Super User
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 23 กันยายน 2554
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 20 ตุลาคม 2552
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 22 กันยายน 2554
ครั้งที่ 75 - วันพุธ ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 17/2554 (ครั้งที่ 75)
เมื่อวันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554 เวลา 16.00 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล) ประธานกรรมการ
ผู้ตรวจราชการกระทรวง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายบุญส่ง เกิดกลาง) กรรมการและเลขานุการ
ประธานฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมฯ ทราบว่า ในวันนี้คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตของน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ 0.035 โดยน้ำหนัก จากอัตราภาษี 5.310 บาทต่อลิตร ลดลงเหลืออัตราภาษี 0.005 บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 4 จากอัตราภาษี 5.04 บาทต่อลิตร ลดลงเหลืออัตราภาษี 0.005 บาทต่อลิตร โดยกระทรวงการคลังจะดำเนินการให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2554 เป็นต้นไป กระทรวงพลังงาน จึงจำเป็นต้องเชิญประชุมเร่งด่วนเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับอัตราการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลโดยใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้มีผลบังคับใช้พร้อมกับวันที่มีการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตของน้ำมันดีเซล
เรื่องที่ 1 การแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพง
สรุปสาระสำคัญ
1. ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2553 และวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 เห็นชอบให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2553 ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2554 นั้น การดำเนินการที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2553 ถึงวันที่ 20 เมษายน 2554 ได้มีการปรับอัตราเงินชดเชยราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว รวม 16 ครั้ง โดยกองทุนน้ำมันฯ ได้จ่ายชดเชยเพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลจนถึงวันที่ 19 เมษายน 2554 ไปแล้วประมาณ 23,301 ล้านบาท
2. มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2554 เห็นชอบให้ปรับอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันลดลง 5.3050 บาทต่อลิตร จาก 5.3100 บาทต่อลิตร เป็น 0.0050 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2554 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2554 และจากมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวส่งผลให้ภาษีเทศบาลลดลง 0.5305 บาทต่อลิตร จาก 0.5310 บาทต่อลิตร เป็น 0.0005 บาทต่อลิตร (ร้อยละ 10 ของภาษีสรรพสามิต) ทำให้อัตราภาษีลดลงทั้งสิ้น 5.8355 บาทต่อลิตร
3. เพื่อเป็นการลดภาระกองทุนน้ำมันฯ ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอแนวทางการปรับลดเงินชดเชยน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจากกองทุนน้ำมันฯ สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ลง 5.8355 บาทต่อลิตร เท่ากับภาษีที่ลดลง เพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วไว้ที่ 29.99 บาทต่อลิตร และกองทุนน้ำมันฯ จะมีสภาพคล่องจากติดลบ 381 ล้านบาทต่อวัน เป็นติดลบ 56 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งทำให้ภาระกองทุนน้ำมันฯ ลดลงประมาณ 325 ล้านบาทต่อวัน
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
ชนิด (บาทต่อลิตร) | อัตราเดิม | อัตราใหม่ | เปลี่ยนแปลง |
น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา | -6.00 | -0.1645 | +5.8355 |
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี5 | -4.05 | 1.4885 | +5.5385 |
โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้พร้อมกับวันที่ประกาศกระทรวงการคลังเรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต ฉบับที่ 89 มีผลบังคับใช้
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 19 ตุลาคม 2552
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 21 กันยายน 2554
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 16 ตุลาคม 2552
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 20 กันยายน 2554
ครั้งที่ 74 - วันอังคาร ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 16/2554 (ครั้งที่ 74)
เมื่อวันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554 เวลา 13.30 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล) ประธานกรรมการ
ผู้ตรวจราชการกระทรวง (นายบุญส่ง เกิดกลาง) รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 การแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพง
สรุปสาระสำคัญ
1. ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2553 และวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 เห็นชอบให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2553 ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2554 การดำเนินการที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2553 ถึงวันที่ 18 เมษายน 2554 ได้มีการปรับอัตราเงินชดเชยราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว รวม 15 ครั้ง กองทุนน้ำมันฯ ได้จ่ายชดเชยเพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลจนถึงวันที่ 19 เมษายน 2554 ไปแล้วประมาณ 23,301 ล้านบาท ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 18 เมษายน 2554 มีเงินสดในบัญชี 34,251 ล้านบาท มีหนี้สินกองทุน 29,751 ล้านบาท แยกเป็นหนี้ค้างชำระชดเชย 29,392 ล้านบาท งบบริหารและโครงการซึ่งได้อนุมัติแล้ว 359 ล้านบาท กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะเบื้องต้นสุทธิ 4,500 ล้านบาท โดยยังไม่รวมหนี้เงินชดเชยค่าปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์รถแท๊กซี่ ประมาณ 130 ล้านบาท
2. สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงแกว่งตัวอยู่ในระดับสูง โดยวันที่ 18 เมษายน 2554 น้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 116.02 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ปรับตัวลดลง 1.19 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จากการปรับอัตราเงินชดเชยครั้งที่แล้ว ณ วันที่ 8 เมษายน 2554 น้ำมันเบนซิน 95 อยู่ที่ระดับ 129.47 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 0.99 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ระดับ 137.82 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 2.80 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันปรับลดลงโดยราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 อยู่ที่ 38.84 บาทต่อลิตร น้ำมันดีเซลหมุนเร็วอยู่ที่ 29.99 บาทต่อลิตร ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ณ วันที่ 19 เมษายน 2554 อยู่ที่ 1.5389 บาทต่อลิตร และค่าการตลาดเฉลี่ย 5 วัน อยู่ที่ 1.4513 บาทต่อลิตร
3. เพื่อเป็นการลดภาระกองทุนน้ำมันฯ ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอแนวทางการปรับลดเงินชดเชยน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจากกองทุนน้ำมันฯ สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วลง 0.40 บาทต่อลิตร ซึ่งจะมีผลทำให้ค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมันปรับมาอยู่ที่ 1.1389 บาทต่อลิตร และค่าการตลาดเฉลี่ย 5 วัน อยู่ที่ 1.3713 บาทต่อลิตร กองทุนน้ำมันฯ มีสภาพคล่องจากติดลบ 404 ล้านบาทต่อวัน เป็นติดลบ 381ล้านบาทต่อวัน ภาระกองทุนน้ำมันฯ ลดลงประมาณ 23 ล้านบาทต่อวัน โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2554 เป็นต้นไป
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดาลง 0.40 บาทต่อลิตร จากชดเชย 6.40 บาทต่อลิตร เป็นชดเชย 6.00 บาทต่อลิตร โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2554 เป็นต้นไป
อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ได้แจ้งที่ประชุมฯ เพื่อทราบเกี่ยวกับปริมาณ Oil Base ของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี5 ของบริษัทเชฟรอน (ไทย) จำกัด และบริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ที่เหลืออยู่นับจากวันที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2554 ผ่อนผันให้สามารถนำ Oil Base ของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี5 ที่เหลืออยู่ไปผสมเป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา โดยเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2554 บริษัทเชฟรอน (ไทย) จำกัด มีปริมาณ Oil Base อยู่ที่ 61,629,821 ลิตร และเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554 บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด มีปริมาณ Oil Base อยู่ที่ 5,900,000 ลิตร และ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2554 บริษัททั้งสองมีปริมาณ Oil Base คงเหลืออยู่ที่ 12,000,000 และ 850,000 ลิตร ตามลำดับ
มติของที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ