Super User
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 21 ตุลาคม 2554
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 20 พฤศจิกายน 2552
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 19 พฤศจิกายน 2552
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 19 ตุลาคม 2554
ครั้งที่ 90 - วันอังคาร ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 32/2554 (ครั้งที่ 90)
เมื่อวันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา 10.00 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
ปลัดกระทรวงพลังงาน (นายณอคุณ สิทธิพงศ์) กรรมการ เป็นประธานในที่ประชุม
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ) กรรมการและเลขานุการ
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมฯ ทราบว่า เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในฐานะประธานกรรมการบริหารนโยบายพลังงานติดภารกิจ จึงขอให้ที่ประชุมฯ แต่งตั้งกรรมการขึ้นทำหน้าที่ประธานกรรมการในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งที่ประชุมฯ ได้มีมติเห็นชอบให้ปลัดกระทรวงพลังงานทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม
เรื่องที่ 1 การแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพง
สรุปสาระสำคัญ
1. ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2553 และวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 เห็นชอบให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2553 ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2554 นั้น การดำเนินการที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2553 ถึงวันที่ 6 พฤษภาคม 2554 กองทุนน้ำมันฯ ได้จ่ายชดเชยเพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วไปแล้วประมาณ 24,005 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 8 สิงหาคม 2554 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีฐานะเบื้องต้นสุทธิติดลบ 55 ล้านบาท
2. มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2554 เห็นชอบให้ปรับอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันลดลง 5.3050 บาทต่อลิตร จาก 5.3100 บาทต่อลิตร เป็น 0.0050 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2554 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2554 และเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2554 คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติในหลักการให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) (สบพน.) กู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินในวงเงินประมาณ 20,000 ล้านบาท เพื่อใช้เสริมสภาพคล่องทางการเงินของกองทุนน้ำมันฯ หากราคาน้ำมันปรับเพิ่มสูงขึ้นจนทำให้กองทุนน้ำมันฯ ไม่มีสภาพคล่องที่จะไปชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
3. สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวลดลง โดย ณ วันที่ 8 สิงหาคม 2554 ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 101.65 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล น้ำมันเบนซินอยู่ที่ 116.72 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 120.21 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล โดยปรับตัวลดลงจากราคาเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2554 ซึ่งใช้อ้างอิงในการประชุมเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2554 เท่ากับ 5.54, 5.84 และ 6.28 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันในประเทศลดลงตามไปด้วย โดยค่าการตลาดน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ณ วันที่ 9 สิงหาคม 2554 อยู่ที่ 2.3385 บาท ต่อลิตร และค่าการตลาดเฉลี่ย 5 วันทำการ อยู่ที่ 1.7589 บาทต่อลิตร
4. เพื่อเป็นการลดภาระและเสริมสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันฯ ให้ดีขึ้น ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วขึ้น 0.60 บาทต่อลิตร จาก 1.90 บาทต่อลิตร เป็น 2.50 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลหมุนเร็วอยู่ที่ 1.7385 บาทต่อลิตร และค่าการตลาดเฉลี่ย 5 วันทำการ อยู่ที่ 1.6389 บาทต่อลิตร กองทุนน้ำมันฯ มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นประมาณวันละ 33.1 ล้านบาท จากเงินไหลเข้าวันละ 54.7 ล้านบาท เป็นเงินไหลเข้าวันละ 87.7 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วขึ้น 0.90 บาท ต่อลิตร จาก 1.90 บาทต่อลิตร เป็นเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 2.80 บาทต่อลิตร โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน รับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2554 เป็นต้นไป
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 18 พฤศจิกายน 2552
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 18 ตุลาคม 2554
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 17 พฤศจิกายน 2552
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 17 ตุลาคม 2554
ครั้งที่ 89 - วันศุกร์ ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 31/2554 (ครั้งที่ 89)
เมื่อวันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา 15.00 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
ปลัดกระทรวงพลังงาน (นายณอคุณ สิทธิพงศ์) กรรมการ เป็นประธานในที่ประชุม
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ) กรรมการและเลขานุการ
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมฯ ทราบว่า เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในฐานะประธานกรรมการบริหารนโยบายพลังงานติดภารกิจ จึงขอให้ที่ประชุมฯ แต่งตั้งกรรมการขึ้นทำหน้าที่ประธานกรรมการในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งที่ประชุมฯ ได้มีมติเห็นชอบให้ปลัดกระทรวงพลังงานทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม
ทั้งนี้ ประธานฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมฯ ทราบว่านายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ได้ลงนามในคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 4/2554 เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2554 และคำสั่งดังกล่าว ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2554 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2554 เป็นต้นไป
เรื่องที่ 1 การแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพง
สรุปสาระสำคัญ
1. ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2553 และวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 เห็นชอบให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2553 ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2554 นั้น การดำเนินการที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2553 ถึงวันที่ 6 พฤษภาคม 2554 กองทุนน้ำมันฯ ได้จ่ายชดเชยเพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วไปแล้วประมาณ 24,005 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2554 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีฐานะเบื้องต้นสุทธิติดลบ 524 ล้านบาท
2. มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2554 เห็นชอบให้ปรับอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันลดลง 5.3050 บาทต่อลิตร จาก 5.3100 บาทต่อลิตร เป็น 0.0050 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2554 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2554 และเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2554 คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติในหลักการให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) (สบพน.) กู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินในวงเงินประมาณ 20,000 ล้านบาท เพื่อใช้เสริมสภาพคล่องทางการเงินของกองทุนน้ำมันฯ หากราคาน้ำมันปรับเพิ่มสูงขึ้นจนทำให้กองทุนน้ำมันฯ ไม่มีสภาพคล่องที่จะไปชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
3. สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวลดลง โดย ณ วันที่ 4 สิงหาคม 2554 ราคาน้ำมันดิบดูไบ อยู่ที่ 107.19 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล น้ำมันเบนซินอยู่ที่ 122.56 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 126.49 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล โดยปรับตัวลดลงจากราคาเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2554 ซึ่งใช้อ้างอิงในการประชุมเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2554 เท่ากับ 4.39, 6.74 และ 3.47 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันในประเทศลดลงตามไปด้วย โดยค่าการตลาดน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ณ วันที่ 5 สิงหาคม 2554 อยู่ที่ 1.7802 บาทต่อลิตร และค่าการตลาดเฉลี่ย 5 วันทำการ อยู่ที่ 1.4224 บาทต่อลิตร
4. เพื่อเป็นการลดภาระและเสริมสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันฯ ให้ดีขึ้น ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วขึ้น 0.40 บาทต่อลิตร จาก 1.30 บาทต่อลิตร เป็น 1.70 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลหมุนเร็วอยู่ที่ 1.3802 บาทต่อลิตร และค่าการตลาดเฉลี่ย 5 วันทำการ อยู่ที่ 1.3424 บาทต่อลิตร กองทุนน้ำมันฯ มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นประมาณวันละ 22 ล้านบาท จากเงินไหลเข้าวันละ 21.6 ล้านบาท เป็นเงินไหลเข้าวันละ 43.7 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วขึ้น 0.60 บาทต่อลิตร จาก 1.30 บาทต่อลิตร เป็นเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 1.90 บาทต่อลิตร โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน รับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2554 เป็นต้นไป
สรุปสาระสำคัญ
1. เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2554 คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้พิจารณาเรื่อง แนวทางการปรับราคาขายปลีกก๊าซ LPG ในภาคอุตสาหกรรมและได้มีมติเห็นชอบ ดังนี้
1.1 เห็นชอบแนวทางการปรับราคาขายปลีกก๊าซ LPG ในภาคอุตสาหกรรม โดยปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของก๊าซ LPG ที่จำหน่ายให้ภาคอุตสาหกรรม ตามระยะเวลาและอัตราดังต่อไปนี้
(1) ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2554 - 30 กันยายน 2554 ในอัตรากิโลกรัมละ 2.8037 บาท (2) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2554 ในอัตรากิโลกรัมละ 5.6075 บาท (3) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 - 31 มีนาคม 2555 ในอัตรากิโลกรัมละ 8.4112 บาท และ (4) ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 เป็นต้นไป ในอัตรากิโลกรัมละ 11.2150 บาท
1.2 มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ไปหารือกับผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับร่างประกาศเพื่อให้มีความถูกต้องและรอบคอบ ซึ่งหากไม่มีประเด็นสำคัญที่ต้องขอความเห็น กบง. ให้ สนพ. ดำเนินการออกประกาศให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2554 และนำมาเสนอ กบง. เพื่อทราบต่อไป แต่ถ้าหากมีประเด็นที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม ให้นำเสนอ กบง. เพื่อพิจารณาอีกครั้ง
1.3 มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน ติดตาม ตรวจสอบ และเฝ้าระวังการลักลอบการใช้ก๊าซ LPG ผิดประเภท แล้วให้รายงานผลการดำเนินการเสนอ กบง. เพื่อทราบต่อไป
2. สนพ. ได้นำร่างประกาศ กบง. เรื่อง การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนสำหรับก๊าซที่จำหน่ายให้โรงงานอุตสาหกรรม เพื่อกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนสำหรับก๊าซที่จำหน่ายให้โรงงานอุตสาหกรรม ส่งให้ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา คือ นายนิพนธ์ ฮะกีมี ตำแหน่งกรรมการร่างกฎหมายประจำ (นักกฎหมายกฤษฎีกาทรงคุณวุฒิ) ตรวจสอบความถูกต้อง ต่อมา สนพ. ได้ออกประกาศ กบง. ฉบับที่ 106 พ.ศ. 2554 เรื่อง การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนสำหรับก๊าซที่จำหน่ายให้โรงงานอุตสาหกรรม เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2554 เป็นต้นไป
มติของที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ