สถานการณ์ราคาน้ำมัน
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 2-8 ส.ค. 2564
สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบโลก ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตายังคงรุนแรงในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับลดลง โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ค. 64 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 439.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับตัวลดลง 3.1 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หลังตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ซึ่งเป็นปัจจัยลบต่อตลาดน้ำมัน
ราคากลางน้ำมันเบนซินตลาดภูมิภาคเอเชีย ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว จากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในภูมิภาคเอเชียได้รับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้หลายประเทศ เช่น จีน และญี่ปุ่นต้องกลับมาบังคับใช้มาตรการจำกัดการเดินทางอีกครั้ง
ราคากลางน้ำมันดีเซลตลาดภูมิภาคเอเชีย ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว โดย International Enterprise Singapore (IES) รายงานปริมาณสำรอง Middle Distillates เชิงพาณิชย์ในสิงคโปร์ สัปดาห์สิ้นสุด 4 ส.ค. 64 เพิ่มขึ้น 0.24 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 11.05 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงกดดันจากอุปสงค์ของจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงหลังมีการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดครั้งใหม่
ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวลดลง หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่ยังคงรุนแรงในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้นักลงทุนกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯ ล่าสุดยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อวันมากกว่า 100,000 ราย สูงสุดในรอบ 6 เดือน เช่นเดียวกับจีนซึ่งเป็นผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ ได้เริ่มกำหนดมาตรการคุมเข้มในหลายเมือง โดยยกเลิกเที่ยวบินและการขนส่งในภาคสาธารณะ กอปรกับในด้านการเคลื่อนย้ายเงินทุน (Fund Flows) เงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมัน รวมทั้งการปรับเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัส ในเดือน ส.ค. 64 ประมาณ 400,000 บาร์เรล/วัน เมื่อเทียบกับเดือน ก.ค. 64
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังมีแรงสนับสนุนจากการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกที่อยู่ในระดับสูง ทำให้นักวิเคราะห์คาดว่าหลายประเทศอาจไม่มีความจำเป็นต้องบังคับใช้มาตรการล็อคดาวน์ที่เข้มงวดมากนัก
***************************