Super User
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 20-26 พฤศจิกายน 2549
รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 03 สิงหาคม 53
การเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมัน 30 พฤศจิกายน 2548
กบง. ครั้งที่ 133 -วันอังคารที่ 11 ธันวาคม 2555
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 36/2555 (ครั้งที่ 133)
วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555 เวลา 15.00 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานกรรมการ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ขอให้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจและราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลก ซึ่ง ปตท. ได้รายงานเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจโลกว่า ในช่วงสัปดาห์นี้เศรษฐกิจโลกยังรอการตัดสินใจในการแก้ไขปัญหา Fiscal cliff ของสหรัฐอเมริกาว่าจะเป็นไปในทิศทางใด ซึ่งคาดว่าจะมีแนวทางแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนขึ้นเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาถดถอย และในกลุ่มประเทศยุโรปมีแนวโน้มมีความร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจมากขึ้น ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงตลาดโลก ราคาน้ำมันดิบดูไบปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.62 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เนื่องจากแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลก และคาดว่าแนวโน้มจะปรับตัวลดลงเนื่องจากสหรัฐอเมริกาอนุญาตให้ประเทศที่นำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านสามารถดำเนินการได้อีก 6 เดือน และปัจจัยอื่นคือ ผลการประชุมโอเปคในวันที่ 12 ธันวาคม 2555 ซึ่งคาดว่าจะยังไม่มีการปรับระดับเพดานการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่ม ในส่วนของน้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันเบนซินได้ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า 3.02 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เนื่องจากปริมาณน้ำมันเบนซินสำรองที่ตลาดสิงคโปร์มีปริมาณสูงขึ้นอีก 634,000 บาร์เรล ปัจจุบันอยู่ที่ 10.08 ล้านบาร์เรล และจีนได้ผลิตน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นจากปี 2554 คิดเป็นร้อยละ 15.8 ส่วนราคาน้ำมันดีเซลได้ปรับตัวลดลง เนื่องจากจีนมีการส่งออกน้ำมันดีเซลในปริมาณสูงถึง 2.25 - 2.63 ล้านบาร์เรลต่อวัน ปริมาณสำรองน้ำมันดีเซลในตลาดสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 1.55 ล้านบาร์เรล เป็น 11.48 ล้านบาร์เรล สูงสุดในรอบ 14 เดือน ทำให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลง
เรื่องที่ 1 การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการ เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ และราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ข้อ 1.7.3 ดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคและผู้ผลิต และ ข้อ 3.5.3 กำกับราคาพลังงานให้มีความเหมาะสม เป็นธรรมและมุ่งสู่การสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยปรับบทบาทกองทุนน้ำมันฯ ให้เป็นกองทุนสำหรับรักษาเสถียรภาพราคา ส่วนการชดเชยราคานั้นจะดำเนินการอุดหนุนเฉพาะกลุ่ม ส่งเสริมให้มีการใช้ก๊าซธรรมชาติมากขึ้นในภาคขนส่งและส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอลและไบโอดีเซลในภาคครัวเรือน
2. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบหลักเกณฑ์การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และระยะเวลาให้มีความเหมาะสมภายใต้กรอบหลักเกณฑ์การมอบหมาย ดังนี้
2.1 น้ำมันดีเซล การปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาสูงขึ้นจนทำให้มีผลกระทบต่อภาคขนส่งและค่าโดยสารเกินสมควรให้ กบง. พิจารณาปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้ตามความเหมาะสม การปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาต่ำจนทำให้ผู้ประกอบการขนส่งและโดยสารสมควรปรับอัตราค่าบริการลงให้ กบง. ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่กระทบเกินสมควรต่อค่าขนส่งและโดยสาร
2.2 น้ำมันเบนซิน/น้ำมันแก๊สโซฮอล การปรับเพิ่ม/ลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลให้พิจารณาปรับ เพื่อรักษาระดับส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันเบนซินกับน้ำมัน แก๊สโซฮอล เพื่อจูงใจให้มีการใช้พลังงานทดแทน (เอทานอล) มากขึ้น
3. ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคาปิดตลาด ณ วันที่ 10 ธันวาคม 2555 น้ำมันดิบดูไบน้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 104.57, 116.45 และ 121.71 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ โดยราคาน้ำมันดิบดูไบ เบนซิน และดีเซลปรับตัวลดลง 4.48 4.88 และ 4.23 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ จากการประชุมครั้งก่อนเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2555 (ราคาปิดตลาดวันที่ 27 พฤศจิกายน 2555) จากราคาน้ำมันตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลง ผู้ค้าน้ำมันได้มีการปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอลลง 0.50 บาทต่อลิตร เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2555 ส่งผลให้โครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 11 ธันวาคม 2555 เป็นดังนี้
4. ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 9 ธันวาคม 2555 มีทรัพย์สินรวม 4,499 ล้านบาท หนี้สินรวม 22,304 ล้านบาท โดยกองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิติดลบ 17,805 ล้านบาท
5. จากค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลที่อยู่ในระดับต่ำ ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลขึ้น 0.50 บาทต่อลิตร จากเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ 0.70 บาทต่อลิตร เป็น 1.20 บาทต่อลิตร ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ จะมีรายรับเพิ่มขึ้นประมาณวันละ 25.90 ล้านบาท จากติดลบวันละ 2.37 ล้านบาท เป็นมีรายรับวันละ 23.53 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
ชนิดน้ำมัน | เดิม | ใหม่ | เปลี่ยนแปลง(+/-) |
น้ำมันเบนซิน 95 | 8.00 | 8.50 | +0.50 |
น้ำมันเบนซิน 91 | 6.70 | 7.20 | +0.50 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 | 2.30 | +0.50 | |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 | 0.00 | 0.50 | +0.50 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 | -2.30 | -1.80 | +0.50 |
น้ำมันดีเซล | 0.70 | 1.50 | 80 |
โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2555 เป็นต้นไป
เรื่องที่ 2 การอนุมัติเงินสนับสนุนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในการดำเนินงานโครงการจัดตั้งศูนย์บริการปรับแต่งเครื่องยนต์ให้สามารถใช้แก๊สโซฮอลได้ ผ่านทางสถาบันการศึกษาของรัฐ (ระยะที่ 1) ของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน
สรุปสาระสำคัญ
1. เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2554 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้ยกเลิกจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 และต่อมาเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2555 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) โดยให้เลื่อนกำหนดการยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 ออกไปอีก 3 เดือน จากวันที่ 1 ตุลาคม 2555 ไปเป็นวันที่ 1 มกราคม 2556 และให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ปรับส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล 91 กับน้ำมันแก๊สโซฮอล E20 ให้มากขึ้นเพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 รวมทั้งให้กระทรวงพลังงานเร่งประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้เกิดการยอมรับการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลในกลุ่มผู้ใช้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ให้มากขึ้น
2. เมื่อยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 จะทำให้มีการใช้แก๊สโซฮอลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ปริมาณการใช้เอทานอลซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่ผลิตได้ในประเทศเพิ่มมากขึ้น แต่จะมีผู้ใช้น้ำมันเบนซิน 91 ที่ได้รับผลกระทบเนื่องจากเครื่องยนต์ไม่สามารถใช้แก๊สโซฮอลได้ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ (1) กลุ่มรถยนต์ที่ผลิตก่อนปี 2538 เป็นรถยนต์ที่ไม่รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล โดยจากข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก มีรถยนต์ประมาณ 500,000 คัน ที่ยังคงใช้งานอยู่ในปัจจุบัน (2) กลุ่มรถจักรยานยนต์ 2 จังหวะ ที่ผลิตก่อนปี 2543 ประมาณ 500,000 คัน และ (3) กลุ่มเครื่องยนต์การเกษตรขนาดเล็กที่ใช้น้ำมันเบนซิน ประมาณ 500,000 - 1,000,000 เครื่อง
3. กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ได้จัดทำ "โครงการจัดตั้งศูนย์บริการปรับแต่งเครื่องยนต์ให้สามารถใช้แก๊สโซฮอลได้ผ่านทางสถาบันการศึกษาของรัฐ" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการยกเลิกจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 ป้องกันการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงหลังการยกเลิกน้ำมันเบนซิน 91 และเพื่อส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล ลักษณะโครงการเป็นการฝึกอบรมผู้ดำเนินการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ให้สามารถใช้แก๊สโซฮอลได้จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาจำนวน ไม่น้อยกว่า 400 คน และดำเนินการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ให้สามารถใช้แก๊สโซฮอลได้โดยบุคลากรวิทยาลัยอาชีวศึกษา โดย พพ. จะขอรับเงินจัดสรรจากกองทุนน้ำมันฯ เพื่อสนับสนุนแก่เจ้าของรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์การเกษตร ที่ไม่สามารถใช้แก๊สโซฮอลได้ผ่านทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือเพื่อดำเนินโครงการ ดังนี้ (1) ประสานงานกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อรวบรวมข้อมูลในการดำเนินการ (2) ประชาสัมพันธ์และเชิญชวนวิทยาลัยอาชีวศึกษาเข้าร่วมโครงการ อย่างน้อย 200 แห่งทั่วประเทศ (3) จัดทำคู่มือการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ให้สามารถใช้แก๊สโซฮอลได้ รวมถึงรายการชิ้นส่วนที่ควรเปลี่ยนและการประมาณการค่าใช้จ่าย (4) จัดอบรมบุคลากรผู้ปฏิบัติของวิทยาลัยอาชีวศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ (5) กำกับการจัดตั้งศูนย์บริการปรับแต่งเครื่องยนต์ให้สามารถใช้แก๊สโซฮอลในวิทยาลัยอาชีวศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ และ (6) เสนอสรุปรายงานการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานรายงานต่อ พพ. ทุกเดือน
4. วิทยาลัยอาชีวศึกษาที่เข้าร่วมโครงการมีหน้าที่ปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ในรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือเครื่องยนต์การเกษตรที่ผู้ผลิตไม่รับรองว่าสามารถใช้แก๊สโซฮอลได้ ให้สามารถใช้แก๊สโซฮอลได้ โดยการสนับสนุนค่าแรงงานในการปรับเปลี่ยนแก่เจ้าของรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือเครื่องยนต์การเกษตร ส่วนเจ้าของรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือเครื่องยนต์การเกษตรจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าอุปกรณ์เอง ในช่วงระยะเวลา 1 เดือนหลังจากการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ หากมีปัญหาเนื่องจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว วิทยาลัยอาชีวศึกษาจะรับผิดชอบดำเนินการปรับเปลี่ยนให้จนใช้งานได้ตามปกติ ทั้งนี้ ทุกรายการสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามที่ พพ. เห็นสมควร ภายในวงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ มีระยะเวลาดำเนินการ 10 เดือน นับจากวันที่ลงนามในหนังสือสัญญา โดยขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุนน้ำมันฯ ในวงเงิน 124,000,000 บาท
5. เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2555 กบง. ได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้ พพ. ดำเนินงานโครงการจัดตั้งศูนย์บริการปรับแต่งเครื่องยนต์ให้สามารถใช้แก๊สโซฮอลได้ผ่านทางสถาบันการศึกษาของรัฐ ระยะที่ 1 โดยให้จัดทำโครงการเสนอคณะอนุกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (อบน.) เพื่อขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุนน้ำมันฯ ต่อไป ซึ่ง พพ. ได้ดำเนินการปรับปรุงรายละเอียดโครงการและวงเงินงบประมาณให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และต่อมาเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2555 อบน. ได้มีมติอนุมัติเงินกองทุนน้ำมันฯ งบค่าใช้จ่ายอื่น ปีงบประมาณ 2556 ให้ พพ. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายใน "โครงการจัดตั้งศูนย์บริการปรับแต่งเครื่องยนต์ให้สามารถใช้แก๊สโซฮอลได้ ผ่านทางสถาบันการศึกษาของรัฐ (ระยะที่ 1)" ในวงเงิน 66,000,000 บาท (หกสิบหกล้านบาทถ้วน) ระยะเวลาดำเนินงาน 7 เดือน นับจากวันที่ลงนามในสัญญา โดยให้สามารถถัวจ่ายระหว่างรายการและแยกดำเนินการได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม และให้เริ่มดำเนินโครงการภายในปีงบประมาณ 2556
มติของที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ