มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 5/2544 (ครั้งที่ 26)
วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม 2544 เวลา 14.00 น.
ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล
1. โครงการวิจัยและพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์ที่เหมาะกับภูมิอากาศเขตร้อนชื้น
2. ความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 2
3. โครงการปิดถนนเพื่อประหยัดพลังงาน ลดมลพิษ และส่งเสริมการท่องเที่ยว
6. โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานโดยสถาบันการเงิน
รองนายกรัฐมนตรี (นายพิทักษ์ อินทรวิทยนันท์) ประธานกรรมการ
เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์) กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 โครงการวิจัยและพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์ที่เหมาะกับภูมิอากาศเขตร้อนชื้น
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 2/2540 (ครั้งที่ 12) เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2540 ได้อนุมัติเงินกองทุนฯ ให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในวงเงิน 90 ล้านบาท (เก้าสิบล้านบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการวิจัยและพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์ที่เหมาะกับภูมิอากาศเขตร้อนชื้น โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะทำการวิจัยในเรื่องการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ขึ้นในประเทศไทย ตลอดจนวิธีการประกอบแผง การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตขนาดย่อมเชิงสาธิต (Pilot Plant) โดยมีประมาณการผลิตที่ 150 kW เป็นแนวทางการผลิตเต็มรูปแบบในเชิงพาณิชย์ และเผยแพร่สู่สาธารณชนต่อไปในอนาคต
การดำเนินงานของโครงการดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมานั้น มีความล่าช้าและไม่เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ แต่ สวทช. ได้ดำเนินการปรับแผนการดำเนินงานของโครงการดังกล่าวให้สอดคล้องกับสถานภาพของโครงการ ในปัจจุบันแล้ว โดยในปัจจุบันนี้ สวทช. ได้ทำการทดลองผลิตเซลล์ชนิดอะมอร์ฟัสซิลิกอน และสามารถพัฒนาประสิทธิภาพของเซลล์ได้ที่ระดับ 7.3 % และ สวทช. คาดว่าจะสามารถพัฒนาได้ถึง 10% โดย สวทช. ได้ใช้จ่ายเงินลงทุนไปในโครงการนี้ไปแล้วทั้งสิ้น 148 ล้านบาท ประกอบด้วยงบประมาณจาก สวทช. 58 ล้านบาท และงบสนับสนุนจากกองทุนฯ เป็นค่าครุภัณฑ์และวัสดุประกอบการผลิตเซลล์ 90 ล้านบาท
เนื่องจาก สวทช. ประสบปัญหาที่ไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณ เพื่อนำมาสมทบค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามแผนงานที่ได้เคยเสนอไว้กับกองทุนฯ ทำให้ สวทช. ไม่สามารถจัดซื้อวัสดุที่จำเป็นเพื่อนำมาวิจัยและพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์ได้ทั้งหมด สวทช. จึงได้มีหนังสือที่ วว 5201/2619 ลงวันที่ 2 ตุลาคม 2544 เพื่อขอปรับแผนการดำเนินงานโดย สวทช. จะขอทำการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์แล้วจะร่วมมือกับ กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน (พพ.) และกรมโยธาธิการ ในการนำไปติดตั้งทดสอบการใช้งาน โดยในการปรับแผนงานครั้งนี้ สวทช. ขอเงินสนับสนุนเพิ่มเติมจากกองทุนฯ เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 29,587,500 บาท (ยี่สิบเก้าล้านห้าแสน แปดหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของ สวทช. พพ. และ กรมโยธาธิการ
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมร่วมกับผู้แทนจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้องในด้านเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2544 ณ อาคารสำนักงาน สพช. เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องแนวทางการดำเนินโครงการดังกล่าว โดยสรุปความเห็นของที่ประชุมได้ดังนี้
1. ที่ประชุมมีความเห็นสอดคล้องกันว่า แม้นว่าเซลล์แสงอาทิตย์ที่ สวทช. เลือกผลิตนั้น เป็นเซลล์ชนิดอะมอร์ฟัสซิลิกอน ซึ่งมีเทคโนโลยีแบบฟิล์มบางแบบอื่นที่น่าสนใจมากกว่า เช่น Copper Indium Diselenide (CIS) และมีแนวโน้มจะมีประสิทธิภาพดีกว่าเทคโนโลยีที่ สวทช. พัฒนาอยู่ก็ตาม แต่การที่กองทุนฯ ได้ให้การสนับสนุน สวทช. เพื่อพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์ตามเทคโนโลยีที่ สวทช. เลือกใช้ นั้น ถือได้ว่าเป็นการเริ่มต้นของการสร้างภูมิความรู้ในการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ในประเทศไทย โดย สวทช. สามารถ ออกแบบสภาพเครื่องจักรและดำเนินการประกอบเครื่องจักรได้เอง นอกจากนี้โครงการนี้ยังเป็นการเตรียมความพร้อมของบุคลากรด้านเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์เพื่อรองรับงานวิจัยและพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์ในอนาคตอีกด้วย
2. ที่ประชุมได้มีความเห็นเพื่อให้ สวทช. นำไปปรับปรุงรายละเอียดของแนวทางและวิธีการดำเนินงานศึกษาวิจัยให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ ก่อนนำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณา ดังนี้
(1) กองทุนฯ ควรให้การสนับสนุนโครงการวิจัยนี้ โดยสนับสนุนเพียงเฉพาะในส่วนของค่าวัสดุในการวิจัยและพัฒนา และ สวทช. ควรพยายามเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีในประเทศไทยก่อน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายและเวลาที่ต้องใช้ไปในการนำเข้าวัสดุอุปกรณ์จากต่างประเทศ
(2) นักวิจัยที่เป็นพนักงานของ สวทช. และได้รับผลตอบแทนจาก สวทช. อยู่แล้ว ไม่ควรได้รับค่าตอบแทนจากโครงการนี้เพิ่มเติม แต่ในส่วนของลูกจ้างชั่วคราวมีสัญญาเป็นรายปีซึ่งมีหน้าที่ดูแลการทำงานของเครื่องจักรและกระบวนการผลิต ประกอบกับ สวทช. มีพนักงานเพียง 2 คน เท่านั้น ไม่เพียงพอที่จะดำเนินโครงการฯ ได้ ดังนั้น ที่ประชุมเห็นควรให้มีการว่าจ้างลูกจ้างชั่วคราวได้
(3) ควรสนับสนุนให้มีการนำเซลล์ที่ สวทช. ผลิตได้ไปติดตั้งทดสอบการใช้งาน แม้ว่าจะไม่ได้มีการทดสอบอายุการใช้งานอย่างแน่ชัด เพื่อจะได้มีการเก็บข้อมูลและวัดประสิทธิภาพเพื่อนำไปสู่การวิจัยและพัฒนาประสิทธิภาพให้สูงขึ้นต่อไปในอนาคต แต่อย่างไรก็ตาม สวทช. ต้องมีแผนงานการดำเนินงาน ในแต่ละขั้นตอนที่ชัดเจน และในขั้นต้นนี้ก่อนที่ สวทช. จะนำเซลล์ที่ผลิตได้ส่งมอบให้ พพ. และกรมโยธาธิการ นำไปใช้งานนั้น สวทช. ต้องมีการทดสอบเซลล์แสงอาทิตย์นั้นให้เป็นไปตามข้อกำหนดมาตรฐานเซลล์แสงอาทิตย์ของประเทศไทย ที่กองทุนฯ ได้ให้การสนับสนุน สวทช. เป็นผู้รวบรวมและจัดทำข้อกำหนดมาตรฐานดังกล่าวไว้แล้วด้วย
(4) สวทช. ควรร่วมกับหน่วยงานต่างๆ นำเซลล์ที่ผลิตได้ในโครงการฯ ไปใช้ โดยในขั้นแรกอาจร่วมงานกับ พพ. และ กรมโยธาธิการ ก่อนได้ โดยทางหน่วยงานที่ทำการติดตั้งจะต้องบันทึกและประเมินผลเซลล์แสงอาทิตย์ของโครงการฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นข้อมูลในการวิจัยและพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์ของโครงการฯ ต่อไป
(5) สวทช. ควรปรับปรุงรายละเอียดของโครงการฯ ที่เสนอมาให้มีความชัดเจน ทั้งในด้านแผนงาน ขั้นตอน กิจกรรม กำหนดเวลาและเงื่อนไขต่างๆ ในการดำเนินงานวิจัย การผลิตต้นแบบแผงเซลล์แสงอาทิตย์ การติดตั้งสาธิต ดัชนีชี้วัดความสำเร็จของโครงการฯ วิธีการตรวจวัด วิธีการประเมินผล โครงสร้างการบริหาร แนวทางการบริหาร การประสานงานและการควบคุมงบประมาณ ระหว่าง สวทช. และหน่วยงานที่จะดำเนินการติดตั้งทดสอบ โดย สวทช. ควรกำหนดแผนที่มีความรอบคอบและรัดกุมในทุกๆ ด้าน และมีรายละเอียดที่ชัดเจนมากกว่าที่เสนอมา
ฝ่ายเลขานุการฯ จะประสานงานกับ สวทช. เพื่อปรับปรุงรายละเอียดของแผนงานโครงการฯ ให้เป็นไปตามความเห็นของที่ประชุมดังกล่าว และจะได้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
เรื่องที่ 2 ความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 2
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 2 ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน ได้จัดสรรเงินจากกองทุนฯ ให้การสนับสนุนโครงการต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2542 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2544 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 5,278.90 ล้านบาท
การดำเนินการอนุรักษ์พลังงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ระหว่างปีงบประมาณ 2538 - 2544 ได้มีการใช้เงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานไปแล้วรวมทั้งสิ้น 11,531.40 ล้านบาท ซึ่งผลที่ได้รับนั้น เฉพาะในส่วนงานโครงการอาคารของรัฐ และโครงการต่างๆ ภายใต้แผนงานภาคความร่วมมือ ซึ่งคาดว่าจะลดการใช้พลังงานลงได้ คิดเป็นเงินประมาณ 812.93 ล้านบาท/ปี และชะลอการลงทุนในการสร้างโรงไฟฟ้าได้ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,844.5 ล้านบาท ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงประโยชน์ที่ได้รับในส่วนที่ไม่สามารถประเมินศักยภาพการอนุรักษ์พลังงานและการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เป็นจำนวนเงินได้ เช่น การสร้างเสริมประสบการณ์และให้ความรู้แก่บุคลากรที่เกี่ยวข้องให้มีความพร้อมและชำนาญการทางเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น การปลูกจิตสำนึกให้มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น
นอกจากนี้ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าผลการประเมินการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 1 ปีงบประมาณ 2538-2542 ได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว อยู่ในขั้นตอนการจะจัดสัมมนาเพื่อระดมความคิดเห็นก่อนที่จะนำเสนอต่อคณะอนุกรรมการประเมินผลแผนอนุรักษ์พลังงาน และคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อทราบต่อไป
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
เรื่องที่ 3 โครงการปิดถนนเพื่อประหยัดพลังงาน ลดมลพิษ และส่งเสริมการท่องเที่ยว
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าตามที่ สพช. ได้รับมอบหมายให้ทำการรณรงค์ ให้ประชาชนทั่วไปเข้ามามีส่วนร่วมในการประหยัดพลังงาน และมีความเห็นว่ามาตรการปิดถนนบางส่วน ในบางช่วงเวลาในเขตกรุงเทพมหานครเป็นมาตรการที่สามารถลดการใช้พลังงานลงได้ และ สพช. ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญ และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเพื่อหารือและพิจารณาถึงความเป็นไปได้และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากมีการปิดถนนบางส่วนในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งที่ประชุมเห็นควรให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) จัดทำแผนการดำเนินงานและให้มีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารโครงการ เพื่อทำหน้าที่ในการพิจารณารายละเอียดการดำเนินงานของโครงการและกำกับดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปอย่างรัดกุมและคุ้มค่ากับงบประมาณในการดำเนินการโครงการ
มจธ. ได้ยื่นข้อเสนอโครงการปิดถนนเพื่อประหยัดพลังงาน ลดมลพิษ และส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อ ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในวงเงิน 37,156,820 บาท ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้นำข้อเสนอโครงการดังกล่าวเสนอต่อคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน ในการประชุมครั้งที่ 14/2544 (ครั้งที่ 88) ที่ประชุมได้พิจารณาในรายละเอียดของโครงการแล้วเห็นว่าควรปรับกิจกรรมการประชาสัมพันธ์ให้เหมาะสมเนื่องจากลักษณะของพื้นที่สามารถทำการโฆษณาในรูปแบบของการบอกต่อได้ และสำหรับกิจกรรมที่จะมีตลอดแนวพื้นที่ปิดถนนนั้น ควรจะสนับสนุนเรื่องการประหยัดพลังงานด้วย เช่น มีการขายของที่ประหยัดพลังงานหรือขายอาหารที่เน้นการบริโภคแบบประหยัดพลังงาน ทั้งนี้ เพื่อให้ได้รับประโยชน์ที่วัดผลได้ทั้งในด้านพลังงานและลดมลพิษ โดยคาดว่าจะได้รับความร่วมมือจากภาคธุรกิจในพื้นที่เป็นอย่างดี และเห็นว่าโครงการดังกล่าว เป็นโครงการที่ทำให้ประชาชนทั่วไปเห็นความสำคัญในการลดการใช้ยานพาหนะส่วนบุคคล โดยหันมาเดินทางโดยใช้ระบบขนส่งสาธารณะ จักรยานและการเดินทางด้วยเท้า เพื่อประหยัดน้ำมันและลดมลพิษในท้องถนน จึงมีมติเห็นชอบให้การสนับสนุนเงินกองทุนฯ เห็นควรให้ มจธ. ปรับลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเป็น 10% โดยไม่เห็นควรสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทัศนศึกษา จึงทำให้ งบประมาณในการดำเนินงานโครงการลดลง เป็นภายในวงเงิน 33,073,000 บาท และให้นำเสนอ คณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป ซึ่ง มจธ. ได้ปรับปรุงข้อเสนอโครงการตามข้อสังเกตของคณะอนุกรรมการฯ แล้ว ฝ่ายเลขานุการฯ จึงใคร่เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
มติที่ประชุม
อนุมัติเงินกองทุนฯ ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติกรอบไว้แล้วสำหรับแผนงานสนับสนุน ในส่วนของงบประมาณปี 2545 ให้กับ มจธ. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการปิดถนนเพื่อประหยัดพลังงาน ลดมลพิษและส่งเสริมการท่องเที่ยว ในวงเงิน 33,073,000 บาท โดยให้ มจธ. ทำรายละเอียดการดำเนินงานเสนอคณะอนุกรรมการอำนวยการโครงการปิดถนนเพื่อประหยัดพลังงาน ลดมลพิษ และส่งเสริมการท่องเที่ยว พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการ
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในการประชุม ครั้งที่ 4/2542 (ครั้งที่ 70) เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2542 ได้เห็นชอบแผนอนุรักษ์พลังงานและแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และมอบหมายให้คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานจัดสรรเงินกองทุนฯ สำหรับแผนงานและโครงการ ในปีงบประมาณ 2543-2547 ซึ่งมีวงเงินรวม 29,110.61 ล้านบาท และให้คณะกรรมการกองทุนฯ มีอำนาจที่จะปรับปรุงหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และการจัดสรรเงินตามแผนงานต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ภายในวงเงินรวมดังกล่าว ทั้งนี้ให้สอดคล้องกับการขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ การจัดลำดับความสำคัญ ตลอดจนรายได้ของกองทุนฯ ด้วย โดยโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน ได้รับจัดสรรงบประมาณ ในวงเงิน 13,542 ล้านบาท
จากผลการดำเนินโครงการฯ ของกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน (พพ.) ที่ผ่านมามีปัญหาอุปสรรคต่างๆ ที่ทำให้การดำเนินงานอนุรักษ์พลังงานของอาคารควบคุมและโรงงานควบคุมไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยในช่วงที่ผ่านมานั้น พพ. ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ ไปบ้างแล้วบางส่วน ดังนี้
1. ว่าจ้างสถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อให้ศึกษาถึงแนวทางปรับปรุงและแก้ไขกฎกระทรวง ประกาศกระทรวง ระเบียบการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ และขั้นตอนต่างๆ เพื่อเอื้อให้การดำเนินงานของ พพ. มีความคล่องตัวมากขึ้น และได้มีการจัดประชุมเพื่อรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากบุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้วหลายครั้ง คาดว่าผลการศึกษาจะแล้วเสร็จประมาณเดือนกันยายนนี้
2. ปรับปรุงขั้นตอนและแยกสิทธิในการขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนฯ ออกจากการดำเนินงานอนุรักษ์พลังงานตาม พ.ร.บ.ฯ ให้ชัดเจน ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการฯ ให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาในครั้งนี้ด้วย
3. ว่าจ้างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาเป็นที่ปรึกษาเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของโครงการภายใต้แผนงานภาคบังคับ
พพ. ได้ดำเนินการปรับแผนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน ปีงบประมาณ 2545-2547 เพื่อให้สอดคล้องในทางปฏิบัติและสามารถบรรลุตามเป้าหมายของโครงการที่ตั้งไว้ในแต่ละปี โดย พพ. ได้นำแผนดังกล่าว เสนอต่อคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับในการประชุมครั้งที่ 3/2544 (ครั้งที่ 21) เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2544 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว มีมติเห็นชอบให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป โดยการปรับแผนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน ปีงบประมาณ 2545-2547 สรุปได้ดังนี้
1. แผนการดำเนินงานที่ปรับปรุงใหม่ในส่วนของอาคารควบคุม ปีงบประมาณ 2545-2547
การดำเนินการตาม พ.ร.บ.ฯ | ปี 2545 | ปี 2546 | ปี 2547 | รวม 2545-2547 | ||||
แห่ง | ล้านบาท | แห่ง | ล้านบาท | แห่ง | ล้านบาท | แห่ง | ล้านบาท | |
(1). การตรวจสอบฯ เบื้องต้น | 160 | 43.0 | 50 | 17.0 | 50 | 17.0 | 260 | 77.0 |
- เอกชน | 115 | 11.5 | 30 | 3.0 | 30 | 3.0 | 175 | 17.5 |
- ราชการ | 45 | 31.5 | 20 | 14.0 | 20 | 14.0 | 85 | 59.5 |
(2). การจัดทำเป้าหมายและแผนฯ | 220 | 258.2 | 200 | 230.0 | 72 | 58.4 | 490 | 546.6 |
- เอกชน | 106 | 53.0 | 100 | 50.0 | 52 | 26.0 | 258 | 129.0 |
- ราชการ | 114 | 205.2 | 100 | 180.0 | 18 | 32.4 | 232 | 417.6 |
(3) การลงทุนตามแผนอนุรักษ์พลังงาน | 60 | 770.0 | 150 | 1,990.0 | 150 | 1,990.0 | 360 | 4,750.0 |
- เอกชน | 10 | 20.0 | 20 | 40.0 | 20 | 40 | 50 | 100.0 |
- ราชการ | 50 | 750.0 | 130 | 1,950.0 | 130 | 1,950.0 | 310 | 4,650.0 |
(4). การบริหารและสนับสนุนโครงการ | - | 155.0 | - | 205.0 | - | 135.0 | - | 495.0 |
รวม | - | 1,226.2 | - | 2,442.0 | - | 2,200.4 | - | 5,868.6 |
2. แผนการดำเนินงานที่ปรับปรุงใหม่ในส่วนของโรงงานควบคุม ปีงบประมาณ 2545-2547
การดำเนินการตาม พ.ร.บ.ฯ | ปี 2545 | ปี 2546 | ปี 2547 | รวม 2545-2547 | ||||
แห่ง | ล้านบาท | แห่ง | ล้านบาท | แห่ง | ล้านบาท | แห่ง | ล้านบาท | |
(1) การตรวจสอบฯ เบื้องต้น | 400 | 40 | 230 | 23 | 50 | 5 | 680 | 68 |
(2) การจัดทำเป้าหมายและแผนฯ | 152 | 76 | 150 | 75 | 200 | 100 | 502 | 251 |
(3) การลงทุนตามแผนฯ | 25 | 150 | 75 | 450 | 80 | 480 | 180 | 1,080 |
(4) การบริหารและสนับสนุนโครงการ | - | 1,185 | - | 1,095 | - | 115 | - | 2,395 |
รวม | - | 1,451 | - | 1,643 | - | 700 | - | 3,794 |
โดยมีกลยุทธ์ในการดำเนินการตามแผนที่ปรับปรุงใหม่ มีดังนี้
(1) ส่งเสริมการลงทุนในเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับว่าประหยัดพลังงานได้จริงและคุ้มค่าต่อการลงทุน (Standard Measure)
(2) ศึกษาการจัดตั้งกองทุนหมุนเวียนให้เป็นแหล่งเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ
(3) ส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจประเภทบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO)
(4) เร่งรัดโครงการอนุรักษ์พลังงานของอาคารควบคุมที่เป็นส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเป็นกรณีพิเศษ (Fast Track) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
(5) ให้มีการนำมาตรฐานการอนุรักษ์พลังงานไปใช้ในการออกแบบก่อสร้างอาคารของภาครัฐ
(6) ส่งเสริมการสาธิตโรงงานต้นแบบด้านอนุรักษ์พลังงานในอุตสาหกรรมแต่ละประเภท (Best Practice)
(7) เร่งรัดให้มีการใช้มาตรการลงโทษตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ฯ ตลอดจนให้มีการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้ไฟฟ้า
(8) สนับสนุนให้มีการประชาสัมพันธ์ในเชิงรุกอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อกระตุ้นให้อาคารและโรงงานควบคุมดำเนินการอนุรักษ์พลังงาน
(9) ปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้การสนับสนุนจากกองทุนฯ ให้มีความเหมาะสมและจูงใจมากขึ้น
มติที่ประชุม
อนุมัติให้ พพ. ปรับแผนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน ในปีงบประมาณ 2545-2547 ได้ตามที่คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ เสนอมา
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า การดำเนินงานตามวิธีการและขั้นตอนในการให้การสนับสนุนโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน ที่ผ่านมาก่อให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ พพ. จึงได้ดำเนินการปรับปรุงวิธีการและขั้นตอนในการสนับสนุนจากกองทุนฯ เพื่อให้มีการแยกหน้าที่ที่เจ้าของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และสิทธิที่จะได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ออกจากกันอย่างชัดเจน เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในทางปฏิบัติและสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนดไว้ โดย พพ. ได้เสนอให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับพิจารณาในการประชุมครั้งที่ 2/2544 (ครั้งที่ 20) เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2544 ดังนี้
1. ปรับปรุงวิธีการและขั้นตอนในการให้การสนับสนุน สำหรับโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน แผนงานภาคบังคับ โดยกำหนดให้เจ้าของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม สามารถดำเนินการตามหน้าที่ที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ได้แก่ การส่งรายงานผลการศึกษาการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น การตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานโดยละเอียดและการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน ให้ พพ. ได้ก่อน แล้วจึงขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในภายหลังภายในระยะเวลาที่กำหนด
2. ในการดำเนินการตามข้อ 1. จะต้องนำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อขอยกเว้นการใช้เอกสารแบบคำขอรับการสนับสนุนและหนังสือยืนยันการขอรับการสนับสนุน ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2537 ข้อ 11 และข้อ 16 และฉบับที่ 2 พ.ศ. 2539 ข้อ 4
3. ขอให้ใช้แผนการใช้จ่ายเงินประจำแต่ละงวดของปี ในการเบิกจ่ายเงินจากกรมบัญชีกลางแทนมติการอนุมัติแบบคำขอรับการสนับสนุนตามวิธีปฏิบัติเดิม เพื่อให้มีความคล่องตัวมากขึ้น
4. ขอยกเลิกการจ่ายเงินสนับสนุนสำหรับการตรวจสอบและวิเคราะห์การใชัพลังงานเบื้องต้น การตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานโดยละเอียดและการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงานจากเดิม ที่ให้แบ่งจ่ายเป็น 2 งวด ให้เป็นการจ่ายเงินเพียงงวดเดียว
5. ในกรณีที่เจ้าของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมได้ยื่นแบบคำขอรับการสนับสนุนไว้ก่อนที่คณะกรรมการกองทุนฯ มีมติอนุมัติให้ดำเนินการตามวิธีการและขั้นตอนใหม่แล้ว ก็ให้ดำเนินการต่อไปตามระเบียบและขั้นตอนเดิมจนกว่าการดำเนินการจะแล้วเสร็จ หรือจะดำเนินการตามวิธีการและขั้นตอนใหม่ก็ได้
คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว มีมติเห็นชอบตามที่ พพ. เสนอและให้ พพ. นำเสนอคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พิจารณาอนุมัติต่อไป
มติที่ประชุม
1. อนุมัติให้ พพ. ปรับปรุงวิธีการและขั้นตอนในการสนับสนุนจากกองทุนฯ สำหรับโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน ในช่วงปีงบประมาณ 2545-2547 ตามที่คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ ได้มีมติเห็นชอบ
2. เห็นชอบให้ พพ. ยกเว้นการใช้เอกสารแบบคำขอรับการสนับสนุนและหนังสือยืนยันการขอรับการสนับสนุน สำหรับโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2537 ข้อ 11 และข้อ 16 และฉบับที่ 2 พ.ศ. 2539 ข้อ 4
3. เห็นชอบให้ พพ. ใช้แผนการใช้จ่ายเงินประจำแต่ละงวดของปี ในการเบิกจ่ายเงินจากกรมบัญชีกลางแทนมติการอนุมัติแบบคำขอรับการสนับสนุนตามวิธีปฏิบัติเดิม
4. เห็นชอบให้ พพ. ยกเลิกการจ่ายเงินสนับสนุนสำหรับการตรวจสอบและวิเคราะห์การใชัพลังงานเบื้องต้น การตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานโดยละเอียดและการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน จากเดิมที่ให้แบ่งจ่ายเป็น 2 งวด ให้เป็นการจ่ายเงินเพียงงวดเดียว
5. ในกรณีที่เจ้าของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมได้ยื่นแบบคำขอรับการสนับสนุนไว้ก่อนที่คณะกรรมการกองทุนฯ มีมติอนุมัติให้ดำเนินการตามวิธีการและขั้นตอนใหม่แล้ว ก็ให้ดำเนินการต่อไปตามระเบียบและขั้นตอนเดิมจนกว่าการดำเนินการจะแล้วเสร็จ หรือจะดำเนินการตามวิธีการและขั้นตอนใหม่ก็ได้
เรื่องที่ 6 โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานโดยสถาบันการเงิน
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (The Industrial Finance Corporation of Thailand : IFCT) ได้นำเสนอโครงการกองทุนหมุนเวียนอนุรักษ์พลังงาน โดยจะเข้ามารับบริหารเงินกองทุนหมุนเวียนเพื่ออนุรักษ์พลังงาน จำนวน 4,000 ล้านบาท เพื่อให้โรงงานควบคุมและอาคารควบคุมนำไปใช้ในโครงการอนุรักษ์พลังงานและจ่ายคืนกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามระยะเวลาที่กำหนด โดยมีหลักการดังต่อไปนี้
1. IFCT เป็นผู้พิจารณาและอนุมัติเงินกู้ตามกรอบ/หลักเกณฑ์ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกองทุนฯ
2. IFCT เป็นผู้ประกันความเสี่ยงเงินกู้ให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
3. IFCT คิดค่าบริหารเป็นจำนวน ร้อยละ 4 โดยเก็บจากผู้กู้ในลักษณะดอกเบี้ย และมีอายุเงินกู้ไม่เกิน 7 ปี
4. IFCT จะขอเบิกเงินเป็นงวดๆ โดยเริ่มจากงวดแรก 500 ล้านบาท และจะขอเบิกงวด ต่อไป หลังจากที่ได้มีการจัดสรรเงินกู้ไปแล้วไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 เพื่อมาสมทบ
5. IFCT จะส่งคืนดอกเบี้ยเงินฝากคืนกองทุนฯ เฉพาะในส่วนของเงินที่ยังมิได้จัดสรรให้ เจ้าของโรงงานและอาคารไปใช้ และในส่วนของเงินที่เก็บคืนมาแล้วจากผู้กู้
6. โครงการที่มีสิทธิ์ได้รับการสนับสนุน ต้องเป็นโครงการอนุรักษ์พลังงานที่มีวงเงินไม่เกิน 300 ล้านบาท หากเกินวงเงินดังกล่าว IFCT ต้องขออนุมัติจากคณะอนุกรรมการฯ ก่อน
พพ. ได้นำเรื่องดังกล่าว เสนอต่อ คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ ในการประชุมครั้งที่ 2/2544 (ครั้งที่ 20) เมื่อวันพุธที่ 5 กันยายน 2544 ที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว เห็นชอบให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พิจารณาอนุมัติให้จัดตั้งโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานโดยสถาบันการเงิน เพื่อเป็นเงินหมุนเวียนให้โรงงานควบคุมและอาคารควบคุมนำไปใช้ในการอนุรักษ์พลังงาน ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยใช้เงินโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน (ในส่วนของโรงงานควบคุม) ในวงเงิน 2,000 ล้านบาท (สองพันล้านบาทถ้วน) ระยะเวลา 3 ปี โดยที่ประชุมมีข้อสังเกต ดังนี้
1. การตั้งโครงการกองทุนหมุนเวียน ไม่น่าจะสามารถดำเนินการได้ ตามมาตรา 24 ของ พรบ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ดังนั้น จึงสมควรให้เปลี่ยนชื่อโครงการเป็น "โครงการเงินหมุนเวียน"
2. โครงการฯ ดังกล่าวนี้เป็นโครงการที่ดีสมควรจะดำเนินการ แต่เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานมากขึ้น จึงควรให้สถาบันการเงินต่างๆ มีโอกาสเข้ามาแข่งขันเพื่อบริหารโครงการมากขึ้น โดยให้ พพ. เชิญสถาบันการเงินอื่นๆ นอกเหนือจาก IFCT อย่างเป็นทางการเพื่อยื่นข้อเสนอโครงการฯ ตามแนวทางของ IFCT และให้ พพ. พิจารณาคัดเลือกสถาบันที่มีข้อเสนอโครงการฯ ดีที่สุดเป็นผู้บริหารโครงการ
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบให้ พพ. ให้จัดตั้ง "โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานโดยสถาบันการเงิน" ตามที่คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับเสนอมา โดยให้ พพ. จัดทำประกาศเชิญชวนให้สถาบันการเงินต่างๆ ทั่วประเทศไทย เพื่อยื่นข้อเสนอโครงการฯ ตามแนวทางและขั้นตอนในการดำเนินงานตามที่บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้ร่างแนวทางไว้ และให้ พพ. พิจารณาคัดเลือกสถาบันการเงินที่มีข้อเสนอโครงการฯ เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ พพ. เสนอซึ่งอาจจะมากว่า 1 แห่งมาเป็นตัวแทนในการปล่อยเงินกู้ เรียกเก็บ และประกันเงินกู้ โดย พพ. ต้องปรับปรุงร่างแนวทางดังกล่าว ให้มีความชัดเจน มีการควบคุมการใช้จ่ายเงินอย่างรอบครอบและรัดกุม เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ
2. อนุมัติให้ พพ. ใช้เงินจากโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน (ในส่วนของโรงงานควบคุม) ในวงเงิน 2,000 ล้านบาท (สองพันล้านบาทถ้วน) เพื่อให้สถาบันการเงินที่ผ่านการคัดเลือก นำไปเป็นเงินหมุนเวียนให้โรงงานควบคุมและอาคารควบคุมนำไปใช้ในการอนุรักษ์พลังงาน ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยสถาบันการเงินจะต้องปล่อยเงินกู้ ภายในระยะเวลา 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับอนุมัติโครงการฯ