล่งท่องเที่ยวใหม่และช่วยนำรายได้เข้าสู่ท้องถิ่น ส่วนร้อยละ 1.3 มีความกังวลในเรื่องเสียงรบกวน ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และผลกระทบต่อการทำมาหากิน (ผลกระทบกับนกนางแอ่น ซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจประจำท้องถิ่น) แล้ว
3. เหตุผลและความจำเป็นที่ พพ. เสนอโครงการฯ เพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ อีกครั้ง เพราะจากการดำเนินการจัดหาผู้ติดตั้งระบบฯ ตามขั้นตอนของระเบียบพัสดุด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามประกาศลงวันที่ 11 กันยายน 2549 กำหนดให้ยื่นเอกสาร 21 กันยายน 2549 ปรากฏว่ามีผู้ยื่นข้อเสนอเพียง 1 ราย พพ. จึงยกเลิกการจัดหาเมื่อ 26 กันยายน 2549 เป็นเหตุให้ พพ. ไม่สามารถจัดหาผู้ดำเนินการติดตั้งระบบกังหันลมให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ มีมติไว้
โครงการมีความก้าวหน้าไปพอสมควรแล้ว และได้รับความร่วมมือจากท้องถิ่นเป็นอย่างดี เพื่อให้มีทางเลือกในการนำพลังงานหมุนเวียนที่มีอยู่ตามธรรมชาติมาใช้ทดแทนพลังงานสิ้นเปลือง พพ. จึงเสนอขอที่จะดำเนินการโครงการดังกล่าวต่อ โดยใช้เงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2550
4. อธิบดี พพ. ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า เนื่องจากการติดตั้งกังหันลมฯ 1 ชุด จะเสียค่าใช้จ่าย Overhead ไม่ต่างกับการติดตั้ง Wind Farm (ตั้งแต่ 5 ชุดขึ้นไป) ดังนั้นวงเงิน 86,502,000 บาท ที่เสนอไว้อาจจะเป็นราคาที่ไม่จูงใจให้ผู้ประกอบการเข้ามาดำเนินการ พพ. จึงเสนอขอใช้เงินจากกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2550 เป็นค่าใช้จ่ายใน "โครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม" ในวงเงิน 119 ล้านบาท
มติที่ประชุม
ให้ พพ. จัดทำสรุปการใช้จ่ายเงินตามแผนงานฯ ปี 2550 และพิจารณาโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายบางรายการไปเป็นค่าใช้จ่ายใน "โครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม" ในวงเงิน 119 ล้านบาทหากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2550 มีข้อผูกพันครบถ้วนแล้วไม่สามารถโอนเปลี่ยนแปลงรายการได้ ก็ให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอที่ประชุมพิจารณาอีกครั้ง
เรื่องที่ 9 ขอความเห็นชอบปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอที่ประชุมพิจารณาเรื่องที่หน่วยงานต่างๆ ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไปแล้ว ได้ยื่นเรื่องขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการฯ จากที่ได้รับอนุมัติไว้ รวม 14 โครงการ ดังนี้
1.1 ขอเปลี่ยนแปลงระยะเวลาดำเนินงาน รวม 9 โครงการ คือ
โครงการ | หน่วยงาน | เดิม | ขยายถึง | |
(1) | โครงการนำร่องปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ดีเซล เป็น NGV | บริษัท ปตท. จำกัด | ธันวาคม 2549 | มิถุนายน 2550 |
(2) | โครงการวิจัยการนำความร้อนทิ้งกลับมาใช้ใน HEAT PROCESS | ม.เชียงใหม่ | ธันวาคม 2549 | มิถุนายน 2550 |
(3) | โครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการปลูกไม้โตเร็วเพื่อเป็นพลังงานชีวมวล | ม.สุรนารี | สิงหาคม 2549 | สิงหาคม 2550 |
(4) | โครงการเทคโนโลยีการอบไม้สวนป่าโดยใช้เศษวัสดุเหลือใช้จากสวนป่าเป็นพลังงาน | ม.เกษตรศาสตร์ | ตุลาคม 2549 | กุมภาพันธ์ 2550 |
(5) | โครงการศึกษาการใช้ประโยชน์จากเครื่องยนต์ ก๊าซชีวภาพ | ม.เชียงใหม่ | มีนาคม 2550 | กันยายน 2550 |
(6) | โครงการพัฒนาความรู้ด้านพลังงานทดแทนสู่ชุมชน | ม. พระจอมเกล้าธนบุรี | กันยายน 2550 | พฤษภาคม 2551 |
(7) | โครงการบูรณาการงานด้านพลังงาน กับแผนยุทธศาสตร์จังหวัด | สพภ. 1 สพภ. 2 สพภ. 7 สพภ. 8 และ สพภ. 11 |
เมษายน 2550 เมษายน 2550 เมษายน 2550 เมษายน 2550 เมษายน 2550 |
กันยายน 2550 กันยายน 2550 มิถุนายน 2550 สิงหาคม 2550 กันยายน 2550 |
(8) | โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ | สนพ. | - | - |
(9) | ขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินเกิน 3 เดือน นับจากวันสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา 2 ราย | พพ. | - | 3 เดือนนับจากวันที่ได้รับอนุมัติการขยายระยะเวลา |
1.2 ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ รวม 6 โครงการ คือ
โครงการ | หน่วยงาน | ขอเปลี่ยนแปลง | |
(1) | โครงการบูรณาการงานด้านพลังงานกับแผนยุทธศาสตร์จังหวัด | สพภ. 3 สพภ. 9 และ สพภ. 10 |
1) สพภ. 3 ขอขยายระยะเวลาจากเมษายน 2550 เป็นพฤษภาคม 2550 และขอนำเงินจากหมวดบริหารโครงการฯ มาจัดซื้อครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์ (Notebook) จำนวน 3 เครื่อง เครื่องละ 33,000 บาท รวมเป็นเงิน 99,000 บาท 2) สพภ. 9 ขอขยายระยะเวลาจากเมษายน 2550 เป็นพฤษภาคม 2550 และ ขอนำเงินจากหมวดบริหารโครงการฯ มาจัดซื้อครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์ (Notebook) จำนวน 4 เครื่อง เครื่องละ 24,500 บาท รวมเป็นเงิน 98,000 บาท 3) สพภ. 10 ขอขยายระยะเวลาจากเมษายน 2550 เป็นมิถุนายน 2550 และ ขอนำเงินจากหมวดบริหารโครงการฯ มาจัดซื้อครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์ (Notebook) จำนวน 3 เครื่อง เครื่องละ 33,000 บาท รวมเป็นเงิน 99,000 บาท |
(2) | โครงการค่ายอนุชนพลังงานกับมหาวิทยาลัยในฝัน | ม. พระจอมเกล้าธนบุรี |
1) ขอขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการ จากพฤษภาคม 2549 เป็นเดือนกรกฎาคม 2550 2) ปรับกลุ่มเป้าหมาย จากเดิม เป็นนักเรียนจากโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร และโรงเรียนจังหวัดแม่ฮ่องสอน น่าน สกลนคร ฉะเชิงเทรา ราชบุรี และกาญจนบุรี เป็น นักเรียน และครู จากโรงเรียนที่สนใจทั่วประเทศ |
(3) | โครงการสนับสนุนทุนอุดหนุนการวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา | ม. ธรรมศาสตร์ | * ขอเปลี่ยนชื่อโครงการวิจัย จำนวน 3 โครงการ |
* หมายเหตุ (1) ชื่อเดิม เรื่อง "แนวทางการประเมินและการออกแบบการระบายอากาศด้วยวิธีธรรมชาติ สำหรับอาคารบ้านพักอาศัยโดยอิทธิพลของช่องเปิด" เป็น "การออกแบบและการประเมินการระบายอากาศโดยวิธีธรรมชาติในบ้านพักอาศัยด้วยอิทธิพลของการใช้ช่องเปิด" (2) ชื่อเดิม เรื่อง "แนวทางการสร้างแบบประเมินค่าการระบายอากาศโดยวิธีธรรมชาติ เนื่องจากการจัดสภาพแวดล้อมของผังบริเวณ" เป็น "แนวทางการออกแบบการระบายอากาศโดยวิธีธรรมชาติในบ้านพักอาศัยด้วยองค์ประกอบทางภูมิสถาปัตยกรรม" (3) ชื่อเดิม เรื่อง "การศึกษาคุณสมบัติของผังบังแดดพันธุ์พืช" เป็น "ประสิทธิภาพของผนังไม้เลื้อยในการลดการถ่ายเทความร้อนผ่านผนังอาคาร" |
|||
(4) | โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ | สนพ. |
ขอระงับทุนการศึกษาของนายอุทัย ม่วงศรีเมือง ศึกษาต่อที่ The University of Surrey ประเทศ สหราชอาณาจักร ระดับปริญญาเอก สาขา Energy Economics & Policy เนื่องจากมหาวิทยาลัยไม่มั่นใจว่าจะสำเร็จการศึกษาได้ในเวลาที่กำหนด |
(5) | โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาในประเทศ | ม. เกษตรศาสตร์ |
1) ขอขยายเวลาการศึกษาให้กับนายอุ่นกัง แซ่ลิ้ม ถึง พฤษภาคม 2550 2) ขอใช้เงินคงเหลือจากงบประมาณเดิมที่ได้รับอนุมัติไว้ ในวงเงิน 135,776.85 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษาเพิ่มเติมอีก 1 ภาคการศึกษา |
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอเวียนขออนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ต่อไป
เรื่องที่ 10 ขอความเห็นชอบปรับรายละเอียด โครงการ กรุงเทพฯ ฟ้าใส ด้วยไบโอดีเซล
1. อธิบดี พพ. ได้นำเสนอที่ประชุมพิจารณา "โครงการ กรุงเทพฯ ฟ้าใส ด้วยไบโอดีเซล" ที่ พพ. ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ในวงเงิน 9,985,500 บาท (เก้าล้านเก้าแสนแปดหมื่นห้าพันห้าร้อยบาทถ้วน) โดยทำหนังสือยืนยันการขอรับทุนฯ ไว้กับ สนพ. เมื่อปีงบประมาณ 2547 มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นโครงการนำร่องการใช้ไบโอดีเซลในรถยนต์ในเขตกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งจะพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของไบโอดีเซลผสมกับน้ำมันดีเซลอย่างยั่งยืน ตลอดจนจะทดสอบไบโอดีเซลผสมกับน้ำมันดีเซล เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน รณรงค์สร้างการยอมรับเกี่ยวกับการใช้เชื้อเพลิงไบโอดีเซล
2. พพ. ได้ตั้งสถานีจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล (B5) ใน กทม. ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2548 และได้สร้างความเข้าใจจนมีความต้องการใช้น้ำมันไบโอดีเซลในตลาดเพิ่มขึ้น จนเกิดการผลิตของภาคเอกชนและพัฒนาเป็นเชิงพาณิชย์แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะดำเนินการงานทดสอบสมรรถนะของรถทั้งก่อนและหลังใช้ไบโอดีเซล ประกอบกับการตรวจสอบมลภาวะอากาศใน กทม. จากการใช้ไบโอดีเซลได้มีการดำเนินการโดยหน่วยงานอื่นแล้ว เช่น กรมธุรกิจพลังงาน กรมควบคุมมลพิษ และกรมอู่ทหารเรือ เป็นต้น
3. พพ. ได้ดำเนินการเผยแพร่และส่งเสริมระบบผลิตไบโอดีเซลไประยะเวลาหนึ่ง พบว่าในกระบวนการผลิตไบโอดีเซลจะเกิดน้ำเสียที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหากจัดการไม่เหมาะสม ซึ่งระบบของโครงการฯ ยังไม่มีการบำบัดน้ำเสีย
ดังนั้นเพื่อให้เกิดการผลิตไบโอดีเซลแบบครบวงจรและเป็นแนวทางที่ พพ. จะนำไปเผยแพร่และส่งเสริมต่อชุมชนและภาคเอกชนได้ต่อไปนั้น พพ. จึงขอปรับปรุงการดำเนินกิจกรรมของโครงการฯ โดยการตัดลด(ยกเลิก)กิจกรรมที่ พพ. เห็นว่าหมดความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการดังนี้
1) การตรวจสมรรถนะและมลพิษของรถก่อนใช้น้ำมันไบโอดีเซล
2) การสาธิตการใช้ไบโอดีเซล B5 กับรถ ขสมก. รถร่วมเอกชน รถกรมการพลังงานทหาร และรถประชาชนทั่วไป
3) การตรวจสอบมลภาวะทางอากาศใน กทม.
และนำเงินส่วนที่เหลือในวงเงิน 4,364,533 บาท ไปใช้จ่ายในการจัดสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย โดยมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรมดังนี้
กิจกรรม | งบประมาณ (บาท) |
งบประมาณ ที่ใช้ไป (บาท) |
หมายเหตุ |
1. การสาธิตการใช้ไบโอดีเซลในกรุงเทพมหานคร | 5,850,000 | 3,328,467 | ติดตั้งระบบผลิตไบโอดีเซลและระบบกลั่นกลีซอรีนเรียบร้อยแล้ว |
2. ค่าจัดทำประชาสัมพันธ์ | 2,300,000 | 1,031,625 | ผูกพันในสัญญาอีก 1,260,875 บาท |
3. การตรวจมลพิษและสมรรถนะ | 1,210,000 | - | ขอเปลี่ยนแปลงไปใช้ในการสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย รวมทั้งงบประมาณที่เหลือจากกิจกรรมอื่นๆ |
4. ค่าจัดทำรายงาน | 150,000 | - | |
5. ค่านักวิจัยและบริหารโครงการ 5% | 475,500 | - | |
รวมทั้งสิ้น | 9,985,500 | 4,360,092 | เหลืองบประมาณที่มิได้ผูกพันรวม 4,364,533 บาท |
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอเวียนขออนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ต่อไป