มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 5/2557 (ครั้งที่ 5)
วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 11.00 น.
รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ) พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง เป็นประธานที่ประชุม
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายชวลิต พิชาลัย) เป็นกรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
1. รัฐบาลมีนโยบายในการดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเป็นธรรมสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เป็นผู้พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ โดยให้คำนึงถึง (1) สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก (2) ภาวะเงินเฟ้อ (3) การส่งเสริมพลังงานทดแทน และ (4) ฐานะกองทุนน้ำมันฯ
2. จากการพิจารณาโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2557 พบว่าค่าการตลาดของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล 95E10 91E10 E20 E85 และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 3.3073 2.3772 2.4112 2.5219 6.4016 และ 1.7832 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าระดับที่เหมาะสม ดังนั้น กบง. ในการประชุม เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2557 จึงได้มีมติเห็นชอบให้ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซิน และกลุ่มน้ำมันแก๊สโซฮอลขึ้น 0.60 บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลขึ้น 0.30 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ค่าการตลาด ของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล 95E10 91E10 E20 E85 และน้ำมันดีเซล ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2557 อยู่ที่ 2.7327 1.7998 1.8341 1.9419 5.8054 และ 1.3577 บาทต่อลิตร ตามลำดับ โดยราคาขายปลีกไม่เปลี่ยนแปลง
3. จากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ณ วันที่ 5 สิงหาคม 2557 เมื่อเปรียบเทียบราคาน้ำมันตลาดโลก ณ วันที่ 29 กรกฎาคม 2557 พบว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบ น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลง 2.51 6.00 และ 1.08 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 103.69 110.69 และ 117.91 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ตามลำดับ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราวันที่ 5 สิงหาคม 2557 อยู่ที่ 32.2710 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ อ่อนค่าลง 0.3228 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ และราคาไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันของวันที่ 6 สิงหาคม 2557 อยู่ที่ 29.97 บาทต่อลิตร ลดลง 0.12 บาทต่อลิตร เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ 30 กรกฎาคม 2557 ส่งผลให้ค่าการตลาดของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล 95E10 91E10 E20 E85 และน้ำมันดีเซล ณ วันที่ 6 สิงหาคม 2557 อยู่ที่ 3.6570 2.7081 2.7440 2.8349 6.6070 และ 1.3886 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับสูงกว่าค่าการตลาดที่เหมาะสม โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อค่าการตลาดของน้ำมันเชื้อเพลิง ประกอบด้วย (1) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่อ่อนค่าลง 0.3228 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ค่าการตลาดลดลง 0.20 บาทต่อลิตร (2) ราคาน้ำมันเบนซิน (MOPS) เฉลี่ย 3 วันลดลง 5.99 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่งผลให้ ค่าการตลาดเพิ่มขึ้น 1.05 บาทต่อลิตร (3) ราคาเอทานอลที่ลดลง 0.78 บาทต่อลิตร ทำให้ค่าการตลาดลดลง 0.08 บาทต่อลิตร เป็นต้น ซึ่งต้นทุนน้ำมันที่ปรับตัวลดลงดังกล่าว เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันเบนซิน กลุ่มน้ำมันแก๊สโซฮอล และน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น
ดังนั้น เพื่อรักษาค่าการตลาดของน้ำมันเบนซิน กลุ่มน้ำมันแก๊สโซฮอล และน้ำมันดีเซล ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและกลุ่มน้ำมันแก๊สโซฮอลขึ้นลิตรละ 1.00 และ 0.70 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ซึ่งผลจากการปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว จะทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E10, 91 E10, E20 และ E85 อยู่ที่ 2.6570 2.0081 2.0440 2.1349 และ 5.9070 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ซึ่งยังอยู่ในระดับที่สูงกว่า ค่าการตลาดที่เหมาะสม ซึ่งผู้ค้าน้ำมันอาจจะพิจารณาปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน และกลุ่มน้ำมัน แก๊สโซฮอลลง 0.30 บาทต่อลิตร ผลจากการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าวจะส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นประมาณวันละ 16.40 ล้านบาท จากมีรายรับวันละ 72.75 ล้านบาท เป็นมีรายรับวันละ 89.15 ล้านบาท ทั้งนี้ ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2557 มีทรัพย์สินรวม 7,191 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 15,986 ล้านบาท กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิเป็นติดลบ 8,795 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการ บริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2557 เป็นต้นไป