สรุปสาระสำคัญจากการประชุม COP 18 ระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน – 8 ธันวาคม 2555 ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์
ประเด็นเจรจาที่สำคัญ :
...............................
สาระสำคัญ :
พันธกรณีระยะที่ 2 ของพิธีสารเกียวโต
• ให้พันธกรณีที่ 2 มีระยะเวลา 8 ปี โดยเริ่มวันที่ 1 มกราคม 2556 (ค.ศ. 2013) และสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 (ค.ศ. 2020)
• รูปแบบทางกฎหมายที่เห็นชอบเพื่อให้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องของพิธีสารประกอบด้วย 2 รูปแบบ คือ 1) ประเทศภาคีอาจจะรับรองข้อแก้ไขไปพลางก่อน (Provisionally Apply Amendment) จนกว่าจะมีผลบังคับใช้ตาม Article 20 และ 21 ของพิธีสารเกียวโต และเห็นชอบให้ประเทศภาคีเสนอ Notification ของการ Provisional Application ต่อ Depositary 2) สำหรับประเทศที่ไม่ Provisionally Apply จะดำเนินการตามพันธกรณีและความรับผิดชอบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับพันธกรณีที่ 2 โดยมีความสอดคล้องกับกฎหมายภายในประเทศหรือกระบวนการภายในประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 จนกว่าจะมีผลบังคับใช้ตาม Article 20 และ 21 ของพิธีสารเกียวโต
• เห็นชอบให้มีการทบทวนเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ Annex I (Quantified Emission Limitation and Reduction Objective: QELRO) สำหรับพันธกรณีที่ 2 อย่างช้าในปี 2557 (ค.ศ. 2014) เพื่อเพิ่มเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกรวมของประเทศ Annex I (Aggregate Reduction of Greenhouse Gas Emission) เป็นอย่างน้อย 25-40% ของปี 2533 (ค.ศ. 1990) ในปี 2563 (ค.ศ. 2020)
คณะทำงานเฉพาะกิจ Durban Platform for Enhanced Action
• ที่ประชุมได้ตกลงร่วมกันเรื่องแนวทางการดำเนินงานของคณะทำงานในปีหน้า เพื่อการพัฒนาพิธีสาร ตราสารกฎหมาย หรือข้อตกลงที่มีผลทางกฎหมายที่มีผลบังคับต่อทุกประเทศ ภายหลังปี ค.ศ. 2020
• รัฐภาคีสามารถยื่นข้อมูล แนวคิด ข้อเสนอในการดำเนินการ การริเริ่ม (Initiatives)และแนวทางต่างๆ ในการเพิ่มระดับของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งในประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ภายในวันที่ 1 มีนาคม 2556 ต่อฝ่ายเลขาธิการ ทั้งนี้ เลขาธิการ UN ประกาศที่จะจัดประชุมผู้นำประเทศต่างๆ ในปี 2557 เพื่อแสดงเจตจำนงทางการเมืองในการบรรลุต่อเป้าหมายการเพิ่มระดับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้สำเร็จในปี 2558 (ค.ศ. 2015)การสนับสนุนทางการเงิน
• ที่ประชุมสนับสนุนให้ประเทศพัฒนาแล้วให้การสนับสนุนทางการเงินสำหรับประเทศกำลังพัฒนา โดยไม่เกิดช่องว่างของการสนับสนุน ทางการเงินในช่วงระหว่างFast Start Finance (จำนวน 30 Billion USD และจะสิ้นสุดในปี 2555) และ Long Term Finance (ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป)
• ที่ประชุมเรียกร้องให้ประเทศพัฒนาแล้วระดมความช่วยเหลือทางการเงินและยกระดับความช่วยเหลือขึ้นทุกปีเพื่อนำไปสู่จำนวน 100 Billion USD ต่อปี ในปี 2563 โดยให้ประเทศพัฒนาแล้วส่งข้อมูลภายใน COP19 เรื่องแนวทางการยกระดับความช่วยเหลือทางการเงินให้บรรลุตามเป้าหมาย 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ต่อปีในปี 2563 และให้มีการหารือแนวทางการดำเนินงานให้บรรลุตามเป้าหมายดังกล่าว ภายใต้แผนการทำงานเรื่องการเงินระยะยาวด้วย อีกทั้ง ให้มีการหารือในระดับรัฐมนตรี (High-level Ministerial Dialogue) เพื่อเร่งรัดกระบวนการตัดสินใจในการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน
• ที่ประชุมรับรองสถานที่ตั้งของกองทุน Green Climate Fund คือที่สาธารณรัฐเกาหลี และเห็นควรให้คณะกรรมการ (The Board) ของกองทุนฯ เร่งจัดทำ Work Plan ในปีหน้า และรายงานความคืบหน้าของการจัดตั้งกองทุนฯ เป็นระยะๆ และขอให้กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วเริ่มให้การสนับสนุนให้กองทุนฯ มีเงินหมุนเวียนภายในโดยเร็ว1อีกทั้งเห็นควรให้ GCF เร่งรัดการจัดตั้งสำนักงานเลขาธิการและหน่วยงานที่ดูแลทรัพย์สิน (Trustee) ของกองทุนฯ ให้เสร็จโดยเร็ว และให้เสร็จก่อนการประชุม COP 19 เนื่องจากปัจจุบันภาระหน้าที่เลขาธิการชั่วคราว (Interim Secretariat) ของ GCF เป็นของสำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ และ Global Environment Facility (GEF) ส่วนหน่วยงานที่ดูแลทรัพย์สินชั่วคราว (Interim Trustee) ของ GCF คือ ธนาคารโลกวิสัยทัศน์ร่วมกันสำหรับความร่วมมือระยะยาว
• เห็นชอบที่รัฐภาคีจะดำเนินการโดยเร่งด่วนเพื่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีนัยสำคัญเพื่อให้อุณภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นไม่เกิน 2 องศาเซลเซียส และเพื่อบรรลุช่วงเวลาที่มีการปล่อยก๊าซฯ สูงสุดของโลกโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ (As soon as Possible)
• ตัดสินใจให้การดำเนินการดังกล่าวของรัฐภาคีควรอยู่บนพื้นฐานของหลัก Equity และหลักการ Common but Differentiated Responsibilities and Respective Capabilities รวมทั้งการสนับสนุนทางการเงิน การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการเสริมสร้างขีดความสามารถ เพื่อสนุนการดำเนินการลดการปล่อยก๊าซฯ และการปรับตัวของประเทศกำลังพัฒนาภายใต้อนุสัญญาฯ และคำนึงถึงความจำเป็นของการเข้าถึงการพัฒนาที่ยั่งยืน ความอยู่รอดของประเทศ และ การปกป้องความสมบูรณ์ของธรรมชาติการปรับตัวต่อผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
• ที่ประชุมมอบหมายให้ Adaptation Committee พิจารณาจัดตั้ง Annual Adaptation Forum ในช่วงระหว่างการประชุม COP เพื่อยกระดับความสำคัญของประเด็นการปรับตัวภายใต้อนุสัญญาฯ
• ที่ประชุมตัดสินใจให้ COP19 จัดตั้งโครงสร้าง เช่น กลไกระหว่างประเทศภายใต้อนุสัญญาฯ (International Mechanism) เพื่อกำหนดกรอบแนวทางการลดและรับมือกับผลกระทบของ ความสูญเสีย และความเสียหายต่างๆ ที่สืบเนื่องจากผลของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Loss and Damage)การดำเนินงานลดก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสมของประเทศกำลังพัฒนา
• จัดตั้ง Work Programme ขึ้น โดยดำเนินงานในปี 2556 – 2557 เพื่อดำเนินการต่อเรื่อง กระบวนการทำความเข้าใจความหลากหลายของ NAMAs ด้วยความตั้งใจที่จะช่วยเหลือทั้งในช่วงการเตรียมการและการดำเนินงาน NAMAs
• ขอให้สำนักเลขาธิการฯ ให้จัด Regional Workshop และเตรียม Techinical Material เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการจัดทำ NAMAs
• เชิญชวนให้ประเทศกำลังพัฒนาที่ประสงค์จะแสดงเจตจำนงโดยความสมัครใจมายังที่ประชุมสมัชชารัฐภาคีฯ เกี่ยวกับเจตนารมณ์การดำเนินงานลดก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสมของประเทศ ส่งข้อมูลดังกล่าว มายังสำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯพันธกรณีหรือการดำเนินงานลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศพัฒนาแล้ว
• ที่ประชุมตัดสินใจจัดตั้ง Work Programme ขึ้น เพื่อดำเนินการต่อเรื่องกระบวนการสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับ เป้าหมายลดการปล่อยปริมาณก๊าซเรือนกระจกในทุกสาขาเศรษฐกิจ ของประเทศพัฒนาแล้ว
การดำเนินงานลดก๊าซเรือนกระจกในภาคป่าไม้
• ให้มีการจัดทำ Work Program เกี่ยวกับการจ่ายค่าตอบแทนจากผลสัมฤทธิ์ ในการดำเนินกิจกรรม REDD+
• ให้มีการหารือเรื่องการเริ่มกระบวนการปรับปรุง การประสาน การดำเนินกิจการ REDD+ ที่มีการสนับสนุนทางการเงินที่เพียงพอและคาดหวังได้ รวมถึงแหล่งการเงิน และเทคโนโลยี ที่จะมาช่วยดำเนินกิจกรรม REDD+
ประเด็นที่ไทยควรพิจารณาดำเนินการ ดังนี้
1. การเสนอเรื่องเพื่อขอความเห็นชอบจากรัฐสภาในการจัดทำตราสารยอมรับ เพื่อให้การแก้ไขพิธีสารดังกล่าวมีผลผูกพันต่อไทย และให้ข้อแก้ไขพิธีสารเกียวโตมีผลบังคับใช้ไปพลางก่อน โดยต้องผ่านการให้ข้อมูลแก่ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
2. พิจารณาการเตรียมการนำส่งข้อคิดเห็น (Submission) ไปยังสำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ ในประเด็นที่เกี่ยวข้อง2อาทิ
• ข้อคิดเห็นและข้อเสนอต่อการดำเนินงานของคณะทำงานเฉพาะกิจ ADP
• ข้อคิดเห็นต่อ Work Programme เรื่องกระบวนการสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับเป้าหมายลดการปล่อยปริมาณก๊าซเรือนกระจกในทุกสาขาเศรษฐกิจ ของประเทศพัฒนาแล้ว
• เจตนารมณ์ในการดำเนินงานลดก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสมของประเทศ
• ข้อคิดเห็นต่อกระบวนการปรับปรุง การประสาน การดำเนินกิจการ REDD+ ให้มีการสนับสนุนทางการเงินที่เพียงพอและคาดหวังได้ รวมถึงรูปแบบโครงสร้างที่จะดูแลเรื่องดังกล่าว
3. การเตรียมการเพื่อแจ้งเจตนารมณ์การดำเนินงานลดก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสมของประเทศ
ที่มา : สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม