Super User
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 16-22 กันยายน 2556
กบง. ครั้งที่ 189 - วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 15/2557 (ครั้งที่ 189)
วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 15.00 น.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายณรงค์ชัย อัครเศรณี กรรมการและเป็นประธานที่ประชุม
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน นายชวลิต พิชาลัย เป็นกรรมการและเลขานุการ
เรื่อง การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
เพื่อให้ราคาก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนและภาคขนส่งสะท้อนต้นทุนการจัดหามากขึ้น ฝ่ายเลขานุการฯ ขอเสนอปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่จำหน่ายให้ภาคครัวเรือนและภาคขนส่งในส่วนของผู้ค้าก๊าซเป็นผู้นำส่งขึ้น 0.4673 บาทต่อกิโลกรัม จาก 4.2056 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 4.6729 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2557 เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคาขายปลีก LPG ภาคครัวเรือนและภาคขนส่งเพิ่มขึ้น 0.50 บาทต่อกิโลกรัม จาก 22.63 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 23.13 บาทต่อกิโลกรัม และทำให้กองทุนน้ำมันมีรายรับเพิ่มขึ้นประมาณ 151 ล้านบาทต่อเดือน
ดังนั้น เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ตามที่เสนอ ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอความเห็นชอบกำหนดให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2543 ที่ได้จำหน่ายก๊าซให้กับผู้บรรจุ ก๊าซหรือร้านค้าก๊าซ เพื่อจำหน่ายต่อให้กับภาคครัวเรือน และภาคขนส่ง ต้องส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น 0.4673 บาทต่อกิโลกรัม จาก 4.2056 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 4.6729 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2557 เป็นต้นไป โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน รวมทั้ง ขอความเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เรื่อง การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนสำหรับก๊าซที่จำหน่ายให้ภาคครัวเรือน และเรื่อง การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนสำหรับก๊าซที่จำหน่ายให้ภาคขนส่ง
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบให้ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลขึ้น 0.60 บาทต่อลิตร จาก 3.70 บาทต่อลิตร เป็นเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่อัตรา 4.30 บาทต่อลิตร โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2557 เป็นต้นไป
2. เห็นชอบกำหนดให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2543 ที่ได้จำหน่ายก๊าซให้กับผู้บรรจุก๊าซหรือร้านค้าก๊าซ เพื่อจำหน่ายต่อให้กับภาคครัวเรือน และภาคขนส่งต้องส่งเงินเข้ากองทุนเพิ่มขึ้น 0.4673 บาทต่อกิโลกรัม จาก 4.2056 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 4.6729 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2557 เป็นต้นไป โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
3. เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เรื่อง การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนสำหรับก๊าซที่จำหน่ายให้ภาคครัวเรือน และเรื่อง การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนสำหรับก๊าซที่จำหน่ายให้ภาคขนส่ง
รัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 12 มีนาคม 56
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 12 ธันวาคม 2546
กบง. ครั้งที่ 188 - วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 14/2557 (ครั้งที่ 188)
วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 12.00 น.
1. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
2. ขอเสนอแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิงในภาคขนส่ง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายณรงค์ชัย อัครเศรณี กรรมการและเป็นประธานที่ประชุม
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน นายชวลิต พิชาลัย เป็นกรรมการและเลขานุการ
เรื่อง การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. กบง. ในการประชุมเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2557 ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซิน 95 น้ำมันแก๊สโซฮอล 95E10 91E10 และ E20 ลง 0.10 บาทต่อลิตร และให้ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันของดีเซลขึ้น 0.90 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ค่าการตลาดของน้ำมันเบนซิน 95 น้ำมัน แก๊สโซฮอล 95E10 91E10 E20 และ น้ำมันดีเซล ณ วันที่ 13 ตุลาคม 2557 อยู่ที่ 3.2760 2.0953 2.1327 1.9828 และ 1.9607 บาทต่อลิตร ตามลำดับ
2. จากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ณ วันที่ 17 ตุลาคม 2557 เมื่อเปรียบเทียบราคาน้ำมันตลาดโลก ณ วันที่ 10 ตุลาคม 2557 พบว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบ น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลง 2.95 2.09 และ 2.96 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 85.05 99.65 และ 97.62 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราวันที่ 17 ตุลาคม 2557 อยู่ที่ 32.5598 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น 0.0119 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ราคาไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันของวันที่ 20 ตุลาคม 2557 อยู่ที่ 29.22 บาทต่อลิตร และราคาเอทานอล ณ เดือนตุลาคม 2557 อยู่ที่ 27.17 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ผู้ค้าน้ำมันมีการปรับราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง 2 ครั้ง โดยเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2557 ได้ปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน กลุ่มน้ำมันแก๊สโซฮอล และน้ำมันดีเซลลง 0.60 บาทต่อลิตร และเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2557 ได้ปรับลดราคา ขายปลีกน้ำมันเบนซิน และกลุ่มน้ำมันแก๊สโซฮอลลง 0.30 บาทต่อลิตร จากราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง และผู้ค้าน้ำมันปรับลดราคาขายปลีกลง ส่งผลให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซล ณ วันที่ 20 ตุลาคม 2557 อยู่ที่ 2.2626 บาทต่อลิตร ซึ่งอยู่ในระดับสูงกว่าค่าการตลาดที่เหมาะสม
ดดังนั้น เพื่อรักษาค่าการตลาดของน้ำมันดีเซล ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลขึ้นลิตรละ 0.70 บาทต่อลิตร ซึ่งผลจากการปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว จะทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 1.5626 บาทต่อลิตร ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นประมาณวันละ 36.46 ล้านบาท หรือ 1,094 ล้านบาทต่อเดือน จากมีรายรับ 5,122 ล้านบาทต่อเดือน เป็นมีรายรับ 6,216 ล้านบาทต่อเดือน ทั้งนี้ ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 19 ตุลาคม 2557 มีทรัพย์สินรวม 15,330 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 17,315 ล้านบาท กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิเป็นติดลบ 1,985 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบให้ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลขึ้น 0.70 บาทต่อลิตร จาก 3.00 บาทต่อลิตร เป็นเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่อัตรา 3.70 บาทต่อลิตร โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2557 เป็นต้นไป ป
2. เห็นชอบกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (2) สำหรับก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่จำหน่าย ให้ภาคขนส่งเพิ่มขึ้น 0.5888 บาทต่อกิโลกรัม จาก 3.6168 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 4.2056 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2557 เป็นต้นไป โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
เรื่อง ขอเสนอแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิงในภาคขนส่ง
สรุปสาระสำคัญ
1. กระทรวงพลังงานได้มีการกำหนดนโยบายและจัดทำแผนพลังงานต่างๆ แต่ไม่ได้รวมถึงการจัดทำแผนด้านน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งเป็นพลังงานประเภทที่มีการใช้ในสัดส่วนที่สูงมาก โดยเฉพาะภาคขนส่งใช้น้ำมันเชื้อเพลิงสูงที่สุด ดังนั้น เพื่อให้การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในภาคขนส่งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีการกำหนดนโยบายและแนวทางในการบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิงในภาคขนส่ง
2. เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิงในภาคขนส่งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้น การประหยัดพลังงานในภาคขนส่ง ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอให้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิงในภาคขนส่ง โดยมีปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานอนุกรรมการ และมีอนุกรรมการประกอบด้วย ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงานตามที่ปลัดกระทรวงพลังงานมอบหมาย จำนวน 2 ท่าน อธิบดี กรมธุรกิจพลังงาน อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบาย และแผนพลังงาน ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก อธิบดีกรมการค้าภายใน เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ อธิบดี กรมสรรพสามิต ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม ผู้แทนสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ผู้แทนบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และผู้แทน กลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม โดยมีผู้อำนวยการสำนักบริการธุรกิจและการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ และมีผู้แทนกรมธุรกิจพลังงาน และผู้แทนกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เป็นอนุกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
โดยคณะอนุกรรมการมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้ (1) จัดทำแผน เสนอแนะนโยบาย มาตรการ และแนวทางในการบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิงในภาคขนส่ง (2) ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อผลักดันและสนับสนุนการดำเนินการตามแผนให้ลงสู่ภาคปฏิบัติ รวมทั้งกำกับดูแล ติดตาม และประเมินผลโครงการ (3) รายงานผลการดำเนินการต่อคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อทราบเป็นระยะตามความเหมาะสม (4) มีอำนาจแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานได้ตามความเหมาะสม และ (5) ปฏิบัติงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานมอบหมาย
มติของที่ประชุม
เห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิงในภาคขนส่ง โดยให้เพิ่มเติม รองปลัดกระทรวงพลังงานที่ปลัดกระทรวงพลังงานมอบหมาย เป็นรองประธานอนุกรรมการฯ
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 9-15 กันยายน 2556
รัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 05 มีนาคม 56
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 28 พฤศจิกายน 2546
กบง. ครั้งที่ 187 - วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2557
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 13/2557 (ครั้งที่ 187)
วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 11.00 น.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายณรงค์ชัย อัครเศรณี กรรมการและเป็นประธานที่ประชุม
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน นายชวลิต พิชาลัย เป็นกรรมการและเลขานุการ
เรื่อง การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. กบง. ในการประชุมเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2557 ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลขึ้น 0.40 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซล ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2557 อยู่ที่ 1.3902 บาทต่อลิตร
2. จากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ณ วันที่ 9 ตุลาคม 2557 เมื่อเปรียบเทียบราคาน้ำมันตลาดโลก ณ วันที่ 30 กันยายน 2557 พบว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบ น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลง 4.11 5.22 และ 6.65 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 90.05 105.82 และ 103.19 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ตามลำดับ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราวันที่ 9 ตุลาคม 2557 อยู่ที่ 32.6059 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ อ่อนค่าลง 0.0898 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ และราคาไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันของวันที่ 9 ตุลาคม 2557 อยู่ที่ 27.17 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 1.20 บาทต่อลิตร เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ 30 กันยายน 2557 ส่งผลให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซล ณ วันที่ 10 ตุลาคม 2557 อยู่ที่ 2.5213 บาทต่อลิตร ซึ่งอยู่ในระดับสูงกว่าค่าการตลาดที่เหมาะสม
ดังนั้น เพื่อรักษาค่าการตลาดของน้ำมันดีเซล ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลขึ้นลิตรละ 0.80 บาทต่อลิตร ซึ่งผลจากการปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว จะทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 1.6213 บาทต่อลิตร ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นประมาณวันละ 42.88 ล้านบาท หรือ 1,286 ล้านบาทต่อเดือน จากมีรายรับ 3,897 ล้านบาทต่อเดือน เป็นมีรายรับ 5,183 ล้านบาทต่อเดือน ทั้งนี้ ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 5 ตุลาคม 2557 มีทรัพย์สินรวม 12,983 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 16,304 ล้านบาท กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิเป็นติดลบ 3,321 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการ บริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2557 เป็นต้นไป