มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 5/2557 (ครั้งที่ 179)
วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.00 น.
ปลัดกระทรวงพลังงาน นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ กรรมการและเป็นประธานที่ประชุม แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ เป็นกรรมการและเลขานุการ
เรื่อง การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. รัฐบาลมีนโยบายในการดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เป็นธรรมสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เป็นผู้พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และระยะเวลาให้มีความเหมาะสม โดยให้คำนึงถึง (1) สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก (2) ภาวะเงินเฟ้อ (3) การส่งเสริมพลังงานทดแทน และ (4) ฐานะกองทุนน้ำมันฯ
2. จากการพิจารณาโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557 พบว่า ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 1.0064 บาทต่อลิตร ซึ่งต่ำกว่าระดับที่เหมาะสม ดังนั้น กบง. ในการประชุมเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557 จึงได้มีมติเห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลลง 0.30 บาทต่อลิตร ซึ่งจากการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว ส่งผลทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซล ณ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2557 อยู่ที่ 1.5048 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกยังคงเดิมอยู่ที่ 29.99 บาทต่อลิตร
3. จากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ณ วันที่ 5 มีนาคม 2557 เมื่อเปรียบเทียบราคาน้ำมันตลาดโลก ณ วันที่ 30 มกราคม 2557 พบว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบ น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.64, 3.09 และ 1.32 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 105.35, 121.36 และ 123.45 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราวันที่ 5 มีนาคม 2557 อยู่ที่ 32.5309 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น 0.61 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ และราคาไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันอยู่ที่ 39.28 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 1.14 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซล ณ วันที่ 6 มีนาคม 2557 อยู่ที่ 1.8603 บาทต่อลิตร ซึ่งอยู่ในระดับสูงกว่าค่าการตลาดที่เหมาะสม โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อค่าการตลาดจะประกอบด้วย (1) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่แข็งค่าขึ้น 0.6104 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ค่าการตลาดเพิ่มขึ้น 0.47 บาทต่อลิตร (2) ราคาน้ำมันดีเซล (MOPS) เฉลี่ย 3 วันเพิ่มขึ้น 1.4933 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่งผลให้ค่าการตลาดลดลง 0.32 บาทต่อลิตร (3) การเปลี่ยนแปลงราคา B100 เพิ่มขึ้น 1.14 บาทต่อลิตร ส่งผลทำให้ค่าการตลาดลดลง 0.08 บาทต่อลิตร และ (4) การเปลี่ยนแปลงสัดส่วนไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 3.5 ส่งผลทำให้ค่าการตลาดเพิ่มขึ้น 0.48 บาทต่อลิตร
4. ดังนั้น เพื่อให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับที่เหมาะสม ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอ ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลขึ้นลิตรละ 0.40 บาท ซึ่งผลจากการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว จะทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลอยู่ที่ประมาณ 1.4603 บาทต่อลิตร ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายจ่ายลดลงประมาณวันละ 23.17 ล้านบาท จากมีรายจ่ายวันละ 60.83 ล้านบาท เป็นมีรายจ่ายวันละ 37.66 ล้านบาท ซึ่งหากพิจารณาฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 2 มีนาคม 2557 พบว่า กองทุนน้ำมันฯ มีทรัพย์สินรวมอยู่ 13,805 ล้านบาท มีหนี้สินรวมอยู่ 20,608 ล้านบาท ทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิเป็นติดลบ 6,803 ล้านบาท และหากนำมารวมกับวงเงินกู้ 30,000 ล้านบาท กองทุนน้ำมันฯ จะมีวงเงินบริหารจัดการรายจ่ายดังกล่าวได้อีกประมาณ 610 วัน กรณีที่อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดไม่เปลี่ยนแปลง
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลขึ้น 0.40 บาทต่อลิตร จากชดเชยที่อัตรา 0.50 บาทต่อลิตร เป็นชดเชยที่อัตรา 0.10 บาทต่อลิตร โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2557 เป็นต้นไป