สนพ. ลงพื้นที่ภาคใต้ติดตาม กอ.
สนพ. ลงพื้นที่ภาคใต้เพื่อติดตาม การดำเนินโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
(3 กรกฎาคม 2559) ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และโฆษกกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย น.ส.ชนานัญ บัวเขียว ผู้อำนวยการสำนักนโยบายอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน, ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ สนพ. ลงพื้นที่ภาคใต้เพื่อติดตามการดำเนินโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน อาทิ โครงการส่งเสริมพลังงานทดแทนในระดับชุมชน (Community ESCO Fund) ที่มูลนิธิสุข-แก้ว แก้วแดง อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลสาธารณะ ตั้งเป็นศูนย์เรียนรู้พลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้เยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนในพื้นที่ ได้เรียนรู้และเข้าใจในเรื่องของพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงานโดยมี ดร.รุ่ง แก้วแดง ประธานมูลนิธิ สุข- แก้ว แก้วแดง ให้การต้อนรับ
ทั้งนี้มูลนิธิได้ดำเนินโครงการผลิตก๊าซชีวภาพจากมูลวัวเพื่อผลิตไฟฟ้า ด้วยการก่อสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพขนาด 400 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งก๊าซชีวภาพที่ผลิตได้สามารถนำไปใช้ในเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาด 18 กิโลวัตต์ เพื่อผลิตไฟฟ้าและใช้ในมูลนิธิ ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าได้ปีละ 55,000 บาท และโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานลม ด้วยการติดตั้งกังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้าขนาดกำลังผลิต 200 วัตต์ จำนวน 10 ชุด โดยใช้ประโยชน์จากกระแสไฟฟ้าที่ได้ในการให้แสงสว่างและสูบน้ำสำหรับคอกวัวเพื่อใช้ในมูลนิธิ ฯ ช่วยลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าลงได้ปีละ 15,000 บาท
และในวันเดียวกัน ได้เดินทางไปเยี่ยมชมโครงการวิสาหกิจชุมชนไบโอดีเซล จ.ยะลา ที่ดำเนินการผลิตไบโอดีเซลตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในการใช้พลังงานทดแทนอย่างไบโอดีเซลโดยนำมาเป็นผลิตภัณฑ์ของชุมชน ซึ่งโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานพลังงานจังหวัดยะลา และสำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน
ทั้งนี้ โครงการวิสาหกิจชุมชนไบโอดีเซล โดยคุณยศพลพัฒ บุนนาค ได้นำน้ำมันพืชที่ใช้แล้วจากชุมชนต่างๆ ในจังหวัดยะลานำไปรีไซเคิลผลิตเป็นน้ำมันไบโอดีเซล ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยปัจจุบันกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ มีสมาชิกเป็นผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม รวมถึงประชาชนชาวไทยพุทธและไทยมุสลิม ในพื้นที่จังหวัดยะลา การดำเนินโครงการดังกล่าวส่งผลให้ผู้เข้าร่วมโครงการมีรายได้เพิ่มมากขึ้น และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ด้อยโอกาสในสังคมอีกด้วย