programmer_ener
อนุ กอ. ครั้งที่ 14 - วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม 2551
มติคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 1/2551 (ครั้งที่ 14)
วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2551 เวลา 13.00 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. ขอความเห็นชอบรายละเอียดโครงการส่งเสริมการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน
2. ขอความเห็นชอบแนวทางจัดสรรเงินกองทุนฯ สำหรับ "โครงการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน"
3. ขอความเห็นชอบ โครงการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตปาล์มน้ำมัน เพื่ออุตสาหกรรมไบโอดีเซลชุมชนเชิงพาณิชย์ในพื้นที่ปลูกใหม่
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์) ประธานอนุกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล) อนุกรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 ขอความเห็นชอบรายละเอียดโครงการส่งเสริมการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 2/2550 (ครั้งที่ 46) เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2550 ได้พิจารณาโครงการส่งเสริมการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนแล้ว และมีมติอนุมัติในหลักการ ให้ พพ. ดำเนินโครงการฯ ในวงเงิน 525 ล้านบาท ประกอบด้วย ส่วนของการส่งเสริมการลงทุนจำนวน 500 ล้านบาท และค่าบริหารจัดการโครงการ 25 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขให้ พพ. จัดทำรายละเอียดแผนงานและวิธีการดำเนินงานโครงการ เสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการ
2. พพ. ได้ดำเนินการจัดทำรายละเอียดของโครงการดังกล่าว ตามความเห็นของคณะกรรมการกองทุนฯ โดยจัดทำรายละเอียดแผนงานและวิธีการดำเนินโครงการส่งเสริมการลงทุนฯ เสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 7/2550 (ครั้งที่ 13) เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2550 ซึ่งที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นควรให้ พพ. ตรวจสอบ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 และระเบียบการใช้จ่ายเงินของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ด้วย ว่ารูปแบบการใช้เงินในลักษณะ ESCO Fund นั้น เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการใช้เงินกองทุนฯ และให้ พพ. จัดทำรายละเอียดของแนวทางบริหารจัดการกองทุน ESCO Fund โดยเฉพาะองค์ประกอบของคณะกรรมการการลงทุน (Investment Committee) แล้วเสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอีกครั้ง ซึ่ง พพ. ได้ดำเนินการตามมติดังกล่าวแล้ว โดยมีรายละเอียดดังนี้
2.1 การบริหารจัดการกองทุนเพื่อร่วมลงทุนฯ ESCO Fund
1) ในประเด็นข้อกฎหมายว่า กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสามารถร่วมลงทุนได้หรือไม่ นั้น ขอชี้แจงว่า โครงการส่งเสริมการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน เป็นการอุดหนุนการลงทุน ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 25 ที่ระบุว่า เงินทุนสามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์เป็นเงินอุดหนุนสำหรับการลงทุนและดำเนินการในการอนุรักษ์พลังงาน หรือแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการอนุรักษ์พลังงานของเอกชน ส่วนราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ
การสนับสนุนของโครงการเป็นการอุดหนุนการลงทุน ซึ่งเปรียบเสมือนเงินช่วยเหลือให้เปล่า โดยมีเงื่อนไขว่าหากมีผลประโยชน์หรือผลตอบแทนจากการดำเนินการ ผู้ได้รับการอุดหนุนจะต้องส่งคืนผลตอบแทนตามอัตราส่วนของการอุดหนุนคืนให้แก่กองทุนฯ และทรัพย์สินที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการนั้น เมื่อสิ้นสุดโครงการจะต้องนำส่งคืนกองทุนฯ ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติทั่วไปที่กองทุนฯ สามารถกำหนดเงื่อนไขได้อยู่แล้ว จึงถือได้ว่า เป็นการดำเนินการตามข้อกำหนดตามพระราชบัญญัติฯ และระเบียบกองทุนฯ
2) ผู้จัดการกองทุน (Fund Manager) จะมีการดำเนินงานในด้านการศึกษา การฝึกอบรม การเผยแพร่ข้อมูล และการประชาสัมพันธ์ ซึ่งจะเป็นไปตามมาตรา 25 (3) ของ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 นั้น โดยในส่วนนี้เงินช่วยเหลือหรือเงินอุดหนุนนั้น สามารถให้แก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา หรือองค์กรเอกชน ซึ่งในมาตรา 26 ได้ระบุว่า องค์กรเอกชนที่มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือหรือเงินอุดหนุนตามมาตรา 25 (3) ต้องมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทย หรือกฎหมายต่างประเทศ ที่มีกิจกรรมเกี่ยวข้องโดยตรงกับการอนุรักษ์พลังงาน หรือการป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการอนุรักษ์พลังงาน และมิได้มีวัตถุประสงค์ในทางการเมือง หรือ มุ่งค้ากำไรจากการประกอบกิจกรรมดังกล่าว
ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 25 (3) และมาตรา 26 ของ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ดังนั้นผู้จัดการกองทุน จะต้องมีสถานภาพเป็นส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา หรือเอกชนที่มิได้มีวัตถุประสงค์ทางการเมือง หรือมุ่งค้ากำไร พพ. ได้หารือและทาบทามหน่วยงานองค์กรที่มีคุณสมบัติตามมาตรา 26 ของ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มูลนิธิอนุรักษ์พลังงาน สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) สำนักส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม มูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
3) ด้านองค์ประกอบของคณะกรรมการการลงทุน เห็นควรให้มีหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อให้มีการวางนโยบายการลงทุน การกำกับการดำเนินโครงการ เป็นไปตามเป้าประสงค์ และเจตนารมณ์ และสอดคล้องกับตลาดการลงทุน อีกทั้งสามารถแก้ปัญหาการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานของภาคเอกชนได้อย่างเป็นรูปธรรม พพ. ได้จัดทำร่างองค์ประกอบคณะกรรมการการลงทุน ไว้ดังนี้
- อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ประธานกรรมการ
- ผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการ
- ผู้แทนกรมโรงงานอุตสาหกรรม กรรมการ
- ผู้แทนสภาอุตสาหกรรม กรรมการ
- ผู้ทรงคุณวุฒิ 2 ท่าน กรรมการ
- ผู้อำนวยการสำนักกำกับและอนุรักษ์พลังงาน เลขานุการ
2.2 การสรรหาผู้จัดการกองทุน (Fund Manager)
1) พพ. จะจัดสรรเงินจำนวน 500 ล้านบาท (ห้าร้อยล้านบาทถ้วน) ที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2550 ให้กับผู้จัดการกองทุน (Fund Manager) ซึ่งเป็นหน่วยงานหรือองค์กรที่มีคุณสมบัติตามมาตรา 26 ของ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มูลนิธิอนุรักษ์พลังงาน สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน สำนักส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อม เป็นต้น เพื่อนำไปส่งเสริมการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนตามกรอบและเงื่อนไขที่กำหนดไว้
2) การพิจารณาคัดเลือกผู้จัดการกองทุนและการจัดสรรเงินกองทุนฯ จำนวน 500 ล้านบาท ตามข้อ 2.1 พพ. จะเสนอคณะกรรมการการลงทุน (Investment Committee) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนการดำเนินการ
3) ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการส่งเสริมการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน ในช่วงเวลาดำเนินการ 24 เดือน
- เกิดการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนกว่า 1,250 ล้านบาท
- เกิดผลประหยัดพลังงานไม่น้อยกว่า 10 ktoe หรือมีมูลค่ากว่า 250 ล้านบาทต่อปี
- มีโครงการที่ได้รับการส่งเสริม ไม่น้อยกว่า 20 โครงการ
3. พพ. ขอแก้ไขวาระการประชุมในส่วนประเด็นเพื่อพิจารณา ในส่วนของค่าใช้จ่ายโครงการฯ จาก 500 ล้านบาท เป็น 525 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นส่วนของการส่งเสริมการลงทุนจำนวน 500 ล้านบาท และค่าบริหารจัดการโครงการ 25 ล้านบาท
มติที่ประชุม
เห็นชอบรายละเอียดของโครงการส่งเสริมการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน ตามที่ พพ. เสนอมา และให้ พพ. ใช้จ่ายเงินกองทุนฯ จำนวน 525 ล้านบาท ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 2/2550 (ครั้งที่ 46) เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2550 ได้อนุมัติให้ พพ. ไว้แล้ว จัดสรรให้กับผู้จัดการกองทุน (Fund Manager) ที่ พพ. จะดำเนินการคัดเลือกตามแนวทางที่เสนอไว้
เรื่องที่ 2 ขอความเห็นชอบแนวทางจัดสรรเงินกองทุนฯ สำหรับ "โครงการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน"
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ตามที่คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 2/2550 (ครั้งที่ 46) เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2551 ได้จัดสรรเงินกองทุนฯ ให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในวงเงิน 300 ล้านบาท เพื่อไว้ใช้จ่ายสำหรับการดำเนินการตาม "โครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน" ซึ่งเป็นงานวิจัย พัฒนา รวมถึงงานสาธิตอื่นๆ เพื่อทราบศักยภาพ พิสูจน์ความเหมาะสมหรือความเป็นไปได้ ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นในการนำมาใช้งาน ที่หน่วยงาน สถาบันการศึกษา หรือเอกชน ต้องการความช่วยเหลือสนับสนุนการดำเนินการ โดยมีแนวทางการสนับสนุน 2 แนวทาง ดังนี้
แนวทางที่ 1 สนพ. รับคำขอรับการสนับสนุนจากเจ้าของโครงการ และสรุปความเห็นเสนอผู้มีอำนาจเห็นชอบ พิจารณาเป็นรายๆ
แนวทางที่ 2 สนพ. ประกาศหัวข้อศึกษา วิจัย พัฒนาเพื่อสรรหาผู้ที่มีความเหมาะสมเป็นผู้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนฯ
2. ข้อเสนอของ สนพ. สำหรับ "โครงการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน"
2.1 การแปรรูปขยะเป็นพลังงาน เป็นทิศทางที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐสนับสนุนเต็มที่ โดยกระทรวงพลังงานได้สนับสนุนในรูปแบบการกำหนดส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) จากผู้ผลิตไฟฟ้าที่ใช้ขยะเป็นเชื้อเพลิงแล้ว ในอัตรา 2.50 บาท/หน่วย ในขณะที่จากข้อมูลของงานวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศพบว่าขยะพลาสติกที่ตกค้างอยู่ในกองขยะสามารถนำมาผลิตเป็นน้ำมันมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำมันดิบ ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาขยะที่นับวันจะมีจำนวนมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็จะช่วยลดการนำเข้าน้ำมันได้ด้วย
2.2 กระบวนการแปรรูปขยะเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นวิธีที่หลายประเทศก็ทำอยู่แล้ว ซึ่งบางประเทศก็ให้ความสำคัญและบางประเทศก็มองข้ามไปเนื่องจากไม่คุ้มทุน แต่บางประเทศก็สามารถผลิตน้ำมันจากพลาสติกเป็นน้ำมันเบนซินได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ โดยรัฐบาลได้ให้ความช่วยเหลือบริษัทเอกชนในการลงทุน ขณะที่ประเทศไทยก็มีปัญหาทางด้านขยะและปัญหาด้านการหาพลังงานทดแทนด้านน้ำมัน และมีนักวิจัยแปรรูปขยะอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ความสามารถในการใช้งานได้จริงให้ประจักษ์ในประเทศ จึงยังไม่ทราบต้นทุนที่แท้จริง รวมถึงความคุ้มค่าการลงทุนทั้งทางเศรษฐศาสตร์ สังคมและสิ่งแวดล้อม ประกอบกับมีทฤษฏีความเป็นไปได้ที่หลากหลาย สนพ. จึงเห็นควรเปิดโอกาสให้หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา มูลนิธิองค์กรที่ไม่มุ่งค้าหากำไร หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในแต่ละจังหวัด ยื่นข้อเสนอขอรับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ภายใต้ "โครงการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน" ที่เป็นการเผาในภาวะไร้อากาศจนได้น้ำมันและก๊าซปิโตรเลียมเหลวโดยมีการใช้ขยะเศษพลาสติกเป็นวัตถุดิบ โดยมีแนวทางการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน ดังต่อไปนี้
(1) การกำหนดส่วนเพิ่ม (Adder) ราคารับซื้อน้ำมันดิบที่ผลิตได้จากการแปรรูปจากขยะ เป็นมาตรการจูงใจด้านราคาแก่ผู้สนใจลงทุนแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน
(2) การสนับสนุนงานศึกษาวิจัยพัฒนาและสาธิต "โครงการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน" เพื่อเป็นโครงการนำร่อง
3. การกำหนดส่วนเพิ่ม (Adder) ราคารับซื้อน้ำมันดิบ
3.1 เทศบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือผู้ประกอบการเกี่ยวกับการจัดการขยะ มีภาระในการบริหารจัดการขยะที่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่รับผิดชอบ กระบวนการแปรรูปขยะเป็นพลังงานซึ่งมีผลตอบแทนทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐศาสตร์ จึงเป็นทางเลือกที่หน่วยงานและองค์กรให้ความสนใจ แต่เนื่องจากผลตอบแทนการลงทุนยังมีความเสี่ยงสูงมาก ทั้งด้านเทคโนโลยีที่ยังไม่ได้มีการลงทุนจริงและราคาของผลิตภัณฑ์น้ำมันดิบที่ผลิตได้ก็ยังมีระยะเวลาคืนทุนนาน 5-10 ปี และเพื่อเร่งให้มีการตัดสินใจลงทุนนำเทคโนโลยีการแปรรูปขยะเป็นน้ำมันมาใช้ จึงเห็นควรเพิ่มแรงจูงใจให้กับหน่วยงานและองค์กรต่างๆ โดยนำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาใช้ในการช่วยเหลืออุดหนุนราคารับซื้อน้ำมันดิบที่ผลิตได้จากการแปรรูปจากขยะ
3.2 จากการประเมินเงินลงทุนการแปรรูปขยะเป็นน้ำมันซึ่งประกอบด้วย (1) ค่าลงทุนระบบจัดการ คัดแยะ และผลิต RDF จากขยะพลาสติก และ (2) ค่าลงทุนเครื่องจักรในกระบวนการ Pyrolysis Depolymerization ที่สามารถรองรับขยะพลาสติกได้ 6 ตัน/วัน พบว่ามีค่าลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท หากสามารถจำหน่ายน้ำมันที่ผลิตได้ในราคา 22 บาท/ลิตร จะทำให้ระยะเวลาคืนทุนไม่เกิน 5 ปี
3.3 ราคาน้ำมันดิบในวันที่ 14 มกราคม 2551 (อัตราแลกเปลี่ยน 33.2618 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ) เป็นดังนี้
ดอลลาร์สหรัฐ/บาเรล | บาท/ลิตร | |
ทาปิส | 96.65 | 20.22 |
โอมาน | 88.12 | 18.44 |
ดูไบ | 86.92 | 18.18 |
เบรนท์ | 92.90 | 19.44 |
เวสต์ เท็กซัส | 94.23 | 19.71 |
3.4 สำหรับหลักการในการคำนวณอัตราเงินอุดหนุนราคาน้ำมันที่ได้จากแปรรูปขยะนั้น ใช้ราคาน้ำมันดิบดูไบที่มีคุณภาพต่ำที่สุดเป็นเกณฑ์ ซึ่งปัจจุบันมีราคา 18.18 บาท/ลิตร เมื่อเทียบกับการราคาน้ำมันที่ได้จากแปรรูปขยะตามข้อ 3.2 ในระยะเวลาคืนทุนไม่เกิน 5 ปี อัตราเงินอุดหนุนหรือเงินส่วนเพิ่มควรเริ่มตั้งแต่ 4 บาท/ลิตร ขึ้นไป แต่เพื่อเพิ่มแรงจูงใจในการตัดสินใจลงทุนในช่วงแรกและช่วยบรรเทาภาระความเสี่ยงของหน่วยงานหรือองค์กรที่จะลงทุนในด้านของเทคโนโลยีและคุณภาพของน้ำมันที่จะได้รับ สนพ. จึงเห็นควรกำหนดราคาส่วนเพิ่มที่อัตรา 7 บาท/ลิตร ซึ่งจะทำให้ระยะเวลาคืนทุนลดลงเหลือเพียง 4 ปี
3.5 ในการส่งเสริมการลงทุนการแปรรูปขยะเป็นน้ำมันให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง เห็นควรมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการดังนี้
(1) สนพ. เสนอ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เห็นชอบการกำหนดอัตราเงินอุดหนุนราคาน้ำมันดิบให้โรงกลั่นที่รับซื้อน้ำมันดิบที่ผลิตได้จากการแปรรูปขยะ โดยใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในอัตรา 7 บาท/ลิตร เป็นระยะเวลา 5 ปี โดยน้ำมันดิบที่โรงกลั่นรับซื้อและจะนำมาขอเงินอุดหนุนดังกล่าวจะต้องมีคุณภาพไม่ต่ำกว่าคุณภาพของน้ำมันดิบดูไบ
(2) สนพ. ออกประกาศ กบง. กำหนดอัตราเงินอุดหนุนราคาน้ำมันดิบที่ผลิตได้จากการแปรรูปขยะ
(3) ให้กรมสรรพสามิตและสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน ร่วมกันจัดระบบการจ่ายเงินอุดหนุนให้โรงกลั่นสำหรับการรับซื้อน้ำมันดิบที่ผลิตได้จากการแปรรูปขยะ โดยให้กรมสรรพสามิตเป็นผู้รับผิดชอบตรวจสอบปริมาณการรับซื้อน้ำมันดิบที่ผลิตได้จากการแปรรูปขยะ และให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน เป็นผู้รับผิดชอบด้านการจ่ายเงินอุดหนุนให้โรงกลั่น
4. การสนับสนุนงานศึกษาวิจัยพัฒนาและสาธิต "โครงการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน"
สนพ. จะขอใช้เงินจากกองทุนฯ แผนพัฒนาพลังงานทดแทน "โครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัยพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน" ปีงบประมาณ 2551 ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติจัดสรรให้ สนพ. ไว้แล้ว ตามข้อ 1 นำมาจัดสรรเพื่อใช้ส่งเสริมและสาธิตเทคโนโลยีการแปรรูปขยะเป็นน้ำมัน ในวงเงินรวม 105 ล้านบาท โดยการประกาศเชิญชวนเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สนใจลงทุนจัดทำแผนงานและเสนอต่อ สนพ. เพื่อขอรับการสนับสนุน โดยมีกรอบแนวทางดำเนินงานดังต่อไปนี้
4.1 แนวทางในการให้การสนับสนุน
เป็นเงินช่วยเหลือหรือเงินอุดหนุน หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน สำหรับการลงทุนดำเนินการเกี่ยวกับการส่งเสริมการผลิตพลังงานแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน
4.2 ข้อกำหนดด้านคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอ
(1) เป็นหน่วยงานที่เข้าลักษณะใดลักษณะหนึ่งดังต่อไปนี้ ราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา องค์กรเอกชนไม่มุ่งค้าหากำไร
(2) เป็นหน่วยงานที่ได้รับความร่วมมือและอนุญาตให้จัดการขยะในพื้นที่ท้องถิ่นนั้น
(3) มีความพร้อมด้านงบประมาณสนับสนุนการจัดสร้างระบบฯ
4.3 แนวทางจัดทำข้อเสนอโครงการฯ
"เจ้าของโครงการ" จะต้องจัดทำข้อเสนอโครงการ โดยมีข้อกำหนดด้านเทคนิคดังนี้
(1) เป็นระบบที่มีสามารถในการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงได้ไม่ต่ำกว่า 3,500 ลิตร/วัน
(2) น้ำมันเชื้อเพลิงที่ผลิตได้ต้องมีค่าความร้อนไม่น้อยกว่า 34.5 MJ/ลิตร (ร้อยละ 95ของค่าความร้อนของน้ำมันดิบ)
(3) มีวัตถุดิบเพียงพอกับความต้องการของกระบวนการผลิต
(4) มีระบบคัดแยกขยะพลาสติก
(5) มีความพร้อมด้านสถานที่ก่อสร้างโรงงาน
4.4 ประเภทของค่าใช้จ่ายที่จะได้รับการสนับสนุน
เงินสนับสนุนจากกองทุนฯ 105 ล้านบาท (หนึ่งร้อยห้าล้านบาทถ้วน) นำมาเป็นเงินช่วยเหลือให้เปล่าในสัดส่วน 32% แต่ไม่เกิน 35 ล้านบาทต่อราย ดังนี้
กระบวนการ | เงินลงทุน (ล้านบาท) |
เงินสนับสนุนสูงสุด | สัดส่วน |
(1) เงินลงทุนในส่วนระบบจัดการและคัดแยกขยะ * | 35 | 10 | 28% |
(2) เงินลงทุนสำหรับระบบแปรรูปขยะเป็นน้ำมัน ** | 65 | 15 | 23% |
(3) ค่าที่ปรึกษาออกแบบระบบและบริหารจัดการ | 10 | 10 | 100% |
รวม | 110 | 35 | 33% |
* เงินลงทุนระบบจัดการคัดแยะเทศบาลระยองซึ่งรองรับขยะขนาด 60 ตัน/วัน มีสัดส่วนขยะพลาสติกไม่เกิน 10 ตัน/วัน (คิดจากสัดส่วนขยะพลาสติกเฉลี่ยของประเทศไทยที่ 16.83%) และเครื่องผลิต RDF อ้าอิงจากเครื่องผลิต RDF ชีวมวลจากการประเมินของ ม.สุรนารี 3 ล้านบาท
** ข้อเสนอโครงการนำร่องการแปรรูปขยะเป็นพลังงานน้ำมันซึ่งรองรับขยะได้ 6 ตัน/วัน
4.5 การจ่ายเงินสนับสนุน
งวดจ่ายเงิน | ร้อยละของวงเงินที่ขอรับการสนับสนุน | เงื่อนไข |
งวดที่ 1 | ร้อยละ 30 | เมื่อออกแบบรายละเอียดระบบแล้วเสร็จ |
งวดที่ 2 | ร้อยละ 40 | เมื่อก่อสร้างระบบและติดตั้งอุปกรณ์แล้วเสร็จ |
งวดที่ 3 | ร้อยละ 15 | เมื่อเริ่มต้นเดินระบบและนำขยะเข้าระบบได้ 50% |
งวดที่ 4 | ร้อยละ 15 | เมื่อเดินระบบได้เต็มกำลังผลิตและสามารถผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีค่าความร้อนไม่น้อยกว่า 34.5 MJ/ลิตร |
4.6 วิธีการและขั้นตอนในการให้การสนับสนุน
ขั้นตอนที่ 1 สนพ. ออกประกาศเชิญชวนผู้สนใจเพื่อจัดทำแผนและรายละเอียดของโครงการตามที่กำหนดไว้ เสนอต่อ ผอ.สนพ. ภายในเวลา 3 เดือนนับจากวันที่ออกประกาศ
ขั้นตอนที่ 2 หน่วยงานที่มีความประสงค์ขอรับการสนับสนุน (หน่วยงานเจ้าของโครงการ) ยื่นข้อเสนอโครงการต่อ สนพ.
ขั้นตอนที่ 3 คณะผู้เชี่ยวชาญร่วมพิจารณาวิเคราะห์และกลั่นกรองให้ความเห็นตามเกณฑ์การพิจารณาที่กำหนด และจัดเรียง ลำดับตามคะแนนแต่ละโครงการที่ได้รับ ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุด 3 อันดับแรก จะได้รับการเสนอ ผอ.สนพ. เพื่อพิจารณา
ขั้นตอนที่ 4 โครงการที่ ผอ.สนพ. ให้ความเห็นชอบแล้ว สนพ. จะแจ้งมติให้เจ้าของโครงการทราบ และลงนามในหนังสือยืนยันหรือสัญญากับเจ้าของโครงการ การเบิกจ่ายเงินงวดแรกให้ "เจ้าของโครงการ" เป็นไปตามที่ระบุไว้ในหนังสือยืนยันหรือสัญญา
ขั้นตอนที่ 5 เจ้าของโครงการ ดำเนินโครงการตามแผนงาน/สัญญา และรายงานผลให้ สนพ. ทราบทุกระยะ
ขั้นตอนที่ 6 เมื่อต้องมีการจ่ายเงินตามงวดในหนังสือยืนยันหรือสัญญา สนพ. จะดำเนินการเบิกเงินจากที่เก็บรักษาเงินกองทุนฯ เพื่อนำมารอจ่ายให้แก่เจ้าของโครงการ ในการจ่ายเงินนี้ สนพ. ต้องพิจารณาตรวจสอบให้เจ้าของโครงการดำเนินการตามหนังสือยืนยันหรือสัญญาก่อนจึงจ่ายเงินได้
ขั้นตอนที่ 7 สนพ. รายงานความก้าวหน้าและผลการดำเนินงานให้คณะกรรมการกองทุนฯ ทราบ เป็นระยะๆ รวมถึงติดตามประเมินผลโครงการด้วย
4.7 คณะผู้เชี่ยวชาญเพื่อร่วมพิจารณาวิเคราะห์และกลั่นกรอง ข้อเสนอโครงการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน ประกอบด้วย (1) ศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์ (2) รศ.ดร.สมรัฐ เกิดสุวรรณ และ (3)ผศ.ดร.วีระชัย อาจหาญ
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบแนวทางส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมันด้วยการจูงใจด้านราคา โดยนำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาช่วยอุดหนุนราคารับซื้อน้ำมันดิบที่ผลิตได้จากการแปรรูปจากขยะ ในอัตรา 7 บาทต่อลิตร ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอในข้อ 3 และให้ สนพ. เสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อพิจารณาต่อไป
2. เห็นชอบแนวทางส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมันด้วยการสนับสนุนงานวิจัยและสาธิตเป็นโครงการนำร่อง โดยให้ สนพ. จัดสรรเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค โครงการสนับสนุนการศึกษาวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน ปีงบประมาณ 2551 ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 2/2550 (ครั้งที่ 46) เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2551 ได้จัดสรรให้ สนพ. ไว้แล้ว มาใช้สำหรับ "โครงการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน" ในวงเงิน 105 ล้านบาท ดังรายละเอียดปรากฏตามเอกสารแนบวาระ 3.2.1
1. ฝ่ายเลขานุการฯ รายงานต่อที่ประชุมว่า มูลนิธิชัยพัฒนา กระทรวงพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร บริษัท ปตท. จำกัด กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงได้ร่วมกันจัดตั้ง "โครงการจัดตั้งศูนย์สาธิตและพัฒนาพลังงานทดแทนด้วยไบโอดีเซลจากปาล์มน้ำมันแบบครบวงจร" เป็นการร่วมมือกันอย่างจริงจังทั้งด้านเงินทุนในการเพาะปลูก ความรู้เกี่ยวกับพันธุ์ปาล์ม และการดูแลจัดการสวนปาล์มน้ำมันที่เหมาะสม รวมทั้งการลงทุนในอุตสาหกรรมโรงสกัดน้ำมันปาล์มและโรงงานไบโอดีเซลที่จะรับซื้อเป็นวัตถุดิบต่อไป เชื่อว่าอีกไม่กี่ปีจากนี้ไปเมื่อมีความมั่นใจว่าพื้นที่ทุ่งรังสิตสามารถผลิตปาล์มน้ำมันเชิงพาณิชย์ได้ จะมีเกษตรกร และนักลงทุนจำนวนมากเข้ามาลงทุนปลูกปาล์มน้ำมัน ซึ่งหมายความว่าสวนส้มร้างก็จะมีการนำมาพัฒนาใช้ประโยชน์ของดินได้อีกครั้ง ทั้งนี้เครื่องจักรและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดในโครงการนี้ จะทูลเกล้าถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยส่งมอบให้มูลนิธิชัยพัฒนาดำเนินการต่อไป โดยมีกิจกรรมภายใต้ "โครงการจัดตั้งศูนย์สาธิตและพัฒนาพลังงานทดแทนด้วยไบโอดีเซลจากปาล์มน้ำมันแบบครบวงจร " ดังนี้
1) การบริหารจัดการและกำกับติดตามงาน โดยมูลนิธิชัยพัฒนา
2) การจัดการแปลงปลูกปาล์มน้ำมัน จำนวนประมาณ 5,300 ไร่ ประกอบด้วย (1) จำนวน 1,000 ไร่ โดย บริษัท ปตท. จำกัด (2) จำนวน 4,000 ไร่ เป็นพื้นที่สมัครใจของเกษตรกรเจ้าของพื้นที่หรือผู้เช่าที่ดิน (3) จำนวน 100 ไร่ บนพื้นที่โครงการฯ บริเวณคลอง 9 หรือ คลอง 11 จ.ปทุมธานี โดย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กรมวิชาการเกษตร และกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อศึกษาวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีการปลูก และ (4) จำนวน 200 ไร่ โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศึกษาพัฒนาเพื่อปรับปรุงพันธุ์ปาล์มน้ำมัน ในพื้นที่โครงการปลูกป่า ชัยพัฒนา-แม่ฟ้าหลวง ตำบลหนองพลับ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
3) การรับซื้อผลผลิตปาล์มน้ำมัน โดยกลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์
4) เครื่องจักรสกัดน้ำมัน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ร่วมกับ บริษัท เกรท อะโกร จำกัด กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์
5) เครื่องจักรผลิตน้ำมันไบโอดีเซล B100 กำลังการผลิต 1,000-2,000 ลิตรต่อวัน รับผิดชอบโดย บริษัท ปตท. จำกัด เพื่อแปรรูป CPO ที่จะได้จากเครื่องจักรสกัดของ สวทช. และ บริษัท เกรท อะโกร จำกัด
6) การจัดการของเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ในส่วนของทะลายปาล์มสด โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน จะใช้ระบบผลิตไฟฟ้าจากก๊าซเชื้อเพลิงชีวมวลแบบ 3 ขั้นตอน ขนาดกำลังการผลิต 100 kW กิโลวัตต์
7) การฝึกอบรม ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ โดยมูลนิธิชัยพัฒนา
2. ประมาณการค่าใช้จ่ายของทั้งโครงการฯ รวมทั้งสิ้น 75,481,000 บาท โดยแต่ละหน่วยงานจะจัดหาจากแหล่งเงินทุนต่างๆ โดยในส่วนของ "โครงการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตปาล์มน้ำมันเพื่ออุตสาหกรรมไบโอดีเซลชุมชนเชิงพาณิชย์ในพื้นที่ปลูกใหม่" ที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กรมวิชาการเกษตร และกรมส่งเสริมการเกษตร จะทำการศึกษาวิจัยพัฒนาสายพันธุ์ปาล์ม ตลอดจนการเขตกรรม การให้ปุ๋ย การให้น้ำ การดูแลวัชพืชและศัตรูพืช ในพื้นที่วิจัยทั้ง 2 แห่ง คือ บริเวณคลอง 9 หรือ คลอง 11 จ.ปทุมธานี ประมาณ 100 ไร่ และในพื้นที่โครงการปลูกป่า ชัยพัฒนา-แม่ฟ้าหลวง ตำบลหนองพลับ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประมาณ 150 ไร่ รวม 250 ไร่ นั้น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จำเป็นต้องขอรับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินงานในวงเงินรวม 33,140,000บาท (สามสิบสามล้านหนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถ้วน) โดยสรุปสาระสำคัญของโครงการฯ ได้ดังนี้
2.1 วัตถุประสงค์
1) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility) ทั้งด้านสถานภาพของระบบการปลูก การผลิตพืชน้ำมันที่มีศักยภาพในพื้นที่ที่มีสภาพดินกรดจัดบริเวณคลองรังสิต จ.ปทุมธานี จำนวน 100 ไร่ และในพื้นที่โครงการปลูกป่า ชัยพัฒนา-แม่ฟ้าหลวง ต.หนองพลับ อ.หัวหิน จ. ประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 150 ไร่
2) เพื่อศึกษากระบวนการเขตกรรมขนาดพอเหมาะแก่ชุมชน เพื่อทำน้ำมันไบโอดีเซล ทั้งด้านเศรษฐศาสตร์ สังคม และสิ่งแวดล้อม
3) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์เรียนรู้ชุมชน (Model Farm) ใน "ศูนย์ศึกษาพัฒนาและสาธิตพลังงานทดแทนด้วยไบโอดีเซลจากปาล์มน้ำมันแบบครบวงจร" ที่มีแบบจำลอง Process-base ของปาล์มน้ำมันเพื่อการปลูกและผลิตไบโอดีเซลครบวงจร
2.2 แนวทางดำเนินโครงการฯ
1) คัดเลือกสายพันธุ์ปาล์มน้ำมันที่เหมาะสมสำหรับปลูกในพื้นที่บริเวณคลองรังสิต จ.ปทุมธานี ได้แก่ พันธุ์ลูกผสมสุราษฎร์ธานี 1, 2 และ 3 รวมถึงพันธุ์อื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศที่ได้รับการรับรองจากกรมวิชาการเกษตรอีกจำนวนประมาณ 2 สายพันธ์ มาทดลองปลูกในพื้นที่แปลงสาธิต เพื่อศึกษาความเหมาะสมและความคุ้มค่าการผลิตปาล์มน้ำมันในแต่ละ Scale
2) ศึกษาเทคโนโลยีการผลิตปาล์มน้ำมันครบวงจรในพื้นที่บริเวณคลองรังสิต จ.ปทุมธานี และในพื้นที่โครงการปลูกป่าชัยพัฒนา-แม่ฟ้าหลวง อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้แก่ การวิจัยสายพันธุ์ การวิจัยการปลูกพืชเซมในสวนปาล์มเพื่อเพิ่มรายได้ชุมชน การควบคุมการปลูกโดยจัดสรรและจัดการน้ำแบบต่างๆ การศึกษาการจัดการและระดับการให้ปุ๋ยในปาล์มน้ำมัน การควบคุมการจัดการโรคและวัชพืชในปาล์มน้ำมัน การควบคุมและบังคับการออกดอกตัวเมียในปาล์มน้ำมัน การพัฒนาการเก็บเกี่ยวทะลายปาล์มสดเพื่อให้ได้น้ำมันปาล์มที่ได้ปริมาณและคุณภาพสูงสุด
3) ศึกษาผลที่มีต่อเศรษฐกิจ สังคม และสภาพแวดล้อมของการผลิตปาล์มน้ำมัน
4) ถ่ายทอดเทคโนโลยีและข้อมูลพื้นฐานของระบบฐานข้อมูลของผลงานวิจัยแก่ชุมชนและนักส่งเสริมในรูปแบบของ Research and extension (R&E)
2.3 งบประมาณ ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เป็นเงินทั้งสิ้น 33,140,000 บาท ประกอบด้วย
รายการ | ปี 2551 | ปี 2552 | ปี 2553 | ปี 2554 | ปี 2555 | รวม 5 ปี |
1. ค่าจ้าง | 960,000 | 960,000 | 960,000 | 960,000 | 960,000 | 4,800,000 |
2. ค่าตอบแทน | 600,000 | 600,000 | 600,000 | 600,000 | 600,000 | 3,000,000 |
3. ค่าใช้สอย | 2,850,000 | 2,750,000 | 2,750,000 | 3,000,000 | 3,000,000 | 14,350,000 |
4. ค่าวัสดุ | 1,750,000 | 1,550,000 | 1,550,000 | 1,550,000 | 1,550,000 | 7,950,000 |
5. ค่าบริหารโครงการ | 616,000 | 586,000 | 586,000 | 626,000 | 626,000 | 3,040,000 |
รวมแต่ละปี | 6,776,000 | 6,446,000 | 6,446,000 | 6,736,000 | 6,736,000 | 33,140,000 |
2.4 ระยะเวลาโครงการ 60 เดือน นับตั้งแต่ลงนามในหนังสือยืนยันกับ สนพ.
3. ฝ่ายเลขานุการมีความคิดเห็นว่า โครงการนี้มีวัตถุประสงค์และแนวทางดำเนินโครงการฯ อยู่ในกรอบแผนงานและหลักเกณฑ์ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติไว้แล้ว ฝ่ายเลขานุการฯ จึงเสนอคณะอนุกรรมการฯ เพื่อพิจารณาเห็นชอบให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ดำเนินงาน "โครงการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตปาล์มน้ำมันเพื่ออุตสาหกรรม ไบโอดีเซลชุมชนเชิงพาณิชย์ในพื้นที่ปลูกใหม่" โดยขอเสนอแต่งตั้ง ดร.สมเจตน์ ประทุมมินทร์ กรมวิชาการเกษตร และนายรังสรรค์ สโรชวิกสิต กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เป็นผู้เชี่ยวชาญพิจารณารายละเอียดของโครงการฯ และเมื่อมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ปรับปรุงแผนงานของโครงการฯ ตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญทั้ง 2 ท่านเรียบร้อยแล้ว ให้เสนอ ผอ.สนพ. พิจารณาและลงนามในหนังสือยืนยันการให้ทุนฯ กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ต่อไป
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้ สนพ. จัดสรรเงินกองทุนฯ แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค โครงการสนับสนุนการศึกษาวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน ปีงบประมาณ 2551 ให้ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับ "โครงการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตปาล์มน้ำมันเพื่ออุตสาหกรรมไบโอดีเซลชุมชนเชิงพาณิชย์ในพื้นที่ปลูกใหม่" ในวงเงิน 33,140,000 บาท (สามสิบสามล้านหนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถ้วน) ดังรายละเอียดปรากฏตามเอกสารแนบวาระ 3.3.1 และแต่งตั้ง ดร.สมเจตน์ ประทุมมินทร์ และนายรังสรรค์ สโรชวิกสิต เป็นผู้เชี่ยวชาญพิจารณาโครงการฯ ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอในข้อ 2 โดยใช้เงินส่วนที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 2/2550 (ครั้งที่ 46) เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2551 ได้จัดสรรให้ สนพ. ไว้แล้ว
อนุ กอ. ครั้งที่ 15 - วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2551
มติคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 2/2551 (ครั้งที่ 15)
วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 เวลา 09.00 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. รายงานฐานะการเงินและงบการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
2. รายงานผลการดำเนินงานกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานประจำปีบัญชี 2550
3. ข้อเสนอแนะของคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน
4. ผลการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2551 และขอความเห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
5. ขอความเห็นชอบนำเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานฝากธนาคารของรัฐ
6. ขอความเห็นชอบเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2551
7. ขอความเห็นชอบผลการดำเนินงานโครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมันและพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจรในพื้นที่ตัวอย่างเขตภาคเหนือ ปีที่ 3 และพิจารณาแผนงานโครงการฯ ปีที่ 4
8. ขอความเห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนฯ สำหรับการดำเนินงานตามแผนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์
9. ขอความเห็นชอบปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล) ประธานอนุกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล) อนุกรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 รายงานฐานะการเงินและงบการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานฐานะการเงินและงบการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ต่อคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานมาเพื่อโปรดทราบ ดังนี้
1. รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำเดือนกันยายน 2551 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551 ซึ่งสรุปได้ดังนี้
หน่วย : บาท
ยอดยกมา (ณ 1 กันยายน 2551) | 6,355,019,354.22 |
บวก รายรับ | 1,381,743,397.25 |
รวม | 7,736,762,751.47 |
(หัก) รายจ่าย | (513,007,164.83) |
คงเหลือ ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 | 7,223,755,586.64* |
* ประกอบด้วย | |
1) เงินฝากธนาคารกรุงไทย - ออมทรัพย์ สาขาสะพานขาว | 7,148,086,336.39 |
2) เงินฝากธนาคารกสิกรไทย - ออมทรัพย์ สาขากิ่งเพชร | 75,669,250.25 |
2. งบการเงินของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน กรมบัญชีกลาง ประจำปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2550, 2549 และ 2548 สรุปได้ดังนี้
2.1 เงินสดคงเหลือในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคาร อาคารสงเคราะห์ ประกอบด้วย
หน่วย : ล้านบาท
ปี 2550 | ปี 2549* | ปี 2548* | |
เงินสดคงเหลือต้นงวด | 980.15 | 602.10 | 296.50 |
บวก รายรับ | 2,528.39 | 4,664.24 | 5,027.67 |
รวม | 3,508.54 | 5,266.34 | 5,324.17 |
(หัก) รายจ่าย | (2,753.77) | (4,286.19) | (4,722.07) |
เงินคงเหลือ ณ วันที่ 30 ก.ย. | 754.77 | 980.15 | 602.10 |
บวก | |||
1) เงินฝากธนาคารกรุงไทย - ประจำ 3 เดือน | 2.19 | 2.13 | 2,515.56 |
2) เงินฝากธนาคารอาคารสงเคราะห์ - ประจำ 3 เดือน | 3,747.41 | 3,934.06 | - |
3) เงินฝากธนาคารอาคารสงเคราะห์ - ประจำ 12 เดือน | - | - | 4,000.00 |
รวมคงเหลือทั้งสิ้น ณ วันที่ 30 ก.ย. | 4,504.37 | 4,916.34 | 7,117.66 |
หมายเหตุ * งบการเงินฯ ปี 2548 และ 2549 สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบรับรองเรียบร้อยแล้ว
โดย สตง. ได้ให้ข้อสังเกตว่า มีเงินกองทุนฯ ที่ สนพ. เบิกมาจาก กรมบัญชีกลางและค้างจ่ายอยู่ ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 184,476,648.16 บาท เพื่อรอจ่ายให้กับผู้ได้รับจัดสรรเงินกองทุนฯ หรือคู่สัญญา สตง. ได้แนะนำให้ สนพ. เร่งรัดการเบิกจ่ายเงินตามโครงการต่างๆ ที่ค้างอยู่ให้เสร็จสิ้นไปโดยเร็ว หากโครงการใดมีปัญหาอุปสรรคที่ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ตามแผนงานเดิม ก็ควรส่งเงินจำนวนนั้นคืนกองทุนฯ ซึ่ง สนพ. ได้ดำเนินการตามคำแนะนำของ สตง. แล้ว เมื่อ 20 ธันวาคม 2550 พร้อมทั้งแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามคำแนะนำของ สตง. โดยเคร่งครัดด้วย
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ รายงานฐานะการเงินและงบการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 2 รายงานผลการดำเนินงานกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานประจำปีบัญชี 2550
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบว่า "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ได้เข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนของกรมบัญชีกลาง (บก.) ในปีประจำบัญชี 2549 โดยมีประธานกรรมการกองทุน ฯ เป็นผู้ลงนามในบันทึกข้อตกลงการประเมินทุนหมุนเวียน (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน) กับกระทรวงการคลัง โดย บก. ได้มอบหมายให้ บริษัท ไทยเรตติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส; TRIS) เป็นผู้ดำเนินการประเมิน
2. ในปีบัญชี 2550 กรมบัญชีกลางได้มอบหมายให้บริษัททริส เป็นผู้ดำเนินการประเมิน โดยได้มีการกำหนดเกณฑ์ประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ แบ่งออกเป็น 4 ด้าน รวม 7 ตัวชี้วัด โดยตัวชี้วัดด้านที่ 1 และด้านที่ 2 มีเกณฑ์วัดและน้ำหนักเท่ากันทุกปี โดยผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2550 คะแนนอยู่ในระดับ 2.843 ซึ่งสามารถสรุปได้ ดังนี้
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ ผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2550 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 3 ข้อเสนอแนะของคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานต่อที่ประชุมว่า คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ได้มีหนังสือ เรียน รองนายกรัฐมนตรี (นายสหัส บัณฑิตกุล) ประธานกรรมการกองทุนฯ เรื่อง ข้อเสนอเพื่อพิจารณาทบทวนปรับปรุงการบริหารจัดการกองทุนฯ ซึ่งประธานกรรมการกองทุนฯ ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และมีบัญชาให้นำข้อเสนอแนะดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการกองทุนฯ ซึ่งข้อเสนอแนะดังกล่าวสรุปได้ ดังนี้
(1) มีโครงการจำนวนมากที่ดำเนินการช้ากว่าแผนและข้อตกลงที่กำหนดไว้ในสัญญา
ข้อเสนอแนะ ควรมีบทลงโทษหรือบทปรับในสัญญาหากดำเนินการล่าช้า และการทำสัญญาควร ทำกับนิติบุคคลเพื่อเอาผิดกับผู้ดำเนินโครงการได้
(2) โครงการต่อเนื่องที่ต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการหลายปี ในระหว่างดำเนินการอาจประสบปัญหาทางด้านเทคโนโลยีหรือสภาวะแวดล้อมเปลี่ยนแปลง ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ตามที่คาดไว้
ข้อเสนอแนะ ควรระบุไว้ในสัญญาว่าจะต้องมีการทบทวน (Review) และประเมินโครงการเมื่อ สิ้นสุดการดำเนินงานปีแรก ก่อนที่จะมีการพิจารณาอนุมัติให้ดำเนินการต่อไป
(3) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการโครงการ
ข้อเสนอแนะ ควรมีการตั้งคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ (Steering Committee) เพื่อพิจารณาให้ ความเห็นกลั่นกรอง ก่อนอนุมัติโครงการ
2. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รับข้อเสนอแนะของคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ตามข้อ 1 และจะนำไปพิจารณาเพื่อปรับปรุงวิธีปฏิบัติงานให้เข้มข้นมากขึ้นจากแนวทางปฏิบัติเดิมที่ใช้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 ซึ่งก็มีความใกล้เคียงกับข้อเสนอแนะดังกล่าวอยู่แล้ว ดังนี้
2.1 กรณีโครงการจำนวนมากที่ดำเนินการช้ากว่าแผนและข้อตกลงที่กำหนดไว้ในสัญญา
วิธีที่ใช้ปฏิบัติกรณีที่ 1 เป็นการให้ทุนเพื่อ สนับสนุน ช่วยเหลือ เป็นเงินอุดหนุน ให้แก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา หรือองค์กรเอกชน (มีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย มีกิจกรรมเกี่ยวข้องโดยตรงกับการอนุรักษ์พลังงาน และมิได้มีวัตถุประสงค์ในทางการเมืองหรือมุ่งค้าหากำไร) เพื่อนำไปใช้จ่ายดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ ที่กำหนดในข้อ 25 และข้อ 26 แห่งพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535
ซึ่งในกรณีนี้ จะทำเป็น "หนังสือยืนยันการรับทุน" ที่ไม่ได้กำหนดบทปรับไว้ อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันการละทิ้งงานและเสียประโยชน์ของกองทุนฯ สนพ. ได้กำหนดเงื่อนไขไว้ใน "หนังสือยืนยันการรับทุน" ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2538 ตามข้อความดังนี้
ข้อ 5. "ผู้ได้รับจัดสรรเงินกองทุน" จะดำเนินโครงการตาม ข้อ 3 โดยมีกำหนดเวลาสิ้นสุดโครงการฯ ภายในระยะเวลา ------ วัน นับตั้งแต่วันที่ ---- /---- /------
หาก "ผู้ได้รับจัดสรรเงินกองทุน" ไม่ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามวรรคหนึ่ง หรือตามที่กำหนดในเอกสารแนบท้ายหนังสือยืนยันหมายเลข 4 โดยไม่ยื่นเรื่องเพื่อชี้แจงต่อ "ผู้เบิกเงินกองทุน" ด้วยเหตุผลอันสมควร "ผู้เบิกเงินกองทุน" สงวนสิทธิ์ในการปฏิบัติตาม ข้อ 13 และจะออกหนังสือแจ้งเวียนไปยังหน่วยงานที่สามารถให้ทุนสนับสนุนในโครงการต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ นั้น ระงับหรือยกเว้นมิให้การสนับสนุน "ผู้ได้รับจัดสรรเงินกองทุน" ต่อไป
ข้อ 13. การระงับงานชั่วคราวและการระงับการให้การสนับสนุน
13.1 "ผู้ได้รับจัดสรรเงินกองทุน" ยินยอมให้ "ผู้เบิกเงินกองทุน" ระงับงานชั่วคราว หรือระงับการให้การสนับสนุนตามหนังสือยืนยันฉบับนี้ได้ หาก "ผู้เบิกเงินกองทุน" เห็นว่า "ผู้ได้รับจัดสรรเงินกองทุน" มิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้นี้ โดย "ผู้เบิกเงินกองทุน" จะมีหนังสือแจ้งให้ "ผู้ได้รับจัดสรรเงินกองทุน" ทราบ ล่วงหน้า 60 วัน ก่อนการระงับงานชั่วคราวหรือการระงับการให้การสนับสนุน
13.2 เมื่อมีการระงับการให้การสนับสนุนตาม ข้อ 13.1 "ผู้เบิกเงินกองทุน" จะจ่ายเงินให้แก่ "ผู้ได้รับจัดสรรเงินกองทุน" ในสัดส่วนที่เหมาะสมตามผลการดำเนินโครงการที่ "ผู้ได้รับจัดสรรเงินกองทุน" ได้ดำเนินการไว้ตามข้อเสนอโครงการตาม ข้อ 3.และ "ผู้ได้รับจัดสรรเงินกองทุน" จะต้องคืนเครื่องมือเครื่องใช้และวัสดุอุปกรณ์ทั้งหลายที่ "ผู้ได้รับจัดสรรเงินกองทุน" ได้จัดซื้อด้วยเงินที่ได้รับจัดสรรจากกองทุนให้แก่ "ผู้เบิกเงินกองทุน" ทั้งหมด
แนวทางปฏิบัติที่ สนพ. ใช้ดำเนินการอยู่ คือ การแจ้งเตือนล่วงหน้าไปยัง "ผู้ได้รับจัดสรรเงินกองทุน" และการแจ้งเตือนเมื่อเลยกำหนดเวลา เพื่อให้ปฏิบัติตามข้อความที่ปรากฏในหนังสือยืนยัน
วิธีที่ใช้ปฏิบัติกรณีที่ 2 เป็นการว่าจ้างให้ สถาบันการศึกษา หรือองค์กรเอกชน หรือเอกชน ดำเนินการศึกษา วิจัย หรือดำเนินการในเรื่องนั้นๆ โดยปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535
ซึ่งในกรณีนี้จะทำเป็น "สัญญาว่าจ้าง" ตามแบบที่คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ (กวพ.) ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ กำหนดเรื่อง "ค่าปรับ" ไว้ และเป็นเรื่องที่ทุกส่วนราชการต้องถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดอยู่เป็นปกติอยู่แล้ว
2.2 กรณีโครงการต่อเนื่องที่ต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการหลายปี ควรระบุไว้ในสัญญาว่าจะต้องมีการทบทวน (Review) และประเมินโครงการเมื่อสิ้นสุดการดำเนินงานปีแรก ก่อนที่จะมีการพิจารณาอนุมัติให้ดำเนินการต่อไป
วิธีที่ใช้ปฏิบัติ หลักการของการพิจารณาของกองทุนฯ ที่จะให้เงินช่วยเหลือ อุดหนุนแก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา หรือองค์กรเอกชนไปดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อก่อให้เกิดการอนุรักษ์พลังงาน ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ ตามมาตรา 25 โดยบางโครงการได้สนับสนุนเป็นโครงการระยาวที่ใช้เวลาดำเนินการเกินกว่า 2 ปี ทั้งนี้เพื่อความต่อเนื่องของงานที่ต้องการเห็นผลในทางปฏิบัติอย่างจริงจัง หรือเป็นงานที่ต้องใช้เวลาในการศึกษาวิจัยดูการพัฒนาเป็นขั้นตอน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการอนุมัติไว้ในหลักการเพื่อให้ผู้วิจัยพัฒนามีความเชื่อมั่นของการทำงานในระยะยาว ที่มีการควบคุมประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงาน โดยมีเงื่อนไขให้เจ้าของโครงการรายงานผลให้คณะกรรมการกองทุนฯ ทราบเป็นประจำทุกปี ก่อนที่จะจัดสรรเงินสำหรับการดำเนินงานปีต่อไป เช่น
- โครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดกลางและขนาดใหญ่
- โครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมันและพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจรในพื้นที่ตัวอย่างเขตภาคเหนือ
- โครงการพัฒนาบัณฑิตศึกษาและงานวิจัยด้านเทคโนโลยีพลังงานและสิ่งแวดล้อม
2.3 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการโครงการ ควรมีการตั้งคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ (Steering Committee) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นกลั่นกรอง ก่อนอนุมัติโครงการ
วิธีที่ใช้ปฏิบัติ ในกระบวนการพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ที่จะให้เงินช่วยเหลือ อุดหนุนแก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา หรือองค์กรเอกชนไปดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อก่อให้เกิดการอนุรักษ์พลังงาน ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ ตามมาตรา 25 นั้น สนพ. จะมีการตั้งคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ ครั้งละ 2-5 คน เพื่อพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอและให้ความเห็น ก่อนการพิจารณาอนุมัติ อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายเลขานุการฯ จะรับข้อเสนอแนะของคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ตามที่เสนอ และจะได้แจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น พพ. สป.พน. เป็นต้น เพื่อรับทราบและนำไปปรับปรุงวิธีปฏิบัติงานให้เข้มข้นมากขึ้น เพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลและการใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ ข้อเสนอแนะของคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอ
ประธานฯ ได้เสนอที่ประชุมว่า กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการจัดทำแผนพลังงานทดแทน 15 ปี ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นประชาชน คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายเดือนพฤศจิกายน 2551 จึงขอให้เลื่อนการพิจารณาวาระดังกล่าวออกไปก่อน เพื่อจะได้ทำการบูรณาการแผนพลังงานทดแทน 15 ปี เข้ากับแผนงานประจำปี 2552 ที่เสนอมา
เรื่องที่ 5 ขอความเห็นชอบนำเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานฝากธนาคารของรัฐ
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมว่า พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 และแก้ไขเพิ่มโดย พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 ตามมาตรา 24 ได้กำหนดให้จัดตั้งกองทุนหนึ่งเรียกว่า "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ในกระทรวงพลังงาน เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนและใช้จ่ายช่วยเหลือ หรืออุดหนุนการดำเนินงาน และมาตรา 24/1 กำหนดให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้สิน และเงิน จาก "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในกระทรวงการคลัง" ไปเป็นของ "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน"
2. "กรมบัญชีกลาง" ได้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้สิน และเงิน ของ "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ข้างต้นให้ "กระทรวงพลังงาน" เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2551 โดยปลัดกระทรวงพลังงานเห็นว่าเพื่อให้การดำเนินงานในช่วงเปลี่ยนผ่านนั้น มีความต่อเนื่องและถูกต้อง จึงมอบหมายให้ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการกองทุนฯ เป็นผู้รับโอนงาน โดย สนพ. ได้นำเงินกองทุนฯ ฝากไว้กับ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาสะพานขาว ประเภทออมทรัพย์ และด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุนฯ ในคราวการประชุมเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2551 สนพ. ได้เปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์ (ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขา กิ่งเพชร) สำหรับรองรับการโอนเงินจากบัญชีเงินฝากกองทุนฯ เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการเบิกจ่ายเงิน และโอนเงินให้แก่ผู้เบิกเงินกองทุน และผู้ได้รับจัดสรรเงินกองทุน
3. ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 กำหนดเรื่องการเปิดบัญชีเงินฝาก "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ไว้ในหมวด 1 การรับเงินกองทุน ข้อ 6 ให้เปิดบัญชีเงินฝาก "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ประเภทเงินฝากกระแสรายวัน เงินฝากออมทรัพย์หรือเงินฝากประจำกับสถาบันการเงินที่เป็นของรัฐหรือธนาคารพาณิชย์ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ เห็นสมควร โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
4. ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 กองทุนฯ มีเงินรวมประมาณ 7,224 ล้านบาท โดยเป็นเงินรอจ่ายให้กับผู้เบิกเงินกองทุนฯ คือ สนพ. และ พพ. นำไปใช้จ่ายตามแผนการใช้จ่ายเงินประมาณ 4,000 ล้านบาทต่อปี ส่วนจำนวนเงินที่เหลืออยู่ประมาณ 3,000 ล้านบาท จะเก็บอยู่ใน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาสะพานขาว ประเภทออมทรัพย์ และเกิดดอกผลในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ ร้อยละ 0.75 บาทต่อปี ทำให้กองทุนฯ เสียโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนในระดับสูงจากเงินฝากที่มีอยู่ 3,000 ล้านบาท ดังนั้น สนพ. (ในฐานะผู้เก็บรักษาเงินของกองทุนฯ) เห็นว่า ถ้าสามารถจัดสรรเงินโดยคำนึงถึงสภาพคล่องของกองทุนฯ และนำเงินส่วนที่เกินความจำเป็นใช้ตามช่วงเวลานั้นๆ ไปฝากกับสถาบันการเงินของรัฐ เช่น ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ประเภทฝากประจำ 3 เดือน, 6 เดือน หรืออื่นๆ เหมือนดังที่ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้เคยปฏิบัติไว้ ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่การบริหารเงินของกองทุนฯ เกิดประโยชน์มากขึ้น
มติที่ประชุม
เห็นชอบในหลักการให้ สนพ. ในฐานะผู้เก็บรักษาเงินของกองทุนฯ สามารถบริหารเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานให้สอดคล้องกับการเบิกจ่ายเงินตามภาระผูกพันโดยการนำไปฝากธนาคารของรัฐ ที่ให้ผลตอบแทนกับกองทุนฯ ในระดับสูง โดย "คณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" มีอำนาจพิจารณาเห็นสมควร โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง และเมื่อ สนพ. ดำเนินการแล้ว ให้รายงานคณะกรรมการกองทุนฯ รับทราบต่อไป และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาต่อไป
ฝ่ายเลขานุการได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า กรมบัญชีกลาง (บก.) ได้มีหนังสือถึงฝ่ายเลขานุการฯ เพื่อให้นำเรื่อง เกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2551เสนอต่อคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนนำเสนอให้ประธานคณะกรรมการฯ ลงนาม บันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานฯ และส่งคืนกรมบัญชีกลางภายในวันที่ 16 พฤษภาคม 2551 โดยใน ปีบัญชี 2551 จะมีการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุน 4 ด้าน 9 ตัวชี้วัด ซึ่งสรุปได้ ดังนี้
(1) ผลการดำเนินงานด้านการเงิน (น้ำหนักร้อยละ 15)
ตัวชี้วัดที่ 1.1 | ร้อยละของงบประมาณที่มีการผูกพันสัญญาต่องบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากกองทุน (น้ำหนักร้อยละ 8) |
ตัวชี้วัดที่ 1.2 | ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงและผูกพันเทียบกับงบประมาณ (น้ำหนักร้อยละ 7) |
(2) ผลการดำเนินงานด้านปฏิบัติการ (33%)
ตัวชี้วัดที่ 2.1 | ร้อยละของจำนวนโครงการที่มีการทำสัญญาของแต่ละแผนงานต่อจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติทั้งหมดของแต่ละแผนงาน (น้ำหนักร้อยละ 16)
- แผนพลังงานทดแทน - แผนเพิ่มประสิทธิภาพ - แผนบริหารทางกลยุทธ์ |
ตัวชี้วัดที่ 2.2 | ร้อยละความสำเร็จของจำนวนโครงการที่ผูกพันและดำเนินงานได้ตามแผนภายในปีบัญชี 2551 ต่อจำนวนโครงการที่ผูกพันและมีแผนดำเนินงานภายในปีบัญชี 2551(น้ำหนักร้อยละ 17)
- แผนพลังงานทดแทน - แผนเพิ่มประสิทธิภาพ - แผนบริหารทางกลยุทธ์ |
(3) การสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (15%)
ตัวชี้วัดที่ 3.1 | การสำรวจความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ประจำปีบัญชี 2551 (น้ำหนักร้อยละ 5) |
ตัวชี้วัดที่ 3.2 | การจัดทำแผนการปรับปรุงการให้บริการจากผลสำรวจความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ประจำปีบัญชี 2551 (น้ำหนักร้อยละ 10) |
(4) การบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียน (37%)
ตัวชี้วัดที่ 4.1 | การดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการ ประจำปีบัญชี 2550 (น้ำหนักร้อยละ 15) |
ตัวชี้วัดที่ 4.2 | การติดตามประเมินผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (น้ำหนักร้อยละ 12) |
ตัวชี้วัดที่ 4.3 | การจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปีบัญชี 2552 (น้ำหนักร้อยละ 10) |
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้นำเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2551 (เอกสารประกอบวาระ 4.3) เสนอต่อคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนนำเสนอต่อประธานกรรมการกองทุนฯ เพื่อลงนามในบันทึกข้อตกลงการประเมินกับกระทรวงการคลัง ต่อไป
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 2/2548 (ครั้งที่ 2) เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2548 ได้อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ งานศึกษาเชิงนโยบายและวิชาการ ให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ในวงเงินรวม 50 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายใน โครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมันและพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจรในพื้นที่ตัวอย่างเขตภาคเหนือ ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี (มิถุนายน 2548-มิถุนายน 2553) โดยมีเป้าประสงค์ดังนี้
(1) ศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility) ทั้งด้านสถานภาพของระบบการปลูก การผลิตพืชน้ำมัน ที่มีศักยภาพในชุมชนภาคเหนือ
(2) ศึกษากระบวนการสกัดแปรรูปน้ำมันดิบของโรงงานขนาดพอเหมาะแก่ชุมชน เพื่อทำน้ำมันไบโอดีเซล ทั้งด้านเศรษฐศาสตร์ สังคม และสิ่งแวดล้อม
(3) จัดทำศูนย์เรียนรู้ชุมชน (Farm model) ที่มีแบบจำลอง Process-based ของปาล์มน้ำมันและสบู่ดำ เพื่อการปลูกและผลิตไบโอดีเซลครบวงจร
2. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 3/2549 (ครั้งที่ 44) เมื่อ 21 ธันวาคม 2549 ได้เห็นชอบผลการดำเนินงานโครงการฯ ปีที่ 1 และอนุมัติเงินกองทุนฯ ในวงเงินรวม 40 ล้านบาท ให้ มช. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของโครงการฯ สำหรับปีที่ 2-5 โดยให้ มช. เสนอผลการดำเนินงานแต่ละปีให้คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ทราบและเห็นชอบก่อน สนพ. จะจัดสรรเงินดำเนินการปีที่ 3-5
3. ผลการดำเนินโครงการฯ ปีที่ 3
3.1 มช. ได้ดำเนินโครงการศึกษาวิจัยฯ ต่อเนื่องจากงานปีที่ 2 ที่ได้คัดเลือกสายพันธุ์ปาล์มน้ำมัน 3,200 ต้น และคัดเลือกสายพันธุ์สบู่ดำ 10,000 ต้น และได้นำไปลงปลูกในแปลงวิจัยพื้นที่ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 2 แห่ง รวม 386 ไร่ คือ แปลงวิจัยศรีบัวบาน จ.ลำพูน 350 ไร่ ควบคุมสภาวะแวดล้อม 100% และที่แปลงวิจัยแม่เหียะ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ 36 ไร่ ควบคุมสภาวะแวดล้อม 50% การควบคุมวิธีการให้น้ำทั้ง 2 แห่ง ด้วยระบบชลประทานน้ำหยด การคลุมด้วยวัสดุต่างๆ ปริมาณการให้น้ำ ระยะเวลาการให้น้ำ ที่เหมาะสม การจัดการปุ๋ย ได้แก่ ปุ๋ยยูเรีย ฟอสเฟต ปุ๋ยคอก และการตัดแต่งกิ่ง วิจัยผลกระทบต่อปาล์มน้ำมันและสบู่ดำ ที่เกิดจากการจัดการวัชพืชด้วยวิธีต่างๆ วิธีปลูกพืชแซมที่ไม่กระทบต่อปาล์มน้ำมันและสบู่ดำ
3.2 ในปีที่ 3 ได้เก็บข้อมูลวิจัยการเจริญเติบโตปาล์มน้ำมัน และสบู่ดำ ในแปลงวิจัยทั้ง 2 แห่ง
1) สบู่ดำ อายุ 31 เดือน (ณ เดือนมิถุนายน 2551) เจริญเติบโตได้ดี มีการให้ผลผลิตของสบู่ดำในปีที่ 2 เฉลี่ย 357 กิโลกรัม/ไร่ โดยพันธุ์ชัยภูมิให้ผลผลิตมากที่สุด คือ 430.71 กิโลกรัม/ไร่/ปี ส่วนสบู่ดำพันธุ์สตูล ให้ผลผลิตน้อยที่สุด คือ 281.95 กิโลกรัม/ไร่/ปี โดยสรุปกรรมวิธีที่ให้ผลผลิตสูงที่สุด คือการใช้ระยะปลูก 3x3 เมตร ให้ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 10 กก./ไร่ ผสมกับ ขี้วัว ในอัตรา 500 กก./ ไร่ ฤดูแล้งให้น้ำในอัตรา 20 ลิตร/ต้น ทุก 14 วัน และงดให้น้ำในฤดูฝน ทำการตัดแต่งกิ่ง 1 ครั้งหลังปลูกได้ความสูง 25 เซนติเมตร สำหรับผลปีที่ 3 จะทราบผลในรายงานความก้าวหน้าครั้งต่อไป
แหล่งที่มาของพันธุ์ | ผลผลิตสบู่ดำปีที่ 1 (กก./ไร่/ปี) |
ผลผลิตสบู่ดำปีที่ 2 (กก./ไร่/ปี) |
สตูล | 187.43 | 281.95 |
กำแพงแสน | 182.96 | 300.01 |
กาญจนบุรี | 185.65 | 360.09 |
ปราจีนบุรี | 181.36 | 360.32 |
ชัยภูมิ | 218.96 | 430.71 |
ตากฟ้า | 230.45 | 409.32 |
นอกจากนั้นได้พัฒนานำผลพลอยได้ที่ได้จากสบู่ดำมาใช้ประโยชน์ ประกอบด้วย การนำเปลือกและเนื้อลำต้นสบู่ดำ เปลือกผลสบู่ดำ กากเมล็ดสบู่ดำหลังการสกัดน้ำมัน นำไปอัดแท่งสำหรับเป็นเชื้อเพลิง พบว่ามีค่าร้อน 4,000 kcal/kg ซึ่งสูงกว่าค่าความร้อนของแกลบ และได้ทดลองนำลำต้นและกิ่งของสบู่ดำหลังการตัดแต่งกิ่งไปผลิตเป็นกระดาษจากต้นสบู่ดำ นอกจากนี้ยังได้นำกากสบู่ดำไปผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์ สำหรับใช้ในแปลงวิจัยต่อไป
2) ปาล์มน้ำมัน อายุ 31 เดือน (ณ เดือนมิถุนายน 2551) เจริญเติบโตดี มีความสูงเฉลี่ย 398.14 เซนติเมตร จำนวนทางใบเฉลี่ย 47 ทางใบ การให้ดอกของปาล์มน้ำมัน พบว่า ปาล์มน้ำมันพันธุ์สุราษฎร์ธานี 2 ให้ดอกมากที่สุด มีจำนวนต้นที่ให้ดอกสูงสุด 322 ต้น คิดเป็นร้อยละ 63 ของจำนวนต้นทั้งหมด และ ปาล์มน้ำมันพันธุ์สุราษฎร์ธานี 1 มีการให้ดอกต่อต้นสูงที่สุด 1.95 ดอกต่อต้นที่ให้ดอก โดยจะทราบว่าปาล์มน้ำมันจะให้ผลผลิตหรือไม่ ต้องรอให้ปาล์มน้ำมันมีอายุประมาณ 36 เดือน หรือประมาณเดือนพฤศจิกายน 2551
พันธุ์ | จำนวนต้น ทั้งหมด |
จำนวนต้น ที่ให้ดอก |
จำนวนดอกเพศผู้ | จำนวนดอกเพศเมีย | จำนวนดอกรวม | จำนวนดอกต่อต้น |
สุราษฎร์ธานี1 | 481 | 176 (37%) | 267 | 76 | 343 | 1.95 |
สุราษฎร์ธานี2 | 508 | 322 (63%) | 336 | 152 | 488 | 1.52 |
ไนจีเรีย | 354 | 209 (59%) | 175 | 139 | 314 | 1.50 |
เดลี่ ลาเม่ | 422 | 152 (36%) | 69 | 85 | 154 | 1.01 |
3.3 มช. ได้ศึกษาออกแบบพัฒนาเครื่องสกัดน้ำมันสบู่ดำ เครื่องหีบน้ำมันปาล์มขนาดเล็ก และเครื่องผลิตไบโอดีเซลขนาด 300 ลิตรต่อครั้ง ดังนี้
1) พัฒนาออกแบบเครื่องกะเทาะเปลือกผลสบู่ดำ อัตรากำลังการผลิต 600 กิโลกรัมสบู่ดำสด/ชั่วโมง ใช้แรงงานคนหมุนล้อกำลัง ที่ราคา 15,000 บาทต่อเครื่อง
2) พัฒนาออกแบบเครื่องสกัดน้ำมันสบู่ดำแบบสกรู ขนาด 5-6 กิโลกรัมต่อชั่วโมง หีบน้ำมันได้ไม่ต่ำกว่า 31% ของเมล็ดสบู่ดำ ที่ราคา 65,000 บาทต่อเครื่อง
3) พัฒนาออกแบบเครื่องหีบน้ำมันปาล์มขนาดเล็ก กำลังการผลิต 50 กิโลกรัมผลปาล์มสดต่อชั่วโมง หีบน้ำมันปาล์มดิบได้ 19-20% ของทลายปาล์มสด ที่ราคา 300,000 บาทต่อเครื่อง ในเบื้องต้นประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องสกัดน้ำมันปาล์ม ยังไม่สมบูรณ์ดี เนื่องจากอาจมีการคำนวณรอบของสกรูน้อยเกินไป ทำให้จำนวนรอบการหีบน้ำมันค่อนข้างช้า จึงต้องทำการปรับแก้ไข โดยผลการปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องหีบน้ำมันปาล์มจะรายงานผลในรายงานความก้าวหน้าครั้งต่อไป
4) ร่วมกับกรมอู่ทหารเรือพัฒนาออกแบบ และสร้างเครื่องผลิตไบโอดีเซลขนาด 300 ลิตรต่อครั้ง (ผลิต 3 ครั้งต่อวัน) สามารถผลิตไบโอดีเซลได้จาก น้ำมันพืชใช้แล้ว สบู่ดำ และปาล์มน้ำมัน ที่ราคา 500,000 บาทต่อเครื่อง
3.4 มช. ได้ศึกษาการพัฒนาการเพิ่มผลผลิตสบู่ดำ โดยใช้เทคโนโลยีพันธุวิศวกรรม โดยได้ติดต่อกับมหาวิทยาลัยภายในประเทศไทย 5 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยสุรนารี และต่างประเทศจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ 1.University of Hawaii at Manoa 2.University of Harper-Adam,England 3.University of Hohenheim,Germany เพื่อขอความร่วมมือทางด้านวิชาการด้านการใช้เทคโนโลยีพันธุวิศวกรรมในการเพิ่มผลผลิตสบู่ดำ พบว่า สำหรับหน่วยงานภายในประเทศไทยยังไม่มีหน่วยงานใดที่จะตกลงความร่วมมือดำเนินงานวิจัยร่วมกับโครงการฯ ทั้งนี้ เนื่องจากแต่ละสถาบันยังมีข้อมูลไม่เพียงพอ โดยให้เหตุผลในทางเดียวกันว่าการพัฒนางานวิจัยดังกล่าวจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 5 ปี จึงจะได้คำตอบในเบื้องต้น ประกอบกับต้องใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง ในการตรวจหาสายพันธุ์ DNA ที่เป็นสายพันธุ์เด่นและให้ผลผลิตสูงของสบู่ดำ รวมทั้งต้องศึกษาเรื่องข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเรื่องเทคโนโลยีพันธุวิศวกรรม ดังนั้นจึงต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินวิจัยนานพอสมควรและสำหรับสถาบันในต่างประเทศ ทั้ง 3 แห่งที่ได้แจ้งไว้ข้างต้น พบว่า University of Hawaii at Manoa ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ ผู้วิจัยได้ทำการคัดเลือกสายพันธุ์สบู่ดำจากแปลงวิจัยที่ให้ผลผลิตสูง เพื่อใช้ในงานพัฒนาการเพิ่มผลผลิตสบู่ดำ โดยอาศัยเทคโนโลยีพันธุวิศวกรรมต่อไป
4. แผนการดำเนินงาน ปีที่ 4
แผนงานส่วนใหญ่ยังคงเป็นเรื่องการศึกษาวิจัยการเจริญเติบโตของต้นปาล์มน้ำมัน และต้นสบู่ดำ ทั้งในแปลงวิจัย และแปลงสาธิต โดยในปีที่ 3 จะเป็นปีที่ต้นปาล์มน้ำมันในแปลงวิจัยครบรอบของการให้ผลผลิตในครั้งแรก ซึ่งจะทราบโอกาสและความเป็นไปได้ของการปลูกปาล์มในภาคเหนือ และจะเริ่มพัฒนาสายพันธุ์สบู่ดำด้วยวิธีตัดต่อพันธุกรรม (GMO) ร่วมกับ University of Hawaii at Manoa เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตต่อไร่ด้วย โดย มช. ประมาณการรายจ่ายสำหรับปีที่ 4 ในวงเงิน 11,886,000 บาท ดังรายละเอียดแผนงานและค่าใช้จ่ายของโครงการฯ โดยสรุปขอบเขตงานได้ดังนี้
4.1 งานด้านเกษตรกรรม
(1) ดำเนินการวิจัย เก็บข้อมูล และวิเคราะห์ผลการเจริญเติบโตปาล์มและสบู่ดำต่อเนื่องจากปีที่ 3 ประกอบด้วย การเปรียบเทียบสายพันธุ์และเทคโนโลยีการปลูก ด้วยการจัดการชลประทาน การจัดการปุ๋ย การจัดการวัชพืช ที่แตกต่างกัน ของปาล์มน้ำมันและสบู่ดำ
(2) พัฒนาสายพันธุ์สบู่ดำให้ได้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น โดยใช้เทคโนโลยี และการพัฒนาระบบเขตกรรม
(3) พัฒนาสายพันธุ์ด้วยวิธีตัดต่อพันธุกรรม (GMO) เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตต่อไร่ เพิ่มเปอร์เซ็นต์น้ำมันในเมล็ดสบู่ดำ และพัฒนาให้สบู่ดำให้ผลผลิตพร้อมกัน
(4) พัฒนาเทคนิคการบังคับการออกดอก และการผสมเกสรปาล์มน้ำมันที่เหมาะสมในสวนปาล์มน้ำมันเขตพื้นที่ภาคเหนือ
4.2 งานด้านวิศวกรรม
(1) จัดทำโรงงานผลิตไบโอดีเซลจากปาล์มน้ำมันและสบู่ดำต้นแบบ ซึ่งจะเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่ชุมชนและเกษตรกรจะเข้ามาเรียนรู้ได้อย่างครบวงจร
(2) ปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องหีบน้ำมันปาล์ม และสาธิตใช้งานในเครื่องยนต์การเกษตร
(3) พัฒนาระบบการใช้ประโยชน์จากกลีเซอรีน
4.3 งานด้านเศรษฐกิจ สังคมและ สารสนเทศ (ICT)
(1) เก็บและจัดทำข้อมูลด้านสภาพแวดล้อม การเจริญเติบโต และการให้ผลผลิตพืช ต่อเนื่องจากปีที่ 2 เพื่อทำแบบจำลอง Process-based ตลอดจนการวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ และสังคม
(2) จัดตั้งศูนย์ให้บริการแนะนำส่งเสริมและแก้ปัญหาการปลูกปาล์มน้ำมัน และสบู่ดำ ในสวนครบวงจร
มติที่ประชุม
1. รับทราบและเห็นชอบรายงานผลการดำเนินงาน "โครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมันและพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจรในพื้นที่ตัวอย่างเขตภาคเหนือ" ปีที่ 3 ตามที่ มช. เสนอมา
2. เห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้ มช. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามแผนงานโครงการฯ ในปีที่ 4 ตามแผนงานที่เสนอมา ในวงเงินรวม 11,886,000 บาท (สิบเอ็ดล้านแปดแสนแปดหมื่นหกพันบาทถ้วน) โดยใช้เงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ งานศึกษาเชิงนโยบายและวิชาการ ปีงบประมาณ 2550 โครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมันและพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจร ในพื้นที่ตัวอย่างเขตภาคเหนือ ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 3/2549 (ครั้งที่ 44) เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2549 ได้อนุมัติไว้แล้ว
ประธานฯ ได้เสนอขอให้ถอนการพิจารณาวาระดังกล่าวออกไปก่อน เพื่อพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง
เรื่องที่ 9 ขอความเห็นชอบปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า มีหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานไปแล้ว ได้ยื่นเรื่องเพื่อขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการจากที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้พิจารณาและอนุมัติไว้ รวมจำนวน 95 โครงการ โดยตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินฯ ตามข้อ 1.3 (2) หมวด 3 ข้อ 24 กำหนดว่า การเปลี่ยนแปลงรายการ ระยะเวลาดำเนินการ ไปจากรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนได้อนุมัติไว้แล้ว จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ก่อน จึงจะเปลี่ยนแปลงได้
2. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้พิจารณาเหตุผลและรายละเอียดที่เจ้าของโครงการฯ ทั้ง 95 โครงการ ได้แจ้งขอเปลี่ยนแปลงแล้ว โดยจำแนกเรื่องที่ขอเปลี่ยนแปลงออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
2.1 ขอเปลี่ยนแปลง เพื่ออนุมัติขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ เกิน 3 เดือนนับจากวันสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา จำนวน 49 โครงการ
มีสาเหตุจาก คู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรที่ได้ทำสัญญาจ้างหรือหนังสือยืนยันการรับทุนไว้กับ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) จำนวน 36 ข้อเสนอ และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จำนวน 13 ข้อเสนอ โดยคู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรได้ส่งงาน/รายงานตามเวลาที่กำหนดไว้แล้ว แต่การตรวจรับงานของ พพ. และ สนพ. พบว่าผลงานยังไม่สมบูรณ์ตามข้อตกลง เช่น ขาดรายละเอียด ขาดข้อมูลหรือเอกสารอ้างอิง ขาดประเด็นสำคัญ ฯลฯ และให้คู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรเงินนั้น ดำเนินการให้รายงานฉบับนั้นๆ ซึ่งการปรับปรุงรายงานได้ใช้เวลาระยะหนึ่ง ที่ส่งผลให้เลยกำหนดระยะเวลา 3 เดือน นับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญาหรือหนังสือยืนยันการรับทุน พพ. และ สนพ. จึงได้เสนอขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายรายการนั้นๆ
การปฏิบัติข้างต้น เป็นการดำเนินการตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ข้อ 16 ที่ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการเบิกจ่ายเงินกองทุนไว้ "ให้ผู้เบิกเงินกองทุนใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันตามประมาณการรายจ่ายประจำปีได้ ภายในวงเงินและปีงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ กรณีผู้เบิกเงินกองทุนก่อหนี้ผูกพันภายในปีงบประมาณแต่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายในปีงบประมาณนั้นๆ ให้ขยายเวลาการเบิกจ่ายรายการนั้นๆ ต่อไปได้ ภายในสาม (3) เดือนนับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา"
ความเห็นของฝ่ายเลขานุการฯ เห็นว่าการขยายเวลาของทั้ง 49 ข้อเสนอดังกล่าว ไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับแล้ว และไม่ได้ทำให้ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการลดลง จึงเห็นควรให้ทั้ง 49 ข้อเสนอดังกล่าว ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายแต่ละรายการ ได้ตามที่เสนอมา โดยให้ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายออกไปได้อีก 3 เดือน นับจากวันที่คณะกรรมการกองทุนฯ มีมติอนุมัติ
2.2 ขอเปลี่ยนแปลง เพื่ออนุมัติขยายระยะเวลาโครงการฯ จำนวน 27 ข้อเสนอ
มีสาเหตุจาก คู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรที่ได้ทำสัญญาจ้างหรือหนังสือยืนยันการรับทุนไว้กับ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) จำนวน 4 ข้อเสนอ และกับ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จำนวน 23 ข้อเสนอ (เป็นทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี โท เอก จำนวน 5 ข้อเสนอ เป็นทุนวิจัยในระดับอุดมศึกษา 11 ข้อเสนอ เป็นโครงการวิจัยพัฒนา 11 ข้อเสนอ) แต่ละหน่วยงานได้ดำเนินการตามแผนงานที่เสนอไว้กับกองทุนฯ แล้ว แต่มีข้อจำกัดระหว่างการดำเนินงาน เช่น ต้องใช้เวลาในการเก็บข้อมูลสำหรับการทำวิทยานิพนธ์ การรอเวลาเพื่อนำผลงานวิจัยไปตีพิมพ์ทั้งในและต่างประเทศ การทำงานวิจัยแล้วผลการทดลองมีความคลาดเคลื่อนไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ จำเป็น ต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์ผลการทดลองเพิ่มเติม เป็นต้น
ความเห็นของฝ่ายเลขานุการฯ เห็นว่าการขยายเวลาของทั้ง 27 ข้อเสนอดังกล่าว เห็นว่าเหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากเจตนาของผู้ได้รับทุน และการเปลี่ยนแปลงแต่ละรายการไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับแล้ว และไม่ได้ทำให้ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการลดลง จึงเห็นควรให้ทั้ง 27 ข้อเสนอดังกล่าว ขยายระยะเวลาโครงการออกไปได้
2.3 ขอเปลี่ยนแปลง รายละเอียดโครงการ จำนวน 19 ข้อเสนอ
มีสาเหตุจาก คู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรที่ได้ทำสัญญาจ้างหรือหนังสือยืนยันการรับทุนไว้แต่ละหน่วยงานได้ดำเนินการตามแผนงานที่เสนอไว้กับกองทุนฯ แล้ว แต่มีข้อจำกัดระหว่างการดำเนินงาน เช่น การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของการบริหารของโครงการ บางโครงการมีลักษณะเป็นการร่วมทุน เมื่อเศรษฐกิจมีความชะลอตัว โครงการจึงต้องหาผู้เข้าร่วมโครงการรายใหม่ จำเป็นต้องขอเปลี่ยนตัวผู้ร่วมทุน และขยายเวลาโครงการ หรือบางโครงการก็มีผู้เข้าร่วมโครงการเพิ่มเติมจากที่เคยเสนอกองทุนฯ ไว้ เป็นต้น
ความเห็นของฝ่ายเลขานุการฯ เห็นว่าการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของทั้ง 19 ข้อเสนอดังกล่าว ไม่ได้เกิดจากเจตนาของผู้ได้รับทุน และการเปลี่ยนแปลงแต่ละรายการไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับแล้ว และไม่ได้ทำให้ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการลดลง จึงเห็นควรให้ทั้ง 19 ข้อเสนอดังกล่าว ขยายระยะเวลาโครงการออกไปได้
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบให้โครงการตาม ข้อ 2.1 ข้อ 2.2 และ 2.3 รวม 95 โครงการ (ตามรายละเอียดที่ปรากฏในเอกสารประกอบวาระ 4.6) ขยายระยะเวลาดำเนินงาน และปรับรายละเอียดได้ตามที่ขอมา ด้วยไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับแล้ว และไม่ได้ทำให้ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการลดลง และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติต่อไป
2. เห็นชอบให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณามอบอำนาจให้คณะอนุกรรมการกองทุนฯ มีอำนาจในการอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงการจัดสรรเงินกองทุนให้แก่กิจการ แผนงาน หรือโครงการได้เท่าที่ไม่เกินจากวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนจัดสรรให้ แทนคณะกรรมการกองทุนฯ ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 และแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 มาตรา 34 วรรค 2
กอ. ครั้งที่ 39 - วันอังคารที่ 7 ธันวาคม 2547
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 2/2547 (ครั้งที่ 39)
วันอังคารที่ 7 ธันวาคม 2547 เวลา 14.00 น.
ณ ห้อง 603 อาคาร 7 กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน
4. รายงานผลการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2538-2547
5. สรุปประเมินผลการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน
10. ขอรับการสนับสนุนโครงการปรับปรุงเครื่องปรับอากาศเก่าในอาคารของรัฐเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน
รองนายกรัฐมนตรี (นายสมศักดิ์ เทพสุทิน) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายเมตตา บันเทิงสุข) กรรมการและเลขานุการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช) ผู้เข้าร่วมประชุม
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานการรับ-จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานประจำไตรมาสที่ 4 ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2547 ถึง 30 กันยายน 2547 ว่ามีเงินคงเหลือ ณ วันที่ 30 กันยายน 2547 เป็นจำนวนเงิน 9,856.20 ล้านบาท
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานงบการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองเสร็จเรียบร้อยแล้ว มาเพื่อโปรดทราบ รวม 2 ฉบับ คือ รายงานงบการเงินประจำปีสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2545 และ 2544 และ รายงานงบการเงินประจำปีสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2546 และ 2545
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
1. ฝ่ายเลขานุการได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบว่า ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุม ครั้งที่ 1/2547 (ครั้งที่ 38) เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2547 ได้มีมติอนุมัติในหลักการให้แก้ไขระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ในหมวด 1 เรื่อง การรับเงินกองทุน เพื่อให้กองทุนฯ สามารถนำเงินจำนวนหนึ่งให้ "สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์กรมหาชน)" กู้ในอัตราดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่าผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งจะทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ยลงได้ และขณะเดียวกันกองทุนฯ ก็จะได้รับผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ในการแก้ไขระเบียบดังกล่าว จะต้องขอความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังด้วย
2. กรมบัญชีกลาง ได้นำเรื่องดังกล่าวหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และได้รับแจ้งผลการพิจารณาสรุปได้ว่า กระทรวงการคลังในฐานะผู้เก็บรักษาเงินหรือทรัพย์สินของกองทุนฯ ไม่มีอำนาจนำเงินกองทุนฯ ออกให้ "สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน" กู้ยืม เนื่องจากการใช้จ่ายเงินดังกล่าวไม่ได้อยู่ในขอบเขตตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 2535 ด้วยเหตุผลดังกล่าว กระทรวงการคลังจึงไม่สามารถให้ความเห็นชอบระเบียบดังกล่าวได้
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
เรื่องที่ 4 รายงานผลการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2538-2547
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานการดำเนินตามแผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปี 2538-2547 ว่าได้ใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ไปรวมทั้งสิ้น 23,776 บาท แบ่งเป็นงบลงทุน 16,778 ล้านบาท ค่าพัฒนาบุคลากร 2,054 ล้านบาท ค่าประชาสัมพันธ์ 1,701 ล้านบาท และค่าบริหารจัดการฯ 3,243 ล้านบาท ผลงานโดยรวมเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยเกิดผลลดความต้องการพลังไฟฟ้าลง 883 MW ทดแทนพลังงานไฟฟ้าได้ 5,447 ล้านหน่วยต่อปี ทดแทนพลังงานเชื้อเพลิง 430 ล้านลิตรน้ำมันดิบต่อปี คิดเป็นความสามารถในการอนุรักษ์พลังงาน 20,891 ล้านบาท/ปี สรุปได้ดังนี้
1. ผลการดำเนินงานตามแผนงานภาคบังคับ
1.1 กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) มีแผนงานที่จะดำเนินการให้โรงงานและอาคารที่เข้าข่ายควบคุม มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง โดยในช่วงปี 2538-2547 พพ. ได้ประมาณการงบลงทุนในอาคารของรัฐ อาคารควบคุม โรงงานควบคุม และโรงงาน/อาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบหรือก่อสร้าง ในวงเงินรวม 34,033 ล้านบาท เพื่อก่อให้เกิดการอนุรักษ์พลังงาน โดยมีเป้าหมายที่จะลดความต้องการพลังไฟฟ้าลง 626 MW ทดแทนพลังงานไฟฟ้าได้ 2,540 ล้านหน่วยต่อปี ทดแทนพลังงานเชื้อเพลิง 391 ล้านลิตรน้ำมันดิบต่อปี หรือคิดเป็นความสามารถในการอนุรักษ์พลังงาน 7,719 ล้านบาท/ปี โดย พพ. มีค่าบริหารจัดการตามแผนงานฯ ตลอดระยะเวลา 10 ปี ในวงเงิน 3,432 ล้านบาท
1.2 เมื่อสิ้นสุดแผนฯ ในปี 2547 พพ. ได้ใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ไปรวมทั้งสิ้น 10,541 ล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนให้กับอาคาร/โรงงาน 8,476 ล้านบาท และค่าบริหารจัดการฯ 2,064 ล้านบาท มีผลงานไม่ถึงเป้าหมาย ที่กำหนดไว้ โดยเกิดผลลดความต้องการพลังไฟฟ้าลง 232 MW ทดแทนพลังงานไฟฟ้าได้ 656.11 ล้านหน่วยต่อปี ทดแทนพลังงานเชื้อเพลิง 48.48 ล้านลิตรน้ำมันดิบต่อปี คิดเป็นความสามารถในการอนุรักษ์พลังงาน 1,809.46 ล้านบาท/ปี
2. ผลการดำเนินงานตามแผนงานภาคความร่วมมือ
2.1 สนพ. มีแผนงานที่จะส่งเสริมและร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐและเอกชน ที่จะมีผลทำให้มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและมีการนำพลังงานหมุนเวียนที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย มาใช้อย่างแพร่หลาย โดยในช่วงปี 2538-2547 สนพ. ได้ประมาณการงบลงทุนในส่วนแผนงานภาคความร่วมมือไว้ในวงเงินรวม 9,203 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายจะลดความต้องการพลังไฟฟ้าลง 29 MW ทดแทนพลังงานไฟฟ้าได้ 4,482 ล้านหน่วยต่อปี ทดแทนพลังงานเชื้อเพลิง 93 ล้านลิตรน้ำมันดิบต่อปี คิดเป็นความสามารถในการอนุรักษ์พลังงาน 5,151 ล้านบาท/ปี โดย สนพ. มีค่าบริหารจัดการตามแผนงานภาคความร่วมมือ (รวมถึงการบริหารแผนงานสนับสนุนภายใต้โครงการพัฒนาบุคลากร และโครงการประชาสัมพันธ์ด้วย) ตลอดระยะเวลา 10 ปี ในวงเงินรวม 1,285 ล้านบาท
2.2 เมื่อสิ้นสุดแผนฯ ในปี 2547 สนพ. ได้ใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ไปรวมทั้งสิ้น 9,474 ล้านบาท แบ่งเป็นงบส่งเสริมและร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐและเอกชน รวม 304 โครงการ (เฉพาะเจ้าของโครงการไม่รวมเอกชนผู้เข้าร่วมโครงการ) รวมเป็นเงิน 8,302 ล้านบาท และค่าบริหารจัดการฯ 1,172 ล้านบาท โดยก่อให้เกิดผลงานลดใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ โดยสามารถทดแทนพลังงานไฟฟ้าได้ 4,791 ล้านหน่วย/ปี คิดเป็นเงิน 13,945 ล้านบาท/ปี และทดแทนเชื้อเพลิงชนิดต่างๆ คิดเป็นเงิน 5,137 ล้านบาท/ปี นอกจากนี้ยังสามารถลดความต้องการพลังไฟฟ้าได้ 651 MW โดยผลจากการดำเนินงานตามแผนดังกล่าวก่อให้เกิดผลงานลดใช้พลังงานเชิงพาณิชย์คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 19,082 ล้านบาท/ปี
3. ผลการดำเนินงานตามแผนงานสนับสนุน
3.1 โครงการพัฒนาบุคลากร
สนพ. มีแผนงานที่จะสนับสนุนบุคลากรของหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ รวมถึงบุคคลทั่วไป ให้มีความรู้ มีความเข้าใจ ด้านพลังงาน มีการพัฒนาทักษะเพิ่มขีดความสามารถ ก่อเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาพลังงานของประเทศ โดยในช่วงปี 2538-2547 สนพ. ได้ประมาณการงบพัฒนา บุคลากรของประเทศไว้ ในวงเงินรวม 3,012 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ พพ. จะนำไปจัดทำคู่มือและฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ของโรงงาน/อาคาร 440 ล้านบาท และ สนพ. จะนำงบส่วนที่เหลือ 2,572 ล้านบาท ไปสนับสนุนหน่วยงานต่างๆ เพื่อพัฒนาหลักสูตร สื่อการเรียนการสอน โดยครอบคลุมตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงอุดมศึกษา รวม 3 หลักสูตร และช่วยสนับสนุนเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ให้กับบุคลากรในหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานหมุนเวียน ด้วยการฝึกอบรม สัมมนาและการดูงานทั้งในและต่างประเทศ และยังมีเป้าหมายในการช่วยส่งเสริมการสร้างทรัพยากรบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทำงานด้านพลังงานให้มีวุฒิการศึกษาทั้งระดับปริญญาตรี โท และ เอก ประมาณ 45 ทุนต่อปี โดยเมื่อสิ้นสุดแผนฯ ในปี 2547 สนพ. ได้ใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ภายใต้โครงการพัฒนาบุคลากร ไปรวมทั้งสิ้น 2,054 ล้านบาท
3.2 โครงการประชาสัมพันธ์
(1) สนพ. มีแผนงานที่จะประชาสัมพันธ์ไปที่สาธารณชนทั่วไป ให้เกิดความรู้สึกมีส่วนร่วมในแผนอนุรักษ์พลังงาน ด้วยการรณรงค์ ปลูกจิตสำนึก ถ่ายทอดความรู้ สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับพลังงาน ผ่านสื่อต่างๆ เพื่อให้ทราบถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการอนุรักษ์พลังงานเกิดการใช้อย่างรู้คุณค่า และเห็นถึงความสำคัญที่รัฐพยายามที่จะส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในช่วงปี 2538-2547 สนพ. ได้ประมาณการที่จะใช้เงินกองทุนฯ สำหรับการทำประชาสัมพันธ์ไว้ 1,431 ล้านบาท โดยกำหนดเป็นปีแห่งบ้านประหยัดพลังงาน ปีสนับสนุนการใช้อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง ปีแห่งการรณรงค์ประหยัดพลังงานในภาคขนส่ง ปีแห่ง Reuse และ Recycle และปีแห่งการเลือกใช้อุปกรณ์ที่ติดฉลากประหยัดพลังงาน
โดยเมื่อสิ้นสุดแผนฯ ในปี 2547 สนพ. ได้ใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ภายใต้โครงการประชาสัมพันธ์ รวมทั้งสิ้น 1,409 ล้านบาท
(2) พพ. มีแผนงานที่จะประชาสัมพันธ์ไปที่กลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องกับแผนอนุรักษ์พลังงานโดยตรง ได้แก่ เจ้าของและผู้รับผิดชอบด้านพลังงานของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม ผู้ผลิตอุปกรณ์ เครื่องจักรและวัสดุที่ใช้ในการอนุรักษ์พลังงาน จัดประกวดองค์กรดีเด่นด้านการอนุรักษ์พลังงาน และการจัดสัมมนาต่างๆ เพื่อให้เกิดจิตสำนึกในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในโรงงานและอาคาร โดยในช่วงปี 2538-2547 พพ. ได้ประมาณการที่จะใช้เงินกองทุนฯ สำหรับการทำประชาสัมพันธ์ไว้ 840 ล้านบาท
โดยเมื่อสิ้นสุดแผนฯ ในปี 2547 พพ. ได้ใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ภายใต้โครงการประชาสัมพันธ์ รวมทั้งสิ้น 257 ล้านบาท นอกจากนี้ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการประชาสัมพันธ์ด้วย โดยใช้เงินจากกองทุนฯ 35 ล้านบาท
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ และเห็นชอบผลการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2538-2547
เรื่องที่ 5 สรุปประเมินผลการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบว่า สนพ. ได้ว่าจ้าง "บริษัท คอนซัลแทนท์ ออฟ เทคโนโลยี จำกัด" ทำการประเมินผลแผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปีงบประมาณ 2545-2547 สำหรับผลการประเมินแผนอนุรักษ์พลังงานครั้งล่าสุด คือในช่วงปีงบประมาณ 2543-2544 ที่คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ได้มอบหมายให้กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา คือ บริษัท คอนซัลแทนท์ ออฟ เทคโนโลยี จำกัด และบริษัท แม็กซิม ยูนิกรุ๊ป จำกัด เป็นผู้ดำเนินการนั้น โดยใช้วิธีวิเคราะห์เชิงระบบตามรูปแบบของ CIPPA MODEL และเป็นแบบ Bottom-up Evaluation with Objective Benchmarking มีผลสรุปที่เป็นประเด็นสำคัญและนำไปสู่การปรับกระบวนทัศน์ของแผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปีงบประมาณ 2538-2554 ดังนี้
(1) อาคาร/โรงงาน และอาคารของรัฐ ควรเกิดผล โดยมีข้อมูลมาตรฐานในการวิเคราะห์ความคุ้มค่าการลงทุน
(2) พลังงานหมุนเวียน ควรได้รับการสนับสนุนการวิจัยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพลังงาน
(3) ขนส่ง อุตสาหกรรม ควรเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญ
(4) ฐานข้อมูล ควรจัดทำขึ้น เพื่อพัฒนาพลังงานแต่ละสาขา
(5) การพัฒนาพลังงาน เลือกที่มีศักยภาพสูงและพร้อมใช้งานจริง เป็นลำดับแรก
(5) มาตรฐานประสิทธิภาพขั้นต่ำสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้งาน เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งกำหนด
(6) มาตรฐานการประหยัดพลังงาน ควรเร่งศึกษาและมีห้องทดสอบ และเร่งรัดการใช้ฉลากประหยัดพลังงานเป็นมาตรฐานเดียว
(7) เร่งรัดงานวิจัยสนับสนุนการผลิตเครื่องมือ/อุปกรณ์ภายในประเทศ โดยรัฐอุดหนุนบางส่วนเพื่อลดต้นทุนการผลิต สร้างแรงจูงใจทั้งด้านการผลิตและการใช้พลังงาน
(8) จัดทำดัชนี Energy Intensity ทั้งระดับภาพรวมของประเทศและระดับรายภาคเศรษฐกิจ
2. กระบวนการดำเนินงานโดยรวม ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และผลกระทบค่อนข้างดี แต่ประสิทธิผลด้านการทดแทนเชื้อเพลิงและลดใช้พลังงานค่อนข้างต่ำ โดยมีแนวทางการปรับปรุงแผนอนุรักษ์พลังงาน ดังนี้
(1) ปรับแนวทางดำเนินงานโดยเน้นผลลัพธ์มากกว่าขั้นตอนกระบวนการ
(2) ให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมทั้งด้านปฏิบัติงาน สนับสนุน ส่งเสริมโดยรัฐเป็นผู้ชี้นำผลักดัน
(3) กำหนดประเภทโครงการที่จะให้การสนับสนุนเป็นพิเศษ
(4) ผลักดันให้เกิดธุรกิจด้านอนุรักษ์พลังงานอย่างครบวงจร
(5) พัฒนาบุคลากรในทุกระดับให้พอกับความต้องการของแผนงาน
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบและเห็นชอบผลการประเมินผลแผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปีงบประมาณ 2545-2547
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อโปรดพิจารณา กรอบแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 เนื่องจากแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 2 ซึ่งดำเนินการมาในช่วงปีงบประมาณ 2543-2547 ตามที่ กพช. ได้เห็นชอบไว้เมื่อเดือนกันยายน 2542 ได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2547 โดยสรุปได้ดังนี้
1. หลักการและเหตุผล : การจัดทำเป้าหมายและกรอบแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 มีหลักการดังนี้
1.1 กำหนดเป้าหมายและกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล (ด้านพลังงาน) ที่ต้องการให้การใช้พลังงานของประเทศได้มีการพัฒนาการใช้โดยมีประสิทธิภาพ สมดุลกับสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ และลดการพึ่งพาแหล่งพลังงานจากต่างประเทศ ซึ่งคณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2546 ได้มีมติเห็นชอบเป้าหมายและยุทธศาสตร์การพัฒนาพลังงานของประเทศตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยในปี 2550 กำหนดเป้าหมายที่จะควบคุมสัดส่วนความต้องการใช้พลังงานต่อรายได้ประชาชาติ (GDP) ให้ลดลง จาก 1.4 : 1 เหลือ 1 : 1 และในปี 2554 จะพัฒนาพลังงานทดแทนให้มีสัดส่วนการใช้เพิ่มขึ้น จากร้อยละ 0.5 เป็นร้อยละ 8
1.2 การจัดทำกรอบแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 เป็นการประมาณการภาพรวมของภาระงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ระยะ 3-7 ปี มีลักษณะเป็น Rolling Plan ปรับแผนงาน/โครงการและประมาณการรายจ่ายทุกปี เนื่องจากอาจมีการเปลี่ยนแปลงในปัจจัยต่างๆ เช่น นโยบาย/ยุทธศาสตร์ใหม่ที่รัฐบาลกำหนด สภาพการณ์ทาง เศรษฐกิจและสังคม ผลการดำเนินงาน เป็นต้น แผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 ประกอบด้วย 3 แผนงาน และมีลำดับความสำคัญดังนี้
แผนงาน | งาน |
1. แผนพลังงานทดแทน 50% | 1.1 งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค 70% 1.2 งานส่งเสริมและสาธิต 20% 1.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ 10% |
2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพ 35% การใช้พลังงาน |
2.1 งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค 30% 2.2 งานส่งเสริมและสาธิต 50% 2.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ 20% |
3. แผนงานบริหาร 15% ทางกลยุทธ์ |
3.1 งานศึกษาเชิงนโยบายและวิชาการ 33% 3.2 งานบริหารจัดการ 33% 3.3 งานอื่นๆ 34% |
1.3 เนื่องจาก ได้มีการจัดตั้ง "กระทรวงพลังงาน" ขึ้น ในเดือนตุลาคม 2545 ดังนั้น เพื่อให้ "กระทรวงพลังงาน" ได้มีบทบาทในการบริหารงานกองทุนฯ จึงเสนอขอยกเลิก "คณะอนุกรรมการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" และขอตั้ง "คณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธาน มีบทบาทในการตัดสินใจระดับนโยบายและให้คำแนะนำที่จะช่วยให้การบริหารจัดการแผนอนุรักษ์พลังงานเป็นไปตามทิศทางที่สอดคล้องกับนโยบายและแผนพัฒนาประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานให้ดียิ่งขึ้น มีการวางแผนและการจัดลำดับความสำคัญของงาน/โครงการภายใต้เป้าหมายยุทธศาสตร์ของประเทศ โดยรายงานผลเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ ทราบเป็นรายไตรมาส
2. เป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปีงบประมาณ 2548-2554
2.1 เป้าหมาย
(1) เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยลดใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ ณ ปี 2554 จาก 91,877 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ เหลือ 81,523 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือลดการใช้พลังงานโดยไม่เกิดประโยชน์ได้ประมาณ 12.7 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 10,354 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ
(2) พัฒนาพลังงานทดแทนให้มีสัดส่วนการใช้เพิ่มขึ้น โดย ณ ปี 2554 จะมีการใช้พลังงานอื่นๆ ในสัดส่วน 9.2% ของความต้องการใช้พลังงานขั้นสุดท้าย หรือทดแทนการใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ประมาณ 7,530 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ
2.2 องค์ประกอบของแผนอนุรักษ์พลังงาน ประกอบด้วย 3 แผนงาน
(1) แผนพลังงานทดแทน เป็นแผนงานเกี่ยวกับ
งานศึกษา วิจัยพัฒนา และส่งเสริมเพื่อก่อให้เกิดการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้นในการผลิตไฟฟ้า ความร้อน และเชื้อเพลิงชีวภาพ เพื่อใช้ในภาคคมนาคมขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม บ้านอยู่อาศัย ได้แก่ แสงอาทิตย์ น้ำ ลม ชีวมวล ชีวภาพ เอทานอล ไบโอดีเซล เซลล์เชื้อเพลิง ฯลฯ
งานสร้างและพัฒนาศักยภาพของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานด้านพลังงานทดแทน ได้แก่ การประชุมเชิงวิชาการ สัมมนา ฝึกอบรม ดูงาน ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการให้ทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี โท เอก
งานเผยแพร่ข้อมูล สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนทั่วไป เพื่อรู้จักพลังงานทดแทนและสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐ
(2) แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เป็นแผนงานเกี่ยวกับ
งานศึกษา วิจัยพัฒนา และส่งเสริมเพื่อก่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ในภาคคมนาคมขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม ธุรกิจ บริการ เกษตรกรรม และภาคบ้านอยู่อาศัย
งานสร้างและพัฒนาศักยภาพของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ได้แก่ การประชุมเชิงวิชาการ สัมมนา ฝึกอบรม ดูงาน ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการให้ทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี โท เอก
งานสร้างความรู้ความเข้าใจเพื่อให้มีการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า
(3) แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ เป็นแผนงานเกี่ยวกับ
งานศึกษาวิจัยเชิงนโยบายเพื่อเป็นข้อเสนอแนะ ทางเลือก หรือภาพรวมของสถานการณ์ที่ผสมผสานทั้งมิติด้าน การผลิตและการใช้พลังงาน ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สำหรับใช้ประกอบการตัดสินใจพัฒนาแผนพลังงานทดแทน หรือแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ให้เหมาะสม ทันต่อสถานการณ์ เป็นเครื่องมือนำทางสำหรับจัดลำดับความสำคัญของงานและการจัดสรรงบประมาณ
งานด้านบริหารเพื่อจัดการให้แผนอนุรักษ์พลังงานดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
งานช่วยเหลือส่งเสริมการดำเนินงานอื่นๆ เป็นเรื่องเฉพาะกิจ ที่สำคัญหรือมีความเร่งด่วน
2.3 หลักเกณฑ์ แนวทาง เงื่อนไข และการจัดลำดับความสำคัญของแผนอนุรักษ์พลังงาน
(1) หลักเกณฑ์สนับสนุน
ผู้มีสิทธิที่จะได้รับการสนับสนุน เป็นส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษาหรือองค์กรเอกชนที่ไม่มุ่งค้ากำไร ตามเจตนาของ พรบ.ฯ มาตรา 25 และ 26
การสนับสนุนค่าใช้จ่าย
เป็นเงินช่วยเหลือให้เปล่าเพื่อการศึกษา วิจัย พัฒนา หรือการสาธิตขนาดเล็ก
เป็นเงินสนับสนุนงานวิจัยพัฒนาให้กับหน่วยงานรัฐ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน ในลักษณะร่วมทุน (Co-Funding หรือ Venture Funding) ในสัดส่วนที่เหมาะสม โดยคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ จะกำหนดข้อตกลงในสิทธิการแบ่งผลประโยชน์ที่เกิดจากผลงานวิจัย
เป็นเงินอุดหนุนภาระดอกเบี้ยจากการลงทุน สำหรับ "ผู้ร่วมโครงการ" เพื่อให้ผลตอบแทนทางการเงิน (Financial Internal Rate of Return, FIRR) ของแต่ละมาตรการเพิ่มขึ้นจนเท่ากับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำสุดสำหรับลูกค้ารายย่อยของธนาคารกรุงไทย (Minimum Retail Rate, MRR ของธนาคารกรุงไทย เฉลี่ยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา) + 5%
(2) แนวทางและเงื่อนไข
สนพ. ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการกองทุนฯ ร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะจัดทำเป้าหมายและรายละเอียดแผนอนุรักษ์พลังงาน เพื่อแสดงภาพให้เห็นถึงภาระงานในอนาคต 3-7 ปีข้างหน้า ทั้งแผนพลังงานทดแทน แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ พร้อมแสดงตัวเลขประมาณการรายจ่ายล่วงหน้าของแต่ละแผนงาน ภายใต้งบประมาณที่มีจำกัดในวงเงินที่คณะกรรมการบริหารฯ (กบอ.) เห็นสมควร
กบอ. จะพิจารณาความเหมาะสม ความสำคัญ และอนุมัติงบประมาณสำหรับปีเดียว ซึ่งจะต้องมีการปรับประมาณการรายจ่ายล่วงหน้าทุกปี เมื่อเริ่มต้นจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีของปีถัดไป โดยสามารถตัดสินใจเพิ่มหรือลดวงเงินงบประมาณในแต่ละปีให้สอดคล้องกับเป้าหมาย
หน่วยงานที่รับจัดสรรเงินไปจากกองทุนฯ จะทำสัญญาหรือหนังสือยืนยันกับ สนพ. เพื่อเป็นข้อผูกพันที่จะดำเนินงานให้ได้ผลตามเป้าหมายที่ กบอ. กำหนด และ สนพ. มีสิทธิบอกเลิกสัญญาหากหน่วยงานนั้นไม่สามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมาย
กรณีที่แผนงานใดเปิดโอกาสให้ผู้มีสิทธิรับเงินช่วยเหลือ หรืออุดหนุน ตามมาตรา 25 ที่ พรบ. กำหนดไว้ สามารถยื่นคำร้องขอการสนับสนุนได้ และอยู่ในกรอบแผนงานที่ กบอ. กำหนด มอบให้หัวหน้าหน่วยงานที่รับจัดสรรเงินนั้นเป็นผู้พิจารณาในวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท และมอบให้คณะอนุกรรมการบริหารกองทุนฯ เป็นผู้พิจารณาในวงเงินเกิน 10 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 50 ล้านบาท และมอบให้ กบอ. เป็นผู้พิจารณาในวงเงินเกิน 50 ล้านบาท ขึ้นไป รวมถึงงาน/โครงการที่ไม่อยู่ในกรอบแผนงานที่กำหนดไว้ด้วย
กรณีที่ผู้มีสิทธิรับเงินช่วยเหลือ หรืออุดหนุน ตามมาตรา 25 ยื่นคำร้องขอสนับสนุนซึ่งไม่อยู่ในกรอบที่ กบอ. กำหนดไว้ ให้ สนพ. พิจารณาให้ความเห็นและเสนอ กบอ. พิจารณาเป็นรายๆ
สนพ. ติดตามผลการดำเนินงานของโครงการ และรายงาน กพช. กทอ. และ กบอ. เป็นประจำทุกไตรมาส
2.4 ประมาณการค่าใช้จ่ายสำหรับแผนงานอนุรักษ์พลังงาน
การดำเนินงานให้สำเร็จลงตามเป้าหมายและกรอบแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 คาดว่าอาจต้องใช้เงินลงทุนเกือบ 133,488 ล้านบาท (ร้อยละ 98 เป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านขนส่งมวลชน) โดยกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานอาจต้องช่วยเหลือสนับสนุนด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งจากการประมาณการรายรับของกองทุนฯ ในอนาคต คาดว่าจะมีรายรับประมาณ 2,000-2,800 ล้านบาท/ปี และจากสถิติการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ที่ผ่านมา อยู่ในวงเงินเฉลี่ยประมาณ 1,300-1,700 ล้านบาท/ปี เมื่อนำมาเป็นพื้นฐานการจัดทำงบประมาณรายจ่ายของกองทุนฯ ล่วงหน้าแต่ละปี ในระยะเวลา 7 ปี โดยพิจารณาจากประมาณการรายได้ ประมาณการภาระหนี้ และด้วยนโยบายงบประมาณเกินดุล จึงสรุปแนวทางจัดสรรเงินกองทุนฯ และกรอบการใช้เงินจากกองทุนฯ ตามลำดับความสำคัญดังนี้
หน่วย : ล้านบาท
ปีงบประมาณ | 2548 | 2549 | 2550 | 2551 | 2552 | 2553 | 2554 | รวม |
1. เงินคงเหลือยกมาต้นปี | 9,856 | 7,064 | 6,536 | 6,261 | 6,774 | 9,467 | 10,818 | 9,856 |
2. ประมาณการรายรับล่วงหน้า | 2,089 | 2,293 | 2,269 | 2,354 | 2,501 | 2,652 | 2,811 | 16,970 |
3. เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจาก พพ. | - | - | - | - | 2,000 | - | - | 2,000 |
รวมรับ | 11,945 | 9,357 | 8,805 | 8,615 | 11,275 | 12,119 | 13,629 | 28,826 |
4. รายจ่าย ประกอบด้วย | ||||||||
4.1 รายจ่ายผูกพัน ปี 2538-2547 | 3,581 | 1,521 | 1,244 | 541 | 509 | - | - | 7,397 |
4.2 ประมาณการรายจ่ายล่วงหน้า | 1,300 | 1,300 | 1,300 | 1,300 | 1,300 | 1,300 | 1,300 | 9,100 |
รวมจ่าย | 4,881 | 2,821 | 2,544 | 1,841 | 1,809 | 1,300 | 1,300 | 16,497 |
5. เงินคงเหลือปลายปี ยกไป | 7,064 | 6,536 | 6,261 | 6,774 | 9,467 | 10,818 | 12,329 | 12,329 |
ประมาณการรายจ่าย 1,300 ล้านบาทต่อปี ตามข้อ 2.4 ประกอบด้วย (: ล้านบาท) | |
(1) แผนพลังงานทดแทน 50% | 650 |
1) งานศึกษาวิจัยเชิงเทคนิคและวิชาการ 70% | |
(เชื้อเพลิงชีวภาพ แสงอาทิตย์ ลม น้ำ ชีวมวล ก๊าซชีวภาพ และอื่นๆ) | |
2) งานพัฒนาและสาธิตเทคโนโลยี 20% | |
3) งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ 10% | |
(2) แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 35% | 455 |
1) งานศึกษาวิจัยเชิงเทคนิคและวิชาการ 30% | |
(ขนส่ง อุตสาหกรรม บ้านอยู่อาศัย และอื่นๆ) | |
2) งานพัฒนาและสาธิตเทคโนโลยี 50% | |
3) งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ 20% | |
(3) แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ 15% | 195 |
1) งานศึกษาเชิงนโยบายและกลยุทธ์ 33% | |
2) งานบริหารจัดการ 33% | |
3) งานอื่นๆ 33% |
2.5 สรุปผลที่คาดว่าจะได้รับ
(1) เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยลดใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ ณ ปี 2554 จาก 91,877 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ เหลือ 81,523 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือลดการใช้พลังงานโดยไม่เกิดประโยชน์ได้ประมาณ 12.7 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 10,354 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ จำแนกเป็นภาคคมนาคมขนส่ง 21% ภาคอุตสาหกรรม 9% ภาคบ้านอยู่อาศัย 4%
(2) พัฒนาพลังงานทดแทนให้มีสัดส่วนการใช้เพิ่มขึ้น โดย ณ ปี 2554 จะมีการใช้พลังงานอื่นๆ เพิ่มขึ้น 9.2% ของความต้องการใช้พลังงานขั้นสุดท้าย หรือทดแทนการใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ประมาณ 7,530 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ จำแนกเป็น ภาคคมนาคมขนส่ง ภาคอุตสาหกรรมและบ้านอยู่อาศัย มีการใช้พลังงานทดแทน 8% 14% และ 2% ตามลำดับ โดยใช้ Biodiesel แทนน้ำมันดีเซล ใช้ Ethanol แทน Gasoline ใช้ชีวมวล น้ำท้ายเขื่อนชลประทาน แสงอาทิตย์ แรงลม และพลังงานทดแทนอื่นๆ ในการผลิตไฟฟ้า และทำความร้อน
(3) มีผู้จบการศึกษาระดับอุดมศึกษาทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น 400 คน ช่วยเสริมการทำงานด้านพลังงาน มีการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนด้านพลังงานในโรงเรียนระดับประถมและมัธยมทั่วประเทศ อย่างน้อย 30,000 โรงเรียน มีการพัฒนาหลักสูตรอุดมศึกษาที่ตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมโดยมีเป้าหมายในการผลิตบุคลากรที่มีทักษะด้านพลังงานในภาคอุตสาหกรรม จำนวน 1,400 คน ผู้ชำนาญการด้านพลังงานสาขาต่างๆ ในระดับท้องถิ่นได้รับการพัฒนาทักษะ 500 คน
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปี 2538-2547 และผลประเมินการดำเนินงานภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงานตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และรับทราบวงเงินของกองทุนฯ ที่เป็นภาระผูกพันต้องดำเนินการเบิกจ่ายเงินกับโครงการฯ ตามสัญญาหรือหนังสือยืนยัน ในวงเงินรวมประมาณ 7,397 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งจะได้รับคืนเนื่องจากเป็นทุนหมุนเวียน 2,000 ล้านบาท โดยในส่วนเงินผูกพันภายใต้แผนงานภาคบังคับ ที่เป็นเงินลงทุนกับหน่วยงานภาครัฐและยังไม่ได้มีการลงทุนภายในระยะเวลาที่ พพ. กำหนด ที่ประชุมมีมติให้ยกเลิกการสนับสนุน
2. เห็นชอบกรอบแผนอนุรักษ์พลังงาน แนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ระยะที่ 3 (ในช่วงปี 2548-2554) ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอตามข้อ 1 และ ข้อ 2 โดยให้มีผู้แทนภาคเอกชนร่วมอยู่ในคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ด้วย เพื่อเพิ่มบทบาทภาคเอกชนในการเสนอแนะแนวทางดำเนินงานอนุรักษ์พลังงาน
3. เห็นชอบการจัดสรรเงินกองทุนฯ สำหรับใช้จ่ายตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 (ในช่วงปี 2548-2554) ภายในวงเงินรวม 28,826 ล้านบาท และให้คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ มีอำนาจปรับปรุงแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และการจัดสรรเงินตามแผนงานต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ภายในวงเงินรวมดังกล่าว
4. เพื่อให้การเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ให้กับผู้ได้รับจัดสรรเงินไปแล้วภายใต้ แผนงานภาคบังคับ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน และยังมีภาระผูกพันตามสัญญาหรือหนังสือยืนยันที่กองทุนฯ ต้องดำเนินการเบิกจ่ายเงินกับโครงการฯ อยู่เป็นจำนวนมาก จึงให้ความเห็นชอบดังต่อไปนี้
ค. การเปลี่ยนแปลงกิจกรรมหรือแผนงานของโครงการใดๆ ภายใต้แผนงานภาคบังคับ แผนงานภาคความร่วมมือและแผนงานสนับสนุน กรณีเกิน 10 ล้านบาท และมีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับอนุมัติแล้วและ/หรือทำให้ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการฯ ลดลง ให้ "คณะอนุกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" เป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบ สำหรับกรณีวงเงินต่ำกว่า 10 ล้านบาท ให้อยู่ในความเห็นชอบของผู้อำนวยการ สนพ. หรือ อธิบดี พพ. ตามประเภทโครงการ
ข. ให้อธิบดี พพ. เป็นผู้พิจารณาเห็นชอบการปรับปรุงข้อเสนอ รวมถึงสามารถอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงกิจกรรมหรือแผนงานของโครงการใดๆ ภายใต้แผนงานภาคบังคับ ได้ตามที่มีผู้ได้รับจัดสรรเงินขอเปลี่ยนแปลง โดยไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับอนุมัติแล้วและ/หรือทำให้ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการฯ ลดลง ทั้งนี้ จนกว่าโครงการนั้นจะเสร็จสมบูรณ์
ก. ให้ผู้อำนวยการ สนพ. เป็นผู้พิจารณาเห็นชอบการปรับปรุงข้อเสนอ รวมถึงอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงกิจกรรมหรือแผนงานของโครงการใดๆ ภายใต้แผนงานภาคความร่วมมือหรือแผนงานสนับสนุน ตามที่มีผู้ได้รับจัดสรรเงินขอเปลี่ยนแปลง โดยไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับอนุมัติแล้วและ/หรือทำให้ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการฯ ลดลง ทั้งนี้ จนกว่าโครงการนั้นจะเสร็จสมบูรณ์
- 5. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอแผนอนุรักษ์พลังงาน แนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ระยะที่ 3 (ในช่วงปี 2548-2554) เสนอ กพช. เพื่อพิจารณา
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานที่ประชุมว่า คณะกรรมการกองทุนฯ ได้มีมติอนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานสนับสนุน โครงการบริหารงานตามกฎหมาย ให้ 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย สนพ. พพ. และกรมบัญชีกลาง (บก.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในระหว่างปีงบประมาณ 2543-2547 ในวงเงินรวม 3,024.15 ล้านบาท ดังนี้
หน่วย : ล้านบาท
หมวดรายจ่าย | 2543 | 2544 | 2545 | 2546 | 2547 | รวม |
สนพ. | ||||||
- ค่าจ้างชั่วคราว | 2.63 | 3.54 | 4.09 | 4.01 | 4.48 | 18.75 |
- ตอบแทนใช้สอย วัสดุ | 10.54 | 8.64 | 13.34 | 10.82 | 18.14 | 61.48 |
- ค่าสาธารณูปโภค | 2.42 | 2.07 | 2.98 | 2.50 | 2.00 | 11.97 |
- ค่าครุภัณฑ์ | 6.13 | 7.42 | 5.10 | 3.10 | 2.44 | 24.19 |
- รายจ่ายอื่น | 90.33 | 121.74 | 124.30 | 78.43 | 126.88 | 541.68 |
รวมงบจัดสรร-สนพ. | 112.05 | 143.41 | 149.81 | 98.86 | 153.94 | 658.07 |
รวมรายจ่ายจริง-สนพ. | 101.57 | 123.89 | 83.81 | 69.13 | 81.80 | 460.20 |
พพ. | ||||||
- ค่าจ้างชั่วคราว | 21.04 | 23.86 | 24.62 | 25.55 | 25.44 | 120.51 |
- ตอบแทนใช้สอย วัสดุ | 23.85 | 29.15 | 25.71 | 28.93 | 35.51 | 143.15 |
- ค่าสาธารณูปโภค | 5.24 | 5.37 | 5.90 | 7.75 | 8.10 | 32.36 |
- ค่าครุภัณฑ์ | 20.80 | 18.40 | 16.45 | 24.61 | 22.53 | 102.79 |
- รายจ่ายอื่น | 413.18 | 481.85 | 332.85 | 324.20 | 411.52 | 1,963.60 |
รวมงบจัดสรร-พพ. | 484.11 | 558.63 | 405.53 | 411.04 | 503.10 | 2,362.41 |
รวมรายจ่ายจริง-พพ. | 409.08 | 369.51 | 257.95 | 271.77 | 343.52 | 1,651.83 |
บก. | ||||||
- ค่าจ้างชั่วคราว | 0.46 | 0.46 | 0.41 | 0.49 | 0.33 | 2.15 |
- ตอบแทนใช้สอย วัสดุ | 0.16 | 0.18 | 0.42 | 0.15 | 0.14 | 1.05 |
- ค่าครุภัณฑ์ | 0.12 | - | 0.14 | - | 0.21 | 0.47 |
รวมงบจัดสรร-บก. | 0.74 | 0.64 | 0.97 | 0.64 | 0.68 | 3.67 |
รวมรายจ่ายจริง-บก. | 0.61 | 0.51 | 0.67 | 0.61 | 0.57 | 2.97 |
รวมงบจัดสรรทั้งสิ้น | 596.90 | 702.68 | 556.31 | 510.54 | 657.72 | 3,024.15 |
รวมรายจ่ายจริงทั้งสิ้น | 511.26 | 493.91 | 342.43 | 341.51 | 425.89 | 2,115.00 |
2. สนพ. และ บก. ได้จัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2548 เรียบร้อยแล้ว รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 62,568,020 บาท สรุปได้ดังนี้
หน่วย : บาท
หมวดรายจ่าย | สนพ. | บก. | รวม | ร้อยละ |
1. ค่าจ้างชั่วคราว | 4,481,400 | 552,600 | 5,034,000 | 8% |
2. ค่าตอบแทนใช้สอยและวัสดุ | 11,581,390 | 340,630 | 11,922,020 | 19% |
3. ค่าสาธารณูปโภค | 920,000 | - | 920,000 | 1% |
4. ค่าครุภัณฑ์ | 1,754,000 | 300,000 | 2,054,000 | 3% |
5. รายจ่ายอื่น | 40,638,000 | 2,000,000 | 42,638,000 | 68% |
รวม | 59,374,790 | 3,193,230 | 62,568,020 | 100% |
ร้อยละ | 95% | 5% | 100% |
3. พพ. ได้จัดทำงบค่าใช้จ่ายในการบริหารงานปีงบประมาณ 2548 ทั้งในส่วนกลางและสำนักงานเขต 12 เขตในภูมิภาค เรียบร้อยแล้ว รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 55 ล้านบาท
หมายเหตุ
(1) ให้ สนพ. บก. สามารถถัวจ่ายรายการต่างๆ ภายในหมวดเดียวกันได้
(2) รายการที่ต้องการถัวจ่ายระหว่างหมวด
ไม่เกินรายการละ 10 ล้านบาท
ส่วนของ สนพ. และ บก. ให้เสนอผู้อำนวยการ สนพ. พิจารณาอนุมัติ
ส่วนของ พพ. ให้เสนออธิบดี พพ. พิจารณาอนุมัติ
เกินรายการละ 10 ล้านบาท แต่ไม่เกินรายการละ 50 ล้านบาท ให้เสนอคณะอนุกรรมการบริหารฯ พิจารณาอนุมัติ
เกินรายการละ 50 ล้านบาท ขึ้นไป ให้เสนอคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติ
มติที่ประชุม
1. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2548 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ของ สนพ. ในวงเงิน 59,374,790 บาท (ห้าสิบเก้าล้านสามแสนเจ็ดหมื่นสี่พันเจ็ดร้อยเก้าสิบบาทถ้วน) โดยเบิกจ่ายจาก งานบริหารกองทุน แผนงานบริหารทางกลยุทธ์
2. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2548 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ของ บก. ในวงเงิน 3,193,230 บาท (สามล้านหนึ่งแสนเก้าหมื่นสามพันสองร้อยสามสิบบาทถ้วน) โดยเบิกจ่ายจาก งานบริหารกองทุน แผนงานบริหารทางกลยุทธ์
3. อนุมัติงบค่าใช้จ่ายในการบริหารงานปีงบประมาณ 2548 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานจัดการของ พพ. ในวงเงิน 55,000,000 บาท (ห้าสิบห้าล้านบาทถ้วน) โดยเบิกจ่ายจาก งานบริหารแผนงาน แผนพลังงานทดแทน ในวงเงิน 32,500,000 บาท (สามสิบสองล้านห้าแสนบาทถ้วน) และเบิกจ่ายจาก งานบริหารแผนงาน แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในวงเงิน 22,500,000 บาท (ยี่สิบสองล้านห้าแสนบาทถ้วน)
โดยให้ทั้ง 3 หน่วยงาน สามารถถัวจ่ายรายการต่างๆ ได้ตามที่เสนอมาในข้อ 2 และข้อ 3 ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2547 โดยให้เบิกจ่ายเงินจากกองทุนฯ ได้ ภายหลังที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเห็นชอบแผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2548-2554 แล้ว
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบว่า พพ. ได้ยื่นข้อเสนอ "โครงการต้นแบบการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี Vanadium Redox Flow สำหรับการลดภาระกำลังไฟฟ้าสูงสุด การผลิตไฟฟ้าผสมผสานขนาดเล็ก รถประจำทางไฟฟ้า และเซลล์เชื้อเพลิงคาร์โบไฮเดรท" เพื่อขอรับสนับสนุนทุนวิจัยจากกองทุนฯ ในวงเงิน 200 ล้านบาท เพื่อการวิจัยเชิงประยุกต์ของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Vanadium Redox Flow เทคโนโลยีการเก็บสำรองพลังงานไฟฟ้าด้วยเซลล์ไฟฟ้าเคมี ที่บริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทเอกชนของไทยเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อให้ทราบถึงปัญหาอุปสรรคด้านเทคนิคและต้นทุน การยอมรับจากผู้ใช้ และแนวทางพัฒนาในเชิงพาณิชย์และการผลิตในระบบอุตสาหกรรมต่อไป โดยทำงานวิจัยภายในเวลา 1 ปี 2 เดือน และแบ่งออก เป็น 4 โครงการย่อย ได้แก่
(1) งานวิจัยพัฒนาการสร้างแบตเตอรี่ขนาด 1-3 kW 3-10 kW 30 kW และ 100 kW และสร้างระบบลดกำลังไฟฟ้าสูงสุดขนาด 100 kw ที่จัดเก็บและจ่ายไฟฟ้าจากระบบสายส่งได้ 100 kw-1 ชม. พร้อมทั้งทดสอบติดตั้งใช้งานจริงในอาคารมหานครยิปซั่ม ที่ตั้งของบริษัทเซลเลนเนียม กทม. (ขอรับการสนับสนุน 100% ในวงเงิน 60 ล้านบาท)
(2) งานวิจัยพัฒนาและสร้างเซลล์เชื้อเพลิงคาร์โบไฮเดรท ที่ทำงานร่วมกับ Vanadium Electrolyte ขนาด 100 W ที่เปลี่ยนน้ำตาลสำเร็จรูป (refined suger) เป็นไฟฟ้าโดยตรง โดยประสิทธิภาพที่ 40% เพื่อศึกษาขบวนการทำงาน ปัญหาอุปสรรค สำหรับการพัฒนาขั้นต่อไป (ขอรับการสนับสนุน 100% ในวงเงิน 65 ล้านบาท)
(3) งานวิจัยพัฒนาและสร้างแบตเตอรี่ขนาด 10 kW พร้อมระบบ Inductionless inverter ที่เป็นนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า inverter มาตรฐาน รับไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่ที่ความถี่ที่แตกต่างกันได้ และจ่ายไฟฟ้าออกจากแบตเตอรี่ที่ความถี่คงที่ 50 Hz นำระบบดังกล่าวติดตั้งทดสอบใช้งานกับเครื่องยนต์ดีเซลผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (5 kW) เพื่อแสดงการปรับปรุงประสิทธิภาพและทดสอบการใช้งานที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี วิทยาเขตบางขุนเทียน (ขอรับการสนับสนุน 50% ในวงเงิน 20 ล้านบาท) เริ่มโครงการหลังจากพัฒนาแบตเตอรี่ขนาด 30 kW ในโครงการ (1) เรียบร้อยแล้ว
(4) งานวิจัยพัฒนาและสร้างแบตเตอรี่ขนาด 30 kW ทดสอบใช้งานกับรถประจำทางไฟฟ้าผสมผสานที่พัฒนาไว้เดิมแล้ว โดยกรมควบคุมมลพิษ ใช้ในเขต กทม. คาดว่าสามารถวิ่งได้ที่ความเร็วสูงถึง 60 กม./ชม. และระยะทางที่วิ่งได้ต่อครั้งของการประจุไฟฟ้าให้เป็นแบตเตอรี่คือ 100 กม. (ขอรับการสนับสนุน 50% ในวงเงิน 30 ล้านบาท) เริ่มโครงการหลังจากพัฒนาแบตเตอรี่ ขนาด 30 kW ในโครงการ (1) เรียบร้อยแล้ว
โดย พพ. จะร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) และผู้ชำนาญการจากสถาบันการศึกษาในประเทศไทยที่เกี่ยวข้อง ทำหน้าที่ติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการวิจัย (โดยมีค่าใช้จ่ายในการติดตามผลที่จะขอสนับสนุนจากกองทุนฯ ในวงเงิน 30 ล้านบาท) ทั้งนี้ ผลประโยชน์ที่เกิดจากการพัฒนาการวิจัยภายใต้โครงการดังกล่าวที่ได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนฯ จะได้สิทธิประโยชน์ จากบริษัทเซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ในรูปของสัดส่วนหุ้นคืนกลับสู่กองทุนฯ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์สำหรับการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอื่นๆ ต่อไป ดังนี้
ได้รับหุ้น 4.7% ของบริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด
ได้รับหุ้น 5% ของบริษัท เซลเลนเนียม USA
ได้รับหุ้น 3% ของบริษัท สคเวอเร็ล โฮลดิ้งส์
2. ผู้ทรงคุณวุฒิที่ร่วมวิเคราะห์โครงการฯ เพื่อให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะอันเป็นประโยชน์สำหรับใช้ประกอบการพิจารณาให้การสนับสนุนโครงการนี้ ประกอบด้วย ศ.ดร.นักสิทธิ์ คูวัฒนาชัย จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ศ.ดร.ถิรพัฒน์ วิลัยทอง จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ดร.วเรศ วีระสัย จากมหาวิทยาลัยมหิดล ได้มีการประชุมพิจารณาโครงการฯ รวม 2 ครั้ง คือ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2547 และวันที่ 15 กันยายน 2547 สรุปว่า เห็นควรสนับสนุนโครงการ โดย พพ. ควรปรับรายละเอียดข้อเสนอโครงการฯ ให้ชัดเจนดังนี้
(1) ปรับปรุงโครงการย่อยที่ (2) จากงานวิจัยพื้นฐานการสร้างเซลล์เชื้อเพลิงที่ทำงานร่วมกับ Vanadium Electrolyte ขนาด 100 W ให้เป็นงานวิจัยต่อเนื่องไปจนถึงงานวิจัยเชิงประยุกต์ และนำไปสู่การใช้งานเชิงพาณิชย์ รวมทั้งเพิ่ม Literature Review State of Arts Propose Design ผู้ทำการวิจัย และ Track Record ของ ผู้ทำการวิจัยด้วย
(2) ควรให้มีการใช้บุคลากรภายในประเทศให้มากที่สุด เพื่อให้เกิดองค์ความรู้และพัฒนาบุคลากรในเทคโนโลยีดังกล่าวในประเทศ
(3) ควรเพิ่มส่วนการประเมินผลภาพรวมของโครงการแยกจากส่วนการติดตามตรวจสอบและประเมินผลเดิม โดยให้ สนพ. จ้างผู้ประเมินภาพรวมดังกล่าว ในวงเงิน 5 ล้านบาท
3. คณะอนุกรรมการฯ ได้ประชุมพิจารณาโครงการฯ รวม 2 ครั้ง คือ เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2547 และเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2547 และมีมติเห็นชอบให้การสนับสนุน "โครงการต้นแบบการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี Vanadium Redox Flow สำหรับการลดภาระกำลังไฟฟ้าสูงสุด การผลิตไฟฟ้าผสมผสานขนาดเล็ก รถประจำทางไฟฟ้า และเซลล์เชื้อเพลิงคาร์โบไฮเดรท" ตามที่ พพ. เสนอในวงเงินรวม 200,000,000 บาท และ เห็นชอบให้ สนพ. จ้างผู้ประเมินภาพรวมโครงการฯ ในวงเงิน 5 ล้านบาท รวมถึงรับทราบแนวทางการจัดการผลประโยชน์ที่ได้จากบริษัทฯ ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ รายงาน ดังนี้
(1) กองทุนฯ สามารถรับผลประโยชน์/ทรัพย์สินจากเอกชนได้ ตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 มาตรา 24 (5)
(2) กองทุนฯ สามารถรับบริจาคทรัพย์สินในรูปหุ้นได้ในกรณีที่มีการชำระมูลค่าเต็มแล้ว (หุ้นบริจาคเป็นหุ้นที่มีการชำระมูลค่าหุ้นแล้ว) โดยการบริจาคทรัพย์สินดังกล่าวต้องบริจาคให้กับกระทรวงการคลัง (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน) โดยแยกบัญชีไว้เป็นการเฉพาะ และควรมีการทำสัญญา Share holder agreement ด้วยว่าบริษัทฯ จะไม่เรียกร้องค่าเสียหายจากกระทรวงการคลัง (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน) ในฐานะผู้ถือหุ้นส่วนที่บริจาคแต่อย่างใด ในกรณีที่บริษัทฯ เกิดความเสียหาย
(3) การบริหารจัดการผลประโยชน์ที่ได้จากบริษัทฯ ตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 28 ได้มีการกำหนดอำนาจหน้าที่ให้คณะกรรมการกองทุนฯ ตามข้อ (10) จะอนุโลมใช้เกี่ยวกับการบริหารจัดการผลประโยชน์/ทรัพย์สินที่กองทุนรับเข้ามาไว้ได้ ซึ่งคณะกรรมการกองทุนฯ สามารถเสนอมอบอำนาจให้มีผู้ดูแลบริหารจัดการได้โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง เช่น สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน เป็นต้น อย่างไรก็ดีตามประเด็นดังกล่าวข้างต้นนี้ยังไม่ชัดเจน เห็นควรให้ พพ. หารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ชัดเจน
(4) การมอบหุ้นให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (กระทรวงการคลัง) นั้น ควรเป็นการบริจาคหุ้นโดยสมัครใจแบบไม่มีเงื่อนไข ไม่ใช่เป็นไปในลักษณะของการบริจาคตามเงื่อนไขของกองทุนที่ให้เงินสนับสนุนดำเนินโครงการ
มติที่ประชุม
1. อนุมัติเงินจากกองทุนฯ ให้ สนพ. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายใน "โครงการติดตามประเมินโครงการต้นแบบการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี Vanadium Redox Flow สำหรับการลดภาระกำลังไฟฟ้าสูงสุด การผลิตไฟฟ้าผสมผสานขนาดเล็ก รถประจำทางไฟฟ้า และเซลล์เชื้อเพลิงคาร์โบไฮเดรท" ในวงเงินรวม 5,000,000 บาท (ห้าล้านบาทถ้วน) ดังรายละเอียดและขอบเขตงานจ้างที่ปรึกษาที่เสนอมา โดย สนพ. สามารถปรับรายละเอียดและขอบเขตงานจ้างที่ปรึกษาให้เหมาะสมมากขึ้นได้ โดยเบิกจ่ายจาก "งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค แผนพลังงานทดแทน"
2. อนุมัติเงินกองทุนฯ ให้ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายใน "โครงการต้นแบบการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี Vanadium Redox Flow สำหรับการลดภาระกำลังไฟฟ้าสูงสุด การผลิตไฟฟ้าผสมผสานขนาดเล็ก รถประจำทางไฟฟ้า และเซลล์เชื้อเพลิงคาร์โบไฮเดรท" ในวงเงินรวม 200,000,000 บาท (สองร้อยล้านบาทถ้วน) โดยเบิกจ่ายจาก "งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค แผนพลังงานทดแทน" และมีเงื่อนไขให้ พพ. ดำเนินการตามที่ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะอนุกรรมการฯ และคณะกรรมการกองทุนฯ ได้มีความเห็นไว้
3. ให้การอนุมัติตามข้อ 1 และ 2 มีผลบังคับใช้เมื่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเห็นชอบแผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปีงบประมาณ 2548-2554 แล้ว
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานว่า คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในการประชุม ครั้งที่ 5/2546 (ครั้งที่ 37) เมื่อวันอังคารที่ 2 ธันวาคม 2546 ได้พิจารณาเรื่องการขอรับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรมปิดถนนสีลม ของบริษัท แอคทวิน เอเซีย จำกัด ในช่วงเดือนมกราคม - เมษายน 2545 เป็นจำนวนเงิน 12,329,978.04 บาท ซึ่งที่ประชุมได้มีมติดังนี้
(1) เห็นชอบให้ สนพ. ประสานงานกับบริษัท แอคทวิน เอเซีย จำกัด เพื่อขอหลักฐานและรายละเอียดการใช้จ่ายเงินเพิ่มเติม และเจรจาต่อรองกับบริษัทฯ ให้ปรับลดค่าใช้จ่ายที่จะขอรับจากกองทุนฯ ตามข้อเสนอแนะของกรรมการกองทุนฯ แล้วส่งให้กระทรวงการคลังพิจารณายกเว้นการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุในการจ้างบริษัท แอคทวิน เอเซีย จำกัด เป็นกรณีพิเศษ
(2) เห็นชอบให้ สนพ. อาศัยข้อกำหนดแห่งระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ข้อ 4 "... ในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการได้ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกองทุนกำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง" ในการดำเนินการจัดจ้าง และการจ่ายเงินค่าจัดจ้างให้บริษัท แอคทวิน เอเซีย จำกัด เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรมปิดถนนสีลม ของ บริษัท แอคทวิน เอเซีย จำกัด ในช่วงเดือนมกราคม - เมษายน 2545
2. สนพ. ได้มีหนังสือถึงบริษัทฯ เพื่อขอหลักฐานเอกสารเพิ่มเติมประกอบการพิจารณาเบิกจ่ายเงินในการจัดกิจกรรมต่างๆ บนถนนสีลมในช่วงเดือนมกราคม - เมษายน 2545 และมีหนังสือถึงการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อขอข้อมูลรายละเอียดกิจกรรมและค่าใช้จ่ายที่เบิกจ่ายให้กับบริษัทฯ ในการดำเนินกิจกรรมปิดถนนสีลมตั้งแต่เดือนพฤษภาคม - ธันวาคม 2545 เพื่อนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบ ดูความเหมาะสมกับค่าใช้จ่ายที่บริษัทฯ แจ้งขอรับการสนับสนุน ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่า ค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมใกล้เคียงกัน ดังนี้
(1) กิจกรรมปกติ มีค่าใช้จ่ายตามใบแจ้งหนี้ของบริษัทฯ โดยเฉลี่ยสัปดาห์ละ 502,365 บาท สูงกว่า ค่าใช้จ่ายที่ ททท. จ่ายให้บริษัทเฉลี่ยสัปดาห์ละ 487,524 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.95
(2) กิจกรรมพิเศษ มีค่าใช้จ่ายตามใบแจ้งหนี้ของบริษัทฯ เฉลี่ยสัปดาห์ละ 2,381,565 บาท ต่ำกว่า ค่าใช้จ่ายที่ ททท. จ่ายให้บริษัทเฉลี่ยสัปดาห์ละ 2,436,390 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.25
สนพ. มีความเห็นว่า ค่าใช้จ่ายตามใบแจ้งหนี้ที่บริษัทฯ ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ อยู่ในระดับที่เหมาะสม จะมีความแตกต่างกันบ้างขึ้นอยู่กับรายละเอียดปลีกย่อยของการจัดกิจกรรมในแต่ละสัปดาห์ ซึ่งก็จะไม่แตกต่างกันมากนัก
3. สนพ. ได้มีหนังสือถึง นายประสาน หวังรัตนปราณี ที่ปรึกษาของอดีตรองนายกรัฐมนตรี (นายพิทักษ์ อินทรวิทยนันท์) เพื่อขอความเห็นและคำรับรองการดำเนินกิจกรรมของบริษัทฯ ในช่วงตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม - 28 เมษายน 2545 เนื่องจากเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในคณะทำงานบริหารจัดการโครงการปิดถนนสีลม และได้ตรวจสอบควบคุมดูแลการดำเนินกิจกรรมปิดถนนสีลมในทุกๆ สัปดาห์ ซึ่งได้ให้คำรับรองว่ามีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เป็นประจำทุกสัปดาห์จริง
4. สนพ. ได้มีหนังสือถึงกระทรวงการคลัง เพื่อขอความเห็นชอบยกเว้นการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษในการจัดจ้างและจ่ายเงินให้บริษัท แอคทวิน เอเซีย จำกัด เป็นกรณีพิเศษ โดยไม่ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการจัดจ้างและคณะกรรมการตรวจรับ และให้ใช้ใบแจ้งหนี้ของบริษัท เป็นหลักฐานในการจ่ายเงิน ซึ่งกระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว เห็นชอบให้ สนพ. ดำเนินการได้ตามที่ขอ โดยให้ใช้หลักฐานการจ่ายเงินที่บริษัทฯ ได้ใช้จ่ายไปเพื่อการดำเนินกิจกรรมในช่วงตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม - 28 เมษายน 2545 ที่คณะทำงานบริหารจัดการโครงการปิดถนนสีลมได้รับรองรายการค่าใช้จ่ายเป็นหลักฐานประกอบใบแจ้งหนี้ที่บริษัทฯ ขอรับเงินจากกองทุนฯ
เนื่องจากคณะทำงานบริหารจัดการโครงการปิดถนนสีลมได้ถูกยกเลิกไปแล้วตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2545 จึงไม่สามารถรับรองค่าใช้จ่ายตามความเห็นของกระทรวงการคลังได้ สนพ. จึงได้มีหนังสือถึงกระทรวงการคลังขอความเห็นชอบสำหรับการจ่ายเงินให้บริษัทฯ ตามจำนวนเงินที่คณะกรรมการกองทุนฯ เห็นสมควรอนุมัติ และให้ใช้ใบแจ้งหนี้ของบริษัทฯ และมติคณะกรรมการกองทุนฯ เป็นหลักฐานในการจ่ายเงิน ซึ่งกระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นควรให้ สนพ. จัดให้มี การตรวจสอบรายการและหลักฐานการจ่ายเงินที่บริษัทฯ นำมาใช้ประกอบการขอรับเงิน ตามใบแจ้งหนี้บริษัทฯ ในวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนฯ จะพิจารณาอนุมัติ
5. บริษัท แอคทวิน เอเซีย จำกัด ได้ร้องขอความเป็นธรรมต่อคณะกรรมาธิการการพลังงาน และนายแพทย์ สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ประธานคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร ได้มีหนังสือคณะกรรมาธิการการพลังงาน ที่พิเศษ/2547 ลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2547 ขอให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุชาติ เชาว์วิศิษฐ) พิจารณาเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาการเบิกจ่ายเงินค่าดำเนินโครงการปิดถนนสีลมของบริษัท แอคทวิน เอเซีย จำกัด เพราะเป็นเรื่องภายในที่สามารถแก้ไขได้ไม่จำเป็นต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการ เพราะจะทำให้มีปัญหาบานปลายตามมามากมาย อาจจะเป็นผลเสียต่อภาครัฐ
รองนายกรัฐมนตรี (นายสุชาติ เชาว์วิศิษฐ) ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ดำเนินการ ซึ่ง รมว.พน. ได้สั่งการให้ สนพ. นำเรื่องดังกล่าวบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาต่อไป
6. สนพ. ได้พิจารณาเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายที่บริษัทฯ แจ้งขอรับการสนับสนุนกับค่าใช้จ่ายที่ ททท. จ่ายให้บริษัทฯ ในการดำเนินกิจกรรมปิดถนนสีลมแล้ว เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่ขอรับการสนับสนุนมีความเหมาะสม และกระทรวงการคลังก็ได้เห็นชอบให้ยกเว้นการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ โดยไม่ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการจัดจ้างและคณะกรรมการตรวจรับ โดยจำนวนเงินที่จะจ่ายให้บริษัทฯ ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ เห็นสมควรอนุมัติ และให้ใช้ใบแจ้งหนี้ของบริษัทและมติคณะกรรมการกองทุนฯ เป็นหลักฐานในการจ่ายเงินต่อไป
สนพ. จึงใคร่ขอเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติให้ สนพ. เบิกจ่ายเงินจาก "หมวดพัฒนาบุคลากรระยะสั้นในประเทศ" ปีงบประมาณ 2548 เป็นจำนวนเงิน 12,329,978.04 บาท (สิบสองล้านสามแสนสองหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเจ็ดสิบแปดบาทสี่สตางค์) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้บริษัท แอคทวิน เอเซีย จำกัด สำหรับเป็นค่าดำเนินกิจกรรม "โครงการปิดถนนสีลมเพื่อประหยัดพลังงาน ลดมลพิษและส่งเสริมการท่องเที่ยว" ในช่วงตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม - 28 เมษายน 2545
มติที่ประชุม
อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ หมวดงานอื่นๆ ปีงบประมาณ 2548 ให้ สนพ. เป็นจำนวนเงิน 12,329,978.04 บาท (สิบสองล้านสามแสนสองหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเจ็ดสิบแปดบาทสี่สตางค์) เพื่อนำไปจ่ายให้กับบริษัท แอคทวิน เอเซีย จำกัด เป็นค่าดำเนินกิจกรรมปิดถนนสีลม ในช่วงเดือนมกราคม - เมษายน 2545 โดยยกเว้นการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นกรณีพิเศษ ในการจัดจ้างและจ่ายเงินให้บริษัท แอคทวิน เอเซีย จำกัด โดยไม่ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการจัดจ้างและคณะกรรมการตรวจรับ และให้ใช้หลักฐานการจ่ายเงินที่บริษัท แอคทวิน เอเซีย จำกัด ได้ใช้จ่ายไปเพื่อการดำเนินกิจกรรมในช่วงตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม - 28 เมษายน 2545 เป็นหลักฐานประกอบใบแจ้งหนี้
เรื่องที่ 10 ขอรับการสนับสนุนโครงการปรับปรุงเครื่องปรับอากาศเก่าในอาคารของรัฐเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบว่าประธานกรรมการกองทุนฯ (นายสมศักดิ์ เทพสุทิน) ได้มีหนังสือ ที่ นร 0411/ลร6/16498 ลงวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ถึง สนพ. เพื่อเสนอโครงการปรับปรุงเครื่องปรับอากาศเก่าในอาคารของรัฐเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยจะขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ เป็นวงเงิน 25 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวสามารถสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. ความเป็นมา
ปัจจุบันเครื่องปรับอากาศเป็นอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในหน่วยงานต่างๆ ที่มีอัตราส่วนมากถึง 70-80% ของค่าไฟฟ้าของแต่ละหน่วยงาน ซึ่งการใช้เครื่องปรับอากาศนับวันจะเพิ่มปริมาณขึ้นเนื่องจากภาวะอากาศของประเทศไทยที่ร้อนขึ้นเป็นลำดับ ปัจจุบันได้มีเทคโนโลยีของการควบคุมเครื่องปรับอากาศด้วยอินเวอร์เตอร์ที่สามารถประยุกต์ใช้กับเครื่องปรับอากาศที่ติดตั้งใช้งานอยู่แล้ว ซึ่งจะสามารถลดการใช้พลังงาน ไฟฟ้าลงได้ 30-40% จากการใช้งานปกติของเครื่องปรับอากาศ
2. เทคโนโลยีการควบคุมด้วยอินเวอร์เตอร์ของเครื่องปรับอากาศ
ระบบการควบคุมของเครื่องปรับอากาศที่ใช้ในปัจจุบันจะใช้การควบคุมแบบตัดต่อ (On-Off Control) ซึ่งจะต่อคอมเพรสเซอร์เมื่ออุณหภูมิห้องสูงกว่าอุณหภูมิที่ตั้งไว้ที่เทอร์โมสตัดและจะตัดการทำงานของคอมเพรสเซอร์เมื่ออุณหภูมิห้องต่ำกว่าอุณหภูมิที่ตั้งไว้ที่เทอร์โมสตัด การควบคุมโดยใช้เทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์จะเป็นการปรับอัตราการไหลของสารทำความเย็นให้เหมาะสมกับการระบายความร้อนของห้องตลอดเวลา โดยการควบคุมความเร็วรอบของคอมเพรสเซอร์แทนการควบคุมแบบตัดต่อ ซึ่งวิธีการควบคุมความเร็วรอบของคอมเพรสเซอร์นี้จะสามารถปรับการใช้พลังงานไฟฟ้าลดลงเมื่อเทียบกับแบบเดิมที่ใช้การควบคุมแบบตัดต่อได้ถึง 30-40%
นอกจากนี้ระบบการควบคุมเครื่องปรับอากาศด้วยอินเวอร์เตอร์ยังสามารถควบคุมอุณหภูมิได้แม่นยำกว่าแบบใหม่นี้อยู่ในช่วงบวกลบ 0.2 องศา เมื่อเทียบกับระบบเดิมจะอยู่ในช่วงบวกลบ 2 องศา
3. การขอรับการสนับสนุนโครงการ
เพื่อให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้าในเครื่องปรับอากาศที่ติดตั้งแล้วอย่างเป็นธรรม ทางโครงการขอรับการสนับสนุนเป็นโครงการนำร่องในการปรับปรุงเครื่องปรับอากาศเก่าในอาคารของรัฐโดยจะขอติดตั้งกับอาคารของรัฐในส่วนราชการของศาลากลางจังหวัดทั้ง 4 ภาค จำนวน 7 จังหวัด และหน่วยงานกรมการพลังงานทหารกระทรวงกลาโหม เพื่อให้มีความหลากหลายกับสภาวะของอากาศในแต่ละภูมิภาคโดยแต่ละหน่วยงานมีเครื่องปรับอากาศ 200 เครื่อง อินเวอร์เตอร์ ราคาประมาณ 15,000 บาท/เครื่อง รวม 1,600 เครื่อง เป็นเงินทั้งสิ้น 24 ล้านบาท คาดว่าจะประหยัดพลังงานได้ 30% คิดเป็น 12,856,320 บาท/ปี
มติที่ประชุม
มอบหมายให้ พพ. ประสานงานกับบริษัทเพื่อทำการทดสอบเทคโนโลยีดังกล่าว และรายงานผลการประหยัดพลังงานให้กรรมการกองทุนฯ รับทราบ ต่อไป
อนุ กอ. ครั้งที่ 16 - วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน 2552
มติคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 1/2552 (ครั้งที่ 16)
วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2552 เวลา 13.30 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 20 มีนาคม 2552
2. รายงานผลการตรวจสอบงบการเงินของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2550 และ 2549 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
3. การบริหารงานตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550
4. ขอความเห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2552 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
5. แผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ปีที่ 2
6. เกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2552
7. โครงการค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินเพื่อชดเชยค่าผ่านทางในส่วนต่างให้แก่บริษัททางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน)
8. การขอปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
9. การขอขยายระยะเวลาการผูกพันและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2551 สำหรับโครงการของ พพ.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล) ประธานอนุกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล) อนุกรรมการและเลขานุการ
ประธานได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า นายปิยะวัติ บุญ-หลง อนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ได้ขอลาออกจากตำแหน่งอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามหนังสือที่ นร 6809/0146/2552 ลงวันที่ 31 มีนาคม 2552 และ กรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามหนังสือที่ นร 6809/0143/2552 ลงวันที่ 31 มีนาคม 2552 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2552 เป็นต้นไป เนื่องจากจะครบกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
เรื่องที่ 1 รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 20 มีนาคม 2552
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 20 มีนาคม 2552 ให้ที่ประชุมทราบว่า มีเงินคงเหลือ จำนวน 10,347,785,551.73 บาท โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ดังนี้
1. เงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 5,281,138,838.67 บาท
2. เงินโครงการพัฒนาระบบการขนส่ง 5,066,646,713.06 บาท
รวมเป็นเงิน 10,347,785,551.73 บาท
ประกอบด้วย
1) เงินฝากธนาคารกรุงไทย - ออมทรัพย์ 10,271,891,211.73 บาท
2) เงินฝากธนาคารกสิกรไทย - ออมทรัพย์ 75,894,340.00 บาท
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบฐานะการเงินกองทุนฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 20 มีนาคม 2552 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
1. ระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ข้อ 30 กำหนดให้กรมบัญชีกลางจัดทำรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนฯ และเงินคงเหลือบัญชีเงินฝากกองทุนฯ เพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เป็นรายไตรมาส และส่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อทราบ และให้จัดทำงบการเงินประจำปีให้ สตง.ตรวจสอบรับรอง แล้วรายงานให้คณะกรรมการกองทุนฯ ทราบต่อไป
2. กรมบัญชีกลางได้รายงานผลการตรวจสอบงบการเงินของกองทุนฯ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2550 และ 2549 โดย สตง. ซึ่งมีข้อเสนอแนะให้กองทุนฯ ดำเนินการ ดังนี้
2.1 ให้ สนพ. นำเงินสนับสนุนทุนการศึกษา ทุนวิจัย ทุนฝึกอบรม และเงินพัฒนาหลักสูตร สื่อการเรียนการสอน ที่เบิกจากกองทุนฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2543-2549 ที่ค้างอยู่ที่ สนพ. จำนวน 14,083,873.77 บาท ส่งคืนกองทุนฯ ในการนี้ สนพ. ได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะดังกล่าวแล้ว โดยจ่ายเงินให้แก่ผู้ได้รับสนับสนุนทุนไปแล้ว จำนวน 459,158.33 บาท และได้นำเงินส่งคืนกองทุนฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 จำนวน 13,624,715.44 บาท เรียบร้อยแล้ว
2.2 ให้ตรวจสอบหาสาเหตุที่ทำให้โครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ไม่สามารถดำเนินการตามแผนงานหรือการดำเนินงานไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และหาแนวทางแก้ไข เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ บรรลุวัตถุประสงค์ตาม พรบ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ข้อ 25 ในการนี้ สนพ. ได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะแล้ว โดยตรวจสอบและติดตามผู้ได้รับเงินทุนสนับสนุนในโครงการต่างๆ โดยให้เร่งเบิกจ่ายเงินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ได้รับการสนับสนุน และหากดำเนินการตามโครงการเสร็จสิ้น หรือมิได้ดำเนินการตามแผนงานที่กำหนดไว้ ให้นำเงินที่เหลือและดอกผลทั้งหมดส่งคืนกองทุนฯ
2.3 ให้เรียกเงินคืนจาก กทม. ในส่วนที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ และมิได้ดำเนินการตามแผนงานที่กำหนด ตามโครงการจัดซื้อรถเก็บขนมูลฝอยชนิดใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง จำนวน 45,500,000 บาท พร้อมดอกผลนำส่งคืนกองทุนฯ โดยเร็ว ในการนี้ สนพ. ได้เรียกเงินคืนพร้อมดอกผลจาก กทม. แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนดำเนินการส่งเงินคืนกองทุนฯ
2.4 ให้ พพ. นำเงินค่าปรับจำนวน 1,149,457.80 บาท และเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2545-2549 ที่สถาบันการเงินส่งคืนรวมทั้งดอกเบี้ย ส่งคืนกองทุนฯ จำนวน 1,283,204,374.89 บาท ในการนี้ พพ. ได้ดำเนินการส่งคืนเงินรวมทั้งดอกเบี้ยจำนวนดังกล่าว เรียบร้อยแล้ว
2.5 ให้นำเสนอผลการตรวจสอบของ สตง. ให้คณะกรรมการกองทุนฯ รับทราบปัญหา อุปสรรค ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา เพื่อพิจารณาสั่งการให้มีการปฏิบัติตามแผนงานที่กำหนด และให้การดำเนินงานโครงการบรรลุวัตถุประสงค์ โดยถือปฏิบัติตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ข้อ 30 โดยเคร่งครัด
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบผลการตรวจสอบงบการเงินของกองทุนฯ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2550 และ 2549 ของ สตง. และมีข้อสังเกตเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติสำหรับโครงการที่ไม่สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามแผนงาน และไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ควรนำโครงการมาพิจารณาและทบทวนแผนการดำเนินงานและความเหมาะสมในการสนับสนุนทุนโครงการต่อไปหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อมิให้มีจำนวนเงินค้างจ่ายในบัญชีผู้เบิกเงินกองทุนฯ มากเกินความจำเป็น
เรื่องที่ 3 การบริหารงานตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550
1. พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 ได้มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2551 โดยมีมาตราที่เกี่ยวข้องกับงานบริหารกองทุนฯ ดังนี้
1.1 จัดตั้ง "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ในกระทรวงพลังงาน เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนและใช้จ่ายช่วยเหลือหรืออุดหนุนการดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน และให้กระทรวงพลังงานเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินของกองทุนและดำเนินการเบิกจ่ายเงินกองทุนตาม พรบ.นี้
1.2 ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้สิน และเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในกระทรวงการคลัง ไปเป็นของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
1.3 กำหนดให้มีคณะกรรมการกองทุนฯ ขึ้น 1 คณะ ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้เป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงพลังงาน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อธิบดีกรมบัญชีกลาง อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายกสภาวิศวกร นายกสภาสถาปนิก และผู้ทรงคุณวุฒิ 7 ท่าน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นกรรมการ และผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เป็นกรรมการและเลขานุการ โดยมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ให้เป็นไปตามมาตรา 28 ใน พรบ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535
1.4 ให้คณะกรรมการกองทุนมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการตามที่คณะกรรมการกองทุนมอบหมาย
ในการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการตามมาตรา 28 (2) คณะกรรมการกองทุนอาจมอบอำนาจให้คณะอนุกรรมการมีอำนาจในการอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงการจัดสรรเงินกองทุนให้แก่กิจการ แผนงาน หรือโครงการได้เท่าที่ไม่เกินจากวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนจัดสรรให้ ทั้งนี้ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกองทุนกำหนด
2. ปัจจุบันการบริหารงานกองทุนฯ ประธานกรรมการได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการกองทุนฯ 2 คณะ คือ (1) คณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามคำสั่ง ที่ 1/2548 ลงวันที่ 7 กันยายน 2548 ทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองให้ความเห็นต่อแผนอนุรักษ์พลังงาน หลักเกณฑ์ เงื่อนไข ลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และ (2) คณะอนุกรรมการประเมินผลแผนอนุรักษ์พลังงาน ตามคำสั่งที่ 1/2550 ลงวันที่ 16 มกราคม 2550 ทำหน้าที่ประเมินผลการดำเนินงานของโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ
3. เพื่อให้การบริหารงานกองทุนฯ ของคณะอนุกรรมการ สอดคล้องกับมาตรา 34 แห่ง พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 และ พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 จึงควรเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการฯ ในการพิจารณาอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงการจัดสรรเงินกองทุนให้แก่กิจการ แผนงาน หรือโครงการได้เท่าที่ไม่เกินจากวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้เห็นชอบ/อนุมัติไว้แล้ว
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการฯ ตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 ในการพิจารณาอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงการจัดสรรเงินกองทุนให้แก่กิจการ แผนงาน หรือโครงการได้เท่าที่ไม่เกินจากวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้เห็นชอบ/อนุมัติไว้แล้ว โดยให้ฝ่ายเลขานุการฯ ดำเนินการปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ และร่างคำสั่งคณะกรรมการฯ เสนอคณะอนุกรรมการฯ เพื่อพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป
เรื่องที่ 4 ขอความเห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2552 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 ได้รับทราบแผนอนุรักษ์พลังงานและเป้าหมาย ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-2554 ตามที่ กพช. เสนอ โดยมีเป้าหมายและการดำเนินการจะลดปริมาณการใช้พลังงานลง 7,820 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.8 ของความต้องการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศในปี 2554 และกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้แทนพลังงานเชิงพาณิชย์ 8,858 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 12.2 ของความต้องการใช้พลังงาน ในปี 2554
2. คณะกรรมการกองทุนฯ ได้จัดสรรเงินกองทุนฯ จำนวน 89,848,165,183 บาท เพื่อนำไปช่วยเหลือ อุดหนุน หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียน สนับสนุนการดำเนินงานตามแผนดังกล่าว เป็นรายจ่ายสำหรับแผนอนุรักษ์พลังงาน จำนวน 18,881 ล้านบาท และงบประมาณรอจ่ายสำหรับ โครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง จำนวน 70,967 ล้านบาท โดยอนุมัติจำนวนเงินจำแนกตามแผนงานรายปี ดังนี้
ปีงบประมาณ | 2551 | 2552 | 2553 | 2554 | 2555 | รวม 5 ปี |
1. แผนพลังงานทดแทน | 4,838 | 1,190 | 1,315 | 880 | 1,110 | 9,332 |
2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพฯ | 12,549 | 15,927 | 17,940 | 17,116 | 16,736 | 80,267 |
- ดำเนินการตามแผนอนุรักษ์ฯ | 5,838 | 2,356 | 428 | 351 | 328 | 9,300 |
- ลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง | 6,711 | 13,571 | 17,512 | 16,765 | 16,408 | 70,967 |
3. แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ | 249 | 249 | ||||
รวม (ล้านบาท) | 17,635 | 17,116 | 19,255 | 17,996 | 17,846 | 89,848 |
รวม (ล้านบาท) ไม่รวมขนส่ง | 10,924 | 3,545 | 1,743 | 1,231 | 1,438 | 18,881 |
3. ความคืบหน้าของการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ในงาน/โครงการต่างๆ เป็นไปตามแผนฯ โดยงบประมาณปี 2551 จำนวน 10,924 ล้านบาท มีการเบิกจ่าย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 จำนวน 2,393 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22 และเป็นเงินส่งคืนกองทุนฯ จำนวน 924 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8 โดยรายจ่ายผูกพันของงบประมาณปี 2551 จำนวน 7,607 ล้านบาท โดยสรุปผลการดำเนินงานได้ ดังนี้
(1) เป้าหมายและผลลดการใช้พลังงานภาคอุตสาหกรรม
แผนและเป้าหมาย | 2549 | 2550 | 2551 | 2552 | 2553 | 2554 |
1. การดำเนินการตาม พรบ. * | - | - | 25 | 50 | 100 | 211 |
2. การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี | 52 | 134 | 232 | 341 | 454 | 570 |
3. การให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ | 75 | 200 | 300 | 400 | 500 | 600 |
4. ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ ESCO | 12 | 49 | 97 | 153 | 224 | 300 |
5. การอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วม | 47 | 100 | 200 | 300 | 400 | 551 |
6. การสาธิตเทคโนโลยีระดับสูง | - | 9 | 25 | 50 | 100 | 200 |
7. DSM Bidding+โรงแรม | 75 | 149 | 149 | 149 | 149 | |
8. นโยบาย CoGen | 311 | 358 | 406 | 500 | 608 | |
เป้าหมายผลประหยัด ktoe (สะสม) | 186 | 878 | 1,387 | 1,849 | 2,427 | 3,190 |
ผลประหยัด ktoe (สะสม) ณ ปี 2551 1,345 |
(2) เป้าหมายและผลลดการใช้พลังงาน ด้านการจัดการ
แผนและเป้าหมาย | 2549 | 2550 | 2551 | 2552 | 2553 | 2554 |
1. มาตรฐานเครื่องจักรอุปกรณ์ไฟฟ้า | ||||||
กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำ (MEPs) | 7 | 36 | 63 | 93 | 134 | 179 |
กำหนดมาตรฐานขั้นสูง (Labeling) | 70 | 77 | 81 | 100 | 120 | 158 |
2. มาตรฐานเครื่องจักรอุปกรณ์ความร้อน | ||||||
กำหนดมาตรฐานขั้นสูง เตา LPG | 3 | 6 | 8 | 11 | 14 | |
3. มาตรฐานสำหรับยานยนต์ | 4 | 8 | 40 | 100 | 140 | |
4. มาตรฐานสำหรับอาคาร | 1 | 1 | 1 | |||
5. ส่งเสริมการใช้งานอุปกรณ์ | 1 | 10 | 19 | 28 | ||
6. ส่งเสริมการใช้เตาถ่านประสิทธิภาพสูง | 6 | 17 | 28 | 46 | 68 | |
7. ส่งเสริม CFL | 2 | 17 | 31 | 46 | 46 | |
8. ส่งเสริม T5 | 18 | 56 | 148 | 260 | 408 | |
แผนและเป้าหมาย | 2549 | 2550 | 2551 | 2552 | 2553 | 2554 |
9. รณรงค์สร้างจิตสำนึก/ราชการ | 49 | 79 | 111 | 140 | 172 | 176 |
เป้าหมายผลประหยัด ktoe (สะสม) | 126 | 225 | 360 | 599 | 908 | 1,217 |
ผลประหยัด ktoe (สะสม) ณ ปี 2551 223 |
(3) เป้าหมายและผลลดการใช้พลังงาน ภาคขนส่ง
แผนและเป้าหมาย | 2549 | 2550 | 2551 | 2552 | 2553 | 2554 |
1. ส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งมวลชน | 127 | 136 | 144 | 153 | 1,441 | 1,554 |
2. ปรับปรุงระบบจัดการจราจร | 25 | 34 | 45 | 60 | 80 | 106 |
3. ส่งเสริมธุรกิจ LOGISTIC DEPOTและ ICD | 100 | 100 | 450 | 800 | 1,150 | 1,450 |
4. สร้างเครือข่ายระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ | 155 | 167 | 180 | 180 | 180 | 180 |
5. นโยบาย ECO CAR | 0 | 0 | 0 | 26 | 66 | 123 |
เป้าหมายผลประหยัด ktoe (สะสม) | 407 | 437 | 819 | 1,219 | 2,917 | 3,413 |
ผลประหยัด ktoe (สะสม) ณ ปี 2551 | 445 |
(4) เป้าหมายและผลลดการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
ประเภท | ผล | เป้าหมาย | ผล | เป้าหมาย | ตามแผน 15 ปี | หน่วย |
ปี 2550 | ปี 2551 | ปี 2551 | ปี 2554 | ปี 2554* | ||
1. การผลิตไฟฟ้า | ||||||
(1) พลังงานแสงอาทิตย์ | 32 | 34 | 36 | 45 | 55 | MW |
(2) พลังงานลม | 0.96 | 16 | 3.1 | 115 | 150 | MW |
(3) พลังงานน้ำ | 50 | 59 | 66 | 156 | 165 | MW |
(4) พลังงานชีวมวล | 1,507 | 1,807 | 1,655 | 2,800 | 2,800 | MW |
(5) ขยะ | 4.25 | 14.3 | 4.25 | 100 | 60 | MW |
(6) ก๊าซชีวภาพ | 29.2 | 34.2 | 68.8 | 60 | 100 | MW |
2. การใช้ความร้อน | ||||||
(7) พลังงานชีวมวล | 2,345 | 2,645 | 2,406 | 3,660 | 3,544 | ktoe/ปี |
( 8)ก๊าซชีวภาพ | 79 | 140 | 144 | 370 | 540 | ktoe/ปี |
(9) พลังงานแสงอาทิตย์ | 0.3 | 0.9 | 0.3 | 5 | 17 | ktoe/ปี |
3. การใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ | ||||||
(8) เอทานอล | 0.55 | 1.3 | 0.8 | 2.4 | 3 | ล้านลิตร/วัน |
(9) ไบโอดีเซล | 0.07 | 1.2 | 1.3 | 3 | 3 | ล้านลิตร/วัน |
4. กระทรวงพลังงาน มีการพิจารณาจัดสรรเงิน กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2552 เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ ได้มีงบประมาณสำหรับใช้จ่ายเป็นเงินหมุนเวียน เงินช่วยเหลือ หรือเงินอุดหนุนสำหรับการลงทุน และดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานตาม มาตรา 25 แห่ง "พรบ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" โดยมี "คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองงบประมาณประจำปี 2552 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ที่ประธานคณะอนุกรรมการกองทุนฯ แต่งตั้ง ทำหน้าที่กลั่นกรองงบประมาณและแผนการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่างๆ ที่จะขอจัดสรรจากกองทุนฯ ประจำปีงบประมาณ 2552 ซึ่งคณะทำงานฯ ได้ยึดตามภารกิจสำคัญ 3 ด้าน ดังนี้
(1) ภารกิจตามข้อกำหนดและกฎหมาย พ.ร.บ.ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
(2) ภารกิจตามยุทธศาสตร์ระดับชาติ นโยบายรัฐบาล และกระทรวงพลังงาน
(3) ภารกิจตามเจตนารมณ์ของกองทุนฯ ตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และตามแผนและเป้าหมายอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2551-2554
คณะทำงานฯ ได้ดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายเรียบร้อยแล้ว สรุปผลงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ของกองทุนฯ เป็นจำนวนไม่เกิน 2,405,004,804 บาท โดยแบ่งรายจ่ายออกเป็น 2 หน่วยงานผู้เบิกเงินกองทุนฯ คือ พพ. จำนวน 1,549,388,680 บาท และ สนพ. จำนวน 855,616,124 บาท ซึ่งสรุปงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2552 (จำแนกตามแผนอนุรักษ์พลังงาน) ได้ดังนี้
จำแนกตามแผนอนุรักษ์พลังงาน | รวม | ร้อยละ | จำแนกตามหน่วยผู้เบิก (บาท) | |
พพ. | สนพ. | |||
1. แผนพลังงานทดแทน | 959,012,560.00 | 39.88% | 421,388,680.00 | 537,623,880.00 |
1.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา | 221,540,000.00 | 9% | 71,540,000.00 | 150,000,000.00 |
1.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 275,895,680.00 | 11% | 275,895,680.00 | - |
1.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 435,276,880.00 | 18% | 47,653,000.00 | 387,623,880.00 |
1.4 งานบริหารแผนงาน | 26,300,000.00 | 1% | 26,300,000.00 | - |
2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 1,329,700,000.00 | 55.29% | 1,128,000,000.00 | 201,700,000.00 |
2.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา | 93,500,000.00 | 4% | 58,500,000.00 | 35,000,000.00 |
2.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 1,011,500,000.00 | 42% | 1,011,500,000.00 | - |
2.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 202,200,000.00 | 8% | 35,500,000.00 | 166,700,000.00 |
2.4 งานบริหารแผนงาน | 22,500,000.00 | 1% | 22,500,000.00 | |
3. แผนบริหารเชิงกลยุทธ์ | 116,292,244.00 | 5.22% | - | 116,292,244.00 |
3.1 งานศึกษาวิจัยเชิงนโยบาย | 15,000,000.00 | 1% | - | 15,000,000.00 |
3.2 งานบริหารแผนงาน | 101,292,244.00 | 4% | - | 101,292,244.00 |
รวมงบประมาณ กทอ. ปี 2552 | 2,405,004,804.00 | 100% | 1,549,388,680.00 | 855,616,124.00 |
เนื่องด้วย พพ. และ สนพ. มีงานบริหารเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานที่ต้องดำเนินงานต่อเนื่อง เช่น การเบิกจ่ายเงินให้หน่วยงาน โครงการ ตามข้อผูกพันสัญญาฯ การประสานหน่วยงาน โรงงาน อาคาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอนุรักษ์พลังงาน การให้คำแนะนำกับประชาชนในเรื่องวิธีประหยัดพลังงาน ฯลฯ จึงมีรายจ่ายประจำที่จำเป็นเพื่อการบริหารงานที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น ค่าจ้างพนักงานราชการ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปให้ความรู้ ความเข้าใจ การร่วมประชุมให้ความเห็น ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น ฝ่ายเลขานุการฯ จึงเห็นควรเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเห็นชอบให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ของกองทุนฯ งานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551
มติที่ประชุม
เห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2552 จำนวน 2,405,004,804 บาท (สองพันสี่ร้อยห้าล้าน สี่พันแปดร้อยสี่บาทถ้วน) โดยแบ่งรายจ่ายออกเป็น 2 หน่วยงานผู้เบิกเงินกองทุนฯ ดังนี้
(1) พพ. จำนวน 1,549,388,680 บาท (หนึ่งพันห้าร้อยสี่สิบเก้าล้านสามแสนแปดหมื่นแปดพันหกร้อยแปดสิบบาทถ้วน)
(2) สนพ. จำนวน 855,616,124 บาท (แปดร้อยห้าสิบห้าล้านหกแสนหนึ่งหมื่นหกพันหนึ่งร้อยยี่สิบสี่บาทถ้วน)
นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ค่าใช้จ่ายในงานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551 โดยให้แต่ละหน่วยงานสามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในหมวดต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
เรื่องที่ 5 แผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ปีที่ 2
1. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2550 ได้พิจารณากรอบ แนวทางและขั้นตอนการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับดำเนินการตามแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ในช่วง 3 ปีแรก พร้อมทั้งจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้ สนพ. จำนวน 250 ล้านบาท/ปี รวม 750 ล้านบาท เพื่อไว้ใช้จ่ายสำหรับการดำเนินการตามแผนดังกล่าว และคณะกรรมการกองทุนฯ และ กพช. ได้รับทราบประมาณการรายจ่ายสำหรับกิจกรรมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งคาดว่าจะใช้จ่ายเงินประมาณ 450 ล้านบาท/ปี หรือจำนวนรวม 1,350 ล้านบาท ประกอบด้วย 7 แผนงานดังนี้
แผนงาน | งบประมาณ (ล้านบาท) | ||
ปี 2551 | ปี 2552 | ปี 2553 | |
1. แผนงานด้านกฎหมาย ระบบกำกับ และข้อผูกพันระหว่างประเทศ | 30.0 | 30.0 | 30.0 |
2. แผนงานด้านโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมและพาณิชย์ | 10.0 | 10.0 | 10.0 |
3. แผนงานด้านการถ่ายทอด พัฒนาเทคโนโลยี และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ | 65.0 | 65.0 | 65.0 |
4. แผนงานด้านความปลอดภัย และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม | 30.0 | 30.0 | 30.0 |
5. แผนงานด้านการสื่อสารสาธารณะ และการยอมรับของประชาชน | 205.0 | 205.0 | 205.0 |
6. แผนงานด้านการการวางแผนการดำเนินการโครงการไฟฟ้านิวเคลียร์ | 85.0 | 85.0 | 85.0 |
7. การจัดตั้งสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ (NPPDO) | 25.0 | 25.0 | 25.0 |
รวมค่าใช้จ่ายรายปี | 450.0 | 450.0 | 450.0 |
รวมค่าใช้จ่ายรวม 3 ปี | 1,350.00 |
คณะกรรมการกองทุนฯ และ กพช. ได้เห็นชอบให้ สนพ. เพิ่มเติมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ในกรอบแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 (ในช่วงปี 2551-2554) ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติไว้แล้ว ในการประชุมเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2550 และอนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ให้ สนพ. ในวงเงินประมาณ 250 ล้านบาท/ปี ไว้ใช้สำหรับช่วยเหลืออุดหนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำหรับกิจกรรมตามแผนงานที่ 1-7 ที่มีความเร่งด่วนต้องเริ่มดำเนินการและมีกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้แล้วตามมติคณะรัฐมนตรี
2. กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2550 ได้มีมติเห็นชอบให้แต่งตั้ง "คณะกรรมการประสานงานเพื่อเตรียมการจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานพลังงานนิวเคลียร์" ขึ้น เพื่อกำหนดทิศทางและ ให้ความเห็นชอบโครงการตามแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานพลังงานนิวเคลียร์รวมถึงกำกับดูแล ติดตามประเมินผลการดำเนินงานตามแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานพลังงานนิวเคลียร์ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ
3. สำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ (สพน.) ได้ขอรับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ รวม 14 โครงการ ในวงเงินรวม 122,000,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินงานตามแผนงานปีที่ 2 โดยได้นำเสนอขอความเห็นชอบต่อคณะกรรมการประสานงานเพื่อเตรียมการจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานพลังงานนิวเคลียร์แล้ว ในการประชุมเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2552 ประกอบด้วย
โครงการ | งบประมาณ |
แผนงานด้านกฎหมาย ระบบกำกับ และข้อผูกพันระหว่างประเทศ | 10,000,000 |
1. โครงการศึกษา และปรับปรุงกฎหมายด้านความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ระดับสากล พันธกรณีทางนิวเคลียร์ต่างๆ เปรียบเทียบ กับกฎหมายไทยในปัจจุบัน | 10,000,000 |
แผนงานด้านโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมและพาณิชย์ | 5,000,000 |
1. โครงการศึกษาและจัดทำแผนงาน ด้านโครงสร้างอุตสาหกรรม และการพาณิชย์ | 5,000,000 |
แผนงานด้านการถ่ายทอด พัฒนาเทคโนโลยี และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ | 21,000,000 |
1. โครงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ กลุ่มกฎหมายและการกำกับดูแล | 10,000,000 |
2. โครงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ กลุ่มสื่อสารสาธารณะและการยอมรับของประชาชน | 11,000,000 |
แผนงานด้านความปลอดภัย และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม | 15,000,000 |
1. โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและผลกระทบเชิงพื้นที่ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ | 5,000,000 |
2. โครงการจัดหาที่ปรึกษาเพื่อศึกษาแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อรองรับการจัดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ | 10,000,000 |
แผนงานด้านการสื่อสารสาธารณะ และการยอมรับของประชาชน | 46,000,000 |
1. โครงการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ | 5,000,000 |
2. โครงการพัฒนาเว็ปไซด์เพื่อส่งเสริมการให้ความรู้ด้านพลังงานนิวเคลียร์ | 1,000,000 |
3. โครงการผลิตข่าวสารนิวเคลียร์ | 4,000,000 |
4. โครงการส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมสื่อมวลชนสัมพันธ์ กลุ่มรัฐกิจ ธุรกิจสัมพันธ์ และกลุ่มสตรี แม่บ้าน เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจด้านพลังงานนิวเคลียร์ | 8,000,000 |
5. โครงการจัดทำสื่อเพื่อการรณรงค์และเผยแพร่องค์ความรู้ความเข้าใจด้านพลังงานนิวเคลียร์ | 15,000,000 |
6. โครงการสร้างความรู้ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมประชาชน โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ปีที่ 2 | 3,000,000 |
7. โครงการส่งเสริมและสนับสนุน การเผยแพร่ความรู้ด้านพลังงาน นิวเคลียร์ร่วมกับองค์กรเอกชน และองค์กรสาธารณะต่างๆ | 10,000,000 |
การจัดตั้งสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ (NPPDO) | 25,000,000 |
1 โครงการจัดตั้งสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ปีที่ 2 | 25,000,000 |
มติที่ประชุม
เห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนฯ แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ปีงบประมาณ 2552 ให้ สำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน ในวงเงิน 122,000,000 บาท (หนึ่งร้อยยี่สิบสองล้านบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการภายใต้แผนงาน "โครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์" โดยใช้เงินส่วนที่ สนพ. ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2550
เรื่องที่ 6 เกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2552
1. คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2546 มีมติอนุมัติให้หน่วยงานต่างๆ ที่มีเงินนอกงบประมาณ ถือปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลเงินนอกงบประมาณ ที่กระทรวงการคลังเสนออย่างเคร่งครัด โดยให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติติดตามผลการดำเนินการ และกรมบัญชีกลางเริ่มใช้ระบบประเมินผลทุนหมุนเวียนตั้งแต่ปีบัญชี 2547 โดยกองทุนฯ เป็นทุนหมุนเวียนที่เข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงานตั้งแต่ ปีบัญชี 2549
2. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ประชุมเพื่อหารือระหว่างผู้ถูกประเมิน (กองทุนฯ) กับผู้ประเมิน คือ บริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ทริส) เพื่อจัดทำร่างเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2552 และตัวชี้วัดที่จะต้องทำการประเมินที่เหมาะสม ถูกต้อง ตามสภาพความเป็นจริงของการดำเนินงานตามแผนการอนุรักษ์พลังงาน
3. กรมบัญชีกลาง ได้มีหนังสือเรื่อง "การลงนามในบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2552" เพื่อให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอต่อคณะกรรมการกองทุนฯ ให้ความเห็นชอบ ก่อนเสนอประธานกรรมการกองทุนฯ ลงนามบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานฯ และส่งคืนกรมบัญชีกลางภายในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้มีหนังสือเวียนถึง "คณะทำงานเตรียมการเพื่อดำเนินการตามระบบประเมินผล การดำเนินงานทุนหมุนเวียน (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน)" โดยมีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน เพื่อขอความเห็นชอบร่างเกณฑ์การประเมินผลฯ แล้ว และมีมติเห็นชอบร่างเกณฑ์การประเมินผลฯ ตามบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2552 โดยจะประเมินผลการดำเนินงานของกองทุน 4 ด้าน 10 ตัวชี้วัด สรุปได้ ดังนี้
1) ผลการดำเนินงานด้านการเงิน (ร้อยละ 15)
ตัวชี้วัดที่ 1.1 ร้อยละของงบประมาณที่มีการผูกพันสัญญาต่องบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากกองทุนฯ (ร้อยละ 10)
ตัวชี้วัดที่ 1.2 ค่าใช้จ่ายบริหารที่เกิดขึ้นจริงและผูกพันเทียบกับงบประมาณ (ร้อยละ 5)
2) ผลการดำเนินงานด้านปฏิบัติการ (ร้อยละ 33)
ตัวชี้วัดที่ 2.1 ร้อยละของจำนวนโครงการที่มีการทำสัญญาของแต่ละแผนงานต่อจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติทั้งหมดของแต่ละแผนงาน (ร้อยละ 16)
- แผนพลังงานทดแทน
- แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
- แผนบริหารทางกลยุทธ์
ตัวชี้วัดที่ 2.2 ร้อยละความสำเร็จของจำนวนโครงการที่ผูกพันและดำเนินงานได้ตามแผนภายในปีบัญชี 2552 ต่อจำนวนโครงการที่ผูกพันและมีแผนดำเนินงานภายในปีบัญชี 2552 (ร้อยละ 17)
- แผนพลังงานทดแทน
- แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
- แผนบริหารทางกลยุทธ์
3) การสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (ร้อยละ 15)
ตัวชี้วัดที่ 3.1 การจัดทำแผนการปรับปรุงการให้บริการจากผลสำรวจความพึงพอใจและการดำเนินงานตามแผนการปรับปรุงฯ ประจำปีบัญชี 2552 (ร้อยละ 15)
4) การบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียน (ร้อยละ 37)
ตัวชี้วัดที่ 4.1 การทบทวนแผนกลยุทธ์กองทุนฯ (ร้อยละ10)
ตัวชี้วัดที่ 4.2 การจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปีบัญชี 2553 (ร้อยละ 7)
ตัวชี้วัดที่ 4.3 การดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการ ประจำปีบัญชี 2552 (ร้อยละ 8)
- การศึกษาและปรับปรุงระบบฐานข้อมูลสารสนเทศและโปรแกรมสำเร็จรูปของกองทุนฯ
- การพัฒนาบุคลากรกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2552
ตัวชี้วัดที่ 4.4 การติดตามประเมินผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ร้อยละ 7)
ตัวชี้วัดที่ 4.5 บทบาทของผู้บริหารกองทุนฯ (ร้อยละ 5)
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้นำเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2552 เสนอต่อคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนนำเสนอต่อประธานกรรมการกองทุนฯ เพื่อลงนามในบันทึกข้อตกลงการประเมินกับกระทรวงการคลังต่อไป
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2547 เห็นชอบในการแก้ไขปัญหาการจราจรบนถนนวิภาวดีรังสิต ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้บริษัททางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ปรับลดราคาค่าผ่านทางของทางยกระดับตลอดสาย เป็นระยะเวลา 3 เดือน (ตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2547 ถึง 21 มีนาคม 2548) ในอัตราค่าผ่านทาง 20 บาทต่อคัน สำหรับรถยนต์ไม่เกิน 4 ล้อ และไม่เกิน 50 บาทต่อคัน สำหรับรถยนต์ ที่เกินกว่า 4 ล้อ ทั้งนี้ กรณีที่รายได้จากค่าผ่านทางของบริษัททางยกระดับฯ ลดลงต่ำกว่าวันละ 3.3 ล้านบาท รัฐจะต้องชดเชยในส่วนต่างให้กับบริษัททางยกระดับฯ ร้อยละ 80 ของส่วนต่าง โดยให้กองทุนฯ สนพ. กระทรวงพลังงาน จัดสรรเงินชดเชยให้ ส่วนกรณีรายได้สูงกว่าที่คาดหมายไว้ ก็เห็นควรแบ่งรายได้กันคนละครึ่ง อย่างไรก็ตามการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเป็นอำนาจของคณะกรรมการกองทุนฯ จึงให้ขออนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ด้วย
2. กรมทางหลวง ได้มีหนังสือขอให้ สนพ. ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในส่วนที่รัฐต้องชดเชย ค่าผ่านทางยกระดับอุตราภิมุขตลอดสาย เนื่องจากรายได้จากค่าผ่านทางของบริษัททางยกระดับฯ ลดลงต่ำกว่าวันละ 3.3 ล้านบาท รัฐต้องชดเชยในส่วนต่างให้กับบริษัททางยกระดับฯ ร้อยละ 80 ของส่วนต่าง โดยขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ ในวงเงิน 30,603,845 บาท
3. สนพ. ได้เสนอต่อคณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2549 เพื่อพิจารณา ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าโครงการนี้สามารถจัดอยู่ในแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 ในช่วงปี 2548-2554 แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในสาขาขนส่ง ที่กำหนดเป้าหมายการลดใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ในสาขาขนส่งในปี 2554 จาก 36,203 ktoe เหลือ 29,934 ktoe โดยกำหนดมาตรการดำเนินการไว้หลายด้าน และแนวทางหนึ่ง คือการจัดระบบจราจรอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดการสิ้นเปลืองพลังงานอันเนื่องจากการจราจรติดขัด
แต่การจ่ายเงินชดเชยค่าผ่านทางให้กับบริษัททางยกระดับฯ ไม่สามารถบรรเทาปัญหาการขาดรายได้ของบริษัททางยกระดับฯ ในระยะยาวได้ ดังนั้นแนวทางการให้ความช่วยเหลือบริษัททางยกระดับฯ ในระยะต่อไป กระทรวงคมนาคมควรเร่งดำเนินตามที่เสนอต่อคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2547 คือ ภายหลังจากการทดลองศึกษา จะพิจารณาปรับค่าผ่านทางในราคาที่เหมาะสมและจะพิจารณาช่วยเหลือในรูปแบบอื่น เช่น การขยายระยะเวลาสัมปทานให้กับบริษัท การช่วยเหลือในการปรับโครงสร้างหนี้ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือบริษัท และเป็นการแก้ปัญหาจราจรได้ในระยะยาว ในการนี้คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2549 (ครั้งที่ 42) จึงมีมติ
(1) อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานส่งเสริมและสาธิต ปีงบประมาณ 2549 ในวงเงิน 30,603,845 บาท ให้แก่กรมทางหลวง เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินเพื่อชดเชยค่าผ่านทางในส่วนต่างให้แก่ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน)
(2) ให้กรมทางหลวงรวบรวมเอกสารหลักฐานการเบิกจ่ายเงินให้ครบถ้วนตามจำนวนเงิน 30,603,845 บาท พร้อมรับรองความถูกต้องในเอกสารที่ขอเบิกทุกฉบับ แล้วส่งให้ สนพ. เพื่อใช้เบิกจ่ายเงินจากกองทุนฯ
(3) ให้กรมทางหลวงคำนวณผลประหยัดพลังงานและประเมินความคุ้มค่าของการดำเนินโครงการฯ ในช่วงดังกล่าวส่งให้ สนพ. ด้วย
4. กรมทางหลวง ได้ลงนามในหนังสือยืนยันการขอรับทุนสนับสนุน จากกองทุนฯ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน "โครงการค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินเพื่อชดเชยค่าผ่านทางในส่วนต่างให้แก่บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน)" ไว้กับ สนพ. เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2549 ในวงเงิน 30,603,845 บาท โดยมีเงื่อนไขให้ กรมทางหลวง ต้องรายงานผลประหยัดและการประเมินความคุ้มค่าของโครงการ ภายใน 4 เดือน นับตั้งแต่ลงนามในหนังสือยืนยันการขอรับทุนฯ ซึ่งกรมทางหลวงได้แจ้งให้ สนพ. ทราบว่าการคำนวณผลประหยัดพลังงานและประเมินความคุ้มค่าของการดำเนินโครงการฯ ต้องตรวจสอบจากข้อมูลที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก และต้องใช้เวลาในการดำเนินงานมากกว่าแผนงานที่กำหนดไว้ จึงขอขยายระยะเวลาโครงการฯ ออกไป 1 เดือน เป็นสิ้นสุดในเดือน กุมภาพันธ์ 2550
5. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2550 ไม่มีข้อขัดข้องในประเด็นการขอขยายระยะเวลาโครงการฯ เพราะกรมทางหลวงมีเหตุผลที่จำเป็นในการรวบรวมข้อมูลย้อนหลัง ตั้งแต่ 22 ธันวาคม 2547 ถึง 21 มีนาคม 2548 และกระบวนการตรวจสอบรับรองความถูกต้องของข้อมูลก่อนนำมาประเมินความคุ้มค่าของการดำเนินโครงการฯ และเพื่อความรอบคอบในการพิจารณา ที่ประชุมมีมติให้กรมทางหลวงจัดส่งสัญญาที่กรมทางหลวงได้จัดทำกับบริษัททางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ให้ฝ่ายเลขานุการฯ เพื่อนำเสนอให้คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาในรายละเอียด ก่อนเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาโครงการฯ
6. กรมทางหลวงแจ้งว่า ไม่มีสัญญาเรื่องการจ่ายเงินเพื่อชดเชยค่าผ่านทางกับบริษัททางยกระดับฯ มีเพียงรายงานการประชุมร่วมกันระหว่างกรมทางหลวงและบริษัททางยกระดับฯ และยืนยันว่ากรมทางหลวง ได้ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2547 แล้ว โดยมิได้ดำเนินการจัดส่งสัญญาที่กรมทางหลวงได้จัดทำกับบริษัททางยกระดับฯ ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ซึ่งคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2550 มีมติให้ฝ่ายเลขานุการฯ หารือไปยังกรมบัญชีกลาง เกี่ยวกับระเบียบพัสดุฯ เรื่องการเบิกจ่ายเงินระหว่างกรมทางหลวงและบริษัททางยกระดับฯ ในกรณีที่ไม่มีการทำสัญญาเรื่องการจ่ายเงินเพื่อชดเชยค่าผ่านทางยกระดับ ระหว่างกรมทางหลวงกับบริษัททางยกระดับฯ นั้น กรมทางหลวงสามารถจ่ายเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ให้กับบริษัททางยกระดับฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีได้หรือไม่
7. กรมบัญชีกลาง ได้แจ้งความเห็นในเรื่องดังกล่าว ดังนี้
(1) เนื่องจากสัญญาระหว่างกรมทางหลวงกับบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) เป็นการทำสัญญาสัมปทานทางหลวง ซึ่งเป็นการจัดหาหรือดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ตามสัญญาสัมปทาน ดังนั้น คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ กรมบัญชีกลาง จึงไม่มีอำนาจวินิจฉัยเกี่ยวกับการจ่ายเงินตามสัญญาสัมปทานในกรณีดังกล่าวได้
(2) การเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ให้กับกรมทางหลวงนั้น ต้องดำเนินการตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ข้อ 26 ซึ่งกำหนดให้นำวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินหรือก่อหนี้ผูกพันตามข้อ 17 และวิธีการเก็บรักษาเงิน การเบิกจ่ายเงินและการพัสดุ ของส่วนราชการผู้เบิกเงินกองทุน ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบนี้ตามข้อ 21 มาใช้บังคับโดยอนุโลมกับผู้ได้รับจัดสรรเงินกองทุนฯ ด้วย แต่เนื่องจากระเบียบดังกล่าวมิได้มีข้อกำหนดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเงินไว้ กรณีจึงเป็นไปตามนัยข้อ 4 ของระเบียบฯ ซึ่งต้องพิจารณาตามระเบียบของทางราชการโดยอนุโลม และตามระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การเก็บรักษาเงินและการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. 2551 ข้อ 31 กำหนดให้การจ่ายเงินให้กระทำเฉพาะที่มีกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง กำหนดไว้ หรือมติคณะรัฐมนตรี อนุญาตให้จ่ายได้ ดังนั้น การที่กรมทางหลวงจะจ่ายเงินให้กับบริษัทฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีจึงสามารถกระทำได้ตามนัยระเบียบดังกล่าวข้างต้น
นอกจากนี้ กรมบัญชีกลางได้ให้ข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า เนื่องจากสัญญาระหว่างกรมทางหลวงกับบริษัท ทางยกระดับฯ เป็นสัญญาสัมปทานที่ดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ดังนั้น หากเงื่อนไขข้อตกลงตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2547 ที่เห็นชอบในการแก้ไขปัญหาการจราจรบนถนนวิภาวดีรังสิต ตามที่กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้บริษัท ทางยกระดับฯ ปรับลดค่าผ่านทางของทางยกระดับตลอดสายเป็นระยะเวลา 3 เดือน (ตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2547 ถึงวันที่ 21 มีนาคม 2548) กรณีที่รายได้จากค่าผ่านทางของบริษัทฯ ลดลงต่ำกว่าวันละ 3.3 ล้านบาท รัฐจะต้องชดเชยในส่วนต่างให้กับบริษัทฯ ร้อยละ 80 ของส่วนต่าง โดยให้กองทุนฯ กระทรวงพลังงาน จัดสรรเงินชดเชยให้ ส่วนกรณีรายได้สูงกว่าที่คาดหมายไว้ ก็ให้แบ่งรายได้กันคนละครึ่งดังกล่าว ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของสัญญาสัมปทานระหว่างกรมทางหลวงและบริษัทฯ กรมทางหลวงควรดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาตามนัยมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวด้วย
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้กรมทางหลวงขยายระยะเวลาโครงการค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินเพื่อชดเชยค่าผ่านทาง ในส่วนต่างให้แก่บริษัททางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ตามที่กรมทางหลวงเสนอมา โดยให้สามารถเบิกจ่ายเงินได้ภายใน 3 เดือนนับจากวันที่ได้รับอนุมัติ
เรื่องที่ 8 การขอปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า มีหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไปแล้ว ได้ยื่นเรื่องเพื่อขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการจากที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้พิจารณาและอนุมัติไว้ รวมจำนวน 51 โครงการ โดยตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินฯ ตามข้อ 1.3 (2) หมวด 3 ข้อ 24 กำหนดว่า การเปลี่ยนแปลงรายการ ระยะเวลาดำเนินการ ไปจากรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนได้อนุมัติไว้แล้ว จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ก่อน จึงจะเปลี่ยนแปลงได้
2. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้พิจารณาเหตุผลและรายละเอียดที่เจ้าของโครงการฯ ทั้ง 51 โครงการ ได้แจ้งขอเปลี่ยนแปลงแล้ว โดยจำแนกเรื่องที่ขอเปลี่ยนแปลงออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
2.1 ขอเปลี่ยนแปลง เพื่ออนุมัติขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ เกิน 3 เดือนนับจากวันสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา จำนวน 17 โครงการ
มีสาเหตุจาก คู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรที่ได้ทำสัญญาจ้างหรือหนังสือยืนยันการรับทุน ไว้กับ พพ. จำนวน 10 ข้อเสนอ และ สนพ. จำนวน 7 ข้อเสนอ โดยคู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรได้ส่งงาน/รายงานตามเวลาที่กำหนดไว้แล้ว แต่การตรวจรับงานของ พพ. และ สนพ. พบว่าผลงานยังไม่สมบูรณ์ตามข้อตกลง เช่น ขาดรายละเอียด ขาดข้อมูลหรือเอกสารอ้างอิง ขาดประเด็นสำคัญ ฯลฯ และให้คู่สัญญาหรือผู้ได้รับจัดสรรเงินนั้น ดำเนินการให้รายงานฉบับนั้นๆ เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งการปรับปรุงรายงานได้ใช้เวลาระยะหนึ่ง ที่ส่งผลให้เลยกำหนดระยะเวลา 3 เดือน นับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญาหรือหนังสือยืนยันการรับทุน พพ. และ สนพ. จึงได้เสนอขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายรายการนั้นๆ
การปฏิบัติข้างต้น เป็นการดำเนินการตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ข้อ 16 ที่ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการเบิกจ่ายเงินกองทุนไว้ "ให้ผู้เบิกเงินกองทุนใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันตามประมาณการรายจ่ายประจำปีได้ ภายในวงเงินและปีงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ กรณีผู้เบิกเงินกองทุนก่อหนี้ผูกพันภายในปีงบประมาณแต่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายในปีงบประมาณนั้นๆ ให้ขยายเวลาการเบิกจ่ายรายการนั้นๆ ต่อไปได้ ภายในสาม (3) เดือนนับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา"
ฝ่ายเลขานุการฯ เห็นว่า การขยายเวลาของทั้ง 17 ข้อเสนอดังกล่าว ไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับแล้ว และไม่ได้ทำให้ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการลดลง จึงเห็นควรให้ทั้ง 17 ข้อเสนอดังกล่าว ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายแต่ละรายการ ได้ตามที่เสนอมา โดยให้ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายออกไปได้อีก 3 เดือน นับจากวันที่คณะกรรมการกองทุนฯ มีมติอนุมัติ
2.2 ขอเปลี่ยนแปลง เพื่ออนุมัติขยายระยะเวลาโครงการฯ จำนวน 25 โครงการ
มีสาเหตุจาก คู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรที่ได้ทำสัญญาจ้างหรือหนังสือยืนยันการรับทุนไว้กับ พพ. และ สนพ. จำนวน 25 โครงการ แต่ละหน่วยงานได้ดำเนินการตามแผนงานที่เสนอไว้กับกองทุนฯ แล้ว แต่มีข้อจำกัดระหว่างการดำเนินงาน เช่น ต้องใช้เวลาในการเก็บข้อมูลสำหรับการทำวิทยานิพนธ์ การรอเวลาเพื่อนำผลงานวิจัยไปตีพิมพ์ทั้งในและต่างประเทศ การปรับรายละเอียดการดำเนินกิจกรรมเพื่อให้สอดคล้องกับบริบทในพื้นที่เป้าหมาย การทำงานวิจัยแล้วผลการทดลองมีความคลาดเคลื่อนไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ จำเป็นต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์ผลการทดลองเพิ่มเติม เป็นต้น
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้พิจารณาการขยายเวลาของทั้ง 25 โครงการดังกล่าวแล้ว เห็นว่าเหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากเจตนาของผู้ได้รับทุน และการเปลี่ยนแปลงแต่ละรายการไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับแล้ว และไม่ได้ทำให้ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการลดลง จึงเห็นควรให้ทั้ง 25 โครงการดังกล่าว ขยายระยะเวลาโครงการออกไปได้
2.3 ขอเปลี่ยนแปลง รายละเอียดโครงการ จำนวน 9 โครงการ
มีสาเหตุจาก คู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรที่ได้ทำสัญญาจ้างหรือหนังสือยืนยันการรับทุนไว้แต่ละหน่วยงานได้ดำเนินการตามแผนงานที่เสนอไว้กับกองทุนฯ แล้ว แต่มีข้อจำกัดระหว่างการดำเนินงาน เช่น การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดกิจกรรมย่อยให้มีความหลากหลายและสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น หรือเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์พลังงานในปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารของโครงการ และการขอโอนย้ายหน่วยงานในการชดใช้ทุนของผู้ได้รับทุนการศึกษา เป็นต้น
ฝ่ายเลขานุการฯ เห็นว่าการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของทั้ง 9 โครงการดังกล่าว ไม่ได้เกิดจากเจตนาของผู้ได้รับทุน และการเปลี่ยนแปลงแต่ละรายการไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับแล้ว และไม่ได้ทำให้ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการลดลง จึงเห็นควรให้ทั้ง 9 โครงการดังกล่าว เปลี่ยนแปลงรายละเอียดการดำเนินงาน และขยายระยะเวลาโครงการออกไปได้
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้โครงการตาม ข้อ 2.1 ข้อ 2.2 และ 2.3 รวม 51 โครงการ ขยายระยะเวลาดำเนินงาน และปรับรายละเอียดโครงการฯ ได้ตามที่ขอมา ด้วยไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับแล้ว และไม่ได้ทำให้ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการลดลง และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติต่อไป
เรื่องที่ 9 การขอขยายระยะเวลาการผูกพันและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2551 สำหรับโครงการของ พพ.
1. พพ. ได้ขออนุมัติขยายระยะเวลาการผูกพันและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ สำหรับโครงการของ พพ. จำนวน 9 โครงการ ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ พบว่า การดำเนินงานโครงการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2551 สำหรับโครงการของ พพ. 9 โครงการ ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ในข้อ 16 ซึ่งระบุไว้ว่า "ให้ผู้เบิกเงินกองทุนใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันตามประมาณการรายจ่ายประจำปีได้ภายในวงเงินและปีงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ"
2. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้เชิญผู้แทนจาก พพ. กรมบัญชีกลาง และนิติกรของกระทรวงพลังงาน ร่วมประชุมหารือเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2551 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาตามข้อกำหนดของระเบียบที่เกี่ยวข้องแล้ว พบว่า ไม่มีข้อกำหนดหรือวิธีปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับกรณีที่ผู้เบิกเงินกองทุนฯ ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในปีงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ และจากข้อกำหนดของระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ในข้อ 4 ซึ่งระบุไว้ว่า "หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในเรื่องการเก็บรักษาเงิน การเบิกจ่ายเงินและการพัสดุ ที่มิได้กำหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้ปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับหรือคำสั่งของทางราชการโดยอนุโลม ในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการได้ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกองทุนกำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง" ที่ประชุมจึงเห็นควรให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณา โดยให้ พพ. พิจารณาทบทวนถึงความจำเป็นในการขอขยายเวลาก่อหนี้ผูกพันของโครงการทั้ง 9 โครงการ พร้อมทั้งชี้แจงปัญหาอุปสรรคของโครงการ เสนอคณะอนุกรรมการฯ และคณะกรรมการกองทุนฯ
3. พพ. ได้ชี้แจงว่ามีโครงการที่จำเป็นต้องขอก่อหนี้ผูกพัน เนื่องจากเป็นโครงการที่ดำเนินการประกวดราคาเสร็จเรียบร้อยแล้ว จำนวน 5 โครงการ ดังนี้
3.1 โครงการปรับปรุงสถานีสำรวจศักยภาพพลังงานลม พพ. ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนฯ ในวงเงิน 25,000,000 บาท โดยแยกการดำเนินงานเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย (1) ค่าบริหารโครงการ 850,000 บาท (2) ค่าปรับปรุงสถานีสำรวจศักยภาพพลังงานลม ส่วนการจัดทำโครงสร้างเสาวัดลมพร้อมติดตั้ง 15,000,000 บาท และ (3) ค่าปรับปรุงสถานีสำรวจศักยภาพลม ส่วนการจัดซื้อและติดตั้งเครื่องวัดลมและบันทึกข้อมูลพร้อมอุปกรณ์ประกอบ 9,150,000 บาท
3.2 โครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากกังหันลมขนาดใหญ่ จ.ปัตตานี พพ. ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนฯ ในวงเงิน 125,000,000 บาท โดยแยกการดำเนินงานเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย (1) ค่าจ้างศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม 1,500,000 บาท (2) ค่าอำนวยการและบริหาร 3,500,000 บาท และ (3) ค่ากังหันลมพร้อมติดตั้งและทดสอบ 120,000,000 บาท
3.3 โครงการรณรงค์และประกวดด้านอนุรักษ์ พพ. ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนฯ ในวงเงิน 77,000,000 บาท
3.4 โครงการพัฒนาเซลล์แสงแดดไทยสู่ความเป็นเลิศ ระยะที่ 2 ปีที่ 1 พพ. ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนฯ ในวงเงิน 40,000,000 บาท
3.5 โครงการส่งเสริมการผลิต และการใช้พลังงานชีวมวล ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงศูนย์ภูฟ้าพัฒนา พพ. ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนฯ ในวงเงิน 13,211,000 บาท
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้ พพ. ดำเนินการผูกพันรายจ่ายและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2551 สำหรับโครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากกังหันลมขนาดใหญ่ จ.ปัตตานี โครงการรณรงค์และประกวดด้านอนุรักษ์พลังงาน สำหรับการจัดงาน "พลังงานก้าวไกล ประเทศไทยก้าวหน้า" และ โครงการพัฒนาเซลล์แสงแดดไทย สู่ความเป็นเลิศ ระยะที่ 2 ปีที่ 1 ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 3 เดือน นับจากวันที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติต่อไป
กอ. ครั้งที่ 40 - วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม 2548
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 1/2548 (ครั้งที่ 40)
วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม 2548 เวลา 14.00 น.
ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล
2. โครงการ "ประหยัดไฟกำไร 2 ต่อ" ระยะที่ 3
3. โครงการส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ
4. การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดคุณลักษณะภายนอกของโคมไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงตามแผนอนุรักษ์พลังงานของอาคารควบคุม
รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายเมตตา บันเทิงสุข) กรรมการและเลขานุการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายวิเศษ จูภิบาล) ผู้เข้าร่วมประชุม
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบว่า การบริหารงานของแผนอนุรักษ์พลังงาน ในระยะที่ 3 (ช่วงปี 2548-2554) ได้ดำเนินการโดยคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (กบอ.) ในการทำหน้าที่พิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ และบริหารจัดการแผนอนุรักษ์พลังงานให้เป็นไปตามกรอบแผนอนุรักษ์พลังงาน ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้เห็นชอบไว้ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา กบอ. มีการประชุมไปแล้ว จำนวน 3 ครั้ง โดยได้พิจารณาอนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้แก่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงานใน ปีงบประมาณ 2548 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,458.92 ล้านบาท โดยสรุปได้ ดังนี้
หน่วย : ล้านบาท
แผนงาน | กรอบเงิน | กบอ. อนุมัติจัดสรรแล้ว | ||
พพ. | สนพ. | รวมทั้งสิ้น | ||
1. แผนพลังงานทดแทน | 650.00 | 192.00 | 49.00 | 241.00 |
1.1 งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค | 422.00 | 30.00 | - | 30.00 |
1.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 130.00 | 129.00 | - | 129.00 |
1.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 65.00 | 33.00 | 49.00 | 82.00 |
1.4 งานบริหารจัดการ (พพ.) | 33.00 | - | - | - |
2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 455.00 | 645.92 | 201.50 | 847.42 |
2.1 งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค | 137.00 | 28.00 | - | 28.00 |
2.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 205.00 | 547.20 | - | 547.20 |
2.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 91.00 | 70.72 | 201.50 | 272.22 |
2.4 งานบริหารจัดการ (พพ.) | 22.00 | - | - | - |
3. แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ | 195.00 | - | 370.50 | 370.50 |
3.1 งานศึกษาเชิงนโยบายและวิชาการ | 65.00 | - | 250.50 | 250.50 |
3.2 งานบริหารจัดการ (สนพ. +บก.) | 65.00 | - | - | - |
3.3 งานอื่นๆ | 65.00 | - | 120.00 | 120.00 |
รวมงบประมาณปี 2548 | 1,300.00 | 837.92 | 621.00 | 1,458.92 |
หมายเหตุ : ทั้งนี้ให้สามารถถัวจ่ายรายการต่างๆ ในแผนงานเดียวกันได้
2. ในการประชุม กบอ. เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2548 ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ได้ให้ข้อสังเกตว่าการแต่งตั้ง กบอ. ให้ทำหน้าที่แทนคณะกรรมการกองทุนฯ ในหลักการไม่น่าจะกระทำได้ เนื่องจากพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 34 กำหนดให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการตามที่คณะกรรมการมอบหมายเท่านั้น ดังนั้น เพื่อให้ทุกมติของ กบอ. และ การเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ เป็นไปด้วยความถูกต้อง ที่ประชุมจึงให้ฝ่ายเลขานุการฯ หารือเรื่องดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามข้อสังเกตของกรมบัญชีกลาง
3. สนพ. มีหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อหารือเรื่องการแต่งตั้ง กบอ. ตามข้อสังเกตของกรมบัญชีกลางแล้ว และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้แจ้งผลการหารือ สรุปได้ดังนี้
3.1 ในประเด็นชื่อ กบอ. คณะกรรมการกฤษฎีกา มีความเห็นว่าคณะกรรมการกองทุนฯ สามารถแต่งตั้ง กบอ. แทนชื่อคณะอนุกรรมการได้ เพื่อทำหน้าที่สนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการกองทุนฯ ในด้านต่างๆ เกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน และถือได้ว่าเป็นคณะอนุกรรมการของคณะกรรมการกองทุนฯ แม้จะใช้ชื่อว่าเป็นคณะกรรมการ
3.2 ในประเด็นของมติ กบอ. ทุกมติที่แจ้งไปแล้ว จะมีผลประการใด คณะกรรมการกฤษฎีกา มีความเห็นว่า มติของ กบอ. ในส่วนที่เป็นการทำหน้าที่แทนคณะกรรมการกองทุนฯ ได้แก่ 1) การพิจารณาจัดสรรและการพิจารณาอนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ และ 2) การพิจารณาอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงกิจกรรมและแผนงานโครงการที่ได้อนุมัติไว้แล้ว ซึ่งเป็นอำนาจของคณะกรรมการกองทุนฯ โดยเฉพาะนั้น คณะกรรมการกองทุนฯ ไม่สามารถมอบหมายให้ กบอ. มีอำนาจกระทำการแทนได้ ดังนั้น มติของ กบอ. เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวยังไม่มีผลบังคับจนกว่าคณะกรรมการกองทุนฯ จะพิจารณาและมีมติยืนยันในเรื่องดังกล่าว
4. เพื่อดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ฝ่ายเลขานุการฯ ใคร่ขอเสนอระบบการบริหารงานกองทุนฯ เพื่อพิจารณาตามแนวทาง ดังต่อไปนี้
4.1 นำงบประมาณที่ กบอ. อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้แก่ สนพ. และ พพ. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงานในปีงบประมาณ 2548 มาขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการกองทุนฯ อีกครั้งหนึ่ง
4.2 นำโครงการภายใต้แผนงานภาคบังคับ แผนงานภาคความร่วมมือและแผนงานสนับสนุน ที่อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (อพพ.) ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผน (ผอ.สนพ.) ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับการขอเปลี่ยนแปลงกิจกรรมและแผนงานโครงการไปแล้ว ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้มอบอำนาจให้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว เสนอให้คณะกรรมการกองทุนฯ เป็นผู้อนุมัติงบประมาณ และการเปลี่ยนแปลงกิจกรรมและแผนงานโครงการที่อนุมัติไว้แล้ว ตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา
4.3 เพื่อให้การบริหารงานของคณะกรรมการกองทุนฯ เกิดความคล่องตัว และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ให้สอดคล้องกับความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขานุการฯ จึงขอเสนอภารกิจของคณะกรรมการกองทุนฯ และคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ให้มีความชัดเจน ทั้งนี้ เพื่อให้การปฏิบัติงานมีการประสานสอดคล้องกัน ในภารกิจ ดังนี้
(1) ภารกิจที่จะต้องดำเนินการโดยประจำของคณะกรรมการกองทุนฯ
(2) ภารกิจที่ดำเนินการโดยการประชุมอนุกรรมการกองทุนฯ และเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณา
(3) ภารกิจที่ดำเนินการโดยการประชุมคณะอนุกรรมการกองทุนฯ และเสนอเวียนให้คณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณา
(4) ภารกิจที่ดำเนินการโดยการประชุมคณะอนุกรรมการกองทุนฯ
นอกจากนี้ เพื่อให้การปฏิบัติงานของคณะกรรมการกองทุนฯ และอนุกรรมการกองทุนฯ เป็นไปตามระบบการบริหารงานกองทุนฯ ตามภารกิจดังกล่าว และสอดคล้องกับความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ฝ่ายเลขานุการฯ จึงใคร่ขอยกเลิกคำสั่งคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่ 1/2547 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ลงวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2547 และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานมาทำหน้าที่แทน
มติที่ประชุม
1. อนุมัติเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามที่คณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (กบอ.) ได้มีมติอนุมัติไปแล้ว ของแผนและงานต่างๆ ยกเว้นงานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ ในส่วนของงานประชาสัมพันธ์ อนุมัติเฉพาะรายการที่มีการก่อหนี้ผูกพันไปแล้วก่อนวันที่ 25 สิงหาคม 2548 โดยมีวงเงินที่อนุมัติรวมทั้งสิ้น 1,431,368,113 บาท (หนึ่งพันสี่ร้อยสามสิบเอ็ดล้านสามแสน หกหมื่นแปดพันหนึ่งร้อยสิบสามบาทถ้วน) แยกเป็นให้ พพ. จำนวน 814,911,021 บาท (แปดร้อยสิบสี่ล้านเก้าแสนหนึ่งหมื่นหนึ่งพันยี่สิบเอ็ดบาทถ้วน) และ สนพ. จำนวน 616,457,092 บาท (หกร้อยสิบหกล้านสี่แสนห้าหมื่นเจ็ดพันเก้าสิบสองบาทถ้วน) ทั้งนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ กบอ. ได้มีมติอนุมัติงบประมาณดังกล่าว โดยให้ พพ. และ สนพ. สามารถถัวจ่ายรายการต่างๆ ในแผนงานเดียวกันได้ โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้
1.1 วงเงินงบประมาณของ สนพ. ที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติตามที่ กบอ. อนุมัติจัดสรรไว้ ดังนี้
หน่วย : บาท
แผนงาน | กบอ. อนุมัติจัดสรรให้ | คณะกรรมการกองทุนฯอนุมัติ |
1. แผนพลังงานทดแทน | ||
1.1 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | ||
(1) งานพัฒนาบุคลากร | 49,000,000 | 49,000,000 |
2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | ||
2.1 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | ||
(1) งานพัฒนาบุคลากร | 42,500,000 | 42,500,000 |
(2) งานประชาสัมพันธ์ | 159,000,000 | 154,457,092 |
3. แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ | ||
3.1 งานบริหารเชิงนโยบายและวิชาการ | 250,500,000 | 250,500,000 |
3.2 งานอื่นๆ | 120,000,000 | 120,000,000 |
รวมเป็นเงิน | 621,000,000 | 616,457,092 |
1.2 วงเงินงบประมาณของ พพ. ที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติตามที่ กบอ. อนุมัติจัดสรรไว้ ดังนี้
หน่วย : บาท
แผนงาน | กบอ. อนุมัติจัดสรรให้ | คณะกรรมการกองทุนฯอนุมัติ |
1. แผนพลังงานทดแทน | ||
1.1 งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค | 30,000,000 | 30,000,000 |
1.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 129,000,000 | 129,000,000 |
1.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | ||
(1) งานพัฒนาบุคลากร | 3,000,000 | 3,000,000 |
(1) งานประชาสัมพันธ์ | 30,000,000 | 11,184,500 |
2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | ||
2.1 งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค | 28,000,000 | 28,000,000 |
2.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 547,200,000 | 547,200,000 |
2.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | ||
(1) งานพัฒนาบุคลากร | 25,020,000 | 25,020,000 |
(2) งานประชาสัมพันธ์ | 45,700,000 | 41,506,521 |
รวมเป็นเงิน | 837,920,000 | 814,911,021 |
2. สำหรับงานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ ในส่วนของงานประชาสัมพันธ์ที่ได้รับอนุมัติจัดสรรจาก กบอ. ไว้แล้ว แต่ยังมิได้มีการก่อหนี้ผูกพันไว้ก่อนวันที่ 25 สิงหาคม 2548 หากมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติ
3. เห็นชอบการปรับแผนของโครงการภายใต้แผนงานภาคความร่วมมือและแผนงานสนับสนุน ตามที่ ผอ.สนพ. ได้มีมติเห็นชอบไว้แล้ว ทั้งนี้ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ผอ.สนพ. ได้มีมติอนุมัติให้ปรับแผนของโครงการดังกล่าว ดังรายละเอียดตามเอกสารประกอบวาระ 4.1.3
4. เห็นชอบระบบการบริหารงานกองทุนฯ ให้สอดคล้องกับความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ดังรายละเอียดตามเอกสารแนบ 4.1.5
5. เห็นชอบยกเลิกคำสั่งคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่ 1/2547 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ลงวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2547 และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานคณะหนึ่ง เพื่อทำหน้าที่แทน ดังรายละเอียดตามเอกสารแนบ 4.1.6
เนื่องจากประธานฯ จะต้องไปปฏิบัติภารกิจเร่งด่วน จึงมอบหมายให้ปลัดกระทรวงพลังงาน ทำหน้าที่เป็นประธานฯ ในที่ประชุมต่อไป
เรื่องที่ 2 โครงการ "ประหยัดไฟกำไร 2 ต่อ" ระยะที่ 3
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบว่า ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติให้มีการดำเนินโครงการ "ประหยัดไฟกำไร 2 ต่อ" ไปแล้ว 2 ระยะ ซึ่ง สนพ. การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นผู้ดำเนินโครงการ เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและติดเป็นนิสัย ด้วยการให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าแก่ทุกครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยครัวเรือนที่สามารถประหยัดหน่วยไฟฟ้าลงได้ตั้งแต่ 10% ขึ้นไป จะได้รับรางวัลเป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าอีก 20% ของหน่วยไฟฟ้าที่ประหยัดได้ในเดือนนั้น โดยกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สนับสนุน "ส่วนลด ค่าไฟฟ้า" ซึ่งผลการดำเนินงานของโครงการฯ สรุป ได้ดังนี้
(1) ระยะที่ 1 ดำเนินการระหว่างเดือนกันยายน 2544 ถึง สิงหาคม 2545 มีจำนวนครัวเรือนที่ได้รับส่วนลด 5 ล้านครัวเรือน ประหยัดไฟฟ้าได้ 3,067 ล้านหน่วย คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ 9,089 ล้านบาท โดยกองทุนฯ จ่าย "ส่วนลดค่าไฟฟ้า" รวมทั้งสิ้น 1,679 ล้านบาท ( ผ่าน กฟน. 556 ล้านบาทและ กฟภ. 1,123 ล้านบาท)
(2) ระยะที่ 2 ดำเนินการระหว่างเดือนมิถุนายน 2547 ถึง พฤษภาคม 2548 มีจำนวนครัวเรือนที่ได้รับส่วนลด 4 ล้านครัวเรือน ประหยัดไฟฟ้าได้ 3,456 ล้านหน่วย คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ 10,748 ล้านบาท โดยกองทุนฯ จ่าย "ส่วนลดค่าไฟฟ้า" รวมทั้งสิ้น 1,499 ล้านบาท (ผ่าน กฟน. 501 ล้านบาท และ กฟภ. 998 ล้านบาท)
2. ผลประเมินโครงการฯ ระยะที่ 2 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้สำรวจความเห็นจาก 3,000 ตัวอย่าง ทั่วประเทศ มีผลดังนี้
(1) การรับรู้ : 92% ได้รับทราบข้อมูลข่าวสารโครงการฯ และ 76% ที่ได้รับข้อมูลข่าวสารจากโครงการฯ เห็นว่ามีผลต่อการกระตุ้นให้ได้รับส่วนลดมาก
(2) ความเข้าใจ : พบว่า ผู้ที่มีความเข้าใจในรายละเอียดขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการฯ จะประสบความสำเร็จในการได้รับส่วนลดมาก
3. เพื่อให้การลดใช้พลังงานในส่วนของภาคประชาชน เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ (ร้อยละ 10 ของปริมาณการใช้ในปีที่ผ่านมา) และเพื่อจูงใจให้ประชาชนไม่ลืมพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นจุดเปลี่ยนให้เป็นพฤติกรรมถาวร สนพ. จึงเห็นควรดำเนินงาน "โครงการประหยัดไฟกำไร 2 ต่อ ระยะที่ 3" ให้มีความต่อเนื่อง โดยมีรูปแบบแนวทางดำเนินงาน ดังนี้
(1) คงลักษณะกิจกรรมไว้เช่นเดียวกับโครงการฯ ระยะที่ 2 ระยะเวลาดำเนินการรวม 12 เดือน เริ่มตั้งแต่ เดือนกันยายน 2548 ถึงเดือนสิงหาคม 2549
(2) การให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าคงเป็นไปตามโครงการฯ ระยะที่ 2 "ประหยัดได้อย่างน้อยร้อยละ 10 ของปริมาณการใช้ไฟฟ้าของเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา จะได้รับส่วนลดค่าไฟฟ้า ร้อยละ 20 ของจำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ลดลงได้แต่ละเดือน" และเพื่อขจัดปัญหาเรื่องการจ่ายเงินค่าส่วนลดค่าไฟฟ้าให้กับบ้านที่ไม่มีผู้อยู่อาศัยจริงในช่วงนั้น จึงจำกัดผลประหยัดสูงสุดที่จะได้รับส่วนลดค่าไฟฟ้า ไม่เกินร้อยละ 40 โดยมีข้อความแสดงความยินดีที่ได้รับส่วนลด และกระตุ้นให้ผู้ใช้ไฟฟ้าพยายามประหยัดการไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในกรณีที่ไม่ได้รับส่วนลด ซึ่งจะปรากฏอยู่ที่หน้าซองแจ้งค่าไฟฟ้า
(3) กฟน. และ กฟภ. ได้ประมาณการค่าใช้จ่าย "โครงการประหยัดไฟกำไร 2 ต่อ ระยะที่ 3" เสนอขอสนับสนุนจากกองทุนฯ เป็นจำนวนเงิน 1,770.9 ล้านบาท และจำแนกได้ดังนี้
"ประหยัดไฟกำไร 2 ต่อ ระยะที่ 3" | กฟน. | กฟภ. |
กลุ่มเป้าหมาย "ประเภทบ้านอยู่อาศัย" | 580,950 ครัวเรือน | 3,294,634 ครัวเรือน |
คิดเป็นร้อยละของผู้ใช้ไฟฟ้า | 28.2 % | 26.7 % |
ประมาณการเงินสนับสนุนจากกองทุนฯ | 496.02 ล้านบาท | 1,274.88 ล้านบาท |
- เงินส่วนลดค่าไฟฟ้าให้กับผู้ใช้ไฟฟ้า | 493.92 ล้านบาท | 1,271.78 ล้านบาท |
- เงินค่าประชาสัมพันธ์และฝึกอบรมพนักงาน | 2.10 ล้านบาท | 3.10 ล้านบาท |
และเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนได้รับทราบถึงนโยบายและเข้าใจรายละเอียดการเข้าร่วมโครงการฯ ก่อให้เกิดพฤติกรรมการประหยัดไฟอย่างจริงจัง และให้โครงการเป็น Theme เดียวกัน สนพ. จะเป็นผู้ผลิตสัญลักษณ์โครงการฯ เอกสารเผยแพร่ สารคดี จัดรายการพิเศษ กิจกรรมอื่นๆ เพื่อแนะนำวิธีประหยัดไฟฟ้า ผ่านสื่อต่างๆ โดยขออนุมัติใช้เงินจากกองทุนฯ ดำเนินการภายใต้ "โครงการประชาสัมพันธ์ประหยัดไฟกำไร 2 ต่อ ระยะที่ 3" ในวงเงิน 55 ล้านบาท
4. เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ซ้ำซ้อน ฝ่ายเลขานุการฯ พิจารณาแล้ว เห็นควรปรับลดค่าใช้จ่ายงานประชาสัมพันธ์ของ กฟภ. และ กฟน. ในรายการ (1) ค่าครุภัณฑ์ในการจัดซื้อ Note book (2) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานด้านข้อมูล
มติที่ประชุม
เห็นชอบในหลักการของโครงการ "ประหยัดไฟกำไร 2 ต่อ" ระยะที่ 3 โดยมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดทำรายละเอียดงบประมาณของโครงการฯ โดยเฉพาะในส่วนของการประชาสัมพันธ์โครงการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป
เรื่องที่ 3 โครงการส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบว่า คณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2548 ได้มีมติเห็นชอบยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาพลังงานของประเทศ โดยได้มีการกำหนดแนวทางในการส่งเสริมการนำก๊าซธรรมชาติมาใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล และคณะกรรมการส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติในภาคขนส่ง ได้มีการประชุมปรับเป้าหมายและวิธีการดำเนินงานขยายจำนวนรถ NGV ในปี 2548 จำนวนทั้งสิ้น 16,920 คัน และสถานีบริการ NGV ทั้งสิ้น 60 สถานี
2. เพื่อให้การดำเนินงานส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติในภาคขนส่งบรรลุตามเป้าหมาย ภาครัฐควรมีมาตรการส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติให้เป็นตัวอย่างแก่ภาคเอกชน โดยการปรับเปลี่ยนรถยนต์ราชการจากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นใช้ก๊าซ NGV ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐให้การสนับสนุนมาตรการดังกล่าว โดยให้กระทรวงการคลังกำหนดระเบียบการผ่อนจ่ายค่าติดตั้งอุปกรณ์ NGV ให้กับ รถยนต์ราชการ เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2548 โดย ปตท. จะติดตั้งอุปกรณ์ NGV ให้ก่อน และให้ผ่อนจ่ายคืนโดยบวกเพิ่มในราคาก๊าซฯ ที่เติมแต่ละครั้ง ซึ่งมีหน่วยงานต่างๆ แจ้งความประสงค์ต่อ สนพ. ขอติดตั้งอุปกรณ์ NGV ให้กับรถยนต์ของหน่วยงาน เป็นจำนวน 1,708 คัน
3. จากผลการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ NGV สำหรับรถยนต์ของหน่วยงานราชการ มีปัญหาในการดำเนินงาน 2 ประเด็น คือ หน่วยงานไม่มีงบประมาณที่จะนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการติดตั้งอุปกรณ์ NGV และปัญหาจากระเบียบการเบิกจ่ายวัสดุ (เชื้อเพลิง) ยังไม่เอื้อในกรณีติดตั้งอุปกรณ์ไปก่อนและผ่อนจ่ายคืนทีหลัง จึงได้ข้อสรุปว่า สนพ. ควรจัดหาแหล่งเงินทุนสนับสนุนเพื่อผลักดันโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ดังนั้น เพื่อให้มาตรการดังกล่าวดำเนินการไปได้โดยไม่หยุดชะงัก จึงเห็นควรขอรับการสนับสนุนทางด้านการเงินจากกองทุนฯ ในรูปของเงินยืมเป็นเงินทุนหมุนเวียนปลอดดอกเบี้ย และจัดสรรให้แต่ละหน่วยงานตามที่ได้แจ้งความประสงค์ไว้กับ สนพ. โดยให้ บริษัท ปทต. มหาชน (จำกัด) เป็นผู้ดำเนินโครงการดังกล่าว
มติที่ประชุม
1. อนุมัติเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน จำนวน 110 ล้านบาท จากแผนพลังงานทดแทน งานส่งเสริมและสาธิต ปีงบประมาณ 2548 ให้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อนำไปใช้ในโครงการส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ โดยให้ สนพ. ปตท. และ กรมบัญชีกลางร่วมกันหารือในรายละเอียด เพื่อกำหนดเป็นระเบียบเกี่ยวกับวิธีการเบิกจ่ายเงินและการเรียกเก็บเงินคืนกองทุนฯ โดยเร็วต่อไป
2. ในกรณีที่วิธีการเบิกจ่ายเงินและการเรียกเก็บเงินคืนกองทุนฯ ตามข้อ 1 ไม่เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2548 และวันที่ 17 พฤษภาคม 2548 มอบให้ สนพ. นำเรื่องเข้า ครม. เพื่อพิจารณาอนุมัติ ต่อไป
เรื่องที่ 3 ขออนุมัติโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานโดยสถาบันการเงิน ระยะที่ 2
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบว่า ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุม เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2544 เห็นชอบให้ พพ. จัดตั้ง "โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยสถาบันการเงิน" เพื่อส่งเสริมและผลักดันให้เกิดการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงาน และเพื่อสร้างความมั่นใจและความคุ้นเคยให้แก่สถาบันการเงินในการกู้ยืมเพื่อโครงการอนุรักษ์พลังงาน และอนุมัติให้ พพ. ใช้เงินจากโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน (ในส่วนของโรงงานควบคุม) ในวงเงิน 2,000 ล้านบาท นำไปเป็นเงินหมุนเวียนให้โรงงานควบคุมและอาคารควบคุมนำไปใช้ในการอนุรักษ์พลังงานในอัตราดอกเบี้ยต่ำ รวมถึงโรงงานและอาคารนอกข่ายควบคุมและบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) ได้ โดยสถาบันการเงินจะต้องปล่อยเงินกู้ภายในระยะเวลา 3 ปี (และมีการขยายระยะเวลาโครงการถึงวันที่ 30 มกราคม 2549)
2. ผลการดำเนินงานในช่วงโครงการเงินหมุนเวียนฯ ระยะที่ 1 สรุปได้ดังนี้
(1) ผลการอนุรักษ์พลังงาน : การดำเนินงานโครงการเงินหมุนเวียนฯ ระยะที่ 1 (ข้อมูล ณ 17 ส.ค. 2548) พพ. ได้อนุมัติข้อเสนอโครงการจำนวนทั้งสิ้น 74 ข้อเสนอ ประกอบด้วย อาคารจำนวน 11 ข้อเสนอ โรงงาน 62 ข้อเสนอ และบริษัทจัดการพลังงาน 1 ข้อเสนอ จำนวนเงินที่ พพ. อนุมัติคิดเป็นเงิน 1,814 ล้านบาท (เงินลงทุน 3,002 ล้านบาท) ประเมินศักยภาพผลการอนุรักษ์พลังงานที่ประเทศชาติจะได้รับคิดเป็นการประหยัดพลังงาน ดังนี้
ประเภท | จำนวน (แห่ง) |
เงินลงทุน (ล้านบาท) |
วงเงินสนับสนุนที่ พพ. อนุมัติ (ล้านบาท) |
ผลประหยัดไฟฟ้า (ล้านหน่วย/ปี) |
ผลประหยัดเชื้อเพลิง (ล้านลิตร/ปี) |
รวมผลประหยัด (ล้านบาท/ปี) |
โรงงาน | 62 | 2,751 | 1,680 | 164 | 84 | 1,209 |
อาคาร | 11 | 85 | 84 | 7.7 | 0.9 | 28 |
ESCO | 1 | 166 | 50 | 10 | 8.2 | 103 |
รวม | 74 | 3,002 | 1,814 | 182 | 93.1 | 1,340 |
การประเมินศักยภาพผลการอนุรักษ์พลังงานที่ประหยัดได้ตลอดอายุอุปกรณ์ สามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ 2,514 ล้านหน่วย (คิดเป็นเงิน 6,284 ล้านบาท) ประหยัดน้ำมันได้ 1,218 ล้านลิตรเทียบเท่าน้ำมันเตา (คิดเป็นเงิน 11,573 ล้านบาท) รวมประหยัดได้ 17,857 ล้านบาท หรือ 1,361 ktoe
(2) การเบิกจ่ายและการคืนเงินกองทุนฯ : ณ วันที่ 17 สิงหาคม 2548 ผู้บริหารเงินหมุนเวียน ได้ขอเบิกเงินกองทุนฯ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 854,528,662 บาท พพ. ได้รับการชำระคืนเงินแล้ว เป็นจำนวนเงิน 141,423,387 บาท
(3) สรุปภาพรวมความสำเร็จของโครงการ ระยะที่ 1
ได้ส่งเสริมผลักดันให้เกิดการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานเป็นจำนวนกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งก่อให้เกิดผลประหยัดพลังงานมากกว่า 1,340 ล้านบาทต่อปี โดยทางภาครัฐมีค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนที่ต่ำมาก คือค่าเสียโอกาสจากดอกเบี้ยเงินฝากและค่าใช้จ่ายในการบริหารประมาณ 20-25 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ ยังเกิดผลประโยชน์ต่อเนื่องอื่นๆ เช่น ผลประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม การชะลอการลงทุนเพื่อสร้างโรงไฟฟ้า การลดการนำเข้าน้ำมัน และการขาดดุลการค้า ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
ได้สร้างความมั่นใจและความคุ้นเคยให้แก่สถาบันการเงินซึ่งสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 6 แห่ง ได้เห็นความสำคัญและโอกาสทางการตลาดของการปล่อยสินเชื่อเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน และมีประสบการณ์ในการให้สินเชื่อในโครงการฯ มากกว่า 3,000 ล้านบาท ในกว่า 80 โครงการ
3. จากการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน และการประชุมร่วมระหว่างกระทรวงพลังงานและสมาคมธนาคารไทย ภาคเอกชนและภาคการเงินมีความเห็นว่า การให้การสนับสนุนในลักษณะของแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเป็นประโยชน์และช่วยให้เกิดการดำเนินการเพื่อการอนุรักษ์พลังงานอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกับมาตรการพลังงานทดแทนต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง จึงจำเป็นต้องให้การสนับสนุนทางด้านดอกเบี้ยอัตราต่ำ แต่สามารถลดการนำเข้าน้ำมันได้อย่างมาก อีกทั้งการสนับสนุนของโครงการเงินหมุนเวียนนี้นอกจากจะเกิดผลสัมฤทธิ์ที่สูงแล้ว ยังเป็นการใช้เงินของภาครัฐ ที่ต่ำมากเนื่องจากเงินที่ใช้ทั้งหมดจะกลับคืนเข้ากองทุนฯ เมื่อสิ้นสุดโครงการ ดังนั้น เพื่อให้เกิดการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง พพ. จึงขออนุมัติเงินกองทุน เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเพื่อดำเนินโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานโดยสถาบันการเงิน ในระยะที่ 2 จำนวน 2,000 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาการปล่อยกู้ 3 ปี และมีระยะเวลาการส่งคืนเงินกลับเข้ากองทุนฯ 10 ปี นับจากวันที่ พพ. ทำสัญญากับสถาบันการเงิน โดยจะมี ขั้นตอน เงื่อนไข หลักเกณฑ์ ในการให้การสนับสนุนเหมือนกับโครงการเงินหมุนเวียนฯ ในระยะที่ 1
มติที่ประชุม
1. อนุมัติเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน จำนวน 2,000 ล้านบาท เพื่อให้ พพ. ดำเนินโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานโดยสถาบันการเงิน ในระยะที่ 2 โดยใช้เงินจากแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานส่งเสริมและสาธิต ปีงบประมาณ 2549 เพื่อให้สถาบันการเงินที่ผ่านการคัดเลือกของ พพ. นำไปเป็นเงินหมุนเวียนให้แก่โรงงาน อาคาร และบริษัทจัดการพลังงาน นำไปใช้ในการอนุรักษ์พลังงานในอัตราดอกเบี้ยต่ำโดยสถาบันการเงินนั้น จะต้องปล่อยกู้ภายในระยะเวลา 3 ปี และ ส่งเงินคืนกองทุนฯ ผ่าน พพ. ในเวลา 10 ปี นับจากวันที่ พพ. ทำสัญญากับสถาบันการเงิน โดยจะมี ขั้นตอน เงื่อนไข หลักเกณฑ์ ในการให้การสนับสนุนเหมือนกับโครงการเงินหมุนเวียนฯ ในระยะที่ 1
2. ให้ พพ. ดำเนินการเจรจากับสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้จ่ายดอกเบี้ยคืนกองทุนฯ ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.5 ของเงินกองทุนฯ ที่สถาบันการเงินนำไปปล่อยให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อเป็นค่าเสียโอกาสในส่วนของดอกเบี้ยเงินฝากที่กองทุนฯ ได้รับเป็นประจำ
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบว่า ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้มีมติเห็นชอบและอนุมัติค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนเงินช่วยเหลือให้เปล่า เพื่อปรับปรุงอุปกรณ์ของอาคารควบคุมตามแผนอนุรักษ์พลังงานไปให้แก่อาคารควบคุมตามแผนอนุรักษ์พลังงานนั้น อาคารควบคุมได้จัดทำหนังสือยืนยันกับ พพ.ตามเงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้ในระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการขอจัดสรร ขอเงินช่วยเหลือหรือขอเงินอุดหนุนจากกองทุนฯ ซึ่งถือเสมือนเป็นสัญญาข้อตกลงระหว่างผู้ให้การสนับสนุนกับผู้ที่ได้รับการสนับสนุนต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามเงื่อนไข ได้แก่ ผู้ให้การสนับสนุนตกลงให้การสนับสนุนด้านการเงินตามข้อกำหนดคุณลักษณะเฉพาะของอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงานที่ได้รับไว้ในแผนอนุรักษ์พลังงาน
2. การดำเนินการจัดหาอุปกรณ์ตามแผนอนุรักษ์พลังงานเป็นหน้าที่ของอาคารควบคุมที่ต้องดำเนินการเอง และต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบราชการกำหนด โดย พพ. มีนิติสัมพันธ์กับอาคารควบคุมด้วยหนังสือยืนยัน และอาคารควบคุมมีนิติสัมพันธ์กับผู้รับจ้างด้วยหนังสือสัญญาว่าจ้างจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงาน
3. ด้วยมีอาคารควบคุมจำนวน 13 แห่ง ได้รับการสนับสนุนเงินลงทุนในการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ ได้แก่ ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง โดยจะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
(1) คุณลักษณะภายนอกของโคม "ตัวโคมผลิตจากแผ่นเหล็กที่มีความหนาไม่น้อยกว่า 0.6 มม. พับขึ้นเป็นรูปตัวโคมด้วยแผ่นเหล็กชิ้นเดียวตลอดหรือประกอบส่วนหัวท้ายด้วยการเชื่อมแบบเป็นจุด (Spot Welding) หรือใช้สลักย้ำ (Rivet) ผ่านกรรมวิธีกำจัดไขมันและสนิม และป้องกันการผุกร่อนด้วยกรรมวิธีการเคลือบฟอสเฟตของโลหะ"
(2) คุณสมบัติของแผ่นสะท้อนแสง กล่าวถึงความหนาของแผ่นสะท้อนแสง การผ่านมาตรฐานเกี่ยวกับการป้องกันความหมอง ความชื้น ค่าสัมประสิทธิ์การสะท้อนแสง
(3) การกำหนดค่าประสิทธิภาพของโคมไฟฟ้า (Luminaire Efficiency) เช่น ต้องไม่ต่ำกว่า 80% สำหรับโคมไฟฟ้าชนิดตะแกรง
4. หลังจากที่อาคารทั้ง 13 แห่ง ได้ทำสัญญาว่าจ้างจัดซื้อและได้ติดตั้งอุปกรณ์ตามแผนอนุรักษ์พลังงานแล้ว อาคารควบคุมได้มีหนังสือขอเบิกเงินงวดมาที่ พพ. โดยผลการตรวจเอกสารหลักฐานต่างๆ พบว่า โคมไฟฟ้าชนิดติดเพดาน/ติดลอย/ติดแขวนที่อาคารติดตั้งมีคุณลักษณะภายนอกของตัวโคมไม่เป็นไปตามข้อกำหนด คือ ใช้แผ่นเหล็ก 9 ชิ้น ประกอบขึ้นรูปเป็นตัวโคม แต่ทั้งนี้คุณสมบัติของโคมไฟฟ้าในด้านอื่นๆ รวมทั้งค่าประสิทธิภาพของโคมไฟฟ้าเป็นไปตามข้อกำหนดทุกประการ พพ. จึงไม่สามารถเบิกจ่ายเงินสำหรับ ค่าอุปกรณ์โคมไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงได้ จนกว่าอาคารจะได้ดำเนินการเปลี่ยนอุปกรณ์ให้เป็นไปตามคุณลักษณะอุปกรณ์ที่กำหนดก่อน จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้รับจ้างตามสัญญาว่าจ้างร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาและกระทรวงพลังงาน เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีที่ พพ. ไม่จ่ายเงินค่าอุปกรณ์ดังกล่าวให้ในฐานะผู้รับโอนสิทธิการรับเงินจากอาคารควบคุม
5. กระทรวงพลังงานได้มีหนังสือหารือกรมบัญชีกลาง กรณีผู้รับจ้างได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดในสัญญาแล้ว แต่ไม่เป็นไปตามรายละเอียดข้อกำหนดของ พพ. เพื่อจะขอแก้ไขสัญญา ซึ่งกรมบัญชีกลางได้แจ้งผลการหารือว่า หลังจากที่มหาวิทยาลัยได้รับอนุมัติเงินลงทุนตามแผนอนุรักษ์พลังงานจากคณะกรรมการกองทุนฯ แล้ว จะต้องปฏิบัติให้ครบถ้วนตามเงื่อนไขของโครงการฯ จึงจะสามารถเบิกเงินได้
6. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช) ในขณะนั้น ได้ให้ความเห็นว่า ถ้าคุณภาพไม่ครบถ้วนควรปรับลดราคาลงให้ได้คุณภาพที่ต้องการ ซึ่ง พพ. ได้คำนวณเปรียบเทียบราคาตามคุณภาพที่กำหนดกับราคาตามคุณภาพของโคมไฟฟ้าที่อาคารควบคุมติดตั้ง โดยต้องปรับลดราคาลงเป็น ดังนี้
(1) โคม 1 x 18 วัตต์ ลด 10 บาทต่อโคม
(2) โคม 2 x 18 วัตต์ ลด 12 บาทต่อโคม
(3) โคม 1 x 36 วัตต์ ลด 7 บาทต่อโคม
(4) โคม 2 x 36 วัตต์ ลด 9 บาทต่อโคม
7. จากปัญหาการติดตั้งอุปกรณ์โคมไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงของอาคารควบคุมทั้ง 13 แห่ง ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดนั้น พพ. พิจารณาแล้วและมีความเห็นซึ่งสรุปได้ดังนี้
(1) โคมไฟฟ้าที่ติดตั้ง มีค่าประสิทธิภาพของโคมไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 80 % ตามที่คุณลักษณะเฉพาะอุปกรณ์โคมไฟฟ้ากำหนด
(2) โคมดังกล่าวได้ผ่านการทดสอบความแข็งแรงทางกลตามมาตรฐาน มอก. ซึ่งมีความแข็งแรงเทียบเท่ากับโคมไฟฟ้าตามข้อกำหนดของ พพ. แต่มีรูปลักษณะภายนอกไม่ตรงกับข้อกำหนดเท่านั้น ซึ่งหากให้อาคารควบคุมเปลี่ยนแปลงคุณลักษณะภายนอกของโคมไฟฟ้าที่ได้ดำเนินการไปแล้ว ก็จะไม่ทำให้วงเงินที่ได้รับอนุมัติเพิ่มขึ้น และไม่ทำให้ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการลดลงแต่ประการใด
(3) หากให้อาคารควบคุมเปลี่ยนโคมไฟฟ้าใหม่ จะทำให้เสียโอกาสและเวลาในการประหยัดพลังงาน
(4) หาก พพ. ไม่เบิกจ่ายเงินให้กับอาคารควบคุม ก็จะเป็นภาระกับอาคารควบคุมในการจัดหางบประมาณมาจ่ายให้กับผู้รับจ้างในฐานะคู่สัญญากัน
มติที่ประชุม
1. อนุมัติให้อาคารควบคุมทั้ง 13 แห่ง เปลี่ยนแปลงคุณลักษณะภายนอกของโคมไฟฟ้าจากตัวโคมพับขึ้นรูปด้วยแผ่นเหล็กชิ้นเดียวตลอด หรือประกอบส่วนหัวท้ายด้วยการเชื่อมเป็นจุด หรือใช้สลักย้ำ เป็นการใช้แผ่นเหล็ก 9 ชิ้นประกอบขึ้นรูปแทน โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้วงเงินที่ได้รับอนุมัติเพิ่มขึ้น และผลตอบแทนของโครงการไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด
2. เห็นชอบให้ พพ. ทำการปรับลดราคาโคมไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงแบบติดเพดานหรือติดลอยที่อาคารได้ทำสัญญาจ้างไปแล้ว โดยลดราคาลงเป็น ดังนี้
(1) โคม 1 x 18 วัตต์ ลด 10 บาทต่อโคม
(2) โคม 2 x 18 วัตต์ ลด 12 บาทต่อโคม
(3) โคม 1 x 36 วัตต์ ลด 7 บาทต่อโคม
(4) โคม 2 x 36 วัตต์ ลด 9 บาทต่อโคม
อนุ กอ. ครั้งที่ 17 - วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม 2552
มติคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 2/2552 (ครั้งที่ 17)
วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2552 เวลา 09.30 น.
ณ ห้องประชุม 603 ชั้น 6 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. การปรับปรุงแก้ไขระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537
2. แนวทาง/หลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553
3. การขอปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
4. โครงการวิจัยและสาธิตการปรับปรุงคุณภาพก๊าซชีวภาพเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล) ประธานอนุกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล) อนุกรรมการและเลขานุการ
1. พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 24 แห่ง พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 ได้กำหนด "ให้จัดตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่งเรียกว่า 'กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน' ในกระทรวงพลังงาน เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนและใช้จ่ายช่วยเหลือหรืออุดหนุนการดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน..." และมาตรา 24/1 กำหนด "ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้สิน และเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในกระทรวงการคลัง ไปเป็นของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานตาม พ.ร.บ.นี้" และปลัดกระทรวงพลังงาน เห็นชอบและให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ดำเนินการรับโอนงานจากกรมบัญชีกลาง เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2551
2. สนพ. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. ... เพื่อปรับปรุงระเบียบฯ ให้มีความถูกต้อง สอดคล้องกับ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550
3. คณะทำงานฯ ได้มีการประชุมเพื่อปรับปรุงร่างระเบียบ โดยมีสาระสำคัญในการแก้ไขระเบียบ ดังนี้
3.1 เปลี่ยนชื่อหน่วยงานผู้ดำเนินการตามร่างระเบียบ ดังนี้
"สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ" เป็น "สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน"
"กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน" เป็น "กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน"
"กรมบัญชีกลาง" เป็น "สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน"
3.2 เพิ่มเติมคำนิยามในร่างระเบียบฯ ดังนี้
"คณะอนุกรรมการกองทุน" หมายความว่า คณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานแต่งตั้งตามมาตรา 34 แห่ง พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550
3.3 ให้ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานหรือผู้ที่ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานมอบหมาย เป็นผู้มีอำนาจอนุมัติการจ่ายเงินกองทุนตามประมาณการรายจ่ายประจำปี และรายจ่ายตามโครงการที่คณะกรรมการกองทุนอนุมัติ โดยโอนเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ตามที่ผู้เบิกเงินกองทุนแจ้งมา
3.4 ปรับปรุงการใช้เงินทดรองจ่ายในส่วนของค่าบริหารงานกองทุนให้มีความคล่องตัวเพิ่มขึ้น
ตามร่างระเบียบข้อ 15 ให้หน่วยงานที่ได้รับอนุมัติประมาณการรายจ่ายประจำปี มีเงินทดรองจ่ายในวงเงินตามที่คณะกรรมการกองทุนอนุมัติ เพื่อใช้ทดรองจ่ายตามประมาณการรายจ่ายประจำปีได้ตามความจำเป็น
กรณีที่คณะกรรมการกองทุนยังมิได้มีมติอนุมัติประมาณการรายจ่ายประจำปี ให้นำเงินทดรองจ่ายไปจ่ายเป็นค่าบริหารงานกองทุนที่จำเป็นและเร่งด่วนตามกรอบประมาณการรายจ่ายประจำปีที่ผ่านมาได้ ไปพลางก่อนภายในวงเงินทดรองจ่ายที่คณะกรรมการกองทุนอนุมัติ
3.5 กำหนดให้เพิ่มอำนาจคณะอนุกรรมการกองทุนไว้ในร่างระเบียบฯ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน และสอดคล้องตามมาตรา 34 วรรค 1 แห่ง พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 ดังนี้
(1) ด้านการรับเงินกองทุน
ตามร่างระเบียบข้อ 7 ให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เปิดบัญชีเงินฝาก "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ประเภทเงินฝากกระแสรายวัน เงินฝากออมทรัพย์ หรือเงินฝากประจำกับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจตามที่คณะอนุกรรมการกองทุนเห็นสมควรและให้รายงานคณะกรรมการกองทุนรับทราบต่อไป
ในกรณีที่มีความจำเป็นจะต้องเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์อื่นจะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
(2) ด้านการเบิกจ่ายเงินกองทุน
ตามร่างระเบียบข้อ 18 กรณีผู้เบิกเงินกองทุนก่อหนี้ผูกพันตามประมาณการรายจ่ายประจำปี หรือรายจ่ายตามโครงการภายในปีงบประมาณแต่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายในปีงบประมาณนั้นๆ ให้ขยายเวลาการเบิกจ่ายรายการนั้นต่อไปได้ภายใน 3 เดือน นับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญาซึ่งนับรวมระยะเวลาตรวจรับงานไว้แล้ว หากไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้ทันภายใน 3 เดือน ที่ได้ขยายเวลาการเบิกจ่ายแล้วให้เป็นอำนาจของคณะอนุกรรมการกองทุนที่จะพิจารณาอนุมัติ
ตามร่างระเบียบข้อ 19 การเปลี่ยนแปลงรายการ ระยะเวลาดำเนินการ ไปจากรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนได้อนุมัติไว้แล้ว โดยไม่เกินวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนจัดสรรให้จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะอนุกรรมการกองทุนก่อน จึงจะเปลี่ยนแปลงได้
กรณีที่เปลี่ยนแปลงรายการ ระยะเวลาดำเนินการ ไปจากรายละเอียดโครงการที่ต้องเพิ่มวงเงินให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการกองทุน
(3) ด้านการเบิกจ่ายเงินกองทุนสำหรับผู้ได้รับจัดสรรเงินกองทุน
ตามร่างระเบียบข้อ 26 การเปลี่ยนแปลงรายการ ระยะเวลาดำเนินการ ไปจากรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนได้อนุมัติไว้แล้ว โดยไม่เกินวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนจัดสรรให้จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะอนุกรรมการกองทุนก่อน จึงจะเปลี่ยนแปลงได้
กรณีที่เปลี่ยนแปลงรายการ ระยะเวลาดำเนินการ ไปจากรายละเอียดโครงการที่จะต้องเพิ่มวงเงิน ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการกองทุน โดยให้ผู้ได้รับจัดสรรเงินกองทุนยื่นเรื่องขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการผ่านผู้เบิกเงินกองทุน
3.6 เพิ่มเติมรายละเอียดการดำเนินการด้านการบัญชี
ตามร่างระเบียบข้อ 30 ให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานจัดทำบัญชีกองทุนให้เป็นไปตามหลักการและนโยบายบัญชีสำหรับหน่วยงานภาครัฐ ตามที่กระทรวงการคลังประกาศกำหนด
ตามร่างระเบียบข้อ 31 ให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานนำข้อมูลเกี่ยวกับการบัญชีของกองทุนเข้าระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐด้วยระบบอิเล็คทรอนิกส์ (GFMIS) ตามที่กรมบัญชีกลางกำหนด
ตามร่างระเบียบข้อ 33 ให้คณะกรรมการกองทุนโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน จัดทำงบการเงินเพื่อส่งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินหรือบุคคลภายนอกซึ่งคณะกรรมการกองทุนแต่งตั้งโดยความเห็นชอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชีของกองทุน และให้ทำการตรวจสอบและรับรองบัญชีและการเงินทุกประเภทของกองทุนภายใน 90 วันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณทุกปี
ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินหรือผู้สอบบัญชีตามวรรคหนึ่ง จัดทำรายงานผลการสอบและรับรองบัญชีและการเงินของกองทุน เสนอต่อคณะกรรมการกองทุน ภายใน 150 วันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรี เพื่อทราบ
รายงานผลการสอบบัญชีและการเงินตามวรรคสอง ให้รัฐมนตรีเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอต่อรัฐสภา เพื่อทราบ และจัดให้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ตามร่างระเบียบข้อ 34 ให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานจัดให้มีการตรวจสอบภายในเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี และการพัสดุของกองทุน และรายงานผลการตรวจสอบให้คณะกรรมการทราบอย่างน้อยปีละครั้ง
มติที่ประชุม
เห็นชอบร่างระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. ... ตามที่คณะทำงานเพื่อปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. ... ได้ปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาต่อไป
เรื่องที่ 2 แนวทาง/หลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553
1. กระทรวงพลังงาน ในฐานะผู้เก็บรักษาเงินและทรัพย์สินของ "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" จะพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ ได้มีงบประมาณสำหรับการจัดทำโครงการเพื่อสนับสนุนแผนอนุรักษ์พลังงาน และดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน มาตรา 25 แห่ง "พรบ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" โดยจัดทำรายละเอียดเสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ และคณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติตามลำดับ
2. สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการกองทุนฯ ได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำข้อเสนอโครงการด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การผลิตและการใช้พลังงานทดแทน และจะรวบรวมและจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553 ของกองทุนฯ เสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ และคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาต่อไป
3. เพื่อให้การจัดสรรเงินกองทุนฯ เกิดประโยชน์สูงสุดในการดำเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอกรอบการพิจารณาโครงการฯ ตามงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ดังนี้
3.1 กำหนดแนวทาง/หลักเกณฑ์การวิเคราะห์ในการจัดทำลำดับความสำคัญของโครงการ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและการเงินของประเทศในปัจจุบัน ประกอบด้วย
(1) การจัดลำดับความสำคัญตามนโยบายและแผน โดยทำการพิจารณาถึงความสอดคล้องของโครงการกับภารกิจที่สำคัญ ดังนี้
- ภารกิจตามข้อกำหนดและ พ.ร.บ. ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
- ภารกิจตามยุทธศาสตร์ระดับชาติ นโยบายรัฐบาล และกระทรวงพลังงาน
- ภารกิจตามเจตนารมณ์ของกองทุนฯ ตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ. ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และตามแผนและเป้าหมายอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2551-2554
- ภารกิจตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี (พ.ศ. 2551-2565)
(2) ระยะเวลาการเกิดผลสัมฤทธิ์ โดยใช้เป็นเกณฑ์ในการแบ่งช่วงเวลาที่โครงการดังกล่าวสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้ในอนาคต โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะ "สั้น" (เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ใน 1-2 ปี) ระยะ "กลาง" (เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ใน 3-5 ปี) และ ระยะ "ยาว" (เกิดผลสัมฤทธิ์ต้องใช้เวลามากกว่า 5 ปี)
(3) ศักยภาพในการขยายผล โดยเน้นโครงการวิจัยและ/หรือดำเนินการแล้วสามารถที่จะนำไปปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้จริง (Deployment Potential) โดยแบ่งตามศักยภาพการขยายผลเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "มาก" และกลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "น้อย"
(4) โครงการต่อเนื่อง โดยพิจารณาผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ถ้ามีความก้าวหน้าเกินกว่า ร้อยละ 50 ของแผนงาน และผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดี จึงจะได้รับงบประมาณสำหรับปีต่อไป
3.2 ให้มีคณะทำงานที่ทำหน้าที่ในการกลั่นกรองงบประมาณ และพิจารณาแผนการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่างๆ ที่จะขอจัดสรรจากกองทุนฯ ประจำปีงบประมาณ 2553 และเมื่อพิจารณากลั่นกรองแล้ว ให้จัดทำความเห็นเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกองทุนฯ โดยมีองค์ประกอบ ดังนี้
(1) รองปลัดกระทรวงพลังงาน (นายณอคุณ สิทธิพงศ์) ประธานคณะทำงาน
(2) ผู้แทนคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน คณะทำงาน
(3) ผู้แทนสำนักงบประมาณ คณะทำงาน
(4) อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน คณะทำงาน
(5) ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน คณะทำงาน
(6) ผู้อำนวยการสำนักนโยบายอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน สนพ. คณะทำงานและเลขานุการ
(7) ผู้อำนวยการสำนักนโยบายยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน คณะทำงานและผู้ช่วยเลขานุการ
มติที่ประชุม
เห็นชอบแนวทาง/หลักเกณฑ์การพิจารณากลั่นกรองโครงการฯ และการแต่งตั้งคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2553 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 3 การขอปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า มีหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไปแล้ว ได้ยื่นเรื่องเพื่อขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการจากที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้พิจารณาและอนุมัติไว้ รวมจำนวน 32 โครงการ โดยตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินฯ ตามข้อ 1.3 (2) หมวด 3 ข้อ 24 กำหนดว่า การเปลี่ยนแปลงรายการ ระยะเวลาดำเนินการ ไปจากรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนได้อนุมัติไว้แล้ว จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ก่อน จึงจะเปลี่ยนแปลงได้
2. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้พิจารณาเหตุผลและรายละเอียดที่เจ้าของโครงการฯ ทั้ง 32 โครงการ ได้แจ้งขอเปลี่ยนแปลงแล้ว โดยจำแนกเรื่องที่ขอเปลี่ยนแปลงออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้
2.1 ขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ เกิน 3 เดือน นับจากวันสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา จำนวน 9 โครงการ ดังนี้
กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน จำนวน 4 โครงการ
(1) โครงการพัฒนาเทคโนโลยี สารสนเทศเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน (งานปรับปรุงห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์)
(2) โครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากกังหันลมขนาดใหญ่ จ. ปัตตานี
(3) โครงการไฟฟ้าพลังน้ำระดับหมู่บ้านอย่างยั่งยืน (งานว่าจ้างปรับปรุงเครื่องกังหันน้ำและเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์ประกอบโครงการไฟฟ้าพลังน้ำระดับหมู่บ้าน โครงการดอยลาง)
(4) โครงการศึกษาการผลิตแก๊สชีวภาพจากกากมันสำปะหลัง
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน จำนวน 5 โครงการ
(1) โครงการให้คำปรึกษา ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานของเครือข่ายสารสนเทศด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย (ระยะที่ 3)
(2) โครงการศึกษาอิทธิพลของตัวแปรที่มีผลต่อการนำแสงธรรมชาติทางด้านข้างมาใช้ในอาคาร
(3) โครงการใช้แสงธรรมชาติผ่านแผงควบคุมช่องเปิดด้านบน
(4) โครงการศึกษาเปรียบเทียบลักษณะรูปทรงและวัสดุหลังคาเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
(5) โครงการศึกษาและวิจัยรูปแบบเปลือกอาคารที่เหมาะสมกับการอนุรักษ์พลังงาน
มีสาเหตุจากคู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรที่ได้ทำสัญญาจ้างหรือหนังสือยืนยันการรับทุนไว้กับ พพ. และ สนพ. ได้ส่งงาน/รายงานตามเวลาที่กำหนดไว้แล้ว แต่การตรวจรับงานของ พพ. และ สนพ. พบว่าผลงานยังไม่สมบูรณ์ตามข้อตกลง เช่น ขาดรายละเอียด ขาดข้อมูลหรือเอกสารอ้างอิง ขาดประเด็นสำคัญ ฯลฯ และให้คู่สัญญาหรือผู้ได้รับจัดสรรเงินนั้น ดำเนินการปรับปรุงรายงานสมบูรณ์ ซึ่งส่งผลให้เลยกำหนดระยะเวลา 3 เดือน นับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญาหรือหนังสือยืนยันการรับทุน พพ. และ สนพ. จึงได้เสนอขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายรายการนั้นๆ
การปฏิบัติข้างต้น เป็นการดำเนินการตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ข้อ 16 ที่ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการเบิกจ่ายเงินกองทุนไว้ "ให้ผู้เบิกเงินกองทุนใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันตามประมาณการรายจ่ายประจำปีได้ ภายในวงเงินและปีงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ กรณีผู้เบิกเงินกองทุนก่อหนี้ผูกพันภายในปีงบประมาณแต่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายในปีงบประมาณนั้นๆ ให้ขยายเวลาการเบิกจ่ายรายการนั้นๆ ต่อไปได้ ภายในสามเดือนนับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา"
2.2 ขอขยายระยะเวลาโครงการ จำนวน 16 โครงการ
มีสาเหตุจากคู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรที่ได้ทำสัญญาจ้างหรือหนังสือยืนยันการรับทุนไว้กับ พพ. และ สนพ. ดังนี้
โครงการ | หน่วยงาน | เดิม | ขยายถึง |
(1) โครงการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำระดับหมู่บ้านอย่างยั่งยืน | พพ. | กันยายน 2553 | ธันวาคม 2553 |
(2) โครงการติดตั้งกังหันลม ผลิตไฟฟ้าจ่ายขนานเข้าระบบจำหน่าย | กฟภ. | มีนาคม 2554 | ธันวาคม 2554 |
(3) โครงการสร้างองค์ความรู้ด้านพลังงานสำหรับโรงเรียนในเขตภาคเหนือตอนบน | มช. | กันยายน 2551 | พฤศจิกายน 2552 |
(4) โครงการพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้และขยายเครือข่ายการสื่อสารด้านพลังงานในกลุ่มเยาวชนและครู ประจำปี 2551 | สป.พน. | ตุลาคม 2552 | ธันวาคม 2552 |
(5) โครงการจัดสัมมนา 6 ปี นโยบายพลังงานกับการพัฒนาประเทศ | สป.พน. | 26 พฤศจิกายน 2551 | 26 ธันวาคม 2552 |
(6) โครงการสร้างความเข้าใจนโยบาย E85 | สป.พน. | 26 มกราคม 2552 | 26 กันยายน 2552 |
(7) โครงการรณรงค์สร้างความเข้าใจในนโยบายการประหยัดพลังงาน | สป.พน. | 26 ตุลาคม 2552 | 26 กรกฎาคม 2553 |
(8) โครงการลดใช้พลังงานในภาครัฐในหน่วยงานภาครัฐขนาดเล็ก | สวภ. 12 | 30 กันยายน 2552 | 31 มกราคม 2553 |
(9) โครงการลดใช้พลังงานในภาครัฐในหน่วยงานภาครัฐขนาดเล็ก | สวภ. 6 | 30 กันยายน 2552 | 31 ธันวาคม 2552 |
(10) โครงการให้คำปรึกษา ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานของเครือข่ายสารสนเทศด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย (ระยะที่ 3) | มจธ. | กันยายน 2551 | มิถุนายน 2552 |
(11) โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาในประเทศ จำนวน 2 ทุน | สนพ. | - | - |
(12) โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ จำนวน 3 ทุน | สนพ. | - | - |
(13) โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 10 ทุน | สนพ. | - | - |
(14) โครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการปลูกไม้โตเร็วเพื่อเป็นพลังงานชีวมวล | มทส. | สิงหาคม 2550 | สิงหาคม 2552 |
(15) โครงการศึกษาแนวทางบริหารจัดการเชื้อเพลิงชีวมวลเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน (ระดับชุมชน) | มทส. | ธันวาคม 2551 | ธันวาคม 2552 |
(16) โครงการสนับสนุนการดำเนินงานของผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กที่ใช้พลังงานหมุนเวียน | สนพ. | มิถุนายน 2552 | ธันวาคม 2554 |
แต่ละหน่วยงานได้ดำเนินการตามแผนงานที่เสนอไว้กับกองทุนฯ แล้ว แต่มีข้อจำกัดระหว่างการดำเนินงาน เช่น ต้องใช้เวลาในการเก็บข้อมูลสำหรับการทำวิทยานิพนธ์ การรอเวลาเพื่อนำผลงานวิจัยไปตีพิมพ์ทั้งในและต่างประเทศ การปรับรายละเอียดการดำเนินกิจกรรมเพื่อให้สอดคล้องกับบริบทในพื้นที่เป้าหมาย การทำงานวิจัยแล้วผลการทดลองมีความคลาดเคลื่อนไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ จำเป็นต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์ผลการทดลองเพิ่มเติม เป็นต้น
2.3 ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ จำนวน 3 โครงการ
มีสาเหตุจากคู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรที่ได้ทำสัญญาจ้างหรือหนังสือยืนยันการรับทุนไว้แต่ละหน่วยงาน ได้ดำเนินการตามแผนงานที่เสนอไว้กับกองทุนฯ แล้ว แต่มีข้อจำกัดระหว่างการดำเนินงาน เช่น การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดกิจกรรมย่อยให้มีความหลากหลายและสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น หรือเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์พลังงานในปัจจุบัน เป็นต้น
โครงการ | การขอเปลี่ยนแปลง |
(1) โครงการศูนย์บริการข้อมูลพลังงานภูมิภาคที่ 9 หน่วยงาน : สวภ.9 |
ขอปรับแผนการใช้เงินโครงการโดยนำงบประมาณส่วนที่เหลือจ่ายภายหลังการดำเนินโครงการแล้วไปจัดซื้อครุภัณฑ์พาหนะโดยสาร (ตู้) ขนาด 11 ที่นั่ง เครื่องยนต์เบนซิน จำนวน 1 คัน เป็นเงิน 1,290,000 บาท |
(2) โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการใช้หัวเผาไหม้ประสิทธิภาพสูงในเตาเผาเซรามิก หน่วยงาน : มช. |
ขอปรับแผนในส่วนของจำนวนเทคโนโลยีที่ให้การสนับสนุนจากเดิม 3 เทคโนโลยี เป็น 5 เทคโนโลยี พร้อมทั้งขอเพิ่มขนาดของเตาที่จะให้การสนับสนุนจาก 5 ขนาดเป็น 8 ขนาด |
(3) โครงการจัดงานประชุมวิชาการและแสดงนิทรรศการ ภายใต้หัวข้อ "พลังงาน กู้วิกฤตไทย" หน่วยงาน : สป.พน. |
ขอปรับลดการจัดงานประชุมวิชาการและแสดงนิทรรศการ ภายใต้หัวข้อ "พลังงาน กู้วิกฤตไทย" จากเดิม 2 ครั้ง (กรุงเทพ 1 ครั้ง และ ต่างจังหวัด 1 ครั้ง) เป็นจัดงาน 1 ครั้ง ระหว่างวันที่ 1-4 ตุลาคม 2552 |
2.4 ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ และขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน จำนวน 4 โครงการ
มีสาเหตุจากคู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรที่ได้ทำสัญญาจ้างหรือหนังสือยืนยันการรับทุนไว้แต่ละหน่วยงาน ได้ดำเนินการตามแผนงานที่เสนอไว้กับกองทุนฯ แล้ว แต่มีข้อจำกัดระหว่างการดำเนินงาน เช่น การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดกิจกรรมย่อยให้มีความหลากหลายและสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น หรือเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์พลังงานในปัจจุบัน เป็นต้น พร้อมทั้งขอขยายระยะเวลาดำเนินโครงการด้วย
โครงการ | การขอเปลี่ยนแปลง |
(1) โครงการส่งเสริมการใช้หลอดผอมใหม่เบอร์ 5 หน่วยงาน : กฟผ. |
(1) ขอขยายระยะเวลาโครงการจากเดิม 5 ปี (60 เดือน) เป็น 6 ปี (72 เดือน) (2) ขอปรับเป้าหมายโครงการ จากเดิมที่มุ่งส่งเสริมภาคที่อยู่อาศัย ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม เป็นมุ่งเน้นเฉพาะภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม โดยปรับเปลี่ยนเป้าหมายในรายละเอียด ดังนี้ (2.1) เดิมส่งเสริมการใช้หลอดผอมจำนวน 110 ล้านหลอด เป็น 83 ล้านหลอด (2.2) เดิมประหยัดพลังงานไฟฟ้า 4,790 ล้านหน่วย เป็น 4,842 ล้านหน่วย (2.3) เดิมลดความต้องการไฟฟ้าสูงสุด 1,039 เมกกะวัตต์ เป็น 1,141 เมกกะวัตต์ (3) ขอปรับรายการงบประมาณในส่วนของเงินให้เปล่า 1,400 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายและแผนการดำเนินการ ดังนี้ (3.1) ปรับลดงบประชาสัมพันธ์ฯ จากเดิม 750 ล้านบาท เป็น 150 ล้านบาท (3.2) กิจกรรมสาธิตการเปลี่ยนหลอด เพิ่มงบจาก 150 ล้านบาท เป็น 225 ล้านบาท (3.3) ปรับลดงบประมาณส่วนค่าภาษีอากรและค่าธรรมเนียม จาก 250 ล้านบาท เหลือ 150 ล้านบาท (3.4) ปรับลดค่าควบคุมงานและการกำจัดซาก จาก 250 ล้านบาท เหลือ 200 ล้านบาท โดยยกเลิกค่าควบคุมงาน เหลือเพียงค่ากำจัดซาก (3.5) เพิ่มรายการงบประมาณในส่วนของการสร้างแรงจูงใจด้วยค่า Rebate 675 ล้านบาท |
ขอปรับวิธีการดำเนินการใน 2 ส่วน คือ (4.1) เพิ่มการส่งเสริมเอกชนรายย่อยที่เข้าร่วมโครงการไม่เกิน 1,000 หลอด ด้วยการให้เงินสนับสนุน (Rebate) 50 บาทต่อหลอด (4.2) ปรับเกณฑ์มาตรฐานหลอดเข้าร่วมโครงการได้จากเดิมเฉพาะหลอดที่ผ่านมาตรฐานเบอร์ 5 ปรับเพิ่มเป็น หลอดมาตรฐานทั่วไปขั้นต่ำสามารถเข้าร่วมได้ในระยะเวลา 2 ปี หลังจากนั้นจะลดเหลือเฉพาะหลอดที่ผ่านมาตรฐานเบอร์ 5 |
|
(2) โครงการสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรด้านพลังงานเพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมายุครบ 70 พรรษา หน่วยงาน : AIT |
(1) ขอปรับจำนวนทุน จากระดับปริญญาโทที่เหลือจำนวน 2 ทุน เป็นทุนระดับปริญญาเอก จำนวน 1 ทุน (2) ขอขยายเวลาการเปิดรับสมัคร จากเดิมสิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2552 เป็นสิ้นสุดเดือนพฤศจิกายน 2552 (3) ขยายเวลาโครงการฯ จากเดิมสิ้นสุดเดือนกันยายน 2552 เป็นสิ้นสุดเดือนธันวาคม 2555 เพื่อให้ครอบคลุมระยะเวลาการสำเร็จการศึกษาของหลักสูตรปริญญาเอก |
(3) โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ จำนวน 3 ทุน หน่วยงาน : สนพ. |
(1) มหาวิทยาลัยศิลปากร ขอขยายระยะเวลาการศึกษาให้แก่ นายสัทธา ปัญญาแก้ว ออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่ 27 กันยายน 2552 ถึง 26 กันยายน 2553 พร้อมทั้งขออนุมัติเพิ่มวงเงินทุนการศึกษาในช่วงที่ขอขยายเวลา จำนวนเงิน 502,228 บาท (2) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ขอขยายเวลาการศึกษาให้แก่ นายมานิตย์ ลีกิจวัฒนะ ออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่ 30 กันยายน 2552 ถึง 29 กันยายน 2553 พร้อมทั้งขออนุมัติเพิ่มวงเงินทุนการศึกษาในช่วงที่ขอขยายเวลา จำนวนเงิน 1,530,260 บาท (3) มก. ขอขยายเวลาการศึกษาให้แก่ นางสาวพรพรรณ พรรณภัทราพงษ์ ออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่ 22 กันยายน 2552 ถึง 21 กันยายน 2553 พร้อมทั้งขออนุมัติเพิ่มวงเงินทุนการศึกษาในช่วงที่ขอขยายเวลา จำนวนเงิน 1,561,755 บาท |
(4) โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 1 ทุน หน่วยงาน : สนพ. |
มหาวิทยาลัยมหิดล ขอเปลี่ยนแปลงโครงการ "การผลิตก๊าซไฮโดรเจนทางชีวภาพจากน้ำเสียของกระบวนการผลิต อาหารและเครื่องดื่ม" ดังนี้
(1) ขอเปลี่ยนนักศึกษาผู้รับทุน จากนายชิษณุพงศ์ ประทุม เป็นนางสาวมรรษมน คำป้อง (2) ขอขยายเวลาจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2553 |
ฝ่ายเลขานุการฯ เห็นว่าการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียด และการขอขยายระยะเวลาโครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ เห็นควรอนุมัติขยายเวลาการศึกษาให้แก่ผู้ได้รับทุนการศึกษาทั้ง 3 รายได้ ตามที่ขอมา โดยไม่ให้เบิกเงินงบประมาณเหลือจ่ายจากวงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติไว้ เนื่องจากผู้รับทุนได้เบิกจ่ายทุนการศึกษาครบตามที่ กองทุนฯ ได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายตลอดระยะเวลาที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแล้ว
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบให้โครงการตามข้อ 2.1 จำนวน 9 โครงการ ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ กรณีผู้เบิกเงินกองทุนฯ ก่อหนี้ผูกพันไว้แล้ว แต่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายในสามเดือนนับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญาได้ ตามที่ขอมา
2. เห็นชอบให้โครงการตามข้อ 2.2 โครงการที่ 2-16 จำนวน 15 โครงการ ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการได้ ตามที่ขอมา
3. เห็นชอบให้โครงการตามข้อ 2.3 โครงการที่ 1-2 เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการได้ตามที่ขอมา ส่วนโครงการที่ 3 เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาได้ตามที่ขอมา และ เห็นควรให้ สป.พน. ดำเนินการตามแผนงานเดิม
4. เห็นชอบให้โครงการตามข้อ 2.4 โครงการที่ 2 และ 4 เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการและขยายระยะเวลาดำเนินการได้ ตามที่ขอมา ส่วนโครงการที่ 1 เห็นชอบให้ กฟผ. เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการและขยายระยะเวลาดำเนินการได้ โดยการเพิ่มหลอดมาตรฐานทั่วไปขั้นต่ำ ให้สามารถเข้าร่วมได้เฉพาะในส่วนเงินทุนหมุนเวียนในระยะเวลา 2 ปี สำหรับหลอดที่สนับสนุนในส่วนการสาธิตการใช้หลอดผอมใหม่ ให้กับหน่วยงานราชการ วัด มัสยิด และการส่งเสริมเอกชนรายย่อยด้วยการให้เงินสนับสนุน (Rebate) นั้น ให้เป็นหลอดที่ผ่านมาตรฐานหลอดผอมใหม่เบอร์ 5 สำหรับโครงการที่ 3 เห็นชอบให้ มศก. และ มก. ขยายระยะเวลาการศึกษาให้กับผู้รับทุนได้ ตามที่เสนอมา โดยไม่ให้เบิกเงินงบประมาณเหลือจ่ายจากวงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติไว้ เนื่องจากผู้รับทุนได้เบิกจ่ายทุนการศึกษาครบตามที่ กองทุนฯ ได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายตลอดระยะเวลาที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแล้ว
5. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ เวียนเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติต่อไป
เรื่องที่ 4 โครงการวิจัยและสาธิตการปรับปรุงคุณภาพก๊าซชีวภาพเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์
1. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ได้ยื่นข้อเสนอ "โครงการวิจัยและสาธิตการปรับปรุงคุณภาพก๊าซชีวภาพเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์" ไว้กับ สนพ. เพื่อขอสนับสนุนทุนดำเนินโครงการฯ จากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในวงเงิน 35,000,000 บาท ภายในระยะเวลา 23 เดือน โดยสรุปสาระสำคัญของโครงการฯ ได้ดังนี้
1.1 ปัจจุบันแนวท่อก๊าซธรรมชาติบนบกมีจำกัดอยู่เพียงในบางพื้นที่ จึงส่งผลให้การขยายสถานีบริการ NGV ให้มีทั่วประเทศตามแนวนโยบายของรัฐบาลนั้นเป็นไปได้ยาก เนื่องจากมีต้นทุนในการขนส่ง NGV ไปยังพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลแนวท่อก๊าซค่อนข้างสูง ดังนั้น ปตท. จึงจะจัดทำโครงการวิจัยและสาธิตการปรับปรุงคุณภาพก๊าซชีวภาพเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ขึ้น โดยมุ่งเน้นที่พื้นที่ห่างไกลจากแนวท่อก๊าซธรรมชาติ โดยนำร่องในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีต้นทุนสูงสุดถึง 17.45 บาท/กิโลกรัม
ทั้งนี้ ปตท. จะติดตั้งระบบสาธิตการปรับปรุงคุณภาพก๊าซชีวภาพและผลิต CBG สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงทางเลือกในรถยนต์ และรับซื้อก๊าซชีวภาพที่ผลิตจากระบบบำบัดน้ำเสียโรงงงานแป้งมันสำปะหลังในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี คาดว่าจะสามารถลดต้นทุน NGV ลงเหลือ 16.64 บาท/กิโลกรัม ในกรณีที่ไม่ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนฯ และ 14.58 บาท/กิโลกรัม ในกรณีที่ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนฯ โดย ปตท. จะทำการทดสอบและเก็บข้อมูลการใช้ CBG ในรถยนต์จริง พร้อมทั้งวิเคราะห์ผลทางด้านเศรษฐศาสตร์ ก่อนขยายผลไปยังพื้นที่ที่มีศักยภาพอื่นๆ ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ชุมพร กระบี่ เป็นต้น
1.2 วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาวิจัยและสาธิตการปรับปรุงคุณภาพก๊าซชีวภาพและผลิตก๊าซชีวภาพอัด (Compressed Bio-methane Gas: CBG) สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงทางเลือกในรถยนต์ เป็นการนำร่องในการขยายการใช้ CBG สำหรับพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลแนวท่อส่งก๊าซธรรมชาติและมีต้นทุนการดำเนินงานลดลง ผลิต CBG ได้ประมาณ 5-8 ตันต่อวัน
1.3 งบประมาณ ปตท. ขอรับการสนับสนุน 35,000,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 42 ของมูลค่าการลงทุนรวมโครงการทั้งสิ้น 83,000,000 บาท ซึ่งประกอบด้วย
หน่วยปรับปรุงคุณภาพก๊าซชีวภาพ 68,000,000 บาท
หน่วยอัดความดันก๊าซ 15,000,000 บาท
ทั้งนี้ ปตท. จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและบำรุงรักษาหน่วยปรับปรุงและสถานีเพิ่มความดันก๊าซชีวภาพ ต่อเนื่อง 15 ปี
1.4 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ (1) เมื่อสามารถผลิต CBG เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทน NGV จำนวน 2.64 ล้านกิโลกรัมต่อปี ทดแทนการใช้น้ำมันดีเซลได้ 2.58 ล้านลิตรต่อปี (2) กระตุ้นและดึงดูดให้เอกชนสนใจลงทุนผลิต CBG มากขึ้น ส่งผลให้ขยายการพัฒนาการใช้ NGV ทั่วประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลจากแนวท่อส่งก๊าซ ต่อไป
2. สนพ. ได้แต่งตั้งคณะผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อร่วมวิเคราะห์ประเมินคุณภาพของข้อเสนอ รวมถึงการให้ข้อแนะนำกับเจ้าของโครงการฯ เพื่อทำให้แผนงานและผลที่คาดว่าจะได้รับมีความชัดเจนมากขึ้น ประกอบด้วย
(1) รศ.ดร.สุวิทย์ เตีย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
(2) รศ.ดร.อนุชา พรหมวังขวา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
(3) นายรังสรรค์ สโรวิกสิต กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน
3. ผู้ทรงคุณวุฒิมีความเห็นว่า วัตถุประสงค์ของโครงการสอดคล้องกับนโยบายการขยายสถานีบริการ NGV ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้พลังงานทางเลือกของประชาชนและการส่งเสริมการใช้ก๊าซชีวภาพในการคมนาคม จึงเห็นควรที่กองทุนฯ จะสนับสนุนให้ดำเนินการ และควรให้ ปตท. ดำเนินการปรับปรุงข้อเสนอตามข้อสังเกตของคณะผู้ทรงคุณวุฒิ ดังนี้
(1) เพิ่มเติมตัวชี้วัดที่บ่งชี้ผลการทำงานของชุดอุปกรณ์/เครื่องจักร ในเชิงปริมาณและคุณภาพ ที่สอดคล้องกับความสำเร็จของการดำเนินการของโครงการ
(2) เพิ่มเติมรายละเอียดทางด้านเทคนิคของแต่ละเทคโนโลยีในการปรับปรุงคุณภาพก๊าซชีวภาพ รวมทั้งการเปรียบเทียบเทคโนโลยีต่างๆ ข้อดี/ข้อเสีย ประสิทธิภาพ สมรรถนะ และค่าใช้จ่ายในระยะสั้นและระยะยาว
(3) เพิ่มแผนประชาสัมพันธ์ในแผนดำเนินการของโครงการ โดยมีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ไปยังนักวิชาการ ผู้สนใจ และกลุ่มเป้าหมายที่จะใช้ CBG และให้ทราบถึงความเหมือนและความแตกต่างเปรียบเทียบกับ CNG
(4) ระบุรายละเอียดคุณลักษณะ (Specification) ของหน่วยปรับปรุงคุณภาพก๊าซชีวภาพ และใบเสนอ ราคาจากผู้ผลิต
(5) ปรับงวดการเบิกจ่ายให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินงาน
(6) เพิ่มเติมการมีส่วนร่วมของหน่วยงานวิจัยของ ปตท. ในผังองค์กรและการบริหาร เพื่อร่วมเรียนรู้เทคโนโลยีการปรับปรุงก๊าซชีวภาพ เพื่อพัฒนาไปสู่การผลิตได้เองในประเทศ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและทำให้การผลิต CBG มีความคุ้มค่ามากขึ้นในอนาคต
(7) วิเคราะห์และเสนอแนวทางการบริหารความเสี่ยงในการตกลงซื้อขายก๊าซชีวภาพ ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของโครงการ โดยคำนึงถึงปัจจัยภายนอก เช่น ผลกระทบจากราคาขายปลีกน้ำมันปิโตรเลียม เป็นต้น
4. ปตท. ได้ดำเนินการปรับปรุงข้อเสนอโครงการฯ ตามข้อสังเกตของคณะผู้ทรงคุณวุฒิ และ สนพ. ได้นำเสนอคณะผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาเห็นชอบแล้ว
มติที่ประชุม
เห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนฯ แผนพลังงานทดแทน โครงการสนับสนุนการศึกษาวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน ปีงบประมาณ 2552 ให้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในวงเงิน 35,000,000 บาท (สามสิบห้าล้านบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายใน "โครงการวิจัยและสาธิตการปรับปรุงคุณภาพก๊าซชีวภาพเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์"
กอ. ครั้งที่ 41 - วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม 2548
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 2/2548 (ครั้งที่ 41)
วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม 2548 เวลา 09.30 น.
ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล
2. คำสั่งแต่งตั้ง "คณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
3. ผลการประชุมคณะอนุกรรมการประเมินผลแผนอนุรักษ์พลังงาน
5. การประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนของกรมบัญชีกลาง
6. โครงการทุนหมุนเวียนสำหรับยานยนต์ NGV
7. การยื่นแบบและรับชำระภาษีผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายเมตตา บันเทิงสุข) กรรมการและเลขานุการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายวิเศษ จูภิบาล) ผู้เข้าร่วมประชุม
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานงบการเงินที่กรมบัญชีกลางได้ส่งให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบ ประจำปีสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2547 ซึ่งมีหนี้สินและส่วนของทุน รวมทั้งสิ้น 10,599 ล้านบาท และรายงานการรับ-จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2547 - 30 มิถุนายน 2548 โดยมีเงินคงเหลือ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2548 รวมทั้งสิ้น 7,827 ล้านบาท
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
เรื่องที่ 2 คำสั่งแต่งตั้ง "คณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน"
ฝ่ายเลขานุการฯ แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2548 (ครั้งที่ 40) เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2548 ได้มีมติเห็นชอบให้ยกเลิกคำสั่งคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่ 1/2547 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2547 และเห็นชอบให้แต่งตั้ง "คณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ขึ้นแทน เพื่อทำหน้าที่ ในการพิจารณาหรือปฏิบัติการตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ มอบหมาย โดยประธานคณะกรรมการกองทุนฯ (นายวิษณุ เครืองาม) ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2548 โดยองค์ประกอบ "คณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" มีดังนี้
1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน | ประธานอนุกรรมการ |
2. ปลัดกระทรวงพลังงาน | อนุกรรมการ |
3. อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | อนุกรรมการ |
4. ผู้แทนกรมบัญชีกลาง | อนุกรรมการ |
5. ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย | อนุกรรมการ |
6. นายปิยะวัติ บุญ-หลง | อนุกรรมการ |
7. นายพรายพล คุ้มทรัพย์ | อนุกรรมการ |
8. ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน | อนุกรรมการและเลขานุการ |
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
เรื่องที่ 3 ผลการประชุมคณะอนุกรรมการประเมินผลแผนอนุรักษ์พลังงาน
ฝ่ายเลขานุการฯ คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ได้ประเมินผลแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 2 ช่วงปี 2543 - 2547 และได้นำผลการประเมิน ไปจัดสัมมนาระดมความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว และเห็นควรเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อทราบความเห็นและข้อเสนอของคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ดังต่อไปนี้
1. การพัฒนาพลังงานทดแทน
การติดตั้งเซลล์แสงอาทิตย์เพื่อผลิตไฟฟ้า ไม่คุ้มค่าเชิงพาณิชย์ จึงควรสนับสนุน เป็นทางเลือกสุดท้าย ยกเว้นโครงการเพื่อการศึกษาวิจัยที่มีจุดประสงค์ชัดเจนเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ด้านพลังงานทดแทน
ควรมีการบูรณาการระหว่างหน่วยงาน ให้เกิดเอกภาพในการดำเนินการพัฒนาพลังงานทดแทน
การพัฒนาพลังงานทดแทนที่สำคัญและเร่งด่วน ควรเน้น 4 เรื่อง ได้แก่ Gasohol NGV Biodiesel และกังหันลมขนาดใหญ่
2. การประหยัดพลังงาน
ควรดำเนินการให้มีการกำหนดค่ามาตรฐานการประหยัดพลังงานในอาคารมีผลในทางปฏิบัติ
การเก็บภาษีรถยนต์ ควรพิจารณาจากเกณฑ์การประหยัดพลังงาน เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการอนุรักษ์พลังงาน
3. การวิจัยและพัฒนา
ควรส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาในโครงการที่มีความเสี่ยงน้อย มีศักยภาพ และมีผลกระทบสูง
งานศึกษาวิจัยและพัฒนา ต้องมีการศึกษาวิจัยเชิงนโยบายก่อน เพื่อให้สามารถจัดสรรงบประมาณได้อย่างสอดคล้องชัดเจน
4. การพัฒนาบุคลากร
งบประมาณในการพัฒนาบุคลากรมีวงเงินสูง จึงควรกำหนดคุณสมบัติของผู้รับเงินสนับสนุนให้เป็นไปอย่างเหมาะสม
5. การบริหารงานกองทุนฯ
การกำหนดเป้าหมายของแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 ควรให้มีการปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์
เป้าหมายของโครงการที่ขอรับการสนับสนุน ควรระบุได้ชัดเจนว่าสามารถตอบสนองต่อเป้าหมายของแผนอนุรักษ์ฯ ได้อย่างไร
ควรกำหนดเกณฑ์ความคุ้มค่าเชิงพาณิชย์ของโครงการให้ชัดเจนเหมาะสม เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการเลือกโครงการ
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบผลการประเมินฯ โดยที่ประชุมได้มีข้อสังเกต ดังนี้
1. การติดตั้งเซลล์แสงอาทิตย์เพื่อผลิตไฟฟ้ายังคงเป็นทางเลือกในการใช้พลังงาน เพราะยังมีความคุ้มค่าทางด้านเศรษฐศาสตร์ สังคม สิ่งแวดล้อม รวมทั้งความความมั่นคง ซึ่งควรแยกให้ละเอียดว่า เหมาะสมกับระดับไหน และไม่เหมาะสมระดับไหน นอกจากนี้ การสรุปผลควรคำนึงถึงการให้กำลังใจกับภาคเอกชนที่เข้ามาลงทุนสร้างโรงงานในประเทศไทย เพื่อจะได้มีความต่อเนื่องในระยะยาวด้วย
2. การส่งเสริมบุคลากร โดยการให้ทุนเรียนทั้งในและต่างประเทศ ควรมีการกำหนดคุณสมบัติ ให้เหมาะสมและรัดกุม ไม่ควรให้ความสำคัญอันดับแรกกับหน่วยงาน ซึ่งอาจจะได้บุคคลที่ไม่เหมาะสม
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้เสนอที่ประชุมพิจารณางบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2549 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามลำดับดังนี้
1. สถานภาพของกองทุนฯ ประมาณการ ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 สรุปได้ดังนี้
หน่วย : ล้านบาท
ยอดเงินคงเหลือยกมา ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2547 | 9,856.20 |
บวก ประมาณการรายรับ ถึงเดือน 30 กันยายน 2548 บวก ประมาณการรายรับ จากเงินทุนหมุนเวียน |
2,103.66 240.00 |
รวมเป็นเงิน (ก่อนหักรายจ่าย) | 12,199.71 |
หัก รายจ่าย ณ เดือน 30 กันยายน 2548 | 4,749.57 |
|
|
รวมเงินคงเหลือในบัญชี ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 | 7,350.18 |
บวก เงินสดในมือ (สนพ. 583 +พพ. 610) | 1,193.00 |
รวมเงินคงเหลือทั้งสิ้น ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 | 8,543.18 |
รายได้ รอรับคืน (เงินหมุนเวียน 2 ระยะ และ NGV ราชการ) | 3,820.00 |
รายจ่าย ค้างจ่าย (ผูกพันตามแผนงานฯ ปี 2538-2539) | 8,860.00 |
2. รายจ่ายผูกพันตามแผนฯ ปี 2538-2548 จำแนกตามแผนงาน ได้ดังนี้
หน่วย: ล้านบาท
ปีงบประมาณ | 2549 | 2550 | 2551 | 2552 | 2553 | 2554 | รวม |
แผนงานภาคบังคับ | 980 | 980 | 980 | - | - | - | 2,940 |
แผนงานสนับสนุน | 272 | 137 | 137 | - | - | - | 546 |
แผนงานภาคความร่วมมือ | 1,383 | 403 | 496 | 194 | 56 | 5 | 2,537 |
รวมผูกพันจากปี 38-47 | 2,635 | 1,520 | 1,613 | 194 | 56 | 5 | 6,023 |
แผนพลังงานทดแทน | 285 | - | - | - | - | - | 285 |
แผนเพิ่มประสิทธิภาพ | 435 | - | - | - | - | - | 435 |
แผนบริหารทางกลยุทธ์ | 218 | - | - | - | - | - | 218 |
เงินทุนหมุนเวียนระยะที่ 2 | 800 | 600 | 600 | - | - | - | 2,000 |
รวมผูกพันปี 48 | 937 | - | - | - | - | - | 937 |
รวมผูกพันทั้งสิ้น | 4,272 | 2,120 | 2,213 | 194 | 56 | 5 | 8,860 |
3. นโยบายการจัดสรรเงินกองทุนฯ ตามที่ คณะกรรมการกองทุนฯ (กทอ.) เห็นชอบเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 และ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2547 โดยให้ กทอ. สามารถพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ส่วนที่เกินจากประมาณการรายจ่ายล่วงหน้า (ในวงเงิน 1,300 ล้านบาท) ได้ในวงเงิน 700 ล้านบาท (ตามระดับรายรับต่อปีของกองทุนฯ) หรือมากกว่านั้น สามารถสรุปได้ดังนี้
วัตถุประสงค์ของการจัดทำนโยบายการจัดสรรเงินกองทุนฯ
เพื่อควบคุมการใช้จ่ายเงินไม่สูงกว่ารายรับที่มีอยู่ โดยรายได้เฉลี่ยกองทุนฯ ประมาณ 2,000 ล้านบาท/ปี และเดิมกองทุนฯ มีรายจ่ายเฉลี่ย 1,847 ล้านบาท/ปี จึงมีการกำหนดขอบเขตการใช้จ่ายประมาณ 70% ของรายจ่ายเฉลี่ยเดิม หรือ 1,300 ล้านบาท เพื่อให้มีจำนวนเงินคงเหลือไว้ดำเนินการหากรัฐบาลมีนโยบายเพิ่มเติมในปีนั้นๆ ให้สามารถเพิ่มเติมรายจ่ายรายปีเกิน 1,300 ล้านบาท ได้ในวงเงิน 700 ล้านบาท หรือมากกว่านั้น ตามความจำเป็นและความเหมาะสม
เพื่อกำหนดทิศทางการใช้จ่ายให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์และเป้าหมายของรัฐบาล โดยกำหนดสัดส่วนวงเงินใช้จ่ายในแต่ละแผนงานเป็นการจัดสรร ซึ่ง ณ ปี 2548 เน้นที่การพัฒนาพลังงานทดแทน 50% เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 35% และงานบริหารทางกลยุทธ์ 15%
โดย กพช. กำหนดให้ กทอ. มีอำนาจปรับปรุงแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข ลำดับความสำคัญ และการจัดสรรเงินตามแผนงานต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
4. การจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2548 ได้มีการจัดสรรทั้งสิ้น 4 ครั้ง รวมเป็นวงเงิน 1,901.49 ล้านบาท ตามรายละเอียดดังนี้
แผนงาน | กรอบเงิน | ร้อยละ | อนุมัติ | ร้อยละ |
1. แผนพลังงานทดแทน | 650.00 | 50.00 | 586.50 | 30.80 |
1.1 งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค | 422.00 | 65.00 | 230.00 | 39.20 |
1.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 130.00 | 20.00 | 239.00 | 40.80 |
1.3 งานพัฒนาบุคลกรและประชาสัมพันธ์ | 65.00 | 10.00 | 85.00 | 14.50 |
1.4 งานบริหารแผนงาน (พพ.) | 33.00 | 5.00 | 32.5 | 5.50 |
2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 455.00 | 35.00 | 869.92 | 45.70 |
2.1 งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค | 137.00 | 30.00 | 28.00 | 3.20 |
2.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 205.00 | 45.00 | 547.20 | 62.90 |
2.3 งานพัฒนาบุคลกรและประชาสัมพันธ์ | 91.00 | 20.00 | 147.22 | 16.90 |
PR เพิ่มเติม (Kick-off, ลดผลกระทบราคาน้ำมัน) | - | 125.00 | 14.40 | |
2.4 งานบริหารแผนงาน (พพ.) | 22.00 | 5.00 | 22.50 | 2.60 |
3. แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ | 195.00 | 15.00 | 445.07 | 23.40 |
3.1 งานศึกษาเชิงนโยบายและวิชาการ | 65.00 | 33.00 | 250.50 | 56.30 |
3.2 งานบริหารจัดการ (สนพ.+บก.) | 65.00 | 33.00 | 62.57 | 14.10 |
3.3 งานอื่นๆ (บรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมัน) | 65.00 | 34.00 | 132.00 | 29.70 |
รวมงบประมาณปี 2548 | 1,300 | 100 | 1,901.49 | 100 |
* * โดยให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผนงานเดียวกันได้
การจัดสรรเงินกองทุนฯ ในปีงบประมาณ 2548 ไม่เป็นไปตามกรอบจัดสรรนั้น เนื่องมาจากกรอบนโยบายเดิมมุ่งเน้นสร้างงานวิจัยด้านพลังงานเพื่อเป็นองค์ความรู้ เมื่อนำกรอบมาปฏิบัติในปีงบประมาณ 2548 พบว่า สัดส่วนการจัดสรรเงินกองทุนฯ ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมดังตารางข้างต้น เนื่องจาก ปี 2548 ประเทศไทยประสบปัญหาวิกฤตด้านราคาน้ำมัน จึงต้องเน้นการแก้ปัญหาระยะสั้น ทำให้งานด้านการลดใช้พลังงานของประเทศ เป็นงานสำคัญเร่งด่วน โดยคณะรัฐมนตรี ในการประชุมเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2548 ได้เห็นชอบยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาด้านพลังงานของประเทศและได้กำหนดให้การประหยัดการใช้พลังงานและการใช้ไฟฟ้า เป็นวาระแห่งชาติ
5. แผนอนุรักษ์พลังงานปี 2549
ในปี 2549 ประเทศยังประสบปัญหาวิกฤตด้านราคาน้ำมันอยู่ ทำให้การดำเนินงานในปีงบประมาณ 2549 ยังเน้นที่การแก้ไขปัญหาระยะสั้น คือ การเน้นงานเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ดังนั้นกรอบแผนงาน/โครงการ ในปี 2549 สรุปได้ดังนี้
5.1 เพิ่มประสิทธิภาพ ภาคขนส่ง (สนพ.) 40 ล้านบาท
ลดปัญหาจราจร และ Taxi วิ่งเที่ยวเปล่า (10 ล้านบาท)
ร่วมมือกับ กทม. จัดจุดจอด Taxi และระบบรับส่ง ผู้โดยสารในศูนย์การค้า โรงพยาบาล หน่วยราชการ
Park & ride (30 ล้านบาท)
ลดปริมาณรถเข้าเมือง โดยสร้าง Park & ride ชานเมือง (รถบุคคล / car pool รถโรงเรียน/รถหมู่บ้าน) นำร่อง 1 แห่ง พร้อมจัดระบบ Feeder
ปรับปรุง Park & ride ที่บางซื่อ เพื่อเป็นจุดเชื่อมต่อ รถขนส่งสาธารณะต่างจังหวัด และรถขนส่งพนักงานองค์กรขนาดใหญ่ กับระบบขนส่งสายหลัก
5.2 เพิ่มประสิทธิภาพ อุตสาหกรรม/อาคาร/บ้านอยู่อาศัย (พพ.) 653 ล้านบาท
การอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วม (313 ล้านบาท)
สิทธิประโยชน์ทางภาษี
Tax Incentive (100 ล้านบาท)
สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้จากกรมสรรพากร (100 ล้านบาท)
สนับสนุนการดำเนินงานตาม พรบ. (50 ล้านบาท)
การบริหารงานโครงการเงินทุนหมุนเวียน (10 ล้านบาท)
ศึกษาเกณฑ์การใช้พลังงานในอุตสาหกรรมและอาคารต่างๆ (SEC) (40 ล้านบาท)
การศึกษาจัดทำแผนการส่งเสริมเครื่องจักรอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (3.5 ล้านบาท)
การจัดตั้งเครือข่ายศูนย์ทดสอบวัสดุอุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (6.5 ล้านบาท)
ศึกษาจัดทำเกณฑ์การสนับสนุนและดำเนินการส่งเสริมการจำหน่ายเครื่องปรับอากาศและตู้เย็น Premium เบอร์ 5 (10 ล้านบาท)
นำร่องปรับปรุงบ้านพักอาศัยเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (20 ล้านบาท)
5.3 ใช้พลังงานทดแทน 497.14 ล้านบาท
5.3.1 ส่วนของ พพ. 492.1 ล้านบาท
ส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวมวล/ชีวภาพ 60.5 ล้านบาท
ส่งเสริมก๊าซชีวภาพในโรงงานอุตสาหกรรม (15 ล้านบาท)
ส่งเสริมก๊าซชีวภาพจากขยะระดับชุมชน (30 ล้านบาท)
พัฒนา/สาธิตระบบผลิตพลังงานจากชีวมวลชุมชน (7 ล้านบาท)
พัฒนาเตาเผาก๊าซชีวมวลในอุตสาหกรรมเซรามิค (1.5 ล้านบาท)
ศึกษาเทคโนโลยีการผลิตก๊าซเชื้อเพลิงถ่านหิน (7 ล้านบาท)
ส่งเสริมพลังงานแสงอาทิตย์ / ลม 60 ล้านบาท
พัฒนาเซลแสงแดดสู่ความเป็นเลิศ (30 ล้านบาท)
พัฒนามาตรฐานและทดสอบระบบเซลแสงอาทิตย์ (30 ล้านบาท)
ส่งเสริมเชื้อเพลิง ไบโอดีเซล/เอทานอล 95.64 ล้านบาท
ส่งเสริมไบโอดีเซลชุมชน (51 ล้านบาท)
ส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลใน กทม. และ เชียงใหม่ (30 ล้านบาท)
กำหนดคุณสมบัติแก๊สโซฮอล์ที่เหมาะสมหลังปี 2550 (6.4 ล้านบาท)
วงจรชีวิตการผลิตและใช้เอทานอลจากมันสำปะหลังและอ้อย (8.24 ล้านบาท)
ส่งเสริมพลังงานทดแทนอื่นๆ 276 ล้านบาท
ฐานข้อมูลการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนใน SME (5 ล้านบาท)
สาธิตเซลเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า SOFC (25 ล้านบาท)
สาธิตผลิตไฮโดรเจนจากขบวนการความร้อนทางเคมี (6 ล้านบาท)
พัฒนาระบบติดตาม / สำรวจการใช้พลังงานทดแทน (15 ล้านบาท)
พัฒนาศูนย์รวมองค์ความรู้พลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (19 ล้านบาท)
ปรับปรุงระเบียบเพื่อการพัฒนาการผลิตการใช้พลังงาน (2 ล้านบาท)
ประเมินศักยภาพแหล่งน้ำพุร้อนในประเทศไทย (4 ล้านบาท)
วิจัยพัฒนาการใช้ Vanadium แบตเตอรี่ -พพ. (200 ล้านบาท)
5.3.2 ส่วนของ สนพ. 5 ล้านบาท
ส่งเสริมพลังงานทดแทนอื่นๆ 5 ล้านบาท
ติดตามประเมินผล วิจัยพัฒนาการใช้ Vanadium -สนพ. (5 ล้านบาท)
5.4 ใช้เชื้อเพลิงทางเลือก (สนพ.) 40.5 ล้านบาท
ส่งเสริมการใช้ NGV ด้วยระบบสินเชื่อ (22 ล้านบาท)
เรือประมงเล็ก 100 ลำ และรถส่วนบุคคล 10,000 คัน
สร้างความเชื่อมั่น NGV กับเครื่องยนต์ดีเซลโดยทดสอบชุด Kit แต่ละเทคโนโลยีกับเครื่องยนต์แต่ละประเภทของรถปิคอัพและรถตู้ (10 ล้านบาท)
พัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพในภาคเหนือ (โครงการต่อเนื่องปี 2) (8.5 ล้านบาท)
5.5 การดำเนินการเชิงนโยบาย (สนพ.) 34 ล้านบาท
ศึกษา/จัดทำ/ปรับปรุงนโยบายให้สอดคล้องสถานการณ์พลังงานโลก (20 ล้านบาท)
ศึกษานโยบาย เทคโนโลยีด้านพลังงานและด้านทางการจัดการปัญหาราคาน้ำมันของประเทศที่ประสบความสำเร็จ เพื่อนำมาปรับใช้กับประเทศไทย
บูรณาการแผนพลังงานกับแผนยุทธศาสตร์จังหวัด (24 ล้านบาท)
5.6 รณรงค์การเปลี่ยนพฤติกรรมให้ประหยัดพลังงาน(สนพ.) 127 ล้านบาท
กระทรวงพลังงานจับมือพันธมิตร (50 ล้านบาท)
อสมท. กระทรวงวัฒนธรรม อาชีวศึกษา (Fix it Center) กระทรวงศึกษาธิการ (ต่อยอด MOU) กระทรวงคมนาคม บริษัทไปรษณีย์ไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
Energy Fantasia ระยะที่ 2 (30 ล้านบาท)
บ้านประหยัดพลังงานร่วมกับธุรกิจบ้านจัดสรร (25 ล้านบาท)
PR ตามสถานการณ์ + ผลิตสื่อสนับสนุนอื่นๆ + ประเมินผล (22 ล้านบาท)
5.7 รณรงค์การใช้พลังงานทดแทนน้ำมัน (สนพ.) 45 ล้านบาท
สร้างความรู้ความเข้าใจการใช้ NGV (15 ล้านบาท)
เผยแพร่ความสำเร็จของการใช้พลังงานทดแทน (30 ล้านบาท)
5.8 การสร้างทรัพยากรบุคลากรด้านพลังงาน (สนพ.) 104 ล้านบาท
ให้ทุนการศึกษาใน+ต่างประเทศ (ข้าราชการ) ระดับ ตรี-โท-เอก
ให้ทุนวิจัย ทุนดูงาน/ฝึกอบรม (หน่วยงานต่างๆ)
อบรมข้าราชการไทย ลดใช้พลังงาน
อบรมอาชีวศึกษา Fix it center
อบรมบุคลากรเรื่องบูรณาการการเรียนการสอนด้านพลังงานระดับประถมและมัธยมศึกษา
5.9 พัฒนาบุคลากรด้านพลังงาน (พพ.) 54.55 ล้านบาท
พัฒนาหลักสูตรอนุรักษ์พลังงาน/พลังงานทดแทน (10 ล้านบาท)
เอกสารเผยแพร่การอนุรักษ์พลังงาน (0.8 ล้าน)
อบรมและพัฒนาคุณภาพผู้รับผิดชอบด้านพลังงาน (23.25 ล้านบาท)
อบรมเทคนิคพลังงานสำหรับราชการ (3 ล้านบาท)
จัดทำโปรแกรมจำลอง Mini Plant (3.5 ล้านบาท)
เผยแพร่เทคโนโลยีของอาคารอนุรักษ์พลังงานเฉลิมพระเกียรติ (3 ล้านบาท)
อบรม/ดูงาน/ประชาสัมพันธ์ความรู้ด้านเชื้อเพลิงชีวภาพ (7 ล้านบาท)
อบรมสร้างจิตสำนึก การใช้พลังงานอาคารราชการ (4 ล้านบาท)
5.10 ประชาสัมพันธ์ (พพ.) 103.8 ล้านบาท
Feedback Report สำหรับโรงงาน/อาคารควบคุม (5 ล้านบาท)
รายงานสถานภาพการใช้พลังงานและผลการดำเนินงาน ของ พพ. (3.5 ล้านบาท)
ประกวดโรงงาน/อาคาร/บุคลากรด้านพลังงาน (9 ล้านบาท)
จัดกิจกรรมอนุรักษ์พลังงาน (9.5 ล้านบาท)
ประชาสัมพันธ์อนุรักษ์พลังงาน (10 ล้านบาท)
ศูนย์ปรึกษาการประหยัดพลังงาน (8 ล้านบาท)
พัฒนาหน่วยลูกค้าสัมพันธ์ (15 ล้านบาท)
ประชาสัมพันธ์พลังงานทดแทน (25 ล้านบาท)
เผยแพร่การอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน (10 ล้านบาท)
ค่าสมาชิกเว็บไซต์ (0.3 ล้านบาท)
จัดทำแผนและบริหารงานวิชาการด้านเพิ่มประสิทธิภาพและพลังงานทดแทน (8.5 ล้านบาท)
5.11 งานบริหารจัดการ/บริหารแผนงาน 126.63 ล้านบาท
พพ. (55 ล้านบาท)
สนพ. (68.5 ล้านบาท)
บก. (3.13 ล้านบาท)
6. ผลประโยชน์ที่จะได้รับถึงปี 2549
เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (ขนส่ง อุตสาหกรรม บ้าน) 2,975 ktoe คิดเป็นมูลค่าประมาณ 47,600 ล้านบาท
ใช้พลังงานหมุนเวียน (เอทานอล ชีวมวล ฯลฯ) 1,402 ktoe ใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น 2,258 ktoe ทดแทนการนำเข้าพลังงาน 58,560 ล้านบาท
7. สรุปงบประมาณการรายจ่ายตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ประจำปี 2549
หน่วย : ล้านบาท
แผนงาน | สนพ. | พพ. | บก. | รวม* | ร้อยละ |
1. แผนพลังงานทดแทน | 100.00 | 579.44 | 0.00 | 679.44 | 36.80 |
1.1 งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค | 5.00 | 260.00 | 0.00 | 265.00 | 39.00 |
1.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 0.00 | 232.14 | 0.00 | 232.14 | 34.17 |
1.3 งานพัฒนาบุคลากร | 50.00 | 11.00 | 0.00 | 61.00 | 8.98 |
และประชาสัมพันธ์ | 45.00 | 43.80 | 0.00 | 88.80 | 13.07 |
1.4 งานบริหารจัดการ (พพ.) ** | 0.00 | 32.50 | 0.00 | 32.50 | 4.78 |
2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน | 191.00 | 779.05 | 0.00 | 970.05 | 52.55 |
2.1 งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค | 0.00 | 60.00 | 0.00 | 60.00 | 6.19 |
2.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 0.00 | 593.00 | 0.00 | 593.00 | 61.13 |
2.3 งานพัฒนาบุคลากร | 54.00 | 43.55 | 0.00 | 97.55 | 10.06 |
และประชาสัมพันธ์ | 137.00 | 60.00 | 0.00 | 197.00 | 20.30 |
2.4 งานบริหารจัดการ (พพ.) | 0.00 | 22.50 | 0.00 | 22.50 | 2.32 |
3. แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ | 193.50 | 0.00 | 3.13 | 196.63 | 10.65 |
3.1 งานศึกษาเชิงนโยบายและวิชาการ | 125.00 | 0.00 | 0.00 | 125.00 | 63.57 |
3.2 งานบริหารจัดการ (สนพ.+บก.) ** | 68.50 | 0.00 | 3.13 | 71.63 | 36.43 |
3.3 งานอื่นๆ | 0.00 | 0.00 | 0.00 | 0.00 | 0.00 |
รวมงบประมาณปี 2549 | 484.50 | 1,358.49 | 3.13 | 1,846.12 | 100.00 |
หมายเหตุ :
* โดยให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผน/งานเดียวกัน ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
** ให้มีผลบังคับใช้และสามารถเบิกจ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2548
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานความเห็นของคณะอนุกรรมการฯ ในการประชุมพิจารณากลั่นกรองแผนงานปี 2549 เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2548 ในโครงการ Vanadium Battery วงเงินงบประมาณ 205 ล้านบาทนั้น บัดนี้ พพ. ยังไม่สามารถลงนามในข้อผูกพันกับ สวทช. ได้ทันในปีงบประมาณ 2548 ซึ่งปัญหาเกิดจากขั้นตอน การเจรจาตกลงเรื่องสิทธิประโยชน์ ดังนั้น ฝ่ายเลขานุการฯ จึงเสนอขอคณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติใช้เงินปีงบประมาณ 2549 แทน โดยมีเงื่อนไขคือ หาก พพ.ไม่สามารถตกลงและลงนามในสัญญากับ สวทช.ได้ทันภายในเดือนธันวาคม 2548 ก็เห็นควรยกเลิกการสนับสนุนโครงการนี้ ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบในเงื่อนไขที่นำเสนอ
มติที่ประชุม
1. อนุมัติเงินกองทุนฯ ให้ สนพ. ในวงเงินรวม 479,500,000 บาท (สี่ร้อยเจ็ดสิบเก้าล้านห้าแสนบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2549 ในส่วนที่ สนพ. รับผิดชอบ โดยแยกรายจ่ายตามแผน/งาน ได้ดังนี้
1. แผนพลังงานทดแทน | |
1.1 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 95,000,000 บาท |
2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | |
2.1 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 191,000,000 บาท |
3. แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ | |
3.1 งานศึกษาเชิงนโยบายและวิชาการ | 125,000,000 บาท |
3.2 งานบริหารจัดการ | 68,500,000 บาท |
รวมทั้งสิ้น | 479,500,000 บาท |
* โดยให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผนงาน/งานเดียวกัน ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
ทั้งนี้ สำหรับรายจ่ายงานบริหารจัดการ ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2548 โดยให้ สนพ. สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในหมวดต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
2. อนุมัติเงินกองทุนฯ ให้ พพ. ในวงเงินรวม 1,158,490,000 บาท (หนึ่งพันหนึ่งร้อยห้าสิบแปดล้านสี่แสนเก้าหมื่นบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2549 ในส่วนที่ พพ. รับผิดชอบ โดยแยกรายจ่ายตามแผน/งาน ได้ดังนี้
งาน | แผนพลังงานทดแทน | แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน |
งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค | 60,000,000 บาท | 60,000,000 บาท |
งานส่งเสริมและสาธิต | 232,140,000 บาท | 593,000,000 บาท |
งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 54,800,000 บาท | 103,550,000 บาท |
งานบริหารแผนงาน | 32,500,000 บาท | 22,500,000 บาท |
รวมทั้งสิ้น | 379,440,000 บาท | 779,050,000 บาท |
* โดยให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผนงาน/งานเดียวกัน ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
ทั้งนี้ สำหรับรายจ่ายงานบริหารแผนงานพลังงานทดแทน และงานบริหารแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2548 โดย พพ. สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในหมวดต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
3. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ งานบริหารจัดการ ให้กรมบัญชีกลาง ในวงเงินรวม 3,130,000 บาท (สามล้านหนึ่งแสนสามหมื่นบาทถ้วน) ทั้งนี้ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม 2548 โดยกรมบัญชีกลางสามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในหมวดต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
4. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ปีงบประมาณ 2549 ให้ พพ. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายใน "โครงการต้นแบบการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี Vanadium Redox Flow สำหรับการลดภาระกำลังไฟฟ้าสูงสุด การผลิตไฟฟ้าผสมผสานขนาดเล็ก รถประจำทางไฟฟ้า และเซลล์เชื้อเพลิงคาร์โบไฮเดรท" ในวงเงินรวม 200 ล้านบาท (สองร้อยล้านบาทถ้วน) ทั้งนี้ หากไม่สามารถดำเนินการได้ภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2548 ก็ให้ยกเลิกการสนับสนุนโครงการนี้
5. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ปีงบประมาณ 2549 ให้ สนพ. ในวงเงิน 5,000,000 บาท (ห้าล้านบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายใน "โครงการติดตามประเมินผล โครงการต้นแบบการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี Vanadium Redox Flow สำหรับการลดภาระกำลังไฟฟ้าสูงสุด การผลิตไฟฟ้าผสมผสานขนาดเล็ก รถประจำทางไฟฟ้า และเซลล์เชื้อเพลิงคาร์โบไฮเดรท" ทั้งนี้ หาก พพ. ไม่สามารถดำเนินโครงการฯ ได้ภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2548 ก็ให้ยกเลิกรายจ่ายโครงการนี้
เรื่องที่ 5 การประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนของกรมบัญชีกลาง
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า กระทรวงการคลังจะมีคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนเข้ามาประเมินผลกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยเริ่มตั้งแต่ ปีบัญชี 2549 เป็นต้นไป โดยเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2548 กรมบัญชีกลาง และ สนพ. ได้ประชุมหารือกรอบแนวทาง วิธีการ และขั้นตอนในการจัดทำร่างบันทึกข้อตกลงประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ซึ่งมีหลายหน่วยงานที่มี ส่วนเกี่ยวข้องในการใช้จ่ายเงินจากกองทุนฯ แล้ว และเห็นควรจัดตั้ง "คณะทำงานเตรียมการเพื่อดำเนินการตามระบบประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน" และให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกองทุนฯ รายงานเรื่องดังกล่าว ให้คณะกรรมการกองทุนฯ ทราบด้วย
2. เพื่อให้การจัดทำวิสัยทัศน์ ภารกิจหลัก และวัตถุประสงค์หลักของกองทุนฯ รวมทั้งการจัดทำเกณฑ์วัดผลการดำเนินงาน ตัวชี้วัด และเป้าหมายในการดำเนินงานของกองทุนฯ ตอบสนองต่อการดำเนินงานของกองทุนฯ และเป็นไปตามข้อกำหนดในการจัดทำบันทึกข้อตกลงประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ฝ่ายเลขานุการฯ จึงเห็นควรให้มีการแต่งตั้ง "คณะทำงานเตรียมการเพื่อดำเนินการตามระบบประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน" เพื่อทำหน้าที่ดังกล่าว โดยมีปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานคณะทำงาน และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการใช้เงินกองทุนฯ เป็นคณะทำงาน และผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เป็นคณะทำงานและเลขานุการ
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบให้แต่งตั้ง "คณะทำงานเตรียมการเพื่อดำเนินการตามระบบประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน" ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และให้แต่งตั้ง นายพรายพล คุ้มทรัพย์ และ นายอัศวิน คงสิริ เป็นคณะทำงานในชุดดังกล่าวด้วย
2. เมื่อคณะทำงานเตรียมการเพื่อดำเนินการตามระบบประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ดำเนินการยกร่างบันทึกข้อตกลงประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อทราบก่อนเสนอประธานกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานลงนามในบันทึกข้อตกลงดังกล่าว
เรื่องที่ 6 โครงการทุนหมุนเวียนสำหรับยานยนต์ NGV
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายเร่งรัดการใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) เพื่อเป็นทางออกให้กับประเทศในการแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชนที่มีภาระในการใช้น้ำมันในราคาสูงเนื่องจากก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงที่สามารถใช้ทดแทนน้ำมันได้ทั้งหมด ก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศสูง ในขณะที่เชื้อเพลิงชีวภาพเป็นการทดแทนเพียงบางส่วนเท่านั้น ประมาณ 10% อีกทั้งระยะเวลาในการจัดหา และเตรียมเชื้อเพลิงสั้นกว่า เนื่องจากไม่ต้องรอระยะเวลาในการปลูกพืช ดังนั้น มาตรการหลักที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาทั้งในภาคประชาชน ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ภาคการขนส่งทางบก ทางรถไฟ ทางน้ำ เป็นต้น ซึ่งจากนโยบายดังกล่าว รัฐจึงได้ขยายเป้าหมาย การส่งเสริม NGV มาเป็นลำดับดังนี้
เป้าหมาย | มติ ครม. 6 ม.ค.48 |
มติ ครม. 17 พ.ค. 48 |
29 ก.ย. 48 (รอนำเสนอ ครม. ) |
สถานี NG (แห่ง) | 180 | 240 | 740 |
รถยนต์ (คัน) | 61,000 | 180,000 | 500,000 |
2. รัฐบาลมอบหมายให้ ปตท. เป็นหน่วยงานหลักในการทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการให้นโยบายที่กำหนดไว้เกิดผลในทางปฏิบัติโดยเร็วที่สุด ซึ่งทำให้ ปตท. มีภาระทางการเงินอย่างสูงในการลงทุน ทั้งด้านการสร้างสถานีบริการ การจัดซื้ออุปกรณ์ การสร้างแรงจูงใจให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามาใช้ก๊าซธรรมชาติ เช่น รถ Taxi รถยนต์ส่วนบุคคล รถเมล์ รถบรรทุก รถขยะ เรือประมง รถไฟ ภาคอุตสาหกรรม District cooling CHP ในอุตสาหกรรม เป็นต้น ดังนั้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้ ปตท. สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่ขยายตัวไปอย่างมาก ปตท. จึงขอรับเงินช่วยเหลือจากกองทุนฯ ในรูปเงินยืมเพื่อนำไปใช้เป็นทุนหมุนเวียน สร้างแรงจูงใจ ให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามาติดตั้งอุปกรณ์ โดยมีแนวทางดำเนินการดังนี้
วงเงินทุนหมุนเวียน | 7,000 ล้านบาท โดยมีแหล่งเงินสนับสนุนจาก - ปตท. 5,000 ล้านบาท - กองทุนฯ 2,000 ล้านบาท |
วัตถุประสงค์ | เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนให้เจ้าของยานยนต์ใช้ในการดัดแปลง และ/หรือติดตั้งชุด Kit NGV รวมถึงค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มในการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ |
การเรียกเก็บคืน | เพิ่มจากราคาจำหน่าย NGV 5 บาท/กก. โดยมีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เทียบเท่าธนาคารอื่นๆ ที่ให้สินเชื่อ NGV |
ระยะเวลาเก็บคืน | เฉลี่ย 2-3 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทรถ การดัดแปลง และระยะการใช้งาน |
มติที่ประชุม
1. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนพลังงานทดแทน งานส่งเสริมและสาธิต ให้ ปตท. ในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน สำหรับยานยนต์ NGV โดยมีเงื่อนไขให้ ปตท. จัดทำรายละเอียดของโครงการฯ เสนอคณะอนุกรรมการฯ พิจารณา เช่น การเบิกจ่ายเงินจากกองทุนฯ เท่าที่จำเป็นต้องใช้ในแต่ละช่วงเวลา ระยะเวลาการส่งเงินคืนกองทุนฯ และ อัตราดอกเบี้ย เป็นต้น
2. เมื่อ ปตท. ได้ดำเนินการตามเงื่อนไขดังกล่าวและได้รับความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการฯ แล้ว ให้ฝ่ายเลขานุการฯ รายงานผลให้คณะกรรมการกองทุนฯ ทราบ ต่อไป
เรื่องที่ 7 การยื่นแบบและรับชำระภาษีผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบว่า กรมสรรพสามิตแจ้งว่าเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบอุตสาหกรรมน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันในการชำระภาษีสรรพสามิต กรมจึงมีนโยบายที่จะเพิ่มวิธีการนำส่งเงินค่าภาษีและการนำเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยจะให้ผู้เสียภาษีสามารถชำระค่าภาษีผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตและสามารถโอนเงินเข้าบัญชีกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานโดยโอนผ่านทางธนาคารพาณิชย์ของรัฐหรือธนาคารพาณิชย์อื่นด้วยระบบอัตโนมัติ (Automatic Sweep) จึงขอให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเปิดบัญชีเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์อื่นที่ไม่ใช่สถาบันการเงินที่เป็นของรัฐเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องกับวิธีการยื่นแบบและชำระภาษีสรรพสามิตประเภทสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตของผู้มีหน้าที่ เสียภาษี ซึ่งวิธีการดังกล่าวจะทำให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานได้รับเงินเข้ากองทุนเร็วขึ้น (ภายในวันเดียวกันกับวันที่ผู้ประกอบการชำระเงิน) จากเดิมที่กองทุนจะได้รับเงินที่นำเข้าบัญชีโดยกรมสรรพสามิต ในวันที่ 2 นับจากวันที่ผู้ประกอบการน้ำมันนำเงินมาชำระ
มติที่ประชุม
1. อนุมัติให้กรมบัญชีกลาง (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน) เปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์อื่นที่ไม่ใช่สถาบันการเงินที่เป็นของรัฐที่ได้รับมอบหมายจากกรมสรรพสามิตให้เป็นผู้ดำเนินโครงการรับชำระภาษีน้ำมันผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
2. มอบอำนาจให้กรมบัญชีกลาง (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน) เข้าไปดูยอดเงินฝากจากบัญชีเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานที่ฝากไว้ที่ธนาคารพาณิชย์ที่เป็นผู้ดำเนินการโครงการรับชำระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้
3. มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเรื่องการขอเปิดบัญชีกับธนาคารพาณิชย์อื่นที่ไม่ใช่สถาบันการเงินที่เป็นของรัฐเสนอขอความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินของกองทุน พ.ศ. 2537 ข้อ 6
อนุ กอ. ครั้งที่ 18 - วันจันทร์ที่ 25 มกราคม 2553
มติคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 1/2553 (ครั้งที่ 18)
วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553 เวลา 09.30 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552
2. รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551 และ 2550 ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองแล้ว
3. ประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2553-2556
4. รายงานผลการดำเนินงานด้านอนุรักษ์พลังงานและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปี 2552
5. รายงานสรุปผลการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน
6. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2553 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
7. แผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ปีที่ 3
8. โครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมันและพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจรในพื้นที่ตัวอย่างเขตภาคเหนือ ปีที่ 4 และพิจารณาแผนงานโครงการฯ ปีที่ 5
9. การขอปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
10. เรื่องอื่นๆ
นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานอนุกรรมการ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน อนุกรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552
เลขานุการฯ ได้รายงานฐานะเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 ต่อคณะอนุกรรมการฯ ดังนี้
หน่วย : ล้านบาท | |
ยอดยกมา ณ 1 ตุลาคม 2552 | 15,526.93 |
บวก รายรับ | 1,612.51 |
รวม | 17,139.44 |
หัก รายจ่าย | 1,520.69 |
คงเหลือ ณ 31 ธันวาคม 2552 | 15,618.75 |
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบฐานะการเงินกองทุนฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
1. พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 กำหนดให้คณะกรรมการกองทุนฯ จัดทำงบการเงินส่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หรือบุคคลภายนอกซึ่งคณะกรรมการกองทุนฯ แต่งตั้งโดยความเห็นชอบของ สตง. เป็นผู้สอบบัญชีของกองทุนฯ และให้ทำการตรวจสอบและรับรองบัญชีและการเงินทุกประเภทของกองทุนภายใน 90 วันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณทุกปี
ให้ สตง. หรือผู้สอบบัญชี จัดทำรายงานผลการสอบและรับรองบัญชีและการเงินของกองทุนฯ เสนอต่อคณะกรรมการกองทุนฯ ภายใน 150 วันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ
รายงานผลการสอบบัญชีและการเงิน ให้รัฐมนตรีเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอต่อรัฐสภาเพื่อทราบและจัดให้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา
2. สตง. ได้ตรวจสอบรับรองบัญชีและงบการเงินกองทุนฯ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551 และ 2550 เรียบร้อยแล้ว ฝ่ายเลขานุการ จึงขอรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนฯ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551 และ 2550 ดังนี้
2.1 งบแสดงฐานะการเงินของกองทุนฯ
หน่วย: ล้านบาท
เงินสด | 7,229.38 |
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น | 5,332.19 |
รายได้ค้างรับ | 78.14 |
หนี้สิน | (98.50) |
รวมสินทรัพย์สุทธิ | 12,541.21 |
สินทรัพย์สุทธิปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 สูงกว่า ปีงบประมาณ พ.ศ.2550 จำนวนเงิน 4,758.08 ล้านบาท เนื่องจากได้มีการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนตามโครงการพัฒนาระบบการขนส่งตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2551
2.2 งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
หน่วย : ล้านบาท
รายได้จากการดำเนินงาน | |
รายได้จากผู้ผลิตและผู้นำเข้า | 7,810.49 |
ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร | 93.57 |
รายได้อื่น (เงินเหลือจ่าย) | 258.93 |
รวม | 8,162.99 |
ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน | |
ค่าใช้จ่ายตามแผนงานและโครงการของ สนพ. และ พพ. | 3,404.12 |
ค่าใช้จ่ายอื่น | 0.79 |
รวม | 3,404.91 |
รายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย | 4,758.08 |
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 รายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย จำนวนเงิน 4,758.08 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 จำนวนเงิน 4,616.67 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนตามโครงการพัฒนาระบบการขนส่ง
2.3 งบกระแสเงินสด
หน่วย : ล้านบาท
รายได้จากการดำเนินงาน | |
รายได้จากผู้ผลิตและผู้นำเข้า | 7,810.49 |
ดอกเบี้ย | 100.94 |
รายได้อื่น (เงินเหลือจ่าย) | 345.21 |
รวม | 8,256.64 |
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน | |
ค่าใช้จ่ายตามแผนงานและโครงการของ สนพ. และ พพ. | 3,435.49 |
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่นเพิ่มขึ้น | 2,095.79 |
หนี้สินหมุนเวียนอื่นและเงินฝากลดลง | 0.36 |
รวม | 5,531.64 |
กระแสเงินสดได้มาจากการดำเนินงาน | 2,725.00 |
เงินสด ณ 1 ตุลาคม 2550 | 754.78 |
เงินลงทุนระยะสั้น (เงินฝากประจำ 3 เดือน) | 3,749.60 |
เงินรายได้มาจากการดำเนินงาน | 2,725.00 |
เงินสด ณ 30 กันยายน 2551 | 7,229.38 |
กระแสเงินสดได้มาจากกิจกรรมดำเนินงาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำนวนเงิน 2,725.00 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลเนื่องมาจากกองทุนฯ มีรายรับสูงขึ้น ขณะเดียวกันก็มีการจ่ายเงินเพื่อการอนุรักษ์พลังงานตามโครงการต่างๆ สูงขึ้นด้วย ส่วนปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 กระแสเงินสดรับต่ำกว่ากระแสเงินสดจ่ายจำนวนเงิน 575.37 ล้านบาท
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนฯ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551 และ 2550 ที่ สตง. ตรวจสอบรับรองแล้ว ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 3 ประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2553-2556
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2550 และ กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2550 ให้ความเห็นชอบ "โครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง" ภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน แผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 (ปี 2551-2554) โดยได้ประกาศอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ สำหรับ "โครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง" ตามประกาศ กพช. ฉบับ พ.ศ. 2552 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2551
2. กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2552 ได้มีมติให้ยกเลิกการจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนฯ ในส่วนที่เก็บเพื่อส่งเสริมโครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่งของน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล ที่จัดเก็บในอัตรา 0.50 บาท/ลิตร และให้โอนเงินที่ได้จัดเก็บไว้แล้ว มาสบทบกับเงินสำหรับส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และลดอัตราจัดเก็บเงินกองทุนฯ ของน้ำมันดีเซลสำหรับส่งเสริมอนุรักษ์พลังงาน จากอัตรา 0.25 บาท/ลิตร เหลือ 0.05 บาท/ลิตร เป็นระยะเวลา 1 ปี จนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2553 หลังจากนั้นให้กลับมาจัดเก็บในอัตราเดิม คือ 0.25 บาท/ลิตร
3. สรุปรายได้ที่จัดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ สำหรับ "โครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง" ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2551 - 1 ตุลาคม 2552 รวมทั้งสิ้น 8,151.37 ล้านบาท และปัจจุบันได้โอนเงินดังกล่าวเข้าสมทบกับเงินกองทุนฯ ซึ่งฐานะเงินกองทุนฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 มีจำนวนทั้งสิ้น 15,526.93 ล้านบาท
4. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้จัดทำประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนฯ ณ วันที่ 1 ต.ค. 2552 สรุปได้ดังนี้
หน่วย : ล้านบาท
หากนำรายได้/รายจ่ายสุทธิรวมในช่วงปี 2553-2556 (4 ปี) มาใช้เป็นฐานในการจัดสรรงบประมาณ จะพบว่ากองทุนฯ มีรายได้สุทธิช่วงปี 2553-2556 รวม 18,880 ล้านบาท หรือจะสามารถจัดสรรได้ในวงเงินประมาณ 4,700 ล้านบาท/ปี
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนฯ ในปี 2553-2556 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
1. กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2550 ได้เห็นชอบแผนอนุรักษ์พลังงานและเป้าหมาย ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-2554 โดยมีเป้าหมายและการดำเนินการจะลดปริมาณการใช้พลังงานลง 7,820 ktoe หรือคิดเป็นร้อยละ 10.8 ของความต้องการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศในปี 2554 และกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้แทนพลังงานเชิงพาณิชย์ 8,858 ktoe หรือคิดเป็นร้อยละ 12.2 ของความต้องการใช้พลังงาน ในปี 2554 และการประชุมเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2552 ได้เห็นชอบแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี โดยกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานทดแทนรวม 10,961 ktoe หรือคิดเป็นร้อยละ 15.6 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554
2. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รวบรวมข้อมูลและทำการสรุปผลการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 ได้ดังนี้
(1) เป้าหมายและผลส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
แผนและเป้าหมาย | ผลดำเนินการสะสมปี 2551 (ktoe) | ผลดำเนินการสะสมปี 2552 (ktoe) | เป้าหมายปี 2554 (ktoe) | ร้อยละการดำเนิน การปี 2552 เทียบกับเป้าหมาย |
1. การใช้พลังงาน ภาคอุตสาหกรรม | 1,579 | 2,399 | 3,190 | 75 |
(1) การดำเนินการตาม พรบ. | 452.7 | 452.7 | 212 | 214 |
(2) การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี | 32.9 | 142.5 | 570 | 25 |
(3) การให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ | 432.7 | 1,017.7 | 600 | 170 |
(4) ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ ESCO | 197.4 | 222.5 | 300 | 74 |
(5) การอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วม | 114.0 | 131.7 | 551 | 24 |
(6) การสาธิตเทคโนโลยีระดับสูง | - | 1.7 | 200 | 1 |
(7) DSM Bidding | 24.0 | 92.8 | 149 | 62 |
(8) นโยบาย Co Gen | 325.1 | 337.2 | 608 | 55 |
2. การใช้พลังงาน ด้านการจัดการ | 143.4 | 255.8 | 1,217 | 21 |
(1) มาตรฐานเครื่องจักรอุปกรณ์ไฟฟ้า | ||||
กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำ (MEPs) | - | - | 179 | 0 |
กำหนดมาตรฐานขั้นสูง (Labeling) | 41.9 | 72.6 | 158 | 46 |
(2) มาตรฐานเครื่องจักรอุปกรณ์ความร้อน | ||||
กำหนดมาตรฐานขั้นสูง เตา LPG | 1.5 | 3.0 | 14 | 21 |
(3) มาตรฐานสำหรับยานยนต์ | - | - | 140 | 0 |
(4) มาตรฐานสำหรับอาคาร | - | 1.3 | 1 | 130 |
(5) ส่งเสริมการใช้งานอุปกรณ์ | ||||
ส่งเสริมการใช้เตาถ่านประสิทธิภาพสูง | - | 2.7 | 68 | 4 |
ส่งเสริม CFL | 24 | 83.8 | 46 | 182 |
ส่งเสริม T5 | - | 2.3 /td> | 407 | 0.6 |
(6) รณรงค์สร้างจิตสำนึก/ราชการ | 76 | 90 | 204 | 44 |
3. การใช้พลังงาน ภาคขนส่ง | 138.6 | 152.6 | 3,413 | 4.5 |
(1) ส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งมวลชน | 138 | 152 | 1,554 | 9.78 |
(2) ปรับปรุงระบบจัดการจราจร | - | - | 106 | 0 |
(3) ส่งเสริมธุรกิจ LOGISTIC DEPOT และ ICD | - | - | 1,450 | 0 |
(4) สร้างเครือข่ายระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ | 0.6 | 0.6 | 180 | 0.33 |
(5) นโยบาย ECO CAR | - | - | 123 | 0 |
เป้าหมายผลประหยัด ktoe (สะสม) | 1,861 | 2,807 | 7,820 | 36 |
(2) เป้าหมายและผลลดการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
ประเภท | ผลดำเนินการสะสมปี 2551 | ผลดำเนินการสะสมปี 2552 | เป้าหมายปี 2554 | ร้อยละการดำเนินการปี 2552 เทียบกับเป้าหมาย | |
1. การผลิตไฟฟ้า | ktoe | 600 | 935 | 1,587 | 59 |
(1) พลังงานชีวมวล | MW | 1,655 | 1,672 | 2,800 | 60 |
(2) ขยะ | MW | 4.25 | 8.1 | 78 | 10 |
(3) ก๊าซชีวภาพ | MW | 68.8 | 79.6 | 60 | 133 |
(4) พลังงานแสงอาทิตย์ | MW | 34 | 40.8 | 55 | 74 |
(5) พลังงานลม | MW | 3.1 | 5.1 | 115 | 4 |
(6) พลังงานน้ำ | MW | 66 | 66 | 165 | 40 |
2. การใช้ความร้อน | ktoe | 2,550 | 3,162 | 4,150 | 76 |
(1) พลังงานชีวมวล | ktoe/ปี | 2,406 | 2,955 | 3,660 | 81 |
(2) ก๊าซชีวภาพ | ktoe/ปี | 144 | 201 | 470 | 43 |
(3) พลังงานแสงอาทิตย์ | ktoe/ปี | 0.3 | 0.99 | 5 | 20 |
(4) พลังงานขยะ | ktoe/ปี | - | 10.6 | 15 | 71 |
3. การใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ | ktoe | 627 | 872 | 1,755 | 50 |
(1) เอทานอล | ล้านลิตร/วัน | 0.8 | 1.2 | 3.0 | 40 |
(2) ไบโอดีเซล | ล้านลิตร/วัน | 1.3 | 1.7 | 3.0 | 57 |
4. การส่งเสริมการใช้ NGV | ktoe | 660 | 1,140 | 3,469 | 33 |
MMSCFD | 77.5 | 133.8 | 393 | 33 | |
เป้าหมายผลประหยัด ktoe (สะสม) | 4,437 | 6,109 | 10,961 | 56 |
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานด้านอนุรักษ์พลังงานและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ปี 2552 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 5 รายงานสรุปผลการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน
1. คณะกรรมการกองทุนฯ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะ อนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน เพี่อทำหน้าที่ประเมินผลการดำเนินงานของโครงการ และเสนอข้อพิจารณาประกอบรายงานการประเมินผลของโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ เป็นรายโครงการ และนำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ ต่อไป
2. สนพ. ได้ว่าจ้างบริษัท เอเบิล คอนซัลแตนท์ จำกัด เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานศึกษา วิเคราะห์ และประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงานในเบื้องต้น ก่อนนำเสนอคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบผลการประเมินดังกล่าว ทั้งนี้ เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2551 ถึงวันที่ 24 กันยายน 2552
3. คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ได้มีการประชุมพิจารณาผลการประเมินโครงการไปแล้วทั้งสิ้น 19 ครั้ง โดยมีโครงการที่ได้รับการประเมินและคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ให้ความเห็นชอบผลการประเมินแล้ว รวม 192 โครงการ แยกตามแผนงานและกลุ่มงานได้ ดังนี้
กลุ่มงาน | แผนเพิ่มประสิทธิภาพฯ | แผนพลังงานทดแทน | แผนบริหารเชิงกลยุทธ์ | รวม |
ศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค | 8 | 7 | - | 15 |
ส่งเสริมและสาธิต | 28 | 37 | - | 65 |
พัฒนาบุคลากร | 42 | 12 | - | 54 |
ประชาสัมพันธ์ | 55 | 2 | - | 57 |
ศึกษานโยบายและวิชาการ | - | - | 1 | 1 |
รวม | 133 | 58 | 1 | 192 |
ทั้งนี้ การประเมินโครงการได้แบ่งตามสถานภาพการดำเนินโครงการ ออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย โครงการที่ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเจ้าของโครงการไม่ได้ว่าจ้างประเมิน 95 โครงการ และโครงการที่ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเจ้าของโครงการได้ว่าจ้างประเมินแล้ว 16 โครงการ ส่วนที่เหลืออีก 81 โครงการ เป็นโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ
4. การประเมินได้ใช้โมเดลการประเมิน 3 รูปแบบ ขึ้นอยู่กับสถานภาพโครงการ ดังนี้ กรณีโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ ใช้ CIPPA Model กรณีที่โครงการยังอยู่ระหว่างดำเนินการ ใช้ Logical Framework และกรณีที่โครงการได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยและมีผลประเมินแล้ว ใช้ Meta Evaluation ในการประเมินความถูกต้องและสัมฤทธิผลในแต่ละหัวข้อของแต่ละโครงการได้กำหนดเป็นระดับคะแนน ซึ่งเทียบได้กับระดับที่ต้องปรับปรุง พอใช้ ดีมาก และดีเยี่ยม โดยผลการประเมินตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว สามารถสรุปได้ดังนี้
สถานะโครงการ/ผลการประเมิน | ดีเยี่ยม | ดีมาก | ดี | พอใช้ | ต้องปรับปรุง | รวม |
แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | ||||||
- โครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ | 0 | 10 | 49 | 8 | 0 | 67 |
- โครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จและมีผลการประเมินแล้ว | 0 | 1 | 2 | 13 | 0 | 16 |
- โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ | 2 | 4 | 30 | 14 | 0 | 50 |
จำนวนโครงการ | 2 | 15 | 81 | 35 | 0 | 133 |
คิดเป็นร้อยละ | 1.5 | 11.3 | 60.9 | 26.3 | 0 | 100.0 |
แผนพัฒนาพลังงานทดแทน | ||||||
- โครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ | 0 | 2 | 6 | 17 | 2 | 27 |
- โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ | 0 | 0 | 12 | 6 | 13 | 31 |
จำนวนโครงการ | 0 | 0 | 18 | 23 | 15 | 58 |
คิดเป็นร้อยละ | 0 | 3.5 | 31.0 | 39.7 | 25.9 | 100.0 |
แผนบริหารเชิงกลยุทธ์ | ||||||
- โครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ | 0 | 0 | 0 | 1 | 0 | 1 |
คิดเป็นร้อยละ | 0 | 0 | 0 | 100.0 | 0 | 100.0 |
จำนวนโครงการทั้งหมด | 2 | 17 | 99 | 59 | 15 | 192 |
คิดเป็นร้อยละ | 1.0 | 8.9 | 51.6 | 30.7 | 7.8 | 100.0 |
5. จากใช้เทคนิค Balanced Scorecard ในการประเมินผลการดำเนินงานของแผนอนุรักษ์พลังงาน ที่เน้นด้านประสิทธิผล ประสิทธิภาพ ความเกี่ยวข้องสอดคล้องกับนโยบายวัตถุประสงค์ และผลกระทบ/ความยั่งยืน สามารถอนุมานได้ว่า ผลการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงานอยู่ในระดับพอใช้ โดยจุดอ่อนที่สำคัญของโครงการส่วนใหญ่อยู่ที่การนำผลของโครงการไปใช้ (Application) ซึ่งมี 2 องค์ประกอบ คือ ผลกระทบและความยั่งยืน
6. ข้อเสนอแนะในการปรับปรุง
(1) การคัดเลือกและอนุมัติโครงการ ควรมีการพิจารณาคัดเลือกและอนุมัติโครงการอย่างเข้มงวด เพื่อให้ได้โครงการที่ดี สามารถบริหารจัดการได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด มีผลกระทบต่อการอนุรักษ์พลังงานอย่างมีนัยสำคัญ และคุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายและเวลา
(2) การบริหารจัดการโครงการ เพื่อให้การบริหารควบคุม และจัดการโครงการมีประสิทธิภาพ เจ้าของโครงการจะต้องมีเวลาเพียงพอสำหรับการพิจารณาตรวจอ่านรายงาน ติดตามงาน และปรับปรุงแก้ไขโครงการในกรณีที่โครงการมีปัญหา ดังนั้นจึงเสนอให้ปรับลดจำนวนโครงการที่แต่ละ กรม/หน่วยงาน/คน รับผิดชอบ โดยให้สอดคล้องกับขีดความสามารถที่มีอยู่
(3) การดำเนินงานบางประเภทควรจะดำเนินการเอง ไม่ควรจ้างที่ปรึกษาดำเนินการ เช่น งานที่สมควรเป็นความลับ (งานเกี่ยวกับข้อมูลองค์กร ข้อมูลที่สำคัญๆ ของประเทศ) งานที่ทำเป็นประจำทุกปีที่สามารถใช้หรือจ้างเจ้าหน้าที่ประจำทำ (งานบริหารเครือข่ายข้อมูล และประชาสัมพันธ์ งานบริหารโครงการภายใต้แผนต่างๆ เป็นต้น) ซึ่งหากสามารถดำเนินการได้เจ้าหน้าที่ก็จะมีความรู้ ประสบการณ์ และพัฒนาการในตัวเอง อันจะเป็นประโยชน์ต่อองค์กรในระยะยาว
(4) การทบทวนกลยุทธ์การดำเนินงาน งานบางประเภทแม้จะมีผลการประเมินออกมาดี เช่น งานฝึกอบรม งานอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วม เป็นต้น สมควรมีการทบทวนกลยุทธ์ใหม่ เนื่องจากได้ดำเนินการมานานแล้ว เสียค่าใช้จ่ายสูง ควรเน้นการอนุรักษ์พลังงานโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นต้น
(5) การดำเนินโครงการด้านประชาสัมพันธ์ ควรลดความซ้ำซ้อนจากการที่ต่างคนต่างดำเนินการ ลดการใช้สื่อประชาสัมพันธ์ตัวบุคคล และเน้นการประชาสัมพันธ์แบบเฉพาะเจาะจงไปยังกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบผลการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2551 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 6 งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2553 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 ได้รับทราบแผนอนุรักษ์พลังงานและเป้าหมาย ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-2554 ตามที่ กพช. เสนอ โดยมีเป้าหมายและการดำเนินการจะลดปริมาณการใช้พลังงานลง 7,820 ktoe หรือคิดเป็นร้อยละ10.8 ของความต้องการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศในปี 2554 และกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้แทนพลังงานเชิงพาณิชย์ 8,858 ktoe หรือคิดเป็นร้อยละ 12.2 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554 และ กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2552 ได้เห็นชอบแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี โดยกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานทดแทนรวม 10,961 ktoe หรือคิดเป็นร้อยละ 15.6 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554
2. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2552 ได้อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2552 ให้ พพ. และ สนพ. ในวงเงินรวม 2,396,252,804 บาท และ พพ. และ สนพ. ได้ดำเนินโครงการต่างๆ โดยได้มีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ ประจำปี 2552 เป็นเงิน 2,155,500,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 85.6
3. สนพ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการกองทุนฯ จะเสนองบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553 ต่อคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณา เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ ได้มีงบประมาณสำหรับใช้จ่ายเป็นเงินหมุนเวียน เงินช่วยเหลือ หรือเงินอุดหนุนสำหรับการลงทุน และดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน มาตรา 25 แห่ง "พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน"
4. หน่วยงานที่ขอจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ได้จัดทำแผนงานและงบประมาณรายจ่ายที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล โดยมี "คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองงบประมาณประจำปี 2553 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ที่ประธานคณะอนุกรรมการกองทุนฯ แต่งตั้ง ทำหน้าที่กลั่นกรองงบประมาณและแผนการปฏิบัติงานของหน่วยต่างๆ สรุปได้ดังนี้
4.1 คณะทำงานฯ ได้ดำเนินการพิจารณากลั่นกรองงบประมาณของกองทุนฯ ตามแนวทาง/หลักเกณฑ์ ที่คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้เห็นชอบไว้ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2552 โดยมีหลักเกณฑ์ที่สำคัญ ดังนี้
(1) การจัดลำดับความสำคัญตามนโยบายและแผน โดยพิจารณาถึงความสอดคล้องของโครงการกับภารกิจที่สำคัญ ได้แก่
- ภารกิจตามข้อกำหนดและกฎหมาย พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
- ภารกิจตามยุทธศาสตร์ระดับชาติ นโยบายรัฐบาล และกระทรวงพลังงาน
- ภารกิจตามเจตนารมณ์ของกองทุนฯ ตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และตามแผนและเป้าหมายอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2551-2554
- ภารกิจตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี (พ.ศ. 2551-2565)
(2) ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา โดยพิจารณาถึงผลการดำเนินงานที่ผ่านมาว่าเกิดผลสำเร็จตามเป้าหมายของโครงการหรือไม่ และเน้นให้การสนับสนุนโครงการที่ก่อให้เกิดผลประหยัดหรือผลการใช้พลังงานทดแทนที่ชัดเจน และสอดคล้องกับเป้าหมายตามแผนอนุรักษ์พลังงาน
(3) ศักยภาพในการขยายผล โดยเน้นโครงการวิจัยและ/หรือดำเนินการแล้วสามารถที่นำไปปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้จริง (Deployment Potential) โดยแบ่งตามศักยภาพการขยายผลเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "มาก" และกลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "น้อย"
4.2 งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ที่เกี่ยวกับโครงการประชาสัมพันธ์ เสนอพิจารณาอนุมัติไว้เป็นกรอบวงเงิน จำนวน 500,000,000 บาท (ห้าร้อยล้านบาทถ้วน) เพื่อให้งานประชาสัมพันธ์มีความเป็นเอกภาพ มีทิศทางการปฏิบัติไปในแนวเดียวกัน โดยการบริหารจัดการเพื่อใช้เงินจากกองทุนฯ ให้ผ่านความเห็นชอบของ "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" ที่ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน โดยให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผนงาน/งานเดียวกันได้
4.3 งบประมาณรายโครงการที่คณะทำงานฯ เห็นสมควรให้การสนับสนุน แต่ให้เพิ่มเติมรายละเอียดของโครงการให้สมบูรณ์และชัดเจนนั้น ให้ พพ. และ สนพ. ดำเนินการปรับปรุงข้อเสนอโครงการก่อนที่จะพิจารณาอนุมัติงบประมาณ และให้จัดส่งรายละเอียดโครงการที่ปรับปรุงแล้วให้คณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน เพื่อประกอบการประเมินผลโครงการต่อไป
4.4 งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของกองทุนฯ เป็นจำนวนไม่เกิน 3,203,565,752 บาท รวม 73 โครงการ โดยแบ่งรายจ่ายออกเป็น 2 หน่วยงานผู้เบิกเงินกองทุนฯ ดังนี้
(1) พพ. จำนวน 1,823,952,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 56.93 รวม 40 โครงการ
(2) สนพ. จำนวน 1,379,613,752 บาท คิดเป็นร้อยละ 43.07 รวม 33 โครงการ
สรุปงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553 (จำแนกตามแผนอนุรักษ์พลังงาน)
จำแนกตามแผนอนุรักษ์พลังงาน | รวม | ร้อยละ | จำแนกตามหน่วยผู้เบิก (บาท) | |
พพ. | สนพ. | |||
1. แผนพลังงานทดแทน | 1,039,305,450 | 32.44 | 292,712,000 | 746,593,450 |
1.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา | 233,548,000 | 7.29 | 33,548,000 | 200,000,000 |
1.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 364,965,050 | 11.39 | 237,151,000 | 127,814,050 |
1.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 421,867,400 | 13.17 | 3,088,000 | 418,779,400 |
1.4 งานบริหารแผนงาน | 18,925,000 | 0.59 | 18,925,000 | 0 |
2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 2,034,859,090 | 63.52 | 1,531,240,000 | 503,619,090 |
2.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา | 175,000,000 | 5.46 | 95,000,000 | 80,000,000 |
2.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 1,412,245,750 | 44.08 | 1,378,500,000 | 33,745,750 |
2.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 425,113,340 | 13.27 | 35,240,000 | 389,873,340 |
2.4 งานบริหารแผนงาน | 22,500,000 | 0.70 | 22,500,000 | 0 |
3. แผนบริหารเชิงกลยุทธ์ | 129,401,212 | 4.04 | 0 | 129,401,212 |
3.1 งานศึกษาวิจัยเชิงนโยบาย | 38,722,200 | 1.21 | 0 | 38,722,200 |
3.2 งานบริหารแผนงาน | 90,679,012 | 2.83 | 0 | 90,679,012 |
รวมงบประมาณ กทอ. ปี 2553 | 3,203,565,752 | 100 | 1,823,952,000 | 1,379,613,752 |
5. เนื่องจาก พพ. และ สนพ. มีงานบริหารเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานที่ต้องดำเนินงานต่อเนื่อง จึงมีรายจ่ายประจำที่จำเป็นเพื่อการบริหารงานที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น ค่าจ้างพนักงานราชการ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปให้ความรู้ความเข้าใจ การร่วมประชุมให้ความเห็น ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น ฝ่ายเลขานุการฯ จึงเห็นควรเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเห็นชอบให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของกองทุนฯ งานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2552
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553 ของกองทุนฯ เป็นจำนวน 3,203,565,752 บาท (สามพันสองร้อยสามล้านห้าแสนหกหมื่นห้าพันเจ็ดร้อยห้าสิบสองบาทถ้วน) ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอมา
2. เห็นชอบให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ค่าใช้จ่ายในงานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2552 โดยให้แต่ละหน่วยงานสามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในหมวดต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
เรื่องที่ 7 แผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ปีที่ 3
1. กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2550 ได้รับทราบประมาณการรายจ่ายสำหรับกิจกรรมโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งคาดว่าจะใช้จ่ายเงินประมาณ 450 ล้านบาท/ปี หรือจำนวนรวม 1,350 ล้านบาท ประกอบด้วย 7 แผนงานดังนี้
แผนงาน | งบประมาณ (ล้านบาท) | ||
ปี 2551 | ปี 2552 | ปี 2553 | |
1. แผนงานด้านกฎหมาย ระบบกำกับ และข้อผูกพันระหว่างประเทศ | 30.0 | 30.0 | 30.0 |
2. แผนงานด้านโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมและพาณิชย์ | 10.0 | 10.0 | 10.0 |
3. แผนงานด้านการถ่ายทอด พัฒนาเทคโนโลยี และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ | 65.0 | 65.0 | 65.0 |
4. แผนงานด้านความปลอดภัย และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม | 30.0 | 30.0 | 30.0 |
5. แผนงานด้านการสื่อสารสาธารณะ และการยอมรับของประชาชน | 205.0 | 205.0 | 205.0 |
6. แผนงานด้านการการวางแผนการดำเนินการโครงการไฟฟ้านิวเคลียร์ | 85.0 | 85.0 | 85.0 |
7. การจัดตั้งสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ (NPPDO) | 25.0 | 25.0 | 25.0 |
รวมค่าใช้จ่ายรายปี | 450.0 | 450.0 | 450.0 |
รวมค่าใช้จ่ายรวม 3 ปี | 1,350.00 |
2. คณะกรรมการกองทุนฯ และ กพช. ได้เห็นชอบให้ สนพ. เพิ่มเติมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ในกรอบแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 (ในช่วงปี 2551-2554) ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติไว้แล้ว และคณะกรรมการกองทุนในการประชุมเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2550 ได้มีมติอนุมัติเพิ่มประมาณการรายจ่ายของกองทุนฯ แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ให้ สนพ. ในวงเงินประมาณ 750 ล้านบาท ไว้ใช้สำหรับช่วยเหลืออุดหนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำหรับกิจกรรมตามแผนงานที่ 1-7 ที่มีความเร่งด่วนต้องเริ่มดำเนินการและมีกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้แล้วตามมติคณะรัฐมนตรี
3. กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2550 ได้มีมติเห็นชอบให้แต่งตั้ง "คณะกรรมการประสานงานเพื่อเตรียมการจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานพลังงานนิวเคลียร์" ขึ้น เพื่อกำหนดทิศทางและให้ความเห็นชอบโครงการตามแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานพลังงานนิวเคลียร์รวมถึงกำกับดูแล ติดตามประเมินผลการดำเนินงานตามแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานพลังงานนิวเคลียร์ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ
4. การดำเนินงานของโครงการฯ ในปีงบประมาณ 2551 สพน. ได้รับอนุมัติงบประมาณจากกองทุนฯ วงเงิน 30 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการจัดตั้งสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ จำนวน 25 ล้านบาท และเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการสร้างความรู้ความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อพลังงานนิเคลียร์ ปีที่ 1 จำนวน 5 ล้านบาท และการดำเนินงานของโครงการฯ ในปีที่ 2 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในวงเงิน 122 ล้านบาท มีผลการดำเนินงานสรุปได้ดังนี้
(1) แผนงานด้านกฎหมาย ระบบกำกับ และข้อผูกพันระหว่างประเทศ สพน.ได้รับการจัดสรรงบประมาณปี 2552 ในวงเงิน 10 ล้านบาท การดำเนินได้ว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อทำการศึกษาและปรับปรุงกฎหมายด้านความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ระดับสากล พันธกรณีทางนิวเคลียร์ต่างๆ เปรียบเทียบกับกฎหมายไทยในปัจจุบัน
(2) แผนงานด้านโครงสร้างอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ สพน. ได้ว่าจ้างศูนย์บริการวิชาการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการศึกษาและจัดทำแผนงานด้านโครงสร้างอุตสาหกรรมและการพาณิชย์
(3) แผนทางด้านการถ่ายทอดพัฒนา และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สพน. ได้ว่าจ้างสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดำเนินการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ กลุ่มสื่อสาร และการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยจะจัดอบรมด้านการสื่อสารเชิงรุก และการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายการสื่อสารด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ประสบการณ์และบทเรียนด้านการสื่อสารเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
(4) แผนงานด้านความปลอดภัย และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ได้รับงบประมาณในปี 2552 สพน. จำนวน 15 ล้านบาท เพื่อดำเนิน 2 โครงการ คือ
- โครงการศึกษาผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์ และเชิงพื้นที่ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ โดยมีคณะวิศวกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รับเป็นที่ปรึกษา
- โครงการศึกษาแผนการป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัยเพื่อรองรับการจัดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ โดยมีสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) รับดำเนินโครงการ
(5) การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการด้านการสื่อสารสาธารณะ และการยอมรับของประชาชน ปีงบประมาณ 2552 ได้มีการดำเนินงานโครงการต่างๆ เช่น การสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ การพัฒนาเว็บไซต์เพื่อส่งเสริมการให้ความรู้ด้านพลังงานนิวเคลียร์
ทั้งนี้ปีงบประมาณ 2552 สพน. ได้ยกเลิกการดำเนินการศึกษา 2 โครงการ คือ (1) โครงการศึกษา และปรับปรุงกฎหมายด้านความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ระดับสากล พันธกรณีทางนิวเคลียร์ต่างๆ เปรียบเทียบกับกฎหมายไทยในปัจจุบัน ในวงเงิน 10 ล้านบาท และ (2) โครงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ กลุ่มกฎหมายและการกำกับดูแล ในวงเงิน 10 ล้านบาท เนื่องจากขอบเขตการดำเนินงานของโครงการเกี่ยวกับงานด้านกฎหมายที่ได้เสนอในปีงบประมาณ 2553 มีเนื้อหาครอบคลุมงานของทั้ง 2 โครงการดังกล่าวแล้ว ทำให้วงเงินงบประมาณที่ สพน. ใช้ดำเนินการในปีงบประมาณ 2552 ลดลงจาก 122 ล้านบาท เหลือเป็น 102 ล้านบาท
4. สพน. ได้ยื่นข้อเสนอขอรับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2553 รวม 21 โครงการ ในวงเงินรวม 229,000,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินงานตามแผนงานปีที่ 3 โดยได้นำเสนอขอความเห็นชอบต่อคณะกรรมการประสานงานฯ แล้ว ในการประชุมเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2552 และวันที่ 13 มกราคม 2553 ประกอบด้วย
โครงการ | งบประมาณ |
แผนงานด้านกฎหมาย ระบบกำกับ และข้อผูกพันระหว่างประเทศ | 25,000,000 |
1. โครงการยกร่างกฎหมายไทยเพื่อบังคับใช้กับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ | 15,000,000 |
2. โครงการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของประชาชนด้านกฎหมายโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ | 10,000,000 |
แผนงานด้านการถ่ายทอด พัฒนาเทคโนโลยี และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ | 39,000,000 |
1. โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการกำกับดูแลความปลอดภัยและข้อผูกพันระหว่างประเทศ | 18,000,000 |
2. โครงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ กลุ่มสื่อสารสาธารณะและการยอมรับของประชาชน ปีที่ 2 | 11,000,000 |
3. โครงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ กลุ่มพัฒนาสังคมและบริการสาธารณะ ปีที่ 2 | 4,000,000 |
4. โครงการจัดหาผู้เชี่ยวชาญและความร่วมมือจากต่างประเทศ | 6,000,000 |
แผนงานด้านความปลอดภัย และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม | 25,000,000 |
1. โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเชิงยุทธศาสตร์ และเชิงพื้นที่ ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ปีที่ 2 | 10,000,000 |
2. โครงการปรับปรุงกฎหมายมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อมของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ | 5,000,000 |
3. โครงการศึกษาแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อรองรับการจัดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ปีที่ 2 | 10,000,000 |
แผนงานด้านการสื่อสารสาธารณะและการยอมรับของประชาชน | 115,000,000 |
1. โครงการศึกษาและวิเคราะห์ความคิดเห็นและสถานการณ์ด้านพลังงานนิวเคลียร์ | 3,000,000 |
2. โครงการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ปีที่ 2 | 7,000,000 |
3. โครงการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ด้านนิวเคลียร์ | 5,000,000 |
4. โครงการผลิตสื่อโทรทัศน์ | 10,000,000 |
5. โครงการผลิตสื่อนิทรรศการ สื่อบรรยายประกอบ และสื่อเทคโนโลยีเฉพาะกิจ | 5,000,000 |
6. โครงการเผยแพร่ และส่งเสริมผ่านสื่อและกิจกรรม | 30,000,000 |
7. โครงการส่งเสริมเครือข่ายด้านสื่อมวลชนและภาคประชาคม | 20,000,000 |
8. โครงการสื่อสารภายใน | 5,000,000 |
9. โครงการศึกษาและสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้ด้านพลังงานนิวเคลียร์ ผ่านกลุ่มสังคมเศรษฐกิจสัมพันธ์ และกลุ่มสตรีแม่บ้าน | 10,000,000 |
10. โครงการเครือข่ายการสื่อสาร | 5,000,000 |
11. โครงการบริหารงานการสื่อสารสาธารณะ | 15,000,000 |
การจัดตั้งสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ (NPPDO) | 25,000,000 |
1. การดำเนินการสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ปีที่ 3 | 25,000,000 |
รวมทั้งสิ้น | 229,000,000 |
มติที่ประชุม
เห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนฯ แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ปีงบประมาณ 2553 ให้ สำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน ในวงเงิน 229,000,000 บาท (สองร้อยยี่สิบเก้าล้านบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการภายใต้แผนงาน "โครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์" โดยใช้เงินส่วนที่ สนพ. ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2550
1. คณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2548 ได้อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ งานศึกษาเชิงนโยบายและวิชาการ ให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ในวงเงินรวม 50 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายใน "โครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมันและพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจร ในพื้นที่ตัวอย่างเขตภาคเหนือ" ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี (มิถุนายน 2548-มิถุนายน 2553)
2. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2549 ได้เห็นชอบผลการดำเนินงานโครงการฯ ปีที่ 1 และอนุมัติเงินกองทุนฯ ในวงเงินรวม 40 ล้านบาท ให้ มช. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของโครงการฯ สำหรับปีที่ 2-5 โดยให้ มช. เสนอผลการดำเนินงานแต่ละปีต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ทราบและเห็นชอบก่อน สนพ. จะจัดสรรเงินดำเนินการปีที่ 3-5
3. มช. ได้ดำเนินโครงการศึกษาวิจัยฯ ตามแผนงาน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการผลิต/เกษตรกรรม ด้านวิศวกรรม และด้านเศรษฐศาสตร์สังคมและ ICT สรุปได้ดังนี้
3.1 ด้านการผลิต/เกษตรกรรม
มช. ได้ดำเนินการคัดเลือกสายพันธุ์ปาล์มน้ำมัน 3,200 ต้น และคัดเลือกสายพันธุ์สบู่ดำ 10,000 ต้น และได้นำไปลงปลูกในแปลงวิจัยพื้นที่ของ มช. 2 แห่ง รวม 386 ไร่ คือ แปลงวิจัยศรีบัวบาน จ.ลำพูน 350 ไร่ ควบคุมสภาวะแวดล้อม 100% และที่แปลงวิจัยแม่เหียะ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ 36 ไร่ ควบคุมสภาวะแวดล้อม 50% การควบคุมวิธีการให้น้ำทั้ง 2 แห่ง ด้วยระบบชลประทานน้ำหยด การคลุมด้วยวัสดุต่างๆ ปริมาณการให้น้ำ ระยะเวลาการให้น้ำที่เหมาะสม การจัดการปุ๋ย ได้แก่ ปุ๋ยยูเรีย ฟอสเฟต ปุ๋ยคอก และการตัดแต่งกิ่ง วิจัยผลกระทบต่อปาล์มน้ำมันและสบู่ดำที่เกิดจากการจัดการวัชพืชด้วยวิธีต่างๆ วิธีปลูกพืชแซมที่ไม่กระทบต่อปาล์มน้ำมันและสบู่ดำ ทั้งนี้ ข้อมูลวิจัยการเจริญเติบโตปาล์มน้ำมันและสบู่ดำ ในแปลงวิจัยทั้ง 2 แห่ง สรุปได้ดังนี้
พันธุ์ | ความสูงต้น (ซม.) |
จน.ทางใบ (ใบ) |
ดอกเพศเมีย (%) |
นน.ทะลาย (กก./ทะลาย) |
จน.ทะลาย (ทะลาย/ต้น/ปี) |
ผลผลิต (กก./ไร่/ปี) |
สุราษฏร์ธานี 1 | 439.58 | 35.04 | 94.27 | 4.3 | 19.46 | 1,842.89 |
สุราษฏร์ธานี 2 | 450.95 | 34.92 | 90.20 | 3.6 | 18.99 | 1,503.64 |
เดลี่-ลาเม่ | 415.56 | 33.94 | 97.01 | 2.8 | 18.58 | 1,156.24 |
ไนจีเรีย | 463.34 | 36.28 | 95.01 | 3.9 | 18.15 | 1,560.31 |
จากข้อมูลข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า การเจริญเติบโตของปาล์มน้ำมันทั้ง 4 สายพันธุ์ เติบโตได้ค่อนข้างดี มีเปอร์เซ็นต์การออกดอกเพศเมียสูงมากกว่า 90% เทียบได้กับปาล์มน้ำมันที่ปลูกในภาคใต้ของไทย โดยมีผลผลิตสูงสุด 1,842 กิโลกรัมต่อไร่/ปี
แหล่งปลูก | ความสูงต้น (ซม.) |
จน.กิ่งสบู่ดํา (กิ่ง) |
ความาวเส้นรอบวง (ซม.) |
ผลผลิต (กก./ไร่/ปี) |
สตูล | 386.91 | 77.02 | 82.51 | 420.49 |
กำแพงแสน | 399.90 | 67.69 | 78.97 | 425.21 |
กาญจนบุรี | 395.86 | 67.68 | 76.98 | 486.38 |
ปราจีนบุรี | 391.26 | 68.92 | 82.89 | 457.43 |
ชัยภูมิ | 393.98 | 64.86 | 86.15 | 541.35 |
ตากฟ้า | 392.89 | 66.92 | 86.93 | 544.04 |
จากข้อมูลข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า การเจริญเติบโตของสบู่ดำจากแหล่งปลูกทั้ง 6 แหล่ง เติบโตได้ค่อนข้างดี ไม่มีความแตกต่างกัน โดยมีผลผลิตสูงสุด 544 กิโลกรัมต่อไร่/ปี อย่างไรก็ดี ผลผลิตดังกล่าวยังจัดว่าเป็นปริมาณที่ต่ำ ผู้วิจัยจึงได้ทดลองศึกษาแนวทางการเพิ่มผลผลิตสบู่ดำโดยใช้เทคโนโลยีทางพันธุวิศวกรรมจัดทำ DNA Fingerprint เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงพันธุ์ต่อไป ทั้งนี้ จากการทดสอบในเบื้องต้น พบว่าพันธุ์ที่ได้นำมาทดลองนั้นไม่มีความแตกต่างทางพันธุกรรม (Genetic Variation) มากพอ จำเป็นต้องนำพันธุ์จากแหล่งอื่นๆ ภายนอกประเทศ หรือใช้เทคโนโลยีชีวภาพเข้ามาช่วยในการปรับปรุงพันธุ์ให้มีลักษณะและผลผลิตดีขี้น
3.2 ด้านวิศวกรรม
มช. ได้ศึกษาออกแบบพัฒนาเครื่องสกัดน้ำมันสบู่ดำ เครื่องหีบน้ำมันปาล์มขนาดเล็ก และเครื่องผลิตไบโอดีเซลขนาด 300 ลิตรต่อครั้ง ดังนี้
(1) พัฒนาเครื่องกะเทาะเปลือกผลสบู่ดำ อัตรากำลังการผลิต 600 กิโลกรัมสบู่ดำสด/ชั่วโมง ใช้แรงงานคนหมุนล้อกำลัง ที่ราคา 15,000 บาทต่อเครื่อง และเครื่องสกัดน้ำมันสบู่ดำแบบสกรู ขนาด 5-6 กิโลกรัมต่อชั่วโมง หีบน้ำมันได้ไม่ต่ำกว่า 31% ของเมล็ดสบู่ดำ ที่ราคา 65,000 บาทต่อเครื่อง
(2) พัฒนาเครื่องหีบน้ำมันปาล์มขนาดเล็ก กำลังการผลิต 50 กิโลกรัมผลปาล์มสดต่อชั่วโมง หีบน้ำมันปาล์มดิบได้ 19-20% ของทลายปาล์มสด ที่ราคา 300,000 บาทต่อเครื่อง โดยปัจจุบัน มช. ได้ทำการปรับปรุงเครื่องสกัดน้ำมันปาล์มดังกล่าวมาใช้เครื่องยนต์ดีเซลเป็นต้นกำลังแทนมอเตอร์ไฟฟ้า และ ได้ร่วมกับกรมอู่ทหารเรือพัฒนา และสร้างเครื่องผลิตไบโอดีเซลขนาด 300 ลิตรต่อครั้ง (ผลิต 3 ครั้งต่อวัน) สามารถผลิตไบโอดีเซลได้จากน้ำมันพืชใช้แล้ว สบู่ดำ และปาล์มน้ำมันที่ราคา 500,000 บาทต่อเครื่อง
(3) พัฒนาและสร้างโรงสกัดน้ำมันปาล์มแบบ Dry Process ขนาดเล็ก ต้นทุนต่ำ รองรับผลผลิตจากสวนปาล์มได้ตั้งแต่ 3,000 ไร่ โดยถือเป็นระบบแห้งแบบหีบรวม กำลังการผลิตเท่ากับ 2.5 ตันต่อชั่วโมง ซึ่งมีเปอร์เซ็นต์น้ำมันใกล้เคียงกับน้ำมันปาล์มที่สกัดจากเครื่องสกัดน้ำมันปาล์มแบบใช้ไอน้ำ
3.3 ด้านเศรษฐศาสตร์ สังคม และฐานข้อมูล ICT
มช. ได้ศึกษาข้อมูลด้านเศรษฐศาสร์ของการปลูกปาล์มน้ำมันโดยวิเคราะห์จากข้อมูลที่ได้จากโครงการฯ พบว่า การปลูกปาล์มในพื้นที่ภาคเหนือจะสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้ในปีที่ 4 ของการปลูกประมาณ 4,000 บาทต่อไร่ ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบกับต้นทุนและผลตอบแทนของพืชเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคเหนือ 3 ชนิด และผลตอบแทนปาล์มน้ำมันเฉลี่ยของประเทศไทย จากสำนักการเศรษฐกิจการเกษตร ปี 2550 แล้วพบว่า สับปะรดมีกำไรสุทธิเฉลี่ยสูงสุดคือ 6,678 บาทต่อไร่ รองลงมาคือปาล์มน้ำมัน 5,359 บาทต่อไร่ ในขณะที่พืชเศรษฐกิจอื่นได้แก่ ลำไยและลิ้นจี่ อยู่ในภาวะขาดทุน อย่างไรก็ดี การปลูกสับปะรดนั้นต้องให้เงินลงทุนสูงกว่าปาล์มน้ำมันมากกว่า 2 เท่า จึงสรุปได้ว่าปาล์มน้ำมัน เป็นพืชทางเลือกหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้โดยมีผลตอบแทนที่จูงใจแก่เกษตรกรในภาคเหนือได้
4. แผนการดำเนินงาน ปีที่ 5 ยังคงเป็นเรื่องการวิจัยและเก็บข้อมูลการเจริญเติบโตของต้นปาล์มน้ำมันและต้นสบู่ดำ ทั้งในแปลงวิจัย และแปลงสาธิต ต่อเนื่องจากปีที่ 4 รวมถึงการพัฒนาการเพิ่มผลผลิตของสบู่ดำให้สูงขึ้น นอกจากนี้ยังจะดำเนินการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพระบบสกัดน้ำมันปาล์มแบบหีบแห้งรวมให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น โดยสรุปขอบเขตงานได้ดังนี้
4.1 งานด้านการผลิต/เกษตรกรรม
(1) ดำเนินการวิจัย เก็บข้อมูล และวิเคราะห์ผลการเจริญเติบโตปาล์มและสบู่ดำต่อเนื่องจาก ปีที่ 4 ประกอบด้วย การเปรียบเทียบสายพันธุ์และเทคโนโลยีการปลูก ด้วยการจัดการชลประทาน การจัดการปุ๋ย การจัดการวัชพืช ที่แตกต่างกัน ของปาล์มน้ำมันและสบู่ดำ
(2) พัฒนาสายพันธุ์สบู่ดำให้ได้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น โดยใช้เทคโนโลยี และการพัฒนาระบบเขตกรรม
4.2 งานด้านวิศวกรรม
(1) พัฒนาระบบสกัดน้ำมันปาล์มและสบู่ดำให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น
(2) สาธิตใช้งานในเครื่องหีบน้ำมันเมล็ดสบู่ดำ และเครื่องผลิตไบโอดีเซลต้นแบบระดับชุมชนที่สร้างขึ้นและทำการทดสอบคุณภาพ
4.3 งานด้านเศรษฐกิจ สังคมและ สารสนเทศ (ICT)
(1) วิจัยผลตอบแทนด้านเศรษฐศาสตร์และสังคมของการปลูกปาล์มน้ำมันและสบู่ดำ รวมถึงการผลิตน้ำมันในชุมชน
(2) สำรวจความคิดเห็นของประชาชนในการผลิตและใช้ไบโอดีเซล
(3) วิจัยและออกแบบจำลอง Process base
มติที่ประชุม
1. รับทราบและเห็นชอบรายงานผลการดำเนินงาน "โครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมันและพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจรในพื้นที่ตัวอย่างเขตภาคเหนือ" ปีที่ 4 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอมา
2. เห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้ มช. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามแผนงานโครงการฯ ในปีที่ 5 ตามแผนงานที่เสนอมา ในวงเงินรวม 7,886,000 บาท โดยใช้เงินกองทุนฯ แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ งานศึกษาเชิงนโยบายและวิชาการ ปีงบประมาณ 2550 โครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมันและพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจร ในพื้นที่ตัวอย่างเขตภาคเหนือ ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2549 ได้อนุมัติไว้แล้ว
เรื่องที่ 9 การขอปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งต่อที่ประชุมทราบว่า มีหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไปแล้ว ได้ยื่นเรื่องเพื่อขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการจากที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้พิจารณาและอนุมัติไว้ รวมจำนวน 40 โครงการ โดยตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินฯ ตามข้อ 1.3 (2) หมวด 3 ข้อ 24 กำหนดว่า การเปลี่ยนแปลงรายการ ระยะเวลาดำเนินการ ไปจากรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนได้อนุมัติไว้แล้ว จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ก่อน จึงจะเปลี่ยนแปลงได้
2. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้พิจารณาเหตุผลและรายละเอียดที่เจ้าของโครงการฯ ทั้ง 40 โครงการ ได้แจ้งขอเปลี่ยนแปลงแล้ว โดยจำแนกเรื่องที่ขอเปลี่ยนแปลงออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้
2.1 ขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ เกิน 3 เดือน นับจากวันสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา จำนวน 8 โครงการ ดังนี้
กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน จำนวน 8 โครงการ
(1) โครงการส่งเสริมการใช้เตาหุงต้มและเตาชีวมวลประสิทธิภาพสูง (ค่าจัดซื้อวัสดุเตาหุงต้มประสิทธิภาพสูง)
(2) โครงการรณรงค์เผยแพร่องค์ความรู้ด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (รณรงค์จัดทำและเผยแพร่สารคดีประจำทางสถานีวิทยุโทรทัศน์)
(3) โครงการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพผู้รับผิดชอบด้านพลังงานเพื่อการอนุรักษ์พลังงานที่ยั่งยืน (จัดซื้อกับดักไอน้ำชนิดแก้ว)
(4) โครงการอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วม (SMEs)
(5) โครงการอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วม โดยโรงงาน/อาคารควบคุม/โรงงานอุตสาหกรรมและอาคารธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก
(6) โครงการพัฒนาหลักสูตรการอนุรักษ์พลังงานในแต่ละประเภทอุตสาหกรรม
(7) โครงการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานด้วยไบโอดีเซลชุมชน (ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้)
(8) โครงการส่งเสริมเครื่องจักร อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน
มีสาเหตุจากคู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรที่ได้ทำสัญญาจ้างไว้กับ พพ. ได้ส่งงาน/รายงานตามเวลาที่กำหนดไว้แล้ว แต่การตรวจรับงานของ พพ. พบว่าผลงานยังไม่สมบูรณ์ตามข้อตกลง เช่น ขาดรายละเอียด ขาดข้อมูลหรือเอกสารอ้างอิง ขาดประเด็นสำคัญ ฯลฯ และให้คู่สัญญาหรือผู้ได้รับจัดสรรเงินนั้น ดำเนินการปรับปรุงรายงานสมบูรณ์ ซึ่งส่งผลให้เลยกำหนดระยะเวลา 3 เดือน นับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา พพ. จึงได้เสนอขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายรายการนั้นๆ
การปฏิบัติข้างต้น เป็นการดำเนินการตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ข้อ 16 ที่ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการเบิกจ่ายเงินกองทุนไว้ "ให้ผู้เบิกเงินกองทุนใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันตามประมาณการรายจ่ายประจำปีได้ ภายในวงเงินและปีงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ กรณีผู้เบิกเงินกองทุนก่อหนี้ผูกพันภายในปีงบประมาณแต่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายในปีงบประมาณนั้นๆ ให้ขยายเวลาการเบิกจ่ายรายการนั้นๆ ต่อไปได้ ภายในสามเดือนนับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา"
2.2 ขอขยายระยะเวลาโครงการ จำนวน 22 โครงการ
มีสาเหตุจากคู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรที่ได้ทำสัญญาจ้างหรือหนังสือยืนยันการรับทุนไว้กับ พพ. และ สนพ. ดังนี้
โครงการ | งบประมาณ (ล้านบาท) |
หน่วยงาน | เดิม | ขยายถึง | ความก้าวหน้า |
(1) โครงการการพัฒนาและส่งเสริมพลังงานแสงอาทิตย์ระบบความร้อน (โครงการพัฒนาสาธิตระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานความร้อนแสงอาทิตย์และชีวมวล) | 32.60 | พพ. | พ.ย. 2551 | ธ.ค. 2552 | เสร็จแล้ว |
(2) โครงการทุนหมุนเวียนสำหรับยานยนต์ NGV | 2,000 | ปตท. | ธ.ค. 2552 | ธ.ค. 2553 | 70% |
(3) โครงการพัฒนาพลังงานลมเพื่อสูบน้ำ ระยะที่ 1 | 3.81 | พพ. | ก.ย. 2552 | ภายใน 30 วัน นับจากวันที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้มีหนังสือแจ้งมติ | 95% |
(4) โครงการสมัชชาเยาวชนและครูด้านพลังงาน | 6 | สป.พน. | ก.ย. 2552 | ก.พ. 2553 | 95% |
(5) โครงการศูนย์บริการข้อมูลพลังงานภูมิภาคที่ 1 | 12.5 | สวภ. 1 | พ.ย. 2552 | ก.พ. 2553 | เสร็จแล้ว |
(6) โครงการศูนย์บริการข้อมูลพลังงานภูมิภาคที่ 2 | 6.5 | สวภ. 2 | พ.ย. 2552 | เม.ย. 2553 | 90% |
(7) โครงการศูนย์บริการข้อมูลพลังงานภูมิภาคที่ 3 | 6.5 | สวภ. 3 | พ.ย. 2552 | เม.ย. 2553 | 60% |
(8) โครงการศูนย์บริการข้อมูลพลังงานภูมิภาคที่ 4 | 6.5 | สวภ. 4 | พ.ย. 2552 | มี.ค. 2553 | 70% |
(9) โครงการศูนย์บริการข้อมูลพลังงานภูมิภาคที่ 5 | 6.5 | สวภ. 5 | พ.ย. 2552 | ธ.ค. 2552 | เสร็จแล้ว |
(10) โครงการศูนย์บริการข้อมูลพลังงานภูมิภาคที่ 6 | 6.5 | สวภ. 6 | ต.ค. 2552 | ม.ค. 2553 | เสร็จแล้ว |
(11) โครงการศูนย์บริการข้อมูลพลังงานภูมิภาคที่ 7 | 6.5 | สวภ. 7 | ต.ค. 2552 | ม.ค. 2553 | 95% |
(12) โครงการศูนย์บริการข้อมูลพลังงานภูมิภาคที่ 10 | 6.5 | สวภ. 10 | พ.ย. 2552 | มี.ค. 2553 | 90% |
(13) โครงการฝึกอบรมผู้นำชุมชนเกี่ยวกับการวางแผนพลังงานชุมชน | 66.83 | สป.พน. | ธ.ค. 2552 | มี.ค. 2553 | 95% |
(14) โครงการรณรงค์สร้างการรับรู้ (Campaign) "เมืองไทย เมืองแห่งพลังงานทดแทน" | 120 | สป.พน. | มี.ค. 2553 | มิ.ย. 2553 | อยู่ระหว่างการประกาศ TOR |
(15) โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ จำนวน 1 ทุน | 3.98 | สนพ. | ก.ย. 2552 | ก.ย. 2553 | 70% |
(16) โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 5 ทุน | รวม0.61 | สนพ. | รายละเอียดปรากฏในเอกสารประกอบวาระ 4.4 ส่วนที่ 2 โครงการที่ 16 | ||
(17) โครงการพัฒนากำลังพลด้านพลังงานตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง | 30 | กรมการพลังงานทหาร | ธ.ค. 2552 | มิ.ย. 2553 | 70% |
(18) โครงการลดใช้พลังงานในภาครัฐในหน่วยงานภาครัฐขนาดเล็ก | 2 | สวภ. 4 | ก.ย. 2552 | ม.ค. 2553 | เสร็จแล้ว |
(19) โครงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์กลุ่มสื่อสารสาธารณะและการยอมรับของประชาชน | 11 | สป.พน. สพน. | ก.พ. 2553 | พ.ค. 2553 | 85% |
(20) โครงการกระเบื้องมุงหลังคาระบายอากาศประหยัดพลังงาน | 0.80 | มจธ. | ธ.ค. 2549 | ส.ค. 2552 | เสร็จแล้ว |
(21) โครงการวิจัยออกแบบบ้านประหยัดพลังงานประเภทบ้านเดี่ยว กรณีศึกษา:สงขลาหรือจังหวัดใกล้เคียง | 7.5 | มอ. | ก.ค. 2549 | พ.ย. 2552 | เสร็จแล้ว |
(22) โครงการทำความเย็นจากต้นไม้ | 2 | ม.แม่โจ้ | ธ.ค. 2548 | ธ.ค. 2552 | เสร็จแล้ว |
แต่ละหน่วยงานได้ดำเนินการตามแผนงานที่เสนอไว้กับกองทุนฯ แล้ว แต่มีข้อจำกัดระหว่างการดำเนินงาน เช่น การขาดความมั่นใจของผู้ประกอบการ การปรับปรุงของอาคาร/สถานที่ การไม่เอื้อของสภาพภูมิอากาศ การใช้เวลาในการเก็บข้อมูลสำหรับการทำวิทยานิพนธ์ การรอเวลาเพื่อนำผลงานวิจัยไปตีพิมพ์ทั้งในและต่างประเทศ การปรับรายละเอียดการดำเนินกิจกรรมเพื่อให้สอดคล้องกับบริบทในพื้นที่เป้าหมาย การทำงานวิจัยแล้วผลการทดลองมีความคลาดเคลื่อนไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ จำเป็นต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์ผลการทดลองเพิ่มเติม เป็นต้น
2.3 ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ จำนวน 3 โครงการ
มีสาเหตุจากคู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรที่ได้ทำสัญญาจ้างหรือหนังสือยืนยันการรับทุนไว้แต่ละหน่วยงาน ได้ดำเนินการตามแผนงานที่เสนอไว้กับกองทุนฯ แล้ว แต่มีข้อจำกัดระหว่างการดำเนินงาน เช่น การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดกิจกรรมย่อยให้มีความหลากหลายและสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น หรือเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์พลังงานในปัจจุบัน เป็นต้น
โครงการ | การขอเปลี่ยนแปลง |
(1) โครงการทุนหมุนเวียนสำหรับยานยนต์ NGV ระยะที่ 2 งบประมาณ : 2,000 ล้านบาท
หน่วยงาน : ปตท. ความก้าวหน้า : ยังไม่ได้เริ่มดำเนินงาน |
ขอยกเลิกโครงการ เนื่องจากการดำเนินโครงการทุนหมุนเวียนสำหรับยานยนต์ NGV (ระยะที่ 1) ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ และอยู่ระหว่างการขอขยายระยะเวลาโครงการออกไปสิ้นสุดในเดือนธันวาคม 2553 และเพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด |
(2) โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ จำนวน 1 ทุน
งบประมาณ : 4.12 ล้านบาท หน่วยงาน : สนพ. |
สนข. ขอโอนการชดใช้ทุนการศึกษาของนางสาวเหมือนมาศ วิเชียรสินธุ์ จาก สนข. ไปปฏิบัติงานเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการทำสัญญาและการชดใช้เงิน กรณีรับทุนฯ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2552 เป็นต้นไป |
(3) โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 3 ทุน งบประมาณรวม : 0.14 ล้านบาท หน่วยงาน: สนพ. |
(1) สถาบันบัณทิตพัฒนบริหารศาสตร์ ขอเปลี่ยนชื่อโครงการเป็น "รูปแบบที่เหมาะสมในการจัดการพลังงานชุมชน" เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และเนื้อหาของวิทยานิพนธ์ ซึ่งได้ขยายขอบเขตการศึกษาเพิ่มเติม
(2) มช. ขอยกเลิกการสนับสนุนทุน เนื่องจากผู้วิจัยได้ลาออกจากการเป็นนักศึกษา (3) มจธ. ขอเปลี่ยนแปลงชื่อโครงการวิจัยเป็นเรื่อง "การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการก่อสร้าง" เพื่อให้สอดคล้องกับโครงการมากยิ่งขึ้น |
2.4 ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ และขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน จำนวน 7 โครงการ
มีสาเหตุจากคู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรที่ได้ทำสัญญาจ้างหรือหนังสือยืนยันการรับทุนไว้แต่ละหน่วยงาน ได้ดำเนินการตามแผนงานที่เสนอไว้กับกองทุนฯ แล้ว แต่มีข้อจำกัดระหว่างการดำเนินงาน เช่น การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดกิจกรรมย่อยให้มีความหลากหลายและสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น หรือเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์พลังงานในปัจจุบัน เป็นต้น พร้อมทั้งขอขยายระยะเวลาดำเนินโครงการด้วย
โครงการ | การขอเปลี่ยนแปลง |
(1) โครงการพลังไทย ฉลาดใช้พลังงาน หน้าร้อน (ล้างแอร์)
งบประมาณ : 9.8 ล้านบาท หน่วยงาน : กฟผ. ความก้าวหน้า : 60% |
(1) ขอขยายกลุ่มเป้าหมายในการดำเนินโครงการ จากภาคครัวเรือน ให้ครอบคลุมถึงกลุ่มเป้าหมายของโครงการกองทัพสีเขียว ได้แก่ ข้าราชการทหาร และครอบครัว (2) ขอปรับปรุงวิธีการดำเนินงาน โดยเพิ่มกิจกรรมฝึกอบรมการล้างเครื่องปรับอากาศ และมอบอุปกรณ์ล้างเครื่องปรับอากาศ ให้กับเจ้าหน้าที่ในกองทัพ (3) ขอปรับงบประมาณโครงการ โดยนำเงินคงเหลือไปใช้ในกิจกรรมล้างแอร์โครงการกองทัพสีเขียว 650,000 บาท สำหรับการจัดอบรม และมอบอุปกรณ์การล้างแอร์ แก่ทหารช่างและพลทหาร ส่วนเงินที่เหลือจะนำส่งคืนกองทุนฯ (4) ขอขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการ จากเดิมสิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2552 เป็นสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2553 |
(2) โครงการศึกษาเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับควบคุมการปล่อยมลพิษทางอากาศและน้ำเสียจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน ถ่านหิน ชีวมวล และก๊าซธรรมชาติ
งบประมาณ : 7 ล้านบาท หน่วยงาน : สผ. ความก้าวหน้า : 55% |
(1) ขอยุติโครงการฯ โดยขอปรับวงเงินงบประมาณจาก 7,000,000 บาท เป็น 3,677,633 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณงาน เนื่องจาก สผ. ไม่สามารถรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับด้านเทคนิคและการลงทุนของโรงไฟฟ้าจึงส่งผลให้โครงการฯ ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
(2) ขอเบิกเงินงวดสุดท้ายเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,177,633 บาท โดยสามารถเบิกจ่ายเงินได้ภายใน 90 วัน นับจากวันที่คณะกรรมการกองทุนฯ เห็นชอบและอนุมัติ |
(3) โครงการสัมมนาวิชาการนานาชาติ เรื่อง Solar Energy: Getting Down to Business
งบประมาณ : 4.46 ล้านบาท หน่วยงาน : มพส. ความก้าวหน้า : อยู่ในช่วงเตรียมการจัดสัมมนาเดือนมีนาคม 2553 |
(1) ขอเปลี่ยนแปลงหมวดงบประมาณในส่วนค่าใช้จ่ายการดำเนินกิจกรรม เพื่อให้การดำเนินงานมีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ
(2) ขอขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ ออกไปอีก 2 เดือน จากเดิมสิ้นสุด กุมภาพันธ์ 2553 เป็นสิ้นสุดเมษายน 2553 |
(4) โครงการศูนย์บริการข้อมูลพลังงานภูมิภาค
งบประมาณ : 5 ล้านบาท หน่วยงาน : สป.พน. ความก้าวหน้า : 90% |
ขอปรับงวดเงินใหม่ จาก แผนเดิม งวดสุดท้าย เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 500,000 บาท เมื่อส่งรายงานฉบับสมบูรณ์ เป็น แผนใหม่ งวดที่ 4 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 450,000 บาท ภายหลังจากส่งรายงานความก้าวหน้าฉบับที่ 3 และงวดสุดท้าย เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 50,000 บาท ภายหลังการส่งรายงานฉบับสมบูรณ์ และขอขยายเวลาโครงการจากเดิมสิ้นสุดเดือนพฤศจิกายน 2552 เป็นสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2553 |
(5) โครงการบริหารจัดการศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อมในอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร
งบประมาณ : 113.99 ล้านบาท หน่วยงาน : มูลนิธิอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธรฯ ความก้าวหน้า : 25% |
(1) ขอปรับจำนวนเป้าหมายของผู้เข้าเยี่ยมชมนิทรรศการและผู้เข้าค่ายฝึกอบรมในแต่ละปี เพื่อให้ได้จำนวนเป้าหมายของโครงการฯ ครบตามที่ได้กำหนดไว้ และกำหนดเป้าหมายของจำนวนผู้ใช้บริการห้องสมุดพลังงาน และจำนวนสมาชิกห้องสมุดพลังงาน
- ผู้เยี่ยมชมนิทรรศการ จากเดิม ปีละ 50,000 คน รวม 250,000 คน เป็นจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 268,300 คน - ผู้เข้าค่ายฝึกอบรม จากเดิม 6,000 คน เป็นจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 7,300 คน (2) ขอปรับรายการค่าใช้จ่ายของงบประมาณให้สอดคล้องกับรายละเอียดการดำเนินงานที่เปลี่ยนแปลงไป และปรับงวดการเบิกจ่ายเงิน จาก 5 งวด เป็น 6 งวด (3) ขอขยายระยะเวลาดำเนินโครงการฯ ออกไปอีก 9 เดือน จากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม 2555 เป็นสิ้นสุดเดือนกันยายน 2556 |
(6) โครงการรณรงค์เพื่อปลูกจิตสำนึก "อนุรักษ์พลังงาน เพื่อพลังงานไทยที่ยั่งยืน"
งบประมาณ : 45 ล้านบาท หน่วยงาน : สป.พน. ความก้าวหน้า : อยู่ระหว่างหาผู้ดำเนินงานโดยวิธี e-auction |
(1) ขอจัดกิจกรรมทดแทนจากเดิมจัดงาน "Energy Saving Fair 2009" ระยะเวลา 5 วัน เป็นจัดกิจกรรมเพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่และให้ความรู้ด้านการอนุรักษ์พลังงานแก่กลุ่มเป้าหมายต่างๆ อาทิ จัดกิจกรรมร่วมกับหอการค้าจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด และหน่วยงานในระดับจังหวัด จัดกิจกรรมใน กทม. ร่วมกับองค์กรพันธมิตรภาคเอกชน โดยเฉพาะองค์กรในระดับนานาชาติ จัดนิทรรศการ/กิจกรรมเพื่อประชาสัมพันธ์ด้านอนุรักษ์พลังงานสำหรับเยาวชน จัดกิจกรรมร่วมกับกลุ่มผู้ประกอบการเพื่อกระตุ้นการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ประหยัดพลังงาน กิจกรรมสื่อมวลชนสัมพันธ์ กิจกรรมประชาสัมพันธ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
(2) ขอขยายระยะเวลาโครงการจากเดิมสิ้นสุดเดือนเมษายน 2553 เป็นสิ้นสุดเดือน พฤศจิกายน 2553 |
(7) โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ จำนวน 3 ทุน
งบประมาณรวม : 10.02 ล้านบาท หน่วยงาน : สนพ. |
(1) ม. วลัยลักษณ์ ขอขยายระยะเวลาการศึกษาให้แก่ นางพิมพ์ลภัส พงศกรรังศิลป์ ออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่เดือน พ.ค. 2553-เม.ย. 2554 เพื่อเขียนรายงานผลการวิจัยและจัดทำวิทยานิพนธ์ พร้อมทั้งขออนุมัติเพิ่มวงเงินทุนการศึกษาในช่วงที่ขอขยายเวลา จำนวนเงินประมาณ 595,980 บาท
(2) ม. ราชภัฏสวนดุสิต ขอขยายระยะเวลาการศึกษาให้แก่ นายจิติวัฒน์ ยวงเกตุ ออกไปอีก 1 ปี 2 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.พ. 2553 - มี.ค. 2554 เพื่อนำเสนอผลงานวิจัยในที่ประชุมนานาชาติและจัดทำวิทยานิพนธ์ พร้อมทั้งขออนุมัติเพิ่มทุนการศึกษา ในช่วงที่ขยายเวลา จำนวนเงินประมาณ 1,164,814 บาท (3) สผ. ขอขยายระยะเวลาการศึกษาให้แก่ นางสาววรนุช เอมมาโนชญ์ ตั้งแต่เดือน ก.พ. 2552-เม.ย. 2553 เพื่อปรับปรุงแก้ไขร่างวิทยานิพนธ์ โดยขออนุมัติใช้เงินเหลือจ่าย จำนวน 271,181.54 บาท สำหรับใช้เป็นค่าใช้จ่ายในช่วงเดือน ก.พ. 2552-มิ.ย. 2552 ส่วนช่วงเวลาเดือน ก.ค. 2552-เม.ย. 2553 จะใช้ทุนส่วนตัว |
ฝ่ายเลขานุการฯ เห็นว่าการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียด และการขอขยายระยะเวลาดำเนินการดังกล่าว เป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อที่จะทำให้โครงการเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น และบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ โดยไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับแล้ว จึงเห็นควรให้โครงการที่ 1-6 เปลี่ยนแปลงรายละเอียดและขยายระยะเวลาโครงการออกไปได้ ส่วนโครงการที่ 7 คือ โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ เห็นควรอนุมัติขยายเวลาการศึกษาให้แก่ผู้ได้รับทุนการศึกษาได้ ตามที่ขอมา โดยไม่ควรให้เบิกเงินงบประมาณเหลือจ่ายจากวงเงินประมาณเดิมที่เคยได้รับอนุมัติไว้ และไม่อนุมัติเพิ่มวงเงิน สำหรับใช้เป็นค่าใช้จ่ายในภาคการศึกษาที่ได้รับอนุมัติให้ขยายเวลา เนื่องจากกองทุนฯ ได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายตลอดระยะเวลาของหลักสูตรที่กำหนดไว้แล้ว
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบให้โครงการตามข้อ 2.1 จำนวน 8 โครงการ ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ กรณีผู้เบิกเงินกองทุนฯ ก่อหนี้ผูกพันไว้แล้ว แต่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายในสามเดือนนับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญาได้ ตามที่ขอมา
2. เห็นชอบให้โครงการตามข้อ 2.2 จำนวน 22 โครงการ ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการได้ ตามที่ขอมา ทั้งนี้สำหรับโครงการที่ 1, 9, 10, 11, 18, 20, 21, และ 22 เห็นควรเสนอพิจารณาอนุมัติให้การสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ เป็น ภายใน 30 วัน นับจากวันที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้มีหนังสือแจ้งมติอนุมัติการขอขยายระยะเวลาดังกล่าว
3. เห็นชอบให้โครงการตามข้อ 2.3 จำนวน 3 โครงการ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการได้ตามที่ขอมา
4. เห็นชอบให้โครงการตามข้อ 2.4 จำนวน 6 โครงการ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการและขยายระยะเวลาดำเนินการได้ ตามที่ขอมา สำหรับโครงการที่ 7 เห็นชอบให้ ม.วลัยลักษณ์ ม.ราชภัฏสวนดุสิต และ สผ. ขยายระยะเวลาการศึกษาให้กับผู้รับทุนได้ ตามที่เสนอมา โดยไม่ควรให้เบิกเงินงบประมาณเหลือจ่ายจากวงเงินประมาณเดิมที่เคยได้รับอนุมัติไว้ และไม่อนุมัติเพิ่มวงเงิน สำหรับใช้เป็นค่าใช้จ่ายในภาคการศึกษาที่ได้รับอนุมัติให้ขยายเวลา เนื่องจากกองทุนฯ ได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายตลอดระยะเวลาของหลักสูตรที่กำหนดไว้แล้ว
5. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติต่อไป
ศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์ ได้สอบถามถึงความก้าวหน้าของ "โครงการต้นแบบการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี Vanadium Redox Flow สำหรับการลดภาระกำลังไฟฟ้าสูงสุด การผลิตไฟฟ้าผสมผสานขนาดเล็ก รถประจำทางไฟฟ้า และเซลล์เชื้อเพลิงคาร์โบไฮเดรท" ที่คณะกรรมการกองทุน ได้อนุมัติไว้ในการประชุมครั้งที่ 2/2547 (ครั้งที่ 39) เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 เนื่องจากเห็นว่าเป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจ และประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา ก็ได้ให้ความสนใจศึกษาวิจัยเทคโนโลยีนี้เช่นกัน ซึ่ง พพ. ได้ชี้แจงให้ที่ประชุมทราบว่าการดำเนินโครงการดังกล่าว แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ดำเนินการร่วมกับ บริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด และส่วนที่ดำเนินการร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยในส่วนที่ดำเนินการร่วมกับ บริษัท เซลเลนเนียมฯ นั้น บริษัทได้บอกเลิกสัญญา เนื่องจากไม่สามารถดำเนินการได้ตามข้อตกลงที่ได้ทำร่วมกับ พพ. ขณะที่การดำเนินงานร่วมกับ สวทช. นั้น อยู่ระหว่างการปรับลดปริมาณงานและการยกเลิกสัญญา รวมถึงการดำเนินการเพื่อส่งคืนเงินกองทุนฯ ต่อไป
อนุ กอ. ครั้งที่ 19 - วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2553
มติคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 2/2553 (ครั้งที่ 19)
วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 13.30 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
2. รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2552 และ 2551 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองแล้ว
3. โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
4. เกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2553
นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานอนุกรรมการ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน อนุกรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการกองทุนฯ ได้ลงนามในคำสั่งคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่ 1/2553 เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2553 และฝ่ายเลขานุการฯ ได้มีหนังสือแจ้งอนุกรรมการทุกท่าน ทราบแล้ว โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ดังนี้
องค์ประกอบ คณะอนุกรรมการกองทุนฯ
(1) | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน | ประธานอนุกรรมการ |
(2) | ปลัดกระทรวงพลังงาน | อนุกรรมการ |
(3) | รองปลัดกระทรวงพลังงาน ที่ได้รับมอบอำนาจให้สั่งการงานในราชการของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน | อนุกรรมการ |
(4) |
อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน |
อนุกรรมการ |
(5) |
ผู้แทนกรมบัญชีกลาง |
อนุกรรมการ |
(6) |
ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย |
อนุกรรมการ |
(7) |
นายพรายพล คุ้มทรัพย์ |
อนุกรรมการ |
(8) |
นายสวัสดิ์ ตันตระรัตน์ |
อนุกรรมการ |
(9) | ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน | อนุกรรมการและเลขานุการ |
อำนาจและหน้าที่คณะอนุกรรมการกองทุนฯ
(1) เสนอเป้าหมาย แผนอนุรักษ์พลังงาน และแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ แต่ละปี ภายใต้กรอบแผนงานที่คณะกรรมการกองทุนฯ กำหนด พร้อมทั้งจัดทำแนวทางการจัดสรรเงินกองทุนฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณา เพื่อใช้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535
(2) พิจารณา กำหนดระเบียบเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการขอจัดสรร ขอเงินช่วยเหลือ หรือขอเงินอุดหนุนจากกองทุนฯ และเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณา
(3) พิจารณากลั่นกรองและเสนอความเห็นเกี่ยวกับ แผน/งาน/โครงการ ต่อคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติให้แก่ผู้ขอรับการจัดสรรเงินกองทุนฯ ที่เสนอขอรับการสนับสนุน ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในมาตรา 25 หรือมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ทั้งนี้ จะต้องสอดคล้องตามแผนอนุรักษ์พลังงาน และแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติได้ให้ความเห็นชอบไว้แล้ว
(4) พิจารณาเห็นชอบ/อนุมัติ แผน/งาน/โครงการและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนฯ หรือผู้รับทุนเสนอขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ และขยายระยะเวลาโครงการที่แตกต่างไปจากเดิมที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้เห็นชอบ/อนุมัติไว้ ได้เท่าที่ไม่เกินจากวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนฯ จัดสรรให้
(5) กำกับ ดูแล การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ให้เป็นไปตามแผนอนุรักษ์พลังงาน และแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติได้ให้ความเห็นชอบไว้แล้ว
(6) เชิญผู้แทนของส่วนราชการตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริง คำอธิบาย คำแนะนำ หรือจัดส่งเอกสารตามที่เห็นสมควร
(7) รายงานผลการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงานในแต่ละปีให้คณะกรรมการกองทุนฯ ทราบ
(8) ดำเนินการอื่นใดตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ รือประธานกรรมการกองทุนฯ มอบหมาย
การพิจารณาของที่ประชุม
ประธานอนุกรรมการฯ ได้ขอให้ผู้แทนกรมบัญชีกลางเร่งพิจารณาร่างระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ว่าด้วยการเก็บรักษาเงิน และทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. ... ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ ได้จัดส่งให้กรมบัญชีกลางไปแล้ว เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2553
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
1. พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 กำหนดให้คณะกรรมการกองทุนฯ จัดทำงบการเงินส่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หรือบุคคลภายนอกซึ่งคณะกรรมการกองทุนฯ แต่งตั้งโดยความเห็นชอบของ สตง. เป็นผู้สอบบัญชีของกองทุนฯ และให้ทำการตรวจสอบและรับรองบัญชีและการเงินทุกประเภทของกองทุนภายใน 90 วันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณทุกปี
ให้ สตง. หรือผู้สอบบัญชี จัดทำรายงานผลการสอบและรับรองบัญชีและการเงินของกองทุนฯ เสนอต่อคณะกรรมการกองทุนฯ ภายใน 150 วันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ
รายงานผลการสอบบัญชีและการเงิน ให้รัฐมนตรีเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอต่อรัฐสภาเพื่อทราบและจัดให้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา
2. สตง. ได้ตรวจสอบรับรองบัญชีและงบการเงินกองทุนฯ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2552 และ 2551 เรียบร้อยแล้ว ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนฯ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2552 และ 2551 ดังนี้
2.1 งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
หน่วย : ล้านบาท
รายได้จากการดำเนินงาน
รายได้จากผู้ผลิตและผู้นำเข้า 11,678.77
ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร 82.87
รายได้อื่น (เงินเหลือจ่าย) 66.08
รวม 11,827.72
ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน
ค่าใช้จ่ายตามแผนงานและโครงการของ สนพ. และ พพ. 3,070.62
รายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย 8,757.10
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 รายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย จำนวนเงิน 8,757.10 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำนวนเงิน 3,999.02 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ตามโครงการพัฒนาระบบการขนส่ง
2.2 งบแสดงฐานะการเงินของกองทุนฯ
หน่วย: ล้านบาท
เงินสด | 15,528.29 |
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น | 5,730.90 |
รายได้ค้างรับ | 79.72 |
หนี้สิน | (40.60) |
รวมสินทรัพย์สุทธิ | 21,298.31 |
สินทรัพย์สุทธิปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 สูงกว่าปีงบประมาณ พ.ศ.2551 จำนวนเงิน 8,757.10 ล้านบาท เนื่องจาก (1) ได้มีการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ตามโครงการพัฒนาระบบการขนส่งตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2551-13 สิงหาคม 2552 (2) มีการผลิตน้ำมันออกจากโรงกลั่นและจำหน่ายมากขึ้น และ (3) คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2552 จึงมีระยะเวลาในการเบิกจ่ายเงิน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 เพียง 5 เดือน
2.3 งบกระแสเงินสด
หน่วย: ล้านบาท
รายได้จากการดำเนินงาน
รายได้จากผู้ผลิตและผู้นำเข้า 11,678.77
ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร 75.38
รายได้อื่น (เงินเหลือจ่าย) 71.99
รวม 11,826.14
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
ค่าใช้จ่ายตามแผนงานและโครงการของ สนพ. และ พพ. 3,115.33
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่นเพิ่มขึ้น 398.71
หนี้สินหมุนเวียนอื่นและเงินฝากลดลง 13.19
รวม 3,527.23
กระแสเงินสดได้มาจากการดำเนินงาน 8,298.91
เงินสด ณ 1 ตุลาคม 2551 7,229.38
เงินรายได้มาจากการดำเนินงาน 8,298.91
เงินสด ณ 30 กันยายน 2552 15,528.29
กระแสเงินสดได้มาจากกิจกรรมดำเนินงานปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวนเงิน 8,298.91 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลเนื่องมาจากกองทุนฯ มีรายรับสูงขึ้น ขณะเดียวกันก็มีการจ่ายเงินเพื่อการอนุรักษ์พลังงานตามโครงการต่างๆ ต่ำกว่าปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำนวนเงิน 319.34 ล้านบาท
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนฯ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2552 และ 2551 ที่ สตง. ตรวจสอบรับรองแล้ว ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 3 โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้มีมติเห็นชอบให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ที่เกี่ยวกับโครงการประชาสัมพันธ์ ในแผนพลังงานทดแทน 250 ล้านบาท และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 250 ล้านบาท ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจาก "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" ที่ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน โดยให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผน/งานเดียวกันได้ ทั้งนี้ เมื่อคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ เห็นชอบแล้ว ให้เสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติก่อนดำเนินโครงการต่อไป และให้กระทรวงพลังงานดำเนินการประเมินผลการประชาสัมพันธ์ที่ได้รับงบประมาณจากกองทุนฯ ต่อไปด้วย
2. คณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2553 ได้พิจารณาโครงการประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจด้านพลังงาน ผ่านบทเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์ และ ในการประชุมเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2553 ได้พิจารณาโครงการประชาสัมพันธ์ ภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและแผนพลังงานทดแทน จำนวน 3 โครงการ คือ 1) โครงการเผยแพร่ผลการดำเนินงานของกระทรวงพลังงานตามนโยบายรัฐบาล 2) โครงการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และ 3) โครงการบริหารศูนย์ประชาสัมพันธ์รวมพลังหารสอง ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบโครงการดังกล่าว และให้นำเสนอต่อคณะอนุกรรมการฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติก่อนดำเนินโครงการต่อไป โดยสรุปสาระสำคัญของโครงการ ดังนี้
1) โครงการประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจด้านพลังงาน ผ่านบทเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์ โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อร่วมเทิดพระเกียติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว "พระบิดาแห่งการพัฒนาพลังงานไทย"
(2) เพื่อสร้างจิตสำนึกและส่งเสริมให้ประชาชนร่วมมือร่วมใจใช้พลังงานที่มีอยู่อย่างรู้ค่า และใช้เท่าที่จำเป็น ด้วยการสร้างแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ให้ประชาชนชาวไทยดำเนินรอยตามพระราชกิจวัตรในการใช้พลังงานอย่างพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
(3) เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องพลังงาน และใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
(4) เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับกระทรวงพลังงาน
หน่วยงานที่รับผิดชอบ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน
งบประมาณ ในวงเงิน 35,000,000 บาท
2) โครงการเผยแพร่ผลการดำเนินงานของกระทรวงพลังงานตามนโยบายรัฐบาล โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อใช้เป็นแหล่งข้อมูลอ้างอิงในการดำเนินการตามนโยบายพลังงาน
(2) เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปให้ความสนใจเกี่ยวกับการพัฒนาพลังงานทดแทน และการประหยัดพลังงาน
(3) เพื่อชี้แจงให้ประชาชนได้ทราบถึงสถานการณ์พลังงานของประเทศ และการแก้ไขปัญหาด้านพลังงาน เช่น ราคาน้ำมัน ราคาไฟฟ้า ฯลฯ ของกระทรวงพลังงาน
(4) เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่กระทรวงพลังงานในการดำเนินนโยบายพลังงานต่อไป
หน่วยงานรับผิดชอบ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน
งบประมาณ ในวงเงิน 2,000,000 บาท
3) โครงการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานโดยมีขอบเขตงาน ดังนี้
(1) ผลิตและเผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ อาทิ เอกสารเผยแพร่ คู่มือ โปสเตอร์ แผ่นพับ สติ๊กเกอร์ ส.ค.ส. ไดอารี่ ปฏิทินปีใหม่
(2) ผลิตและเผยแพร่ของที่ระลึก สำหรับประชาชนและเยาวชน โดยมีข้อความรณรงค์หรือบอกวิธีการประหยัดพลังงาน เพื่อให้ผู้ได้รับเกิดแนวคิด ริเริ่มการประหยัดพลังงานอย่างจริงจัง และย้ำเตือนให้กลุ่มเป้าหมายใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
(3) ผลิตวิดีทัศน์และเอกสารแนะนำองค์กร สนพ. เพื่อเป็นการให้ความรู้ความเข้าใจ บทบาท หน้าที่ และภารกิจขององค์กร
(4) ดำเนินการประชาสัมพันธ์ และ/หรือให้การสนับสนุนด้านการประชาสัมพันธ์กับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาต่างๆ ในรูปแบบการเผยแพร่ผ่านสื่อ อาทิ โทรทัศน์ วิทยุ สิ่งพิมพ์ และ/หรืออื่นๆ อย่างเหมาะสม และตามสถานการณ์
(5) พัฒนาและบริหาร www.eppo.go.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของ สนพ. ภายในเว็บประกอบด้วย การเสนอความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับสถานการณ์พลังงาน นโยบายพลังงาน หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับองค์กร และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพลังงาน และมีการเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร ผ่าน webpage Thaienergynews การสื่อสารผ่านเว็บไซต์นี้จะเป็นอีกหนึ่งในช่องทางประชาสัมพันธ์ที่รวดเร็วฉับไว
หน่วยงานที่รับผิดชอบ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
งบประมาณ ในวงเงิน 20,000,000 บาท
4) โครงการบริหารศูนย์ประชาสัมพันธ์รวมพลังหารสอง โดยมีขอบเขตงาน ดังนี้
(1) จัดทำแผนประชาสัมพันธ์เชิงรุกในส่วนที่เกี่ยวกับผลงานโครงการอนุรักษ์พลังงาน วิธีการประหยัดพลังงานในมุมต่างๆ ที่น่าสนใจ และวิธีการใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความสนใจ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการประหยัดพลังงานอย่างจริงจัง และนำไปเผยแพร่ต่อยังบุคคลใกล้ชิด หรือสาธารณชนต่อไป
(2) บริหารจัดการกิจกรรมสื่อมวลชนสัมพันธ์ กิจกรรมประชาสัมพันธ์ ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูล ข่าวสาร จัดเตรียมประเด็น แนวคำถาม-คำตอบ แนวในการชี้แจง และให้รายละเอียดแก่สื่อมวลชน ประสานงานสื่อมวลชน การจัดทำข่าวแจก (Press Release) ภาพข่าว (Photo Release) การจัดแถลงข่าว จัดสัมมนา หรือเสวนาสื่อมวลชน ดำเนินการจัดทำกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการสำหรับกรณีที่มีประเด็นสำคัญเร่งด่วน ข่าวเชิงลบ (PR Crisis Management) และอื่นๆ
(3) ให้คำปรึกษา แนะนำ และช่วยเหลือในการประชาสัมพันธ์กิจกรรม ผลการดำเนินงานภายใต้โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และ/หรือกิจกรรมอื่นๆ ไปยังสื่อมวลชน และประชาชน
(4) ดำเนินการติดตาม รวบรวมข้อมูลข่าวสารด้านพลังงาน ในสื่อชนิดต่างๆ โดยจัดทำ News Clipping พร้อมสรุปประเด็น และวิเคราะห์ข่าวสำคัญรายวัน
หน่วยงานที่รับผิดชอบ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
งบประมาณ ในวงเงิน 15,000,000 บาท
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณารายละเอียดของโครงการทั้ง 4 โครงการแล้ว และมีข้อคิดเห็น สรุปได้ดังนี้
1. ข้อเสนอโครงการได้ผ่านการพิจารณา และเห็นชอบจากคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ แล้ว จึงเห็นควรอนุมัติให้ สป.พน. และ สนพ. ดำเนินโครงการ ตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ เสนอมา
2. เนื่องจากรายละเอียดการของบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553 ของกองทุนฯ ในแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน วงเงิน 250 ล้านบาท มิได้บรรจุการดำเนินกิจกรรม "โครงการประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจด้านพลังงาน ผ่านบทเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์" และ "โครงการเผยแพร่ผลการดำเนินงานของกระทรวงพลังงานตามนโยบายรัฐบาล"ไว้ ดังนั้น จึงเห็นควรให้เปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณในโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการอนุรักษ์พลังงานรูปแบบต่างๆ ในวงเงิน 44,000,000 บาท เพื่อมาดำเนิน "โครงการประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจด้านพลังงาน ผ่านบทเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์" ในวงเงิน 35,000,000 บาท และ "โครงการเผยแพร่ผลการดำเนินงานของกระทรวงพลังงานตามนโยบายรัฐบาล" ในวงเงิน 2,000,000 บาท ทั้งนี้ การขอเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณเพื่อมาดำเนินโครงการดังกล่าว ไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม ผลลัพธ์ของโครงการไม่ลดลง และไม่มีผลกระทบต่อวัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการ
3. โครงการประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจด้านพลังงาน ผ่านบทเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์ ควรเน้นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับรู้อย่างทั่วถึงในเรื่องพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้รับสมญานาม "พระบิดาแห่งการพัฒนาพลังงานไทย" และรณรงค์ให้ประชาชนได้ทราบถึงโครงการต่างๆ ในด้านการประหยัดพลังงานและการใช้พลังงานทดแทน
4. โครงการเผยแพร่ผลการดำเนินงานของกระทรวงพลังงานตามนโยบายรัฐบาลนั้น จะทำให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบถึงผลการดำเนินงานของกระทรวงพลังงานในปีที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานด้านพลังงานและสร้างความเชื่อมั่นต่อไป
5. โครงการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ควรเผยแพร่ความรู้ในเรื่องพลังงานให้เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยจัดทำสื่อเป็นชุด ที่ประกอบด้วย คู่มือ และ CD ที่บรรจุข้อมูลความรู้ต่างๆ ตลอดจนใช้เป็นข้อมูลสำหรับสื่อวิทยุชุมชนที่สามารถนำไปเผยแพร่ให้ประชาชนได้อย่างทั่วถึง
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณในโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการอนุรักษ์พลังงานรูปแบบต่างๆ ในวงเงิน 44,000,000 บาท เพื่อมาดำเนิน "โครงการประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจด้านพลังงาน ผ่านบทเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์" ในวงเงิน 35,000,000 บาท และ "โครงการเผยแพร่ผลการดำเนินงานของกระทรวงพลังงานตามนโยบายรัฐบาล" ในวงเงิน 2,000,000 บาท ตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ เสนอมา
2. เห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนฯ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2553 ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2553 (ครั้งที่ 50) เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติให้ สนพ. ไว้แล้ว จำนวน 250 ล้านบาท มาใช้สำหรับดำเนินโครงการ
(1) โครงการประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจด้านพลังงาน ผ่านบทเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์" โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 35,000,000 บาท (สามสิบห้าล้านบาทถ้วน)
(2) โครงการเผยแพร่ผลการดำเนินงานของกระทรวงพลังงานตามนโยบายรัฐบาล โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 2,000,000 บาท (สองล้านบาทถ้วน)
(3) โครงการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 20,000,000 บาท (ยี่สิบล้านบาทถ้วน)
3. เห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนฯ แผนพลังงานทดแทน งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ปีงบประมาณ 2553 ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2553 (ครั้งที่ 50) เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติให้ สนพ. ไว้แล้ว จำนวน 250 ล้านบาท มาใช้สำหรับ "โครงการบริหารศูนย์ประชาสัมพันธ์รวมพลังหารสอง" โดยให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 15,000,000 บาท (สิบห้าล้านบาทถ้วน)
เรื่องที่ 4 เกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2553
1. คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2546 มีมติอนุมัติให้หน่วยงานต่างๆ ที่มีเงินนอกงบประมาณ ถือปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลเงินนอกงบประมาณออย่างเคร่งครัด โดยให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติติดตามผลการดำเนินการ โดยกองทุนฯ เป็นทุนหมุนเวียนที่เข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงานตั้งแต่ ปีบัญชี 2549
2. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ประชุมหารือกับ บริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ทริส) เพื่อจัดทำร่างเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2553 และตัวชี้วัดที่จะต้องทำการประเมินที่เหมาะสม ถูกต้อง ตามสภาพความเป็นจริงของการดำเนินงานตามแผนการอนุรักษ์พลังงาน
3. กรมบัญชีกลาง ได้มีหนังสือเรื่อง "การลงนามในบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2553" เพื่อให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอต่อคณะกรรมการกองทุนฯ ให้ความเห็นชอบ ก่อนเสนอประธานกรรมการกองทุนฯ ลงนามบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานฯ และส่งคืนกรมบัญชีกลางภายในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2553
4. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้มีหนังสือเวียนถึง "คณะทำงานเตรียมการเพื่อดำเนินการตามระบบประเมินผล การดำเนินงานทุนหมุนเวียน (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน)" เพื่อขอความเห็นชอบร่างเกณฑ์การประเมินผลฯ แล้ว และคณะทำงานได้มีมติเห็นชอบร่างเกณฑ์การประเมินผลฯ โดยจะประเมินผลการดำเนินงานของกองทุน 4 ด้าน 11 ตัวชี้วัด สรุปได้ ดังนี้
1) ผลการดำเนินงานด้านการเงิน (ร้อยละ 15)
ตัวชี้วัดที่ 1.1 ร้อยละของงบประมาณที่มีการผูกพันสัญญาต่องบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากกองทุนฯ (ร้อยละ 10)
ตัวชี้วัดที่ 1.2 ค่าใช้จ่ายบริหารที่เกิดขึ้นจริงและผูกพันเทียบกับงบประมาณ (ร้อยละ 5)
2) ผลการดำเนินงานด้านปฏิบัติการ (ร้อยละ 35)
ตัวชี้วัดที่ 2.1 ร้อยละของจำนวนโครงการที่มีการทำสัญญาของแต่ละแผนงานต่อจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติทั้งหมดของแต่ละแผนงาน (ร้อยละ 18)
ตัวชี้วัดที่ 2.2 ร้อยละความสำเร็จของจำนวนโครงการที่ผูกพันและดำเนินงานได้ตามแผนภายในปีบัญชี 2553 ต่อจำนวนโครงการที่ผูกพันและมีแผนดำเนินงานภายในปีบัญชี 2553 (ร้อยละ 17)
3) การสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (ร้อยละ 10)
ตัวชี้วัดที่ 3.1 การสำรวจความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ประจำปีบัญชี 2553 (ร้อยละ 5)
ตัวชี้วัดที่ 3.2 การจัดทำแผนการปรับปรุงการให้บริการจากผลสำรวจความพึงพอใจและการดำเนินงานตามแผนการปรับปรุง ประจำปีบัญชี 2553 (ร้อยละ 5)
4) การบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียน (ร้อยละ 40)
ตัวชี้วัดที่ 4.1 การดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการ ประจำปีบัญชี 2553 (ร้อยละ 10)
ตัวชี้วัดที่ 4.2 การติดตามประเมินผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ (ร้อยละ 10)
ตัวชี้วัดที่ 4.3 บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียน (ร้อยละ 10)
ตัวชี้วัดที่ 4.4 การควบคุมภายใน (ร้อยละ 5)
ตัวชี้วัดที่ 4.5 การตรวจสอบภายใน (ร้อยละ 5)
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว และเห็นชอบเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2553 และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตามผู้แทนกรมบัญชีกลาง ได้ให้ข้อสังเกตถึงความสำคัญของการประเมินผลด้านการบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียน ที่ให้น้ำหนักถึงร้อยละ 40 โดยขอให้กองทุนฯ ดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายของตัวชี้วัดที่กำหนด แต่หากมีปัจจัยภายนอกที่ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ตามเกณฑ์การประเมินผล ก็สามารถชี้แจงเหตุผลมายังกรมบัญชีกลางได้
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้นำเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2553 เสนอต่อคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนนำเสนอต่อประธานกรรมการกองทุนฯ เพื่อลงนามในบันทึกข้อตกลงการประเมินกับกระทรวงการคลังต่อไป
กอ. ครั้งที่ 50 - วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 1/2553 (ครั้งที่ 50)
วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา 13.30 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. ฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552
2. รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551 และ 2550 ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองแล้ว
3. ประมาณการรายรับ-รายจ่ายของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2553-2556
4. รายงานผลการดำเนินงานด้านอนุรักษ์พลังงานและการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3
5. รายงานสรุปผลการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน
6. ผลการพิจารณาการขอปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
7. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
8. การปรับปรุงแก้ไขระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537
9. การปรับปรุงองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการประเมินผลแผนอนุรักษ์พลังงาน
รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล) กรรมการและเลขานุการ
ประธานกรรมการกองทุน ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบ 2 เรื่อง ดังนี้
1. ศ.ดร.ปรีดา วิบูลย์สวัสดิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ได้ขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการ ตามหนังสือลงวันที่ 14 ธันวาคม 2552 เนื่องจากได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการข้อตกลงและประเมินผลของกระทรวงพลังงาน ประจำปีงบประมาณ 2553
2. การประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ ในวันนี้ มีเวลาค่อนข้างจำกัด เนื่องจากเวลา 15.00 น. จะต้องเดินทางไปทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะกรรมการเร่งรัดการใช้งบประมาณแผ่นดิน ซึ่งจะเริ่มประชุมเวลา 15.30 น.ที่กระทรวงการคลัง
เรื่องที่ 1 ฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552
เลขานุการฯ ได้รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 ดังนี้
หน่วย : ล้านบาท | |
ยอดยกมา ณ 1 ตุลาคม 2552 | 15,526.93 |
บวก รายรับ | 1,612.51 |
รวม | 17,139.44 |
หัก รายจ่าย | 1,520.69 |
คงเหลือ ณ 31 ธันวาคม 2552 | 15,618.75 |
มติที่ประชุม
รับทราบฐานะการเงินกองทุนฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 2 รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551 และ 2550 ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองแล้ว
1. พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 กำหนดให้คณะกรรมการกองทุนฯ จัดทำงบการเงินส่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หรือบุคคลภายนอกซึ่งคณะกรรมการกองทุนฯ แต่งตั้งโดยความเห็นชอบของ สตง. เป็นผู้สอบบัญชีของกองทุนฯ และให้ทำการตรวจสอบและรับรองบัญชีและการเงินทุกประเภทของกองทุนภายในเก้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณทุกปี
ให้ สตง. หรือผู้สอบบัญชีตามวรรคหนึ่งจัดทำรายงานผลการสอบและรับรองบัญชีและการเงินของกองทุนฯ เสนอต่อคณะกรรมการกองทุนฯ ภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ
รายงานผลการสอบบัญชีและการเงินตามวรรคสอง ให้รัฐมนตรีเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอต่อรัฐสภาเพื่อทราบและจัดให้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา
2. สตง. ได้ตรวจสอบรับรองบัญชีและงบการเงินกองทุนฯ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551 และ 2550 เสร็จเรียบร้อยแล้ว ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนฯ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551 และ 2550 ที่ สตง. ตรวจสอบรับรองแล้วต่อคณะกรรมการกองทุนฯ ดังนี้
2.1 งบแสดงฐานะการเงินของกองทุนฯ
หน่วย: ล้านบาท
เงินสด | 7,229.38 |
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น | 5,332.19 |
รายได้ค้างรับ | 78.14 |
หนี้สิน | (98.50) |
รวมสินทรัพย์สุทธิ | 12,541.21 |
สินทรัพย์สุทธิปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 สูงกว่าปีงบประมาณ พ.ศ.2550 จำนวนเงิน 4,758.08 ล้านบาท เนื่องจากได้มีการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนตามโครงการพัฒนาระบบการขนส่งตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2551
2.2 งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
หน่วย: ล้านบาท
รายได้จากการดำเนินงาน | ||
รายได้จากผู้ผลิตและผู้นำเข้า | 7,810.49 | |
ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร | 93.57 | |
รายได้อื่น (เงินเหลือจ่าย) | 258.93 | |
รวม | 8,162.99 | |
ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน | ||
ค่าใช้จ่ายตามแผนงานและโครงการของ สนพ. และ พพ. | 3,404.12 | |
ค่าใช้จ่ายอื่น | 0.79 | |
รวม | 3,404.91 | |
รายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย | 4,758.08 |
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 รายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย จำนวนเงิน 4,758.08 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 จำนวนเงิน 4,616.67 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายได้จากการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ตามโครงการพัฒนาระบบการขนส่ง
2.3 งบกระแสเงินสด
หน่วย: ล้านบาท
รายได้จากการดำเนินงาน | ||
รายได้จากผู้ผลิตและผู้นำเข้า | 7,810.49 | |
ดอกเบี้ย | 100.94 | |
รายได้อื่น (เงินเหลือจ่าย) | 345.21 | |
รวม | 8,256.64 | |
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน | ||
ค่าใช้จ่ายตามแผนงานและโครงการของ สนพ. และ พพ. | 3,435.49 | |
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่นเพิ่มขึ้น | 2,095.79 | |
หนี้สินหมุนเวียนอื่นและเงินฝากลดลง | 0.36 | |
รวม | 5,531.64 | |
กระแสเงินสดได้มาจากการดำเนินงาน | 2,725.00 | |
เงินสด ณ 1 ตุลาคม 2550 | 754.78 | |
เงินลงทุนระยะสั้น (เงินฝากประจำ 3 เดือน) | 3,749.60 | |
เงินรายได้มาจากการดำเนินงาน | 2,725.00 | |
เงินสด ณ 30 กันยายน 2551 | 7,229.38 |
กระแสเงินสดได้มาจากกิจกรรมดำเนินงานปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำนวนเงิน 2,725 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลเนื่องมาจากกองทุนฯ มีรายรับสูงขึ้น ขณะเดียวกันก็มีการจ่ายเงินเพื่อการอนุรักษ์พลังงานตามโครงการต่างๆ สูงขึ้นด้วย สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 กระแสเงินสดรับต่ำกว่ากระแสเงินสดจ่าย จำนวนเงิน 575.37 ล้านบาท
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนฯ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551 และ 2550 ที่ สตง. ตรวจสอบรับรองแล้ว ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 3 ประมาณการรายรับ-รายจ่ายของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2553-2556
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2550 และ กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2550ได้พิจารณาแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ สำหรับโครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง และมีมติอนุมัติกรอบแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 (ในช่วงปี 2551-2554) โดยให้เพิ่มเติมงานโครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง ไว้ภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และได้ประกาศอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับ "โครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง" ตามประกาศ กพช. ฉบับ พ.ศ. 2552 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2551
2. กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2552 ได้มีมติให้ยกเลิกการจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนฯ ในส่วนที่เก็บเพื่อส่งเสริมโครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่งของทั้งน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล ที่ปัจจุบันเก็บอยู่ในอัตรา 0.50 บาท/ลิตร และให้โอนเงินที่ได้จัดเก็บไว้แล้ว มาสบทบกับเงินสำหรับส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และลดอัตราจัดเก็บเงินกองทุนฯ ของน้ำมันดีเซลสำหรับส่งเสริมอนุรักษ์พลังงาน จากที่เก็บอยู่ 0.25 บาท/ลิตร เหลือ 0.05 บาท/ลิตร เป็นระยะเวลา 1 ปี จนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2553 หลังจากนั้นให้กลับมาจัดเก็บในอัตราเดิม คือ 0.25 บาท/ลิตร
3. สรุปรายได้ที่จัดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ สำหรับ "โครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง" ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2551 - 1 ตุลาคม 2552 รวมทั้งสิ้น 8,151.37 ล้านบาท โดยปัจจุบันได้โอนเงินดังกล่าวเข้าสมทบกับเงินกองทุนฯ ทั้งนี้ฐานะเงิน "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 มีจำนวนทั้งสิ้น 15,526.93 ล้านบาท
4. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้จัดทำประมาณการรายรับ-รายจ่ายของกองทุนฯ ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2552 สรุปได้ดังนี้
หากนำรายได้/รายจ่ายสุทธิรวมในช่วงปี 2553-2556 (4 ปี) มาใช้เป็นฐานในการจัดสรรงบประมาณ จะพบว่า กองทุนฯ มีรายได้สุทธิช่วงปี 2553-2556 รวม 18,880 ล้านบาท หรือจะสามารถจัดสรรได้ในวงเงินประมาณ 4,700 ล้านบาท/ปี
มติที่ประชุม
รับทราบประมาณการรายรับ-รายจ่ายของกองทุนฯ ในปี 2553-2556
เรื่องที่ 4 รายงานผลการดำเนินงานด้านอนุรักษ์พลังงานและการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3
1. กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2550 ได้เห็นชอบแผนอนุรักษ์พลังงานและเป้าหมาย ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-2554 โดยมีเป้าหมายและการดำเนินการจะลดปริมาณการใช้พลังงานลง 7,820 ktoe หรือคิดเป็นร้อยละ 10.8 ของความต้องการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศในปี 2554 และกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้แทนพลังงานเชิงพาณิชย์ 8,858 ktoe หรือคิดเป็นร้อยละ 12.2 ของความต้องการใช้พลังงาน ในปี 2554 และ กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2552 ได้เห็นชอบแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี โดยกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานทดแทนรวม 10,961 kote หรือคิดเป็นร้อยละ 15.6 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554
2. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ทำการรวบรวมข้อมูลและจัดทำสรุปผลการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงานระยะที่ 3 ได้ดังนี้
2.1 เป้าหมายและผลการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
แผนและเป้าหมาย |
ผลดำเนินการสะสม ปี 2551 (ktoe) |
ผลดำเนินการสะสม ปี 2552 (ktoe) |
เป้าหมายปี 2554 (ktoe) |
ร้อยละการดำเนินการ ปี 2552 เทียบกับเป้าหมาย |
1. การใช้พลังงาน ภาคอุตสาหกรรม | 1,579 | 2,399 | 3,190 | 75 |
(1) การดำเนินการตาม พ.ร.บ. | 452.7 | 452.7 | 212 | 214 |
(2) การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี | 32.9 | 142.5 | 570 | 25 |
(3) การให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ | 432.7 | 1,017.7 | 600 | 170 |
(4) ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ ESCO | 197.4 | 222.5 | 300 | 74 |
(5) การอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วม | 114.0 | 131.7 | 551 | 24 |
(6) การสาธิตเทคโนโลยีระดับสูง | - | 1.7 | 200 | 1 |
(7) DSM Bidding | 24.0 | 92.8 | 149 | 62 |
(8) นโยบาย Co Gen | 325.1 | 337.2 | 608 | 55 |
2. การใช้พลังงาน ด้านการจัดการ | 143.4 | 255.8 | 1,217 | 21 |
(1) มาตรฐานเครื่องจักรอุปกรณ์ไฟฟ้า | ||||
กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำ (MEPs) | - | - | 179 | 0 |
กำหนดมาตรฐานขั้นสูง (Labeling) | 41.9 | 72.6 | 158 | 46 |
(2) มาตรฐานเครื่องจักรอุปกรณ์ความร้อน | ||||
กำหนดมาตรฐานขั้นสูง เตา LPG | 1.5 | 3.0 | 14 | 21 |
(3) มาตรฐานสำหรับยานยนต์ | - | - | 140 | 0 |
(4) มาตรฐานสำหรับอาคาร | - | 1.3 | 1 | 130 |
(5) ส่งเสริมการใช้งานอุปกรณ์ | ||||
ส่งเสริมการใช้เตาถ่านประสิทธิภาพสูง | - | 2.7 | 68 | 4 |
ส่งเสริม CFL | 24 | 83.8 | 46 | 182 |
ส่งเสริม T5 | - | 2.3 | 407 | 0.6 |
(6) รณรงค์สร้างจิตสำนึก/ราชการ | 76 | 90 | 204 | 44 |
3. การใช้พลังงาน ภาคขนส่ง | 138.6 | 152.6 | 3,413 | 4.5 |
(1) ส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งมวลชน | 138 | 152 | 1,554 | 9.78 |
(2) ปรับปรุงระบบจัดการจราจร | - | - | 106 | 0 |
(3) ส่งเสริมธุรกิจ LOGISTIC DEPOT และ ICD | - | - | 1,450 | 0 |
(4) สร้างเครือข่ายระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ | 0.6 | 0.6 | 180 | 0.33 |
(5) นโยบาย ECO CAR | - | - | 123 | 0 |
เป้าหมายผลประหยัด ktoe (สะสม) | 1,861 | 2,807 | 7,820 | 36 |
2.2 เป้าหมายและผลการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
ประเภท |
ผลดำเนินการสะสม ปี 2551 |
ผลดำเนินการสะสม ปี 2552 |
เป้าหมายปี 2554 | ร้อยละการดำเนินการ ปี 2552 เทียบกับเป้าหมาย |
|
1. การผลิตไฟฟ้า | ktoe | 600 | 935 | 1,587 | 59 |
(1) พลังงานชีวมวล | MW | 1,655 | 1,672 | 2,800 | 60 |
(2) ขยะ | MW | 4.25 | 8.1 | 78 | 10 |
(3) ก๊าซชีวภาพ | MW | 68.8 | 79.6 | 60 | 133 |
(4) พลังงานแสงอาทิตย์ | MW | 34 | 40.8 | 55 | 74 |
(5) พลังงานลม | MW | 3.1 | 5.1 | 115 | 4 |
(6) พลังงานน้ำ | MW | 66 | 66 | 165 | 40 |
2. การใช้ความร้อน | ktoe | 2,550 | 3,162 | 4,150 | 76 |
(1) พลังงานชีวมวล | ktoe/ปี | 2,406 | 2,955 | 3,660 | 81 |
(2) ก๊าซชีวภาพ | ktoe/ปี | 144 | 201 | 470 | 43 |
(3) พลังงานแสงอาทิตย์ | ktoe/ปี | 0.3 | 0.99 | 5 | 20 |
(4) พลังงานขยะ | ktoe/ปี | - | 10.6 | 15 | 71 |
3. การใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ | ktoe | 627 | 872 | 1,755 | 50 |
(1) เอทานอล | ล้านลิตร/วัน | 0.8 | 1.2 | 3.0 | 40 |
(2) ไบโอดีเซล | ล้านลิตร/วัน | 1.3 | 1.7 | 3.0 | 57 |
4. การส่งเสริมการใช้ NGV | ktoe | 660 | 1,140 | 3,469 | 33 |
MMSCFD | 77.5 | 133.8 | 393 | 33 | |
เป้าหมายผลประหยัด ktoe (สะสม) | 4,437 | 6,109 | 10,961 | 56 |
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานผลการดำเนินงานด้านอนุรักษ์พลังงานและการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3
เรื่องที่ 5 รายงานสรุปผลการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน
1. คณะกรรมการกองทุนฯ มีคำสั่งที่แต่งตั้งคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน เพี่อทำหน้าที่ประเมินผลการดำเนินงานของโครงการ และเสนอข้อพิจารณาประกอบรายงานการประเมินผลของโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ เป็นรายโครงการ และนำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ ต่อไป
2. สนพ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ได้ว่าจ้างบริษัท เอเบิล คอนซัลแตนท์ จำกัด เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานศึกษา วิเคราะห์ และประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงานในเบื้องต้น ก่อนนำเสนอคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบผลการประเมินดังกล่าว โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2551 - 24 มีนาคม 2552
3. ผลการประเมินโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2551
3.1 คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาผลการประเมินโครงการไปแล้วทั้งสิ้น 19 ครั้ง โดยมีโครงการที่ได้รับการประเมิน และคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ให้ความเห็นชอบผลการประเมินเรียบร้อยแล้ว รวมจำนวน 192 โครงการ แยกตามแผนงานและกลุ่มงานได้ ดังนี้
กลุ่มงาน | แผนเพิ่มประสิทธิภาพ การใช้พลังงาน |
แผน พลังงานทดแทน |
แผนบริหาร เชิงกลยุทธ์ |
รวม |
ศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค | 8 | 7 | - | 15 |
ส่งเสริมและสาธิต | 28 | 37 | - | 65 |
พัฒนาบุคลากร | 42 | 12 | - | 54 |
ประชาสัมพันธ์ | 55 | 2 | - | 57 |
ศึกษานโยบายและวิชาการ | - | - | 1 | 1 |
รวม | 133 | 58 | 1 | 192 |
หากพิจารณาแบ่งตามสถานภาพการดำเนินโครงการ สามารถแบ่งโครงการออกได้เป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย โครงการที่ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเจ้าของโครงการไม่ได้ว่าจ้างประเมิน จำนวน 95 โครงการ และโครงการที่ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเจ้าของโครงการได้ว่าจ้างประเมินแล้ว จำนวน 16 โครงการ ส่วนที่เหลืออีก 81 โครงการ เป็นโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ
3.2 การประเมินได้ใช้โมเดล 3 รูปแบบ ขึ้นอยู่กับสถานภาพโครงการ ดังนี้ กรณีโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ ใช้ CIPPA Model กรณีที่โครงการยังอยู่ระหว่างดำเนินการ ใช้ Logical Framework และกรณีที่โครงการได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยและมีผลประเมินแล้ว ใช้ Meta Evaluation ซึ่งเป็นรูปแบบการประเมินที่ใช้ตรวจสอบประเมินเหมือนกับโครงการที่เสร็จสิ้นแล้ว แต่จะประเมินเพิ่มเติมถึงเทคนิควิธีที่บริษัทผู้ประเมินใช้ ในการประเมินความถูกต้องและสัมฤทธิผล ในแต่ละหัวข้อของแต่ละโครงการได้กำหนดเป็นระดับคะแนน ซึ่งเทียบได้กับระดับที่ต้องปรับปรุง พอใช้ ดีมาก และดีเยี่ยม
3.3 ผลการประเมินตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้น สามารถสรุปได้ดังนี้
สถานะโครงการ/ ผลการประเมิน |
ดีเยี่ยม | ดีมาก | ดี | พอใช้ | ต้องปรับปรุง | รวม |
แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | ||||||
- โครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ | 0 | 10 | 49 | 8 | 0 | 67 |
- โครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จและมีผลการประเมินแล้ว | 0 | 1 | 2 | 13 | 0 | 16 |
- โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ | 2 | 4 | 30 | 14 | 0 | 50 |
จำนวนโครงการ | 2 | 15 | 81 | 35 | 0 | 133 |
คิดเป็นร้อยละ | 1.5 | 11.3 | 60.9 | 26.3 | 0 | 100.0 |
แผนพลังงานทดแทน | ||||||
- โครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ | 0 | 2 | 6 | 17 | 2 | 27 |
- โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ | 0 | 0 | 12 | 6 | 13 | 31 |
จำนวนโครงการ | 0 | 0 | 18 | 23 | 15 | 58 |
คิดเป็นร้อยละ | 0 | 3.5 | 31.0 | 39.7 | 25.9 | 100.0 |
แผนบริหารเชิงกลยุทธ์ | ||||||
- โครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ | 0 | 0 | 0 | 1 | 0 | 1 |
คิดเป็นร้อยละ | 0 | 0 | 0 | 100.0 | 0 | 100.0 |
จำนวนโครงการทั้งหมด | 2 | 17 | 99 | 59 | 15 | 192 |
คิดเป็นร้อยละ | 1.0 | 8.9 | 51.6 | 30.7 | 7.8 | 100.0 |
3.4 จากการใช้เทคนิค Balanced Scorecard ในการประเมินผลการดำเนินงานของแผนอนุรักษ์พลังงาน โดยใช้ข้อมูลในตารางข้างต้นเป็นฐาน แล้วปรับเปลี่ยนให้อยู่ในรูปแบบการประเมินของ OECD (Organization for Economic Cooperation and Development ) ที่เน้นด้านประสิทธิผล ประสิทธิภาพ ความเกี่ยวข้องสอดคล้องกับนโยบาย วัตถุประสงค์ และผลกระทบ/ความยั่งยืน สามารถอนุมานได้ว่า ผลการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงานอยู่ในระดับพอใช้ โดยจุดอ่อนที่สำคัญของโครงการส่วนใหญ่อยู่ที่การนำผลของโครงการไปใช้ (Application) ซึ่งมี 2 องค์ประกอบ คือ ผลกระทบและความยั่งยืน
3.5 ข้อเสนอแนะในการปรับปรุง
จากการใช้วิธี SWOT Analysis ผนวกกับ Delphi Technique ซึ่งอาศัยกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและผู้ชำนาญการต่างๆ ให้ความเห็นและข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุง สามารถสรุปผลได้ ดังนี้
ก. การคัดเลือกและอนุมัติโครงการ ควรมีการพิจารณาคัดเลือกและอนุมัติโครงการอย่างเข้มงวด เพื่อให้ได้โครงการที่ดี สามารถบริหารจัดการได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด มีผลกระทบต่อการอนุรักษ์พลังงานอย่างมีนัยสำคัญ และคุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายและเวลา
ข. การบริหารจัดการโครงการ เพื่อให้การบริหารควบคุม และจัดการโครงการมีประสิทธิภาพ เจ้าของโครงการจะต้องมีเวลาเพียงพอสำหรับการพิจารณาตรวจอ่านรายงาน ติดตามงาน และปรับปรุงแก้ไขโครงการ ในกรณีที่โครงการมีปัญหา ดังนั้นจึงเสนอให้ปรับลดจำนวนโครงการที่แต่ละกรม/หน่วยงาน/คน รับผิดชอบ โดยให้สอดคล้องกับขีดความสามารถที่มีอยู่
ค. การดำเนินงาน งานบางประเภทควรจะดำเนินการเอง ไม่ควรจ้างที่ปรึกษาดำเนินการ เช่น งานที่สมควรเป็นความลับ (งานเกี่ยวกับข้อมูลองค์กร ข้อมูลที่สำคัญๆ ของประเทศ) งานที่ทำเป็นประจำทุกปี ที่สามารถใช้หรือจ้างเจ้าหน้าที่ประจำทำ (งานบริหารเครือข่ายข้อมูล และประชาสัมพันธ์ งานบริหารโครงการภายใต้แผนต่างๆ เป็นต้น) ซึ่งหากสามารถดำเนินการได้ เจ้าหน้าที่ก็จะมีความรู้ ประสบการณ์ และพัฒนาการในตัวเอง อันจะเป็นประโยชน์ต่อองค์กรในระยะยาว
ง. การทบทวนกลยุทธ์การดำเนินงาน งานบางประเภทแม้จะมีผลการประเมินออกมาดี เช่น งานฝึกอบรม งานอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วม เป็นต้น สมควรมีการทบทวนกลยุทธ์ใหม่ เนื่องจากได้ดำเนินการมานานแล้ว เสียค่าใช้จ่ายสูง ควรเน้นการอนุรักษ์พลังงานโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นต้น
จ. การดำเนินโครงการด้านประชาสัมพันธ์ ควรลดความซ้ำซ้อนจากการที่ต่างคนต่างดำเนินการ ลดการใช้สื่อประชาสัมพันธ์ตัวบุคคล และเน้นการประชาสัมพันธ์แบบเฉพาะเจาะจงไปยังกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้นแทนการประชาสัมพันธ์แบบปูพรม
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานสรุปผลการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ โดยประธานกรรมการให้ฝ่ายเลขานุการฯ ชี้แจงความแตกต่างของระดับคะแนนที่กำหนดในระดับต้องปรับปรุง พอใช้ ดีมาก และดีเยี่ยม ต่อประธานฯ ทราบต่อไป
เรื่องที่ 6 ผลการพิจารณาการขอปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
1. ระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ข้อ 15 และข้อ 24 กำหนดไว้ "การเปลี่ยนแปลงรายการ ระยะเวลาดำเนินการ ไปจากรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนได้อนุมัติไว้แล้ว จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนก่อน จึงจะเปลี่ยนแปลงได้ "และตามมติคณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2548 ได้กำหนดภารกิจในเรื่องดังกล่าว โดยมอบหมายให้คณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณากลั่นกรองและให้ความเห็น แล้วฝ่ายเลขานุการฯ จึงสรุปเวียนเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณา
2. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2552 ได้พิจารณาการขอปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว 31 โครงการ และเห็นชอบให้ทั้ง 31 โครงการ ปรับรายละเอียดโครงการได้ โดยจำแนกประเด็นที่ขอเปลี่ยนแปลงออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้
2.1 ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ กรณีผู้เบิกเงินกองทุนฯ ก่อหนี้ผูกพันไว้แล้ว แต่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายในสามเดือนนับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา จำนวน 9 โครงการ ดังนี้
(1) โครงการพัฒนาเทคโนโลยี สารสนเทศเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน (งานปรับปรุงห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์)
(2) โครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากกังหันลมขนาดใหญ่ จ. ปัตตานี
(3) โครงการไฟฟ้าพลังน้ำระดับหมู่บ้านอย่างยั่งยืน (งานว่าจ้างปรับปรุงเครื่องกังหันน้ำและเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์ประกอบโครงการไฟฟ้าพลังน้ำระดับหมู่บ้าน โครงการดอยลาง)
(4) โครงการศึกษาการผลิตแก๊สชีวภาพจากกากมันสำปะหลัง
(5) โครงการให้คำปรึกษา ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานของเครือข่ายสารสนเทศด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย (ระยะที่ 3)
(6) โครงการศึกษาอิทธิพลของตัวแปรที่มีผลต่อการนำแสงธรรมชาติทางด้านข้างมาใช้ในอาคาร
(7) โครงการใช้แสงธรรมชาติผ่านแผงควบคุมช่องเปิดด้านบน
(8) โครงการศึกษาเปรียบเทียบลักษณะรูปทรงและวัสดุหลังคาเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
(9) โครงการศึกษาและวิจัยรูปแบบเปลือกอาคารที่เหมาะสมกับการอนุรักษ์พลังงาน
2.2 ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการ จำนวน 15 โครงการ ดังนี้
(1) โครงการติดตั้งกังหันลมผลิตไฟฟ้าจ่ายขนานเข้าระบบจำหน่าย
(2) โครงการสร้างองค์ความรู้ด้านพลังงานสำหรับโรงเรียนในเขตภาคเหนือตอนบน
(3) โครงการพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้และขยายเครือข่ายการสื่อสารด้านพลังงานในกลุ่มเยาวชนและครู ประจำปี 2551
(4) โครงการจัดสัมมนา 6 ปี นโยบายพลังงานกับการพัฒนาประเทศ
(5) โครงการสร้างความเข้าใจนโยบาย E85
(6) โครงการรณรงค์สร้างความเข้าใจในนโยบายการประหยัดพลังงาน
(7) โครงการลดใช้พลังงานในภาครัฐในหน่วยงานภาครัฐขนาดเล็ก ของ สวภ. 12
(8) โครงการลดใช้พลังงานในภาครัฐในหน่วยงานภาครัฐขนาดเล็ก ของ สวภ. 6
(9) โครงการให้คำปรึกษา ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานของเครือข่ายสารสนเทศด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย (ระยะที่ 3)
(10) โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาในประเทศ จำนวน 2 ทุน
(11) โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ จำนวน 3 ทุน
(12) โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 10 ทุน
(13) โครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการปลูกไม้โตเร็วเพื่อเป็นพลังงานชีวมวล
(14) โครงการศึกษาแนวทางบริหารจัดการเชื้อเพลิงชีวมวลเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน (ระดับชุมชน)
(15) โครงการสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการไตรภาคีภายใต้โครงการส่งเสริมผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กที่ใช้พลังงานหมุนเวียน
2.3 เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ จำนวน 2 โครงการ ดังนี้
(1) โครงการศูนย์บริการข้อมูลพลังงานภูมิภาคที่ 9
(2) โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการใช้หัวเผาไหม้ประสิทธิภาพสูงในเตาเผาเซรามิก
2.4 เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการและขยายระยะเวลาดำเนินการ จำนวน 5 โครงการ ดังนี้
(1) โครงการส่งเสริมการใช้หลอดผอมใหม่เบอร์ 5
(2) โครงการสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรด้านพลังงานเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมายุครบ 70 พรรษา
(3) โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ จำนวน 3 ทุน
(4) โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 1 ทุน
(5) โครงการจัดงานประชุมวิชาการและแสดงนิทรรศการ ภายใต้หัวข้อ "พลังงาน กู้วิกฤตไทย"
3. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้มีหนังสือเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาการขอความเห็นชอบปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว และคณะกรรมการกองทุนฯ ได้มีมติอนุมัติให้ทั้ง 31 โครงการ ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ขยายระยะเวลาดำเนินการ และเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการได้ ตามที่ขอมา
มติที่ประชุม
รับทราบผลการพิจารณาการขอปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว ทั้ง 31 โครงการ ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 7 งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
1. คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 ได้รับทราบแผนอนุรักษ์พลังงานและเป้าหมาย ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-2554 ตามที่ กพช. เสนอ โดยมีเป้าหมายและการดำเนินการจะลดปริมาณการใช้พลังงานลง 7,820 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.8 ของความต้องการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศในปี 2554 และกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้แทนพลังงานเชิงพาณิชย์ 8,858 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 12.2 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554 และ กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2552 ได้เห็นชอบแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี โดยกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานทดแทนรวม 10,961 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 15.6 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554
2. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2552 ได้อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2552 ให้ พพ. และ สนพ. ในวงเงินรวม 2,396,252,804 บาท ซึ่งหน่วยงานดังกล่าวได้ดำเนินโครงการต่างๆ ตามที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ 2552 โดยได้มีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 2,155,500,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 85.6 และได้จัดทำรายงานผลการดำเนินงานโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2552 เสนอไว้ในเอกสารประกอบวาระ 4.1 ส่วนที่ 1
3. เพื่อให้การจัดสรรเงินกองทุนฯ เกิดประโยชน์สูงสุดในการดำเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ฝ่ายเลขานุการฯ ได้เสนอกรอบในการพิจารณารายละเอียดรายจ่ายโครงการฯ ต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2552 และคณะอนุกรรมการฯ ได้เห็นชอบการแต่งตั้งคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2553 ของกองทุนฯ โดยกำหนดแนวทาง/หลักเกณฑ์ที่สำคัญในการพิจารณากลั่นกรองโครงการฯ ดังนี้
1) การจัดลำดับความสำคัญตามนโยบายและแผน โดยทำการพิจารณาถึงความสอดคล้องของโครงการกับภารกิจที่สำคัญ ดังนี้
- ภารกิจตามข้อกำหนดและกฎหมาย พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
- ภารกิจตามยุทธศาสตร์ระดับชาติ นโยบายรัฐบาล และกระทรวงพลังงาน
- ภารกิจตามเจตนารมณ์ของกองทุนฯ ตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และตามแผนและเป้าหมายอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2551-2554
- ภารกิจตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี (พ.ศ. 2551-2565)
2) ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา โดยพิจารณาถึงผลการดำเนินงานที่ผ่านมาว่าเกิดผลสำเร็จตามเป้าหมายของโครงการหรือไม่ โดยเน้นให้การสนับสนุนโครงการที่ก่อให้เกิดผลประหยัดหรือผลการใช้พลังงานทดแทนที่ชัดเจน และสอดคล้องกับเป้าหมายตามแผนอนุรักษ์พลังงาน
3) ศักยภาพในการขยายผล โดยเน้นโครงการวิจัยและ/หรือดำเนินการแล้วสามารถที่นำไปปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้จริง (Deployment Potential) โดยแบ่งตามศักยภาพการขยายผลเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "มาก" และกลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "น้อย"
4. คณะทำงานฯ ได้ประชุมเพื่อพิจารณารายละเอียดการของบประมาณรายจ่ายโครงการของกองทุนฯ ตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะอนุกรรมการฯ แล้ว โดยสรุปผลได้ ดังนี้
1) เห็นสมควรสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายตามโครงการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของกองทุนฯ เป็นจำนวนไม่เกิน3,203,565,752 บาท รวม 73 โครงการ โดยแบ่งรายจ่ายออกเป็น 2 หน่วยงานผู้เบิกเงิน กองทุนฯ ดังนี้
(1) พพ. จำนวน 1,823,952,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 56.93 รวม 40 โครงการ
(2) สนพ. จำนวน 1,379,613,752 บาท คิดเป็นร้อยละ 43.07 รวม 33 โครงการ
2) งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553 ที่เกี่ยวกับโครงการประชาสัมพันธ์ เสนอพิจารณาอนุมัติไว้เป็นกรอบวงเงิน จำนวน 500,000,000 บาท เพื่อให้งานประชาสัมพันธ์มีความเป็นเอกภาพ มีทิศทางการปฏิบัติไปในแนวเดียวกัน โดยการบริหารจัดการเพื่อใช้เงินจากกองทุนฯ ให้ผ่านความเห็นชอบของ "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" ที่ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน โดยให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผน/งานเดียวกันได้
3) ให้ สนพ. และ พพ. จัดส่งรายละเอียดโครงการที่ปรับปรุงและแก้ไขแล้ว ให้คณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน เพื่อประกอบการประเมินผลโครงการต่อไป
5. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2553 ได้รับทราบผลการดำเนินงานโครงการที่ได้รับจัดสรรทุนในปีงบประมาณ 2552 และได้พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553 ของกองทุนฯ แล้ว ที่ประชุมมีมติเห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553 เป็นจำนวน 3,203,565,752 บาท ตามที่คณะทำงานเห็นสมควร และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ดังนี้
จำแนกตามแผนอนุรักษ์พลังงาน | รวม | ร้อยละ | จำแนกตามหน่วยผู้เบิก (บาท) | |
พพ. | สนพ. | |||
1. แผนพลังงานทดแทน | 1,039,305,450 | 32.44 | 292,712,000 | 746,593,450 |
1.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา | 233,548,000 | 7.29 | 33,548,000 | 200,000,000 |
1.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 364,965,050 | 11.39 | 237,151,000 | 127,814,050 |
1.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 421,867,400 | 13.17 | 3,088,000 | 418,779,400 |
1.4 งานบริหารแผนงาน | 18,925,000 | 0.59 | 18,925,000 | 0 |
2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 2,034,859,090 | 63.52 | 1,531,240,000 | 503,619,090 |
2.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา | 175,000,000 | 5.46 | 95,000,000 | 80,000,000 |
2.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 1,412,245,750 | 44.08 | 1,378,500,000 | 33,745,750 |
2.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 425,113,340 | 13.27 | 35,240,000 | 389,873,340 |
2.4 งานบริหารแผนงาน | 22,500,000 | 0.70 | 22,500,000 | 0 |
3. แผนบริหารเชิงกลยุทธ์ | 129,401,212 | 4.04 | 0 | 129,401,212 |
3.1 งานศึกษาวิจัยเชิงนโยบาย | 38,722,200 | 1.21 | 0 | 38,722,200 |
3.2 งานบริหารแผนงาน | 90,679,012 | 2.83 | 0 | 90,679,012 |
รวมงบประมาณ กทอ. ปี 2553 | 3,203,565,752 | 100 | 1,823,952,000 | 1,379,613,752 |
6. ฝ่ายเลขานุการฯ มีข้อเสนอในการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ดังนี้
1) เนื่องจาก พพ. และ สนพ. มีงานบริหารเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานที่ต้องดำเนินงานต่อเนื่อง จึงมีรายจ่ายประจำที่จำเป็นเพื่อการบริหารงานที่เกิดขึ้น เช่น ค่าจ้างลูกจ้างชั่วคราว เงินเพิ่มค่าครองชีพ เงินสมทบประกันสังคมฝ่ายนายจ้าง ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ และค่าจ้างเหมาต่างๆ เป็นต้น ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเห็นชอบให้งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553 ของกองทุนฯ งานบริหารจัดการ ของ สนพ. และงานบริหารแผนพลังงานทดแทนและแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ของ พพ. มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2552 โดยให้แต่ละหน่วยงานสามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในหมวดต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
2) การพิจารณาให้ความเห็นชอบโครงการภายใต้งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ทั้งแผนพลังงานทดแทนและแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในส่วนที่ สนพ. รับผิดชอบ ให้ สนพ. ทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองรายละเอียดของโครงการที่มีผู้ยื่นขอรับการสนับสนุน ตามรายละเอียดการของบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553 แล้วนำเสนอผู้มีอำนาจอนุมัติภายในวงเงิน ดังต่อไปนี้
1. ผอ.สนพ. | ไม่เกิน 10,000,000 บาท |
2. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ | เกิน 10,000,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000,000 บาท |
3. คณะกรรมการกองทุนฯ | เกิน 50,000,000 บาท |
3) ให้ "คณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" มีอำนาจพิจารณาเห็นชอบ/อนุมัติ แผน/งาน/โครงการและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนฯ หรือผู้รับทุนเสนอขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ และขยายระยะเวลาโครงการที่แตกต่างไปจากเดิมที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้เห็นชอบ/อนุมัติไว้ ได้เท่าที่ไม่เกินจากวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนฯ จัดสรรให้
4) งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553 ที่เกี่ยวกับโครงการประชาสัมพันธ์ ในแผนพลังงานทดแทน 250 ล้านบาท และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 250 ล้านบาท ให้ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจาก "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" ที่ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน โดยให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผน/งานเดียวกันได้ ทั้งนี้เมื่อคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ เห็นชอบแล้ว ให้เสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติก่อนดำเนินโครงการต่อไป
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบผลการดำเนินงานโครงการของกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2552 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
2. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553 ของกองทุนฯ เป็นจำนวน 3,203,565,752 บาท (สามพันสองร้อยสามล้านห้าแสนหกหมื่นห้าพันเจ็ดร้อยห้าสิบสองบาทถ้วน) โดยแบ่งรายจ่ายออกเป็น 2 หน่วยงานผู้เบิกเงินกองทุนฯ ดังนี้
หน่วย : บาท
หน่วยงาน | แผน พลังงานทดแทน |
แผน เพิ่มประสิทธิภาพฯ |
แผนงานบริหาร ทางกลยุทธ์ |
รวม |
1) พพ. | 292,712,000 | 1,531,240,000 | 1,823,952,000 | |
2) สนพ. | 746,593,450 | 503,619,090 | 129,401,212 | 1,379,613,752 |
รวม | 1,039,305,450 | 2,034,859,090 | 129,401,212 | 3,203,565,752 |
ทั้งนี้ ให้แต่ละหน่วยงานสามารถถัวจ่ายรายการต่างๆ ภายในแผน/งาน เดียวกันได้
3. อนุมัติให้งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553 ของกองทุนฯ งานบริหารจัดการ ของ สนพ. และงานบริหารแผนพลังงานทดแทนและแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ของ พพ. มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2552 โดยให้แต่ละหน่วยงานสามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในหมวดต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
4. เห็นชอบให้ สนพ. พิจารณากลั่นกรองรายละเอียดของโครงการภายใต้งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ทั้งแผนพลังงานทดแทนและแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในส่วนที่ สนพ. รับผิดชอบ ที่มีผู้ยื่นขอรับการสนับสนุน แล้วนำเสนอผู้มีอำนาจอนุมัติภายในวงเงิน ดังต่อไปนี้
(1) ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน | ไม่เกิน 10,000,000 บาท |
(2) คณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน | เกิน 10,000,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000,000 บาท |
(3) คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน | เกิน 50,000,000 บาท |
5. เห็นชอบให้ "คณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" มีอำนาจพิจารณาเห็นชอบ/อนุมัติ แผน/งาน/โครงการและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนฯ หรือผู้รับทุนเสนอขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ และขยายระยะเวลาโครงการที่แตกต่างไปจากเดิมที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้เห็นชอบ/อนุมัติไว้ ได้เท่าที่ไม่เกินจากวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนฯ จัดสรรให้ โดยการพิจารณาและให้ความเห็นชอบ/อนุมัติ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ และขยายระยะเวลาโครงการที่แตกต่างไปจากเดิมที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้เห็นชอบ/อนุมัติไว้ นั้น ให้เป็นตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
(1) ไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม
(2) ผลลัพธ์ของโครงการไม่ลดลง
(3) ไม่มีผลกระทบต่อวัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการ
ทั้งนี้ หากการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการใดไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ข้างต้น ให้คณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณากลั่นกรองและให้ความเห็น แล้วให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณา
6. เห็นชอบให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ที่เกี่ยวกับโครงการประชาสัมพันธ์ ในแผนพลังงานทดแทน 250 ล้านบาท และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 250 ล้านบาท ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจาก "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" ที่ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน โดยให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผน/งานเดียวกันได้ ทั้งนี้เมื่อคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ เห็นชอบแล้ว ให้เสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติก่อนดำเนินโครงการต่อไป และให้กระทรวงพลังงานดำเนินการประเมินผลการประชาสัมพันธ์ที่ได้รับงบประมาณจากกองทุนฯ ต่อไปด้วย
เรื่องที่ 8 การปรับปรุงแก้ไขระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537
1. พ.ร.บ การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 ได้กำหนดให้จัดตั้ง "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ในกระทรวงพลังงาน เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนและใช้จ่ายช่วยเหลือหรืออุดหนุนการดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน..." แล้วให้กระทรวงพลังงานเก็บรักษาเงิน และทรัพย์สินของกองทุนฯ และดำเนินการเบิกจ่ายเงินตามพระราชบัญญัตินี้ และ "ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้สิน และเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในกระทรวงการคลัง ไปเป็นของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานตามพระราชบัญญัตินี้" ซึ่งปลัดกระทรวงพลังงาน ได้เห็นชอบและให้ สนพ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการกองทุนฯ ทำหน้าที่เป็นผู้รับโอนการดำเนินงานจากกรมบัญชีกลาง เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2551
2. สนพ. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. ... เพื่อปรับปรุงระเบียบฯ ให้มีความถูกต้องสอดคล้องกับ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550
3. คณะทำงานฯ ได้มีการประชุมเพื่อปรับปรุงร่างระเบียบ โดยมีสาระสำคัญในการแก้ไขระเบียบ ดังนี้
3.1 เปลี่ยนชื่อหน่วยงานผู้ดำเนินการตามร่างระเบียบ ดังนี้
"สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ" เป็น "สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน"
"กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน" เป็น "กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน"
"กรมบัญชีกลาง" เป็น "สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน"
3.2 เพิ่มเติมคำนิยามในร่างระเบียบฯ
"คณะอนุกรรมการกองทุน" หมายความว่า คณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานแต่งตั้งตามมาตรา 34 แห่งพ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550
3.3 ให้ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานหรือผู้ที่ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานมอบหมาย เป็นผู้มีอำนาจอนุมัติการจ่ายเงินกองทุนตามประมาณการรายจ่ายประจำปี และรายจ่ายตามโครงการที่คณะกรรมการกองทุนอนุมัติ โดยโอนเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ตามที่ผู้เบิกเงินกองทุนแจ้งมา
3.4 ปรับปรุงการใช้เงินทดรองจ่ายในส่วนของค่าบริหารงานกองทุนให้มีความคล่องตัวเพิ่มขึ้น
ร่างระเบียบข้อ 15 ให้หน่วยงานที่ได้รับอนุมัติประมาณการรายจ่ายประจำปี มีเงินทดรองจ่ายในวงเงินตามที่คณะกรรมการกองทุนอนุมัติ เพื่อใช้ทดรองจ่ายตามประมาณการรายจ่ายประจำปีได้ตามความจำเป็น
กรณีที่คณะกรรมการกองทุนยังมิได้มีมติอนุมัติประมาณการรายจ่ายประจำปี ให้นำเงินทดรองจ่ายไปจ่ายเป็นค่าบริหารงานกองทุนที่จำเป็นและเร่งด่วนตามกรอบประมาณการรายจ่ายประจำปีที่ผ่านมาได้ไปพลางก่อนภายในวงเงินทดรองจ่ายที่คณะกรรมการกองทุนอนุมัติ
3.5 กำหนดให้เพิ่มอำนาจคณะอนุกรรมการกองทุนไว้ในร่างระเบียบฯ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน และสอดคล้องตามมาตรา 34 วรรค 1 แห่ง พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 ดังนี้
1) ด้านการรับเงินกองทุน
ร่างระเบียบข้อ 7 ให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เปิดบัญชีเงินฝาก "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ประเภทเงินฝากกระแสรายวัน เงินฝากออมทรัพย์ หรือเงินฝากประจำกับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจตามที่คณะอนุกรรมการกองทุนเห็นสมควรและให้รายงานคณะกรรมการกองทุนรับทราบต่อไป
ในกรณีที่มีความจำเป็นจะต้องเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์อื่นจะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
2) ด้านการเบิกจ่ายเงินกองทุน
ร่างระเบียบข้อ 18 กรณีผู้เบิกเงินกองทุนก่อหนี้ผูกพันตามประมาณการรายจ่ายประจำปี หรือรายจ่ายตามโครงการภายในปีงบประมาณแต่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายในปีงบประมาณนั้นๆ ให้ขยายเวลาการเบิกจ่ายรายการนั้นต่อไปได้ภายใน 3 เดือน นับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา ซึ่งนับรวมระยะเวลาตรวจรับงานไว้แล้ว หากไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้ทันภายใน 3 เดือน ที่ได้ขยายเวลาการเบิกจ่ายแล้วให้เป็นอำนาจของคณะอนุกรรมการกองทุนที่จะพิจารณาอนุมัติ
ร่างระเบียบข้อ 19 การเปลี่ยนแปลงรายการ ระยะเวลาดำเนินการ ไปจากรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนได้อนุมัติไว้แล้ว โดยไม่เกินวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนจัดสรรให้ จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะอนุกรรมการกองทุนก่อน จึงจะเปลี่ยนแปลงได้
กรณีที่เปลี่ยนแปลงรายการ ระยะเวลาดำเนินการ ไปจากรายละเอียดโครงการที่ต้องเพิ่มวงเงินให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการกองทุน
3) ด้านการเบิกจ่ายเงินกองทุนสำหรับผู้ได้รับจัดสรรเงินกองทุน
ร่างระเบียบข้อ 26 การเปลี่ยนแปลงรายการ ระยะเวลาดำเนินการ ไปจากรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนได้อนุมัติไว้แล้ว โดยไม่เกินวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนจัดสรรให้ จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะอนุกรรมการกองทุนก่อน จึงจะเปลี่ยนแปลงได้
กรณีที่เปลี่ยนแปลงรายการ ระยะเวลาดำเนินการ ไปจากรายละเอียดโครงการที่จะต้องเพิ่มวงเงิน ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการกองทุน โดยให้ผู้ได้รับจัดสรรเงินกองทุนยื่นเรื่องขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการผ่านผู้เบิกเงินกองทุน
3.6 เพิ่มเติมรายละเอียดการดำเนินการด้านการบัญชี
ร่างระเบียบข้อ 30 ให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานจัดทำบัญชีกองทุนให้เป็นไปตามหลักการและนโยบายบัญชีสำหรับหน่วยงานภาครัฐ ตามที่กระทรวงการคลังประกาศกำหนด
ร่างระเบียบข้อ 31 ให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานนำข้อมูลเกี่ยวกับการบัญชีของกองทุนเข้าระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐด้วยระบบอิเล็คทรอนิกส์ (GFMIS) ตามที่กรมบัญชีกลางกำหนด
ร่างระเบียบข้อ 33 ให้คณะกรรมการกองทุนโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน จัดทำงบการเงินเพื่อส่งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินหรือบุคคลภายนอกซึ่งคณะกรรมการกองทุนแต่งตั้งโดยความเห็นชอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชีของกองทุน และให้ทำการตรวจสอบและรับรองบัญชีและการเงินทุกประเภทของกองทุนภายใน 90 วันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณทุกปี
ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินหรือผู้สอบบัญชีตามวรรคหนึ่ง จัดทำรายงานผลการสอบและรับรองบัญชีและการเงินของกองทุน เสนอต่อคณะกรรมการกองทุน ภายใน 150 วันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรี เพื่อทราบ
รายงานผลการสอบบัญชีและการเงินตามวรรคสอง ให้รัฐมนตรีเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอต่อรัฐสภา เพื่อทราบ และจัดให้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ร่างระเบียบข้อ 34 ให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานจัดให้มีการตรวจสอบภายในเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี และการพัสดุของกองทุน และรายงานผลการตรวจสอบให้คณะกรรมการทราบอย่างน้อยปีละครั้ง
4. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ดำเนินการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจของคณะอนุกรรมการฯ โดยร่างคำสั่งคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่ ....../2553 เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ
5. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2552 ได้เห็นชอบร่างระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. ... ตามที่คณะทำงานฯ ได้ปรับปรุงแก้ไข และเห็นชอบร่างคำสั่งคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่ ....../2553 เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาต่อไป
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบร่างระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. ... ยกเว้นร่างระเบียบฯ ข้อ 7 ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ดำเนินการแก้ไขตามที่ประธานกรรมการได้ให้ความเห็นไว้ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอต่อกระทรวงการคลัง พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
2. เห็นชอบร่างคำสั่งคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่ ...../2553 เรื่องแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการดังกล่าว เสนอต่อประธานกรรมการกองทุนฯ เพื่อลงนามต่อไป
เรื่องที่ 9 การปรับปรุงองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการประเมินผลแผนอนุรักษ์พลังงาน
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2541 ได้มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการประเมินผลแผนอนุรักษ์พลังงาน เพื่อทำหน้าที่ในการพิจารณาอนุมัติเงินกองทุนเพื่อใช้จ่ายในการจ้างที่ปรึกษาเพื่อประเมินผลการดำเนินงานของโครงการที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ตามหลักเกณฑ์และวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนฯ กำหนด พร้อมทั้งประเมินผลการดำเนินงานโครงการและเสนอข้อพิจารณาประกอบรายงานการประเมินผลโครงการ และนำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณา
2. คณะกรรมการกองทุนฯ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน โดยมี ศ.ดร. จุลละพงษ์ จุลละโพธิ เป็นประธานอนุกรรมการ มีผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 6 ท่าน เป็นอนุกรรมการ และมีผู้แทน สนพ. เป็นเลขานุการฯ เพื่อทำหน้าที่ในการประเมินผลการดำเนินงานของโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ เป็นรายโครงการ และเสนอข้อพิจารณาประกอบรายงานการประเมินผลของโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ และนำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ ต่อไป
3. ปัจจุบันโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงานมีเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ต้องรับภาระหน้าที่ในการประเมินผลโครงการมากขึ้น ประกอบกับการศึกษาวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านพลังงานในขณะนี้มีความหลากหลาย จำเป็นจะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เพื่อร่วมพิจารณาประเมินผลโครงการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยครอบคลุมในสาขาวิชาต่างๆ มากยิ่งขึ้น ประกอบกับอนุกรรมการ คือ ศ.ดร. ปิยะวัติ บุญ-หลง ได้มีหนังสือขอลาออกจากการเป็นอนุกรรมการประเมินผลฯ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2552 เป็นต้นไป ที่ประชุมคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ จึงเห็นสมควรให้มีการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ใหม่ ดังนี้
(1) นายจุลละพงษ์ จุลละโพธิ | ประธานอนุกรรมการ |
(2) นายวิวัฒน์ ตัณฑะพานิชกุล | อนุกรรมการ |
(3) นายศุภชาติ จงไพบูลย์พัฒนะ | อนุกรรมการ |
(4) นายธีระพงษ์ วิกิตเศรษฐ | อนุกรรมการ |
(5) นายทนงเกียรติ เกียรติศิริโรจน | อนุกรรมการ |
(6) นายสมชาติ โสภณรณฤทธิ์ | อนุกรรมการ |
(7) นายกล้าณรงค์ ศรีรอต | อนุกรรมการ |
(8) นายธราพงษ์ วิทิตศานต์ | อนุกรรมการ |
(9) ผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน | อนุกรรมการและเลขานุการ |
ประธานกรรมการกองทุนฯ เห็นว่าองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญในด้านวิศวกรรมศาสตร์เป็นส่วนใหญ่ จึงให้ฝ่ายเลขานุการฯ พิจารณาปรับปรุงองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ โดยให้มีผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญหลากหลายสาขามากขึ้น และครอบคลุมสาขาต่างๆได้แก่ เศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ และการบัญชี และให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป
เนื่องจาก ได้ล่วงเลยเวลาที่ประธานกรรมการจะต้องไปทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะกรรมการเร่งรัดการใช้งบประมาณแผ่นดิน ณ กระทรวงการคลัง จึงขอปิดการประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ และให้นำระเบียบวาระการประชุมที่เหลือ ไปพิจารณาอีกครั้งในการประชุมครั้งต่อไป