กอ. ครั้งที่ 13 - วันพุธที่ 25 มีนาคม 2541
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 1/2541 (ครั้งที่ 13)
วันพุธที่ 25 มีนาคม 2541 เวลา 10.00 น.
ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล
1. คำสั่งแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
2. รายงานผลการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
3. รายงานผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับโครงการอาคารของรัฐ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน
4. ขออนุมัติปรับแผนการดำเนินงานโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในส่วนที่ สพช. รับผิดชอบ ปีงบประมาณ 2541
5. ขออนุมัติโครงการประชาสัมพันธ์การรณรงค์ให้ผู้ใช้น้ำมันเปลี่ยนแปลงการใช้น้ำมันเบนซินคุณภาพสูงเกินความจำเป็น "ใช้เบนซินให้ถูกชนิดช่วยเศรษฐกิจของประเทศ"
6. โครงการแปรรูปมูลฝอยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
7. โครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นพลังงานทดแทนและปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ส่วนที่ 2 เกษตรกรรายย่อย ระยะที่ 2
8. แนวทางในการให้การสนับสนุนเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยหรือดอกเบี้ยต่ำจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
9. การขอคืนเงินส่งเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานที่ใช้ในการผลิตของบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน)
10. การปรับปรุงองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ
รองนายกรัฐมนตรี (นายศุภชัย พานิชภักดิ์) ประธานกรรมการ
เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์) กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 คำสั่งแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบถึงคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 368/2540 เรื่องมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2540 กำหนดให้รองนายกรัฐมนตรี (นายศุภชัย พานิชภักดิ์) เป็นประธานคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานด้วย
เรื่องที่ 2 รายงานผลการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงรายงานผลการตรวจสอบงบการเงินประจำปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2540 ซึ่งกรมบัญชีกลางได้จัดทำส่งให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบพร้อมทั้งรายงานการรับ-จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2541 ซึ่งมีเงินคงเหลือในบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาประดิพันธ์ 14,039,741,384.87 บาท และรายงานเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯตามแผนงานภาคบังคับ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2540 ของ สพช. บก. และ พพ. ซึ่งได้เบิกเงินเพื่อดำเนินงานตามแผนงานฯ ไปแล้ว เป็นเงินทั้งสิ้น 441,134,585.23 บาท
มติที่ประชุม
รับทราบผลการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ รับไปดำเนินการตามข้อสังเกตของที่ประชุม
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ โครงการอาคารของรัฐ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน ซึ่งสรุปได้ดังนี้
1. ผลการดำเนินงานของแผนงานภาคบังคับ ภายใต้การกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ ระหว่างปี 2538-2540 มีดังนี้
1.1 อาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน
- อาคารควบคุมได้แจ้งแต่งตั้งผู้รับผิดชอบด้านพลังงานแก่ พพ. แล้วจำนวน 811 ราย จากจำนวนทั้งสิ้น 1,071 ราย คิดเป็นจำนวนบุคลากร 1,291 คน
- อาคารควบคุมได้ส่งข้อมูลการใช้พลังงานให้แก่ พพ. ทุก 6 เดือน โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2539 (มกราคม-มิถุนายน) มีผู้ส่งข้อมูล จำนวน 529 ราย สำหรับในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2539 (กรกฎาคม-ธันวาคม) มีผู้ส่งข้อมูล จำนวน 336 ราย สำหรับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2540 (มกราคม-มิถุนายน) มีผู้ส่งข้อมูล จำนวน 324 ราย
- อาคารควบคุมได้ยื่นขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุนฯ เพื่อทำการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น จำนวนทั้งสิ้น 559 ราย และได้อนุมัติให้ดำเนินการแล้ว 436 ราย เป็นเงิน 109,553,453 บาท
- พพ.ได้อนุมัติให้มีการขึ้นทะเบียนที่ปรึกษาด้านการอนุรักษ์พลังงานในอาคารควบคุมไปแล้วรวมทั้งสิ้น 77 ราย
1.2 โรงงานควบคุมที่กำลังใช้งาน
- โรงงานควบคุมได้แจ้งแต่งตั้งผู้รับผิดชอบด้านพลังงานแก่ พพ. แล้วจำนวน 92 ราย จากจำนวนทั้งสิ้น 184 ราย คิดเป็นบุคลากร 175 คน
- พพ. ได้อนุมัติให้มีการขึ้นทะเบียนที่ปรึกษาด้านการอนุรักษ์พลังงานในโรงงานควบคุมไปแล้วรวมทั้งสิ้น 11 ราย
1.3 โครงการโรงงานและอาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบหรือก่อสร้าง อยู่ในระหว่างการจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการโดยละเอียดเกี่ยวกับการพิจารณาการให้การสนับสนุนในโครงการดังกล่าว
2. ผลการดำเนินงานของโครงการอาคารของรัฐ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน ซึ่งสรุปได้ดังนี้
2.1 คณะอนุกรรมการกำกับดูแลโครงการอาคารของรัฐ ได้มีมติอนุมัติโครงการที่เกี่ยวกับอาคารของรัฐรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 712,535,277 บาท
2.2 คณะอนุกรรมการฯและคณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติโครงการภายใต้แผนงานภาคความร่วมมือจำนวน 33 โครงการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 756,210,632 บาท
2.3 คณะอนุกรรมการและคณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติโครงการภายใต้แผนงานสนับสนุนโครงการพัฒนาบุคลากร และโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน รวมเป็นเงิน 1,011,290,324.1 บาท
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ และมีมติให้คณะอนุกรรมการฯ ที่กำกับดูแลในแต่ละแผนงานรับไปดำเนินการตามข้อสังเกตของที่ประชุม
1. ความเป็นมา
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 2/2540 (ครั้งที่ 12) เมื่อวันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม 2540 ได้มีมติเห็นชอบในแผนปฏิบัติการโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในส่วนที่ สพช. รับผิดชอบปีงบประมาณ 2541-2543 โดยให้มีการปรับปรุงแผนฯ ตามข้อสังเกตของที่ประชุม และอนุมัติงบประมาณค่าใช้จ่ายโครงการประชาสัมพันธ์ในส่วนที่ สพช. รับผิดชอบ ในปีงบประมาณ 2541 ในวงเงิน 190,600,000 บาท และเห็นชอบให้ สพช. ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการโครงการประชาสัมพันธ์ โดยให้ สพช. ดำเนินการคัดเลือกผู้ที่จะรับทำโครงการประชาสัมพันธ์ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และให้ สพช. นำผลการพิจารณาคัดเลือกเสนอให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน พิจารณาอนุมัติก่อนทำสัญญาในกรณีที่วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท และให้คณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติก่อนทำสัญญาในกรณีที่วงเงินเกิน 5 ล้านบาท ซึ่ง สพช. ได้นำแผนปฏิบัติการที่ได้รับการอนุมัติแล้วจากคณะกรรมการกองทุนฯ มาดำเนินการ โดยแบ่งการดำเนินการออกเป็น 7 ช่วง
สพช. ได้ดำเนินการปรับแผนการประชาสัมพันธ์เพื่อให้สอดคล้องกับข้อสังเกตของคณะกรรมการกองทุนฯ และให้เข้ากับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โดยตัดกิจกรรมบางกิจกรรมตามแผนงานเดิมและเพิ่มกิจกรรมใหม่ภายใต้ชื่อ "ไทยช่วยไทย ร่วมใจประหยัดพลังงาน" อีกทั้งได้เพิ่มเติมกิจกรรมพิเศษเพื่อให้การประชาสัมพันธ์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีกิจกรรมที่มีการปรับเปลี่ยน ดังนี้
แผนงานเดิมที่ตัดออก | งบประมาณ (บาท) |
1.ประกวดประพันธ์เพลงและร้องเพลง | 4,500,000 |
2.รองเท้าแตะและเสื้อนักเรียนเพื่อเยาวชนหาร 2 | 4,000,000 |
3.สารคดีทางวิทยุ | 5,000,000 |
4.สารคดีทางโทรทัศน์ | 5,000,000 |
5.สนับสนุนรายการวิทยุเรื่อง "น้ำมัน" | 2,000,000 |
6.การผลิตและเผยแพร่คอลัมน์ชุด "รอบรู้เรื่องน้ำมัน" | 4,000,000 |
7.ซื้อเวลาออกอากาศภาพยนตร์ทางโทรทัศน์ 2 เรื่อง | 10,000,000 |
8.ผลิตสื่อประชาสัมพันธ์และซื้อสื่อเพื่อเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ | 5,000,000 |
9.อื่นๆ และเงินที่ได้จากการต่อรองราคาลงของกิจกรรม ในช่วงที่ 1-3 | 5,342,334.20 |
รวม | 44,842,334.20 |
แผนงานใหม่ | งบประมาณ (บาท) |
1.ผลิตภาพยนตร์ "ไทยช่วยไทย ร่วมใจประหยัดพลังงาน" เรื่อง "บรรพบุรุษ" | 2,500,000 |
2.ผลิตภาพยนตร์ "ไทยช่วยไทย ร่วมใจประหยัดพลังงาน" เรื่อง บริจาค" | 3,000,000 |
3.ซื้อเวลาออกอากาศภาพยนตร์ทางโทรทัศน์เรื่อง "บรรพบุรุษ" | 5,000,000 |
4.ซื้อเวลาออกอากาศภาพยนตร์ทางโทรทัศน์เรื่อง "บริจาค" | 5,000,000 |
5.ผลิตและเผยแพร่รายการโทรทัศน์สำหรับเยาวชน "เพื่อนแก้ว" | 1,000,000 |
6.ซื้อเนื้อที่หนังสือพิมพ์เพื่อจัดทำคอลัมน์สารคดีพลังงาน | 850,000 |
7.ประชาสัมพันธ์รณรงค์กิจกรรมพิเศษวัน "ไทยช่วยไทย ร่วมใจประหยัดพลังงาน" | 5,000,000 |
8.ผลิตและเผยแพร่สารคดีทางโทรทัศน์ชุด "คุยกันให้ชัดเรื่องประหยัดพลังงาน" | 2,480,000 |
9.ผลิตและเผยแพร่สารคดีทางโทรทัศน์ชุด "พลังเกษตร...พลังหาร 2" | 1,000,000 |
10.ผลิตและเผยแพร่สารคดีสั้นทางโทรทัศน์ชุด "คิดก่อนใช้" | 3,000,000 |
11.ที่ปรึกษาเพื่อบริหารโครงการประชาสัมพันธ์ในส่วนที่ พพ. รับผิดชอบ | 3,836,000 |
12.จัดการประกวดการออกแบบเครื่องแต่งกายเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน | 1,500,000 |
13.ออกแบบจัดทำรูปเล่มเอกสารเผยแพร่เรื่องพลังงาน สิ่งแวดล้อมและการบริโภค | 198,000 |
14.อื่นๆ เพื่อดำเนินการต่อไป | 10,478,334.20 |
รวม | 44,842,334.20 |
มติที่ประชุม
อนุมัติให้ สพช. ปรับแผนการดำเนินงานโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในส่วนที่ สพช. รับผิดชอบ ปีงบประมาณ 2541 ตามที่เสนอ โดยให้ สพช. ดำเนินการคัดเลือกผู้ที่จะรับทำโครงการประชาสัมพันธ์ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะรัฐมนตรีได้ลงมติเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2541 รับทราบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเติมสารเติมแต่งที่ไม่จำเป็น ที่กำหนดให้มีการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเบนซิน เพื่อลดค่าใช้จ่ายจากการเติมสารเติมแต่ง การผลิตน้ำมันที่มีค่าออกเทนสูงกว่ามาตรฐาน และการใช้น้ำมันอย่างไม่มีประสิทธิภาพ
สพช. ร่วมกับกรมทะเบียนการค้า ได้เริ่มดำเนินการโครงการประชาสัมพันธ์การรณรงค์ให้ผู้ใช้น้ำมันเปลี่ยนแปลงการใช้น้ำมันเบนซินคุณภาพสูงเกินความจำเป็นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2541 โดยได้รับการสนับสนุนเงินจากกองทุนเงินอุดหนุนจากสัญญาโรงกลั่นปิโตรเลียม ในวงเงิน 10 ล้านบาท แต่เนื่องจากการให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง และความร่วมมือในการปฏิบัติในทันทีจากประชาชนทั้งประเทศ จำเป็นต้องใช้การประชาสัมพันธ์จากสื่อทุกสื่อ และมีการขยายผลที่มีประสิทธิภาพ จึงใคร่ขอรับการสนับสนุน งบประมาณเพิ่มเติมจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานอีก 20 ล้านบาท
โดยมีกิจกรรมที่จะทำการประชาสัมพันธ์ตามโครงการฯ ดังนี้
ช่วงที่ 1 (กุมภาพันธ์-เมษายน 2541) ให้ประชาชนทราบข้อเท็จจริงและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในการเลือกใช้น้ำมันเบนซิน
- จัดทำภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์จำนวน 1 เรื่อง มีความยาวไม่ต่ำกว่า 45 วินาที โดยเน้นข้อเท็จจริงในการใช้น้ำมันเบนซินชนิดที่ถูกต้อง
- วางแผน ประสานงาน จัดซื้อสื่อโทรทัศน์ เพื่อเผยแพร่ภาพยนตร์โฆษณาออกอากาศในเดือนเมษายนเป็นเวลา 1 เดือน
- จัดทำภาพยนตร์สารคดีหลังข่าวทางโทรทัศน์จำนวน 10 ตอนมีความยาวตอนละไม่ต่ำกว่า 5 นาที เพื่อครอบคลุมข้อเท็จจริงและขัอมูลที่ถูกต้องเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เบนซินให้ถูกประเภท เผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง
- จัดทำชิ้นงาน วางแผน ประสานงานจัดซื้อสื่อเผยแพร่ทางสื่อสิ่งพิมพ์ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ได้แก่ หนังสือพิมพ์ นิตยสารเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด
- จัดทำวางแผน ประสานงานสารคดีวิทยุผ่านเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ 10 ตอน เผยแพร่อย่างต่อเนื่องในระยะเวลา 1 เดือน
- จัดหาประสานงานเพื่อเชิญตัวแทนของ สพช.หรือผู้ที่ สพช. เห็นสมควรไปร่วมสัมภาษณ์หรือสนทนาผ่านสื่อต่างๆ เช่น ออกรายการทางโทรทัศน์หรือให้สัมภาษณ์ในรายการวิทยุ
ช่วงที่ 2 (พฤษภาคม-มิถุนายน) เป็นการตอกย้ำ และกระตุ้นเตือนให้ลงไปสู่ภาคปฏิบัติ
- จัดทำสติกเกอร์ "ใช้เบนซินให้ถูกชนิด ช่วยเศรษฐกิจของประเทศ"
- จัดทำโปสเตอร์ แผ่นพับ ให้ความรู้แก่ประชาชนว่ารถยนต์รุ่นไหน ยี่ห้ออะไร มีความต้องการออกเทนเท่าไหร่ และควรเลือกใช้น้ำมันเบนซินประเภทใด
- ขอความร่วมมือจากบริษัทค้าน้ำมันผ่านสถานีบริการต่างๆ กระจาย การเผยแพร่สื่อ สติกเกอร์ โปสเตอร์ แผ่นพับ ทั่วประเทศ
- ประสานงานกับสื่อมวลชนหนังสือพิมพ์เพื่อลงบทสัมภาษณ์หรือบทความพิเศษ เพื่อตอกย้ำน้ำหนักของข่าวสารให้หนักแน่นยิ่งขึ้น อาทิ บทความ สารคดี และการขยายผลรูปแบบต่างๆ
มติที่ประชุม
อนุมัติงบประมาณค่าใช้จ่ายโครงการประชาสัมพันธ์ในส่วนที่ สพช. รับผิดชอบ ในปีงบประมาณ 2541 เพิ่มเติม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการประชาสัมพันธ์การรณรงค์ให้ผู้ใช้น้ำมันเปลี่ยนแปลงการใช้น้ำมันเบนซินคุณภาพสูงเกินความจำเป็น "ใช้เบนซินให้ถูกชนิด ช่วยเศรษฐกิจของประเทศ" ในวงเงิน 20,000,000 บาท (ยี่สิบล้านบาทถ้วน) โดยให้ สพช. ดำเนินการคัดเลือกผู้ที่จะรับทำโครงการประชาสัมพันธ์ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 แล้วทำสัญญากับผู้ที่ได้รับการคัดเลือกได้เลย โดยไม่ต้องนำผลการพิจารณาคัดเลือกเสนอให้คณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติก่อน
เรื่องที่ 6 โครงการแปรรูปมูลฝอยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า มูลนิธิชัยพัฒนาได้เสนอโครงการแปรรูปมูลฝอยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ภายใต้แผนงานภาคความร่วมมือโครงการส่งเสริมธุรกิจด้านการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้เสนอให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือพิจารณาในการประชุมครั้งที่ 2/2541 (ครั้งที่ 18) เมื่อวันพฤหัสที่ 5 กุมภาพันธ์ 2541 ที่ประชุมได้พิจารณาโครงการฯ นี้แล้วมีมติเห็นชอบในการให้การสนับสนุนแก่โครงการนี้และให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาต่อไป
โครงการนี้เป็นการสาธิตกระบวนการจัดการมูลฝอย โดยจะแสดงการกำจัดและการแปรรูปมูลฝอยโดยใช้เทคโนโลยีในรูปแบบต่างๆ เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทน รวมถึงการผสมผสานเทคโนโลยีให้เกิดกระบวนการจัดการแปรรูปมูลฝอยที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดโดยเฉพาะผลที่ได้ในรูปพลังงาน โครงการจะตั้งอยู่บริเวณโรงปุ๋ยหมักเก่ารามอินทราบนพื้นที่ประมาณ 29 ไร่ ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งโครงการฯ จะเตรียมพื้นที่สำหรับรับมูลฝอยและการคัดแยกมูลฝอย โดยมีเครื่องแยกวัสดุและแม่เหล็กแยกโลหะ และจะถูกคัดแยกโดยอาศัยแรงงานคนอีกครั้งหนึ่ง จะได้มูลฝอยรีไซเคิล มูลฝอยอินทรีย์และมูลฝอยเชื้อเพลิง มูลฝอยที่ผ่านการคัดแยกจะเข้าสู่กระบวนการกำจัดในแต่ละกระบวนการ โดยมูลฝอยอินทรีย์จะนำเข้าสู่กระบวนการย่อยสลายโดยไม่ใช้ออกซิเจน ส่วนมูลฝอยเชื้อเพลิงที่ประกอบด้วยเศษกระดาษและพลาสติกผสม จัดเป็นมูลฝอยที่มีค่าความร้อนสูง ก็จะถูกส่งไปสู่กระบวนการเผาโดยผ่านแผงตะกรับ ผลที่ได้จากการเผาไหม้ในช่องเผาแรกนี้ จะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ อากาศเสียและเถ้า ควันและอากาศเสียจากการเผาในช่องเผาแรก จะเข้าเคลื่อนตัวเข้าสู่ช่องเผาที่สอง เพื่อการเผาไหม้อย่างสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง อากาศเสียที่เกิดขึ้นจะผ่านการลดอุณหภูมิโดยเครื่องถ่ายเทความร้อน ทำให้อากาศเสียมีอุณหภูมิลดลงได้ตามต้องการ และเคลื่อนตัวเข้าสู่ห้องรวบรวมอากาศเสีย เพื่อกำจัดมลสารก่อนจะระบายออกจากปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศภายนอก ส่วนของเถ้าจะถูกส่งออกเพื่อนำไปฝังกลบ
นอกจากนั้นโครงการฯ ยังสาธิตการฝังกลบอย่างถูกหลักสุขาภิบาล โดยการนำมูลฝอยมาเทกองในพื้นที่ที่จัดเตรียมไว้ แล้วใช้เครื่องจักรกลเกลี่ยและบดอัดให้ยุบตัวลง แล้วใช้ดินกลบทับและบดให้แน่นอีกครั้ง หลังจากนั้นนำมูลฝอยมาเกลี่ยและบดอัดเป็นชั้นๆ สลับด้วยชั้นดินกลบ เพื่อป้องกันปัญหาในด้านกลิ่น แมลง และน้ำฝนชะล้าง และเหตุรำคาญอื่นๆ กระบวนการฝังกลบมีมาตรการในการป้องกันหรือควบคุมผลกระทบที่เกิดขึ้น เช่น การปูแผ่นพลาสติก กันซึม (Liner) เพื่อกันน้ำชะล้างมูลฝอยซึมลงสู่ชั้นใต้ดิน รวมทั้งกันน้ำใต้ดินซึมเข้าสู่พื้นที่ฝังกลบ การควบคุมก๊าซมีเทนที่เกิดขึ้น เป็นต้น
โครงการฯ จัดเตรียมพื้นที่รับซื้อวัสดุรีไซเคิล เพื่อนำไปรวมกับวัสดุรีไซเคิลที่สามารถคัดแยกได้จากโครงการ และจะส่งขายต่อไปยังผู้รับซื้อรายใหญ่ ซึ่งจัดเป็นรายได้อีกทางหนึ่งของโครงการ และการบำบัดน้ำเสียที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการภายในโครงการประมาณวันละ 100 ลูกบาศก์เมตร จะถูกสูบเข้าสูระบบบำบัดน้ำเสียแบบเครื่องกรองไร้อากาศและตะกอนเร่ง เพื่อบำบัดให้มีคุณภาพดีก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ หรือนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ เช่น ใช้ในระบบหล่อเย็นเตาเผา ระบบย่อยสลายโดยไม่ใช้ออกซิเจน ใช้รดน้ำต้นไม้ภายในพื้นที่โครงการ หรือใช้ในห้องสุขภัณฑ์ต่างๆ
ประโยชน์ที่มีต่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมมีดังนี้
- 1. ประโยชน์ที่มีต่อการอนุรักษ์พลังงาน
- การแปรรูปมูลฝอย 50 ตันต่อวัน หรือประมาณ 18,250 ตัน/ปี ด้วยกระบวนการนำวัสดุ ได้แก่ พลาสติก กระดาษ เหล็กและแก้ว กลับมาใช้ใหม่ (Recycle) สามารถประหยัดพลังงานเทียบเท่าปริมาณน้ำมันดิบ ประมาณ 20,934 ตัน คิดมูลค่าการประหยัดพลังงานได้เป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 102,238,150 บาท และสามารถผลิตก๊าซชีวภาพ ประมาณ 1,100,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี ซึ่งสามารถนำไปผลิตกระแสไฟฟ้าได้ประมาณ 2.5 ล้านหน่วย/ปี คิดมูลค่าเป็นเงินได้ทั้งสิ้นประมาณ 25,760,000 บาท
- 2. ประโยชน์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อม
- สามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์ สำหรับภาคเกษตรกรรม ประมาณ 5,580 ตันต่อปี
- สามารถลดปัญหาน้ำเสียจากมูลฝอย กลิ่น ก๊าซมีเทนจากมูลฝอยและการแพร่เชื้อโรค ซึ่งเป็นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางอ้อมได้อีกด้วย
มติที่ประชุม
1. อนุมัติให้การสนับสนุนเงินจากกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการส่งเสริมธุรกิจด้านการอนุรักษ์พลังงาน ให้มูลนิธิชัยพัฒนาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการแปรรูปมูลฝอยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในวงเงิน 189,420,000 บาท (หนึ่งร้อยแปดสิบเก้าล้านสี่แสนสองหมื่นบาทถ้วน) ตามรายละเอียดแผนงานของโครงการที่ปรากฏในสิ่งแนบเป็นแผ่นบันทึกข้อมูลชุดที่ 1 ชื่อแฟ้ม "WABIO"
2. ก่อนให้การสนับสนุนโครงการฯ มูลนิธิชัยพัฒนา จะต้องเสนอแผนงานและเอกสารเพิ่มเติม ดังนี้
2.1 แผนการประชาสัมพันธ์ทั้งก่อนและหลังการก่อสร้างโครงการฯ เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ได้ทราบถึงกิจกรรมต่างๆ และผลที่ได้รับหลังจากการดำเนินโครงการฯ แล้ว
2.2 แผนการประเมินค่าทางเศรษฐศาสตร์ เมื่อได้ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นตามแผนงานแล้ว เพื่อใช้เป็นแบบอย่างในการประเมินความคุ้มทุนสำหรับโครงการที่มีลักษณะใกล้เคียงกันแต่ดำเนินงานในพื้นที่อื่น
2.3 หนังสือจากกรุงเทพมหานครในการยินยอมให้ใช้พื้นที่เพื่อดำเนินโครงการฯ และยินยอมให้ผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมโครงการฯ ได้ทั้งก่อนและหลังการก่อสร้าง
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2539 (ครั้งที่ 8) เมื่อวันพุธที่ 24 มกราคม 2539 ได้มีมติอนุมัติเงินกองทุนฯ ให้กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อดำเนินการตามโครงการส่งเสริมก๊าซชีวภาพจากมูลสัตว์ เพื่อเป็นพลังงานทดแทนและปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ส่วนที่ 2: เกษตรกรรายย่อย โดยอนุมัติเงินกองทุนฯ ให้กรมส่งเสริมการเกษตรเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ ในวงเงิน 6,609,400 บาท และอนุมัติเงินกองทุนฯ ให้กับกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการให้การสนับสนุนแก่เกษตรกรผู้ร่วมโครงการ ปริมาตรรวมของบ่อก๊าซชีวภาพ 5,000 ลูกบาศก์เมตร ในวงเงิน 4,043,800 บาท โดยกองทุนฯ จะจ่ายเงินอุดหนุนให้เกษตรกร ในอัตรา 9,500 บาท ต่อการลงทุนสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพขนาด 12 ลูกบาศก์เมตร ในปีแรก และในอัตรา 9,875 บาท ต่อการลงทุนสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพขนาด 12 ลูกบาศก์เมตร ในปีที่สอง
การดำเนินโครงการฯ ในระยะแรกมีเจ้าของฟาร์มซึ่งเป็นเกษตรกรรายย่อยประสงค์ที่จะเข้าร่วมโครงการฯ เป็นจำนวนมาก กรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้ข้อปรับวิธีจ่ายเงินสนับสนุนจากกองทุนฯ ให้แก่เกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการฯ ตามอัตรามาตรฐาน ขนาดบ่อ ราคาก่อสร้างและเงินอุดหนุนเกษตรกรฯ ภายในวงเงิน 4,043,800 บาท โดยไม่จำกัดจำนวนปริมาตรรวมของบ่อก๊าซชีวภาพ การดำเนินโครงการฯ ในระยะเวลา 2 ปี มีผู้เข้าร่วมโครงการฯ เกินกว่าเป้าหมายเดิม คือ เพิ่มจาก 5,000 ม3 เป็น 6,028 ม3 ภายในวงเงินเท่าเดิม โดยสามารถผลิตก๊าซชีวภาพได้ 610,267 ม3 ทดแทน LPG ได้ 131,221 กก. ทดแทนไม้ฟืนได้ 762,878 กก. และจากการประเมินผลโครงการฯ เบื้องต้น ปรากฏว่าระบบดังกล่าวได้รับความพอใจทั้งในด้านผลตอบแทนจากการลงทุนและความสะดวกในการใช้เทคโนโลยี ซึ่งส่งผลให้เกษตรกรรายย่อยประสงค์เข้าร่วมโครงการเกินเป้าหมายที่ได้วางไว้เป็นจำนวนมาก กรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้เสนอแผนของโครงการฯ ระยะที่ 2 ขนาดไม่เกิน 100 ม3 ให้ได้ปริมาตรรวมไม่ต่ำกว่า 22,000 ม3 ภายในระยะเวลา 4 ปี 6 เดือน ในวงเงิน 60,671,000 บาท
เลขานุการฯ ได้เสนอโครงการฯ ต่อที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ ในการประชุมครั้งที่ 3/2541 (ครั้งที่ 19) เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2541 ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบในการให้การสนับสนุนโครงการ แต่ได้มีข้อสังเกตุให้กรมส่งเสริมการเกษตรพิจารณาปรับลดค่าใช้จ่ายในการบริหาร โครงการฯ หมวดค่าตอบแทน ค่าใช้สอยและค่าวัสดุและค่าครุภัณฑ์บางรายการที่ไม่จำเป็นลง ก่อนนำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณา ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรได้ดำเนินการปรับปรุงตามมติของคณะอนุกรรมการฯ เรียบร้อยแล้ว ฝ่ายเลขานุการฯ จึงได้นำเสนอโครงการฯ ต่อที่ประชุมเพื่อพิจารณา
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้กรมส่งเสริมการเกษตรปรับรายละเอียดค่าใช้จ่ายของโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นพลังงานทดแทนและปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ส่วนที่ 2 เกษตรกรรายย่อย ระยะที่ 2 โดยให้กรมส่งเสริมการเกษตรปรึกษากับสำนักงบประมาณเพื่อขอความเห็นในการจัดทำประมาณการค่าใช้จ่ายของโครงการฯ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
เลขานุการฯ ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า จากการที่สภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ในช่วงของการขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง เอกชนซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานหรืออาคารจึงได้ชะลอการลงทุนและการดำเนินงานในการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินงานตามแผนงานอนุรักษ์พลังงาน จึงเห็นว่าเพื่อให้การดำเนินการตามแผนงานอนุรักษ์พลังงานเป็นไปอย่างต่อเนื่องและบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนงานที่วางไว้ จึงได้เสนอแนวทางในการใช้เงินจากเงินกองทุนฯ เป็นเงินทุนหมุนเวียนให้เอกชนที่ประสงค์จะลงทุนทางด้านการอนุรักษ์พลังงานกู้ปลอดดอกเบี้ยหรือดอกเบี้ยต่ำ เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานหมุนเวียน โดยดำเนินการควบคู่ไปกับแนวทางการให้เงินอุดหนุนจากกองทุนฯ ที่ได้ดำเนินการตามแผนงานอนุรักษ์พลังงานอยู่ก่อนแล้ว โดยให้ผู้ที่สนใจที่จะลงทุน เลือกแนวทางการรับการสนับสนุนอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ จะขอรับการสนับสนุนเป็นเงินอุดหนุนหรือเงินทุนหมุนเวียนก็ได้ โดยการให้การสนับสนุนตามวิธีการให้เงินกู้ปลอดดอกเบี้ยหรือดอกเบี้ยต่ำ แต่จะต้องไม่ทำให้ค่าใช้จ่ายในการให้การสนับสนุนเพิ่มขึ้นจากแนวทางเดิม และหากมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากแนวทางเดิม ผู้กู้จะต้องเป็นผู้รับภาระในค่าใช้จ่ายนั้นเอง
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม (นายพรเทพ เตชะไพบูลย์) ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า เห็นควรเร่งรัดให้มีการดำเนินการให้เป็นไปตามแผนงานอนุรักษ์พลังงาน และเนื่องจากสภาพวิกฤตทางเศรษฐกิจในปัจจุบันเห็นสมควรที่จะนำเงินกองทุนฯ มาใช้ในลักษณะเงินทุนหมุนเวียนให้กับโครงการต่างๆ ของภาคเอกชนกู้โดยไม่มีดอกเบี้ย และให้ยกเลิกคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเงินหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เป็นผู้บริหารเงินทุนหมุนเวียน โดยมีองค์ประกอบ ดังนี้
1) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ประธานคณะอนุกรรมการ
2) ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม อนุกรรมการ
3) รองปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม อนุกรรมการ
4) เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ อนุกรรมการ
5) อธิบดีกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน อนุกรรมการ
6) ผู้แทนกรมบัญชีกลาง อนุกรรมการ
7) ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด อนุกรรมการ
8) ผู้แทนการไฟฟ้าฝ่าผลิตแห่งประเทศไทย อนุกรรมการ
9) ผู้แทนกรมโรงงานอุตสาหกรรม อนุกรรมการ
10)-12) ผู้ทรงคุณวุฒิ อนุกรรมการ
13) ผู้อำนวยการสำนักกำกับและอนุรักษ์พลังงาน อนุกรรมการและเลขานุการ
14) ผู้อำนวยการส่วนกำกับการอนุรักษ์พลังงาน อนุกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบในหลักการของแนวทาง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการให้การสนับสนุนเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยหรือดอกเบี้ยต่ำจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดทำร่างระเบียบหลักเกณฑ์ฯ เสนอประธานคณะกรรมการกองทุนฯ ลงนาม เพื่อประกาศใช้เป็นระเบียบต่อไป
2. เห็นชอบในหลักการให้ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ แทนการจัดตั้งคณะอนุกรรมการเงินทุนหมุนเวียนฯ และมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ ปรึกษาหารือกับผู้แทนกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เกี่ยวกับการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการฯ และเสนอให้คณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาในโอกาสต่อไป
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) ได้มีหนังสือถึงกรมสรรพสามิตขอให้พิจารณาอนุมัติให้คืนเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จำนวน 1,410,003.92 บาท และกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานจำนวน 3,290,009.14 บาท สำหรับน้ำมันเตาที่ผลิตได้ และนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในขบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม ในช่วงเดือนมิถุนายน 2538 ถึงเดือนกันยายน 2539 ซึ่งกรมสรรพสามิตได้อนุมัติให้ยกเว้นภาษี และคืนเงินภาษีให้แก่บริษัทฯ ในส่วนที่ชำระไว้แล้ว จำนวนเงิน 26,915,152.31 บาท ตามประกาศกรมสรรพสามิตเรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอยกเว้นภาษีน้ำมันเตาและผลิตภัณฑ์น้ำมันที่ผลิตได้และนำไปใช้ในกระบวนการผลิตภายในโรงงานอุตสาหกรรม ลงวันที่ 1 มกราคม 2535
กรมสรรพสามิต ได้มีหนังสือถึง สพช. ในฐานะฝ่ายเลขานุการฯ ของคณะกรรมการฯ ที่ดูแลกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อพิจารณาคำขอคืนเงินของบริษัทฯ ที่ถูกเก็บเข้ากองทุนทั้งสอง
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า การคืนเงินส่งเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน อยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกองทุนฯ ที่จะเป็นผู้พิจารณา โดยฝ่ายเลขานุการฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า ตาม พรบ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 กำหนดให้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีหน้าที่ต้องส่งเงินเข้ากองทุนฯ ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิงที่ผลิตในประเทศหรือนำเข้ามาจากต่างประเทศเพื่อใช้ในราชอาณาจักร ซึ่งน้ำมันเตาที่ใช้ในขบวนการผลิตในโรงงานของบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมิกัลไทย จำกัด (มหาชน) เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ในราชอาณาจักร ดังนั้นจึงต้องมีหน้าที่ส่งเงินเข้ากองทุนฯ ซึ่ง พรบ.ฯ ไม่มีบทบัญญัติให้อำนาจแก่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการพิจารณายกเว้นหรือผ่อนผันการส่งเงินเข้ากองทุนฯ สำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงที่เข้าข่ายให้ส่งเงินเข้ากองทุนฯ ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย
มติที่ประชุม
ไม่ยกเว้นหรือผ่อนผันการส่งเงินเข้ากองทุนฯ ของบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากน้ำมันเตาที่ใช้ในขบวนการผลิตในโรงงานของบริษัทฯ เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ในราชอาณาจักร บริษัทฯ จึงต้องมีหน้าที่ส่งเงินเข้ากองทุนฯ ตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535
เรื่องที่ 10 การปรับปรุงองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ
เลขานุการฯ แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 2/2537 (ครั้งที่ 3) เมื่อวันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม 2537 ได้มีมติเห็นชอบในการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้น 4 ชุด เพื่อกลั่นกรองงานก่อนนำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ โดยมอบอำนาจให้คณะอนุกรรมการแต่ละชุด สามารถอนุมัติเงินได้ในวงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท/ราย คณะอนุกรรมการฯ ดังกล่าวมีดังนี้
1) คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ มีหน้าที่กลั่นกรองงานเกี่ยวกับแผนงานภาคบังคับ ก่อนนำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ ยกเว้นโครงการอาคารของรัฐ โดยมีอธิบดีกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน เป็นประธาน และ พพ. เป็นฝ่ายเลขานุการฯ
2) คณะอนุกรรมการกำกับดูแลโครงการอาคารของรัฐ มีหน้าที่กลั่นกรองงานเกี่ยวกับโครงการอาคารของรัฐ ก่อนนำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ โดยมีอธิบดีกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน เป็นประธาน และ พพ. เป็นฝ่ายเลขานุการฯ
3) คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ มีหน้าที่กลั่นกรองงานเกี่ยวกับแผนงานภาคความร่วมมือ ก่อนนำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ โดยมี ดร.จรวย บุญยุบล เป็นประธาน และ สพช. เป็นฝ่ายเลขานุการฯ
4) คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน มีหน้าที่กลั่นกรองงานเกี่ยวกับแผนงานสนับสนุน ก่อนนำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ โดยมีเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เป็นประธาน และ สพช. เป็นฝ่ายเลขานุการฯ
ประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ (นายจรวย บุญยุบล) ได้มีหนังสือที่ กก.0042/2541 ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2541 ขอลาออกจากคณะอนุกรรมการฯ ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2541 เป็นต้นไป
เพื่อให้การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการแผนงานภาคความร่วมมือ สามารถดำเนินงานต่อไป ฝ่ายเลขานุการฯ จึงใคร่ขอเสนอให้ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการฯ เป็นดังนี้
1. | เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ | ประธานอนุกรรมการ |
2. | ผู้แทนกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน | อนุกรรมการ |
3. | ผู้แทนกรมบัญชีกลาง | อนุกรรมการ |
4. | ผู้แทนศูนย์อนุรักษ์พลังงานแห่งประเทศไทย | อนุกรรมการ |
5. | ผู้อำนวยการสำนักงานการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | อนุกรรมการ |
6. | นายปิยะวัติ บุญ-หลง | อนุกรรมการ |
7. | นายกฤษณพงษ์ กีรติกร | อนุกรรมการ |
8. | ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ | อนุกรรมการและเลขานุการ |
มติของที่ประชุม
เห็นชอบในการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และให้มีผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นอนุกรรมการฯ ด้วย
- คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกองทุน
- การใช้จ่ายเงินกองทุน
- การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงาน
- ขออนุมัติปรับแผนการดำเนินงาน
- โครงการประชาสัมพันธ์
- การอนุรักษ์พลังงาน
- น้ำมัน
- น้ำมันเบนซิน
- โครงการแปรรูปมูลฝอย
- โครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพ
- การสนับสนุนเงินกู้ปลอดดอกเบี้ย
- การขอคืนเงินส่งเข้ากองทุน
- การปรับปรุงองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการ
กอ. ครั้งที่ 12 - วันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม 2540
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 2/2540 (ครั้งที่ 12)
วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม 2540 เวลา 13.30 น. และ
วันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม 2540 เวลา 14.00 น.
ณ ห้องประชุมสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
1. รายงานการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
2. รายงานผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ โครงการอาคารของรัฐ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน
3. รายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2541 ของ สพช. บก. และ พพ. เพื่อบริหารงาน ตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535
4. แผนปฏิบัติการรวมสำหรับโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน
5. แผนปฏิบัติการโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในส่วนที่ สพช. รับผิดชอบ ปี 2541-2543
6. แผนปฏิบัติการโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในส่วนที่ พพ. รับผิดชอบปีงบประมาณ 2541
7. แผนแม่บทโครงการพัฒนาบุคลากร ปี 2541-2543
8. ทุนการศึกษาในต่างประเทศ ปีงบประมาณ 2541
9. โครงการส่งเสริมก๊าซชีวภาพ เพื่อเป็นพลังงานทดแทน และปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ส่วนที่ 1 : ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ระยะที่ 2
10. โครงการประหยัดพลังงานในการบ่มใบยาสูบ (ระยะที่ 2)
11. โครงการการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า ระบบปรับอากาศแบบกักเก็บความเย็น อาคารศาลาว่าการกรุงเทพมหานครแห่งใหม่ (ดินแดง)
12. โครงการวิจัยและพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์ที่เหมาะกับภูมิอากาศ เขตร้อนชื้น
13. โครงการระบบผลิตไฟฟ้าแบบผสมผสานด้านพลังงานสะอาด สำหรับอุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
14. โครงการจัดทำแผนที่ศักยภาพพลังงานลมของประเทศไทย
15. ขอความเห็นชอบในการใช้เงินจากกองทุนฯ เพื่อเป็นเงินสนับสนุนเพิ่มเติมให้โครงการที่ขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุนฯ เพื่อลดผลกระทบจากค่าเงินบาทลอยตัว
รองนายกรัฐมนตรี (นายกร ทัพพะรังสี) เป็นประธานกรรมการ
เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์) กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 รายงานการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบถึงรายงานผลการตรวจสอบการเงิน ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2535 ปี 2536 และปี 2537 และงบการเงินประจำปีสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2539 ซึ่งกรมบัญชีกลางได้จัดทำส่งให้ สตง. ตรวจสอบ พร้อมทั้งรายงานบัญชีเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2540 ซึ่งมีเงินคงเหลือในบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาประดิพัทธ์ 14,022,009,395.91 บาท และรายงานเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ตามแผนงานภาคบังคับ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน สิ้นสุด ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2540 ของ สพช. บก. และ พพ. ซึ่งได้เบิกเงินเพื่อดำเนินงานตามแผนงานฯ ไปแล้วเป็นเงินทั้งสิ้น 807,886,522.66 บาท
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบถึงผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ โครงการอาคารของรัฐ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน ซึ่งสรุปได้ดังนี้
1. ผลการดำเนินงานแผนงานภาคบังคับ ภายใต้การกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ ระหว่างปี 2538-2540 มีดังนี้
1.1 อาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน
- อาคารควบคุมได้แจ้งแต่งตั้งผู้รับผิดชอบด้านพลังงานแก่ พพ. แล้วจำนวน 761 รายจากจำนวนทั้งสิ้น 953 ราย คิดเป็นจำนวนบุคลากร 1,193 คน
- อาคารควบคุมได้ส่งข้อมูลการใช้พลังงานให้แก่ พพ. ทุก 6 เดือน โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2539 (มกราคม-มิถุนายน) มีผู้ส่งข้อมูล จำนวน 529 ราย สำหรับในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2539 (กรกฎาคม-ธันวาคม) มีผู้ส่งข้อมูล จำนวน 319 ราย
- อาคารควบคุมได้ยื่นขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุนฯ เพื่อทำการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น จำนวนทั้งสิ้น 331 ราย และได้รับอนุมัติให้ดำเนินการแล้ว 116 ราย เป็นเงิน 16.6 ล้านบาท
- พพ. ได้อนุมัติให้มีการขึ้นทะเบียนที่ปรึกษาด้านการอนุรักษ์พลังงานในอาคารควบคุมไปแล้วรวมทั้งสิ้น 74 ราย
1.2 โรงงานควบคุมที่กำลังใช้งาน
- พระราชกฤษฎีกากำหนดโรงงานควบคุม และกฎกระทรวงเกี่ยวกับโรงงานควบคุมที่ออกตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535ได้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17กรกฎาคม 2540 จะทำให้โรงงานจำนวน 2,557 ราย ที่อยู่ในข่ายโรงงานควบคุม ต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด และคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับในการประชุมครั้งที่ 1/2540 (ครั้งที่ 2) เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2540 ได้มีมติเห็นชอบในแผนปฏิบัติการโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน (ในส่วนของโรงงานควบคุม) ตามที่ พพ. เสนอ และให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
1.3 โครงการโรงงานและอาคารควบคุมที่อยู่ระหว่างการออกแบบหรือก่อสร้าง
- อยู่ในระหว่างการจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการโดยละเอียดเกี่ยวกับการพิจารณาการให้การสนับสนุนในโครงการดังกล่าว
2. ผลการพิจารณาอนุมัติ/เห็นชอบโครงการของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลโครงการอาคารของรัฐ คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ และคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน จนถึงวันที่ 15 กันยายน 2540 มีดังนี้
2.1 คณะอนุกรรมการกำกับดูแลโครงการอาคารของรัฐ ได้มีมติอนุมัติโครงการที่เกี่ยวกับอาคารของรัฐ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 704,523,923 บาท
2.2 คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือและคณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติโครงการภายใต้แผนงานภาคความร่วมมือ จำนวน 23 โครงการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 227,154,723 บาท
2.3 คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุนและคณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติโครงการภายใต้แผนงานสนับสนุน จำนวน 8 โครงการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 714,972,561.10 บาท
มติที่ประชุม
รับทราบผลการดำเนินงานตามแผนงานอนุรักษ์พลังงาน และเห็นชอบให้ สพช. ทำการประเมินผลโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2537 เมื่อวันพุธที่ 3 สิงหาคม 2537 ได้มีมติให้คณะกรรมการกองทุนฯ จัดสรรเงินกองทุนสำหรับแผนงานและโครงการในปีงบประมาณ 2537-2542 ซึ่งมีวงเงินรวม 19,286 ล้านบาท และได้อนุมัติวงเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานฯ สำหรับ สพช. บก. และ พพ. และเพื่อให้ทั้งสามหน่วยงานสามารถดำเนินงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบได้ตามที่ได้รับมอบหมายในปี 2541 หน่วยงานดังกล่าวจึงขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2541 เพื่อใช้ในการบริหารงานตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานฯ ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้นำงบประมาณรายจ่ายฯ ของทั้งสามหน่วยงานเข้าพิจารณาในคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงาน สนับสนุน และคณะอนุกรรมการฯ ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบกับงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2541 ของทั้ง 3 หน่วยงาน เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 320,370,793 บาท โดยให้ถัวจ่ายรายการต่างๆ ภายในหมวดเดียวกันได้ สำหรับรายการที่ต้องการถัวจ่ายระหว่างหมวดและไม่เกินรายการละ 5 ล้านบาท ให้เสนอคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุนพิจารณาอนุมัติ ส่วนรายการที่ถัวจ่ายระหว่างหมวดและเกินรายการละ 5 ล้านบาท ให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติ
วงเงินที่ขออนุมัติเพื่อบริหารงานตามกฎหมาย ปี 2541
หน่วย : บาท
สพช | บก. | พพ. | รวม | |
1. ค่าจ้างชั่วคราว | 2,285,040 | 297,840 | 14,580,480 | 17,163,360 |
2. ค่าตอบแทนใช้สอยและวัสดุ | 10,866,219 | 172,00 | 24,750,440 | 35,788,659 |
3. ค่าสาธารณูปโภค | 936,000 | - | 3,458,000 | 4,394,000 |
4. ค่าครุภัณฑ์ | 1,025,000 | 280,000 | 17,517,700 | 18,822,700 |
5. รายจ่ายอื่น (ค่าจ้างที่ปรึกษา) | 63,104,074 | - | 181,098,000 | 244,202,074 |
รวม | 78,216,333 | 749,840 | 241,404,620 | 320,370,793 |
มติที่ประชุม
งบประมาณค่าใช้จ่ายของ สพช.
1) อนุมัติรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2541 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของ สพช. ในการบริหารงานตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในวงเงิน 78,216,333 บาท (เจ็ดสิบแปดล้านสองแสนหนึ่งหมื่นหกพันสามร้อยสามสิบสามบาทถ้วน) ตามรายละเอียดปรากฎในเอกสารแนบ 4.1.1 ของระเบียบวาระการประชุม โดยให้ถัวจ่ายรายการต่างๆ ภายในหมวดเดียวกันได้ สำหรับรายการที่ต้องการถัวจ่ายระหว่างหมวดและไม่เกินรายการละ 5 ล้านบาท ให้เสนอคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุนพิจารณาอนุมัติ ส่วนรายการที่ต้องการถัวจ่ายระหว่างหมวดและเกินรายการละ 5 ล้านบาท ให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติงบประมาณค่าใช้จ่ายของ บก.
2) อนุมัติรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2541 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของ บก. ในการบริหารงานตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในวงเงิน 749,840 บาท (เจ็ดแสนสี่หมื่นเก้าพันแปดร้อยสี่สิบบาทถ้วน) ตามรายละเอียดปรากฎในเอกสารแนบ 4.1.2 ของระเบียบวาระการประชุม โดยให้ถัวจ่ายรายการต่างๆ ภายในหมวดเดียวกันได้ สำหรับรายการที่ต้องการถัวจ่ายระหว่างหมวดให้เสนอคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุนเพื่อพิจารณาอนุมัติงบประมาณค่าใช้จ่ายของ พพ.
3) อนุมัติรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2541 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของ พพ. ในการบริหารงานตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานฯ ในวงเงิน 241,404,620 บาท (สองร้อยสี่สิบเอ็ดล้านสี่แสนสี่พันหกร้อยยี่สิบบาทถ้วน) ตามรายละเอียดปรากฎในเอกสารแนบ 4.1.3 ของระเบียบวาระการประชุม โดยให้ถัวจ่ายรายการต่างๆ ภายในหมวดเดียวกันได้ สำหรับรายการที่ต้องการถัวจ่ายระหว่างหมวดและไม่เกินรายการละ 5 ล้านบาท ให้เสนอคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุนพิจารณาอนุมัติ ส่วนรายการที่ต้องการถัวจ่ายระหว่างหมวดและเกินรายการละ 5 ล้านบาท ให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติ
4) อนุมัติให้ สพช. บก. และ พพ. เบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำปี 2541 ในการบริหารงานตาม พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2540
เรื่องที่ 4 แผนปฏิบัติการรวมสำหรับโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2540 (ครั้งที่ 11) เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2540 ที่ประชุมได้พิจารณาแผนการดำเนินงานอนุรักษ์พลังงานในโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งานปี 2540-2541 (เฉพาะอาคารควบคุม) ซึ่งที่ประชุมได้มีมติอนุมัติงบประมาณค่าใช้จ่ายของแผนฯ เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 6,391.8 ล้านบาท โดยไม่ต้องขออนุมัติงบประมาณค่าใช้จ่ายเป็นรายปี และสามารถปรับแผนการใช้เงินได้ตามงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ และให้ พพ. จัดทำแผนปฏิบัติการรวมสำหรับโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน แล้วนำเสนอให้คณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบในการประชุมครั้งต่อไป นั้น
บัดนี้ พพ. ได้จัดทำแผนปฏิบัติการรวมโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. แผนปฏิบัติการรวมสำหรับโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน ประกอบด้วยแผนปฏิบัติการหลัก 3 แผนงาน ดังนี้
1.1 แผนปฏิบัติการโครงการอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน
คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2540 (ครั้งที่ 11) เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2540 ได้มีมติเห็นชอบแล้ว ซึ่ง พพ. ขอเปลี่ยนแปลงแผนฯ ตามความเหมาะสม ดังนี้
หน่วย : ล้านบาท
กิจกรรม | 2540 | 2541 | 2542 | 2543 | 2544 | 2545 | 2546 | รวม |
แผนปฏิบัติการฯ (อาคารควบคุม) | ||||||||
- การตรวจสอบฯ เบื้องต้น - การจัดทำเป้าหมายฯ - การสนับสนุนการลงทุนฯ |
64.9 - - |
30.4 238.0 1,450.0 |
- 238.5 4,370.0 |
- - - |
- - - |
- - - |
- - - |
95.3 |
รวม | 64.9 | 1,718.4 | 4,608.5 | - | - | - | - | 6,391.8 |
1.2 แผนปฏิบัติการโครงการโรงงานควบคุมที่กำลังใช้งาน
คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ ในการประชุมครั้งที่ 1/2540 (ครั้งที่ 2) เมื่อวันที่ 24มิถุนายน 2540 ได้มีมติเห็นชอบแล้ว ฝ่ายเลขานุการฯ จึงได้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติในการประชุมครั้งนี้ โดยสรุปแผนการดำเนินงานและงบประมาณได้ดังนี้
หน่วย : ล้านบาท
กิจกรรม | 2540 | 2541 | 2542 | 2543 | 2544 | 2545 | 2546 | รวม |
แผนปฏิบัติการฯ โรงงานควบคุม | ||||||||
- การตรวจสอบฯ เบื้องต้น - การจัดทำเป้าหมาย - การสนับสนุนการลงทุนฯ |
- - - |
11.1 - - |
50.8 55.5 155.0 |
45.0 254.0 945.0 |
159.9 225.0 1,700.0 |
50.8 799.5 3,030.0 |
45.0 254.0 3,125.0 |
362.6 1,588.0 8,955.0 |
รวม | - | 11.1 | 261.3 | 1,244.0 | 2,084.9 | 3,880.3 | 3,424.0 | 10,905.6 |
1.3 แผนปฏิบัติการสนับสนุนการดำเนินงานอนุรักษ์พลังงานโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน
เป็นการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่ พพ. จัดทำไว้เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม ให้สามารถดำเนินงานได้ตามแผนงานอนุรักษ์พลังงานและบรรลุตามวัตถุประสงค์ของ พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานฯ โดยมีกิจกรรมต่างๆ ภายใต้แผนการปฏิบัติการและงบประมาณตามตารางที่แสดงดังต่อไปนี้ ซึ่งงบประมาณในการดำเนินกิจกรรมนั้นจะขอรับการสนับสนุนจากแผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุนเป็นแต่ละกิจกรรมไป
หน่วย:ล้านบาท
กิจกรรม | 2540 | 2541 | 2542 | 2543 | 2544 | 2545 | 2546 | รวม |
แผนปฏิบัติการสนับสนุนฯ | ||||||||
- การจัดส่งผู้ชำนาญการไปเยี่ยมแนะนำเบื้องต้น - การขึ้นทะเบียนที่ปรึกษา - การให้บริการข้อมูลข่าวสาร - การฝึกอบรม - การสาธิตเทคโนโลยีการอนุรักษ์พลังงาน - การจ้างที่ปรึกษาตรวจสอบ - การจัดตั้งระบบฐานข้อมูลพลังงาน และระบบการจัดการข้อมูลพลังงาน - การจัดตั้งศูนย์สารสนเทศทางเทคนิคด้านประสิทธิภาพ - การติดตามปัญหาและอุปสรรคอาคารควบคุมและโรงงานควบคุม - การติดตามประเมินผลโครงการฯ |
1.44 - - - - - - - - - |
9.65 - 5.00 27.50 90.00 130.70 5.00 3.50 18.00 - |
8.55 - 8.00 36.25 30.00 171.20 5.00 4.00 20.00 14.00 |
28.50 - 10.00 45.00 40.00 348.72 10.00 4.50 36.00 7.00 |
- - - - - 187.92 - - - - |
- - - - - 178.56 - - - - |
- - - - - - - - - - |
48.14 - 23.00 108.75 160.00 1,017.10 20.00 12.00 74.00 21.00 |
รวม | 1.44 | 289.35 | 297.00 | 529.72 | 187.92 | 178.56 | - | 1,483.99 |
งบประมาณ
งบประมาณที่ใช้ในการดำเนินงานของแผนปฏิบัติการทั้ง 3 แผนงาน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 18,781.39 ล้านบาท ในช่วงปี พ.ศ. 2540-2546 โดย พพ. ได้จัดสรรการใช้เงินจากกองทุนฯ ดังนี้
1) แผนปฏิบัติการในส่วนของอาคารควบคุม 6,391.8 ล้านบาท และในส่วนของโรงงานควบคุม 10,905.6 ล้านบาท จะใช้งบประมาณจากแผนงานภาคบังคับ
2) แผนปฏิบัติการสนับสนุนการดำเนินงานอนุรักษ์พลังงานฯ 1,483.99 ล้านบาท ใช้งบประมาณจากแผนงานสนับสนุนและแผนงานภาคความร่วมมือ
3. ผลที่คาดว่าจะได้รับ
จากการดำเนินงานตามแผนงานอนุรักษ์พลังงานที่กำหนดไว้ใน พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 2535 ทั้งในส่วนของอาคารควบคุมและโรงงานควบคุม จะมีการอนุรักษ์พลังงานทั้งหมด ดังนี้
ด้านไฟฟ้า ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า 4,997 ล้านหน่วย/ปี
- คิดเป็นเงิน 9,994 ล้านบาท/ปี
- ลดความต้องการพลังไฟฟ้า 950 เมกะวัตต์
- ชลอการลงทุนได้ 42,750 ล้านบาท
ด้านเชื้อเพลิง ลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง 1,046 ล้านลิตรน้ำมันดิบ/ปี
- คิดเป็นเงิน 3,160 ล้านบาท/ปี
- รวมเป็นเงินที่ลดได้ทั้งหมด 13,154 ล้านบาท/ปี
- ชลอการลงทุนด้านไฟฟ้า 42,750 ล้านบาท
มติที่ประชุม
1. อนุมัติแผนปฏิบัติการและงบประมาณค่าใช้จ่ายโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน ปี 2540-2546 ดังรายละเอียดที่ปรากฎในเอกสารแนบ 4.2.2 ของระเบียบวาระการประชุม
2. เห็นชอบงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ ปี 2540-2546 ในวงเงินทั้งสิ้น 10,905.6 ล้านบาท โดยปีงบประมาณ 2541 อนุมัติวงเงินทั้งสิ้น 11.1 ล้านบาท ส่วนในปีต่อๆ ไปต้องขออนุมัติงบประมาณค่าใช้จ่ายเป็นรายปี หลังจากที่ได้ทำการประเมินผลการดำเนินการในปีที่ผ่านมาแล้ว
3. ให้ประธานอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับมีอำนาจอนุมัติค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น ในวงเงินไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย และการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน ในวงเงินไม่เกิน 500,000 บาทต่อราย เพื่อนำไปจัดสรรให้แก่โรงงานควบคุมโดยตรงตามแผนปฏิบัติการโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน (ในส่วนของโรงงานควบคุม) โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการฯ และเมื่อดำเนินการแล้วให้แจ้งคณะอนุกรรมการฯ เพื่อทราบด้วย
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ในปี 2538-2539 สพช. ได้ดำเนินการตามโครงการประชาสัมพันธ์ที่ได้รับการอนุมัติไปแล้วรวม 10 กิจกรรม เป็นจำนวนเงิน 210,136,622.99 บาท และในปีงบประมาณ 2540 สพช. ได้ดำเนินการตามโครงการประชาสัมพันธ์ที่ได้รับการอนุมัติไปแล้วรวม 11 กิจกรรม เป็นจำนวนเงิน 49,678,439.20 ล้านบาท โดย สพช. ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว 4 กิจกรรม และยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ 7 กิจกรรม และในการประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ ครั้งที่ 2/2539 (ครั้งที่ 9) เมื่อวันพุธที่ 19 สิงหาคม 2539 ที่ประชุมได้มีมติให้ สพช. ทำการประเมินผลโครงการ ประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน หลังจากที่ได้ดำเนินการไปแล้ว 6 เดือน และให้เสนอผลการประเมินต่อคณะกรรมการกองทุนฯ พร้อมกับแผนงานประชาสัมพันธ์ ปี 2541-2543
สพช. ได้ดำเนินการประเมินผลโครงการประชาสัมพันธ์ภายใต้แผนปฏิบัติการ "รวมพลังหาร 2" ซึ่งดำเนินงานระหว่างเดือนกันยายน 2539 - กรกฎาคม 2540 ไปแล้ว พบว่าประชาชนแสดงความรู้จักต่อโครงการ "รวมพลังหาร 2" และแนวความคิดของโครงการฯ เป็นอย่างดี นอกจากนั้นประชาชนยังมีความเข้าใจต่อแนวทางในการอนุรักษ์พลังงานคือการใช้พลังงานเท่าที่จำเป็น และพร้อมที่จะนำมาปฏิบัติมากขึ้น โดยมีความตระหนักถึงผลดีของการประหยัดพลังงานมากขึ้น รวมถึงมีความเข้าใจว่าการประหยัดพลังงานไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างที่เคยคิดกัน โดยสรุปสามารถกล่าวได้ว่าโครงการ "รวมพลังหาร 2" ในปีที่ผ่านมา ได้สร้างกระแสความนิยมในการอนุรักษ์พลังงาน และเริ่มสร้างทัศนคติที่ดีต่อคุณค่าพลังงานให้แก่ประชาชนทั่วไป
สพช. เห็นสมควรที่จะได้มีการสืบทอดแนวทางในการรณรงค์รวมพลังหาร 2 เพื่อเป็นแบบอย่างให้แก่ภาครัฐและเอกชนตลอดจนผู้บริโภคได้ตระหนักและมีส่วนร่วมในการพัฒนาและเสริมสร้างประสิทธิภาพการใช้พลังงานและทรัพยากรทุกชนิด สพช. จึงได้จัดทำแผน 3 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2541 ถึง 2543 เพื่อเสนอคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน ในการประชุมครั้งที่ 11/2540 (ครั้งที่ 36) เมื่อวันจันทร์ที่ 15 กันยายน 2540 ซึ่งที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการดังกล่าว และเห็นชอบ งบประมาณของโครงการประชาสัมพันธ์ตามแผนปฏิบัติการฯ ปีงบประมาณ 2541 ในวงเงิน 190,600,000 บาท พร้อมทั้งให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
งบประมาณของแผนปฏิบัติการโครงการประชาสัมพันธ์ 3 ปี ในวงเงิน 627,100,000 บาท ดังนี้
ปีงบประมาณ 2541 | เป็นจำนวนเงิน 190,600,000 บาท |
ปีงบประมาณ 2542 | เป็นจำนวนเงิน 173,500,000 บาท |
ปีงบประมาณ 2543 | เป็นจำนวนเงิน 263,000,000 บาท |
กิจกรรมการประชาสัมพันธ์ปีงบประมาณ 2541 แบ่งกิจกรรมตามกลุ่มเป้าหมายได้ ดังนี้
1. สาธารณชนทั่วไป | |
1.1 จัดทำเอกสารเผยแพร่สาระน่ารู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน | เป็นจำนวนเงิน 5,000,000 บาท |
1.2 โฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ | เป็นจำนวนเงิน 70,000,000 บาท |
1.3 สารคดีทางวิทยุ | เป็นจำนวนเงิน 4,000,000 บาท |
1.4 สารคดีทางโทรทัศน์ | เป็นจำนวนเงิน 4,000,000 บาท |
1.5 การแสดงท้องถิ่น | เป็นจำนวนเงิน 3,000,000 บาท |
1.6 แรลลี่จักรยานและมินิมาราธอน | เป็นจำนวนเงิน 3,500,000 บาท |
1.7 มหกรรมอนุรักษ์พลังงานภาคเหนือ | เป็นจำนวนเงิน 2,000,000 บาท |
1.8 โขนหาร 2 | เป็นจำนวนเงิน 4,000,000 บาท |
1.9 สื่อหาร 2 | เป็นจำนวนเงิน 7,000,000 บาท |
รวม 102,500,000 บาท | |
2. เยาวชน | |
2.1 ศูนย์นิทัศน์พลังงานเพื่ออนาคต | เป็นจำนวนเงิน 5,000,000 บาท |
2.2 นิทรรศการ "เปิดโลกพลังงาน" | เป็นจำนวนเงิน 3,000,000 บาท |
2.3 การแสดงสำหรับเยาวชน "ละครสัญจร" | เป็นจำนวนเงิน 4,000,000 บาท |
2.4 ค่ายเยาวชนอนุรักษ์พลังงาน | เป็นจำนวนเงิน 8,000,000 บาท |
2.5 ประกวดประพันธ์เพลงและร้องเพลง | เป็นจำนวนเงิน 6,000,000 บาท |
2.6 รองเท้าแตะ และเสื้อนักเรียน "เพื่อเยาวชนหาร 2" | เป็นจำนวนเงิน 9,000,000 บาท |
รวม 35,000,000 บาท | |
3. องค์กรภาคเอกชน | |
อาคารหาร 2 | เป็นจำนวนเงิน 9,000,000 บาท |
4. สื่อมวลชน | |
4.1 ศูนย์ประชาสัมพันธ์ "รวมพลังหาร 2" | เป็นจำนวนเงิน 6,000,000 บาท |
4.2 รางวัลสื่อมวลชนดีเด่นเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน | เป็นจำนวนเงิน 1,500,000 บาท |
รวม 7,500,000 บาท | |
5. ติดตามและประเมินผล | เป็นจำนวนเงิน 9,000,000 บาท |
6. บริหารโครงการ "รวมพลังหาร 2" | เป็นจำนวนเงิน 7,600,000 บาท |
7. อื่นๆ ที่ยังไม่ได้ระบุ | เป็นจำนวนเงิน 20,000,000 บาท |
รวม 190,600,000 บาท |
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบในแผนปฏิบัติการโครงการประชาสัมพันธ์ในส่วนที่ สพช. รับผิดชอบปีงบประมาณ 2541-2543 โดยให้มีการปรับปรุงแผนฯ ตามข้อสังเกตของที่ประชุม และอนุมัติงบประมาณค่าใช้จ่ายโครงการประชาสัมพันธ์ในส่วนที่ สพช. รับผิดชอบ ในปีงบประมาณ 2541 ในวงเงิน 190,600,000 บาท
2. เห็นชอบให้ สพช.ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการโครงการประชาสัมพันธ์ โดยให้ สพช. ดำเนินการคัดเลือกผู้ที่จะรับทำโครงการประชาสัมพันธ์ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และให้ สพช. นำผลการพิจารณาคัดเลือกเสนอให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน พิจารณาอนุมัติก่อนทำสัญญาในกรณีที่วงเงินมีมูลค่าไม่เกิน 5 ล้านบาท และให้คณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติก่อนทำสัญญาในกรณีที่วงเงินมีมูลค่าเกิน 5 ล้านบาท
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ปี 2538-2539 พพ. ได้ดำเนินการตามโครงการประชาสัมพันธ์ที่ได้รับการอนุมัติไปแล้วรวม 10 กิจกรรม เป็นจำนวนเงิน 40,587,520 บาท และในปี 2540 พพ. ได้ดำเนินการตามโครงการประชาสัมพันธ์ที่ได้รับการอนุมัติไปแล้วรวม 18 กิจกรรม เป็นจำนวนเงิน 75,648,327 บาท สำหรับในปี 2541 ได้จัดทำแผนปฏิบัติการโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในส่วนที่ พพ. รับผิดชอบ เพื่อเสนอต่อคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน ในการประชุมครั้งที่ 11/2540 (ครั้งที่ 36) เมื่อวันจันทร์ที่ 15 กันยายน 2540 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาแผนปฏิบัติการโครงการประชาสัมพันธ์ฯ และมีมติเห็นชอบให้ พพ. ดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการโครงการประชาสัมพันธ์ดังกล่าว และเห็นชอบงบประมาณของโครงการฯ ในวงเงิน 88,900,000 บาท
กิจกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ ปี 2541
โครงการประชาสัมพันธ์สำหรับปีงบประมาณ 2541 ซึ่ง พพ. จะเน้นการเพิ่มพูนความรู้ ความเข้าใจในเทคโนโลยีการอนุรักษ์พลังงาน โดยจะครอบคลุมการใช้สื่อต่างๆ อย่างครบวงจร เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องและถูกต้อง อาทิ สื่อโทรทัศน์ วิทยุ สิ่งพิมพ์ ตลอดจนการจัดสัมมนาและนิทรรศการ เป็นต้น โดยได้กำหนดกิจกรรมการประชาสัมพันธ์เป็น 3 กิจกรรม ดังนี้
กิจกรรมที่ 1 การประชาสัมพันธ์พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 แผนงานอนุรักษ์พลังงาน และกองทุนฯ ซึ่งเป็นการประชาสัมพันธ์ให้กับโรงงาน/อาคารควบคุม บริษัทที่ปรึกษา ผู้ผลิต ผู้จำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้ทราบถึง พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานฯ พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง แผนงานและโครงการอนุรักษ์พลังงาน ตลอดจนกองทุนฯ และประโยชน์ที่จะได้จากกองทุนฯ ประกอบด้วย 4 กิจกรรม เป็นจำนวนเงิน 17,200,000 บาท
กิจกรรมที่ 2 การสร้างจิตสำนึก เป็นการรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้ผู้เกี่ยวข้องกับโรงงานอาคารทั่วไป บริษัทที่ปรึกษา ผู้ผลิต ผู้จำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้ได้ทราบถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการอนุรักษ์พลังงาน และผลกระทบจากการผลิต การใช้พลังงานอย่างไม่มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้ร่วมกันอนุรักษ์พลังงาน ประกอบด้วย 7 กิจกรรม เป็นจำนวนเงิน 36,000,000 บาท
กิจกรรมที่ 3 การให้ความรู้ ข้อมูล และข่าวสาร เป็นการรณรงค์ให้ความรู้ และวิธีการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งได้แก่ เทคโนโลยีการออกแบบอาคาร/โรงงานที่อนุรักษ์พลังงาน อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง วัสดุอุปกรณ์ที่ช่วยในการอนุรักษ์พลังงาน การควบคุม การบำรุงรักษา และการจัดการต่างๆ ที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับโรงงาน/อาคารควบคุมและทั่วไป บริษัทที่ปรึกษา ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายอุปกรณ์ และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย 12 กิจกรรม เป็นจำนวนเงิน 35,700,000 บาท
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบในหลักการตามแผนปฏิบัติการโครงการประชาสัมพันธ์ในส่วนที่ พพ. รับผิดชอบปีงบประมาณ 2541 และอนุมัติงบประมาณค่าใช้จ่ายโครงการประชาสัมพันธ์ในส่วนที่ พพ. รับผิดชอบ ในปีงบประมาณ 2541 ในวงเงิน 88,900,000 บาท
2. เห็นชอบให้ พพ. ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการโครงการประชาสัมพันธ์โดยให้ พพ. ดำเนินการคัดเลือกผู้ที่จะรับทำโครงการประชาสัมพันธ์ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และให้ พพ. นำผลการพิจารณาคัดเลือกเสนอให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน พิจารณาอนุมัติก่อนทำสัญญาในกรณีที่วงเงินมีมูลค่าไม่เกิน 5 ล้านบาท และให้คณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติก่อนทำสัญญาในกรณีที่วงเงินมีมูลค่าเกิน 5 ล้านบาท
เรื่องที่ 7 แผนแม่บทโครงการพัฒนาบุคลากร ปี 2541-2543
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ปีงบประมาณ 2540 ได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยกองทุนฯ ได้ให้การสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรตามแผนแม่บทโครงการพัฒนาบุคลากร ในปี 2540 เป็นจำนวนเงิน 338.9 ล้านบาท และเนื่องจากได้มีความต้องการเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลากรด้านอนุรักษ์พลังงานที่ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ฝ่ายเลขานุการฯ จึงนำเสนอแผนแม่บทโครงการพัฒนาบุคลากรสำหรับปีงบประมาณ 2541-2543 ให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุนพิจารณาให้ความเห็นชอบ ในการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ครั้งที่ 11/2540 (ครั้งที่ 36) เมื่อวันจันทร์ที่ 15 กันยายน 2540 ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบกับแผนแม่บทดังกล่าวพร้อมทั้งให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป โดยสรุปได้ดังนี้
องค์ประกอบและงบประมาณของแผนแม่บทโครงการพัฒนาบุคลากร ปี 2541-2543
แผนแม่บทโครงการพัฒนาบุคลากรประกอบด้วย 6 กิจกรรมหลัก คือ
กิจกรรม | องค์กรที่สามารถขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ |
1) การพัฒนาหลักสูตร สื่อการสอน แบบเรียน คู่มือ และเครื่องมือที่ใช้ประกอบการฝึกอบรมและทำงาน และห้องปฏิบัติการ | สพช. พพ. บก. กระทรวงศึกษาธิการ |
มหาวิทยาลัยของรัฐ/เอกชน | |
สำนักงานการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า | |
2) การฝึกอบรมบุคลากรระยะสั้นในประเทศ | สพช. บก. พพ. มหาวิทยาลัยของรัฐ ส่วนราชการ |
รัฐวิสาหกิจ องค์กรเอกชนไม่มุ่งค้ากำไร | |
3) การส่งบุคลากรเข้ารับการฝึกอบรม และดูงานระยะสั้นในต่างประเทศ | สพช. บก. พพ. ส่วนราชการ มหาวิทยาลัยของรัฐ |
องค์กรเอกชนไม่มุ่งค้ากำไร | |
4) การส่งบุคลการเข้ารับการศึกษาระดับอุดมศึกษา ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ | สพช. บก. พพ. ส่วนราชการ มหาวิทยาลัยของรัฐ |
5) การให้ทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา | มหาวิทยาลัยของรัฐ |
6) อื่นๆ | สพช. พพ. บก. ส่วนราชการ มหาวิทยาลัยของรัฐ |
องค์กรเอกชนไม่มุ่งค้ากำไร |
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบในแผนแม่บทโครงการพัฒนาบุคลากร ดังรายละเอียดปรากฎในเอกสารแนบ 4.5.3 ของระเบียบวาระการประชุม เพื่อใช้เป็นกรอบในการพิจารณาให้การสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับแผนงานอนุรักษ์พลังงาน โดยให้ผู้สนใจขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ยื่นข้อเสนอต่อ สพช. เพื่อวิเคราะห์และกลั่นกรองข้อเสนอและนำเสนอคณะอนุกรรมการฯ และคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป
2. อนุมัติเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามแผนแม่บทโครงการพัฒนาบุคลากร ปี 2541-2543 ในวงเงิน 1,144.8 ล้านบาท ดังนี้
หน่วย : ล้านบาท
ปีงบประมาณ | ||||
กิจกรรม | 2541 | 2542 | 2543 | รวม |
1) การพัฒนาหลักสูตร สื่อการสอน แบบเรียน คู่มือ และเครื่องมือที่ใช้ประกอบการฝึกอบรมและทำงาน และห้องปฏิบัติการ | 292 | 234.6 | 98 | 624.6 |
2) การฝึกอบรมบุคลากรระยะสั้นในประเทศไทย | 81.4 | 69.4 | 70.4 | 221.2 |
3) การส่งบุคลากรเข้ารับการฝึกอบรมและดูงาน | ||||
ระยะสั้นในต่างประเทศ | 20 | 20 | 20 | 60 |
4) การส่งบุคลากรเข้ารับการศึกษาระดับ | 81 | 49 | 49 | 179 |
อุดมศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศ | ||||
5) การให้ทุนวิจัยและพัฒนาแก่นักศึกษาระดับ | 5 | 5 | 5 | 15 |
อุดมศึกษา | ||||
6) อื่น ๆ | 15 | 15 | 15 | 45 |
รวม | 494.4 | 393.0 | 257.4 | 1,144.8 |
เรื่องที่ 8 ทุนการศึกษาในต่างประเทศ ปีงบประมาณ 2541
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน ในการประชุมครั้งที่ 6/2540 (ครั้งที่ 31) เมื่อวันพุธที่ 21 พฤษภาคม 2540 ได้อนุมัติจัดสรรทุนให้กับหน่วยงานต่างๆ เป็นทุนการศึกษาในต่างประเทศระดับปริญญาโท จำนวน 10 ทุน และระดับปริญญาเอก จำนวน 3 ทุน โดยคณะอนุกรรมการฯ ได้มอบหมายให้สำนักงาน ก.พ. เป็นผู้บริหารงบประมาณ และเป็นผู้คัดเลือก ผู้เหมาะสมจะรับทุนร่วมกับคณะอนุกรรมการฯ แล้วนำเสนอคณะอนุกรรมการฯ อนุมัติตัวบุคคลผู้รับทุนและงบประมาณค่าใช้จ่ายต่อไป แต่เนื่องจากสำนักงาน ก.พ. ไม่สามารถดำเนินการสอบคัดเลือกทุนได้ทันในปีงบประมาณ 2540 ดังนั้น สพช. จึงเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติให้เพิ่มวงเงินงบประมาณทุนการศึกษาในต่างประเทศ ในปีงบประมาณ 2541 จากแผนเดิม จำนวน 40 ล้านบาท รวมเป็น 72 ล้านบาท โดยการนำทุนการศึกษาในต่างประเทศปีงบประมาณ 2540 จำนวน 32 ล้านบาท มารวมกับงบประมาณปี 2541 จำนวน 40 ล้านบาท
มติที่ประชุม
อนุมัติให้ สพช. นำงบประมาณโครงการส่งบุคลากรเข้ารับการศึกษาระดับอุดมศึกษาในต่างประเทศ ปี 2540 ภายใต้โครงการพัฒนาบุคลากร จำนวน 32 ล้านบาท มาสมทบกับเงินงบประมาณ ปี 2541 ที่มีอยู่ตามแผนเดิม จำนวน 40 ล้านบาท รวมเป็นวงเงินงบประมาณ โครงการส่งบุคลากรเข้ารับการศึกษาระดับอุดมศึกษาในต่างประเทศ ปี 2541 จำนวนทั้งสิ้น 72 ล้านบาท
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าคณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 2/2538 (ครั้งที่ 6) เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2538 ได้มีมติอนุมัติเงินกองทุนฯ ให้สถาบันวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ เพื่อเป็นพลังงานทดแทนและปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ส่วนที่ 1 : ฟาร์มขนาดกลางและขนาดใหญ่ ระยะที่ 1 ปีแรก โดยมีเป้าหมายของโครงการที่ปริมาตรของระบบรวม 10,000 ม3 ในวงเงิน 22,401,436 บาท ซึ่งจากการดำเนินโครงการฯ ตามกำหนดระยะเวลาโครงการ 2 ปีแรก (ระหว่างปี พ.ศ.2538-2540) สถาบันฯ ได้ทำการส่งเสริมและเผยแพร่เทคโนโลยีระบบก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ฯ และสามารถดำเนินการก่อสร้างระบบก๊าซชีวภาพได้ครบ 10,000 ม3 ตามเป้าหมาย และมีเจ้าของฟาร์มแสดงความจำนงค์ที่จะเข้าร่วมโครงการฯ เป็นจำนวนมาก มช. จึงได้เสนอแผนของโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ฯ เพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เป็นระยะที่ 2 ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้เสนอให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือพิจารณา ในการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ครั้งที่ 5/2540 (ครั้งที่ 14) เมื่อวันอังคารที่ 19 สิงหาคม 2540 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาโครงการฯ และมีมติเห็นชอบในโครงการดังกล่าว และให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติต่อไป
มช. ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ ระยะที่ 2 ปี พ.ศ. 2540-2545 (4 ปี 6 เดือน) จำนวนเงินทั้งสิ้น 101,322,980 บาท ประกอบด้วย
รายการ | ปีที่ 1 | ปีที่ 2 | ปีที่ 3 | ปีที่ 4 | รวม |
เงินอุดหนุนให้กับเจ้าของโครงการ | 17,046,500 | 11,703,900 | 14,375,540 | 13,077,040 | 56,202,980 |
เงินอุดหนุนให้กับผู้ร่วมโครงการ | 11,280,000 | 11,280,000 | 11,280,000 | 11,280,000 | 45,120,000 |
รวมเงินสนับสนุนจากกองทุน | 28,326,500 | 22,985,900 | 25,655,540 | 24,357,040 | 101,322,980 |
เงินที่ผู้ร่วมโครงการลงทุนเอง | 22,720,000 | 22,720,000 | 22,720,000 | 22,720,000 | 90,880,000 |
คิดเป็นสัดส่วนการร่วมลงทุนระหว่างเกษตรกร 67 % และกองทุนฯ 33 %
กิจกรรมดังกล่าวมีประโยชน์ต่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม คือ
1) ผลิตก๊าซชีวภาพได้ปีละ 7.3 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานเทียบเท่าก๊าซหุงต้มจำนวน 50.6 ล้านกิโลกรัม
2) บำบัดน้ำเสียที่เกิดจากการเลี้ยงสุกรในรูปของ COD ได้ปีละไม่น้อยกว่า 40,000 ตัน (COD น้ำเสียจากโรงเรือนเลี้ยงสัตว์จะมีค่าประมาณ 4,000 มก./ลิตร และภายหลังผ่านระบบก๊าซชีวภาพและระบบบำบัดแล้ว COD จะมีค่าน้อยกว่า 120 มก./ลิตร)
3) สามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์ที่เหมาะสมกับพืชและช่วยปรับปรุงงบประมาณ 26,000 ตันต่อปี
มติที่ประชุม
1. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการพลังงานหมุนเวียนและกิจกรรมการผลิตในชนบท ให้สถาบันวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นพลังงานทดแทนและปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ส่วนที่ 1: ฟาร์มขนาดกลางและขนาดใหญ่ ระยะที่ 2 ปี พ.ศ. 2540-2545 ในวงเงิน 101,322,980 บาท ตามแผนงานของโครงการที่ปรากฎเป็นเอกสารแนบ 4.7.4 ของระเบียบวาระการประชุม (หนึ่งร้อยหนึ่งล้านสามแสนสองหมื่นสองพันเก้าร้อยแปดสิบบาทถ้วน)
2. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอผลการดำเนินการตามโครงการฯ เมื่อดำเนินงานไปแล้วแต่ละปี เพื่อให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ พิจารณาอนุมัติให้การสนับสนุนด้านการเงินในการดำเนินงานในปีถัดไป
เรื่องที่ 10 โครงการประหยัดพลังงานในการบ่มใบยาสูบ (ระยะที่ 2)
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2539 (ครั้งที่ 8) เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2539 ได้มีมติอนุมัติเงินกองทุนฯ ให้คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการประหยัดพลังงานในโรงบ่มใบยาสูบ ในวงเงิน 10,711,000 บาท เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่เทคโนโลยีการบ่มใบยาสูบแบบความร้อนรวมศูนย์แก่ผู้บ่มใบยาสูบในเขตภาคเหนือ จำนวน 5แห่ง โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการฯ 2ปี (เมษายน 2539-เมษายน 2541)
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ประเมินโครงการประหยัดพลังงานในการบ่มใบยาสูบจากโรงบ่ม ชุดที่ 1 และ ชุดที่ 2 ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ครั้งที่ 1 และเริ่มเดินระบบแล้ว ปรากฎผลเป็นไปตามเป้าหมาย ดังนั้นเพื่อเป็นการขยายเทคโนโลยีดังกล่าวให้ครอบคลุมพื้นที่ใช้งานมากขึ้น มช. จึงได้จัดทำข้อเสนอโครงการประหยัดพลังงานในการบ่มใบยาสูบ เพื่อเสนอขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เป็นครั้งที่ 2 มายัง สพช. ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้เสนอให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือพิจารณา ในการประชุมครั้งที่ 6/2540 (ครั้งที่ 15) เมื่อวันจันทร์ที่ 15 กันยายน 2540ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาโครงการฯ และมีมติเห็นชอบในโครงการดังกล่าว และให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติต่อไป
สาระสำคัญของโครงการคือ เป็นระบบการบ่มใบยาสูบแบบอัดแน่นซึ่งใช้ความร้อนรวมศูนย์ โดยมีเตาเผาเชื้อเพลิงและหม้อน้ำร้อนชุดเดียวให้ความร้อนแก่โรงบ่ม 6 โรง ระบบนี้จะทำให้ใบยาที่บ่มมีคุณภาพดี และลดปริมาณการใช้เชื้อเพลิงในการบ่มใบยาสูบ จึงเป็นการลดปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่ปล่อยจากโรงบ่ม และลดการตัดไม้ทำลายป่าด้วย โดยมีเป้าหมายในการดำเนินโครงการดังนี้
1) ส่งเสริมให้มีการติดตั้งใหม่หรือเพิ่มกำลังผลิตระบบบ่มใบยาสูบแบบความร้อนรวมศูนย์อย่างน้อย 9,000,000 กิโลกรัมใบยาแห้ง/ปี ในจังหวัดต่างๆ ในเขตภาคเหนือ
2) ประเมินประสิทธิภาพและวิธีการจัดการใบยาสูบ และกำหนดมาตรการในการปรับปรุงประสิทธิภาพเชิงความร้อน ลดการใช้แรงงาน เพิ่มคุณภาพของใบยาแห้ง และเพิ่มจำนวนครั้งที่บ่มได้ต่อโรงต่อปีอย่างต่อเนื่อง
3) ถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยี รวมทั้งการจัดการระบบบ่มใบยาสูบแบบความร้อนรวมศูนย์ให้แก่ผู้บ่มใบยาสูบ ชาวไร่ บริษัทเอกชน และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องรวมไม่ต่ำกว่า 75 คน พร้อมทั้งติดตามให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง
มช. ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เป็นเงิน 223,567,520 บาท ในระยะ 3 ปี (2540-2543) ประกอบด้วย
รายการ | ปีที่ 1 | ปีที่ 2 | ปีที่ 3 | รวม |
ก. เงินสนับสนุนให้กับผู้ร่วมโครงการ | 27,720,000 | 79,200,000 | 95,040,000 | 201,960,000 |
ข. เงินสนับสนุนให้กับเจ้าของโครงการ(มหาวิทยาลัยเชียงใหม่) | 4,099,300 | 7,964,900 | 9,543,320 | 21,607,520 |
รวมค่าใช้จ่ายขอรับการสนับสนุน | 31,819,300 | 87,164,900 | 104,583,320 | 223,567,520 |
ค. เงินที่ผู้ร่วมโครงการลงทุนเอง | 35,280,000 | 100,800,000 | 120,960,000 | 257,040,000 |
สัดส่วนของการร่วมลงทุน
ผู้ร่วมโครงการ 56 %
กองทุนฯ 44 %
โครงการดังกล่าวมีประโยชน์ต่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม คือ
1) ประหยัดพลังงานความร้อนได้ 67%
2) ประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง 31,946,424 บาท/ปี
3) ประหยัดพลังงานที่ใช้ในการบรรจุใบยา
4) ลดก๊าซ SOx 2,345 ตัน/ปี
มติที่ประชุม
1. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการพลังงานหมุนเวียนและกิจกรรมการผลิตในชนบท ให้คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการประหยัดพลังงานในการบ่มใบยาสูบ (ระยะที่ 2) ตามแผนงานของโครงการที่ปรากฎเป็นเอกสารแนบ 4.8.6 ของระเบียบวาระการประชุม ในวงเงิน 223,567,520 บาท (สองร้อยยี่สิบสามล้านห้าแสนหกหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยยี่สิบบาทถ้วน)
2. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอผลการดำเนินการตามโครงการฯ เมื่อดำเนินงานไปแล้วแต่ละปี เพื่อให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ พิจารณาอนุมัติให้การสนับสนุนด้านการเงินในการดำเนินงานในปีถัดไป
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า สำนักงานการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เสนอโครงการการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า (Load Management) ระบบปรับอากาศแบบกักเก็บความเย็น อาคารศาลาว่าการกรุงเทพมหานครแห่งใหม่ (ดินแดง) มายัง สพช. เพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ภายใต้แผนงานภาคความร่วมมือ ในส่วนของโครงการส่งเสริมและด้านการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้เสนอให้คณะกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือพิจารณาในการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ครั้งที่ 6/2540 (ครั้งที่ 15) เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2540 ที่ประชุมได้พิจารณา โครงการฯ นี้แล้ว โดยได้มีมติเห็นชอบในการให้การสนับสนุนแก่โครงการนี้และให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติต่อไป
สาระสำคัญของโครงการ คือ ระบบปรับอากาศแบบกักเก็บความเย็น (Ice Storage System) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้เก็บความเย็นเอาไว้ในรูปของน้ำแข็งเพื่อนำออกมาใช้ต่อไปในภายหลังเมื่อต้องการทำความเย็น เป็นแนวทางในการประหยัดไฟฟ้าที่เป็นมาตรการและเทคโนโลยีที่มีใช้แพร่หลายในต่างประเทศ ซึ่ง กฟผ. จะนำมาดำเนินการติดตั้งเป็นโครงการนำร่อง ณ อาคารว่าการกรุงเทพมหานคร (ดินแดง) ซึ่งมีพื้นที่ใช้สอย 174,139.2 ตารางเมตร โดยแต่เดิมได้มีการออกแบบที่จะติดตั้งระบบปรับอากาศแบบปกติขนาด 6,400 ตัน ซึ่งมีความต้องการใชัไฟฟ้าที่ 4,480 กิโลวัตต์ ทั้งนี้ กฟผ. จะร่วมกับสำนักการโยธากรุงเทพมหานครในการออกแบบและติดตั้งระบบปรับอากาศแบบกักเก็บความเย็นขนาด 4,600 ตัน ทำงานร่วมกับระบบปรับอากาศปกติขนาด 1,800 ตัน เพื่อทดแทนระบบเดิมที่ กรุงเทพมหานคร ได้ออกแบบไว้ดังกล่าว ซึ่งจะมีผลให้ลดความต้องการใช้ไฟฟ้าของอาคารในช่วงสูงสุด (Peak Load) ลงได้ 4,405 กิโลวัตต์ ในช่วงเวลา 13:00-17:00 น.
ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการฯ
1) เป็นการลดการใช้ไฟฟ้าในช่วงสูงสุด ซึ่งทำให้สามารถลดหรือชะลอการสร้างโรงไฟฟ้าได้ 4,405 กิโลวัตต์ คิดเป็นเงินลงทุน 132.14 ล้านบาท
2) เป็นการสนองนโยบายรัฐบาล ในโครงสร้างค่าไฟฟ้าประเภท Time of Use
3) เป็นการใช้ทรัพยากรพลังงานซึ่งได้แก่ ลิกไนท์ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตพลังงานไฟฟ้าในช่วง Off Peak แทนการใช้น้ำมันซึ่งเป็นพลังงานที่ต้องการนำเข้าจากต่างประเทศ
มติที่ประชุม
อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการส่งเสริมธุรกิจด้านการอนุรักษ์พลังงาน ให้สำนักงานการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า ระบบปรับอากาศแบบกักเก็บความเย็น อาคารศาลาว่าการกรุงเทพมหานครแห่งใหม่ (ดินแดง) ตามแผนงานของโครงการที่ปรากฎเป็นเอกสารแนบ 4.9.2 ของระเบียบวาระการประชุม ในวงเงิน 70,000,000 บาท (เจ็ดสิบล้านบาทถ้วน)
เรื่องที่ 12 โครงการวิจัยและพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์ที่เหมาะกับภูมิอากาศ เขตร้อนชื้น
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สพช.) ได้เสนอโครงการมายัง สพช. เพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ภายใต้แผนงานภาคความร่วมมือ ในส่วนของโครงการซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้เสนอให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือพิจารณาในการประชุมคณะอนุกรรมการ ครั้งที่ 6/2540 (ครั้งที่ 15) เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2540 ที่ประชุมได้พิจารณาโครงการฯ นี้แล้ว โดยได้มีมติเห็นชอบในการให้การสนับสนุนแก่โครงการนี้และให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติต่อไป
สาระสำคัญของโครงการ คือ เป็นโครงการที่เน้นด้านการวิจัยเซลล์แสงอาทิตย์ การประกอบแผง การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตขนาดย่อมเชิงสาธิต (Pilot Plant) ประมาณการผลิต 150 kW ตลอดระยะโครงการเพื่อเป็นแนวทางการผลิตเต็มรูปแบบในเชิงพาณิขย์ และเผยแพร่สู่สาธารณชนต่อไปในอนาคต งบประมาณตลอดโครงการ เป็นเงิน 205 ล้านบาท ส่วนที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เฉพาะในส่วนค่าครุภัณฑ์ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 90 ล้านบาท
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1) ด้านเทคโนโลยี
- สามารถสร้างต้นแบบเซลล์ที่เหมาะสมกับการใช้งานในประเทศไทย โดยใช้เทคโนโลยีของตนเองได้
- เพิ่มขีดความสามารถด้านการวิจัย พัฒนา และวิศวกรรมทางเทคโนโลยีสาขาเซลล์แสงอาทิตย์ให้กับภาครัฐ และเอกชน
- การพัฒนากำลังคนสำหรับงานวิจัย พัฒนา และวิศวกรรมในสาขาเทคโนโลยีสาร กึ่งตัวนำอันเป็นสาขาขาดแคลน
- ผลตอบแทนจากการขายหรือถ่ายทอดเทคโนโลยีและจากสิทธิบัตร
2) ด้านอุตสาหกรรม
- กระตุ้นให้เกิดอุตสาหกรรมการผลิต การขาย และการส่งออกเซลล์แสงอาทิตย์
3) ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม
- สามารถผลิตพลังงานที่สะอาด เพื่อสนองต่อความต้องการของประเทศ อีกทั้งยังช่วยลดภาระของ กฟผ. ในการจัดหาพลังงานเสริมเพิ่มให้กับผู้บริโภคในช่วงเวลาความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงระหว่างเวลา 9:00-16:00 น.
- มีการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชน และในระดับประเทศ เป็นการเพิ่มรายได้จากการส่งออกเซลล์ แผงเซลล์ หรืออย่างน้อยก็ช่วยลดการนำเข้าน้ำมัน
4) ประโยชน์จากการผลิตพลังงานโดยไม่ปล่อยสารพิษ
- SOX 0.25 บาท/กิโลวัตต์-ชม.
- NOX 0.20 บาท/กิโลวัตต์-ชม.
- CO2 0.10 บาท/กิโลวัตต์-ชม.
- จากการไม่ใช้เชื้อเพลิง 1.50-3.00 บาท/กิโลวัตต์-ชม.
- จากการผลิตพลังงาน 250 กิโลวัตต์ 600 บาท/กิโลวัตต์
- 300 กิโลวัตต์ 500 บาท/กิโลวัตต์
มติที่ประชุม
อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนา ให้ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการวิจัยและพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์ที่เหมาะกับภูมิอากาศเขตร้อนชื้น ตามแผนงานของโครงการที่ปรากฎเป็นเอกสารแนบ 4.10.2 ของระเบียบวาระการประชุม ในวงเงิน 90,000,000 บาท (เก้าสิบล้านบาทถ้วน)
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้เสนอโครงการระบบผลิตไฟฟ้าแบบผสมผสานด้านพลังงานสะอาด สำหรัอุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ามายัง สพช. เพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ภายใต้แผนงานภาคความร่วมมือ ในส่วนของโครงการศึกษา วิจัยและพัฒนา ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้เสนอให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือพิจารณาในการประชุมคณะอนุกรรมการ ครั้งที่ 6/2540 (ครั้งที่ 15) เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2540 ที่ประชุมได้พิจารณาโครงการฯ นี้แล้ว โดยได้มีมติเห็นชอบในการให้การสนับสนุนแก่โครงการนี้และให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติต่อไป
สาระสำคัญของโครงการ คือ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีจะทำการศึกษาเพื่อสาธิตระบบผลิตไฟฟ้าแบบผสมผสาน ณ พื้นที่ของอุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 3 แห่ง คือ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี ซึ่งระบบผลิตไฟฟ้าแบบผสมผสานจะมีลักษณะเป็นระบบขนาน ประกอบด้วยระบบย่อยที่สำคัญได้แก่
- ระบบพลังงานทดแทน คือ ระบบเซลล์แสงอาทิตย์ ระบบกังหันลม
- ระบบแปลงพลังงานไฟฟ้ากระแสตรงเป็นกระแสสลับ ระบบแบตเตอรี่
- ระบบควบคุมการประจุแบตเตอรี่
งบประมาณที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เป็นเงินทั้งสิ้น 21,977,281 บาท ประกอบด้วย
หมวดค่าใช้จ่าย | ปีแรก | ปีทีสอง | รวม |
ค่าครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้าง | 14,771,146 | - | 14,771,146 |
ค่าใช้จ่ายในการบริหาร | 5,457,375 | 1,247,910 | 6,705,285 |
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ | 501,390 | - | 501,390 |
รวม | 20,729,911 | 1,247,910 | 21,977,281 |
ประโยชน์ที่มีต่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม มีดังนี้
1) ประโยชน์ในการก่อให้เกิดการอนุรักษ์พลังงาน
- ช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 161,382 ลิตรต่อปี
2) ผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่
- สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าได้ตลอดเวลาที่มีพลังงานสะสมอยู่ในแบตเตอรี่ ห้องพยาบาล สามารถใช้ตู้เย็นขนาดเล็กเพื่อเก็บวัคซีน เซรุ่ม หรือเวชภัณฑ์ที่จำเป็นต่างๆ และเนื่องจากเลือกใช้งานอินเจอร์เมเนียมแบบซายน์ จึงสามารถใช้กับเครื่องมือแพทย์ได้ทุกชนิด
- ทางอุทยานฯ สามารถให้บริการนักท่องเที่ยว ในลักษณะฉายสไลด์หรือวิดีโอทัศน์ ได้ตลอดเวลา ทำให้การเผยแพร่ข้อมูลและความรู้ทำได้มากขึ้น
- เพิ่มแนวคิดการใช้พลังงานอย่างประหยัดให้แก่นักท่องเที่ยวและบุคลากร ที่พักอยู่ในบริเวณอุทยานฯ เนื่องจากพลังงานมีจำกัด และระบบแสงสว่างได้ออกแบบให้ใช้หลอดประหยัดทั้งหมด จึงเป็นต้นแบบหรือตัวอย่างในการอนุรักษ์พลังงานและใช้แหล่งพลังงานสะอาด
3) ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวม
- ผลประโยชน์จากพลังงานไฟฟ้าโดยไม่ใช้น้ำมันดีเซล 10,642 บาท/กิโลวัตต์ปี
- ลดเสียงจากเครื่องยนต์ดีเซลล์ซึ่งรบกวนสภาพแวดล้อมของสัตว์ป่า
- ลดคราบน้ำมันซึ่งปนเปื้อนลงในแหล่งต้นน้ำลำธาร
มติที่ประชุม
อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนา ให้สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการระบบผลิตไฟฟ้าแบบผสมผสานด้วยพลังงานสะอาดสำหรับอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตามแผนงานของโครงการที่ปรากฎเป็นเอกสารแนบ 4.11.2 ของระเบียบวาระการประชุม ในวงเงิน 21,977,281 บาท (ยี่สิบเอ็ดล้านเก้าแสนเจ็ดหมื่นเจ็ดพันสองร้อยแปดสิบเอ็ดบาทถ้วน)
เรื่องที่ 14 โครงการจัดทำแผนที่ศักยภาพพลังงานลมของประเทศไทย
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่ากรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน (พพ.) ได้เสนอโครงการจัดทำแผนที่ศักยภาพพลังงานลมของประเทศไทยมายัง สพช. เพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ภายใต้แผนงานภาคความร่วมมือ ในส่วนของโครงการศึกษา วิจัยและพัฒนา ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้เสนอให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือพิจารณาในการประชุมคณะอนุกรรมการ ครั้งที่ 6/2540 (ครั้งที่ 15) เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2540 ที่ประชุมได้พิจารณาโครงการฯ นี้แล้ว โดยได้มีมติเห็นชอบในการให้การสนับสนุนแก่โครงการนี้และให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติต่อไป
สาระสำคัญของโครงการ คือ พพ. จะดำเนินการร่วมกับการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญซึ่งมีประสบการณ์และผลงานการวิจัยเกี่ยวกับศักยภาพพลังงานลม เพื่อทำการศึกษาและติดต่อประสานงานในการรวบรวมข้อมูลพลังงานลมของประเทศไทยจากเครื่องวัดพลังงานลมที่ได้ติดตั้งไว้แล้ว จากสถานีกรมอุตุนิยมวิทยาจำนวน 70 สถานี และของ พพ. อีก 23 สถานี รวมถึงข้อมูลที่ได้จากเครื่องมือวัดที่ติดตั้งบนบอลลูน บนเรือเดินทะเล และจากภาพถ่ายดาวเทียม เป็นข้อมูลย้อนหลังไม่น้อยกว่า 15 ปี เพื่อนำมาวิเคราะห์ประเมินผลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (GIS) เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูล และจัดทำแผนที่แสดงศักยภาพแหล่งพลังงานลมของประเทศไทย และจะทำการศึกษาเกี่ยวกับรายละเอียดปัจจุบันในสถานภาพของสถานี คุณภาพและคุณลักษณะของเครื่องตรวจวัด แล้วนำมารวบรวมสร้างเป็นแผนที่แสดงศักยภาพแหล่งพลังงานลม โดยมีรายละเอียดแสดงการกระจายตัวของแหล่งพลังงานลมทั่วประเทศ
พพ. ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เป็นเงินทั้งสิ้น 9,352,800 บาท (เก้าล้านสามแสนห้าหมื่นสองพันแปดร้อยบาทถ้วน) ประกอบด้วย
- ค่าจ้างที่ปรึกษา 8,458,800 บาท
- ค่าควบคุมงานโครงการ 480,000 บาท
- ค่าตอบแทนใช้สอยวัสดุและครุภัณฑ์ 414,000 บาท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 9,352,800 บาท
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ได้แก่แผนที่แสดงแหล่งศักยภาพพลังงานลมของประเทศไทย ซึ่งสามารถแสดงรายละเอียดข้อมูลทุกภูมิภาค โดยมีข้อมูลและกราฟแสดงความเปลี่ยนแปลงของลมเป็นรายปี รายฤดูกาลและรายวัน ข้อมูลความเร็วเฉลี่ย ทิศทางลมและความเข้มของพลังงานลม และทำให้ทราบว่าแหล่งใดมี ศักยภาพมากน้อยเพียงไร เพื่อเป็นแนวทางในการคัดเลือกพื้นที่ที่จะพัฒนาใช้ประโยชน์จากพลังงานลม
มติที่ประชุม
อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนา ให้กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการจัดทำแผนที่ศักยภาพ พลังงานลมของประเทศไทย ตามแผนงานของโครงการที่ปรากฎเป็นเอกสารแนบ 4.12.2 ของระเบียบวาระการประชุม ในวงเงิน 9,352,800 บาท (เก้าล้านสามแสนห้าหมื่นสองพันแปดร้อยบาทถ้วน)
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ตามที่คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ และคณะอนุกรรมการกำกับดูแลโครงการอาคารของรัฐ ได้อนุมัติเงินกองทุนฯ สนับสนุนโครงการต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการนฯแต่ละชุดแล้วหลายโครงการ และมีหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินโครงการ และจากการที่รัฐบาลได้ประกาศให้อัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทเป็นแบบลอยตัว ส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่าใช้จ่ายของโครงการต่างๆ เนื่องจากแผนการใช้จ่ายเงินของโครงการบางส่วนต้องจ่ายเป็นเงินตราสกุลต่างประเทศ ซึ่งเจ้าของโครงการฯ ไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนเพื่อนำมาสนับสนุนค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นดังกล่าวได้ ฝ่ายเลขานุการฯ จึงได้เสนอให้คณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณา
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคความร่วมมือ คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานสนับสนุน คณะอนุกรรมการกำกับดูแลแผนงานภาคบังคับ และคณะอนุกรรมการกำกับดูแลโครงการอาคารของรัฐ มีอำนาจในการอนุมัติเงินจากกองทุนฯ เพื่อเป็นเงินสนับสนุนเพิ่มเติมให้ผู้ที่ได้รับจัดสรรเงินทุนแต่ละรายที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการฯ แต่ละชุด ซึ่งได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทลอยตัว โดยให้โครงการต่างๆ ดังกล่าวทำเรื่องขออนุมัติค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเสนอคณะอนุกรรมการกำกับดูแลแต่ละชุด พิจารณาอนุมัติเป็นรายๆ ไป
- รายงานการใช้จ่ายเงินกองทุน
- การอนุรักษ์พลังงาน
- รายงานผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการ
- รายจ่ายประจำปี
- แผนปฏิบัติการ
- โครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม
- โครงการประชาสัมพันธ์
- แผนแม่บทโครงการพัฒนาบุคลากร
- ทุนการศึกษาในต่างประเทศ
- โครงการส่งเสริมก๊าซชีวภาพ
- โครงการประหยัดพลังงานในการบ่มใบยาสูบ
- โครงการการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า
- โครงการวิจัยและพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์
- โครงการระบบผลิตไฟฟ้าแบบผสมผสาน
- ขอความเห็นชอบ
- ขอรับเงินสนับสนุน