มติคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 1/2551 (ครั้งที่ 14)
วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2551 เวลา 13.00 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. ขอความเห็นชอบรายละเอียดโครงการส่งเสริมการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน
2. ขอความเห็นชอบแนวทางจัดสรรเงินกองทุนฯ สำหรับ "โครงการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน"
3. ขอความเห็นชอบ โครงการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตปาล์มน้ำมัน เพื่ออุตสาหกรรมไบโอดีเซลชุมชนเชิงพาณิชย์ในพื้นที่ปลูกใหม่
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์) ประธานอนุกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล) อนุกรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 ขอความเห็นชอบรายละเอียดโครงการส่งเสริมการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 2/2550 (ครั้งที่ 46) เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2550 ได้พิจารณาโครงการส่งเสริมการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนแล้ว และมีมติอนุมัติในหลักการ ให้ พพ. ดำเนินโครงการฯ ในวงเงิน 525 ล้านบาท ประกอบด้วย ส่วนของการส่งเสริมการลงทุนจำนวน 500 ล้านบาท และค่าบริหารจัดการโครงการ 25 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขให้ พพ. จัดทำรายละเอียดแผนงานและวิธีการดำเนินงานโครงการ เสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการ
2. พพ. ได้ดำเนินการจัดทำรายละเอียดของโครงการดังกล่าว ตามความเห็นของคณะกรรมการกองทุนฯ โดยจัดทำรายละเอียดแผนงานและวิธีการดำเนินโครงการส่งเสริมการลงทุนฯ เสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 7/2550 (ครั้งที่ 13) เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2550 ซึ่งที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นควรให้ พพ. ตรวจสอบ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 และระเบียบการใช้จ่ายเงินของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ด้วย ว่ารูปแบบการใช้เงินในลักษณะ ESCO Fund นั้น เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการใช้เงินกองทุนฯ และให้ พพ. จัดทำรายละเอียดของแนวทางบริหารจัดการกองทุน ESCO Fund โดยเฉพาะองค์ประกอบของคณะกรรมการการลงทุน (Investment Committee) แล้วเสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอีกครั้ง ซึ่ง พพ. ได้ดำเนินการตามมติดังกล่าวแล้ว โดยมีรายละเอียดดังนี้
2.1 การบริหารจัดการกองทุนเพื่อร่วมลงทุนฯ ESCO Fund
1) ในประเด็นข้อกฎหมายว่า กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสามารถร่วมลงทุนได้หรือไม่ นั้น ขอชี้แจงว่า โครงการส่งเสริมการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน เป็นการอุดหนุนการลงทุน ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 25 ที่ระบุว่า เงินทุนสามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์เป็นเงินอุดหนุนสำหรับการลงทุนและดำเนินการในการอนุรักษ์พลังงาน หรือแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการอนุรักษ์พลังงานของเอกชน ส่วนราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ
การสนับสนุนของโครงการเป็นการอุดหนุนการลงทุน ซึ่งเปรียบเสมือนเงินช่วยเหลือให้เปล่า โดยมีเงื่อนไขว่าหากมีผลประโยชน์หรือผลตอบแทนจากการดำเนินการ ผู้ได้รับการอุดหนุนจะต้องส่งคืนผลตอบแทนตามอัตราส่วนของการอุดหนุนคืนให้แก่กองทุนฯ และทรัพย์สินที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการนั้น เมื่อสิ้นสุดโครงการจะต้องนำส่งคืนกองทุนฯ ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติทั่วไปที่กองทุนฯ สามารถกำหนดเงื่อนไขได้อยู่แล้ว จึงถือได้ว่า เป็นการดำเนินการตามข้อกำหนดตามพระราชบัญญัติฯ และระเบียบกองทุนฯ
2) ผู้จัดการกองทุน (Fund Manager) จะมีการดำเนินงานในด้านการศึกษา การฝึกอบรม การเผยแพร่ข้อมูล และการประชาสัมพันธ์ ซึ่งจะเป็นไปตามมาตรา 25 (3) ของ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 นั้น โดยในส่วนนี้เงินช่วยเหลือหรือเงินอุดหนุนนั้น สามารถให้แก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา หรือองค์กรเอกชน ซึ่งในมาตรา 26 ได้ระบุว่า องค์กรเอกชนที่มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือหรือเงินอุดหนุนตามมาตรา 25 (3) ต้องมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทย หรือกฎหมายต่างประเทศ ที่มีกิจกรรมเกี่ยวข้องโดยตรงกับการอนุรักษ์พลังงาน หรือการป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการอนุรักษ์พลังงาน และมิได้มีวัตถุประสงค์ในทางการเมือง หรือ มุ่งค้ากำไรจากการประกอบกิจกรรมดังกล่าว
ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 25 (3) และมาตรา 26 ของ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ดังนั้นผู้จัดการกองทุน จะต้องมีสถานภาพเป็นส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา หรือเอกชนที่มิได้มีวัตถุประสงค์ทางการเมือง หรือมุ่งค้ากำไร พพ. ได้หารือและทาบทามหน่วยงานองค์กรที่มีคุณสมบัติตามมาตรา 26 ของ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มูลนิธิอนุรักษ์พลังงาน สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) สำนักส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม มูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
3) ด้านองค์ประกอบของคณะกรรมการการลงทุน เห็นควรให้มีหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อให้มีการวางนโยบายการลงทุน การกำกับการดำเนินโครงการ เป็นไปตามเป้าประสงค์ และเจตนารมณ์ และสอดคล้องกับตลาดการลงทุน อีกทั้งสามารถแก้ปัญหาการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานของภาคเอกชนได้อย่างเป็นรูปธรรม พพ. ได้จัดทำร่างองค์ประกอบคณะกรรมการการลงทุน ไว้ดังนี้
- อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ประธานกรรมการ
- ผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการ
- ผู้แทนกรมโรงงานอุตสาหกรรม กรรมการ
- ผู้แทนสภาอุตสาหกรรม กรรมการ
- ผู้ทรงคุณวุฒิ 2 ท่าน กรรมการ
- ผู้อำนวยการสำนักกำกับและอนุรักษ์พลังงาน เลขานุการ
2.2 การสรรหาผู้จัดการกองทุน (Fund Manager)
1) พพ. จะจัดสรรเงินจำนวน 500 ล้านบาท (ห้าร้อยล้านบาทถ้วน) ที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2550 ให้กับผู้จัดการกองทุน (Fund Manager) ซึ่งเป็นหน่วยงานหรือองค์กรที่มีคุณสมบัติตามมาตรา 26 ของ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มูลนิธิอนุรักษ์พลังงาน สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน สำนักส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อม เป็นต้น เพื่อนำไปส่งเสริมการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนตามกรอบและเงื่อนไขที่กำหนดไว้
2) การพิจารณาคัดเลือกผู้จัดการกองทุนและการจัดสรรเงินกองทุนฯ จำนวน 500 ล้านบาท ตามข้อ 2.1 พพ. จะเสนอคณะกรรมการการลงทุน (Investment Committee) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนการดำเนินการ
3) ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการส่งเสริมการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน ในช่วงเวลาดำเนินการ 24 เดือน
- เกิดการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนกว่า 1,250 ล้านบาท
- เกิดผลประหยัดพลังงานไม่น้อยกว่า 10 ktoe หรือมีมูลค่ากว่า 250 ล้านบาทต่อปี
- มีโครงการที่ได้รับการส่งเสริม ไม่น้อยกว่า 20 โครงการ
3. พพ. ขอแก้ไขวาระการประชุมในส่วนประเด็นเพื่อพิจารณา ในส่วนของค่าใช้จ่ายโครงการฯ จาก 500 ล้านบาท เป็น 525 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นส่วนของการส่งเสริมการลงทุนจำนวน 500 ล้านบาท และค่าบริหารจัดการโครงการ 25 ล้านบาท
มติที่ประชุม
เห็นชอบรายละเอียดของโครงการส่งเสริมการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน ตามที่ พพ. เสนอมา และให้ พพ. ใช้จ่ายเงินกองทุนฯ จำนวน 525 ล้านบาท ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 2/2550 (ครั้งที่ 46) เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2550 ได้อนุมัติให้ พพ. ไว้แล้ว จัดสรรให้กับผู้จัดการกองทุน (Fund Manager) ที่ พพ. จะดำเนินการคัดเลือกตามแนวทางที่เสนอไว้
เรื่องที่ 2 ขอความเห็นชอบแนวทางจัดสรรเงินกองทุนฯ สำหรับ "โครงการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน"
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ตามที่คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 2/2550 (ครั้งที่ 46) เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2551 ได้จัดสรรเงินกองทุนฯ ให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในวงเงิน 300 ล้านบาท เพื่อไว้ใช้จ่ายสำหรับการดำเนินการตาม "โครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน" ซึ่งเป็นงานวิจัย พัฒนา รวมถึงงานสาธิตอื่นๆ เพื่อทราบศักยภาพ พิสูจน์ความเหมาะสมหรือความเป็นไปได้ ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นในการนำมาใช้งาน ที่หน่วยงาน สถาบันการศึกษา หรือเอกชน ต้องการความช่วยเหลือสนับสนุนการดำเนินการ โดยมีแนวทางการสนับสนุน 2 แนวทาง ดังนี้
แนวทางที่ 1 สนพ. รับคำขอรับการสนับสนุนจากเจ้าของโครงการ และสรุปความเห็นเสนอผู้มีอำนาจเห็นชอบ พิจารณาเป็นรายๆ
แนวทางที่ 2 สนพ. ประกาศหัวข้อศึกษา วิจัย พัฒนาเพื่อสรรหาผู้ที่มีความเหมาะสมเป็นผู้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนฯ
2. ข้อเสนอของ สนพ. สำหรับ "โครงการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน"
2.1 การแปรรูปขยะเป็นพลังงาน เป็นทิศทางที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐสนับสนุนเต็มที่ โดยกระทรวงพลังงานได้สนับสนุนในรูปแบบการกำหนดส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) จากผู้ผลิตไฟฟ้าที่ใช้ขยะเป็นเชื้อเพลิงแล้ว ในอัตรา 2.50 บาท/หน่วย ในขณะที่จากข้อมูลของงานวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศพบว่าขยะพลาสติกที่ตกค้างอยู่ในกองขยะสามารถนำมาผลิตเป็นน้ำมันมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำมันดิบ ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาขยะที่นับวันจะมีจำนวนมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็จะช่วยลดการนำเข้าน้ำมันได้ด้วย
2.2 กระบวนการแปรรูปขยะเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นวิธีที่หลายประเทศก็ทำอยู่แล้ว ซึ่งบางประเทศก็ให้ความสำคัญและบางประเทศก็มองข้ามไปเนื่องจากไม่คุ้มทุน แต่บางประเทศก็สามารถผลิตน้ำมันจากพลาสติกเป็นน้ำมันเบนซินได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ โดยรัฐบาลได้ให้ความช่วยเหลือบริษัทเอกชนในการลงทุน ขณะที่ประเทศไทยก็มีปัญหาทางด้านขยะและปัญหาด้านการหาพลังงานทดแทนด้านน้ำมัน และมีนักวิจัยแปรรูปขยะอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ความสามารถในการใช้งานได้จริงให้ประจักษ์ในประเทศ จึงยังไม่ทราบต้นทุนที่แท้จริง รวมถึงความคุ้มค่าการลงทุนทั้งทางเศรษฐศาสตร์ สังคมและสิ่งแวดล้อม ประกอบกับมีทฤษฏีความเป็นไปได้ที่หลากหลาย สนพ. จึงเห็นควรเปิดโอกาสให้หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา มูลนิธิองค์กรที่ไม่มุ่งค้าหากำไร หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในแต่ละจังหวัด ยื่นข้อเสนอขอรับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ภายใต้ "โครงการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน" ที่เป็นการเผาในภาวะไร้อากาศจนได้น้ำมันและก๊าซปิโตรเลียมเหลวโดยมีการใช้ขยะเศษพลาสติกเป็นวัตถุดิบ โดยมีแนวทางการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน ดังต่อไปนี้
(1) การกำหนดส่วนเพิ่ม (Adder) ราคารับซื้อน้ำมันดิบที่ผลิตได้จากการแปรรูปจากขยะ เป็นมาตรการจูงใจด้านราคาแก่ผู้สนใจลงทุนแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน
(2) การสนับสนุนงานศึกษาวิจัยพัฒนาและสาธิต "โครงการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน" เพื่อเป็นโครงการนำร่อง
3. การกำหนดส่วนเพิ่ม (Adder) ราคารับซื้อน้ำมันดิบ
3.1 เทศบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือผู้ประกอบการเกี่ยวกับการจัดการขยะ มีภาระในการบริหารจัดการขยะที่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่รับผิดชอบ กระบวนการแปรรูปขยะเป็นพลังงานซึ่งมีผลตอบแทนทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐศาสตร์ จึงเป็นทางเลือกที่หน่วยงานและองค์กรให้ความสนใจ แต่เนื่องจากผลตอบแทนการลงทุนยังมีความเสี่ยงสูงมาก ทั้งด้านเทคโนโลยีที่ยังไม่ได้มีการลงทุนจริงและราคาของผลิตภัณฑ์น้ำมันดิบที่ผลิตได้ก็ยังมีระยะเวลาคืนทุนนาน 5-10 ปี และเพื่อเร่งให้มีการตัดสินใจลงทุนนำเทคโนโลยีการแปรรูปขยะเป็นน้ำมันมาใช้ จึงเห็นควรเพิ่มแรงจูงใจให้กับหน่วยงานและองค์กรต่างๆ โดยนำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาใช้ในการช่วยเหลืออุดหนุนราคารับซื้อน้ำมันดิบที่ผลิตได้จากการแปรรูปจากขยะ
3.2 จากการประเมินเงินลงทุนการแปรรูปขยะเป็นน้ำมันซึ่งประกอบด้วย (1) ค่าลงทุนระบบจัดการ คัดแยะ และผลิต RDF จากขยะพลาสติก และ (2) ค่าลงทุนเครื่องจักรในกระบวนการ Pyrolysis Depolymerization ที่สามารถรองรับขยะพลาสติกได้ 6 ตัน/วัน พบว่ามีค่าลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท หากสามารถจำหน่ายน้ำมันที่ผลิตได้ในราคา 22 บาท/ลิตร จะทำให้ระยะเวลาคืนทุนไม่เกิน 5 ปี
3.3 ราคาน้ำมันดิบในวันที่ 14 มกราคม 2551 (อัตราแลกเปลี่ยน 33.2618 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ) เป็นดังนี้
ดอลลาร์สหรัฐ/บาเรล | บาท/ลิตร | |
ทาปิส | 96.65 | 20.22 |
โอมาน | 88.12 | 18.44 |
ดูไบ | 86.92 | 18.18 |
เบรนท์ | 92.90 | 19.44 |
เวสต์ เท็กซัส | 94.23 | 19.71 |
3.4 สำหรับหลักการในการคำนวณอัตราเงินอุดหนุนราคาน้ำมันที่ได้จากแปรรูปขยะนั้น ใช้ราคาน้ำมันดิบดูไบที่มีคุณภาพต่ำที่สุดเป็นเกณฑ์ ซึ่งปัจจุบันมีราคา 18.18 บาท/ลิตร เมื่อเทียบกับการราคาน้ำมันที่ได้จากแปรรูปขยะตามข้อ 3.2 ในระยะเวลาคืนทุนไม่เกิน 5 ปี อัตราเงินอุดหนุนหรือเงินส่วนเพิ่มควรเริ่มตั้งแต่ 4 บาท/ลิตร ขึ้นไป แต่เพื่อเพิ่มแรงจูงใจในการตัดสินใจลงทุนในช่วงแรกและช่วยบรรเทาภาระความเสี่ยงของหน่วยงานหรือองค์กรที่จะลงทุนในด้านของเทคโนโลยีและคุณภาพของน้ำมันที่จะได้รับ สนพ. จึงเห็นควรกำหนดราคาส่วนเพิ่มที่อัตรา 7 บาท/ลิตร ซึ่งจะทำให้ระยะเวลาคืนทุนลดลงเหลือเพียง 4 ปี
3.5 ในการส่งเสริมการลงทุนการแปรรูปขยะเป็นน้ำมันให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง เห็นควรมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการดังนี้
(1) สนพ. เสนอ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เห็นชอบการกำหนดอัตราเงินอุดหนุนราคาน้ำมันดิบให้โรงกลั่นที่รับซื้อน้ำมันดิบที่ผลิตได้จากการแปรรูปขยะ โดยใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในอัตรา 7 บาท/ลิตร เป็นระยะเวลา 5 ปี โดยน้ำมันดิบที่โรงกลั่นรับซื้อและจะนำมาขอเงินอุดหนุนดังกล่าวจะต้องมีคุณภาพไม่ต่ำกว่าคุณภาพของน้ำมันดิบดูไบ
(2) สนพ. ออกประกาศ กบง. กำหนดอัตราเงินอุดหนุนราคาน้ำมันดิบที่ผลิตได้จากการแปรรูปขยะ
(3) ให้กรมสรรพสามิตและสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน ร่วมกันจัดระบบการจ่ายเงินอุดหนุนให้โรงกลั่นสำหรับการรับซื้อน้ำมันดิบที่ผลิตได้จากการแปรรูปขยะ โดยให้กรมสรรพสามิตเป็นผู้รับผิดชอบตรวจสอบปริมาณการรับซื้อน้ำมันดิบที่ผลิตได้จากการแปรรูปขยะ และให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน เป็นผู้รับผิดชอบด้านการจ่ายเงินอุดหนุนให้โรงกลั่น
4. การสนับสนุนงานศึกษาวิจัยพัฒนาและสาธิต "โครงการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน"
สนพ. จะขอใช้เงินจากกองทุนฯ แผนพัฒนาพลังงานทดแทน "โครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัยพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน" ปีงบประมาณ 2551 ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติจัดสรรให้ สนพ. ไว้แล้ว ตามข้อ 1 นำมาจัดสรรเพื่อใช้ส่งเสริมและสาธิตเทคโนโลยีการแปรรูปขยะเป็นน้ำมัน ในวงเงินรวม 105 ล้านบาท โดยการประกาศเชิญชวนเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สนใจลงทุนจัดทำแผนงานและเสนอต่อ สนพ. เพื่อขอรับการสนับสนุน โดยมีกรอบแนวทางดำเนินงานดังต่อไปนี้
4.1 แนวทางในการให้การสนับสนุน
เป็นเงินช่วยเหลือหรือเงินอุดหนุน หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน สำหรับการลงทุนดำเนินการเกี่ยวกับการส่งเสริมการผลิตพลังงานแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน
4.2 ข้อกำหนดด้านคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอ
(1) เป็นหน่วยงานที่เข้าลักษณะใดลักษณะหนึ่งดังต่อไปนี้ ราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา องค์กรเอกชนไม่มุ่งค้าหากำไร
(2) เป็นหน่วยงานที่ได้รับความร่วมมือและอนุญาตให้จัดการขยะในพื้นที่ท้องถิ่นนั้น
(3) มีความพร้อมด้านงบประมาณสนับสนุนการจัดสร้างระบบฯ
4.3 แนวทางจัดทำข้อเสนอโครงการฯ
"เจ้าของโครงการ" จะต้องจัดทำข้อเสนอโครงการ โดยมีข้อกำหนดด้านเทคนิคดังนี้
(1) เป็นระบบที่มีสามารถในการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงได้ไม่ต่ำกว่า 3,500 ลิตร/วัน
(2) น้ำมันเชื้อเพลิงที่ผลิตได้ต้องมีค่าความร้อนไม่น้อยกว่า 34.5 MJ/ลิตร (ร้อยละ 95ของค่าความร้อนของน้ำมันดิบ)
(3) มีวัตถุดิบเพียงพอกับความต้องการของกระบวนการผลิต
(4) มีระบบคัดแยกขยะพลาสติก
(5) มีความพร้อมด้านสถานที่ก่อสร้างโรงงาน
4.4 ประเภทของค่าใช้จ่ายที่จะได้รับการสนับสนุน
เงินสนับสนุนจากกองทุนฯ 105 ล้านบาท (หนึ่งร้อยห้าล้านบาทถ้วน) นำมาเป็นเงินช่วยเหลือให้เปล่าในสัดส่วน 32% แต่ไม่เกิน 35 ล้านบาทต่อราย ดังนี้
กระบวนการ | เงินลงทุน (ล้านบาท) |
เงินสนับสนุนสูงสุด | สัดส่วน |
(1) เงินลงทุนในส่วนระบบจัดการและคัดแยกขยะ * | 35 | 10 | 28% |
(2) เงินลงทุนสำหรับระบบแปรรูปขยะเป็นน้ำมัน ** | 65 | 15 | 23% |
(3) ค่าที่ปรึกษาออกแบบระบบและบริหารจัดการ | 10 | 10 | 100% |
รวม | 110 | 35 | 33% |
* เงินลงทุนระบบจัดการคัดแยะเทศบาลระยองซึ่งรองรับขยะขนาด 60 ตัน/วัน มีสัดส่วนขยะพลาสติกไม่เกิน 10 ตัน/วัน (คิดจากสัดส่วนขยะพลาสติกเฉลี่ยของประเทศไทยที่ 16.83%) และเครื่องผลิต RDF อ้าอิงจากเครื่องผลิต RDF ชีวมวลจากการประเมินของ ม.สุรนารี 3 ล้านบาท
** ข้อเสนอโครงการนำร่องการแปรรูปขยะเป็นพลังงานน้ำมันซึ่งรองรับขยะได้ 6 ตัน/วัน
4.5 การจ่ายเงินสนับสนุน
งวดจ่ายเงิน | ร้อยละของวงเงินที่ขอรับการสนับสนุน | เงื่อนไข |
งวดที่ 1 | ร้อยละ 30 | เมื่อออกแบบรายละเอียดระบบแล้วเสร็จ |
งวดที่ 2 | ร้อยละ 40 | เมื่อก่อสร้างระบบและติดตั้งอุปกรณ์แล้วเสร็จ |
งวดที่ 3 | ร้อยละ 15 | เมื่อเริ่มต้นเดินระบบและนำขยะเข้าระบบได้ 50% |
งวดที่ 4 | ร้อยละ 15 | เมื่อเดินระบบได้เต็มกำลังผลิตและสามารถผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีค่าความร้อนไม่น้อยกว่า 34.5 MJ/ลิตร |
4.6 วิธีการและขั้นตอนในการให้การสนับสนุน
ขั้นตอนที่ 1 สนพ. ออกประกาศเชิญชวนผู้สนใจเพื่อจัดทำแผนและรายละเอียดของโครงการตามที่กำหนดไว้ เสนอต่อ ผอ.สนพ. ภายในเวลา 3 เดือนนับจากวันที่ออกประกาศ
ขั้นตอนที่ 2 หน่วยงานที่มีความประสงค์ขอรับการสนับสนุน (หน่วยงานเจ้าของโครงการ) ยื่นข้อเสนอโครงการต่อ สนพ.
ขั้นตอนที่ 3 คณะผู้เชี่ยวชาญร่วมพิจารณาวิเคราะห์และกลั่นกรองให้ความเห็นตามเกณฑ์การพิจารณาที่กำหนด และจัดเรียง ลำดับตามคะแนนแต่ละโครงการที่ได้รับ ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุด 3 อันดับแรก จะได้รับการเสนอ ผอ.สนพ. เพื่อพิจารณา
ขั้นตอนที่ 4 โครงการที่ ผอ.สนพ. ให้ความเห็นชอบแล้ว สนพ. จะแจ้งมติให้เจ้าของโครงการทราบ และลงนามในหนังสือยืนยันหรือสัญญากับเจ้าของโครงการ การเบิกจ่ายเงินงวดแรกให้ "เจ้าของโครงการ" เป็นไปตามที่ระบุไว้ในหนังสือยืนยันหรือสัญญา
ขั้นตอนที่ 5 เจ้าของโครงการ ดำเนินโครงการตามแผนงาน/สัญญา และรายงานผลให้ สนพ. ทราบทุกระยะ
ขั้นตอนที่ 6 เมื่อต้องมีการจ่ายเงินตามงวดในหนังสือยืนยันหรือสัญญา สนพ. จะดำเนินการเบิกเงินจากที่เก็บรักษาเงินกองทุนฯ เพื่อนำมารอจ่ายให้แก่เจ้าของโครงการ ในการจ่ายเงินนี้ สนพ. ต้องพิจารณาตรวจสอบให้เจ้าของโครงการดำเนินการตามหนังสือยืนยันหรือสัญญาก่อนจึงจ่ายเงินได้
ขั้นตอนที่ 7 สนพ. รายงานความก้าวหน้าและผลการดำเนินงานให้คณะกรรมการกองทุนฯ ทราบ เป็นระยะๆ รวมถึงติดตามประเมินผลโครงการด้วย
4.7 คณะผู้เชี่ยวชาญเพื่อร่วมพิจารณาวิเคราะห์และกลั่นกรอง ข้อเสนอโครงการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน ประกอบด้วย (1) ศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์ (2) รศ.ดร.สมรัฐ เกิดสุวรรณ และ (3)ผศ.ดร.วีระชัย อาจหาญ
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบแนวทางส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมันด้วยการจูงใจด้านราคา โดยนำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาช่วยอุดหนุนราคารับซื้อน้ำมันดิบที่ผลิตได้จากการแปรรูปจากขยะ ในอัตรา 7 บาทต่อลิตร ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอในข้อ 3 และให้ สนพ. เสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อพิจารณาต่อไป
2. เห็นชอบแนวทางส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมันด้วยการสนับสนุนงานวิจัยและสาธิตเป็นโครงการนำร่อง โดยให้ สนพ. จัดสรรเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค โครงการสนับสนุนการศึกษาวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน ปีงบประมาณ 2551 ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 2/2550 (ครั้งที่ 46) เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2551 ได้จัดสรรให้ สนพ. ไว้แล้ว มาใช้สำหรับ "โครงการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน" ในวงเงิน 105 ล้านบาท ดังรายละเอียดปรากฏตามเอกสารแนบวาระ 3.2.1
1. ฝ่ายเลขานุการฯ รายงานต่อที่ประชุมว่า มูลนิธิชัยพัฒนา กระทรวงพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร บริษัท ปตท. จำกัด กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงได้ร่วมกันจัดตั้ง "โครงการจัดตั้งศูนย์สาธิตและพัฒนาพลังงานทดแทนด้วยไบโอดีเซลจากปาล์มน้ำมันแบบครบวงจร" เป็นการร่วมมือกันอย่างจริงจังทั้งด้านเงินทุนในการเพาะปลูก ความรู้เกี่ยวกับพันธุ์ปาล์ม และการดูแลจัดการสวนปาล์มน้ำมันที่เหมาะสม รวมทั้งการลงทุนในอุตสาหกรรมโรงสกัดน้ำมันปาล์มและโรงงานไบโอดีเซลที่จะรับซื้อเป็นวัตถุดิบต่อไป เชื่อว่าอีกไม่กี่ปีจากนี้ไปเมื่อมีความมั่นใจว่าพื้นที่ทุ่งรังสิตสามารถผลิตปาล์มน้ำมันเชิงพาณิชย์ได้ จะมีเกษตรกร และนักลงทุนจำนวนมากเข้ามาลงทุนปลูกปาล์มน้ำมัน ซึ่งหมายความว่าสวนส้มร้างก็จะมีการนำมาพัฒนาใช้ประโยชน์ของดินได้อีกครั้ง ทั้งนี้เครื่องจักรและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดในโครงการนี้ จะทูลเกล้าถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยส่งมอบให้มูลนิธิชัยพัฒนาดำเนินการต่อไป โดยมีกิจกรรมภายใต้ "โครงการจัดตั้งศูนย์สาธิตและพัฒนาพลังงานทดแทนด้วยไบโอดีเซลจากปาล์มน้ำมันแบบครบวงจร " ดังนี้
1) การบริหารจัดการและกำกับติดตามงาน โดยมูลนิธิชัยพัฒนา
2) การจัดการแปลงปลูกปาล์มน้ำมัน จำนวนประมาณ 5,300 ไร่ ประกอบด้วย (1) จำนวน 1,000 ไร่ โดย บริษัท ปตท. จำกัด (2) จำนวน 4,000 ไร่ เป็นพื้นที่สมัครใจของเกษตรกรเจ้าของพื้นที่หรือผู้เช่าที่ดิน (3) จำนวน 100 ไร่ บนพื้นที่โครงการฯ บริเวณคลอง 9 หรือ คลอง 11 จ.ปทุมธานี โดย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กรมวิชาการเกษตร และกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อศึกษาวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีการปลูก และ (4) จำนวน 200 ไร่ โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศึกษาพัฒนาเพื่อปรับปรุงพันธุ์ปาล์มน้ำมัน ในพื้นที่โครงการปลูกป่า ชัยพัฒนา-แม่ฟ้าหลวง ตำบลหนองพลับ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
3) การรับซื้อผลผลิตปาล์มน้ำมัน โดยกลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์
4) เครื่องจักรสกัดน้ำมัน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ร่วมกับ บริษัท เกรท อะโกร จำกัด กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์
5) เครื่องจักรผลิตน้ำมันไบโอดีเซล B100 กำลังการผลิต 1,000-2,000 ลิตรต่อวัน รับผิดชอบโดย บริษัท ปตท. จำกัด เพื่อแปรรูป CPO ที่จะได้จากเครื่องจักรสกัดของ สวทช. และ บริษัท เกรท อะโกร จำกัด
6) การจัดการของเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ในส่วนของทะลายปาล์มสด โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน จะใช้ระบบผลิตไฟฟ้าจากก๊าซเชื้อเพลิงชีวมวลแบบ 3 ขั้นตอน ขนาดกำลังการผลิต 100 kW กิโลวัตต์
7) การฝึกอบรม ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ โดยมูลนิธิชัยพัฒนา
2. ประมาณการค่าใช้จ่ายของทั้งโครงการฯ รวมทั้งสิ้น 75,481,000 บาท โดยแต่ละหน่วยงานจะจัดหาจากแหล่งเงินทุนต่างๆ โดยในส่วนของ "โครงการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตปาล์มน้ำมันเพื่ออุตสาหกรรมไบโอดีเซลชุมชนเชิงพาณิชย์ในพื้นที่ปลูกใหม่" ที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กรมวิชาการเกษตร และกรมส่งเสริมการเกษตร จะทำการศึกษาวิจัยพัฒนาสายพันธุ์ปาล์ม ตลอดจนการเขตกรรม การให้ปุ๋ย การให้น้ำ การดูแลวัชพืชและศัตรูพืช ในพื้นที่วิจัยทั้ง 2 แห่ง คือ บริเวณคลอง 9 หรือ คลอง 11 จ.ปทุมธานี ประมาณ 100 ไร่ และในพื้นที่โครงการปลูกป่า ชัยพัฒนา-แม่ฟ้าหลวง ตำบลหนองพลับ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประมาณ 150 ไร่ รวม 250 ไร่ นั้น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จำเป็นต้องขอรับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินงานในวงเงินรวม 33,140,000บาท (สามสิบสามล้านหนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถ้วน) โดยสรุปสาระสำคัญของโครงการฯ ได้ดังนี้
2.1 วัตถุประสงค์
1) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility) ทั้งด้านสถานภาพของระบบการปลูก การผลิตพืชน้ำมันที่มีศักยภาพในพื้นที่ที่มีสภาพดินกรดจัดบริเวณคลองรังสิต จ.ปทุมธานี จำนวน 100 ไร่ และในพื้นที่โครงการปลูกป่า ชัยพัฒนา-แม่ฟ้าหลวง ต.หนองพลับ อ.หัวหิน จ. ประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 150 ไร่
2) เพื่อศึกษากระบวนการเขตกรรมขนาดพอเหมาะแก่ชุมชน เพื่อทำน้ำมันไบโอดีเซล ทั้งด้านเศรษฐศาสตร์ สังคม และสิ่งแวดล้อม
3) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์เรียนรู้ชุมชน (Model Farm) ใน "ศูนย์ศึกษาพัฒนาและสาธิตพลังงานทดแทนด้วยไบโอดีเซลจากปาล์มน้ำมันแบบครบวงจร" ที่มีแบบจำลอง Process-base ของปาล์มน้ำมันเพื่อการปลูกและผลิตไบโอดีเซลครบวงจร
2.2 แนวทางดำเนินโครงการฯ
1) คัดเลือกสายพันธุ์ปาล์มน้ำมันที่เหมาะสมสำหรับปลูกในพื้นที่บริเวณคลองรังสิต จ.ปทุมธานี ได้แก่ พันธุ์ลูกผสมสุราษฎร์ธานี 1, 2 และ 3 รวมถึงพันธุ์อื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศที่ได้รับการรับรองจากกรมวิชาการเกษตรอีกจำนวนประมาณ 2 สายพันธ์ มาทดลองปลูกในพื้นที่แปลงสาธิต เพื่อศึกษาความเหมาะสมและความคุ้มค่าการผลิตปาล์มน้ำมันในแต่ละ Scale
2) ศึกษาเทคโนโลยีการผลิตปาล์มน้ำมันครบวงจรในพื้นที่บริเวณคลองรังสิต จ.ปทุมธานี และในพื้นที่โครงการปลูกป่าชัยพัฒนา-แม่ฟ้าหลวง อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้แก่ การวิจัยสายพันธุ์ การวิจัยการปลูกพืชเซมในสวนปาล์มเพื่อเพิ่มรายได้ชุมชน การควบคุมการปลูกโดยจัดสรรและจัดการน้ำแบบต่างๆ การศึกษาการจัดการและระดับการให้ปุ๋ยในปาล์มน้ำมัน การควบคุมการจัดการโรคและวัชพืชในปาล์มน้ำมัน การควบคุมและบังคับการออกดอกตัวเมียในปาล์มน้ำมัน การพัฒนาการเก็บเกี่ยวทะลายปาล์มสดเพื่อให้ได้น้ำมันปาล์มที่ได้ปริมาณและคุณภาพสูงสุด
3) ศึกษาผลที่มีต่อเศรษฐกิจ สังคม และสภาพแวดล้อมของการผลิตปาล์มน้ำมัน
4) ถ่ายทอดเทคโนโลยีและข้อมูลพื้นฐานของระบบฐานข้อมูลของผลงานวิจัยแก่ชุมชนและนักส่งเสริมในรูปแบบของ Research and extension (R&E)
2.3 งบประมาณ ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เป็นเงินทั้งสิ้น 33,140,000 บาท ประกอบด้วย
รายการ | ปี 2551 | ปี 2552 | ปี 2553 | ปี 2554 | ปี 2555 | รวม 5 ปี |
1. ค่าจ้าง | 960,000 | 960,000 | 960,000 | 960,000 | 960,000 | 4,800,000 |
2. ค่าตอบแทน | 600,000 | 600,000 | 600,000 | 600,000 | 600,000 | 3,000,000 |
3. ค่าใช้สอย | 2,850,000 | 2,750,000 | 2,750,000 | 3,000,000 | 3,000,000 | 14,350,000 |
4. ค่าวัสดุ | 1,750,000 | 1,550,000 | 1,550,000 | 1,550,000 | 1,550,000 | 7,950,000 |
5. ค่าบริหารโครงการ | 616,000 | 586,000 | 586,000 | 626,000 | 626,000 | 3,040,000 |
รวมแต่ละปี | 6,776,000 | 6,446,000 | 6,446,000 | 6,736,000 | 6,736,000 | 33,140,000 |
2.4 ระยะเวลาโครงการ 60 เดือน นับตั้งแต่ลงนามในหนังสือยืนยันกับ สนพ.
3. ฝ่ายเลขานุการมีความคิดเห็นว่า โครงการนี้มีวัตถุประสงค์และแนวทางดำเนินโครงการฯ อยู่ในกรอบแผนงานและหลักเกณฑ์ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติไว้แล้ว ฝ่ายเลขานุการฯ จึงเสนอคณะอนุกรรมการฯ เพื่อพิจารณาเห็นชอบให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ดำเนินงาน "โครงการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตปาล์มน้ำมันเพื่ออุตสาหกรรม ไบโอดีเซลชุมชนเชิงพาณิชย์ในพื้นที่ปลูกใหม่" โดยขอเสนอแต่งตั้ง ดร.สมเจตน์ ประทุมมินทร์ กรมวิชาการเกษตร และนายรังสรรค์ สโรชวิกสิต กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เป็นผู้เชี่ยวชาญพิจารณารายละเอียดของโครงการฯ และเมื่อมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ปรับปรุงแผนงานของโครงการฯ ตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญทั้ง 2 ท่านเรียบร้อยแล้ว ให้เสนอ ผอ.สนพ. พิจารณาและลงนามในหนังสือยืนยันการให้ทุนฯ กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ต่อไป
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้ สนพ. จัดสรรเงินกองทุนฯ แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค โครงการสนับสนุนการศึกษาวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน ปีงบประมาณ 2551 ให้ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับ "โครงการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตปาล์มน้ำมันเพื่ออุตสาหกรรมไบโอดีเซลชุมชนเชิงพาณิชย์ในพื้นที่ปลูกใหม่" ในวงเงิน 33,140,000 บาท (สามสิบสามล้านหนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถ้วน) ดังรายละเอียดปรากฏตามเอกสารแนบวาระ 3.3.1 และแต่งตั้ง ดร.สมเจตน์ ประทุมมินทร์ และนายรังสรรค์ สโรชวิกสิต เป็นผู้เชี่ยวชาญพิจารณาโครงการฯ ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอในข้อ 2 โดยใช้เงินส่วนที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 2/2550 (ครั้งที่ 46) เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2551 ได้จัดสรรให้ สนพ. ไว้แล้ว