programmer_ener
รายงานสถิติพลังงานรายปี 2561
รายงานสถิติพลังงานรายปี 2560
บริการประชาชน
ขั้นตอนการขอรับบริการของประชาชน
1. ขั้นตอนการรับสิทธิ์ บรรเทาผลกระทบการปรับราคา LPGภาคครัวเรือน
2. ขั้นตอนการรับและใช้สิทธิ์บัตรส่วนลดราคา NGV
3. ขั้นตอนการรับบริการข้อมูลสนพ.
คู่มือหรือแนวทางการให้บริการสำหรับผู้รับบริการหรือผู้มาติดต่อ
1. คู่มือการให้บริการข้อมูลข่าวสาร ของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
2. คู่มือการให้บริการการขอเบิกเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
3. คู่มือการให้บริการกระบวนการออกหนังสือรับรองผลงาน
บริการ Download แบบฟอร์ม
เทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage Systems)
รายงานสถิติพลังงานรายปี 2559
รายงานสรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูลต้นทุนต่อหน่วยผลผลิต
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 Download ไฟล์ได้ที่นี่ ==> " ตารางที่ 1-12 " , "รายงานสรุปผลการวิเคราะห์ต้นทุนต่อหน่วยผลผลิต " |
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 Download ไฟล์ได้ที่นี่ ==> " ตารางที่ 1-12 " , "รายงานสรุปผลการวิเคราะห์ต้นทุนต่อหน่วยผลผลิต " |
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 Download ไฟล์ได้ที่นี่ ==> " ตารางที่ 1-12 " , "รายงานสรุปผลการวิเคราะห์ต้นทุนต่อหน่วยผลผลิต " |
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 Download ไฟล์ได้ที่นี่ ==> " ตารางที่ 1-12 " , "รายงานสรุปผลการวิเคราะห์ต้นทุนต่อหน่วยผลผลิต ", "เกณฑ์การปันส่วนต้นทุนผลผลิต ปี 2560 " |
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 Download ไฟล์ได้ที่นี่ ==> " ตารางที่ 1-12 " , "รายงานสรุปผลการวิเคราะห์ต้นทุนต่อหน่วยผลผลิต ", |
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 Download ไฟล์ได้ที่นี่ ==> " ตารางที่ 1-12 " , "รายงานสรุปผลการวิเคราะห์ต้นทุนต่อหน่วยผลผลิต " |
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 Download ไฟล์ได้ที่นี่ ==> " ตารางที่ 1-12 " , "รายงานสรุปผลการวิเคราะห์ต้นทุนต่อหน่วยผลผลิต " |
กอ. ครั้งที่ 16 - วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม 2542
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 1/2542 (ครั้งที่ 16)
วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม 2542 เวลา 11.00 น.
ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล
1. รายงานการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
4. คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ
5. โครงการจัดซื้ออาคารถาวรเพื่อจัดทำโครงการด้านการอนุรักษ์พลังงาน ของ สพช.
6. โครงการศึกษาเรื่องการกำหนดโครงสร้างอุตสาหกรรมไฟฟ้าและการจัดตั้ง ตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้า
8. แผนปฏิบัติการโครงการโรงงานและอาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบ หรือก่อสร้าง ปี 2542
รองนายกรัฐมนตรี (นายศุภชัย พานิชภักดิ์) ประธานกรรมการ
เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์) กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 รายงานการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงรายงานเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ของ สพช. บก. และ พพ. ตามแผนงานภาคบังคับ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2541 ซึ่งได้เบิกเงินเพื่อดำเนินงานตามแผนงานไปแล้วเป็นเงินทั้งสิ้น 468,528,810.36 บาท และมีงบประมาณคงเหลือเป็นเงินทั้งสิ้น 2,516,742,993.00 บาท
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ โครงการอาคารของรัฐ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน ซึ่งสรุปได้ดังนี้
1. ผลการดำเนินงานของแผนงานภาคบังคับ ภายใต้การกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ ระหว่างปี 2538-2541 ดังนี้
1.1 อาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน
1) อาคารควบคุมได้ยื่นขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุนฯ (บพท.1) เพื่อทำการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น จำนวนทั้งสิ้น 970 ราย และได้อนุมัติให้ดำเนินการแล้ว 836 ราย เป็นอาคารเอกชน 606 ราย และเป็นอาคารของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ 230 ราย เป็นเงิน 242,570,425 บาท
2) อาคารควบคุมส่งรายงานการตรวจสอบฯ ให้ พพ. จำนวน 524 ราย โดย พพ. ได้ให้ความเห็นชอบกับรายงานตรวจสอบฯ แล้ว จำนวน 309 ราย พบว่าอาคารเหล่านั้นมีการใช้พลังงานไฟฟ้า 1,611.45 ล้านหน่วยต่อปี มีศักยภาพที่จะอนุรักษ์พลังงานได้ 183.43 ล้านหน่วยต่อปี คิดเป็นค่าใช้จ่ายที่จะประหยัดได้ปีละ 466.07 ล้านบาท โดยจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 1,707.97 ล้านบาท
1.2 โรงงานควบคุมที่กำลังใช้งาน
โรงงานควบคุมได้ยื่นขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุนฯ (บพท.1) เพื่อทำการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น จำนวนทั้งสิ้น 191 ราย และได้อนุมัติให้ดำเนินการแล้ว 81 ราย เป็นโรงงานเอกชน 79 ราย และเป็นโรงงานส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ 2 ราย เป็นเงิน 8.1 ล้านบาท
1.3 โครงการโรงงานและอาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบหรือก่อสร้าง
คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2541 (ครั้งที่ 16) มีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการโครงการโรงงานและอาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบหรือก่อสร้างปี 2542 ตามที่ พพ. เสนอ
2. คณะอนุกรรมการกำกับดูแลโครงการอาคารของรัฐ
คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 3/2541 (ครั้งที่ 15) เมื่อวันพุธที่ 14 ตุลาคม 2541 ได้มีมติเกี่ยวกับโครงการอาคารของรัฐ ระยะที่ 2 โดยเห็นชอบในหลักการแผนปฏิบัติการโครงการอาคารของรัฐ ระยะที่ 2 และอนุมัติให้ พพ. ดำเนินการอนุรักษ์พลังงานตามแผนดังกล่าวฯ ในปีที่ 1 และอนุมัติเงินกองทุนฯ ให้ พพ. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามแผนฯ ปีที่ 1 ในวงเงิน 592,920,000 บาท และให้ พพ. ปรับแผนปฏิบัติการฯ ระยะที่ 2 ตามผลการประเมินโครงการฯ ของ สพช. และเสนอต่อคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติให้ดำเนินการในระยะที่ 2 ปีที่ 2 ต่อไป
คณะอนุกรรมการฯ ได้อนุมัติค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ 2542 ไปแล้วรวมเป็นเงิน 27,365,850 บาท เพียง ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2541 โดยแยกเป็น
1) ค่าใช้จ่ายเพื่อว่าจ้างตรวจวิเคราะห์การใช้พลังงาน จำนวน 135 แห่ง เป็นเงินรวม 13,252,500 บาท
2) ค่าใช้จ่ายเพื่อว่าจ้างบริหารงานการตรวจวิเคราะห์การใช้พลังงาน จำนวน 200 แห่ง เป็นเงินรวม 9,315,000 บาท
3) ค่าบริหารและประสานงานโครงการ เป็นเงินรวม 4,798,350 บาท
3. คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ
คณะอนุกรรมการฯ และคณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติโครงการภายใต้แผนงานภาคความร่วมมือ จำนวนทั้งสิ้น 63 โครงการ รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นประมาณ 1,323 ล้านบาท โดยแยกเป็น
โครงการที่ได้รับการอนุมัติในปีงบประมาณ | ||||||||
โครงการ | 2538-2540 | 2541 | 2542 | รวม | ||||
ราย | ล้านบาท | ราย | ล้านบาท | ราย | ล้านบาท | ราย | ล้านบาท | |
พลังงานหมุนเวียนฯ | 5 | 146.123819 | 3 | 380.3705 | - | - | 8 | 526.494319 |
ส่งเสริมธุรกิจฯ | 2 | 8.63876 | 3 | 332.88 | 1 | 80.00 | 6 | 421.51876 |
ศึกษาวิจัยฯ | 16 | 72.298352 | 23 | 213.568479 | 10 | 89.195473 | 49 | 375.062304 |
รวม | 23 | 227.060931 | 29 | 926.818979 | 11 | 169.195473 | 63 | 1323.075383 |
มีโครงการที่ได้ดำเนินงานเสร็จสมบูรณ์ตามแผนงานแล้ว จำนวน 12 โครงการ ดังนี้
1) โครงการส่งเสริมแก๊สชีวภาพจากมูลสัตว์เพื่อเป็นพลังงานทดแทนและปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ส่วนที่ 1: ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ในวงเงิน 22,401,439 บาท
2) โครงการส่งเสริมแก๊สชีวภาพจากมูลสัตว์เพื่อเป็นพลังงานทดแทนและปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ส่วนที่ 2 : เกษตรกรรายย่อย ในวงเงิน 10,653,200 บาท
3) โครงการประหยัดพลังงานในการบ่มใบยาสูบ ในวงเงิน 10,637,400 บาท
4) โครงการสาธิตระบบผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ในประเทศไทย ในวงเงิน 4,774,000 บาท
5) โครงการวิจัยประยุกต์ประกอบการออกแบบอาคารประหยัดพลังงาน ในวงเงิน 2,555,000 บาท
6) โครงการศึกษาลักษณะการใช้ไฟฟ้า ในวงเงิน 27,700,000 บาท
7) โครงการสาธิตวิธีการอนุรักษ์พลังงานในอาคารห้องสมุด ในวงเงิน 100,000 บาท
8) โครงการทดสอบอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ระบบ STAC ในวงเงิน 300,000 บาท
9) โครงการวิจัยและพัฒนาโปรแกรมเพื่อช่วยในการออกแบบอาคารประหยัดพลังงานจากข้อมูลที่ใช้ประเมินค่า OTTV และ RTTV ตามพรบ.เพื่อการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในวงเงิน 4,252,000 บาท
10) โครงการออกแบบบ้านประหยัดพลังงาน ในวงเงิน 2,983,300 บาท
11) โครงการจัดทำแผนโครงการสวนพลังงาน (Energy Park) ในวงเงิน 300,000 บาท
12) โครงการจัดสรรทรัพยากรเครือข่ายสารสนเทศด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย ในวงเงิน 81,000 บาท
สพช. ได้ดำเนินการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านให้ทำการประเมินผลโครงการที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว โดยครอบคลุมถึงความสามารถในการประหยัดพลังงาน ความเหมาะสมของเทคโนโลยี และเงินลงทุน ณ ปัจจุบันนี้มีโครงการที่ยื่นขอรับการสนับสนุนไว้กับ สพช. ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาให้การสนับสนุนอีก จำนวน 16 โครงการ คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 7,985 ล้านบาท
4. คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน
4.1 โครงการพัฒนาบุคลากร มีโครงการได้รับการสนับสนุนจากเงินกองทุนฯ แล้ว จำนวน 6 โครงการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 349.3 ล้านบาท เพียง ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2541 ดังนี้
หน่วย:ล้านบาท
โครงการ | 2539 | 2540 | 2541 | รวม |
1) การพัฒนาหลักสูตรและ | 9.78 | 44.29 | 161.35 | 215.42 |
คู่มือการฝึกอบรมด้านอนุรักษ์พลังงาน | ||||
2) การฝึกอบรมบุคลากรระยะสั้นในประเทศ | 5.50 | 20.14 | 11.17 | 36.81 |
3) การส่งบุคลากรเข้ารับการฝึกอบรมและ | 9.34 | 6.27 | 1.93 | 17.54 |
ดูงานระยะสั้นในต่างประเทศ | ||||
4) การส่งบุคลากรเข้ารับการศึกษา | 25.22 | 4.54 | 41.22 | 70.98 |
ระดับอุดมศึกษาทั้งในและต่างประเทศ | ||||
5) การให้ทุนวิจัยและพัฒนาแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา | - | 1.14 | 4.97 | 6.12 |
6) อื่นๆ | - | 2.22 | 0.20 | 3.42 |
รวม | 49.84 | 78.6 | 220.85 | 349.3 |
4.2 โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน มีโครงการได้รับการสนับสนุนจากเงินกองทุนฯ แล้ว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 655.56 ล้านบาท เพียง ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2541 ดังนี้
โครงการประชาสัมพันธ์ | 2538 | 2539 | 2540 | 2541 | รวม | |||
รายการ | จำนวนเงิน | รายการ | จำนวนเงิน | รายการ | จำนวนเงิน | รายการ | จำนวนเงิน | |
สำหรับประชาชนทั่วไป โดย สพช. |
10 | 210.14 | 11 | 49.68 | 53 | 190.6 | 74 | 450.42 |
สำหรับโรงงานควบคุม อาคารควบคุม อาคารของรัฐ และผู้ที่เกี่ยวข้อง โดย พพ. | - | 40.59 | 18 | 75.65 | 21 | 88.9 | 39 | 205.14 |
รวม | 10 | 250.73 | 29 | 125.33 | 74 | 279.5 | 113 | 655.56 |
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
เลขานุการฯ แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ การประชุมครั้งที่ 3/2539 (ครั้งที่ 10) เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2539 ได้มีมติให้ คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ และคณะอนุกรรมการกำกับดูแลโครงการอาคารของรัฐ มีอำนาจในการพิจารณาวินิจฉัยในการยกเว้นหรือผ่อนผันการปฏิบัติตามนัยข้อ 75 และข้อ 76 แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สำหรับโครงการที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการแต่ละชุดได้ตามที่เห็นสมควร และแจ้งให้คณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อทราบต่อไปนั้น คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุนและคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ ได้พิจารณาวินิจฉัยในการยกเว้นหรือผ่อนผันการปฏิบัติตามนัยข้อ 75 และข้อ 76 แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สำหรับโครงการที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการฯ ไปแล้ว จำนวน 3 โครงการ ดังนี้
1) คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน ในการประชุมครั้งที่ 9/2541 (ครั้งที่ 49) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน 2541 ได้อนุมัติให้กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน (พพ.) ดำเนินการจ้างที่ปรึกษาในการตรวจสอบการดำเนินงานตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ในอาคารควบคุมและโรงงานควบคุม โดยเบิกจ่ายจากเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โครงการบริหารงานตามกฎหมาย สำหรับปีงบประมาณ 2541 โดยยกเว้นการปฏิบัติตามนัยข้อ 75 และข้อ 76 แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้ตามที่ พพ. เสนอมา
2) คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน ได้พิจารณาตามหนังสือเวียนขอความเห็นชอบคณะอนุกรรมการฯ ด่วนที่สุด ที่ นร 0905/ว 1530 ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2541ได้อนุมัติให้สำนักงาน คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) ดำเนินการว่าจ้างที่ปรึกษาของ สพช. เรื่องโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้า โดยเบิกจ่ายจากเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โครงการบริหารงานตามกฎหมายสำหรับปีงบประมาณ 2542 โดยยกเว้นการปฏิบัติตามนัยข้อ 75 และข้อ 76 แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้ตามที่ สพช. เสนอมา
3) คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ ในการประชุมครั้งที่ 9/2541 (ครั้งที่ 25) เมื่อวันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม 2541 ได้มีมติอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) ดำเนินการว่าจ้างที่ปรึกษาทำการศึกษาในโครงการศึกษาแนวทางในการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยใช้เงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการศึกษาวิจัย และพัฒนา โดยยกเว้นการปฏิบัติตามนัยข้อ75 และข้อ 76 แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้ ตามที่ สพช. เสนอมา
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
เรื่องที่ 4 คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึง คำสั่งคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่ 3/2541 เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2541 กำหนดให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม (นายพรเทพ เตชะไพบูลย์) เป็นประธานอนุกรรมการ และผู้แทนกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานเป็นอนุกรรมการและเลขานุการฯ ซึ่งเลขานุการฯ ได้แจ้งให้อนุกรรมการและเลขานุการฯ ทราบถึงคำสั่งดังกล่าวแล้ว
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
เรื่องที่ 5 โครงการจัดซื้ออาคารถาวรเพื่อจัดทำโครงการด้านการอนุรักษ์พลังงาน ของ สพช.
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ตามที่คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 3/2541 (ครั้งที่ 15) เมื่อวันพุธที่ 14 ตุลาคม 2541 ได้มีมติอนุมัติงบประมาณให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดซื้ออาคารถาวรของ สพช. ภายในวงเงิน 450 ล้านบาท สพช. ได้ดำเนินการจัดซื้ออาคารถาวรดังกล่าวแล้ว โดยปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งการดำเนินการจัดซื้ออยู่ระหว่างการตกลงราคาที่จะซื้อขายอาคารกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ไอ เอฟ ซี ที ไฟแนนซ์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นอาคารที่ออกแบบและก่อสร้างเพื่อให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานโดยแท้จริง เหมาะสมเป็นที่ทำงานและสาธิตเทคโนโลยีการอนุรักษ์พลังงานสำหรับอาคารสำนักงาน
บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ไอ เอฟ ซี ที ฯ ถูกกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเข้าควบคุมกิจการ โดยอยู่ระหว่างการควบรวมเป็นสถาบันการเงินเดียวกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์กรุงไทยธนกิจ จำกัด (มหาชน) (KTT) บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์อื่นๆ และสหธนาคารฯ โดยมีการเสนอที่จะซื้อขายในราคาเบื้องต้น 270 ล้านบาท ซึ่งราคาดังกล่าวได้รวมค่าธรรมเนียมการโอน และค่าภาษีต่างๆ ไว้ทั้งหมดแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุมัติราคาขายขั้นสุดท้ายจากคณะกรรมการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ซึ่งคณะกรรมการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ได้แจ้งแนวทางดำเนินการในเรื่องดังกล่าวให้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ไอ เอฟ ซี ที ฯ ทราบแล้ว และขอให้ สพช. ติดต่อขอทราบราคาที่แน่นอนไปยังบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ไอ เอฟ ซี ที ฯ ต่อไป ซึ่งผู้ถือหุ้นของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ไอ เอฟ ซี ที ฯ ได้ประชุมเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2542 ให้โอนควบรวมกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ KTT โดยจะโอนทรัพย์สินทั้งหมดของ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ไอ เอฟ ซี ที ฯ ไปเป็นของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ KTT ภายในสิ้นเดือนมกราคม พ.ศ. 2542 และ สพช. จะได้รับผลสรุปที่ชัดเจนในต้นเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 นี้
สพช. มีความเห็นว่าอาคารของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ไอ เอฟ ซี ที ฯ มีความเหมาะสมที่จะใช้เป็นสำนักงานของ สพช. พร้อมทั้งเป็นที่สาธิตการออกแบบและเทคโนโลยีการอนุรักษ์พลังงานสำหรับอาคารสำนักงาน และควรนำพื้นที่ชั้นล่างไว้ใช้เป็นศูนย์สาธิตการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับโครงการสาธิตเทคโนโลยีประสิทธิภาพพลังงานที่เสนอโดยสมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติเงินกองทุนฯ ให้ดำเนินการโครงการดังกล่าวแล้ว ก็จะเป็นประโยชน์ต่อแผนงานอนุรักษ์พลังงานโดยรวม และประหยัดงบประมาณของกองทุนฯ ได้อีกส่วนหนึ่งด้วย โดย สพช. จะใช้อาคารดังกล่าวเพื่อดำเนินการในกิจกรรมต่างๆ ดังนี้
2.1 เพื่อใช้เป็นอาคารสำนักงานถาวรของ สพช. และใช้ในการสาธิตเทคโนโลยีและวิธีการอนุรักษ์พลังงานสำหรับผู้ใช้อาคารสำนักงานทั่วไป
2.2 เพื่อใช้เป็นศูนย์สาธิตการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ กรุงเทพมหานคร โดยมีสมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ดำเนินโครงการฯ เพื่อทำหน้าที่รณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์พลังงานและนำไปปฏิบัติให้เกิดผลในการอนุรักษ์พลังงาน
2.3 เพื่อใช้เป็นศูนย์ประชาสัมพันธ์โครงการรวมพลังหารสอง ของ สพช. ที่ทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูล การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับโครงการ ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ
2.4 เพื่อเป็นสถานที่ทำกิจกรรมของกลุ่มเยาวชนภายใต้โครงการขบวนการหาร 2 ที่ได้ทำกิจกรรมรณรงค์ให้เพื่อนเยาวชนหันมาประหยัดพลังงานแล้วตั้งแต่ปี 2541
2.5 เพื่อใช้เป็นศูนย์การศึกษา ฝึกอบรม และการประชุมที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานหมุนเวียน สำหรับ สพช. และหน่วยงานอื่นๆ ที่ประสงค์จะใช้สถานที่
2.6 เพื่อใช้เป็นศูนย์ข้อมูลที่ใช้ในการค้นคว้า วิจัย การศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนา และส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และข้อมูลเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและวางแผนพลังงาน
สพช. จึงได้จัดประชุมร่วมกันระหว่างคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน ในการประชุมครั้งที่ 1/2542 (ครั้งที่ 52) และคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ ในการประชุมครั้งที่ 2/2542 (ครั้งที่ 27) เมื่อวันอังคารที่ 26 มกราคม 2542 เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว แล้วมีมติเห็นชอบให้ สพช. จัดซื้ออาคารถาวรเพื่อใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ ตามมาตรา 25 แห่ง พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 และให้ สพช. นำเงินส่วนที่เหลือจากการซื้ออาคาร ไปเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงอาคารดังกล่าวเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามวัตถุประสงค์ด้วย ในวงเงิน 350 ล้านบาท และเห็นชอบให้สมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนฯ จากแผนงานภาคความร่วมมือ มาใช้พื้นที่ของอาคารเพื่อจัดตั้งศูนย์สาธิตเทคโนโลยีประสิทธิภาพพลังงานด้วย
มติที่ประชุม
1. อนุมัติเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน แผนงานสนับสนุน ประจำปีงบประมาณ 2542 ให้ สพช. เพื่อดำเนินการจัดซื้ออาคารถาวรเพื่อใช้ประโยชน์ในการบริหารงาน และเป็นอาคารสาธิตเทคโนโลยีพลังงาน รวมถึงดำเนินกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการใช้และการอนุรักษ์พลังงาน ภายในวงเงิน 350 ล้านบาท (สามร้อยห้าสิบล้านบาทถ้วน) เพื่อใช้อาคารดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ ดังนี้
1.1 เพื่อใช้เป็นอาคารสำนักงานถาวรของ สพช. และใช้ในการสาธิตเทคโนโลยีและวิธีการอนุรักษ์พลังงานสำหรับผู้ใช้อาคารสำนักงานทั่วไป
1.2 เพื่อใช้เป็นศูนย์สาธิตการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ กรุงเทพมหานคร โดยมีสมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อมเป็นผู้เพื่อดำเนินโครงการฯ ตามที่ได้รับอนุมัติแล้วจากคณะกรรมการกองทุนฯ และทำหน้าที่รณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์พลังงานและนำไปปฏิบัติให้เกิดผลในการอนุรักษ์พลังงาน
1.3 เพื่อใช้เป็นศูนย์ประชาสัมพันธ์โครงการรวมพลังหารสอง ของ สพช. ที่ได้รับการอนุมัติแล้วจากคณะกรรมการกองทุนฯ ซึ่งทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูล การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ
1.4 เพื่อเป็นสถานที่ทำกิจกรรมของกลุ่มเยาวชนภายใต้โครงการขบวนการหาร 2 ที่ได้ทำกิจกรรมรณรงค์ให้เพื่อนเยาวชนหันมาประหยัดพลังงานตั้งแต่ปี 2541
1.5 เพื่อใช้เป็นศูนย์การศึกษา ฝึกอบรม และการประชุมที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานหมุนเวียน
1.6 เพื่อใช้เป็นศูนย์ข้อมูลที่ใช้ในการค้นคว้า วิจัย การศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนา และ ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และข้อมูลเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและวางแผนพลังงาน
2. อนุมัติให้ สพช. นำเงินส่วนที่เหลือจากการซื้ออาคารในข้อ 1 ไปเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงอาคารดังกล่าว เพื่อให้อาคารสามารถใช้ประโยชน์ในการดำเนินกิจกรรมของโครงการเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานได้ตามวัตถุประสงค์ในข้อ 1.1-1.6
เรื่องที่ 6 โครงการศึกษาเรื่องการกำหนดโครงสร้างอุตสาหกรรมไฟฟ้าและการจัดตั้ง ตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้า
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2541 เห็นชอบแผนแม่บทการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ เพื่อใช้เป็นกรอบในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ในสาขาที่สำคัญ 4 สาขา ประกอบด้วยสาขาโทรคมนาคม สาขาขนส่ง สาขาประปา และสาขาพลังงาน ซึ่งแผนแม่บทสาขาพลังงานดังกล่าวได้กำหนดกรอบในการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมไฟฟ้า โดยส่งเสริมให้มีการแข่งขันในกิจการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า กำหนดให้ กฟผ. แปลงสภาพโรงไฟฟ้าเดิมที่มีอยู่จัดตั้งเป็นบริษัท จำกัด และลดสัดส่วนการถือหุ้นของ กฟผ. ในบริษัทผลิตไฟฟ้าลง เพื่อให้พ้นสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจภายในปี 2544 จะได้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมในกิจการผลิตไฟฟ้า โดยผู้ผลิตไฟฟ้าจะซื้อขายไฟฟ้าผ่านตลาดซึ่งจะมีการจัดตั้งตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้า (Wholesale Power Pool) ในปี 2546 และจะมีการจัดตั้งบริษัทระบบส่งไฟฟ้าแรงดันสูง (Transmission Company) และจัดตั้งหน่วยงานควบคุมระบบอิสระ (Independent System Operator) เพื่อทำหน้าที่สั่งการผลิตไฟฟ้า ซึ่งทั้งสองบริษัทจะต้องไม่มีโรงไฟฟ้าเป็นของตัวเอง เพื่อทำหน้าที่อย่างอิสระ โดยมีการจัดตั้งองค์กรกำกับดูแลอิสระ (Independent Regulator) เป็นผู้กำกับดูแลบริษัทระบบส่งไฟฟ้า เพื่อให้มีการบริการระบบส่งไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพและในราคาที่เป็นธรรม
คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ ในการประชุมครั้งที่ 1/2542 (ครั้งที่ 26) เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2542 ได้พิจารณาโครงการศึกษาเรื่องการกำหนดโครงสร้างอุตสาหกรรมไฟฟ้าและการจัดตั้งตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้า ที่เสนอขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนฯ โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) ที่ประชุมพิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบให้การสนับสนุนโครงการฯ และให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติต่อไป
สพช. จะทำการศึกษาโครงการดังกล่าว โดยการจ้างผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ในด้านต่างๆ ประกอบด้วย การจัดตั้งตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้า การให้คำปรึกษาในกิจกรรมของหน่วยต่างๆ ในอุตสาหกรรมไฟฟ้า เช่น การผลิต ระบบส่ง ระบบจำหน่าย และการจัดจำหน่าย โดยเฉพาะการวางกฎเกณฑ์และนโยบายเพื่อเพิ่มการแข่งขัน และการกำกับดูแลการจัดตั้งองค์กรกำกับดูแลอิสระ การปรับโครงสร้างและแปรรูปรัฐวิสาหกิจ การให้คำปรึกษาด้านการเงินแก่หน่วยงานรัฐบาลในการทำการแปรรูป และรวมถึงประสบการณ์ในการขายหุ้นให้แก่พันธมิตรร่วมทุนด้วย โดย สพช. จะทำการคัดเลือกตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ซึ่งข้อ 75 และข้อ 76 กำหนดให้ส่วนราชการจ้างที่ปรึกษาไทยเป็นหลัก แต่เนื่องจากงานในลักษณะนี้ที่ปรึกษาในประเทศไทย อาจจะยังมีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านการกำหนดโครงสร้างอุตสาหกรรมไฟฟ้าและการจัดตั้งตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้าไม่เพียงพอ สพช. จึงขอดำเนินการจ้างที่ปรึกษาดังกล่าว โดยขอยกเว้นการปฏิบัติตามนัยข้อ 75 และข้อ 76 แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
สพช. จะทำการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนทั่วไป พร้อมทั้งจัดสัมมนาและทำประชาพิจารณ์ผลการศึกษาการกำหนดรูปแบบโครงสร้างอุตสาหกรรมไฟฟ้า การกำหนดรายละเอียด เป็นระยะๆ ทั้งในเรื่องกฎเกณฑ์ กติกา เพื่อให้สามารถนำไปสู่การแข่งขันในกิจการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า เพื่อให้เป็นที่ยอมรับจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน รายงานผลการศึกษาฉบับสมบูรณ์เมื่อแล้วเสร็จ สพช. จะนำเสนอขออนุมัติจากรัฐบาลให้มีผลในทางปฏิบัติ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นอาจจะนำเสนอขออนุมัติจากรัฐบาลในบางเรื่องตามความเหมาะสมของสถานการณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจด้านไฟฟ้าด้วย
มติที่ประชุม
1. อนุมัติเงินจากกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการศึกษา วิจัยและพัฒนาให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการศึกษาเรื่องการกำหนดโครงสร้างอุตสาหกรรมไฟฟ้าและการจัดตั้งตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้า ในวงเงิน 113,793,560 บาท (หนึ่งร้อยสิบสามล้านเจ็ดแสนเก้าหมื่นสามพันห้าร้อยหกสิบบาทถ้วน)
2. อนุมัติให้ สพช. ดำเนินการจ้างที่ปรึกษาทำการศึกษาในโครงการศึกษาเรื่องการกำหนดโครงสร้างอุตสาหกรรมไฟฟ้าและการจัดตั้งตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้า โดยยกเว้นการปฏิบัติตามนัยข้อ 75 และข้อ 76 แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในการประชุม ครั้งที่ 2/2540 (ครั้งที่ 12) เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2540 ได้มีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน (ในส่วนของโรงงานควบคุม) ระหว่างปี 2541-2546 ในวงเงินงบประมาณ 10,905.6 ล้านบาท และได้อนุมัติงบประมาณค่าใช้จ่ายตามแผนฯ (ในส่วนของโรงงานควบคุมปี 2541 ในวงเงิน 11.1 ล้านบาท โดยให้ พพ. ปรับแผนค่าใช้จ่ายเพื่อเสนอขออนุมัติงบประมาณค่าใช้จ่ายเป็นรายปี
จากผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ ในปี 2541 ของ พพ. นั้น พพ. ได้พิจารณาเห็นชอบและอนุมัติค่าใช้จ่ายสำหรับการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้นให้กับโรงงานควบคุมไปแล้ว จำนวน 49 ราย เป็นเงินทั้งสิ้น 4.9 ล้านบาท ดังนั้นในปีงบประมาณ 2542 พพ. ได้ดำเนินการปรับแผนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน (ในส่วนของโรงงานควบคุม) ในปีงบประมาณ 2542 เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง โดยการจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่จะใช้ในการสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงานของโรงงานควบคุม เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 267.5 ล้านบาท เสนอต่อคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ ในการประชุมครั้งที่ 3/2541 (ครั้งที่ 3) เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2541 ที่ประชุมพิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบในแผนปฏิบัติการฯ ตามที่ พพ. เสนอ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนเพื่อพิจารณา
มติที่ประชุม
อนุมัติงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน (ในส่วนของโรงงานควบคุม) ประจำปี 2542 ในวงเงินทั้งสิ้น 267.5 ล้านบาท ตามมติของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ
เรื่องที่ 8 แผนปฏิบัติการโครงการโรงงานและอาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบ หรือก่อสร้าง ปี 2542
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ในการสนับสนุนแก่อาคารควบคุมที่เป็นส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในรูปของเงินช่วยเหลือให้เปล่า ในการปรับปรุงและสมทบเพื่อปรับปรุงอาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบหรือก่อสร้าง และคณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2542 (ครั้งที่ 16) เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2541 ได้มีมติมอบอำนาจให้คณะกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับสามารถอนุมัติเงินกองทุนฯ สนับสนุนให้แก่โครงการที่มีวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท และพิจารณากลั่นกรองโครงการที่มีวงเงินตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติต่อไป
มหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นอาคารควบคุมส่วนราชการที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ของคณะเกษตรศาสตร์ โดยตามแบบเดิมระบบไฟฟ้าแสงสว่างได้ถูกออกแบบให้ใช้โคมไฟและบัลลาสต์ขดลวดแบบธรรมดาที่ใช้ในอาคารทั่วไป มีค่ากำลังไฟฟ้าส่องสว่าง 12.98 วัตต์/ตารางเมตร ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ตามที่กฎกระทรวงกำหนดไว้ (16 วัตต์/ตารางเมตร) จึงมีความประสงค์ที่จะทำการปรับปรุงระบบไฟฟ้าแสงสว่าง โดยเปลี่ยนจากโคมไฟธรรมดาเดิม จำนวน 1,639 โคม ไปเป็นโคมไฟที่ติดตั้งแผ่นเคลือบสารสะท้อนแสง และเปลี่ยนจากบัลลาสต์ขดลวดธรรมดามาเป็นบัลลาสต์ Low Watt Loss โดยใช้เงินลงทุนในการปรับปรุงทั้งหมดเป็นเงิน 2,060,629 บาท แต่เนื่องจากทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นมีเงินงบประมาณเดิมอยู่แล้วจำนวน 740,898.50 บาท มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ยื่นขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการลงทุนปรับปรุงระบบไฟฟ้าแสงสว่างของอาคารเรียนหลังใหม่ของคณะเกษตรศาสตร์ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เป็นเงิน 1,319,730 บาท ซึ่งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับในการประชุมครั้งที่ 3/2541 (ครั้งที่ 3) เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2541 ได้พิจารณาแล้วมีมติดังนี้
1. เห็นชอบสนับสนุนเงินกองทุนฯ เป็นกรณีพิเศษให้มหาวิทยาลัยขอนแก่นเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับลงทุนปรับปรุงระบบไฟฟ้าแสงสว่างตามแบบที่ปรับปรุงใหม่ของอาคารคณะเกษตรศาสตร์ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในวงเงิน 1,319,730 โดยให้ใช้เงินจากโครงการโรงงานและอาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบหรือก่อสร้าง ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้จัดสรรค่าใช้จ่ายไว้แล้วในแผนงานอนุรักษ์พลังงาน สำหรับปี 2542 เป็นเงิน 378 ล้านบาท
2. เห็นชอบให้ พพ. จัดทำแผนปฏิบัติการโครงการโรงงานและอาคารที่อยู่ระหว่างออกแบบหรือก่อสร้าง ปี 2542 ในวงเงินงบประมาณ 180 ล้านบาท โดยให้ใช้เงินจากโครงการโรงงานและอาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบหรือก่อสร้าง ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้จัดสรรค่าใช้จ่ายไว้แล้วในแผนงานอนุรักษ์พลังงาน สำหรับปี 2542 เป็นเงิน 378 ล้านบาท
มติที่ประชุม
1. อนุมัติแผนปฏิบัติการโครงการโรงงานและอาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบหรือก่อสร้าง ปี 2542 โดยใช้เงินกองทุนฯ แผนงานภาคบังคับ โครงการโรงงานและอาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบหรือก่อสร้าง ภายในวงเงิน 180 ล้านบาท
2. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานภาคบังคับ โครงการโรงงานและอาคารที่อยู่ระหว่างออกแบบหรือก่อสร้าง ให้กับมหาวิทยาลัยขอนแก่น สำหรับเป็นเงินช่วยเหลือให้เปล่าในการลงทุนปรับปรุงระบบไฟฟ้าแสงสว่างตามแบบที่ปรับปรุงใหม่ของอาคารคณะเกษตรศาสตร์ ในวงเงิน 1,319,730 บาท (หนึ่งล้านสามแสนหนึ่งหมื่นเก้าพันเจ็ดร้อยสามสิบบาทถ้วน)
3. อนุมัติให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับมีอำนาจอนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานภาคบังคับ โครงการโรงงานและอาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบหรือก่อสร้าง สำหรับเป็นเงินช่วยเหลือให้เปล่าแก่อาคารที่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจที่มีโครงการก่อสร้างอาคารเพิ่มเติมและมีความประสงค์จะปรับปรุงแบบและลงทุนตามแบบที่ปรับปรุงใหม่ในกรณีเช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2540 (ครั้งที่ 11) เมื่อวันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม 2540 ได้มีมติ
1. อนุมัติให้ผู้ที่ผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศหรือนำเข้าจากต่างประเทศที่ไม่ได้ใช้ในราชอาณาจักร ไม่มีหน้าที่ต้องเสียเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามความในมาตรา 35 และมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 และให้กองทุนฯ จ่ายเงินคืนแก่ผู้ค้าน้ำมัน ในกรณีที่ผู้ค้าน้ำมันจ่ายเกินอันเนื่องจากการคำนวณผิดพลาด ในกรณีเติมสาร additive และในกรณีเงินที่ผู้ค้าน้ำมันส่งเข้ากองทุนฯ ในส่วนของน้ำมันคุณภาพไม่เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เนื่องจากไม่มีสิทธิเรียกเก็บตามกฎหมาย
2. ให้กระทรวงการคลังแก้ไขระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยมอบอำนาจให้แก่กรมศุลกากรและกรมสรรพสามิตเป็นผู้พิจารณาตรวจสอบรับรองความถูกต้องของเอกสารของการจ่ายคืนเงินที่ส่งเข้ากองทุนฯ และให้เบิกจ่ายจากกองทุนฯ ได้โดยตรง
3. อนุมัติจ่ายคืนเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ให้บริษัทสยามสหบริการ จำกัด (มหาชน) ตามที่บริษัทฯ ได้ส่งเข้ากองทุนฯ ตามมาตรา 35 และมาตรา 36 โดยให้มีผลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 เป็นต้นมา
กรมบัญชีกลางได้มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ กค 0526.9/2519 ลงวันที่ 28 กันยายน 2541 เพื่อแจ้งให้ทราบว่า ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานว่าด้วย การเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ข้อ 9 กำหนดว่า "เงินกองทุนนี้ให้จ่ายได้ตามวัตถุประสงค์ เพื่อกิจการตามนัยมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติ ตามมติคณะกรรมการกองทุน..." ซึ่งการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ เพื่อคืนให้แก่ผู้ค้าน้ำมันที่ผ่านมา กรมบัญชีกลางได้เบิกจ่ายตามมติคณะกรรมการกองทุนฯ ดังนั้นในการนี้หากคณะกรรมการกองทุนฯ มีมติมอบอำนาจให้กรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต เป็นผู้พิจารณาตรวจสอบรับรองความถูกต้องของเอกสารการจ่ายคืนเงินที่ส่งเข้ากองทุนฯ โดยให้กรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต เป็นผู้เบิกเงินจากกรมบัญชีกลางเพื่อนำไปจ่ายให้กับผู้ค้าน้ำมันโดยตรง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2541 เป็นต้นไปนั้น กรมบัญชีกลางก็ไม่จำเป็นต้องแก้ไขระเบียบดังกล่าว
สพช. ได้แจ้งเรื่องการมอบอำนาจดังกล่าวให้กรมศุลกากรและกรมสรรพสามิตทราบ ตามลำดับ และเพื่อให้การเบิกจ่ายเงินคืนให้กับผู้ค้าน้ำมันดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว สพช. ได้ให้กรมศุลกากรและกรมสรรพสามิตพิจารณาถึงความจำเป็นที่จะต้องมีเงินเพื่อทดรองจ่ายสำหรับการดำเนินการดังกล่าว พร้อมทั้งประมาณการวงเงินที่คาดว่าจะต้องมีไว้เพื่อทดรองจ่าย แล้วแจ้งให้ สพช. ทราบ กรมศุลกากรได้แจ้งความประสงค์ในการขอเบิกเงินจากกองทุนฯ เพื่อนำไปทดรองจ่ายคืนแก่ผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าว ในวงเงิน 8,000,000 บาท (แปดล้านบาทถ้วน) และกรมสรรพสามิตได้แจ้งความประสงค์ในการขอเบิกเงินจากกองทุนฯ เพื่อนำไปทดรองจ่ายคืนแก่ผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงฯ ในวงเงิน 5,000,000 บาท (ห้าล้านบาทถ้วน)
มติประชุม
1. มอบอำนาจให้กรมศุลกากรและกรมสรรพสามิตเป็นผู้พิจารณาตรวจสอบรับรองความถูกต้องของเอกสารการจ่ายคืนเงินที่ส่งเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในกรณีที่ผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศหรือนำเข้าจากต่างประเทศที่ไม่ได้ใช้ในราชอาณาจักร นำส่งไว้เกินหรือไม่มีหน้าที่ต้องนำส่งตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 โดยให้กรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต เป็นผู้เบิกเงินจากกรมบัญชีกลาง เพื่อนำไปจ่ายให้กับผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงฯ โดยตรง
2. อนุมัติเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานให้แก่ กรมศุลกากร เพื่อทดรองจ่ายคืนให้ผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงฯ ในวงเงิน 8,000,000 บาท ตามที่กรมศุลกากรเสนอมา
3. อนุมัติเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานให้แก่ กรมสรรพสามิต เพื่อทดรองจ่ายคืนให้ผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงฯ ในวงเงิน 5,000,000 บาท ตามที่กรมสรรพสามิตเสนอมา
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าตามที่คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในการประชุมครั้งที่2/2540 (ครั้งที่12)เมื่อวันจันทร์ ที่ 6 ตุลาคม 2540 ได้เห็นชอบแผนแม่บทโครงการพัฒนาบุคลากรปี 2541-2543 ในวงเงิน 1,144.8 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยหมวดการพัฒนาหลักสูตร สื่อการสอน แบบเรียน คู่มือ และเครื่องมือที่ใช้ประกอบการฝึกอบรมการทํางานและห้องปฏิบัติการปีงบประมาณ 2541-2543 ในวงเงิน 624 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นกิจกรรมการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษา ในวงเงิน 189 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการกองทุนฯ และคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน ได้อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานสนับสนุน สำหรับโครงการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษา ดังนี้
การประชุม | โครงการ | หน่วยงาน | จำนวนเงิน (บาท) |
คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 2/2541 (ครั้งที่ 14) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม 2541 |
โครงการร่วมในการผลิตบัณฑิตศึกษาและพัฒนางานวิจัยด้านเทคโนโลยีพลังงานและสิ่งแวดล้อม |
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี |
ระยะเวลาโครงการ 5 ปี 2541 - 35,940,000 2542 - 38,320,000 2543 - 25,720,000 (2544 - 24,190,000) (2545 - 21,570,000) |
คณะอนุกรรมการฯ ในการประชุมครั้งที่ 7/2541 (ครั้งที่ 17) มื่อวันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2541 |
โครงการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ จำนวน 4 มหาวิทยาลัย โดยแต่ละมหาวิทยาลัยมีงบประมาณไม่เกิน 5 ล้านบาท |
มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ |
2,030,000 2,600,000 850,000 2,729,000 |
คณะกรรมการกองทุนฯในการประชุมครั้งที่ 3/2541 (ครั้งที่ 15) เมื่อวันพุธที่ 14 ตุลาคม 2541 |
ส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ จำนวน 3 มหาวิทยาลัย โดยแต่ละมหาวิทยาลัยมีงบประมาณเกิน 5 ล้านบาท |
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเซีย |
5,960,000 12,000,000 5,566,000 |
รวมงบประมาณ 2541-2543 | 131,745,000 |
สภาคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วยคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ 8 สถาบัน คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้จัดทำโครงการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ในวงเงิน 233,242,000 บาท เสนอขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ซึ่งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานด้านสนับสนุนในการประชุมครั้งที่ 1/2542 (ครั้งที่5) เมื่อวันอังคารที่ 26 มกราคม 2542 ที่ประชุมได้พิจารณาแล้วเห็นควรให้ปรับลดวงเงินลง เนื่องจากงบประมาณโครงการส่งเสริมการเรียนการสอนเรื่องการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษา ปี 2541-2543 ซึ่งคณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติจัดสรรไว้ในวงเงิน 189 ล้านบาท นั้น ได้อนุมัติไปแล้วเป็นเงิน 131,745,000 บาท ซึ่งหากรวมงบประมาณที่ได้อนุมัติให้โครงการร่วมในการผลิตบัณฑิตศึกษาและพัฒนางานวิจัยด้านเทคโนโลยีพลังงานและสิ่งแวดล้อม ปี 2544-2545 จะทำให้วงเงินงบประมาณตามแผนได้อนุมัติไปจนเต็มจำนวน จึงทำให้ไม่มีงบประมาณเพียงพอที่จะให้การสนับสนุนโครงการฯ ที่เสนอโดยสภาคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ คณะอนุกรรมการฯ กำกับดูแลแผนงานสนับสนุน จึงมีมติเห็นชอบให้ขยายวงเงินแผนแม่บทโครงการพัฒนาบุคลากร ปี 2542-2543 โครงการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษา โดยให้ปรับลดวงเงินลง 103,229,000 บาท คงเหลือวงเงินที่ให้ขยายเพิ่ม 130,013,000 บาท เพื่อให้การสนับสนุนโครงการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษาด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้ สพช. ขยายวงเงินแผนแม่บทโครงการพัฒนาบุคลากร ปี 2542-2543 โครงการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษาเพิ่ม ในวงเงิน 130,013,000 บาท (หนึ่งร้อยสามสิบล้านหนึ่งหมื่นสามพันบาทถ้วน) เพื่อให้การสนับสนุนโครงการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษา
กอ. ครั้งที่ 15 - วันพุธที่ 14 ตุลาคม 2541
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 3/2541 (ครั้งที่ 15)
วันพุธที่ 14 ตุลาคม 2541 เวลา 14.00 น.
ณ ห้องประชุมกรรมาธิการหมายเลข 215-216
ชั้น 2 อาคารรัฐสภา 2
1. รายงานการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
2. รายงานผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ โครงการอาคารของรัฐ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน
3. รายงานการต่อสัญญาโครงการ การบูรณาการกระบวนการศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา เรื่องการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม (โครงการรุ่งอรุณ)
4. ขออนุมัติรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2542 ของ สพช. บก. และ พพ. เพื่อบริหารงานตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535
5. แผนปฏิบัติการโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในส่วนที่ สพช. รับผิดชอบ ปีงบประมาณ 2542
6. ขออนุมัติโครงการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษา (วิศวกรรมศาสตร์)
7. ขอความเห็นชอบแผนปฏิบัติการโครงการอาคารของรัฐ ระยะที่ 2
8. ขออนุมัติให้ พพ. ปรับแผนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน (ในส่วนของอาคารควบคุม) จากระยะเวลา 2 ปี (2540-2541) เป็นระยะเวลา 3 ปี (2541-2543)
9. ขออนุมัติให้อธิบดีกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน มีอำนาจอนุมัติเงินจากกองทุนฯ สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น และการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน
10. ค่าบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศ
11. โครงการสวนพลังงานแสงอาทิตย์
12. โครงการศึกษาแนวทางการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง
13. โครงการบ้านสาธิตประหยัดพลังงานแบบยั่งยืน เพื่อเป็นต้นแบบการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมของภูมิภาค
14. โครงการวิจัยและพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์ที่เหมาะกับภูมิอากาศเขตร้อนชื้น
15. ขออนุมัติให้คณะอนุกรรมการฯ มีอำนาจอนุมัติการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ และมีอำนาจอนุมัติเงินกองทุนฯ สนับสนุนให้แก่โครงการที่มีวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท
16. ขอยกเว้นการปฏิบัติตามนัยข้อ 85 และข้อ 88 แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
17. ขออนุมัติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลการติดตามประเมินผลโครงการ ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
รองนายกรัฐมนตรี (นายศุภชัย พานิชภักดิ์) ประธานกรรมการ
เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (นายปืยสวัสดิ์ อัมระนันทน์) กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 รายงานการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงรายงานผลการตรวจสอบงบการเงินประจำปี สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2538 และ 2539 ซึ่งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว พร้อมทั้งรายงานการรับ-จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2541 ซึ่งมีเงินคงเหลือในบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาประดิพัทธ์ 14,462,621,510.23 บาท และรายงานเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ของ สพช. บก. และ พพ. ตามแผนงานภาคบังคับ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน สิ้นสุดวันที่ 31 กรกฎาคม 2541 ซึ่งได้เบิกเงินเพื่อดำเนินงานตามแผนงานไปแล้วเป็นเงินทั้งสิ้น 452,303,30548 บาท และมีงบประมาณที่ผูกพันเป็นเงินทั้งสิ้น 1,869,194,466.52 บาท
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ โครงการอาคารของรัฐ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน ซึ่งสรุปได้ดังนี้
1. ผลการดำเนินงานของแผนงานภาคบังคับ ภายใต้การกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับระหว่างปี 2538-2541 ดังนี้
1.1 อาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน
- อาคารควบคุมได้แจ้งแต่งตั้งผู้รับผิดชอบด้านพลังงานแก่ พพ. แล้วจำนวน 914 ราย คิดเป็นจำนวนบุคลากร 1,473 คน โดย พพ. ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบแก่อาคารควบคุมไปแล้ว615 ราย จำนวน 967 คน
- อาคารควบคุมได้ส่งข้อมูลการใช้พลังงาน (บพอ.1) ให้แก่ พพ. (ทุก 6 เดือน) โดยในเดือนแรกของปี 2541 (มกราคม-มิถุนายน) มีผู้ส่งข้อมูลแล้ว 357 ราย
- อาคารควบคุมได้ยื่นขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุนฯ (บพท.1) เพื่อทำการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น จำนวนทั้งสิ้น 868 ราย และได้อนุมัติให้ดำเนินการแล้ว 746 ราย เป็นอาคารเอกชน 519 ราย และเป็นอาคารของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ 227 ราย เป็นเงิน 233,570,425 บาท
- อาคารควบคุมส่งรายงานการตรวจสอบฯ ให้ พพ. จำนวน 471 ราย โดย พพ. ได้ให้ความเห็นชอบกับรายงานตรวจสอบฯ แล้ว จำนวน 225 ราย พบว่าอาคารเหล่านั้นมีการใช้พลังงานไฟฟ้า 1,177 ล้านหน่วยต่อปี มีศักยภาพที่จะอนุรักษ์พลังงานได้ 165 ล้านหน่วยต่อปี คิดเป็นค่าใช้จ่ายที่จะประหยัดได้ปีละ 412 ล้านบาท โดยจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 1,367 ล้านบาท
- พพ.ได้อนุมัติให้มีการขึ้นทะเบียนที่ปรึกษาด้านการอนุรักษ์พลังงานในอาคารควบคุมไปแล้วรวมทั้งสิ้น 71 ราย ประกอบด้วย
- ที่ปรึกษาประเภท ก ซึ่งสามารถดำเนินการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น จัดทำรายงานและดำเนินการตรวจสอบและวิเคราะห์การปฏิบัติตามเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน จำนวน 16 ราย
- ที่ปรึกษาประเภท ข. ซึ่งสามารถดำเนินการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้นและโดยละเอียด จัดทำรายงานและจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน ดำเนินการตรวจสอบและวิเคราะห์การปฏิบัติตามเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน จำนวน 55 ราย
1.2 โรงงานควบคุมที่กำลังใช้งาน
- โรงงานควบคุมได้แจ้งแต่งตั้งผู้รับผิดชอบด้านพลังงานแก่ พพ. แล้ว จำนวน 234 ราย คิดเป็นจำนวนบุคลากร 476 คน โดย พพ. ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบแก่โรงงานควบคุมไปแล้ว 143 ราย จำนวน 284 คน
- โรงงานควบคุมได้ส่งข้อมูลการใช้พลังงาน (บพร.1) ให้แก่ พพ. (ทุก 6 เดือน) โดย6 เดือนแรกของปี 2541 (มกราคม-มิถุนายน) มีผู้ส่งข้อมูลแล้ว 103 ราย
1.3. โครงการโรงงานและอาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบหรือก่อสร้าง
อยู่ในระหว่างการจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการโดยละเอียดเกี่ยวกับการพิจารณาการให้การสนับสนุนในโครงการดังกล่าว
2. ผลการดำเนินงานของโครงการอาคารของรัฐ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน ซึ่งสรุปได้ ดังนี้
2.1 คณะอนุกรรมการกำกับดูแลโครงการอาคารของรัฐ ได้มีมติอนุมัติโครงการที่เกี่ยวกับอาคารของรัฐ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,214,950,219 บาท
2.2 คณะอนุกรรมการฯ และคณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติโครงการใต้แผนงานภาคความร่วมมือ จำนวนทั้งสิ้น 52 โครงการ รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นประมาณ 1,155 ล้านบาท และมีโครงการที่ได้ดำเนินงานเสร็จสมบูรณ์ตามแผนงานแล้ว จำนวน 10 โครงการ
2.3. คณะอนุกรรมการฯ และคณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติโครงการภายใต้แผนงานสนับสนุนโครงการพัฒนาบุคลากร และโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน รวมเป็นเงิน 1,047,010,000 บาท
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2540 (ครั้งที่ 11) เมื่อวันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม 2540 ได้มีมติอนุมัติเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการรุ่งอรุณ โดยใช้เงินโครงการพัฒนาบุคลากร ปี 2540 - 2542 ในวงเงิน 302,681,438 บาท และได้อนุมัติให้ สพช. ทำการประเมินผลโครงการฯ เมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณในแต่ละปีและรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน เพื่อให้คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาอนุมัติให้ดำเนินงานในปีต่อไป โดย สพช. ได้ดำเนินการว่าจ้างมูลนิธิสิ่งแวดล้อมไทย (มสท.) เป็นที่ปรึกษาในการดำเนินงานโครงการระยะเวลา 3 ปี ในวงเงิน 299,160,713 บาท เริ่มดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2540 เป็นต้นไป
การดำเนินโครงการรุ่งอรุณในปีที่ 1 มีความก้าวหน้าพอสมควร แต่เนื่องจากมีปัญหาอุปสรรคที่เกี่ยวกับโรงเรียน ครู และนักเรียน จึงทำให้งานที่ส่งมอบไม่ครบถ้วนตามที่ได้กำหนดไว้ในสัญญา ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ในการประชุมครั้งที่ 2/2541 (ครั้งที่ 42) เมื่อวันศุกร์ที่ 23 มกราคม 2541 ได้มีมติอนุมัติให้ สพช. ดำเนินการว่าจ้าง บริษัท มาร์เก็ต ซับพอร์ท จำกัด เพื่อติดตามวิเคราะห์และประเมินผลโครงการรุ่งอรุณ โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 13 เดือน ในวงเงิน 3,976,940 บาท ซึ่งจากรายงานการติดตาม วิเคราะห์ และประเมินผลโครงการรุ่งอรุณ สรุปได้ว่าโครงการหลักที่สำคัญได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพพอสมควรตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ
คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน ในการประชุมครั้งที่ 6/2541 (ครั้งที่ 46) เมื่อวันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม 2541 ที่ประชุมมีมติอนุมัติให้ สพช. ดำเนินการต่อสัญญาว่าจ้าง มสท. เป็นที่ปรึกษาเพื่อดำเนินงาน โครงการรุ่งอรุณในปีที่ 2 ระยะเวลาดำเนินงาน 12 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2541 โดยให้ปฎิบัติตามเงื่อนไขและข้อสังเกต ของคณะอนุกรรมการฯ ซึ่ง มสท.ได้มีหนังสือที่ รุ่งอรุณ 7/311/2541 ลงวันที่ 17 กันยายน 2541 ได้ส่งข้อเสนอโครงการรุ่งอรุณที่ปรับปรุงแล้ว และผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการอำนวยการโครงการฯ ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยกระทรวงศึกษาธิการ ในการประชุมครั้งที่ 2/2541 เมื่อวันจันทร์ที่ 14 กันยายน 2541 และ สพช. ได้พิจารณาข้อเสนอโครงการด้านเทคนิค ด้านการเงิน และด้านบุคลากร ตามที่ มสท. ได้นำเสนอแล้ว และมีความเห็นว่าข้อเสนอของ มสท. เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ระยะที่ 2 และ ระยะที่ 3 ครบถ้วนแล้ว ในวงเงิน 255,501,715 บาท โดยค่าใช้จ่ายของโครงการฯ รวมตลอดระยะเวลา 3 ปี มีวงเงินลดลงจากเดิม 6,852,454 บาท
สพช. ได้ต่อสัญญาในการดำเนินการโครงการรุ่งอรุณ ในระยะที่ 2 ในวงเงิน 121,361,265 บาท ระยะเวลา 11 เดือน เริ่มดำเนินงาน ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2541 เป็นต้นไป
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในการประชุม ครั้งที่ 4/2537 เมื่อวันพุธที่ 3 สิงหาคม 2537 มีมติให้คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน จัดสรรเงินกองทุนสำหรับแผนงานและโครงการในปีงบประมาณ 2537-2542 ซึ่งมีวงเงินรวม 19,286 ล้านบาท และให้คณะกรรมการกองทุนฯ มีอำนาจที่จะปรับปรุงการจัดสรรเงินตามแผนงานต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสมภายในวงเงินรวมดังกล่าว ทั้งนี้โดยสอดคล้องกับการขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ การจัดลำดับความสำคัญตลอดจนรายได้ของกองทุนฯ โดยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ได้อนุมัติวงเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานฯ สำหรับ สพช. บก. และ พพ. และเพื่อให้ สพช. บก. และ พพ. สามารถดำเนินงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบได้ตามที่ได้รับมอบหมายในปี 2542 หน่วยงานดังกล่าวจึงขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2542 เพื่อใช้ในการบริหารงานตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานฯ ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้นำงบประมาณรายจ่ายฯ ของทั้งสามหน่วยงานเข้าพิจารณาในคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบกับงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2542 ของทั้ง 3 หน่วยงาน เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 865,377,766 บาท โดยให้ถัวจ่ายรายการต่างๆ ภายในหมวดเดียวกันได้ สำหรับรายการที่ต้องการถัวจ่ายระหว่างหมวดและไม่เกินรายการละ 10 ล้านบาท ให้เสนอคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน พิจารณาอนุมัติ ส่วนรายการที่ถัวจ่ายระหว่างหมวดและเกินรายการละ 10 ล้านบาท ให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติ
วงเงินที่ขออนุมัติเพื่อบริหารงานตามกฎหมายปี 2542
หน่วย : บาท
สพช. | บก. | พพ. | รวม | |
1. ค่าจ้างชั่วคราว | 3,064,560 | 467,040 | 16,905,600 | 20,437,200 |
2. ค่าตอบแทนใช้สอยและวัสดุ | 11,476,466 | 172,000 | 21,607,040 | 33,255,506 |
3. ค่าสาธารณูปโภค | 936,000 | - | 4,965,360 | 5,901,360 |
4. ค่าครุภัณฑ์ที่ดินและสิ่งก่อสร้าง | 451,086,300 | 66,400 | 33,031,000 | 484,183,700 |
5. รายจ่ายอื่น (ค่าจ้างที่ปรึกษา) | 109,000,000 | - | 212,600,000 | 321,600,000 |
รวม | 575,563,326 | 705,440 | 289,109,000 | 865,377,766 |
เลขานุการฯ ได้ชี้แจงถึงความจำเป็นในการขอรับงบประมาณสำหรับการซื้อสถานที่ทำงานของ สพช. เนื่องจากในปัจจุบัน สพช. มีหน้าที่รับผิดชอบเพิ่มขึ้นอย่างมาก สถานที่เดิมที่ใช้อยู่ในทำเนียบรัฐบาล ไม่เพียงพอ จึงได้เช่าที่เอกชนเพื่อเป็นที่ทำงานของเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม ต่อมา สพช. ได้รับหนังสือจาก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แจ้งให้ทราบว่า สถานที่ที่ สพช. ใช้อยู่ในทำเนียบรัฐบาลจะถูกรื้อทิ้ง จึงให้ สพช. จัดหาสถานที่ทำงานใหม่ ดังนั้นเพื่อความสะดวกและประหยัดในการทำงาน สพช. จึงใคร่ขอซื้อสถานที่ทำงานให้เจ้าหน้าที่ของ สพช. ที่ทำงานเกี่ยวกับกองทุนฯ ในสถานที่เดียวกัน ซึ่งในปัจจุบันทุกกองของ สพช. มีส่วนในการดำเนินงานของกองทุนฯ แต่ต้องทำงานแยกกันเนื่องจากข้อจำกัดด้านสถานที่
เลขานุการฯ ยืนยันที่จะใช้จ่ายเงินในส่วนนี้ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยคาดว่าจะใช้เงินต่ำกว่าที่ขอวงเงินไว้ โดยสถานที่ทำงานของ สพช. จะใช้เป็นศูนย์เผยแพร่ความรู้และฝึกอบรมเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานด้วย โดยจะทำงานร่วมกับสมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ภายใต้โครงการสาธิตเทคโนโลยีประสิทธิภาพพลังงาน ซึ่งคณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการดังกล่าวแล้ว
มติที่ประชุม
งบประมาณค่าใช้จ่ายของ สพช.
1) อนุมัติรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2542 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของ สพช. ในการบริหารงานตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานฯ ในวงเงิน 575,563,326 บาท (ห้าร้อยเจ็ดสิบห้าล้านห้าแสนหกหมื่นสามพันสามร้อยยี่สิบหกบาทถ้วน) โดยให้ถัวจ่ายรายการต่างๆ ภายในหมวดเดียวกันได้ สำหรับรายการที่ต้องถัวจ่ายระหว่างหมวดและไม่เกินรายการละ 10 ล้านบาท ให้เสนอคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน พิจารณาอนุมัติ ส่วนรายการที่ต้องการถัวจ่ายระหว่างหมวดและเกินรายการละ 10 ล้านบาท ให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติ
งบประมาณค่าใช้จ่ายของ บก.
2) อนุมัติรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2542 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของ บก. ในการบริหารงาน ตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานฯ ในวงเงิน 705,440 บาท (เจ็ดแสนห้าพันสี่ร้อยสี่สิบบาทถ้วน) โดยให้ถัวจ่ายรายการต่างๆภายในหมวดเดียวกันได้ สำหรับรายการที่ต้องถัวจ่ายระหว่างหมวด ให้เสนอคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน เพื่อพิจารณาอนุมัติ
งบประมาณค่าใช้จ่ายของ พพ.
3) อนุมัติรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2542 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของ พพ. ในการบริหารงานตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานฯ ในวงเงิน 289,109,000 บาท (สองร้อยแปดสิบเก้าล้านหนึ่งแสนเก้าพันบาทถ้วน) ตามรายละเอียดปรากฏในเอกสารแนบที่ 4.1.3 โดยให้ถัวจ่ายรายการต่างๆ ภายในหมวดเดียวกันได้ สำหรับรายการที่ต้องถัวจ่ายระหว่างหมวดและไม่เกินรายการละ 10 ล้านบาท ให้เสนอคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน พิจารณาอนุมัติ ส่วนรายการที่ต้องถัวจ่ายระหว่างหมวดและเกินรายการละ 10 ล้านบาท ให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติ
4) อนุมัติให้ สพช. บก. และ พพ. เบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำปี 2542 เพื่อการบริหารงานตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2541
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า แผนปฏิบัติการโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในส่วนที่ สพช. รับผิดชอบ ปีงบประมาณ 2541 ที่ได้รับการเห็นชอบจากคณะกรรมการกองทุนฯ และอนุมัติงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินการตามแผนงานฯ เป็นจำนวนเงิน 190,600,000 บาท
และอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมโครงการประชาสัมพันธ์ "ใช้เบนซินให้ถูกชนิด ช่วยเศรษฐกิจของประเทศ" อีก 20,000,000 บาท คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน ได้อนุมัติโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในส่วนที่ สพช. รับผิดชอบปีงบประมาณ 2541 ไปแล้ว 9 ช่วง รวม 53 กิจกรรม และการประชาสัมพันธ์ "ใช้เบนซินให้ถูกชนิด ช่วยเศรษฐกิจของประเทศ" อีก 6 กิจกรรม รวมเป็นเงิน 210,155,125.74 บาท จากเงินที่ได้รับอนุมัติทั้งสิ้น 210,600,000 บาท
คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน ในการประชุมครั้งที่ 10/2541 (ครั้งที่ 50) เมื่อวันอังคารที่ 29 กันยายน 2541 ได้มีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการและงบประมาณโครงการประชาสัมพันธ์ในส่วนที่ สพช. รับผิดชอบของปีงบประมาณ 2542 ในวงเงิน 186,000,000 บาท
โดยมีกิจกรรมที่จะทำการประชาสัมพันธ์ตามโครงการฯ ปีงบประมาณ 2542 ดังนี้
1. สาธารณชนทั่วไป
1) การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ เป็นจำนวนเงิน 80,000,000 บาท
2) ประกวดประหยัดน้ำมันและไฟฟ้า เป็นจำนวนเงิน 5,000,000 บาท ระหว่างจังหวัด ช่วงที่ 2
3) สถานีวิทยุ "คลื่นพลังงาน" เป็นจำนวนเงิน 5,000,000 บาท
4) 1 วัน กับการอนุรักษ์พลังงาน เป็นจำนวนเงิน 5,000,000 บาท
5) นาฏศิลป์หาร 2 เป็นจำนวนเงิน 5,000,000 บาท
6) การบริหารกิจกรรม Car pool เป็นจำนวนเงิน 5,000,000 บาท
7) เบิกฟ้าเวียงพิงค์สู่โลกประหยัดพลังงาน เป็นจำนวนเงิน 1,500,000 บาท
2. เยาวชน
1) การแสดงสำหรับเยาวชน ปีที่ 3 เป็นจำนวนเงิน 5,000,000 บาท
2) ค่ายเยาวชนอนุรักษ์พลังงาน ปีที่ 3 เป็นจำนวนเงิน 5,000,000 บาท
3) นิทรรศการเปิดโลกพลังงาน ปีที่ 3 เป็นจำนวนเงิน 3,500,000 บาท
4) ประกวดโรงเรียนรวมพลังหาร 2 เป็นจำนวนเงิน 5,000,000 บาท
5) ประกวดยอวาทีอนุรักษ์พลังงาน เป็นจำนวนเงิน 5,000,000 บาท
6) ศูนย์นิทัศน์พลังงานเพื่ออนาคต เป็นจำนวนเงิน 5,000,000 บาท
7) เสื้อนักเรียน และรองเท้าแตะเพื่อเยาวชนหาร 2 เป็นจำนวนเงิน 3,000,000 บาท
8) ชมรมขบวนการหาร 2 เป็นจำนวนเงิน 5,000,000 บาท
3. องค์กรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน
องค์กรรวมพลังหาร 2 เป็นจำนวนเงิน 10,000,000 บาท
4. สื่อมวลชน
ศูนย์ประชาสัมพันธ์ "รวมพลังหาร 2" ปีที่ 2 เป็นจำนวนเงิน 10,000,000 บาท
5. ที่ปรึกษาเพื่อบริหารโครงการฯเป็นจำนวนเงิน 6,000,000 บาท
6. ที่ปรึกษาเพื่อติดตามวิเคราะห์และประเมินผลโครงการฯ เป็นจำนวนเงิน 7,000,000 บาท
7. อื่นๆ ที่ยังไม่ได้ระบุ เป็นจำนวนเงิน 10,000,000 บาท
รวม 186,000,000บาท
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบแผนปฏิบัติการโครงการประชาสัมพันธ์ในส่วนที่ สพช. รับผิดชอบของปีงบประมาณ 2542 และอนุมัติงบประมาณค่าใช้จ่ายโครงการประชาสัมพันธ์ในส่วนที่ สพช. รับผิดชอบ ปีงบประมาณ 2542 ในวงเงิน 186,000,000 บาท (หนึ่งร้อยแปดสิบหกล้านบาท)
2. อนุมัติให้ สพช. ดำเนินการตามแผนปฏิบัติโครงการประชาสัมพันธ์ โดยให้ สพช. ดำเนินการคัดเลือกผู้ที่จะรับทำโครงการประชาสัมพันธ์ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และให้ สพช. นำผลการพิจารณาคัดเลือกเสนอให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน หรือคณะกรรมการ กองทุนฯ พิจารณาอนุมัติก่อนลงนามในสัญญา
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่ามหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชนได้เสนอขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษา จำนวน 11 มหาวิทยาลัย รวมเป็นเงิน 168,986,448 บาท คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน ในการประชุมครั้งที่ 14/2540 (ครั้งที่ 39) เมื่อวันอังคารที่ 2 ธันวาคม 2540 ได้มีมติให้แต่งตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญโครงการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษา เพื่อทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองรายละเอียดข้อเสนอโครงการที่มหาวิทยาลัยต่างๆ ที่เสนอเพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ก่อนนำเสนอคณะอนุกรรมการฯ พิจารณาอนุมัติ คณะอนุกรรมการฯ ในการประชุมครั้งที่ 7/2541 (ครั้งที่ 47) เมื่อวันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2541 ได้พิจารณาโครงการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน จากรายละเอียดข้อเสนอโครงการที่ผ่านการพิจารณาของผู้เชี่ยวชาญฯ แล้วและได้มีมติดังนี้
1) อนุมัติเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ โดยใช้เงินงบประมาณโครงการพัฒนาบุคลากรปีงบประมาณ 2541-2543 จำนวน 4 มหาวิทยาลัย โดยแต่ละมหาวิทยาลัยมีงบประมาณไม่เกิน 5 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 8,209,000 บาท สรุปได้ดังนี้
- มหาวิทยาลัยขอนแก่น จำนวนเงิน 2,030,000 บาท
- มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จำนวนเงิน 2,600,000 บาท
- สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ จำนวนเงิน 850,000 บาท
- มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จำนวนเงิน 2,729,000 บาท
- รวม 8,209,000 บาท
2) เห็นชอบให้การสนับสนุนเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ โดยใช้เงินงบประมาณโครงการพัฒนาบุคลากร ปีงบประมาณ 2541-2543 ในกิจกรรมการส่งเสริมการเรียนการสอนเรื่องการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษา จำนวน 3 มหาวิทยาลัย โดยแต่ละมหาวิทยาลัยมีงบประมาณเกิน 5 ล้านบาทรวมเป็นเงิน 23,620,000 บาท สรุปได้ดังนี้
มหาวิทยาลัย/ สถาบัน |
โครงการ | วัตถุประสงค์ | งบประมาณ (บาท) |
1.เกษตรศาสตร์ 1.1) วิศวกรรมเครื่องกล/เคมี/ไฟฟ้า |
หลักสูตรการอนุรักษ์พลังงานในอาคารและโรงงานอุตสาหกรรม (5 ปี) |
เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์การวัดพลังงานเพื่อให้นิสิตได้มีประสบการณ์ในการจัดการและการอนุรักษ์พลังงานในอาคารและระบบโรงงานอุตสาหกรรม |
5,760,000 |
1.2) วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม |
หลักสูตรวิชาวิศวกรรมนิเวศวิทยา |
เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์และจัดทำสื่อประกอบการเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการอนุรักษ์พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ |
200,000 |
รวม | 5,960,000 | ||
2. เชียงใหม่ วิศวกรรมศาสตร์ |
เปิดหลักสูตรวิศวกรรมมหาบัณฑิตสาขาวิศวกรรมพลังงาน (5 ปี) |
เพื่อจัดซื้อครุภัณฑ์ประกอบการเรียนการสอนในหลักสูตรวิศวกรรมพลังงาน |
12,000,000 |
3. เทคโนโลยีแห่งเอเซีย คณะสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรและการพัฒนา |
โครงการพัฒนาการสอนและเพิ่มประสิทธิภาพ การศึกษาในวิชาการจัดการพลังงานในอาคาร (2 ปี) |
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการพัฒนาตำราการจัดการพลังงานสำหรับอาคาร เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการพัฒนาอุปกรณ์การทดลอง ประกอบการสอนทางด้านแสงสว่าง การถ่ายความร้อนผ่านผนัง และหลังคาอาคาร พลภาพของความร้อนและการปรับอากาศ การควบคุมอุณหภูมิของกระแสไฟฟ้า ภาวะความสบายเชิงอุณหภาพ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ประกอบการสอนเกี่ยวกับการจัดการพลังงานในอาคาร |
5,660,000 |
รวม | 23,620,000 |
ฝ่ายเลขานุการฯ จึงใคร่ขอเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ สำหรับมหาวิทยาลัยที่ขอรับการสนับสนุนรายละเกิน 5 ล้านบาท
มติที่ประชุม
1. อนุมัติเงินกองทุนฯ โครงการพัฒนาบุคลากร ปีงบประมาณ 2542 ให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ ในวงเงิน 5,960,000 บาท (ห้าล้านเก้าแสนหกหมื่นบาทถ้วน)
2. อนุมัติเงินกองทุนฯ โครงการพัฒนาบุคลากร ปีงบประมาณ 2542 ให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ ในวงเงิน 12,000,000 บาท (สิบสองล้านบาทถ้วน)
3. อนุมัติเงินกองทุนฯ โครงการพัฒนาบุคลากร ปีงบประมาณ 2542-2543 ให้สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเซีย เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ ในวงเงิน 5,660,000 บาท (ห้าล้านหกแสนหกหมื่นบาทถ้วน)
เรื่องที่ 7 ขอความเห็นชอบแผนปฏิบัติการโครงการอาคารของรัฐ ระยะที่ 2
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ตามที่คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 2/2538 (ครั้งที่ 6) ได้อนุมัติแผนปฏิบัติการและเงินกองทุนฯ ให้ พพ. เพื่อดำเนินการโครงการอาคารของรัฐ จำนวน 415 แห่ง ในวงเงิน 1,602 ล้านบาท และที่ผ่านมา พพ. ได้ดำเนินการปรับปรุงในช่วงปี 2539-2540 แล้วเสร็จ จำนวน 274 แห่ง ส่วนที่เหลืออีก 140 แห่ง อยู่ในระหว่างการดำเนินการ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดในเดือนธันวาคม 2541 และ พพ. ได้ติดตามประเมินผลการอนุรักษ์พลังงานหลังจากใช้งานไปแล้ว 1 ปี จำนวน 149 แห่ง สรุปผลการประเมินได้ว่า สามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 19.94 ล้านหน่วยต่อปี หรือ 39.90 ล้านบาทต่อปี โดยใช้เงินลงทุนดำเนินการประมาณ 270 ล้านบาท และมีระยะเวลาคืนทุน 6.7 ปี เมื่อทำการปรับปรุงครบถ้วน 415 แห่ง ในปีงบประมาณ 2541 จะสามารถประหยัดไฟฟ้าได้ 88.76 ล้านหน่วยต่อปี คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ 177.52 ล้านบาทต่อปี และสามารถลดความต้องการพลังไฟฟ้าได้ประมาณ 33 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยชะลอการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้ประมาณ 1,485 ล้านบาท
ดังนั้น เพื่อให้การอนุรักษ์พลังงานในอาคารของส่วนราชการเป็นไปอย่างต่อเนื่องและขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าให้กับอาคารของส่วนราชการ พพ. จึงได้จัดทำรายละเอียดแผนปฏิบัติการโครงการอาคารของรัฐ ระยะที่ 2 เสนอต่อคณะอนุกรรมการกำกับดูแลโครงการอาคารของรัฐ ในคราวประชุมครั้งที่ 4/2541 (ครั้งที่ 18) เมื่อวันอังคารที่ 18 สิงหาคม 2541 ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่ พพ. เสนอ ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. กลุ่มเป้าหมายในการดำเนินการ
- ส่วนราชการอื่น ๆ 85 แห่ง
- โรงพยาบาล 373 แห่ง
- สถานศึกษา 342 แห่ง
รวม 800 แห่ง
2. แผนดำเนินการ
แผนดำเนินการการอนุรักษ์พลังงานสำหรับโครงการอาคารของรัฐ มีดังนี้
หน่วย : แห่ง
แผนดำเนินการ | จำนวนอาคารที่ดำเนินการ | |||||
ปีที่ 1 | ปีที่ 2 | ปีที่ 3 | ปีที่ 4 | ปีที่ 5 | รวม | |
1. ตรวจวิเคราะห์การใช้พลังงาน | 200 | 250 | 250 | 100 | - | 800 |
2. การดำเนินการปรับปรุงฯ | 160 | 160 | 160 | 160 | 160 | 800 |
3.ปรับปรุงแบบอาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบก่อสร้าง | 10 | 10 | 10 | 10 | 10 | 50 |
4. การติดตามประเมินผล | - | - | 400 | - | 400 | 800 |
3. งบประมาณค่าใช้จ่าย
พพ. ได้จัดทำงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินการอนุรักษ์พลังงานในอาคารของรัฐ ในระหว่าง ปี พ.ศ. 2542 - 2546 รวมเป็นเงิน 2,936 ล้านบาท ดังนี้
หน่วย : ล้านบาท
กิจกรรม | งบประมาณค่าใช้จ่าย | |||||
ปีที่ 1 | ปีที่ 2 | ปีที่ 3 | ปีที่ 4 | ปีที่ 5 | รวม | |
ก. อาคารที่ใช้งานอยู่แล้ว 1. ค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ |
25.900 | 32.450 | 35.050 | 18.100 | 10.300 | 121.800 |
2. ค่าออกแบบการปรับปรุงการอนุรักษ์พลังงาน | 20.900 | 26.125 | 26.125 | 10.450 | - | 83.600 |
3. ค่าดำเนินการปรับปรุงฯ | 483.200 | 483.200 | 483.200 | 483.200 | 483.200 | 2,416.000 |
4. ค่าควบคุมงานติดตั้งฯ | 7.920 | 7.920 | 7.920 | 7.920 | 7.920 | 39.600 |
ข. อาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบก่อสร้าง | ||||||
5. ค่าปรับปรุงแบบ | 5.000 | 5.000 | 5.000 | 5.000 | 5.000 | 25.000 |
6. ค่าใช้จ่ายสมทบเพื่อปรับปรุงอาคาร | 50.000 | 50.000 | 50.000 | 50.000 | 50.000 | 250.000 |
รวมทั้งสิ้น | 592.920 | 604.695 | 607.295 | 574.670 | 556.420 | 2,936.000 |
4. ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
คาดว่าการดำเนินการอนุรักษ์พลังงานในอาคารส่วนราชการ จำนวน 800 แห่ง จะได้รับประโยชน์ ดังนี้
1) จะประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 138 ล้านหน่วยต่อปี หรือคิดเป็นเงินประมาณ 346 ล้านบาทต่อปี (คิดจากการดำเนินการปรับปรุง ร้อยละ 80 ของการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมด) สำหรับอาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบและก่อสร้าง คาดว่าจะประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณร้อยละ 20 ของการใช้ไฟฟ้าในอาคารนั้น
2) ลดความต้องการพลังไฟฟ้าในช่วงมีความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุดได้ประมาณ 52 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยชลอการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าของสาขาไฟฟ้าได้ประมาณ 2,340 ล้านบาท
3) เพิ่มคุณภาพระดับแสงสว่างในที่ทำงานให้ได้ตามมาตรฐานสากลที่กำหนดไว้ ทำให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
4) เป็นการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่วิธีการ และผลดำเนินการด้านการอนุรักษ์พลังงานเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับภาคเอกชนต่อไป
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบในหลักการแผนปฏิบัติการโครงการอาคารของรัฐ ระยะที่ 2 ตามรายละเอียดที่ปรากฎในสิ่งแนบเป็นแผ่นบันทึกข้อมูลชุดที่ 1 ชื่อแฟ้ม "Plan2"
2. อนุมัติให้ พพ. ดำเนินการอนุรักษ์พลังงานในอาคารของส่วนราชการ ตามแแผนปฏิบัติการโครงการฯ ระยะที่ 2 ปีที่ 1 และอนุมัติเงินกองทุนฯ ให้ พพ. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการโครงการฯ ระยะที่ 2 ปีที่ 1 ในวงเงิน 592,920,000 บาท (ห้าร้อยเก้าสิบสองล้านเก้าแสนสองหมื่นบาทถ้วน) โดยใช้เงินคงเหลือจากการดำเนินการตามแผนปฏิบิตการโครงการฯ ระยะที่ 1 จำนวน 387,049,781 บาท (สามร้อยแปดสิบเจ็ดล้านสี่หมื่นเก้าพันเจ็ดร้อยแปดสิบเอ็ดบาทถ้วน) และใช้เงินจากแผนงานภาคบังคับ ปี 2535-2542 ในส่วนที่ พพ. ยังไม่มีข้อผูกพันการใช้จ่ายเงิน ในวงเงิน 205,870,219 บาท (สองร้อยห้าล้านแปดแสนเจ็ดหมื่นสองร้อยสิบเก้าบาทถ้วน)
3. ให้ พพ. ปรับแผนปฏิบัติการโครงการฯ ระยะที่ 2 ตามผลการประเมินโครงการฯ ของ สพช. และเสนอต่อคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติให้ดำเนินการในระยะที่ 2 ปีที่ 2 ต่อไป
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ ในการประชุมครั้งที่ 2/2541 (ครั้งที่ 2) เมื่อวันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม 2541 ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้ พพ. ปรับแผนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน (ในส่วนของอาคารควบคุม) จากระยะเวลา 2 ปี (2540-2541) เป็นระยะเวลา 3 ปี (2541-2543) ในวงเงินงบประมาณ 6,323.3 ล้านบาท และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณา
มติที่ประชุม
1. อนุมัติให้ พพ. ปรับแผนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอนุรักษ์พลังงานตามแผนปฏิบัติการโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน (ในส่วนของอาคารควบคุม) ระยะเวลา 3 ปี (2541-2543) ตามรายละเอียดปรากฏในสิ่งแนบเป็นแผ่นบันทึกข้อมูลชุดที่ 1 ชื่อแฟ้ม "Modify-Plan" ในวงเงิน งบประมาณ 6,323.3 ล้านบาท (หกพันสามร้อยยี่สิบสามล้านสามแสนบาทถ้วน)
2. เห็นชอบในหลักการให้เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับและคณะอนุกรรมการกำกับดูแลโครงการอาคารของรัฐ โดยยุบรวมเป็นคณะอนุกรรมการเดียว และเสนอให้ประธานกรรมการกองทุนฯ พิจารณาลงนามในคำสั่งแต่งตั้งต่อไป
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ตามที่คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 1/2541 (ครั้งที่ 13) เพื่อวันพุธที่ 25 มีนาคม 2541 ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบในการปรับองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ และประธานกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานได้ลงนามในคำสั่งคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานที่ 2/2541 เรื่องแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ ลงวันที่ 29 มิถุนายน 2541 ซึ่งเป็นผลให้องค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการฯ ชุดเดิมเป็นอันสิ้นผล และมีผลให้อธิบดีกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานไม่สามารถอนุมัติค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น และค่าใช้จ่ายในการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงานได้
เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระหน้าที่ความรับผิดชอบของประธานอนุกรรมการฯ และให้การปฏิบัติงานโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ ในการประชุมครั้งที่ 1/2541 (ครั้งที่ 1) เมื่อวันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม 2541 ได้เห็นชอบให้ประธานอนุกรรมการฯ มอบอำนาจให้อธิบดีกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน มีอำนาจอนุมัติค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น ไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย และการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน ไม่เกิน 500,000 บาท/ราย และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณา
มติที่ประชุม
อนุมัติให้ให้อธิบดีกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน มีอำนาจอนุมัติค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น ในวงเงินไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย และการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน ในวงเงินไม่เกิน 500,000 บาทต่อราย เพื่อนำไปจัดสรรให้แก่โรงงานควบคุมและอาคารควบคุมโดยตรงโดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการฯ และเมื่อดำเนินการแล้วให้แจ้งคณะอนุกรรมการฯ เพื่อทราบด้วย ตามมติคณะอนุกรรมการกับดูแลแผนงานภาคบังคับ
เรื่องที่ 10 ค่าบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศ
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะอนุกรรมการกำกับดูแลโครงการอาคารของรัฐ ในการประชุมครั้งที่ 1/2541 (ครั้งที่ 15) เมื่อวันศุกร์ที่ 24 เมษายน 2541 ได้ตั้งข้อสังเกตว่า การบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศจะมีผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เครื่องปรับอากาศเป็นอย่างมาก และในปัจจุบันงบประมาณสำหรับค่าบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศจะรวมอยู่ในหมวดค่าใช้สอย ตอบแทนและวัสดุ มักจะถูกตัดงบประมาณรายจ่ายอยู่เสมอ ดังนั้นเพื่อเพิ่มความสำคัญของค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ที่ประชุมจึงเห็นควรให้สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติงบประมาณค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศที่แต่ละหน่วยงานของรัฐเสนอมา โดยให้หน่วยงานแต่ละแห่งแยกรายการค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศออกมาเป็นรายการหนึ่งต่างหาก พร้อมทั้งระบุด้วยว่าค่าใช้จ่ายดังกล่าวนั้นเป็นรายการห้ามโอนย้าย และที่ประชุมได้มอบหมายให้ พพ. จัดทำรายละเอียดข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับค่าบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศ เสนอสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) เพื่อนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้ สพช. นำเสนอแนวทางการบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศของส่วนราชการและงบประมาณค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา ต่อคณะรัฐมนตรี โดยขอมติคณะรัฐมนตรีให้สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติงบประมาณค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศที่แต่ละหน่วยงานของรัฐเสนอมา และให้หน่วยงานของรัฐแต่ละแห่งแยกรายการค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศออกเป็นรายการหนึ่งต่างหาก พร้อมทั้งระบุด้วยว่าค่าใช้จ่ายดังกล่าวนั้นเป็นรายการห้ามโอนย้าย
เรื่องที่ 11 โครงการสวนพลังงานแสงอาทิตย์
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า มหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) ได้จัดทำแผนโดยละเอียดโครงการสวนพลังงานแสงอาทิตย์ เสนอขอการสนับสนุนจากกองทุนฯ โดยมีค่าใช้จ่ายที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 80,000,000 บาท ฝ่ายเลขานุการฯ จึงนำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณา โดยมีกิจกรรมที่จะดำเนินการตามเป้าหมายของโครงการ ดังนี้
1) การสาธิต : เป็นการสาธิตอุปกรณ์ด้านพลังงานแสงอาทิตย์อย่างถาวรเกี่ยวกับระบบเครื่องทำน้ำร้อน เครื่องอบแห้ง เครื่องปรับอากาศ และระบบเซลล์แสงอาทิตย์ในสภาพการใช้งานจริง เพื่อให้ประชาชน นิสิต นักศึกษา หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งรัฐและเอกชนได้เข้าใจ คุ้นเคยและมั่นใจในระบบพลังงานแสงอาทิตย์พร้อมที่จะตัดสินใจ เพื่อนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวันเช่นเดียวกับเทคโนโลยีอื่น
2) การทดสอบมาตรฐาน : เป็นแหล่งทดสอบมาตรฐานและการใช้งานของระบบเครื่องทำน้ำร้อน ระบบเซลล์แสงอาทิตย์เพื่อวิเคราะห์และนำไปสู่การพัฒนาด้านเทคนิคหรือการประหยัดต้นทุนการทดสอบ เพื่อออกหนังสือรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยให้ผู้ซื้อผลิตภัณฑ์เกิดความมั่นใจต่อการใช้ระบบพลังงานแสงอาทิตย์
3) การฝึกอบรม : เป็นการฝึกอบรมของโครงการสวนพลังงาน เพื่อทำการเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ ทำให้ทราบถึงประโยชน์และการใช้งานระบบทางด้านพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นการสร้างพื้นฐานความรู้ทางด้านพลังงานแสงอาทิตย์แก่เยาวชน และประชากรของประเทศไทย และเป็นการเตรียมบุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจต่อการใช้ประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์
4) การซ่อมบำรุง : การซ่อมบำรุงจะช่วยแก้ปัญหาด้านเทคนิคจากการทำงานของระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ที่เกินความสามารถในการซ่อมบำรุงของประชาชนและช่างเทคนิคในหมู่บ้าน
5) การส่งเสริมธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ : เป็นการส่งเสริมการขยายการตลาด ด้วยการร่วมมือกับบริษัทและโรงงานผู้ผลิตต่างๆ เพื่อจำหน่ายอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์ ให้กับลูกค้าได้ตามวัตถุประสงค์และสามารถหารายได้ในการดำเนินกิจกรรมของสวนพลังงานให้สามารถเลี้ยงตนเองได้
มติที่ประชุม
1. อนุมัติให้การสนับสนุนเงินจากกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการส่งเสริมธุรกิจด้านการอนุรักษ์พลังงาน ให้มหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการสวนพลังงานแสงอาทิตย์ ตามรายละเอียดแผนงานของโครงการที่ปรากฏในสิ่งแนบเป็นแผ่นบันทึกข้อมูลชุดที่ 2 ชื่อแฟ้ม "EnergyPark" ในวงเงิน 80,000,000 บาท (แปดสิบล้านบาทถ้วน) และให้ มน. ปรับแผนการดำเนินโครงการฯ โดยนำอาคารศูนย์ธุรกิจสวนพลังงานมาดำเนินการในระยะที่ 1 ด้วย
2. ให้ มน. แสดงเอกสารที่อ้างอิงถึงความพร้อมของเอกชน ในการที่จะเข้ามาร่วมลงทุนในสวนพลังงานฯ เสนอต่อคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ เพื่อพิจารณาก่อนอนุมัติเบิกจ่ายเงินงวดที่ 1
3. ให้ สพช. ติดตามประเมินผลโครงการฯ ในแต่ละปี และเสนอต่อคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือเพื่อพิจารณาให้การสนับสนุนโครงการฯ ในปีถัดไป
เรื่องที่ 12 โครงการศึกษาแนวทางการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง
เลขานุการฯ แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 1/2539 (ครั้งที่ 55) เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2539 ได้เสนอแนวทางการควบคุมไอระเหยของน้ำมันเบนซินและการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) และกรมทะเบียนการค้า (กค.) รับไปพิจารณาปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มเติม ในเรื่องการกำหนดค่าสูงสุดของปริมาณออกซิเจนเนตที่ผสมในน้ำมันเบนซิน การกำหนดปริมาณสารเบนซีน และสารอะโรมาติกแบบยืดหยุ่นได้ การเพิ่มค่าซีเทนในน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และการปรับค่าความถ่วงจำเพาะของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วให้แคบกว่าเดิม โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2539 อนุมัติตามมติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในเรื่องดังกล่าว
คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ ในการประชุมครั้งที่ 7/2541 (ครั้งที่ 23) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน 2541 ที่ประชุมได้พิจารณาโครงการศึกษาผลกระทบของการใช้สารเติมแต่งประเภทชะล้างทำความสะอาดหัวฉีดในน้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำ ซึ่งเสนอโดย กค. โดยจะทำการศึกษาว่าน้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำก่อให้เกิดสิ่งสกปรกอุดตันที่หัวฉีด หรือเกิดการสึกกร่อนมากน้อยเพียงใดและการลดปริมาณกำมะถันในน้ำมันดีเซลซึ่งมีคุณสมบัติช่วยเป็นตัวหล่อลื่นของเนื้อน้ำมัน ทำให้มีความจำเป็นต้องมีการเติม Lubricity Additive เพื่อช่วยป้องกันการสึกหรอของปั๊ม (Rotary pump) หรือไม่ โดยมีวิธีการศึกษา ดังนี้
1. ศึกษาคุณสมบัติน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว โดยศึกษาน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถัน 0.25 % โดยน้ำหนัก และ 0.05 % โดยน้ำหนัก จากโรงกลั่น 6 โรง ในประเทศ เป็นจำนวน 12 ตัวอย่าง เพื่อเลือกตัวอย่างน้ำมันที่น่าจะก่อให้เกิดปัญหามากที่สุดชนิดละ 1 ตัวอย่าง เป็นตัวแทนในการทำการทดสอบ
2. ศึกษาคุณสมบัติของตัวอย่าง Detergent Additive 5 ตัวอย่าง และ Lubricity Additive 5 ตัวอย่าง เลือกตัวอย่าง Detergent Additive และ Lubricity additive มาอย่างละ 1 ตัวอย่าง เพื่อใช้เป็นตัวแทนทดสอบ
3. ทดสอบผลการใช้สารเติมแต่งประเภท Detergent Additive และ Lubricity Additive ในน้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำ โดยติดตั้งหัวฉีดใหม่กับรถยนต์ดีเซลขนาดเล็ก 15 คัน และขนาดใหญ่ 15 คัน ทำการทดสอบโดยวิ่งใช้งานปกติ 25,000 กิโลเมตร เพื่อวัดอัตราการไหลของหัวฉีดตาม ISO 4010 วัดควันดำ วัดสารมลพิษวิเคราะห์ชนิดของสิ่งสกปรก การตรวจสอบความเสียหายต่อ rotary pump โดยเครื่อง HFRR และวิเคราะห์มลพิษจากไอเสียรถยนต์
4. ประเมินผลการทดสอบ เพื่อความจำเป็นในสารเติมแต่งประเภท Detergent Additive และ Lubricity Additive ในน้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำ
คณะอนุกรรมการฯ ในการประชุมครั้งที่ 7/2541 (ครั้งที่ 23) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน 2541 ที่ประชุมได้พิจารณาโครงการศึกษาแนวทางในการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ตามที่ สพช. ได้เสนอขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เพื่อจะดำเนินการจ้างผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เฉพาะด้านให้ทำการศึกษาการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยมีเป้าหมายของโครงการฯ ดังนี้
1. เพื่อทบทวนมาตรฐานของน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้อยู่ในปัจจุบันของประเทศไทย
2. เพื่อทบทวนสภาพปัญหามลพิษทางอากาศของกรุงเทพมหานครในปัจจุบัน ตลอดจนมาตรการที่ดำเนินการเพื่อบรรเทาปัญหามลพิษที่ใช้อยู่ พร้อมทั้งประมาณการแนวโน้มของคุณภาพอากาศในกรุงเทพมหานครในอนาคต
3. ตรวจสอบสถานะภาพการกลั่นน้ำมันของโรงกลั่น และแผนการปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน
4. เพื่อทบทวนการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์
5. ศึกษาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อเครื่องยนต์จากการใช้น้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำ (0.05 %) ที่ประกาศใช้ในปี 2542 พร้อมทั้งประเมินผลกระทบต่อผู้ใช้รถยนต์ อุตสาหกรรมน้ำมันและอุตสาหกรรมรถยนต์
ที่ประชุมได้พิจารณาข้อเสนอโครงการฯ ทั้งสองโครงการแล้วมีมติเห็นชอบให้การสนับสนุนเงินจากกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ และให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณา
มติที่ประชุม
1. อนุมัติให้การสนับสนุนเงินกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการศึกษา วิจัยและพัฒนา ให้กรมทะเบียนการค้า เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการศึกษาผลกระทบของการใช้สารเติมแต่งประเภทชะล้างทำความสะอาดหัวฉีดในน้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำเบื้องต้น ตามรายละเอียดแผนการดำเนินโครงการที่ปรากฏในสิ่งแนบเป็นแผ่นบันทึกข้อมูลชุดที่ 2 ชื่อแฟ้ม "Sulpher" ในวงเงิน 22,394,900 บาท (ยี่สิบสองล้านสามแสนเก้าหมื่นสี่พันเก้าร้อยบาทถ้วน)
2. อนุมัติให้การสนับสนุนเงินกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการศึกษา วิจัยและพัฒนา ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการศึกษาแนวทางในการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ตามรายละเอียดแผนการดำเนินโครงการปรากฏในสิ่งแนบเป็นแผ่นบันทึกข้อมูลชุดที่ 2 ชื่อแฟ้ม "Fuel-Change ในวงเงิน 24,500,000 บาท (ยี่สิบสี่ล้านห้าแสนบาทถ้วน)
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานเสนอโครงการบ้านสาธิตประหยัดพลังงานแบบยั่งยืน เพื่อเป็นต้นแบบการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมของภูมิภาค เพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ภายใต้แผนงานภาคความร่วมมือโครงการศึกษาวิจัย และพัฒนา ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้เสนอให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือพิจารณา ในการประชุมครั้งที่ 7/2541 (ครั้งที่ 23) เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2541 ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้การสนับสนุนเงินจากกองทุนฯ ให้กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน (พพ.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการบ้านสาธิตประหยัดพลังงานแบบยั่งยืน เพื่อเป็นต้นแบบการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมของภูมิภาค และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณา
โครงการบ้านสาธิตประหยัดพลังงานนี้สามารถแบ่งขั้นตอนการทำงานได้เป็น 5 ขั้นตอนหลัก ดังต่อไปนี้
1. การศึกษาแนวทางในการประหยัดพลังงานในอาคาร : ขบวนการวิจัยเริ่มจากการศึกษาแนวทางในการออกแบบบ้านประหยัดพลังงาน 2 หลัง ซึ่งประกอบด้วยบ้านที่มีแนวความคิดในการออกแบบก่อสร้างที่แตกต่างกัน ดังนี้
- บ้านหลังที่ 1 เป็นการออกแบบในแนวคิดของการประยุกต์ใช้ระบบธรรมชาติอย่างเต็มที่ โดยมีสภาพอากาศภายในอาคารอยู่ในเขตสบายเกือบตลอดเวลา (Passive Building) โดยไม่ต้องพึ่งพาระบบปรับอากาศ อีกทั้งยังช่วยให้โดยรอบบ้านมีสภาพอากาศที่ดีขึ้นด้วย คาดว่าบ้านหลังนี้จะเป็นบ้านพักอาศัยที่มีราคาค่าก่อสร้างต่ำและมีการใช้พลังงานน้อยมาก อีกทั้งยังเป็นรูปแบบที่เหมาะสมกับการอยู่อาศัยในชนบทที่ยังมีสภาพแวดล้อมที่ดี
- บ้านหลังที่ 2 เป็นแนวคิดเชิงประยุกต์ในการใช้ระบบธรรมชาติผสมผสานระบบเครื่องกลในบ้าน เพื่อให้คุณภาพชีวิตสภาพอากาศภายในบ้านอยู่ในเขตสบายอย่างสมบูรณ์ตลอดเวลา ซึ่งจะเป็นรูปแบบของบ้านพักอาศัยที่เหมาะสมกับการอยู่อาศัยในเขตเมือง
2. การออกแบบบ้านสาธิต : หลังจากที่ได้ทำการศึกษาหาแนวทางในการออกแบบและก่อสร้างบ้านประหยัดพลังงาน แล้วจึงเริ่มทำการออกแบบบ้านสาธิตทั้ง 2 หลังโดยใช้แนวทางที่ได้ศึกษา ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการออกแบบและการปรับปรุงการออกแบบ ประมาณ 3 เดือน
3. การก่อสร้างบ้านสาธิต : จะมีการเตรียมพื้นที่ก่อสร้างเพื่อให้สามารถทำการก่อสร้างได้โดยสะดวกและรวดเร็ว หลังจากที่ได้ออกแบบบ้านสาธิตเสร็จแล้วจึงเริ่มทำการก่อสร้างบ้านสาธิตทั้ง 2 หลัง โดยจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ ประมาณ 6 เดือน
4. การทดลองภายในบ้านสาธิต การเก็บข้อมูล และประเมินผล : เมื่อได้ทำการก่อสร้างบ้านสาธิตประหยัดพลังงานทั้ง 2 หลังเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงเริ่มทำการติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมและตรวจวัดข้อมูลต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกบ้านทั้ง 2 หลัง จากนั้นจึงเริ่มทำการเก็บข้อมูลต่างๆ เช่น อุณหภูมิอากาศภายในบ้าน ณ จุดต่างๆ ความชื้นสัมพัทธ์ ความเร็วลม การใช้พลังงานในส่วนต่างๆ ของอาคารและอื่นๆ เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาทำการวิเคราะห์เปรียบเทียบ จากนั้นจึงนำข้อสรุปไปใช้ในการเผยแพร่ต่อไป
5. การเผยแพร่ข้อมูลและการสาธิตให้บุคคลทั่วไป : เมื่อได้ข้อมูลที่ได้มีความเรียบร้อยสมบูรณ์แล้วจึงทำการจัดทำเอกสารและสื่อเพื่อการเผยแพร่ข้อมูลสู่ประชาชนผู้สนใจ โดยมีมาตรการในการเผยแพร่ดังต่อไปนี้
- การเปิดบ้านสาธิตทั้ง 2 หลัง ให้ประชาชนผู้สนใจเข้าชมและมีการจัดนิทรรศการภายในบ้านสาธิตพร้อมทั้งจัดบุคคลากรประจำเพื่อให้ความรู้แก่ผู้สนใจ โดยจะทำการจัดนิทรรศการภายในบ้านสาธิตทั้ง 2 หลังเป็นเวลาประมาณ 6 เดือน
- จัดทำแผ่นพับเพื่อใช้แจกจ่ายให้ประชาชนผู้สนใจ รวม 100,000 ชุด และจัดทำหนังสือคู่มือ 1,000 เล่ม
มติที่ประชุม
อนุมัติเงินกองทุนฯ โครงการศึกษาวิจัย และพัฒนา ให้กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการบ้านสาธิตประหยัดพลังงานแบบยั่งยืน เพื่อเป็นต้นแบบการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมของภูมิภาค ตามรายละเอียดแผนการดำเนินโครงการที่ปรากฏในสิ่งแนบเป็นแผ่นบันทึกข้อมูลชุดที่ 2 ชื่อแฟ้ม "DEDP-House" ภายในวงเงิน 28,460,572.86 บาท (ยี่สิบแปดล้านสี่แสนหกหมื่นห้าร้อยเจ็ดสิบสองบาทแปดสิบหกสตางค์)
เรื่องที่ 14 โครงการวิจัยและพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์ที่เหมาะกับภูมิอากาศเขตร้อนชื้น
เลขานุการฯ แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ตามที่คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 2/2540 (ครั้งที่ 12) เมื่อวันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม 2540 ได้อนุมัติเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เพื่อดำเนินการตามโครงการวิจัยและพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์ที่เหมาะกับภูมิอากาศเขตร้อนชื้น ในวงเงิน 90,000,000 บาท (เก้าสิบล้านบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าครุภัณฑ์ ที่ประกอบด้วย เครื่อง Large Area Multi-Chamber Plasma Enhanced Chemical Vapor Deposition (PECVD) System และเครื่อง Sputtering System
สวทช. ได้มีหนังสือที่ วว. 5201/2459 ลงวันที่ 21 กันยายน 2541 เพื่อแจ้งให้ฝ่ายเลขานุการฯ ทราบว่า เนื่องจากการที่ค่าเงินบาทลอยตัว จึงส่งผลให้ราคาของเครื่องจักรที่ สวทช. ต้องนำเข้าจากต่างประเทศมีราคาสูงขึ้นเกินกว่าจำนวนเงินที่ได้ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ และ สวทช. ไม่สามารถจัดสรรงบประมาณมาสมทบได้ แต่เพื่อให้การวิจัยและพัฒนาด้านเซลล์แสงอาทิตย์ที่เหมาะกับภูมิอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย ดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง สวทช. จึงขออนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อปรับแผนของโครงการฯ ดังนี้
หัวข้อ | แผนงานเดิม | หลังการปรับแผนงาน |
วัตถุประสงค์ | วิจัยและพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์ที่เหมาะกับภูมิอากาศเขตร้อนชื้น | ไม่เปลี่ยนแปลง |
ชนิดของเซลล์แสงอาทิตย์ | แบบอะมอร์ฟัสซิลิกอน ชนิด Tandem Cell ที่มีประสิทธิภาพ 10 % | ไม่เปลี่ยนแปลง |
ชนิดของเครื่องมือที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ | เครื่อง PECVD System และเครื่อง Sputtering System ซึ่งสามารถผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ ในขนาด 30-40 ตารางซม. | เครื่องแบบผสมระหว่าง PECVD System กับ Sputtering System ซึ่งสามารถผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ ในขนาด 30-40 ตารางซม. |
จำนวน Chamber ที่ใช้สำหรับเคลือบฟิล์ม |
Ag 2 chamber |
Ag 1 chamber |
ราคาของเครื่องมือที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ | 2,643,000 US$ หรือ คิดเป็น 118,935,000 บาท ที่อัตราแลกเปลี่ยน 45 บาทต่อ 1 US$ | 1,890,700 US$ หรือ คิดเป็น 85,081,500 บาท ที่อัตราแลกเปลี่ยน 45 บาทต่อ 1 US$ (ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 5 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการขนส่งและติดตั้งเครื่องจักร) |
กำลังการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ | 75 กิโลวัตต์ต่อปี | 15 กิโลวัตต์ต่อปี |
การวิจัยและประกอบแผงเซลล์แสงอาทิตย์ | 1) วิจัยและพัฒนาในเรื่องโครงสร้าง และวัสดุที่เหมาะสมกับการใช้งานร้อนชื้น ดำเนินการโดย สวทช. 2) การประกอบแผงเซลล์แสงอาทิตย์ ดำเนินการว่าจ้างบริษัทภายนอก |
1) วิจัยและพัฒนาในเรื่องโครงสร้างและวัสดุที่เหมาะสมกับการใช้งานร้อนชื้น ดำเนินการโดย สวทช. 2) การประกอบแผงเซลล์แสงอาทิตย์ ดำเนินการโดย สวทช. |
มติที่ประชุม
อนุมัติให้ สวทช. ปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินโครงการวิจัยและพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์ที่เหมาะสมกับภูมิอากาศเขตร้อนชื้นตามที่ สวทช. เสนอ ดังนี้
1. เปลี่ยนชนิดของเครื่องมือที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เป็นเครื่องแบบผสมระหว่าง PECVD System กับ Sputtering System
2. เปลี่ยนจำนวน Chamber ที่ใช้สำหรับเคลือบฟิล์ม เป็นดังนี้
- Ag 1 chamber
- ITO 1 chamber
- ZnO 1 chamber
- n-chamber 1 chamber
- p-chamber 1 chamber
- chamber 1 chamber
- mc-chamber 1 chamber
- 1 load lock
- 1 isolatetion and transfer Zone
3. ปรับราคาของเครื่องมือที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เป็นจำนวนเงิน 1,890,700 US$ หรือคิดเป็นเงิน 85,081,500 บาท ที่อัตราแลกเปลี่ยน 45 บาทต่อ 1 US$ และเป็นค่าใช้จ่ายในการขนส่งและติดตั้งเครื่องจักรประมาณ 5 ล้านบาท
4. เปลี่ยนกำลังการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ เป็น 15 กิโลวัตต์ต่อปี
5. เปลี่ยนผู้รับผิดชอบในการดำเนินการวิจัยและประกอบแผงเซลล์แสงอาทิตย์ เป็น สวทช.
เลขานุการฯ แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารกองทุนฯ คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 2/2539 (ครั้งที่ 9) เมื่อวันพุธที่ 14 สิงหาคม 2539 ที่ประชุมได้มีมติมอบอำนาจให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ และคณะอนุกรรมการกำกับดูแลโครงการอาคารของรัฐ เป็นผู้พิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานที่แตกต่างไปจากรายละเอียดโครงการภายใต้การกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการแต่ละชุด ซึ่งคณะกรรมการกองทุนฯ และคณะอนุกรรมการฯ ได้อนุมัติไว้แล้วในเรื่องที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ดังนี้
1) การเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาในการดำเนินงาน
2) การเปลี่ยนแปลงโยกย้ายงวดการจ่ายเงิน
3) การเปลี่ยนแปลงพื้นที่การดำเนินงานของโครงการ
4) การเปลี่ยนแปลงบุคคล นิติบุคคล หรือองค์กร ที่ร่วมดำเนินการงานโครงการ
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะต้องไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับอนุมัติแล้วและไม่ทำให้ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการลดลง และให้คณะอนุกรรมการฯ รายงานให้คณะกรรมการกองทุนฯ ได้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว การดำเนินการตามแผนงานอนุรักษ์พลังงานของโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ หรือคณะอนุกรรมการฯ บางครั้งเกิดปัญหาหรืออุปสรรคที่ทำให้การปฏิบัติงานไม่เป็นไปตามแผนงาน เจ้าของโครงการฯ จำเป็นต้องปรับแผนการดำเนินโครงการฯ ซึ่งการปรับแผนงานของโครงการในแต่ละครั้งจะต้องขออนุมัติการเปลี่ยนแปลงตามลำดับขั้นตอน โดยการเสนอคณะอนุกรรมการฯ และหรือคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน เจ้าของโครงการฯ จึงจะดำเนินการต่อไปได้ ดังนั้น เพื่อความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานกองทุนฯ คณะอนุกรรมการฯ เห็นควรที่จะเสนอให้คณะกรรมการกองทุนฯมอบอำนาจให้คณะอนุกรรมการฯ มีอำนาจอนุมัติการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ และมีอำนาจอนุมัติเงินกองทุนฯ สนับสนุนให้แก่โครงการที่มีวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท
มติที่ประชุม
1. อนุมัติให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ และคณะอนุกรรมการกำกับดูแลโครงการอาคารของรัฐ มีอำนาจอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานโครงการที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการแต่ละชุด โดยการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับอนุมัติแล้ว และไม่ทำให้ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการฯ ลดลง
2. อนุมัติให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ และคณะอนุกรรมการกำกับดูแลโครงการอาคารของรัฐ มีอำนาจอนุมัติเงินกองทุนฯ สนับสนุนให้แก่โครงการที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการแต่ละชุด ที่มีวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท และให้คณะอนุกรรมการฯ พิจารณากลั่นกรองโครงการที่มีวงเงินตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาต่อไป
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าในปีงบประมาณ 2541 กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน (พพ.) ได้รับอนุมัติค่าใช้จ่ายในการบริหารงานตามกฎหมาย จากคณะกรรมการกองทุนฯ สำหรับเป็นค่าว่าจ้างที่ปรึกษาในการตรวจสอบการดำเนินงานตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ของอาคารควบคุม จำนวน 1,000 ราย และโรงงานควบคุม จำนวน 600 ราย ในวงเงิน 126,200,000 บาท
การดำเนินการควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติงานตามกฎหมายของอาคารควบคุมและโรงงานควบคุม ให้มีประสิทธิภาพจะต้องว่าจ้างที่ปรึกษาตรวจสอบ (Accredited Consultants, ACs) ที่มีมาตรฐานในระดับสากล และควรจ้างที่ปรึกษาตรวจสอบหลายราย เพื่อให้เกิดการแข่งขันในการทำงาน และ พพ. สามารถเปรียบเทียบประสิทธิภาพการทำงานได้ ดังนั้น พพ. จึงแบ่งการจ้างที่ปรึกษาตรวจสอบสำหรับอาคารควบคุม เป็น 5 รายๆ ละ 200 อาคาร และสำหรับโรงงานควบคุม เป็น 3 รายๆ ละ 200 โรงงาน และเนื่องจากเป็นการดำเนินการว่าจ้างที่ปรึกษาระดับสากล จะต้องมีการประกาศเชิญชวนไปต่างประเทศ ดังนั้น การดำเนินการคัดเลือกที่ปรึกษาทีละรายจะต้องทำถึง 8 ครั้ง ซึ่งไม่เป็นผลดี ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณและใช้เวลามาก พพ. จึงเลือกวิธีการคัดเลือกครั้งเดียวให้ได้ที่ปรึกษาหลายรายโดยดำเนินการตามขั้นตอน ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 เกี่ยวกับการจ้าง ที่ปรึกษาโดยวิธีการคัดเลือก โดยเริ่มด้วยการตรวจสอบคุณสมบัติของที่ปรึกษาเบื้องต้น (Prequalification, PQ) ส่ง Term of Reference ให้จัดทำข้อเสนอ พิจารณาข้อเสนอทางเทคนิค เปิดซองราคาของผู้ที่ข้อเสนอดีที่สุดตามลำดับ ตามจำนวนที่ปรึกษาที่ต้องการแล้วต่อรองราคาให้เป็นราคาเดียวกัน โดยถือเอาราคาต่ำสุดเป็นเกณฑ์และอยู่ในวงเงินงบประมาณ
การดำเนินการดังกล่าวจะมีข้อที่แตกต่างจากระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ข้อ 85 และข้อ 88 ที่กำหนดให้พิจารณาคัดเลือกรายที่มีข้อเสนอทางด้านเทคนิคดีที่สุดเพียงรายเดียว แล้วเจรจาต่อรองให้ได้ราคาที่เหมาะสม เพื่อให้การดำเนินการว่าจ้างที่ปรึกษาตรวจสอบในกรณีที่เป็นการว่าจ้างในระดับสากล และต้องการว่าจ้างจากหลายรายในคราวเดียวกัน เพื่อประหยัดงบประมาณของทางราชการและระยะเวลาการดำเนินงาน พพ. จึงขอยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุฯ ในข้อ 85 และข้อ 88 และเนื่องจากจะมีการว่าจ้างในลักษณะนี้ต่อไปในแต่ละปี พพ. จึงขออนุมัติในหลักการสำหรับการว่าจ้างในลักษณะดังกล่าวต่อไปด้วย
ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ข้อ 4 กำหนดว่า "หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในเรื่องการเก็บรักษาเงิน การเบิกจ่ายเงิน และการพัสดุ ที่มิได้กำหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้ปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับหรือคำสั่งของทางราชการโดยอนุโลม ในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติตามระเบียบทางราชการได้ ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ กำหนด โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง" ซึ่งหากคณะกรรมการกองทุนฯ เห็นชอบตามที่ พพ. เสนอ พพ. จะต้องนำเสนอกระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบต่อไป
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน ดำเนินการว่าจ้างที่ปรึกษาในการตรวจสอบการดำเนินงานตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ในอาคารควบคุมและโรงงานควบคุม โดยใช้จ่ายเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานโครงการบริหารงานตามกฎหมาย โดยสามารถยกเว้นการปฏิบัติเกี่ยวกับการว่าจ้างที่ปรึกษาโดยวิธีการคัดเลือกตามนัย ข้อ 85 และ ข้อ 88 แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้ตามที่ พพ. เสนอมา และให้ พพ. นำเสนอกระทรวงการคลังเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป
เลขานุการฯ แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า แผนงานอนุรักษ์พลังงาน ได้เริ่มดำเนินงานตั้งแต่เดือนเมษายน 2538 เป็นต้นมา ซึ่งบัดนี้ความก้าวหน้าของแต่ละโครงการมีปริมาณที่มากพอสมควรแล้ว และคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 1/2541 (ครั้งที่ 13) เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2541 ที่ประชุมได้มีมติมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ ทำการประเมินผลการใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ ในแต่ละแผนงานให้ชัดเจนว่าแต่ละโครงการที่ได้ดำเนินการไปแล้วมีการใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพเพียงไร เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของแผนงานที่จัดทำไว้หรือไม่ โดยควรจะเปิดให้หน่วยงานอิสระหรือเป็นกลางทำการประเมินผล
ดังนั้นเพื่อแบ่งเบาภาระของคณะกรรมการกองทุนฯ ในการกลั่นกรองงานเกี่ยวกับการประเมินผลแต่ละโครงการ ฝ่ายเลขานุการฯ จึงใคร่ขอเสนอให้คณะกรรมการกองทุนฯ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลการติดตามประเมินผลโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ โดยมีกรรมการในคณะกรรมการกองทุนฯ เป็นประธานคณะอนุกรรมการฯ และให้ สพช. พิจารณารายละเอียดองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่เสนอต่อประธานคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาลงนามในคำสั่งแต่งตั้งต่อไป
มติที่ประชุม
อนุมัติให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อกำกับดูแลการติดตามประเมินผลโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ โดยมีกรรมการท่านใดท่านหนึ่งในคณะกรรมการกองทุนฯ เป็นประธานคณะอนุกรรมการฯ และ ให้ สพช. พิจารณารายละเอียดองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่เสนอต่อประธานคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาลงนามในคำสั่งแต่งตั้งต่อไป
- รายงานการใช้จ่ายเงินกองทุน
- รายงานผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการ
- รายงานการต่อสัญญาโครงการ
- ขออนุมัติรายจ่าย
- แผนปฏิบัติการ
- การอนุรักษ์พลังงาน
- ขอความเห็นชอบ
- โครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม
- แผนอนุรักษ์พลังงาน
- เครื่องปรับอากาศ
- พลังงานแสงอาทิตย์
- โครงการศึกษา
- โครงการบ้านสาธิต
- โครงการวิจัยและพัฒนา
- คณะอนุกรรมการ
- ขอยกเว้นการปฏิบัติ
- กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
กอ. ครั้งที่ 17 - วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม 2542
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 2/2542 (ครั้งที่ 17)
วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม 2542 เวลา 10.00 น.
ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล
1. รายงานการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
2. หนังสือเวียนขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการกองทุนฯ
3. รายงานความก้าวหน้าของการดำเนินงานของโครงการภายใต้แผนงานอนุรักษ์พลังงาน
4. การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการประเมินผลแผนงานอนุรักษ์พลังงาน
5. โครงการศึกษาการกำหนดมาตรฐานประสิทธิภาพการใช้พลังงานขั้นต่ำ
8. โครงการระบบสูบน้ำด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับน้ำใช้ในหมู่บ้านขององค์การบริหารส่วนตำบล
รองนายกรัฐมนตรี (นายศุภชัย พานิชภักดิ์) ประธานกรรมการ
เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์) กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 รายงานการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบเกี่ยวกับกรมบัญชีกลางได้ส่งงบการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานประจำปี สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2541 ให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบแล้วพร้อมทั้งรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2542 ซึ่งมีเงินคงเหลือในบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 14,682,267,561.57 บาท และรายงานเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ของ สพช. บก. และ พพ. ตามแผนงานภาคบังคับ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน สิ้นสุดวันที่ 31 พฤษภาคม 2542 ซึ่งได้เบิกเงินเพื่อดำเนินงานตามแผนงานไปแล้วเป็นเงินทั้งสิ้น 2,720,841,085.06 บาท
ผู้แทนจากกรมบัญชีกลาง (บก.) ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า สำหรับงบดุลของเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานนั้น ยังมีบัญชีเงินรับรอการตรวจสอบค้างอยู่ในงบดุล ซึ่งบัญชีดังกล่าวเป็นเงินที่กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรได้จัดเก็บจากผู้ค้าน้ำมัน และนำฝากเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ของกองทุนแล้ว แต่ไม่มีเอกสารการนำเงินเข้าบัญชีส่งให้ บก. เพื่อประกอบการบันทึกบัญชี โดยมียอดเงินรับรอการตรวจสอบค้างมาตั้งแต่ปี 2536 ซึ่ง บก. ได้ประสานกับทั้ง 2 หน่วยงานให้ดำเนินการส่งเอกสารการจัดเก็บเงินจากผู้ค้าน้ำมันให้ บก. แต่ทั้ง 2 หน่วยงาน ไม่สามารถจัดส่งให้ได้ บก. จึงไม่สามารถบันทึกบัญชีรายรับรอการตรวจสอบเป็นรายได้ของกองทุน เมื่อ สตง. ได้ตรวจสอบบัญชีของกองทุนแล้วมีข้อสังเกตว่าบัญชีเงินรับรอการตรวจสอบค้างอยู่เป็นจำนวนมากควรดำเนินการหาข้อยุติ บก. จึงขออนุมัติตัดยอดจากบัญชีเงินรับรอการตรวจสอบที่กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรจัดเก็บจากผู้ค้าน้ำมันแล้วไม่สามารถส่งเอกสารประกอบการบันทึกบัญชีให้ บก. ได้ ภายในระยะเวลา 3 ปี เป็นรายได้ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานต่อไป
มติที่ประชุม
1. รับทราบงบการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานประจำปี สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2541 และรายงานการรับ-จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2542
2. อนุมัติให้ บก. ตัดยอดจากบัญชีเงินรับรอการตรวจสอบที่กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรจัดเก็บจากผู้ค้าน้ำมัน แล้วไม่สามารถส่งเอกสารประกอบการบันทึกบัญชีให้ บก. ได้ หลังจากระยะเวลา 3 ปี เป็นรายได้ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานได้
เรื่องที่ 2 หนังสือเวียนขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการกองทุนฯ
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่ากรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน (พพ.) ได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ วว 0406/6188 ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2542 แจ้งให้ฝ่ายเลขานุการฯ ทราบว่า คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ ในการประชุมครั้งที่ 3/2542 (ครั้งที่ 3) ได้พิจารณาแก้ไขปัญหาในเรื่องค่าใช้จ่ายในการตรวจวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้นของอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน ที่ พพ. ได้ดำเนินการระหว่างปีงบประมาณ 2540-2541 จำนวนทั้งสิ้น 347 ราย แต่ไม่สามารถทำหนังสือยืนยันจากเจ้าของอาคารควบคุมได้ทันในปีงบประมาณ 2541 จึงส่งผลทำให้ไม่เกิดข้อผูกพันที่ พพ. จะนำมาเบิกจ่ายเงินในปีงบประมาณถัดไปได้ โดยคณะอนุกรรมการฯ ได้มีมติให้ฝ่ายเลขานุการฯ ทำหนังสือเวียนขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการกองทุนฯ ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้มีหนังสือที่ นร 0905/ว 1321 ลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2542 เวียนขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการกองทุนฯ และคณะกรรมการกองทุนพิจารณาแล้วมีมติ ดังนี้
1. ให้ผู้ขอรับการสนับสนุนที่เป็นเอกชนใช้หนังสือยืนยันตามแบบที่ พพ. กำหนด แทนการจัดทำสัญญาตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการขอจัดสรรเงินช่วยเหลือหรือขอเงินอุดหนุนจากกองทุนฯ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2537 ข้อ 16 สำหรับการขอรับการสนับสนุน เฉพาะในส่วนที่ได้ดำเนินการมาแล้ว และในการดำเนินการครั้งต่อไป
2. เห็นชอบกับการจ่ายเงินค่าตรวจวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น สำหรับอาคารควบคุมจำนวน 118 ราย ในวงเงิน 21,031,626 บาท (ยี่สิบเอ็ดล้านสามหมื่นหนึ่งพันหกร้อยยี่สิบหกบาทถ้วน) ซึ่ง พพ. ได้จ่ายเงินไปแล้วโดยใช้เงินตามปีงบประมาณซึ่งได้รับอนุมัติค่าใช้จ่ายจากคณะกรรมการกองทุนฯ แล้ว
3. ให้ พพ. จ่ายเงินสนับสนุนการวิตรวจเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น สำหรับอาคารควบคุมที่ยังค้างจ่าย จำนวน 229 ราย ในวงเงินประมาณ 80,691,306 บาท (แปดสิบล้านหกแสนเก้าหมื่นหนึ่งพันสามร้อยหกบาทถ้วน) โดยเบิกจ่ายเงินจากวงเงินของปีงบประมาณ 2542 ซึ่งได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ แล้ว ทั้งนี้โดยใช้เอกสารหลักฐานการขอรับการสนับสนุนเดิมเป็นหลักฐานในการเบิกจ่าย และให้ พพ. นำเงิน ซึ่งเบิกจากกรมบัญชีกลางในปีงบประมาณ 2540-2541 (จำนวน 229 ราย) มาแล้วส่งคืนกองทุนฯ ต่อไป
4. ในกรณีที่มีการตรวจสอบแล้วพบในภายหลังว่ามีเจ้าของอาคารควบคุมบางรายทำหนังสือยืนยันขอรับการสนับสนุนการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้นกับ พพ. ไม่ทันในปีที่ได้รับอนุมัติไปแล้วในปีงบประมาณ 2540 - 2541 ให้ พพ. เบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ให้แก่เจ้าของอาคารควบคุมจากวงเงินของปีงบประมาณ 2542 ที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้วโดยใช้เอกสารหลักฐานการขอรับการสนับสนุนเดิมเป็นหลักฐานในการเบิกจ่าย
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
เรื่องที่ 3 รายงานความก้าวหน้าของการดำเนินงานของโครงการภายใต้แผนงานอนุรักษ์พลังงาน
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ และคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน ซึ่งสรุปได้ดังนี้
1. แผนงานภาคบังคับ
1.1 โครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน
1) โครงการอาคารควบคุม
กิจกรรม | แผนการดำเนินงาน | ผลการดำเนินงาน | ||
ปี 2540-2543 | ปี 2540-2542 | |||
แห่ง | ล้านบาท | แห่ง | ล้านบาท | |
การตรวจสอบฯ เบื้องต้น | 1,225 | 409.65 | 925 | 294.08 |
การจัดทำเป้าหมายและแผนฯ | 1,234 | 977.9 | 76 | 24.67 |
การสนับสนุนการลงทุนฯ | 864 | 5,004 | - | - |
รวม | 6,391.55 | 318.75 |
เมื่อดำเนินการตามแผนงาน/โครงการครบถ้วน พพ. คาดว่าจะประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 1,881 ล้านหน่วยต่อปี คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ 4,702 ล้านบาทต่อปี และจะสามารถลดความต้องการพลังไฟฟ้าลงได้ประมาณ 650 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยชะลอการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้ประมาณ 39,000 ล้านบาท
2) โครงการโรงงานควบคุมที่กำลังใช้งาน
กิจกรรม | แผนการดำเนินงาน | ผลการดำเนินงาน | ||
ปี 2541-2546 | ปี 2541-2542 | |||
แห่ง | ล้านบาท | แห่ง | ล้านบาท | |
การตรวจสอบฯ เบื้องต้น | 3,626 | 362.6 | 311 | 31.1 |
การจัดทำเป้าหมายและแผนฯ | 3,176 | 1,588 | - | - |
การสนับสนุนการลงทุนฯ | 1,791 | 8,955 | - | - |
รวม | 10,905.62 | 31.1 |
เมื่อดำเนินการตามแผนงาน/โครงการครบถ้วน พพ. คาดว่าจะประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 3,832 ล้านหน่วยต่อปี คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ 7,664 ล้านบาทต่อปี และจะสามารถลดความต้องการพลังไฟฟ้าลงได้ประมาณ 547 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยชะลอการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้ประมาณ 24,615 ล้านบาท
1.2 โครงการโรงงานและอาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบหรือก่อสร้าง
กิจกรรม | แผนการดำเนินงาน | ผลการดำเนินงาน | ||
ปี 2542 | ปี 2542 | |||
แห่ง | ล้านบาท | แห่ง | ล้านบาท | |
การปรับปรุงแบบก่อสร้างฯ | 20 | 40 | - | - |
การลงทุนตามแบบที่ปรับปรุง | 20 | 140 | 1 | 1.3 |
รวม | 180 | 1.3 |
เมื่อดำเนินการตามแผนงาน/โครงการครบถ้วน พพ. คาดว่าจะประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 14 ล้านหน่วยต่อปี คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ 35 ล้านบาทต่อปี
1.3 โครงการอาคารของรัฐ
ระยะที่ 1
กิจกรรม | แผนการดำเนินงาน | ผลการดำเนินงาน | ||
ปี 2538-2541 | ปี 2538-2541 | |||
แห่ง | ล้านบาท | แห่ง | ล้านบาท | |
ตรวจวิเคราะห์การใช้พลังงาน | 415 | 29.05 | 415 | 51.64 |
การดำเนินการปรับปรุง | 415 | 1,245 | 415 | 1,110.87 |
อาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบก่อสร้าง | 40 | 212 | - | - |
ค่าใช้จ่ายการบริหารโครงการ | - | 91.08 | 415 | 16.51 |
การติดตามประเมินผล | 415 | 6.225 | 415 | 1.05 |
การควบคุมงานติดตั้งอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงาน | 415 | 18.647 | 415 | 34.88 |
รวม | 1,602 | 1,214.95 |
เมื่อดำเนินการตามแผนงาน/โครงการครบถ้วน พพ. คาดว่าจะประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 159 ล้านหน่วยต่อปี คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ 273.5 ล้านบาทต่อปี และจะสามารถลดความต้องการพลังไฟฟ้าลงได้ประมาณ 60 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยชะลอการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้ประมาณ 1,800 ล้านบาท
ระยะที่ 2
กิจกรรม | แผนการดำเนินงาน | ผลการดำเนินงาน | ||
ปี 2542-2545 | ปี 2542 | |||
แห่ง | ล้านบาท | แห่ง | ล้านบาท | |
ตรวจวิเคราะห์การใช้พลังงาน | 800 | 83.6 | 200 | 19.665 |
การดำเนินการปรับปรุง | 800 | 2,416 | - | - |
อาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบก่อสร้าง | 10 | 275 | - | - |
ค่าใช้จ่ายการบริหารโครงการ | - | 115.4 | 200 | 14.113 |
การติดตามประเมินผล | 800 | 6.4 | - | - |
การควบคุมงานติดตั้งอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงาน | - | 39.6 | - | - |
รวม | 2,936 | 33.778 |
เมื่อดำเนินการตามแผนงาน/โครงการครบถ้วน พพ. คาดว่าจะประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 138 ล้านหน่วยต่อปี คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ 346 ล้านบาทต่อปี และจะลดความต้องการพลังไฟฟ้าลงได้ประมาณ 52 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยชะลอการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้ประมาณ 2,340 ล้านบาท
2. แผนงานภาคความร่วมมือ
มีโครงการได้รับการสนับสนุนจากเงินกองทุนฯ แล้ว 73 โครงการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,413 ล้านบาท ประกอบด้วย
โครงการ | แผนการดำเนินงาน | ผลการดำเนินงาน | |
ระหว่างปี 2538-2542 | ระหว่างปี 2538-2542 | ||
ล้านบาท | โครงการ | ล้านบาท | |
2.1 โครงการพลังงานหมุนเวียนและกิจกรรมการผลิตในชนบท | 1,311 | 8 | 526 |
2.2 โครงการส่งเสริมธุรกิจด้านการอนุรักษ์พลังงาน | 860 | 11 | 389 |
2.3 โครงการศึกษา วิจัย และพัฒนา | 610 | 54 | 498 |
รวม | 2,781 | 73 | 1,413 |
โครงการพลังงานหมุนเวียนฯ และโครงการส่งเสริมธุรกิจฯ ที่ได้รับจัดสรรเงินให้ดำเนินการ รวม 19 โครงการ เป็นเงินทั้งสิ้น 915 ล้านบาท นั้น เมื่อโครงการดำเนินงานไปจนครบอายุการใช้งานของอุปกรณ์ หรือเทคโนโลยีแล้ว ในการใช้งานตั้งแต่ 5 ปี 15 ปี และ 25 ปี ประมาณความสามารถในการประหยัดพลังงานได้ 2,319 ล้านบาท นอกจากนั้นยังมีประโยชน์ในด้านอื่นๆ เช่น ลดการก่อมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อม สามารถนำผลพลอยได้ไปทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ก่อให้เกิดการจ้างงาน และได้รับความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและเอกชน ในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเริ่มตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงการนำไปใช้
ปัจจุบัน มีโครงการที่ยื่นขอรับการสนับสนุนไว้กับ สพช. และอยู่ระหว่างการพิจารณาให้การสนับสนุนอีก จำนวน 15 โครงการ คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 8,026 ล้านบาท
โครงการที่ได้ดำเนินการจนเห็นผลแล้วและประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี มีผู้ประกอบการที่ประสงค์จะขอเข้าร่วมโครงการอีกหลายราย คณะกรรมการกองทุนฯ จึงได้อนุมัติให้ขยายโครงการฯ เป็นระยะที่ 2 แล้ว 3 โครงการ คือ
โครงการส่งเสริมแก๊สชีวภาพเพื่อเป็นพลังงานทดแทนและปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ส่วนที่ 1: ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดกลางและใหญ่
โครงการส่งเสริมก๊าซชีวภาพจากมูลสัตว์เพื่อเป็นพลังงานทดแทนและปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ส่วนที่ 2 : เกษตรกรย่อย (คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติให้การสนับสนุนโครงการฯ ระยะที่ 2 แล้ว)
โครงการประหยัดพลังงานในการบ่มใบยาสูบ
สำหรับปี 2542 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้มีหนังสือขอยกเลิกโครงการจัดการด้านการใช้พลังงานไฟฟ้า (Load Management) ระบบปรับอากาศแบบกักเก็บความเย็น ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติไว้แล้ว ทั้งนี้เนื่องจาก กทม. ไม่สามารถจัดสรรงบประมาณมาสมทบการก่อสร้างอาคารดังกล่าว
3. คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน
3.1 โครงการพัฒนาบุคลากร
มีโครงการได้รับการสนับสนุนจากเงินกองทุนฯ แล้ว 6 โครงการ เป็นเงินทั้งสิ้น 329.6 ล้านบาท
หน่วย:ล้านบาท
โครงการ | แผนดำเนินงาน ปี 2538-2541 |
ผลการดำเนินงาน ปี 2538-2541 |
1) การพัฒนาหลักสูตรและคู่มือการฝึกอบรม | 442.60 | 213.38 |
2) การฝึกอบรมบุคลากรระยะสั้นในประเทศ | 233.30 | 40.50 |
3) การส่งบุคลากรเข้ารับการฝึกอบรมและดูงานระยะสั้นในต่างประเทศ | 50.00 | 15.92 |
4) การส่งบุคลากรเข้ารับการศึกษาระดับอุดมศึกษาทั้งในและต่างประเทศ | 142.15 | 51.65 |
5) การให้ทุนวิจัยและพัฒนาแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา | 9.00 | 5.73 |
6) อื่นๆ | 54.35 | 2.42 |
รวม | 931.40 | 329.60 |
3.2 โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
มีโครงการได้รับการสนับสนุนจากเงินกองทุนฯ แล้ว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 655.56 ล้านบาท ดังนี้
โครงการประชาสัมพันธ์ | แผนที่ได้รับการอนุมัติระหว่างปี 2538-2542 | ผลการดำเนินงานระหว่างปี 2538-2542 | |
โครงการ | ล้านบาท | ||
สำหรับประชาชนทั่วไป (โดย สพช.) | 661.5 | 116 | 591.4 |
สำหรับโรงงานควบคุม อาคารควบคุม อาคารของรัฐ และผู้ที่เกี่ยวข้อง (โดย พพ.) | 387.9 | 49 | 193.2 |
รวม | 1,049.4 | 165 | 784.6 |
สำหรับปี 2542 พพ. ยังไม่มีการดำเนินกิจกรรมประชาสัมพันธ์ เนื่องจากอยู่ระหว่างการประเมินผลงานประชาสัมพันธ์ที่ผ่านมาว่าได้รับประสิทธิผลเพียงไรก่อนที่จะจัดทำแผนประชาสัมพันธ์ในระยะต่อไป และจากการประเมินผลการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปได้ตระหนักถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ในส่วนที่ สพช. รับผิดชอบ ปรากฏว่ามีผู้รับทราบข่าวสารจากโครงการฯ ถึง 78% มีการนำความรู้ความเข้าใจที่ได้รับไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน และสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลงได้
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
เรื่องที่ 4 การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการประเมินผลแผนงานอนุรักษ์พลังงาน
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงคำสั่งคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่ 1/2542 เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการประเมินผลแผนงานอนุรักษ์พลังงาน กำหนดให้ ศ.ดร.สิปปนนท์ เกตุทัต เป็นประธานอนุกรรมการฯ และผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเป็นเลขานุการฯ ซึ่งเลขานุการฯ ได้แจ้งให้อนุกรรมการฯ ทราบถึงคำสั่งดังกล่าวแล้ว
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
เรื่องที่ 5 โครงการศึกษาการกำหนดมาตรฐานประสิทธิภาพการใช้พลังงานขั้นต่ำ
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าการกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำของประสิทธิภาพการใช้พลังงานสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นมาตรการหนึ่งในแผนงานอนุรักษ์พลังงานที่จะจูงใจให้ประชาชนทั่วไปใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง โดยกำหนดเป็นมาตรฐานบังคับภายใต้กฎหมายของสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) หรือกำหนดเป็นมาตรฐานเครื่องจักร อุปกรณ์และวัสดุ ภายใต้ พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ซึ่งเป็นมาตรฐานไม่บังคับ และ/หรืออาจพิจารณาใช้กฎหมายของสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคบังคับให้มีการติดฉลากแสดงประสิทธิภาพ
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) ได้จ้าง ERM-Siam Co.,ltd ให้ทำการศึกษาเพื่อเสนอแนะนโยบายกำหนดมาตรฐานประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการติดฉลากอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า 6 ประเภท คือ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ มอเตอร์ บาลาสต์สำหรับหลอดฟลูออเรสเซนต์ หลอดฟลูออเรสเซนต์ หลอดคอมแพ็คฟลูออเรสเซนต์ โดย ERM-Siam ได้เสนอผลการศึกษาในเบื้องต้นต่อ สพช. แล้ว ซึ่งขณะนี้ สพช. กำลังปรึกษาหารือกับสภาอุตสาหกรรมเกี่ยวกับวิธีการและขั้นตอนในการกำหนดมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานขั้นต่ำ พร้อมทั้งสำรวจความพร้อมและความร่วมมือของกลุ่มผู้ผลิตและผู้จำหน่ายอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ ทั้ง 6 ประเภทดังกล่าวด้วย โดยคาดว่าการศึกษาจะเสร็จสมบูรณ์ประมาณเดือนสิงหาคม 2542
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 3/2541 (ครั้งที่ 15) เมื่อวันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2541 ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ และคณะอนุกรรมการกำกับดูแลโครงการอาคารของรัฐ ยุบรวมเป็นคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม (นายพรเทพ เตชะไพบูลย์) เป็นประธานอนุกรรมการฯ ซึ่งเป็นผลให้องค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลโครงการอาคารของรัฐ เป็นอันสิ้นสุดมีผลให้อธิบดีกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน ไม่สามารถพิจาณาอนุมัติการใช้เงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเฉพาะในส่วนของการตรวจวิเคราะห์การใช้พลังงาน อาคารควบคุมงาน ค่าติดตามประเมินผล และค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการครั้งละไม่เกิน 5 ล้านบาท โดยไม่ต้องนำเสนอคณะอนุกรรมการฯ พิจารณาได้
เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระหน้าที่ความรับผิดชอบของประธานอนุกรรมการฯ และให้การปฏิบัติงานโครงการอาคารของรัฐเป็นไปอย่างต่อเนื่อง คณะอนุกรรมการฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2542 (ครั้งที่ 1)เมื่อวันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2542 ได้มีมติเห็นชอบให้ พพ. นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติให้อธิบดีกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน มีอำนาจพิจารณาอนุมัติการใช้เงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในโครงการอาคารของรัฐ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ ในวงเงินโครงการละไม่เกิน 5 ล้านบาท โดยไม่ต้องนำเสนอคณะอนุกรรมการฯ พิจารณา และเมื่ออนุมัติแล้วให้รายงานให้คณะอนุกรรมการฯ ทราบเป็นคราวๆ ไป และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณา
มติที่ประชุม
อนุมัติให้อธิบดีกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน มีอำนาจพิจารณาอนุมัติการใช้เงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในโครงการอาคารของรัฐ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเฉพาะในส่วนของการตรวจวิเคราะห์การใช้พลังงาน ค่าควบคุม ค่าติดตามประเมินผล และค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการในวงเงินโครงการละไม่เกิน 5 ล้านบาท โดยไม่ต้องนำเสนอคณะอนุกรรมการฯ พิจารณา และเมื่ออนุมัติแล้วให้รายงานให้คณะอนุกรรมการฯ ทราบเป็นคราวๆ ตามมติคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการขอจัดสรรฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2539 ได้กำหนดหลักเกณฑ์การให้การสนับสนุนแก่อาคารควบคุมที่เป็นส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในรูปของเงินช่วยเหลือให้เปล่าทั้งหมดสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอนุรักษ์พลังงาน และคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 3/2541 (ครั้งที่ 15) เมื่อวันพุธที่ 14 ตุลาคม 2541 ได้มีมติมอบอำนาจให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับสามารถอนุมัติเงินกองทุนฯ สนับสนุนให้แก่โครงการที่มีวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท และพิจารณากลั่นกรองโครงการที่มีวงเงินตั้งแต่ 10 ล้านบาท ขึ้นไป เพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาต่อไป
กองทัพอากาศเป็นอาคารควบคุมส่วนราชการ มีอาคารจำนวน 505 อาคาร คิดเป็นพื้นที่ใช้สอย 846,165 ตารางเมตร ได้ยื่นขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทำเป้าหมาย และแผนอนุรักษ์พลังงาน โดยคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ ในการประชุมครั้งที่ 2/2542 (ครั้งที่ 2) เมื่อวันจันทร์ที่ 29 มีนาคม 2542 ได้มีมติเห็นชอบวงเงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงานให้กับกองทัพอากาศ เป็นเงิน 16,544,977 บาท (สิบหกล้านห้าแสนสี่หมื่นสี่พันเก้าร้อยเจ็ดสิบเจ็ดบาทถ้วน) และให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาต่อไป
มติที่ประชุม
อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานภาคบังคับ โครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน (ในส่วนของอาคารควบคุม) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงานให้กองทัพอากาศ ในวงเงิน 16,544,977 บาท (สิบหกล้านห้าแสนสี่หมื่นสี่พันเก้าร้อยเจ็ดสิบเจ็ดบาทถ้วน)
เรื่องที่ 8 โครงการระบบสูบน้ำด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับน้ำใช้ในหมู่บ้านขององค์การบริหารส่วนตำบล
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าศูนย์วิจัยและฝึกอบรมพลังงานแสงอาทิตย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) ได้เสนอโครงการระบบสูบน้ำด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับน้ำใช้ในหมู่บ้านขององค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ เพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ ในการประชุมครั้งที่ 6/2542 (ครั้งที่ 31) เมื่อวันพุธที่ 23 มิถุนายน 2542 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาโครงการฯ นี้แล้วมีมติให้การสนับสนุนโครงการฯ และให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาต่อไป
มน. จะดำเนินโครงการติดตั้งระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ในชนบท และเพื่อให้ระบบสูบน้ำฯ ในโครงการฯ สามารถใช้งานได้อย่างยั่งยืน มน. จะร่วมมือกับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่มีความประสงค์ที่จะดำเนินโครงการฯ ติดตั้งระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ให้แก่ อบต. ที่เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 200 ระบบ โดยจะติดตั้งระบบสูบน้ำฯ โดยมีกิจกรรมที่จะดำเนินการตามเป้าหมายของโครงการดังนี้
มน. จะดำเนินการโดยจัดสัมมนา อบต. ทั่วทุกภาคของประเทศ เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ตลอดจนรายละเอียดของโครงการฯ เงื่อนไข หลักเกณฑ์ในการให้การสนับสนุนจากกองทุนฯ พร้อมทั้งเชิญชวนและรับสมัคร อบต. ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนร่วมติดตั้งระบบสูบน้ำฯ ในโครงการฯ จากนั้น มน. จะฝึกอบรมผู้นำชุมชน ประธาน อบต. และช่างเทคนิคในท้องถิ่น ของ อบต. ที่สมัครเข้าร่วมในโครงการฯ ให้มีความเข้าใจพื้นฐานในเรื่องการใช้งานระบบสูบน้ำฯ
หลังจากติดตั้งระบบฯ เรียบร้อยแล้ว มน. จะฝึกอบรมช่างเทคนิคของหมู่บ้านนั้น เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในระบบสูบน้ำฯ วิธีการติดตั้งและการใช้งานทั้งนี้เพื่อให้สามารถดูแล บำรุงรักษาและซ่อมแซมระบบสูบน้ำฯ ให้สามารถใช้งานได้อย่างยั่งยืน และ มน. จะทำการประเมินผลของการทำงานระบบสูบน้ำฯ และประเมินผลความพอใจผู้ใช้ระบบ ตลอดจนติดตามการบริการหลังการขายของบริษัทเอกชนที่ร่วมในโครงการฯ
สำหรับแนวทางในการคัดเลือกบริษัทเอกชนเพื่อติดตั้งระบบสูบน้ำฯ ของแต่ละชุมชน มน. จะขึ้นทะเบียนบริษัทผู้ประกอบการทางด้านพลังงานที่มีประสบการณ์การบริการที่เกี่ยวกับระบบสูบน้ำด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ และให้ อบต. เป็นผู้ตัดสินใจเลือกบริษัทเอกชนดังกล่าวเอง
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบให้การสนับสนุนโครงการระบบสูบน้ำด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับใช้ในหมู่บ้านขององค์การบริหารส่วนตำบล ตามที่ มน. ได้เสนอมา โดยให้ มน. ดำเนินโครงการติดตั้งระบบสูบน้ำด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ จำนวน 50 ระบบ ก่อน แล้วทำการประเมินผลสำเร็จของโครงการฯ พร้อมทั้งปรับปรุงแผนการดำเนินการและแผนการใช้จ่ายเงินสำหรับ 150 ระบบ ที่เหลือ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติให้การสนับสนุนด้านการเงินในการดำเนินงานในระยะต่อไป
2. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการส่งเสริมธุรกิจด้านการอนุรักษ์พลังงานให้ มน. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการระบบสูบน้ำด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับน้ำใช้ในหมู่บ้านขององค์การบริหารส่วนตำบล จำนวน 50 ระบบ ในวงเงิน 20,454,400 บาท (ยี่สิบล้านสี่แสนห้าหมื่นสีพันสี่ร้อยบาทถ้วน) ประกอบด้วย
2.1 เงินอุดหนุนให้ มน. ในการบริหารโครงการฯ ในวงเงิน 1,904,400 บาท (หนึ่งล้านเก้าแสนสี่พันสี่ร้อยบาทถ้วน)
2.2 เงินอุดหนุนให้กับผู้ร่วมโครงการ (อบต.) ผ่าน มน. ในวงเงิน 18,550,000 บาท (สิบแปดล้านห้าแสนห้าหมื่นบาทถ้วน)
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่ากรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน (พพ.) ได้ยื่นข้อเสนอโครงการจัดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนที่ไม่มีระบบจำหน่ายไฟฟ้าเข้าถึง และฐานปฏิบัติการกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 336 และ 337 เพื่อขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนฯ ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้เสนอให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ ในการประชุมครั้งที่ 6/2542 (ครั้งที่ 31) เมื่อวันพุธที่ 23 มิถุนายน 2542 ได้พิจารณาโครงการฯ นี้แล้วมีมติเห็นชอบให้การสนับสนุนโครงการฯ และให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาต่อไป
เพื่อเป็นการสนองตามพระราชดำริฯ เกี่ยวกับการส่งเสริมคุณภาพการศึกษา พพ. จึงได้ทำการสำรวจโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ที่ไม่มีระบบจำหน่ายไฟฟ้าเข้าถึง หรือมีปัญหาด้านพลังงานไฟฟ้าที่ใช้อยู่ในปัจจุบันไม่มั่นคง และพบว่ามีอยู่ 38 โรงเรียน ที่ส่วนใหญ่ใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าเครื่องยนต์ดีเซลหรือแก๊สโซลีนสำหรับไฟฟ้าแสงสว่าง และอุปกรณ์การเรียนการสอนตลอดจนบ้านพักครู ซึ่งการใช้เครื่องยนต์ดังกล่าวก่อให้เกิดเสียงรบกวน และมลภาวะภายในบริเวณโรงเรียน ดังนั้นเพื่อแก้ไขหรือลดปัญหาดังกล่าว พพ. จึงเห็นควรจะติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ สำหรับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนที่ไม่มีระบบจำหน่ายไฟฟ้าเข้าถึง จำนวน 38 โรงเรียน มีรายละเอียดโดยสรุป ดังนี้
ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ จำนวน 38 โรงเรียน ซึ่งแต่ละระบบประกอบด้วยแผงเซลล์แสงอาทิตย์ ขนาด 3,000 วัตต์ เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้ากระแสตรงเป็นกระแสสลับพร้อมระบบควบคุมฯ แบตเตอรี่ อาคารควบคุมระบบและชุดหลอดไฟฟ้าแสงสว่างชนิดกระแสสลับ ตลอดจนการปรับปรุงภาระไฟฟ้าเดิมที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเพื่อการประหยัดพลังงาน
ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์เพื่อแสงสว่างภายในบ้านพักครู จำนวน 111 หลัง ซึ่งแต่ละระบบประกอบด้วย แผงเซลล์แสงอาทิตย์ขนาด 75 วัตต์ อุปกรณ์ควบคุมการประจุแบตเตอรี่และชุดหลอดไฟฟ้าแสงสว่างชนิดกระแสตรง
สำหรับฐานการปฏิบัติการกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 336 และ 337 เป็นหน่วยปฏิบัติการของกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน โดยแต่ละกองร้อยฯ มีฐานปฏิบัติการอยู่ 5 แห่ง ปฏิบัติภารกิจปกป้องอธิปไตยของชาติตามแนวชายแดนที่มีสภาพภูมิประเทศเป็นป่า เขา และถิ่นทุรกันดาร การคมนาคมยากลำบาก โดยใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดเพื่อให้แสงสว่างในยามค่ำคืน นอกจากนั้นในการปฏิบัติงานมีความจำเป็นต้องใช้วิทยุสื่อสารเพื่อติดต่อประสานงานระหว่างฐานฯ และกองร้อยฯ กับฐานฯ โดยอาศัยแหล่งพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ โดยยังไม่มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำหรับใช้ประจุแบตเตอรี่ เมื่อพลังงานไฟฟ้าที่สะสมอยู่ในแบตเตอรี่หมด ตชด. ต้องนำกลับไปประจุฯ ณ กองร้อยต้นสังกัด ทำให้เกิดความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงในการขนส่งแบตเตอรี่ และขาดเสถียรภาพในการใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีเร่งด่วน และจำเป็นที่ต้องขอรับการสนับสนุนด้านกำลังพลจากฐานฯ ข้างเคียงหรือหน่วยเหนือ ขณะมีการสู้รบกับฝ่ายตรงข้าม ทั้งยังเกิดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีระหว่างทางและกับระเบิดขณะขนย้ายแบตเตอรี่กลับไปประจุฯ ใหม่อีกด้วย พพ. ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อความมั่นคงของประเทศ และความมีเสถียรภาพของแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้า ตลอดจนการแก้สภาพของปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว จึงเห็นควรดำเนินการจัดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับฐานปฏิบัติการกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 336 และ 337 จำนวน 10 ฐานฯ แต่ละระบบประกอบด้วยแผงเซลล์แสงอาทิตย์ขนาด 225 วัตต์ อุปกรณ์ควบคุมการประจุแบตเตอรี่ แบตเตอรี่และชุดหลอดไฟฟ้าแสงสว่างชนิดกระแสตรง สำหรับวิทยุสื่อสารเป็นของเดิมที่มีใช้อยู่แล้วในแต่ละฐานฯ
มติที่ประชุม
1. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการพลังงานหมุนเวียนและกิจกรรม การผลิตในชนบท ให้ พพ. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการศึกษาเรื่องการกำหนดโครงการจัดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนที่ไม่มีระบบจำหน่ายไฟฟ้าเข้าถึง และฐานปฏิบัติการกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 336 และ 337 ในวงเงิน 70,000,000 บาท (เจ็ดสิบล้านบาทถ้วน)
2. ให้ พพ. ปรับแผนการใช้จ่ายเงินของโครงการฯ ให้เป็นไปตามผลการสำรวจออกแบบระบบเซลล์แสงอาทิตย์ที่เหมาะสมกับความต้องการใช้งานจริงของแต่ละแห่ง ก่อนการเบิกจ่ายเงินสนับสนุนจากกองทุนฯ งวดที่ 2
กอ. ครั้งที่ 14 - วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม 2541
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 2/2541 (ครั้งที่ 14)
วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม 2541 เวลา 10.00 น.
ณ ห้องประชุมสีเชียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
1. โครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นพลังงานทดแทน และปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ส่วนที่ 2 เกษตรกรรายย่อย ระยะที่ 2
2. โครงการสาธิตเทคโนโลยีประสิทธิภาพพลังงาน
3. โครงการวิจัยภาระไฟฟ้า
4. โครงการทำแผนที่ไบโอก๊าซในฟาร์มสุกรและโคนมทั่วประเทศ
5. โครงการผลิตบัณฑิตศึกษาและพัฒนางานวิจัยด้านเทคโนโลยีพลังงานและสิ่งแวดล้อม
6. การตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้นของอาคารกองทัพอากาศ
รองนายกรัฐมนตรี (นายศุภชัย พานิชภักดิ์) ประธานกรรมการ
เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์) กรรมการและเลขานุการ
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 1/2541 (ครั้งที่ 13) เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2541 ที่ประชุมได้พิจารณาโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นพลังงานทดแทน และปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ส่วนที่ 2 เกษตรกรรายย่อย ระยะที่ 2 แล้ว ที่ประชุมเห็นว่าค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการดังกล่าวมีหลายรายการที่รายละเอียดไม่ชัดเจน ที่ประชุมจึงมีมติให้กรมส่งเสริมการเกษตรปรับปรุงค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการฯ ให้ชัดเจน และให้สอบถามความเห็นจากสำนักงบประมาณในการจัดทำประมาณการค่าใช้จ่ายของโครงการฯ ด้วย และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
กรมส่งเสริมการเกษตรได้สอบถามเจ้าหน้าที่ของสำนักงบประมาณในเรื่องการจัดทำงบประมาณรายจ่ายของโครงการฯ ในกรณีที่เป็นเงินนอกงบประมาณแล้ว และได้รับคำแนะนำว่าในกรณีที่หน่วยงานจะขอรับเงินช่วยเหลือให้เปล่าหรือเงินอุดหนุนจากกองทุนใด การจัดทำงบประมาณรายจ่ายของโครงการจะขึ้นอยู่กับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการให้การสนับสนุนตามที่เจ้าของแหล่งเงินทุนนั้นกำหนด กรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้พิจารณาเพิ่มเติมรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ และปรับค่าใช้จ่ายในส่วนค่าบริหารโครงการฯ บางรายการ จากวงเงินเดิม 38,037,000 บาท คงเหลือ 34,756,400 บาท ทำให้จำนวนเงินรวมที่ขอรับการสนับสนุนลดลงจาก 58,761,000 บาท คงเหลือเพียง 55,480,000 บาท คิดเป็นจำนวนเงินที่ลดลง 3,281,000 บาท ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ สรุปค่าใช้จ่ายที่เปลี่ยนแปลงได้ดังนี้
หน่วย: บาท
หมวดค่าใช้จ่าย | เดิม | ปรับใหม่ | เปลี่ยนแปลง |
เงินอุดหนุนในส่วนค่าบริหารโครงการฯ | |||
- หมวดค่าจ้าง | 7,056,000 | 7,464,000 | +408,000 |
- หมวดค่าตอบแทน | 1,410,000 | 1,200,000 | -210,000 |
- หมวดค่าใช้สอย | 20,340,000 | 18,540,000 | -1,800,000 |
- หมวดค่าวัสดุ | 7,520,000 | 6,200,000 | -1,320,000 |
- หมวดค่าครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้าง | 1,711,000 | 1,352,000 | -359,000 |
รวม | 38,037,000 | 34,756,000 | -3,281,000 |
งบประมาณค่าใช้จ่ายของโครงการฯ ประกอบด้วย
1. เงินสนับสนุนจากกองทุนฯ 55,480,000 บาท ประกอบด้วย
- ในส่วนเจ้าของโครงการ เป็นจำนวน 34,756,000 บาท
- ในส่วนผู้ร่วมโครงการ เป็นจำนวน 20,724,000 บาท (45% ของค่าก่อสร้างระบบฯ)
2. เงินที่ผู้ร่วมโครงการลงทุนเอง 25,329,400 บาท (55% ของค่าก่อสร้างระบบฯ)
มติที่ประชุม
1. อนุมัติให้การสนับสนุนเงินจากกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการพลังงานหมุนเวียนและกิจกรรมการผลิตในชนบท ให้กรมส่งเสริมการเกษตรเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นพลังงานทดแทนและปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ส่วนที่ 2 เกษตรกรรายย่อย ระยะที่ 2 ในวงเงิน 55,480,000 บาท (ห้าสิบห้าล้านสี่แสนแปดหมื่นบาทถ้วน) ตามรายละเอียดแผนงานโครงการที่ปรากฎในสื่อแนบเป็นแผนบันทึกข้อมูลชุดที่ 1 ชื่อแฟ้ม "BIOGAS"
2. เห็นชอบให้ สพช. ประเมินผลการดำเนินการตามโครงการฯ ที่กรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินงานไปแล้วแต่ละปี เพื่อให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือพิจารณา ก่อนอนุมัติให้การสนับสนุนด้านการเงินในการดำเนินงานในปีถัดไป
เรื่องที่ 2โครงการสาธิตเทคโนโลยีประสิทธิภาพพลังงาน
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าสมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อมได้เสนอโครงการสาธิตเทคโนโลยีประสิทธิภาพพลังงาน เพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ภายใต้แผนงานภาความร่วมมือโครงการส่งเสริมธุรกิจด้านการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้เสนอให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือพิจารณาในการประชุมครั้งที่ 7/2540 (ครั้งที่ 16) เมื่อวันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม 2540 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาโครงการฯ นี้แล้วมีมติเห็นชอบให้การสนับสนุนแก่โครงการนี้ และให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาต่อไป
โครงการนี้เป็นการสาธิตเทคโนโลยีประสิทธิภาพพลังงานเพื่อให้ความรู้แก่ เยาวชน ครู และองค์กรเอกชนด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ให้มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีกิจกรรมที่จะดำเนินการตามโครงการ 3 กิจกรรม ดังนี้
1. การจัดตั้งศูนย์สาธิตในส่วนกลางและภูมิภาค
โครงการส่วนนี้เป็นการจัดตั้งศูนย์สาธิตเทคโนโลยีประสิทธิภาพพลังงานในพื้นที่เป้าหมาย4 แห่ง คือ ในเขตกรุงเทพมหานคร ภาคเหนือตอนบน ภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลาง โดยดำเนินการจัดกิจกรรมเพื่อให้ความรู้แก่ เยาวชน ครู และองค์กรเอกชนด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ในรูปของการจัดนิทรรศการและหรือการฝึกอบรมให้กับกลุ่มเป้าหมายต่างๆ โดยจะมีการประชาสัมพันธ์ เพื่อกระจายข่าวและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับศูนย์สาธิตที่จะจัดตั้งขึ้น เพื่อให้กลุ่มเป้าหมาย และผู้มีความสนใจทั่วไปได้เข้าชมนิทรรศการเป็นหมู่คณะตามความพร้อม โดยผู้เข้าชมนิทรรศการจะได้รับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม
2. ค่ายฝึกอบรมถาวรด้านวิทยาศาสตร์และพลังงาน
โครงการส่วนนี้เป็นการจัดตั้งศูนย์สาธิตถาวรบนพื้นที่ขนาดไม่น้อยกว่า 30 ไร่ ในเขตจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี หรือเพชรบุรี โดยจะมีการแสดงและสาธิตพัฒนาการของเทคโนโลยีต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อจัดกิจกรรมให้ความรู้แก่เยาวชน ครู พระและนักบวช สื่อมวลชน พัฒนากร องค์กรพัฒนาเอกชน ตัวแทนภาคเอกชน ผู้นำเยาวชน รวมทั้งการพัฒนาค่ายเป็นศูนย์เผยแพร่เทคโนโลยีพลังงานต่อไป
3. การเผยแพร่การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเคลื่อนที่
เป็นการสาธิตเปรียบเทียบเทคโนโลยีประสิทธิภาพพลังงานเพื่อเสนอแนะแนวทางในการป้องกันและลดการสูญเสียพลังงานในกิจกรรมการใช้พลังงานในชีวิตประจำวัน และการผลิตในส่วนที่เกี่ยวข้อง เนื้อหาครอบคลุมสาระเดียวกับการติดตั้งและดำเนินงานของศูนย์สาธิตเทคโนโลยีประสิทธิภาพพลังงาน โดยจัดให้มีการเยี่ยมชม การสาธิต และฝึกอบรมกลุ่มเป้าหมาย โดยเน้นเนื้อหาหลักของการสาธิตเคลื่อนที่ ได้แก่ แนวทางการประหยัดค่าใช้จ่าย ด้วยกิจกรรมการอนุรักษ์พลังงานและการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่าและมีประสิทธิภาพ ทั้งในครัวเรือน สำนักงาน อุตสาหกรรม และสถานที่สาธารณะ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายและความพยายามของรัฐในการแก้ไขภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ โดยเน้นการมีส่วนร่วมและบทบาทของทุกคนที่จะช่วยในการแก้ไขสถานการณ์
มติที่ประชุม
1. อนุมัติให้การสนับสนุนเงินจากกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการส่งเสริมธุรกิจด้านการอนุรักษ์พลังงาน ให้สมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการสาธิตเทคโนโลยีประสิทธิภาพพลังงาน ในวงเงิน 73,226,500 บาท (เจ็ดสิบสามล้านสองแสนสองหมื่นหกพันห้าร้อยบาทถ้วน) ตามรายละเอียดแผนงานของโครงการที่ปรากฏในสิ่งแนบเป็นแผ่นบันทึกข้อมูลชุดที่ 2 ชื่อแฟ้ม "DEMO-1" และชุดที่ 3 ชื่อแฟ้ม "DEMO-2"
2. ก่อนให้การสนับสนุนโครงการฯ สมาคมฯ จะต้องเสนอแผนงานและเอกสารเพิ่มเติม พร้อมทั้งปฏิบัติตามเงื่อนไขต่างๆ ดังนี้
2.1 แสดงแผนการใช้จ่ายเงินในแต่ละงวดที่จะขอเบิกจ่ายจากกองทุนฯ ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง โดยจำนวนเงินที่ขอเบิกแต่ละงวด จะต้องสอดคล้องกับกิจกรรมของงวดที่ขอเบิกนั้น รวมถึงระบุวิธีการจ่ายเงินที่ได้รับจัดสรรจากกองทุนฯ ให้กับศูนย์แต่ละศูนย์ และแสดงวิธีปฏิบัติในการควบคุมการใช้จ่ายทั้งในส่วนของสมาคมฯ และส่วนของศูนย์
2.2 โครงการสามารถถัวจ่ายรายการต่างๆ ในหมวดเดียวกันได้ สำหรับรายการที่ต้องถัวจ่ายระหว่างหมวดให้เสนอคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือพิจารณา
2.3 กำหนดรายละเอียดการรายงานความก้าวหน้าแต่ละครั้ง ที่สมาคมฯ จะเสนอกองทุนฯ เพื่อขอเบิกค่าใช้จ่ายในแต่ละงวด โดยสมาคมฯ เป็นผู้สรุปรายงานความสำเร็จของทุกๆ ศูนย์
2.4 ระยะเวลาคน-เดือนของบุคลากรในโครงการฯ แต่ละคน เมื่อรวมเวลาการทำงานจากทุกศูนย์แล้ว จะต้องไม่เกินกว่า 12 คน-เดือน/ปี และคำนึงถึงระยะเวลาที่ต้องปฏิบัติงานรับจ้างอื่น นอกเหนือจากงานของโครงการฯ ด้วย
2.5 กำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของบุคลากรประจำโครงการฯ ในแต่ละกิจกรรมให้ชัดเจนว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบในงานใด
2.6 กำหนดพื้นที่เป้าหมายที่จะจัดตั้งศูนย์สาธิตเทคโนโลยีประสิทธิภาพพลังงาน: กรุงเทพมหานคร ซึ่งจะต้องเป็นพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานครที่ประชาชนสามารถเดินทางเข้าชมได้โดยสะดวกเท่านั้น
2.7 กำหนดพื้นที่จัดตั้งโครงการค่ายฝึกอบรมถาวรด้านวิทยาศาสตร์และพลังงาน และแสดงแผนงานละเอียดของการดำเนินการอบรมให้แก่กลุ่มเป้าหมายและผู้เข้าชมนิทรรศการ
2.8 จัดทำแผนการประเมินผลของโครงการฯ พร้อมทั้งวิธีการประเมินผล และระบุข้อมูลที่จะจัดเก็บเพื่อใช้ในการประเมินผลโครงการฯ ทั้งทางด้านวิชาการ และด้านเศรษฐศาสตร์
เรื่องที่ 3 โครงการวิจัยภาระไฟฟ้า
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า เนื่องจากธนาคารโลก (World Bank) ได้อนุมัติให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) กู้เงินจำนวน 145,000,000 US$ เพื่อใช้ในการดำเนินการตามแผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้าในเขตบริการของ กฟน. ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 8 โดยมีเงื่อนไขให้ กฟน. ต้องดำเนินการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า (Demand Side Management : DSM) ด้วย ซึ่งประกอบด้วยโครงการต่างๆ 4 โครงการ ดังนี้
1. โครงการติดตั้งระบบควบคุมภาระไฟฟ้า (Load Control System)
2. โครงการจัดตั้งบริษัทบริการไฟฟ้า (Energy Service Company)
3. โครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบอุปกรณ์เครื่องใช้ (Appliance Testing Laboratory)
4. โครงการวิจัยภาระไฟฟ้า (Load Research Program) ซึ่ง Global Environment Facility (GEF) จะให้เงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าในการว่าจ้างที่ปรึกษาทางเทคนิค ในวงเงินไม่เกิน 1,000,000 US$
กฟน. ไม่มีงบประมาณเพียงพอที่จะดำเนินการตามเงื่อนไขของธนาคารโลก แต่เนื่องจากเห็นว่าข้อมูลที่ได้รับจากโครงการวิจัยภาระไฟฟ้าสามารถนำไปใช้เป็นองค์ประกอบในการกำหนดมาตรการเพื่อการอนุรักษ์พลังงานได้ กฟน. จึงได้เสนอโครงการวิจัยภาระไฟฟ้า เพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ภายใต้แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการศึกษา วิจัย และพัฒนา ซึ่งฝ่ายฝ่ายเลขานุการฯ ได้เสนอให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือพิจารณา ในการประชุมครั้งที่ 5/2540 (ครั้งที่ 14) เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2540 ซึ่งที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้การสนับสนุนแก่โครงการฯ และให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาต่อไป
กฟน. จะทำการศึกษาโดยคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างผู้ใช้ไฟฟ้า ประมาณ 1,225 ราย โดยกระจายตัวอย่างให้ได้ครบทุกประเภทและครบทุกพื้นที่ของ กฟน. โดยจะติดตั้ง Module สำหรับบันทึกค่ากิโลวัตต์กับจุดรับไฟของผู้ใช้ไฟฟ้า เพื่อบันทึกรูปแบบภาระไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้า เครื่องวัดจะส่งข้อมูลผ่าน Media Carrier เช่น คลื่นวิทยุ ไปยังศูนย์ข้อมูล และศูนย์ปฏิบัติการโครงการฯ ซึ่งจะทำการเก็บข้อมูล ประมวลผลข้อมูล วิเคราะห์ผลข้อมูลและจัดทำรายงานสำหรับการวิจัยภาระไฟฟ้าตามหลักวิชาการ เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน และจะติดตั้งเครื่องวัดฯ ชนิด AMR เพิ่มขึ้นอีกปีละ 0.2 % ของผู้ใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี เครื่องวัดฯ ชนิด AMR จะถูกติดตั้งเป็นเวลา 1-2 ปี หลังจากนั้น กฟน. จะถอดเครื่องวัดฯ เพื่อทำการติดตั้งกับตัวอย่างผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหม่ต่อไป สำหรับการประมวลผลและวิเคราะห์ผลข้อมูล กฟน. จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องทุกๆ 1-2 ปี
มติที่ประชุม
1. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการศึกษาวิจัย และพัฒนา ให้การไฟฟ้านครหลวง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการวิจัยภาระไฟฟ้า ในวงเงินค่าใช้จ่ายส่วนที่เป็นเงินตราสกุลบาท 21,868,200 บาท และค่าใช้จ่ายส่วนที่เป็นเงินตราสกุลต่างประเทศ 272,220 US$ ตามรายละเอียดแผนการดำเนินโครงการ ที่ปรากฏในสิ่งแนบเป็นแผ่นบันทึกข้อมูลชุดที่ 4 ชื่อแฟ้ม "Load-Research"
2. ให้ กฟน. ใช้จ่ายเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในส่วนที่เป็นเงินตราต่างประเทศจำนวน 272,220 US$ ในลักษณะของแบบเหมารวมราคาเป็นเงินบาท โดยใช้ค่าเงินบาท ณ วันที่ลงนามในสัญญาซื้อขายครุภัณฑ์ที่ขอรับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายจากกองทุนฯ ซึ่งประกอบด้วย เครื่องบันทึกค่ากิโลวัตต์ชนิด AMR อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ประกอบ ระบบเช่าอุปกรณ์สื่อสารและเครือข่าย
เรื่องที่ 4 โครงการทำแผนที่ไบโอก๊าซในฟาร์มสุกรและโคนมทั่วประเทศ
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าหน่วยบริการก๊าซชีวภาพ สถาบันวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่(มช.) ได้เสนอโครงการทำแผนที่ไบโอก๊าซในฟาร์มสุกรและโคนมทั่วประเทศ เพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ภายใต้แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการศึกษา วิจัยและพัฒนา ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้เสนอให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือพิจารณา ในการประชุมครั้งที่ 6/2540 (ครั้งที่ 15) เมื่อวันจันทร์ที่ 15 กันยายน 2540 ซึ่งที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้การสนับสนุนแก่โครงการฯ และให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาต่อไป
มช. จะจัดทำฐานข้อมูลเพื่อแสดงศักยภาพในการผลิตก๊าซชีวภาพและความต้องการระบบก๊าซชีวภาพและการบำบัดน้ำเสียของฟาร์มต่างๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการวางแผนสนับสนุนให้เกิดการผลิต การใช้พลังงานหมุนเวียนของประเทศ มช. จะเก็บข้อมูลโดยการรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิจากองค์กรต่างๆ ประมาณ 40,000 แห่ง เช่น กรมปศุสัตว์ กรมส่งเสริมการเกษตร (จากเกษตรจังหวัด) สมาคมผู้บำรุงพันธ์หรือสมาคมผู้เลี้ยงสุกรและโคนมในจังหวัดต่างๆ เพื่อรวบรวมข้อมูลของฟาร์มในส่วนต่างๆ เช่น ชนิดและปริมาณสัตว์ ปริมาณการใช้น้ำ/น้ำเสียต่อวัน การใช้พลังงานทุกรูปแบบ ประมาณการชีวภาพที่จะผลิตได้ พื้นที่ว่างในฟาร์ม และอื่นๆ ซึ่งข้อมูลที่ได้จะนำมาเก็บไว้ในรูปแบบของโปรแกรมประยุกต์ในระบบปฏิบัติการ Windows 95 ซึ่งสามารถนำข้อมูลมาใช้ได้โดยสะดวก สามารถบ่งบอกถึงฟาร์มที่มีศักยภาพในการส่งเสริมการก่อสร้างระบบก๊าซชีวภาพได้ในเบื้องต้น ใช้เป็นฐานข้อมูลในการสนับสนุนโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ต่อไปได้ง่ายขึ้น เนื่องจากสามารถมองเห็นศักยภาพความต้องการพลังงานของฟาร์ม ตลอดจนพื้นที่รองรับระบบก๊าซชีวภาพ และการบำบัดน้ำเสีย
มติที่ประชุม
อนุมัติให้การสนับสนุนเงินจากกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการศึกษา วิจัยและพัฒนา ให้สถาบันวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการทำแผนที่ไบโอก๊าซในฟาร์มสุกรและโคนมทั่วประเทศ ตามรายละเอียดแผนการดำเนินโครงการที่ปรากฏในสิ่งแนบเป็นแผ่นบันทึกข้อมูลชุดที่5 ชื่อแฟ้ม "BIOGAS-MAP" ในวงเงิน 6,338,440 บาท (หกล้านสามแสนสามหมื่นแปดพันสี่ร้อยสี่สิบบาทถ้วน)
เรื่องที่ 5 โครงการผลิตบัณฑิตศึกษาและพัฒนางานวิจัยด้านเทคโนโลยีพลังงานและสิ่งแวดล้อม
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 2/2540 (ครั้งที่ 12) เมื่อวันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม 2540 ได้อนุมัติแผนแม่บทโครงการพัฒนาบุคลากรปี 2541 - 2543 ในวงเงิน 1,144.8 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยการพัฒนาหลักสูตร สื่อการสอน แบบเรียน คู่มือและเครื่องมือที่ใช้ประกอบการฝึกอบรมและทำงานและห้องปฏิบัติการในวงเงิน 624.6 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการส่งเสริมการเรียนการสอนเรื่องการอนุรักษ์พลังงานในระดับอุดมศึกษาในวงเงิน 189 ล้านบาท
ทบวงมหาวิทยาลัยได้ริเริ่มโครงการพัฒนาบัณฑิตศึกษาและการวิจัยด้านเทคโนโลยีพลังงานและสิ่งแวดล้อมนี้ขึ้นเมื่อกลางปี 2539 โดยมีความประสงค์ที่จะพัฒนาขีดความสามารถในเชิงวิจัยด้านเทคโนโลยีพลังงานและสิ่งแวดล้อมของมหาวิทยาลัยในประเทศไทยให้มีมาตรฐานทัดเทียมนานาชาติ โดยได้ประกาศเชิญชวนให้มหาวิทยาลัยทั่วประเทศให้ส่งข้อเสนอโครงการมายังทบวงมหาวิทยาลัย โดยได้รับข้อเสนอโครงการจากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศจำนวน 52 โครงการ และได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอโครงการฯ ซึ่งมี ศ.ดร.สิปปนนท์ เกตุทัต เป็นประธานคณะกรรมการ โดยในรอบแรกมี 16 มหาวิทยาลัยที่ผ่านการคัดเลือก และในรอบสุดท้ายมี 5 มหาวิทยาลัยที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ แต่เนื่องจากสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้รัฐไม่สามารถจัดสรรงบประมาณในปี 2541 ให้กับส่วนของทบวงมหาวิทยาลัยในวงเงิน 164,725,000 บาท ทบวงมหาวิทยาลัยจึงได้เสนอโครงการนี้เพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ภายใต้แผนงานสนับสนุน ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้เสนอให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุนพิจารณา ในการประชุมครั้งที่ 14/2540 (ครั้งที่ 39) เมื่อวันอังคารที่ 2 ธันวาคม 2540 ที่ประชุมได้พิจารณาโครงการฯ นี้แล้ว มีมติเห็นชอบในการสนับสนุนโครงการฯ และให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
โครงการผลิตบัณฑิตศึกษาและพัฒนางานวิจัยด้านเทคโนโลยีพลังงานและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นโครงการภายใต้ความร่วมมือระหว่าง 5 มหาวิทยาลัย ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระยะเวลาการดำเนินการ 5 ปี โดยจะร่วมมือกันจัดตั้งโครงการผลิตบัณฑิตศึกษาร่วมระหว่างมหาวิทยาลัยในด้านเทคโนโลยีพลังงานและเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีความเป็นอิสระอยู่ภายใต้สภาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี สถาบันใหม่นี้จะกำหนดอัตราเงินเดือนและเงื่อนไขการจ้างบุคลากรที่โปร่งใสและสามารถดึงดูดผู้มีความสามารถสูงมาร่วมงานได้ โดยมีการดำเนินกิจกรรมตามโครงการดังนี้
1. การเรียนการสอน
สถาบันการศึกษาร่วมที่จะตั้งขึ้นใหม่นี้ จะรับผิดชอบเกี่ยวกับการเรียน การสอนนักศึกษาในโครงการ เป็นระยะเวลา 1 เทอม ส่วนอีก 3 เทอมที่เหลือ นักศึกษาจะกระจายไปยังสถาบันผู้เข้าร่วมโครงการเพื่อทำการวิจัยและทำวิทยานิพนธ์ในสาขาต่างๆ โดยปริญญาโทจะประกอบด้วย 4 เทอม ใช้ระยะเวลา 2 ปี ส่วนปริญญาเอกจะใช้เวลาประมาณ 3 ปี ซึ่งสถาบันการศึกษาร่วมที่ตั้งขึ้นใหม่จะคุมวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาประมาณครึ่งหนึ่งของเป้าหมาย ส่วนสถาบันผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมดจะมีหน้าที่รับผิดชอบหลักในการการคุมวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือ เมื่อสิ้นสุดโครงการคาดว่าจะมีผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท 200 คน และระดับปริญญาเอก 50 คน
2. ศูนย์แห่งความเป็นเลิศทางวิชาการในสาขาต่างๆ
โครงการฯ มีแผนที่จะพัฒนาขีดความสามารถของงานวิจัยในห้องปฏิบัติการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีพลังงานและสิ่งแวดล้อม ให้เป็นศูนย์ความเป็นเลิศทางวิชาการ (Centre of Excellence) โดยห้องปฏิบัติการนี้จะกระจายอยู่ตามสถาบันผู้ร่วมโครงการตามความเชี่ยวชาญของแต่ละสถาบัน ในสาขาต่างๆ
3. ความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมและการถ่ายทอดเทคโนโลยี
3.1 ความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรม
สถาบันผู้เข้าร่วมโครงการจะมีการทำวิจัยร่วมกับภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อให้ผลการวิจัยของนักศึกษาสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุดในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม โดยภาคอุตสาหกรรมจะร่วมให้การสนับสนุนเงินทุนวิจัยแก่มหาวิทยาลัย
3.2 ความร่วมมือกับต่างประเทศ
3.2.1 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้ลงนามในสัญญาความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเมลเบอร์น และมหาวิทยาลัยนิวเซ้าท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย
3.2.2 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ทำการวิจัยด้านการเผาไหม้และควบคุมการแพร่กระจายกับประเทศฝรั่งเศส และได้รับการสนับสนุนด้านห้องปฏิบัติการเผาใหม้จากสหภาพยุโรป (EU)
3.3.3 สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธรแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีข้อตกลงความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนนักศึกษา นักวิจัย ข้อมูลและเอกสารวิชาการ การวิจัยร่วมกันกับมหาวิทยาลัยโตเกียว และร่วมมือในโครงการวิจัยกับ International Atomic Energy Agency (IAEA) ประเทศออสเตรีย
มติที่ประชุม
1. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานสนับสนุน โครงการพัฒนาบุคลากร เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการพัฒนาบัณฑิตศึกษาและงานวิจัยด้านเทคโนโลยีพลังงานและสิ่งแวดล้อม ที่เสนอโดยสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในวงเงิน 159,765,000 บาท ในระยะเวลา 5 ปี ดังรายละเอียดในเอกสารแนบ 4.8.1 ของระเบียบวาระการประชุม ครั้งที่1/2541 (ครั้งที่ 13) เมื่อวันพุธที่ 25 มีนาคม 2541 และรายละเอียดเพิ่มเติม เอกสารแนบ 3.5.1
2. ให้มีผู้แทนจาก สพช. ในคณะกรรมการอำนวยการบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม เพื่อทำหน้าที่กำกับและดูแลโครงการฯ รวมถึงวางนโยบายที่สำคัญต่างๆ เกี่ยวกับ โครงการฯ
3. ให้ สพช. ทำการประเมินผลโครงการเมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณในแต่ละปี และรายงานผลต่อคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน เพื่อพิจารณาอนุมัติให้ดำเนินงานในปีงบประมาณต่อไป
เรื่องที่ 6 การตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้นของอาคารกองทัพอากาศ
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการขอจัดสรรฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2539 ได้กำหนดหลักเกณฑ์การให้การสนับสนุนแก่อาคารควบคุมที่เป็นส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในรูปของเงินช่วยเหลือให้เปล่าทั้งหมดสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอนุรักษ์พลังงาน และคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุม ครั้งที่1/2539 (ครั้งที่ 8) เมื่อวันพุธที่ 24 มกราคม 2539 ได้มีมติมอบอำนาจให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับสามารถอนุมัติเงินกองทุนฯ สนับสนุนให้แก่โครงการที่มีวงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท และพิจารณากลั่นกรองโครงการที่มีวงเงินตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติต่อไป
กองทัพอากาศซึ่งเป็นอาคารควบคุมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ มีอาคารจำนวน 434 อาคาร คิดเป็นพื้นที่ใช้สอย 745,758.40 ตารางเมตร ได้ยื่นขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ สำหรับเป็นค่าใช้จ่าย ในการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น เป็นเงิน 9,250,000 บาท ซึ่งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับได้พิจารณาแล้ว มีมติเห็นชอบให้สนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้นของอาคารกองทัพอากาศ เป็นเงิน 9,250,000 บาท และให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาต่อไป
มติที่ประชุม
อนุมัติเงินจากกองทุนฯ แผนงานภาคบังคับ ให้กองทัพอากาศเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้นของอาคารกองทัพอากาศ ในวงเงิน 9,250,000 บาท (เก้าล้านสองแสนห้าหมื่นบาทถ้วน)