- การกำกับดูแลองค์กร
- การพัฒนาระบบบริหาร
- การบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล
- แผนบริหารความต่อเนื่อง
- แผนปฏิบัติการดิจิทัล ของ สนพ.
- ศูนย์ประสานราชการใสสะอาด
- ศูนย์ประสานงานด้านความเสมอภาค ระหว่างหญิงชาย
- ศูนย์บริการร่วม
- ศูนย์ข้อมูลข่าวสาร
- สรุปผลการดำเนินงานจัดซื้อจัดจ้าง
- ข้อมูลเชิงสถิติการให้บริการ
- กลุ่มงานจริยธรรม
- การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
Super User
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 7 ธันวาคม 2554
ครั้งที่ 19 - วันศุกร์ ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2550
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 2/2550 (ครั้งที่ 19)
วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2550 เวลา 10.00 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด - นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. การส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์
2. การส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5
3. มาตรฐานคุณภาพบริการของการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย
4. สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง (1 กุมภาพันธ์ - 15 มีนาคม 2550)
5. การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล) กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 การส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์
สรุปสาระสำคัญ
1. คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2550 ได้พิจารณาเรื่อง การปรับปรุงโครงสร้างราคาเอทานอลเพื่อส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ โดยมีมติเห็นชอบให้กำหนดเพดานอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่ 1.50 บาท/ลิตร และฐานอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ที่ 1.00 บาท/ลิตร พร้อมทั้งเห็นชอบให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ เพื่อเป็นกลไกให้ราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ถูกกว่าราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 91 ลิตรละ 1.50 บาท ตลอดจนเห็นชอบแนวทางการใช้กองทุนน้ำมันฯ เพื่อเป็นกลไก ในการรักษาระดับค่าการตลาดของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ตามหลักเกณฑ์ โดยมีสูตรราคาหน้าโรงกลั่นของน้ำมัน แก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 เป็นดังนี้
ราคาแก๊สโซฮอล์ 95 = 90% ของ[ราคาเบนซินออกเทน 95 + (1 $/BBL x อัตราแลกเปลี่ยน / 158.984)] + 10%ของราคาเอทานอล
ราคาแก๊สโซฮอล์ 91 = 90% ของ[ราคาเบนซินออกเทน 91 + (1 $/BBL x อัตราแลกเปลี่ยน / 158.984)] + 10%ของราคาเอทานอล
2. ปัจจุบันมีผู้ประกอบการผลิตเอทานอลเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง จำนวน 6 ราย กำลังการผลิตติดตั้งรวม 855,000 ลิตร/วัน ซึ่งสามารถผลิตได้รวม 750,000 ลิตร/วัน แต่ในเดือน กุมภาพันธ์ 2550 สามารถผลิตเอทานอลรวมได้เพียง 403,200 ลิตร/วัน อย่างไรก็ตามในช่วงเดือนมีนาคม - มิถุนายน 2550 จะมีโรงงานผลิตเอทานอลที่มีกำหนดก่อสร้างโรงงานแล้วเสร็จเพิ่มขึ้นอีก 3 ราย ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 360,000 ลิตร/วัน
3. สำหรับสัดส่วนการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 เทียบกับน้ำมันออกเทน 95 และสัดส่วนการใช้น้ำมัน แก๊สโซฮอล์ 91 เทียบกับน้ำมันออกเทน 91 โดยรวมอยู่ที่ร้อยละ49 และ 2 ตามลำดับ โดยปัจจุบันมีบริษัทค้าน้ำมันแก๊สโซฮอล์จำนวน 10 บริษัท สถานีบริการน้ำมันแก๊สโซฮอล์รวม 3,466 แห่ง (ณ เดือนธันวาคม 2549) โดยยอดขายแก๊สโซฮอล์เฉลี่ยในปี 2549 เดือนมกราคม และเดือนกุมภาพันธ์ 2550 เท่ากับ 3.50 3.35 และ 3.61 ล้านลิตร/วัน ตามลำดับ และปริมาณสำรองเอทานอล (หัก dead stock แล้ว) ของผู้ค้าฯ รวม 20.26 ล้านลิตร (ณ วันที่ 31 มกราคม 2550) โดยมีราคาขายปลีกของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 ต่ำกว่าราคาน้ำมันเบนซิน 95 และ 91 เท่ากับ 2.00 บาท/ลิตร และ 1.50 บาท/ลิตร ตามลำดับ
4. ผู้ค้าน้ำมันได้มีหนังสือถึง สนพ. ร้องเรียนเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การกำหนดราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ตามมติ กบง. ในข้อ 1 ซึ่งไม่สะท้อนต้นทุนการผลิตที่เป็นจริงของผู้ค้าน้ำมัน โดยต้นทุนการผลิตน้ำมันเบนซินพื้นฐาน 91 เมื่อนำไปผสมเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ในระดับที่สูงกว่าน้ำมันเบนซิน 91 ค่อนข้างมาก เนื่องจากผู้ผลิตต้องใช้น้ำมันองค์ประกอบที่มีราคาแพงในการผสมด้วยสัดส่วนที่สูง เพื่อให้ได้คุณภาพตามที่กำหนด ขณะที่ผู้ผลิตต้องจำหน่ายน้ำมันองค์ประกอบอื่นๆ ที่เหลือ ด้วยการส่งออกในราคาถูก
5. เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2550 สนพ. ได้หารือกับผู้ผลิตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาเรื่อง ต้นทุนการผลิตน้ำมันเบนซินพื้นฐาน 91 เพื่อนำไปผสมเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 โดยที่ประชุมเห็นควรให้กำหนดราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันเบนซินพื้นฐาน 91 เท่ากับ ราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันเบนซิน 91 + 2 $/BBL ซึ่งจะมีผลทำให้ต้นทุน ราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันพื้นฐาน 91 เพิ่มขึ้นประมาณ 0.20 บาท/ลิตร และเพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้ประชาชนมาใช้แก๊สโซฮอล์มากขึ้นรัฐบาลจึงควรออกมาตรการปรับราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล์ให้ ถูกกว่า น้ำมันเบนซินมากกว่าเดิม
6. หากปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ จาก 1.50 บาท/ลิตร เป็น 1.00 บาท/ลิตร จะทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 ถูกกว่าน้ำมันเบนซิน 95 และ 91 ได้ถึงระดับ 2.50 บาท/ลิตร และ 2.00 บาท/ลิตร ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม เมื่อปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของ น้ำมันแก๊สโซฮอล์มาอยู่ที่ระดับฐาน คือ 1.00 บาท/ลิตร แล้ว หากราคาเอทานอลปรับตัวสูงขึ้น หรือราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงจากระดับปัจจุบัน จะทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันแก๊สโซฮอล์น้อยกว่าค่าการตลาดของน้ำมันเบนซิน ขณะที่กองทุนน้ำมันฯ ไม่สามารถปรับลดอัตราส่งเงินเข้ากองทุนฯ ลงได้อีก เนื่องจากมีข้อจำกัดฐานอัตราเงินส่งเข้ากองทุนฯ ตามมติ กบง. ในข้อ 1 และการปรับฐานอัตราเงินส่งเข้ากองทุนฯ ของน้ำมัน แก๊สโซฮอล์ลงนี้ จะทำให้เงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ลดลงเฉลี่ยประมาณ 332 ล้านบาท/เดือน
7. เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์เพิ่มมากขึ้น ฝ่ายเลขานุการฯ จึงเสนอให้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และปรับฐานอัตราเงินส่งเข้ากองทุนฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ดังนี้
7.1 ขอความเห็นชอบในการปรับสูตรการกำหนดราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ดังนี้
ราคาแก๊สโซฮอล์ 91 = 90% ของ[ราคาเบนซินออกเทน 91 + (2 $/BBL x อัตราแลกเปลี่ยน /158.984)] + 10%ของราคาเอทานอล
7.2 ขอความเห็นชอบกำหนดเพดานอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่ 1.50 บาท/ลิตร และฐานอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ที่ 0.50 บาท/ลิตร
ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2550 เป็นต้นไป
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบให้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และปรับฐานอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2550 เป็นต้นไป ดังนี้
1.1 ให้ปรับสูตรการกำหนดราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 เป็นดังนี้
ราคาแก๊สโซฮอล์ 91 = 90% ของ[ราคาเบนซินออกเทน 91+(2$/BBL´อัตราแลกเปลี่ยน/158.984)] + 10% ของราคาเอทานอล
1.2 กำหนดเพดานอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่ 1.50 บาท/ลิตร และฐานอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ที่ 0.50 บาท/ลิตร
2. มอบหมายให้ สนพ. รับไปดำเนินการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล์เพื่อเพิ่มความแตกต่างของราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 95 และแก๊สโซฮอล์ 95 เป็น 2.5 บาท/ลิตร โดยให้เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2550 เป็นต้นไป
เรื่องที่ 2 การส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5
สรุปสาระสำคัญ
1. เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2550 กบง. ได้มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การกำหนดราคาไบโอดีเซล (B100) โดยอิงจากราคาน้ำมันปาล์มดิบและเมทานอลซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตไบโอดีเซล และเห็นชอบให้ใช้ กองทุนน้ำมันฯ เป็นกลไกในการรักษาระดับค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 ตามหลักเกณฑ์กำหนดเพดานอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 ที่ 0.55 บาท/ลิตร และฐานอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ที่ 0.30 บาท/ลิตร รวมทั้งเห็นชอบในหลักการให้ใช้อัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 เพื่อทำให้ราคาขายปลีกของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 ต่ำกว่าราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ในระดับ 1.00 บาท/ลิตร โดยมอบหมายให้ สนพ. ดำเนินการเมื่อการผลิตไบโอดีเซล(B100) มีปริมาณพอเพียงกับความต้องการแล้ว
2. ปัจจุบันมีโรงงานผลิตไบโอดีเซล (B100) จำนวน 5 ราย กำลังผลิตติดตั้ง 840,000 ลิตร/วัน และ โรงงานผลิตไบโอดีเซลที่อยู่ระหว่างพัฒนา จำนวน 5 ราย กำลังผลิตประมาณ 1,070,000 ลิตร/วัน และในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ปริมาณการผลิตของไบโอดีเซล (B100) อยู่ที่ระดับ 24,000 ลิตร/วัน และปริมาณสต๊อกไบโอดีเซล (B100) รวม 1,702,000 ลิตร สำหรับการจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 มีผู้ค้าจำนวน 2 ราย คือ ปตท. และบางจาก โดยมีสถานีบริการรวมทั้งสิ้น 431 แห่ง รวมปริมาณการจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 จำนวน 660,000 ลิตร/วัน หรือเทียบเท่าปริมาณไบโอดีเซล (B100) ประมาณ 33,000 ลิตร/วัน และเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 เพิ่มขึ้น สนพ. ได้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 เป็น 0.30 บาท/ลิตร ทำให้ราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 ต่ำกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว 0.70 บาท/ลิตร
3. จากมติ กบง. เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2550 ได้เห็นชอบในหลักการให้ใช้การกำหนดอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 เพื่อทำให้ราคาขายปลีกของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 ต่ำกว่าราคา ขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว 1.00 บาท/ลิตร ซึ่งไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องการกำหนดฐานอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 ที่ 0.30 บาท/ลิตร ทำให้ราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 ต่ำกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็วได้เพียง 0.70 บาท/ลิตร เท่านั้น ซึ่งหากจะเพิ่มส่วนต่างของ ราคาเป็น 1 บาท/ลิตร จะต้องปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนฯของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 อยู่ในระดับ 0.05 บาท/ลิตร สนพ. ได้พิจารณาแล้วเห็นควรกำหนดให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วมีเกรดเดียว ทั้งนี้การดำเนินการจะต้องได้ข้อสรุปในเรื่องคุณภาพ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว โครงสร้างภาษีสรรพสามิต และการยอมรับของกลุ่มยานยนต์และผู้ค้าน้ำมัน
4. เพื่อเป็นการส่งเสริมและจูงใจให้ประชาชนเปลี่ยนมาใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 มากขึ้น โดยให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 ต่ำกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว 1.00 บาท/ลิตร สนพ. จึงขอเสนอให้ปรับลดฐานอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 จาก 0.30 บาท/ลิตร เป็น 0.05 บาท/ลิตร โดยมอบให้ สนพ. รับไปดำเนินการออกประกาศ กบง. เพื่อให้มีผลบังคับใช้ ต่อไป ทั้งนี้จะทำให้รายรับกองทุนฯลดลงประมาณ 224 ล้านบาท/เดือน และเมื่อรวมรายได้ที่ลดลงจากการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนฯ ของน้ำมัน แก๊สโซฮอล์อีก 332 ล้านบาท/เดือน จะทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงชำระหนี้ได้ช้าลง จากเดือนมกราคม 2551 จะเลื่อนออกไปเป็นในเดือนเมษายน 2551และประเด็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเกรดเดียว สนพ. ขอรับไปประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงความเป็นไปได้ต่อไป
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบในหลักการให้มีการปรับลดฐานอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซล หมุนเร็ว บี 5 จาก 0.30 บาท/ลิตร เป็น 0.05 บาท/ลิตร โดยให้ชะลอการดำเนินการเพื่อเพิ่มความแตกต่างของราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วกับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 เป็น 1 บาท/ลิตร ไว้ก่อน จนกว่าจะได้ความชัดเจนในเรื่องแนวทางการส่งเสริมน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเกรดเดียว
2. มอบหมายให้ สนพ. รับไปประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของแนวทางที่จะส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลเกรดเดียว และนำมาเสนอคณะกรรมการฯ ในการประชุมครั้งต่อไป
เรื่องที่ 3 มาตรฐานคุณภาพบริการของการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย
สรุปสาระสำคัญ
1. คณะรัฐมนตรี ในการประชุมเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2542 ได้มีมติเห็นชอบตามมติ กพช. เรื่องมาตรฐานคุณภาพบริการของการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย โดยให้ความเห็นชอบมาตรฐานคุณภาพบริการของการ ไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ตลอดจนแนวทางการกำกับดูแลเรื่องมาตรฐาน คุณภาพบริการของการไฟฟ้า และให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนเมษายน 2543 เป็นต้นไป ต่อมา คณะรัฐมนตรี ในการประชุมเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2545 ได้อนุมัติตามมติ กพช. ให้มีการปรับปรุงเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพบริการของการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย โดยให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนเมษายน 2545 เป็นต้นไป ซึ่ง สนพ. ได้ ดำเนินการว่าจ้างสถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อทำการวิเคราะห์และประเมินผลการ ดำเนินงานของการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายตามเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพบริการที่ปรับปรุงใหม่เป็นประจำทุกปี โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา
2. ผลการประเมินมาตรฐานคุณภาพบริการของการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายประจำปี 2545-2548 สรุปได้ ดังนี้
2.1 กฟน. มีผลการประเมินที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน คุณภาพแรงดันไฟฟ้าในระดับ 12 kV และ 24 kV และไม่สามารถประเมินแรงดัน 69 kV ได้เนื่องจากข้อมูลที่สุ่มได้และข้อมูลที่ได้รับจาก กฟน. ไม่สอดคล้องกัน
2.2 กฟภ. มีผลการประเมินที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ที่การไฟฟ้ารับประกันเรื่องระยะเวลาการ ขอใช้ไฟฟ้าใหม่ในระบบแรงดันต่ำ และการคืนหลักประกันการใช้ไฟฟ้า รวมทั้งมาตรฐานคุณภาพแรงดันไฟฟ้า ในระดับ 33 kV, 22 kV และ 220/380 V เนื่องจากข้อมูลที่สุ่มได้และข้อมูลที่ได้รับจาก กฟภ. ไม่สอดคล้องกันนอกจากนี้ไม่สามารถประเมินมาตรฐานค่าดัชนีจำนวนไฟฟ้าดับต่อรายต่อปี (SAIFI) และค่าดัชนีระยะเวลา ไฟฟ้าดับต่อ รายต่อปี (SAIDI) เนื่องจากไม่ได้รับข้อมูลสถิติไฟฟ้าดับในจำนวนที่มากพอ
2.3 ที่ปรึกษา สถาบันวิจัยพลังงาน ได้เสนอแนะการปรับปรุงมาตรฐานคุณภาพบริการของการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย ดังนี้
2.3.1 กฟน. และ กฟภ. ควรพัฒนาระบบฐานข้อมูลให้ถูกต้องแม่นยำและมีรูปแบบการบันทึกข้อมูลเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกการไฟฟ้าเขต สำหรับใช้ในการตรวจสอบ และปรับปรุงการบริการไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายให้ดีขึ้น
2.3.2 การกำหนดเป้าหมายและแผนการปรับปรุงคุณภาพบริการของการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายในระยะต่อไป ควรดำเนินการ ดังนี้ (1) ควรปรับปรุงมาตรฐานด้านเทคนิคในส่วนของความเชื่อถือได้ให้เหมาะสม โดยปรับปรุงมาตรฐานค่า SAIFI และ SAIDI จากการถ่วงน้ำหนักระหว่างค่าเกณฑ์มาตรฐานเดิมกับผลการดำเนินงานปี 2548 ในสัดส่วนร้อยละ 50:50 และ (2) ควรศึกษาความเหมาะสมของเกณฑ์มาตรฐานให้เหมาะสมมากขึ้นในระยะยาว
ข้อเสนอการปรับเกณฑ์มาตรฐานความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย
เขตพื้นที่ | มาตรฐาน คุณภาพบริการ | ผลการดำเนินงาน ประจำปี 2548 | มาตรฐานใหม่ ที่นำเสนอ | |||
SAIFI | SAIDI | SAIFI | SAIDI | SAIFI | SAIDI | |
การไฟฟ้านครหลวง | ||||||
เขตนิคมอุตสาหกรรม |
3.41 | 84.91 | 1.84 | 23.56 | 2.63 | 54.23 |
เขตเมืองและย่านธุรกิจ | 3.35 | 74.62 | 1.57 | 35.10 | 2.46 | 54.86 |
เขตชานเมือง | 5.43 | 128.37 | 3.22 | 72.37 | 4.32 | 100.37 |
รวมทุกพื้นที่ | 3.70 | 82.73 | 1.87 | 41.41 | 2.79 | 62.07 |
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค | ||||||
เขตนิคมอุตสาหกรรม |
4.95 | 324 | 4.75 | 151.50 | 4.85 | 237.75 |
เขตเมืองและย่านธุรกิจ | 13.7 | 884 | 8.21 | 356.38 | 10.95 | 620.19 |
เขตชานเมือง | 21.28 | 1,615 | 13.39 | 731.69 | 17.34 | 1,173.35 |
รวมทุกพื้นที่ | 18.85 | 1,496 | 12.00 | 630.65 | 15.42 | 1,063.32 |
3. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้เสนอให้มีการปรับปรุงมาตรฐานคุณภาพการให้บริการของการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายให้มีความเหมาะสมเพื่อให้ผู้ใช้ไฟฟ้าได้รับคุณภาพบริการไฟฟ้าที่ดียิ่งขึ้น ดังนี้
3.1 ระยะสั้น : ควรให้มีการปรับปรุงเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพบริการของการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย ตามข้อเสนอของสถาบันวิจัยพลังงาน โดยให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนเมษายน 2550 เป็นต้นไป และเห็นควรให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายดำเนินการปรับปรุงระบบฐานข้อมูลให้มีความถูกต้องแม่นยำ ตลอดจน จัดทำเอกสารและรูปแบบการบันทึกข้อมูลมาตรฐานคุณภาพบริการที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกการไฟฟ้าเขต
3.2 ระยะยาว : ควรให้มีการประเมินมาตรฐานคุณภาพบริการของการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี และควรศึกษาแนวทางการปรับปรุงมาตรฐานคุณภาพบริการของการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายและระบบฐานข้อมูลมาตรฐานคุณภาพบริการให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายเป็นผู้ออก ค่าใช้จ่าย
มติของที่ประชุม
1. รับทราบผลการศึกษาการประเมินผลการดำเนินงานตามมาตรฐานคุณภาพบริการ ของการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย ปี 2545-2548
2. เห็นชอบการปรับปรุงเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพบริการของการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายสำหรับปีปฏิทิน 2550 รายละเอียดตามเอกสารแนบ 3.3.5 และมอบหมายให้ กฟน. และ กฟภ. ดำเนินการปรับปรุงระบบฐาน ข้อมูล และรูปแบบการบันทึกข้อมูลมาตรฐานคุณภาพบริการที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกการไฟฟ้าเขต ตลอดจน ดำเนินการปรับปรุงมาตรฐานและประสานงานกับ กฟผ. ให้ปรับปรุงมาตรฐานคุณภาพบริการของ กฟผ. ให้ดีขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้ไฟฟ้าได้รับมาตรฐานคุณภาพบริการตามเกณฑ์ที่กำหนด
3. เห็นชอบให้ สนพ. ดำเนินการ ดังนี้
3.1 ประเมินมาตรฐานคุณภาพบริการของการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายเป็นประจำทุกปี โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
3.2 ศึกษาแนวทางการปรับปรุงมาตรฐานคุณภาพบริการของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตและการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย และระบบฐานข้อมูลมาตรฐานคุณภาพบริการของการไฟฟ้า ตลอดจน การกำหนดบทปรับกรณีการไฟฟ้าไม่สามารถปรับปรุงระบบฐานข้อมูล รูปแบบการบันทึกข้อมูลที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน และมีผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพบริการที่กำหนด เพื่อนำมาใช้เป็นแนวทางการกำกับดูแล มาตรฐานคุณภาพบริการของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตและการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายในปีปฏิทิน 2551 ต่อไป โดยการ ไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
เรื่องที่ 4 สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง (1 กุมภาพันธ์ - 15 มีนาคม 2550)
สรุปสาระสำคัญ
1. ราคาน้ำมันดิบดูไบและเบรนท์เฉลี่ยในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 อยู่ที่ระดับ 55.75 และ 57.94 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว 4.06 และ 3.71 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ เนื่องจากข่าว BP ต้องหยุดดำเนินการแหล่งผลิตน้ำมันดิบ Northstar ที่ Alaska และข่าวอิหร่านออกมาปฏิเสธข้อตกลงในการระงับการทดลองเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม และในช่วงวันที่ 1 -15 มีนาคม ราคาน้ำมันดิบดูไบและเบรนท์เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 58.45 และ 61.35 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ เฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วเนื่องจากตลาดมองว่าสภาพเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่ยังเติบโตได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้และจากข่าว International Enery Agency (IEA) คาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันของโลกในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2550 จะเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ประมาณร้อยละ 2.7
2. ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 92 และน้ำมันดีเซลเดือนกุมภาพันธ์เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 66.80, 65.73 และ 70.61 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว 5.21, 5.42 และ 4.53 เหรียญสหรัฐฯต่อ บาร์เรล ตามลำดับ ตามราคาน้ำมันดิบ และข่าวท่อขนส่งน้ำมันสำเร็จรูป บริษัท TEPPCO รั่วส่งผลให้การขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปต่างๆ ต้องหยุดชะงัก ประกอบกับมีการนำน้ำมันเบนซินปริมาณ 400,000 ตัน จากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ไปขายในแถบตะวันตก และช่วงวันที่ 1 - 15 มีนาคม ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 92 และน้ำมันดีเซลเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 76.39, 74.85 และ 72.09 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วตามราคาน้ำมันดิบ ประกอบกับข่าว Reuter Polls ที่คาดการณ์ปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินอาจลดลง เนื่องจากโรงกลั่นหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา และเวียดนามได้ออกประมูลซื้อน้ำมันดีเซลปริมาณ 20,000 ตัน รวมทั้งเกาหลีมีแผนงดส่งออกน้ำมันดีเซลในเดือนเมษายน
3. ราคาขายปลีกในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ผู้ค้าน้ำมันได้ปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ 95, 91 เพิ่มขึ้น 1 ครั้ง ปรับราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ลดลง 1 ครั้ง และปรับราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วและดีเซลหมุนเร็ว บี 5 เพิ่มขึ้น 1 ครั้ง และปรับลดลง 1 ครั้ง ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 91 แก๊สโซฮอล์ 95, 91 ดีเซลหมุนเร็วบี 5 และดีเซลหมุนเร็ว ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2550 อยู่ที่ระดับ 25.99, 25.19, 24.19, 23.69, 22.44 และ 22.94 บาท/ลิตร ตามลำดับ และช่วงวันที่ 1-15 มีนาคม 2550 ผู้ค้าน้ำมันได้ปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ 91เพิ่มขึ้น 4 ครั้ง ปรับราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 เพิ่มขึ้น 4 ครั้ง และปรับราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วและดีเซลหมุนเร็ว บี 5 เพิ่มขึ้น 2 ครั้ง และปรับราคาดีเซลหมุนเร็ว บี 5 ลดลง 1 ครั้ง ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 91 แก๊สโซฮอล์ 95, 91 ดีเซลหมุนเร็วบี 5 และดีเซลหมุนเร็ว ณ วันที่ 15 มีนาคม 2550 อยู่ที่ระดับ 27.59, 26.79, 25.59, 25.29, 23.04 และ 23.74 บาท/ลิตร ตามลำดับ
4. ราคาน้ำมันในเดือนมีนาคม 2550 คาดว่าราคาน้ำมันยังคงผันผวน โดยแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งราคาน้ำมันดิบดูไบและเบรนท์จะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 55 - 60 และ 58 - 63 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ จากกรณีความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิหร่านเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์และปัญหาการก่อการร้าย ในสามเหลี่ยมไนเจอร์ของไนจีเรีย และคาดว่าน้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลหมุนเร็วในตลาดจรสิงคโปร์เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 68 - 75 และ 63 - 70 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ เนื่องจากประเทศต่างๆ จะเริ่มสั่งซื้อน้ำมันเพื่อสำรองสำหรับเตรียมไว้ใช้สำหรับฤดูกาลท่องเที่ยว (Driving season) ตลอดจนจากราคา Naphtha ที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้โรงกลั่นต่างๆในเอเชียหันไปผลิต Naphtha มากขึ้น ประกอบกับโรงกลั่นต่างๆ จะเริ่มปิดเพื่อซ่อมบำรุงประจำปีในช่วงต้นเดือนมีนาคม
5. ราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ได้ปรับตัวลดลง 21 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน มาอยู่ที่ระดับ 526 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน จากอุปทานในภูมิภาคมีจำนวนมาก และเดือนมีนาคม ราคาก๊าซ LPG ได้ปรับตัวลดลง 20 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน มาอยู่ที่ระดับ 506 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน จากความต้องการใช้ของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ลดลง ทำให้อุปทานในภูมิภาคมีจำนวนมาก ราคาก๊าซ LPG ณ โรงกลั่นอยู่ในระดับ 11.8028 บาท/กิโลกรัม อัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯ ของก๊าซ LPG ที่จำหน่ายในประเทศอยู่ในระดับ 1.7329 บาท/กิโลกรัม อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของก๊าซ LPG ส่งออก อยู่ที่ระดับ 3.1621 บาท/กิโลกรัม ส่วนแนวโน้มราคาก๊าซ LPG ตลาดโลกในช่วงเดือนเมษายน 2550 คาดว่าราคาจะทรงตัวอยู่ในระดับ 500 - 510 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน
6. ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 12 มีนาคม 2550 มีเงินสดสุทธิ 4,743 ล้านบาท มีหนี้สินค้างชำระ 38,055 ล้านบาท แยกเป็นหนี้พันธบัตร 17,600 ล้านบาท หนี้เงินกู้สถาบันการเงิน 8,344 ล้านบาท หนี้เงินชดเชยตรึงราคาน้ำมันค้างชำระ 1,064 ล้านบาท หนี้ชดเชยราคาก๊าซ LPG 11,009 ล้านบาท ดอกเบี้ยค้างจ่ายประจำเดือน 38 ล้านบาท ฐานะกองทุนน้ำมันสุทธิติดลบ 33,312 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
เรื่องที่ 5 การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
สรุปสาระสำคัญ
1. เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2549 กบง. ได้มีมติเห็นชอบการมอบอำนาจให้ประธานกรรมการบริหารนโยบายพลังงานเป็นผู้มีอำนาจสั่งการในการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการต่างๆ ภายใต้ กบง. แทนคณะกรรมการฯ โดยให้รายงานผลให้คณะกรรมการฯ ทราบ ในการประชุมภายหลัง
2. ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2549 - มีนาคม 2550 ประธาน กบง. ได้ลงนามในหนังสือแต่งตั้ง คณะอนุกรรมการภายใต้ กบง. จำนวน 7 คณะ ซึ่งประกอบด้วย คณะอนุกรรมการที่มีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธานอนุกรรมการ และกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานเป็นอนุกรรมการและเลขานุการ จำนวน 5 คณะ ได้แก่ 1) คณะอนุกรรมการส่งเสริมการผลิตพลังงานจากขยะ (คำสั่งแต่งตั้ง ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2549) 2) คณะอนุกรรมการเอทานอล (คำสั่งแต่งตั้ง ณ วันที่ 12 ธันวาคม 2549) 3) คณะอนุกรรมการ ไบโอดีเซล (คำสั่งแต่งตั้ง ณ วันที่ 12 ธันวาคม 2549) 4) คณะอนุกรรมการด้าน มาตรฐานประสิทธิภาพพลังงาน (คำสั่งแต่งตั้ง ณ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2550) 5) คณะอนุกรรมการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำ (คำสั่งแต่งตั้ง ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2550) นอกจากนี้คณะอนุกรรมการที่มีปลัดกระทรวงหรือรองปลัดกระทรวง พลังงานที่ได้รับมอบหมายเป็นประธานอนุกรรมการ และมีผู้อำนวยการสำนักความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นอนุกรรมการและเลขานุการฯ คือ 6) คณะอนุกรรมการประสานนโยบายและความร่วมมือพหุภาคีด้านพลังงานกับต่างประเทศ (คำสั่งแต่งตั้ง ณ วันที่ 1 มีนาคม 2550) และ 7) คณะอนุกรรมการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (คำสั่งแต่งตั้ง ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2550) โดยมี ผอ.สนพ. เป็นประธานอนุกรรมการ และมีผู้แทน สนพ. เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ
มติของที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 25 พฤศจิกายน 2554
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 6 ธันวาคม 2554
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 24 พฤศจิกายน 2554
ประกาศกบง.ฉบับที่ 117 พ.ศ. 2557
ประกาศกบง.ฉบับที่ 106 พ.ศ. 2557
ประกาศกบง.ฉบับที่ 137 พ.ศ. 2557
ประกาศกบง.ฉบับที่ 125 พ.ศ. 2557
ครั้งที่ 18 - วันจันทร์ ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 1/2550 (ครั้งที่ 18)
วันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 เวลา 09.30 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด - นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. การปรับปรุงโครงสร้างราคาเอทานอลเพื่อส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์
2. การปรับปรุงโครงสร้างราคาไบโอดีเซลเพื่อส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5
3. สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง (ปี 2549 - มกราคม 2550)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล) กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 การปรับปรุงโครงสร้างราคาเอทานอลเพื่อส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์
สรุปสาระสำคัญ
1. สถานการณ์การผลิตและจำหน่ายเอทานอลในปี 2550 เป็นต้นไป จะมีแนวโน้มปริมาณการผลิตมากกว่าปริมาณความต้องการ ทั้งในกรณีที่กำหนดให้มีการเปลี่ยนน้ำมันเบนซิน 95 เป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ให้ได้ทั้งหมดและในกรณีที่มีการกำหนดให้ใช้เอทานอลใกล้เคียงกับความต้องการจริง และจากราคาเอทานอลที่อยู่ในระดับสูง ได้ส่งผลกระทบให้ค่าการตลาดของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ต่ำกว่าน้ำมันเบนซิน 95 อยู่ 0.3187 บาท/ลิตร และการที่น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 มีค่าการตลาดต่ำ ในขณะที่รัฐบาลยังไม่มีนโยบายยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 95 ทำให้ผู้ค้าน้ำมันไม่มีแรงจูงใจในการเร่งเพิ่มปริมาณการจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ 95 และยังคงจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 95 ในระดับเดิมต่อไป ประกอบกับ ปัจจุบันราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ถูกกว่า น้ำมันเบนซิน 91 เพียงลิตรละ 1 บาท ซึ่งยังไม่เป็นที่จูงใจให้ประชาชนเปลี่ยนมาใช้แก๊สโซฮอล์ 91 เพิ่มมากขึ้น
2. คณะอนุกรรมการเอทานอลได้มีการประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีมติเห็นชอบการปรับหลักเกณฑ์การกำหนดราคาเอทานอลเพื่อให้สะท้อนราคาตลาดโลก ดังนี้
ราคาเอทานอล = ราคาเอทานอลตลาดบราซิล + Freight + Insurance + Loss + Survey
ราคาเอทานอล ตลาดบราซิล | = | อ้างอิงราคาเอทานอล FOB ตลาด Brazilian Commodity Exchange Sao Paulo ประเทศบราซิล จาก Reuters, Alcohol Fuel - Front Month Continuation ที่มีการซื้อขายในช่วงวันที่ 1 - 80 ในไตรมาสก่อน นำมาเฉลี่ยสำหรับกำหนดราคาในไตรมาสถัดไป |
Freight | = | 1) ค่าขนส่งเอทานอลภายในประเทศบราซิลจาก Sao Paulo ไป Santos คิดราคาตามที่เกิดขึ้นจริง (ราคา FOB Santos จาก JJ&A - FOB Sao Paulo ) โดยใช้ข้อมูลในช่วงวันที่ 1 - 80 ในไตรมาสก่อน นำมาเฉลี่ยสำหรับกำหนดราคาในไตรมาสถัดไป 2) ค่าขนส่งเอทานอลทางเรือจากประเทศบราซิลมาไทยคิดที่ขนาดบรรทุก 30,000 ตันใช้ข้อมูลจาก Ship brokers จำนวน 3 ราย โดยใช้ข้อมูลของไตรมาสก่อน นำมาเฉลี่ยสำหรับกำหนดราคาในไตรมาสถัดไป |
Insurance | = | ค่าประกันภัย 0.0134% ของมูลค่า CFR |
Loss | = | ค่า Loss 0.20 % ของมูลค่า CIF |
Survey | = | 0.008 บาท/ลิตร (คงที่) |
อัตราแลกเปลี่ยน | = | อัตราแลกเปลี่ยน Selling rate จาก 1) dollar real => US dollar เป็นรายวัน ในช่วงวันที่ 1 - 80 ในไตรมาสก่อน 2) US dollar => Baht เป็นรายวัน ในช่วงวันที่ 1 - 80 ในไตรมาสก่อน อ้างอิงธนาคารแห่งประเทศไทย นำมาเฉลี่ยสำหรับกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนไตรมาสถัดไป |
การดำเนินการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
- การตกลงราคาซื้อขายเอทานอลอ้างอิงตามหลักการข้างต้นโดยพิจารณาช่วงของไตรมาส เช่น ใช้ ข้อมูลไตรมาส 4 ปี 2549 สำหรับกำหนดราคาไตรมาส 1 ปี 2550
- การชำระเงินพิจารณาจากวันที่มีการส่งมอบของตามที่ระบุในสัญญา เช่น กรณีทำสัญญาซื้อขายในเดือนมีนาคม 2550 แต่กำหนดส่งมอบเดือนมีนาคม - เมษายน 2550 ดังนั้นสินค้าที่ส่งมอบเดือนมีนาคมใช้ราคาซื้อขายที่อ้างอิงข้อมูลไตรมาส 4 ปี 2549 สำหรับสินค้าที่ส่งมอบเดือนเมษายน 2550 ใช้ราคาซื้อขายที่อ้างอิงข้อมูลไตรมาส 1 ปี 2550
- หากไม่มีการส่งมอบสินค้า จะมีกำหนดบทปรับที่คู่สัญญาเห็นชอบร่วมกันแล้วแต่กรณี และกรณีฝากสินค้าโดยเลื่อนการส่งมอบให้มีการเจรจาเป็นกรณีๆ ไป
3. เพื่อส่งเสริมและจูงใจให้ผู้ค้าน้ำมันจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์มากขึ้น จึงควรกำหนดให้ค่าการตลาดของน้ำมันแก๊สโซฮอล์อยู่ในระดับที่ไม่น้อยกว่าค่าการตลาดของน้ำมันเบนซิน โดยใช้อัตรากองทุนน้ำมันฯ เป็น กลไกในการรักษาระดับค่าการตลาดแก๊สโซฮอล์ โดยใช้หลักการ ดังนี้
3.1 กำหนดเพดานอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่ 1.50 บาท/ลิตร และฐานอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ที่ 1.00 บาท/ลิตร
- กำหนดเพดานอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่ 1.50 บาท/ลิตร
3.2 กำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของแก๊สโซฮอล์ ดังนี้
อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของแก๊สโซฮอล์ 95 สัปดาห์นี้ |
= | อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของแก๊สโซฮอล์ 95 สัปดาห์ก่อน + [ค่าการตลาดแก๊สโซฮอล์ 95 สัปดาห์ก่อน - ค่าการตลาดเบนซิน 95 สัปดาห์ก่อน] |
อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของแก๊สโซฮอล์ 91 สัปดาห์นี้ |
= | อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของแก๊สโซฮอล์ 91 สัปดาห์ก่อน + [ค่าการตลาดแก๊สโซฮอล์ 91 สัปดาห์ก่อน - ค่าการตลาดเบนซิน 91 สัปดาห์ก่อน] |
หมายเหตุ : | 1) ค่าการตลาดของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ ได้มาจากการคำนวณราคาตามหลักเกณฑ์ ค่าการตลาด = ราคาขายปลีก - ราคา ณ โรงกลั่น - ภาษี - กองทุน 2) ราคาขายปลีก = ราคาขายปลีก ณ กทม. ของ ปตท. 3) สูตรราคา ณ โรงกลั่นไทย เป็นดังนี้ - ราคาเบนซินออกเทน 95 = (ราคา MOP ULG 95 + พรีเมียม) ที่ 600 F x อัตราแลกเปลี่ยน /158.984 ใช้ Conversion factor 600 F / 860F และ พรีเมียม ที่ประกาศโดยโรงกลั่นไทยออยล์ ราคาน้ำมันสำเร็จรูปเป็น MOPS (Mean of Platt's Singapore) |
3.3 การกำหนดราคาขายปลีกแก๊สโซฮอล์ 91 เพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้ประชาชนเปลี่ยนมาใช้ จึงควรกำหนดให้ราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ถูกกว่าราคาน้ำมันเบนซิน 91 ลิตรละ 1.50 บาท เช่นเดียวกับ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95
4. จากการใช้กองทุนน้ำมันฯ รักษาระดับค่าการตลาดของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ โดยใช้ประมาณการของปริมาณการผลิตเอทานอลที่ผลิตได้ในปี 2550 จะทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายรับลดลงประมาณ 1,763 ล้านบาท มีผลทำให้กองทุนน้ำมันฯ ชำระหนี้ได้ช้าลงประมาณ 1 เดือน
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบหลักเกณฑ์การกำหนดราคาเอทานอล ดังนี้
ราคาเอทานอล = ราคาเอทานอลตลาดบราซิล + Freight + Insurance + Loss + Survey
โดย ราคาเอทานอล ตลาดบราซิล |
= | อ้างอิงราคาเอทานอล FOB ตลาด Brazilian Commodity Exchange Sao Paulo ประเทศบราซิล จาก Reuters, Alcohol Fuel - Front Month Continuation ที่มีการซื้อขายในช่วงวันที่ 1 - 80 ในไตรมาสก่อน นำมาเฉลี่ยสำหรับกำหนดราคาในไตรมาสถัดไป |
Freight | = | 1) ค่าขนส่งเอทานอลภายในประเทศบราซิลจาก Sao Paulo ไป Santos คิดราคาตามที่เกิดขึ้นจริง (ราคา FOB Santos จาก JJ&A FOB Sao Paulo) โดยใช้ข้อมูลในช่วงวันที่ 1 - 80 ในไตรมาสก่อน นำมาเฉลี่ยสำหรับกำหนดราคาในไตรมาสถัดไป |
2) ค่าขนส่งเอทานอลทางเรือจากประเทศบราซิลมาไทยคิดที่ขนาดบรรทุก 30,000 ตัน ใช้ข้อมูลจาก Ship brokers จำนวน 3 ราย โดยใช้ข้อมูลของไตรมาสก่อน นำมาเฉลี่ยสำหรับกำหนดราคาในไตรมาสถัดไป | ||
Insurance | = | ค่าประกันภัย 0.0134% ของมูลค่า CFR |
Loss | = | ค่า Loss 0.20 % ของมูลค่า CIF |
Survey | = | 0.008 บาท/ลิตร (คงที่) |
อัตราแลกเปลี่ยน | = | อัตราแลกเปลี่ยน Selling rate จาก 1) dollar real => US dollar เป็นรายวัน ในช่วงวันที่ 1 - 80 ในไตรมาสก่อน 2) US dollar => Baht เป็นรายวัน ในช่วงวันที่ 1 - 80 ในไตรมาสก่อน อ้างอิงธนาคารแห่งประเทศไทยนำมาเฉลี่ยสำหรับกำหนดอัตราแลกเปลี่ยน ไตรมาสถัดไป |
จากหลักเกณฑ์การกำหนดราคาเอทานอลดังกล่าว ให้นำไปใช้เป็นเกณฑ์ในการกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
2. เห็นชอบให้กำหนดเพดานอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่ 1.50 บาท/ลิตร และฐานอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ที่ 1.00 บาท/ลิตร
3. เห็นชอบแนวทางการใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อเป็นกลไกในการรักษาระดับค่าการตลาดของน้ำมัน แก๊สโซฮอล์ตามหลักเกณฑ์ดังนี้
อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 สัปดาห์นี้ |
= | อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 สัปดาห์ก่อน +[ค่าการตลาดน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 สัปดาห์ก่อน - ค่าการตลาดน้ำมันเบนซิน 95 สัปดาห์ก่อน] |
อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 สัปดาห์นี้ |
= | อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 สัปดาห์ก่อน +[ค่าการตลาดน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 สัปดาห์ก่อน - ค่าการตลาดน้ำมันเบนซิน 91 สัปดาห์ก่อน] |
หมายเหตุ : | 1) ค่าการตลาดของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ได้มาจากการคำนวณราคาตามหลักเกณฑ์ ค่าการตลาด = ราคาขายปลีก - ราคา ณ โรงกลั่น - ภาษี - กองทุน 2) ราคาขายปลีก = ราคาขายปลีก ณ กรุงเทพมหานคร ของ ปตท. 3) สูตรราคา ณ โรงกลั่นไทย เป็นดังนี้ - ราคาเบนซินออกเทน 95 = (ราคา MOP ULG 95 + พรีเมียม) ที่ 600 F x อัตราแลกเปลี่ยน/158.984 - ราคาเบนซินออกเทน 91 = (ราคา MOP ULG 95 + พรีเมียม) ที่ 600 F x อัตราแลกเปลี่ยน/158.984 - ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 = 90% ของ[ราคาเบนซินออกเทน 95 + (1 $/BBLx อัตราแลกเปลี่ยน/158.984)] + 10%ของราคาเอทานอล - ราคาแก๊สน้ำมันโซฮอล์ 91 = 90% ของ[ราคาเบนซินออกเทน 91 + (1 $/BBL x อัตราแลกเปลี่ยน/158.984)] + 10%ของราคาเอทานอล |
|
ใช้ Conversion factor 600 F / 860F และ พรีเมียม ที่ประกาศโดยโรงกลั่นไทยออยล์ | ||
ราคาน้ำมันสำเร็จรูปเป็น MOPS (Mean of Platt's Singapore) |
4. เห็นชอบให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อเป็นกลไกให้ราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ถูกกว่าราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 91 ลิตรละ 1.50 บาท
โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
เรื่องที่ 2 การปรับปรุงโครงสร้างราคาไบโอดีเซลเพื่อส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5
สรุปสาระสำคัญ
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2548 ได้มีมติเห็นชอบยุทธศาสตร์การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ ไบโอดีเซลจากปาล์ม โดยกำหนดเป้าหมายใช้ไบโอดีเซลประมาณ 8.5 ล้านลิตรต่อวัน (สัดส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซล 10 %) ในปี 2555 และให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล เพื่อ จัดทำแผนปฏิบัติการการพัฒนาและส่งเสริมไบโอดีเซลเสนอต่อรัฐมนตรี โดยมีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน และเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2548 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการแผนปฏิบัติการพัฒนาและส่งเสริมไบโอดีเซลและให้ดำเนินการต่อไปได้ตามที่กระทรวงพลังงาน และคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพ (กชช.) เสนอ ทั้งนี้ในหลักการควรกำหนดราคาไบโอดีเซล ณ โรงงาน (ไม่รวม VAT) ไว้ลิตรละ15.50 บาท เพื่อจูงใจผู้ประกอบการผลิตไบโอดีเซล สำหรับราคาจำหน่ายปลีกนั้นควรควบคุมราคาให้เหมาะสมตามกลไกตลาดและให้แข่งขันได้กับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปกติ
2. คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2549 ได้มีมติเห็นชอบใน หลักการให้มีการกำหนดโครงสร้างราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 จากหลักการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 ถูกกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็วลิตรละ 0.50 บาท และเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2549 คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้มีมติเห็นควรให้ยกเลิก กชช. และให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไบโอดีเซลขึ้นภายใต้ กบง. เพื่อให้การบริหารและจัดการเชื้อเพลิงชีวภาพมีความเป็นเอกภาพ คล่องตัวและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2549 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไบโอดีเซล มีอำนาจหน้าที่เสนอนโยบาย แผนการพัฒนาและส่งเสริม ไบโอดีเซล รวมทั้ง เสนอแนะมาตรการด้านราคา การซื้อ การจำหน่ายไบโอดีเซลและปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ตามที่ กบง.มอบหมาย และเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2549 กพช. ได้มีมติเห็นชอบกรอบแผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2550 -2554 โดยการส่งเสริมการให้ใช้ไบโอดีเซล 4 ล้านลิตร/วัน ในปี 2554 (สัดส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซล 5%)
3. ด้านการผลิตไบโอดีเซล ปัจจุบันมีโรงงานผลิตไบโอดีเซล (B100) ที่ผลิตได้คุณภาพตามประกาศของกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) จำนวน 3 ราย มีกำลังผลิตติดตั้ง 590,000 ลิตร/วัน แต่ผลิตจริงเพียง 90,000 ลิตร/วัน เนื่องจากขาดวัตถุดิบ และโรงงานผลิตไบโอดีเซลที่อยู่ระหว่างพัฒนาคุณภาพตามประกาศ ธพ. จำนวน 5 ราย มีกำลังผลิตประมาณ 1,070,000 ลิตร/วัน นอกจากนั้นยังมีโรงงานผลิตไบโอดีเซลที่อยู่ระหว่างการขอ การส่งเสริมการลงทุนอีก 8 ราย รวมกำลังการผลิตประมาณ 2,380,000 ลิตร/วัน ในด้านการจำหน่ายไบโอดีเซล ปัจจุบันมีบริษัทน้ำมันที่จำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 จำนวน 2 ราย คือ ปตท. และ บางจาก โดยมีสถานีบริการของ ปตท. 110 แห่ง และบางจาก 180 แห่ง รวมทั้งสิ้น 290 แห่ง รวมปริมาณการจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 จำนวน 190,000 ลิตร/วัน หรือเทียบเท่าปริมาณไบโอดีเซล (B100) ประมาณ 9,500 ลิตร/วัน และด้านราคาขายปลีก จากการเปรียบเทียบโครงสร้างราคาพบว่าราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 ถูกกว่า น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว 0.50 บาท/ลิตร เนื่องจากอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 น้อยกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว 0.87 บาท/ลิตร และส่วนหนึ่งเป็นการชดเชยต้นทุนราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 ที่สูงกว่าราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว
4. นโยบายของรัฐบาลได้มุ่งส่งเสริมให้มีการใช้ไบโอดีเซล เพื่อลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศและใช้เป็นพลังงานทดแทนในเชิงพาณิชย์ แต่ยังมีปัญหาด้านหลักเกณฑ์การกำหนดราคาไบโอดีเซลที่ไม่สะท้อนราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต ทำให้ผู้ประกอบการไม่มีความมั่นใจในผลตอบแทนการลงทุน และสร้างความลำบากในการหาแหล่งเงินลงทุน ดังนั้น รัฐจึงจำเป็นต้องกำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดราคาน้ำมันไบโอดีเซลให้มีสะท้อนราคาวัตถุดิบหรือต้นทุนการผลิตที่แท้จริง ดังนั้น การกำหนดราคาไบโอดีเซล (B100) จึงควรอ้างอิงราคาน้ำมันปาล์มดิบ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำมันปาล์มดิบของไทยจะมีราคาเฉลี่ยอยู่ในระดับราคา น้ำมันปาล์มดิบของมาเลเซียบวกอีกประมาณ 1 บาท/ลิตร
5. แนวทางการปรับโครงสร้างการกำหนดราคาน้ำมัน
5.1 หลักเกณฑ์การกำหนดราคาไบโอดีเซล (B100) โดยกระทรวงพลังงานได้มีการประชุมหารือกับผู้เกี่ยวข้องต่างๆ ได้แก่ ผู้ค้าน้ำมัน ผู้ประกอบการผลิตไบโอดีเซล และหน่วยงานภาครัฐ จำนวน 3 ครั้ง โดย ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การกำหนดราคาไบโอดีเซล (B100) โดยให้สะท้อนถึงต้นทุนที่แท้จริงใน อุตสาหกรรมไบโอดีเซล ซึ่งขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันปาล์มดิบเป็นหลักคิดเป็นร้อยละ 76 ของต้นทุนการผลิตไบโอดีเซล โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้
B100 = 0.97 CPO + 0.15 MtOH + 3.32
B100 คือ ราคาขายไบโอดีเซล (B100) ในกรุงเทพมหานคร หน่วย บาท/ลิตร
CPO คือ ราคาขายน้ำมันปาล์มดิบในเขตกรุงเทพมหานคร หน่วย บาท/กิโลกรัม
MtOH คือ ราคาขายเมทานอลในกรุงเทพมหานคร หน่วย บาท/กิโลกรัม
หมายเหตุ
1) CPO หรือราคาขายน้ำมันปาล์มดิบในเขตกรุงเทพมหานคร ใช้ราคาขายส่งสินค้าเกษตร น้ำมันปาล์มดิบชนิดสกัดแยก (เกรดเอ) ตามที่กรมการค้าภายในประกาศ แต่ไม่สูงกว่าราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลก (ตลาดมาเลเซีย) บวก 1 บาท/กิโลกรัม โดยราคาขายน้ำมันปาล์มดิบเฉลี่ยในสัปดาห์ที่แล้วจะนำมาใช้กำหนดราคาในสัปดาห์หน้า เช่น ราคาขายน้ำมันปาล์มดิบเฉลี่ยในสัปดาห์ที่ 1 จะนำมาแทนค่าเพื่อกำหนดราคาไบโอดีเซลในสัปดาห์ที่ 3 เป็นต้น ยกเว้นกรณีราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงกว่าราคาตลาดโลกมาก จะนำมาพิจารณาร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง
2) MtOH หรือราคาขายเมทานอลในกรุงเทพมหานคร ใช้ราคาขายเมทานอลเฉลี่ยจากผู้ค้าเมทานอลในประเทศจำนวน 3 ราย เช่น Thai M.C., I.C.P. Chemicals และ Itochu (Thailand) โดยราคาขายเมทานอลเฉลี่ยในสัปดาห์ที่แล้วจะนำมาใช้กำหนดราคาในสัปดาห์หน้า เช่น ราคาขายเมทานอลเฉลี่ยในสัปดาห์ที่ 1 จะนำมาแทนค่าเพื่อกำหนดราคาไบโอดีเซลในสัปดาห์ที่ 3 เป็นต้น
หลักเกณฑ์ใหม่ข้างต้น จะทำให้ราคาซื้อขายไบโอดีเซล (B100) สูงขึ้นมาอยู่ที่ 24.54 บาท/ลิตร เพิ่มขึ้น 2.94 บาท/ลิตร ส่งผลให้ราคาดีเซลหมุนเร็วบี 5 ณ โรงกลั่นเพิ่มขึ้น 0.15 บาท/ลิตร หากไม่มีการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 จะมีผลให้ค่าการตลาดของดีเซลหมุนเร็วบี 5 ลดลงในระดับดังกล่าว ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบต่อการสนับสนุนการใช้น้ำมันไบโอดีเซล เพราะผู้ค้าน้ำมันได้รับค่าการตลาดลดลง
5.2 การใช้กองทุนน้ำมันฯ รักษาระดับค่าการตลาด เพื่อไม่ให้การกำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณราคาไบโอดีเซล (B100) ใหม่ สร้างอุปสรรคให้แก่การจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 ของผู้ค้าน้ำมัน จึงจำเป็นต้องใช้กลไกของเงินกองทุนน้ำมันฯ เพื่อรักษาระดับค่าการตลาดน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 ให้อยู่ในระดับที่ผู้ค้า น้ำมันยอมรับได้ ซึ่งไม่ควรต่ำกว่าค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วปกติบวก 0.20 บาท/ลิตร โดยกำหนดเพดานและฐานอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 และการคำนวณอัตราเงินส่งเข้า กองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 ดังนี้
1) กำหนดเพดานอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 ที่ 0.55 บาท/ลิตรและฐานอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ที่ 0.30 บาท/ลิตร หากราคาไบโอดีเซล (B100) ลดลง จะทำให้คำนวณอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 ได้มากกว่า 0.55 บาท/ลิตร ผู้ค้าน้ำมันจะได้นำค่าการตลาดที่เพิ่มขึ้นไปปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 ให้มีราคาต่ำกว่าราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วปกติได้มากกว่า 0.50 บาท/ลิตร และการกำหนดฐานอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 ที่ 0.30 บาท/ลิตร โดยยอมให้ราคาไบโอดีเซล (B100) มีความแตกต่างหรือสูงกว่าราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ใช้ผสมเพิ่มขึ้นมากกว่าในปัจจุบันได้อีก 5 บาท/ลิตร ซึ่งเมื่อรวมความแตกต่างของราคาในปัจจุบัน ที่ประมาณ 8 บาท/ลิตร กองทุนน้ำมันฯ จะรับภาระความแตกต่างของราคาไบโอดีเซล (B100) ที่สูงกว่าราคา น้ำมันดีเซลหมุนเร็วได้สูงสุดประมาณ 13 บาท/ลิตร
2) กำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 ดังนี้
อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 สัปดาห์นี้ |
= | อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 สัปดาห์ก่อน+ [ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 สัปดาห์ก่อน - (ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว สัปดาห์ก่อน + ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ( 0.20 บาท/ลิตร)) ] |
หมายเหตุ | 1) ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วและน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 ได้มาจากการคำนวณราคา ตามหลักเกณฑ์ ค่าการตลาด = ราคาขายปลีก - ราคา ณ โรงกลั่น - ภาษี - กองทุน 2) ราคาขายปลีก = ราคาขายปลีก ณ กทม. ของ ปตท. 3) สูตรราคา ณ โรงกลั่นไทย เป็นดังนี้ - ราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว = (ราคา MOP GO 0.5% + พรีเมียม) ที่ 600 F x อัตราแลกเปลี่ยน / 158.984 - ราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 = 95% ของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว + 5%ของราคาไบโอดีเซล |
|
ใช้ Conversion factor 600 F / 860F และ พรีเมียม ที่ประกาศโดยโรงกลั่นไทยออยล์ | ||
ราคาน้ำมันสำเร็จรูปเป็น MOPS (Mean of Platt's Singapore) |
6. ผลกระทบต่อกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการรักษาระดับค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 หากคำนวณการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 จากความสามารถในการผลิตไบโอดีเซล (B100) ของปี 2550 ซึ่งอยู่ในระดับ 128 ล้านลิตร พบว่าจะกระทบให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายรับลดลงเพียง 640 ล้านบาท/ปี ซึ่งไม่มีผลให้การชำระหนี้ของกองทุนน้ำมันฯ ต้องล่าช้าออกไปจากกำหนดเดิม
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบหลักเกณฑ์การกำหนดราคาเอทานอล ดังนี้
ราคาเอทานอล = ราคาเอทานอลตลาดบราซิล + Freight + Insurance + Loss + Survey
โดย ราคาเอทานอล ตลาดบราซิล | = | อ้างอิงราคาเอทานอล FOB ตลาด Brazilian Commodity Exchange Sao Paulo ประเทศบราซิล จาก Reuters, Alcohol Fuel - Front Month Continuation ที่มีการซื้อขายในช่วงวันที่ 1 - 80 ในไตรมาสก่อน นำมาเฉลี่ยสำหรับกำหนดราคาในไตรมาสถัดไป |
Freight | = | 1) ค่าขนส่งเอทานอลภายในประเทศบราซิลจาก Sao Paulo ไป Santos คิดราคาตามที่เกิดขึ้นจริง (ราคา FOB Santos จาก JJ&A - FOB Sao Paulo) โดยใช้ข้อมูลในช่วงวันที่ 1 - 80 ในไตรมาสก่อน นำมาเฉลี่ยสำหรับกำหนดราคาในไตรมาสถัดไป 2) ค่าขนส่งเอทานอลทางเรือจากประเทศบราซิลมาไทยคิดที่ขนาด บรรทุก 30,000 ตัน ใช้ข้อมูลจาก Ship brokers จำนวน 3 ราย โดย ใช้ข้อมูลของไตรมาสก่อนนำมาเฉลี่ยสำหรับกำหนดราคาในไตรมาส ถัดไป |
Insurance | = | ค่าประกันภัย 0.0134% ของมูลค่า CFR |
Loss | = | ค่า Loss 0.20 % ของมูลค่า CIF |
Survey | = | 0.008 บาท/ลิตร (คงที่) |
อัตราแลกเปลี่ยน | = | อัตราแลกเปลี่ยน Selling rate จาก 1) dollar real => US dollar เป็นรายวัน ในช่วงวันที่ 1 - 80 ในไตรมาสก่อน 2) US dollar => Baht เป็นรายวัน ในช่วงวันที่ 1 - 80 ในไตรมาสก่อน |
อ้างอิงธนาคารแห่งประเทศไทยนำมาเฉลี่ยสำหรับกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนไตรมาสถัดไป |
จากหลักเกณฑ์การกำหนดราคาเอทานอลดังกล่าว ให้นำไปใช้เป็นเกณฑ์ในการกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
2. เห็นชอบให้กำหนดเพดานอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่ 1.50 บาท/ลิตร และฐานอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ที่ 1.00 บาท/ลิตร
3. เห็นชอบแนวทางการใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อเป็นกลไกในการรักษาระดับค่าการตลาดของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ตามหลักเกณฑ์ดังนี้
อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 สัปดาห์นี้ |
= | อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 สัปดาห์ก่อน+[ค่าการตลาดน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 สัปดาห์ก่อน - ค่าการตลาดน้ำมันเบนซิน 95 สัปดาห์ก่อน] |
อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 สัปดาห์นี้ |
= | อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 สัปดาห์ก่อน+[ค่าการตลาดน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 สัปดาห์ก่อน - ค่าการตลาดน้ำมัน เบนซิน 91 สัปดาห์ก่อน] |
หมายเหตุ : | 1) ค่าการตลาดของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ได้มาจากการคำนวณราคาตามหลักเกณฑ์ ค่าการตลาด = ราคาขายปลีก - ราคา ณ โรงกลั่น - ภาษี - กองทุน 2) ราคาขายปลีก = ราคาขายปลีก ณ กรุงเทพมหานคร ของ ปตท. 3) สูตรราคา ณ โรงกลั่นไทย เป็นดังนี้ - ราคาเบนซินออกเทน 95 = (ราคา MOP ULG 95 + พรีเมียม) ที่ 600 F xอัตราแลกเปลี่ยน/158.984 - ราคาเบนซินออกเทน 91 = (ราคา MOP ULG 95 + พรีเมียม) ที่ 600 F x อัตราแลกเปลี่ยน/158.984 - ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 = 90% ของ[ราคาเบนซินออกเทน 95 + (1 $/BBL x อัตราแลกเปลี่ยน/158.984)] + 10%ของราคาเอทานอล - ราคาแก๊สน้ำมันโซฮอล์ 91 = 90% ของ[ราคาเบนซินออกเทน 91 + (1 $/BBL x อัตราแลกเปลี่ยน/158.984)] + 10%ของราคาเอทานอล |
|
ใช้ Conversion factor 600 F / 860F และ พรีเมียม ที่ประกาศโดยโรงกลั่นไทยออยล์ | ||
ราคาน้ำมันสำเร็จรูปเป็น MOPS (Mean of Platt's Singapore) |
4. เห็นชอบให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อเป็นกลไกให้ราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ถูกกว่าราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 91 ลิตรละ 1.50 บาท
โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
เรื่องที่ 3 สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง (ปี 2549 - มกราคม 2550)
สรุปสาระสำคัญ
1. ในปี 2549 ราคาน้ำมันดิบดูไบและเบรนท์เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 61.53 และ 65.73 เหรียญสหรัฐต่อ บาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2548 11.98 และ 10.88 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับ สาเหตุจากความ ขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกาและอิหร่าน ในเรื่องที่สหรัฐอเมริกาคัดค้านการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์เพื่อผลิตพลังงานเชื้อเพลิงของอิหร่านอาจทำให้การส่งออกน้ำมันประมาณ 20% ของโลกจากตะวันออกกลางมีความเสี่ยงจากการสกัดเรือเดินน้ำมันโดยอิหร่าน ประกอบกับตลาดยังคงกังวลกับสถานการณ์ในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและกลุ่มขบวนการติดอาวุธเฮชบอลเลาะห์ นอกจากนั้นโรงกลั่นของสหรัฐอเมริกา 2 แห่ง ต้องปิดฉุกเฉินเนื่องจากกระแสไฟฟ้าขัดข้องจากผลกระทบของพายุ และในเดือนมกราคม 2550 ราคาน้ำมันดิบดูไบและเบรนท์ เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 51.69 และ 54.23 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวลดลงจากเดือนธันวาคม 2549 7.00 และ 8.07 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับ เนื่องจากการพยากรณ์อุณหภูมิในสหรัฐอเมริกาจะยังคง อบอุ่นกว่าระดับปกติ และโอเปคยังไม่ลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมนอกเหนือจากมติลดกำลังการผลิตในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 และสหประชาชาติคาดการณ์ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของโลกจะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ ร้อยละ 3.2 ในปีนี้ หลังจากที่ขยายตัวที่ระดับร้อยละ 3.8 ในปี 2549
2. ในตลาดจรสิงคโปร์ปี 2549 ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95 และ 92 เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 73.20 และ 72.38 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2548 10.82 และ 11.02 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับ เนื่องจากโรงกลั่นในภูมิภาคเอเชียหลายแห่งปิดซ่อมบำรุง โดยคาดว่าจะกลับมาดำเนินการได้เพียง 90% ของกำลังการกลั่นทั้งหมดไปจนตลอดปี และตลาดยังคงมีความต้องการซื้อจากผู้ซื้อหลักในภูมิภาค ได้แก่ อินโดนีเซียและเวียดนาม ส่วนราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 76.79 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12.44 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากมีความต้องการนำเข้าน้ำมันดีเซลเพิ่มเพื่อใช้ในโรงไฟฟ้าซึ่งเกิดปัญหาในระบบท่อส่งก๊าซ และในเดือนมกราคม 2550 ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 92 เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 61.59 และ 60.31 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวลดลงจากเดือนธันวาคม 2549 6.57 และ 6.71 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับ ตามราคาน้ำมันดิบและจากอินโดนีเซียลดปริมาณนำเข้าน้ำมันเบนซินเดือนกุมภาพันธ์ลงร้อยละ 4.5 มาอยู่ที่ระดับ 3.82 ล้านบาร์เรล ประกอบกับการรายงานปริมาณสำรองน้ำมันสำเร็จรูปของสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 1.06 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 8.60 ล้านบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดีเซลเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 66.07 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวลดลงจากเดือนธันวาคม 2549 3.86 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากจีนยังคงชะลอการเข้าซื้อในตลาดเพราะความต้องการใช้ในประเทศที่ลดลงโดยลดปริมาณการนำเข้าลงจากเดือนธันวาคม 2549 ประมาณ 10,000 ตัน มาอยู่ที่ระดับ 30,000 ตัน ในเดือนมกราคม 2550
3. ราคาขายปลีกในปี 2549 ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 92 และดีเซลหมุนเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 27.56, 26.76 และ 25.57 บาท/ลิตร ตามลำดับ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2548 อยู่ 3.65, 3.65 และ 5.53 บาท/ลิตร ตามลำดับ และในเดือนมกราคม 2550 ผู้ค้าน้ำมันปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินลดลง 3 ครั้ง และปรับราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วลดลง 2 ครั้ง ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินออกเทน 95 , 91 และดีเซลหมุนเร็ว ณ วันที่ 31 มกราคม 2550 อยู่ที่ระดับ 25.19, 24.39 และ 22.54 บาท/ลิตร ตามลำดับ
4. ราคาน้ำมันปี 2550 คาดว่ายังคงผันผวน โดยแนวโน้มราคาน้ำมันดิบดูไบและเบรนท์จะเฉลี่ย อ่อนตัวลงจากปี 2549 โดยเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 55 - 65 และ 62 - 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับ และคาดว่าราคาน้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลหมุนเร็วในตลาดจรสิงคโปร์เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 65 - 75 และ 68 - 75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับ ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา คือ เศรษฐกิจของโลกอยู่ในช่วงชะลอตัว และความต้องการใช้น้ำมันลดลง ประกอบกับอุปทานน้ำมัน รวมถึงปริมาณสำรองน้ำมันดิบของโลก โดยเฉพาะของสหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศ OECD อยู่ในระดับสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ปริมาณการผลิตของกลุ่มประเทศโอเปคอยู่ที่ 33.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน และกลุ่มนอกโอเปคอยู่ที่ป 50 ล้านบาร์เรลต่อวัน รวมกำลังการผลิตประมาณ 83.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2550 ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แม้ว่ากลุ่มโอเปค จะปรับลดกำลังการผลิตประมาณ 800,000 บาร์เรล/วัน ทั้งนี้อีกปัจจัยหนึ่งที่มีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อราคาได้แก่ ประเด็นการกำหนดปริมาณสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐฯ
5. สถานการณ์ราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกเดือนมกราคม 2550 ปรับตัวสูงขึ้น 61 เหรียญสหรัฐ/ตัน มาอยู่ที่ระดับ 547 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากความต้องการซื้อในภูมิภาคมีมาก และอุปทานตึงตัวในแถบตะวันออกกลาง ประกอบกับอัตราค่าขนส่งปรับตัวเพิ่มขึ้น ราคาก๊าซ LPG ณ โรงกลั่นอยู่ในระดับ 11.8089 บาท/กิโลกรัม อัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯ ของก๊าซ LPG ที่จำหน่ายในประเทศอยู่ในระดับ 1.7390 บาท/กิโลกรัม คิดเป็น 485.43 ล้านบาท/เดือน อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของก๊าซ LPG ส่งออกอยู่ที่ระดับ 3.9575 บาท/กิโลกรัม คิดเป็น 116.07 ล้านบาท/เดือน และแนวโน้มราคาก๊าซ LPG ตลาดโลกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2550 คาดว่าราคาจะอ่อนตัวลงเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 490 - 495 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากอุปทานในภูมิภาคมีมากเนื่องจากราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกเดือนมกราคม 2550 อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ความต้องการซื้อจากแถบตะวันตก ลดลง รวมทั้งสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยประมาณราคาก๊าซ LPG ณ โรงกลั่นอยู่ที่ระดับ 11.6983 -11.7080 บาท/กิโลกรัม อัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯ ของก๊าซ LPG ที่จำหน่ายในประเทศอยู่ในระดับ 1.6284 - 1.6381 บาท/กิโลกรัม คิดเป็น 415.84 - 418.44 ล้านบาท/เดือน อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของก๊าซ LPG ส่งออกอยู่ที่ระดับ 2.9852 - 3.0705 บาท/กิโลกรัม คิดเป็น 87.56 - 90.06 ล้านบาท/เดือน ณ อัตราแลกเปลี่ยน 36.0585 บาท/เหรียญสหรัฐ
6. ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 31 มกราคม 2550 มีเงินสดสุทธิ 4,017 ล้านบาท มีหนี้สินค้างชำระ 41,575 ล้านบาท แยกเป็นหนี้พันธบัตร 17,600 ล้านบาท หนี้เงินกู้สถาบันการเงิน 11,333 ล้านบาท หนี้เงินชดเชยตรึงราคาน้ำมันค้างชำระ 1,211 ล้านบาท หนี้ชดเชยราคาก๊าซ LPG 11,431 ล้านบาท ฐานะกองทุนน้ำมันฯ สุทธิติดลบ 37,558 ล้านบาท โดยประมาณการรายได้สุทธิของกองทุนน้ำมันฯ เดือนกุมภาพันธ์ 2550 อยู่ที่ระดับ 3,923 ล้านบาท ซึ่งคาดว่ากองทุนน้ำมันฯ จะมีเงินสะสมเพียงพอที่จะชำระหนี้ได้หมดประมาณเดือนธันวาคม 2550 แต่อย่างไรก็ตาม หนี้ในส่วนของพันธบัตรงวดที่ 2 จำนวน 8,800 ล้านบาท จะต้องไถ่ถอนตามกำหนดเวลาเดิมในเดือนตุลาคม 2551
มติของที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
สรุปสาระสำคัญ
1. เมื่อคำนึงถึงแผนการดำเนินการตามโครงการ NGV ทั้งทางด้านการเพิ่มจำนวนรถแท็กซี่ที่ปรับเปลี่ยนการใช้ LPG ไปเป็น NGV การเพิ่มจำนวนสถานี NGV และราคา LPG ในตลาดโลกซึ่งคาดว่าในช่วงกลางปี ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อนราคา LPG จะปรับตัวลดลงแล้วนั้น คาดว่าช่วงกลางปี 2550 เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการดำเนินการยกเลิกการตรึงราคาก๊าซ LPG
2. กบง. เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2549 ได้มีมติให้มีการเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ จากการส่งออกก๊าซ LPG โดยการปรับราคาเพดานของราคา ณ โรงกลั่นจาก 315 USD/ตัน ให้สูงขึ้นในระดับที่รายจ่ายของ กองทุนน้ำมันฯ ที่เพิ่มขึ้นในส่วนนี้เท่ากับรายรับของกองทุนน้ำมันฯ ที่ได้จากการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ จากการส่งออกก๊าซ LPG ส่งผลให้อัตราเงินชดเชยราคาก๊าซ LPG ปรับเพิ่มขึ้นจากเดิม ตามส่วนต่างของระดับราคาเพดานกับราคาตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งถ้าอัตราแลกเปลี่ยนในประเทศอ่อนตัวลง อาจจะทำให้อัตราเงิน ชดเชยเกิน 2 บาท/กก
3. เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธาน กบง. จึงได้ให้ความเห็นชอบตามข้อเสนอของ สนพ. ดังนี้
3.1 เห็นชอบให้คงนโยบายราคาก๊าซ LPG ในปัจจุบันโดยขยายระยะเวลาการยกเลิกการจ่ายเงินชดเชยราคาก๊าซ LPG ต่อไปอีกจนถึงสิ้นปี 2550 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550 เป็นต้นไป
3.2 เห็นชอบในการขยายเวลาการกำหนดอัตราเงินชดเชยราคาก๊าซ LPG สูงกว่าระดับเพดานอัตราเงินชดเชยสูงสุด 2 บาท/กก. ต่อไปอีกจนถึงสิ้นปี 2550 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550 เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับข้อ 3.1
มติของที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ