มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 4/2556 (ครั้งที่ 138)
วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 เวลา 13.30 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ กรรมการและเลขานุการ
เรื่อง การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการ เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ และราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ข้อ 1.7.3 ดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคและผู้ผลิต และ ข้อ 3.5.3 กำกับราคาพลังงานให้มีความเหมาะสม เป็นธรรมและมุ่งสู่การสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยปรับบทบาทกองทุนน้ำมันฯ ให้เป็นกองทุนสำหรับรักษาเสถียรภาพราคา ส่วนการชดเชยราคานั้นจะดำเนินการอุดหนุนเฉพาะกลุ่ม ส่งเสริมให้มีการใช้ก๊าซธรรมชาติมากขึ้นในภาคขนส่งและส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอลและไบโอดีเซลในภาคครัวเรือน
2. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบหลักเกณฑ์การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และระยะเวลาให้มีความเหมาะสมภายใต้กรอบหลักเกณฑ์การมอบหมาย ดังนี้
2.1 น้ำมันดีเซล การปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคา ขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาสูงขึ้นจนทำให้มีผลกระทบต่อภาคขนส่งและค่าโดยสารเกินสมควรให้ กบง. พิจารณาปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้ตามความเหมาะสม การปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาต่ำจนทำให้ผู้ประกอบการขนส่งและโดยสารสมควรปรับอัตราค่าบริการลงให้ กบง. ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล อยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่กระทบเกินสมควรต่อค่าขนส่งและโดยสาร
2.2 น้ำมันเบนซิน/น้ำมันแก๊สโซฮอล การปรับเพิ่ม/ลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลให้พิจารณาปรับ เพื่อรักษาระดับส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันเบนซินกับน้ำมัน แก๊สโซฮอล เพื่อจูงใจให้มีการใช้พลังงานทดแทน (เอทานอล) มากขึ้น
3. ราคาน้ำมันตลาดโลกได้ปรับตัวลดลง โดยราคาปิดตลาด วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2556 น้ำมันดิบดูไบเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 108.81, 130.91 และ 130.23 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ โดยราคาน้ำมันดิบดูไบ เบนซิน และดีเซลปรับตัวลดลงจากราคาปิดตลาดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2556 เท่ากับ 3.85, 3.72 และ 4.60 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลง ผู้ค้าน้ำมันได้ปรับ ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล จำนวน 2 ครั้ง คือ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556 ปรับขึ้นชนิดละ 0.50 บาทต่อลิตร และเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2556 ปรับขึ้นชนิดละ 0.60 บาทต่อลิตร ส่งผลให้โครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2556 เป็นดังนี้
4. ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2556 มีทรัพย์สินรวม 4,297 ล้านบาท หนี้สินรวม 19,789 ล้านบาท โดยกองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิติดลบ 15,492 ล้านบาท
5. จากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลง ทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ในระดับสูง ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซิน และน้ำมันแก๊สโซฮอลขึ้น 0.20 บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลปรับขึ้น 0.40 บาทต่อลิตร โดยมีอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ใหม่ ดังนี้
จากการปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายจ่ายลดลงประมาณวันละ 28.46 ล้านบาท จากติดลบวันละ 50.19 ล้านบาท เป็นติดลบวันละ 21.73 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล และน้ำมันดีเซล ดังนี้
โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการ บริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 เป็นต้นไป