มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 2/2555 (ครั้งที่ 99)
เมื่อวันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 เวลา 15.30 น.
ณ ห้องบัญชาการยุทธศาสตร์ ชั้น 25 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ) กรรมการและเลขานุการ
สรุปสาระสำคัญ
1. คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2554 เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2554 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการกำหนดราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ดังนี้ (1) ขยายระยะเวลาการตรึงราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนต่อไปจนถึงสิ้นปี 2555 (2) ขยายระยะเวลาการตรึงราคาก๊าซ LPG ภาคขนส่งต่อไปจนถึงวันที่ 15 มกราคม 2555 โดยตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 เริ่มปรับขึ้นราคาขายปลีกเดือนละ 0.75 บาทต่อกิโลกรัม (0.41 บาทต่อลิตร) จนไปสู่ต้นทุนโรงกลั่นน้ำมัน (3) กำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับก๊าซที่ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี กิโลกรัมละ 1 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 เป็นต้นไป
ทั้งนี้มอบหมายให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณาดำเนินการแก้ไขคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 4/2547 เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมีส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และพิจารณาการปรับโครงสร้างราคาก๊าซ LPG ต่อไป
2. คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2554 เห็นชอบแนวทาง การปรับราคาขายปลีกก๊าซ LPG ในภาคขนส่ง ดังนี้ (1)เห็นชอบให้ปรับเพิ่มราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคขนส่ง เดือนละ 0.75 บาท/กก. (0.41 บาท/ลิตร) จนไปสู่ต้นทุนโรงกลั่นน้ำมัน ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 เป็นต้นไป (2) เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เรื่อง การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนสำหรับก๊าซที่จำหน่ายให้ภาคขนส่ง (3) มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
3. สนพ. ได้ออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2555 เรื่อง การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนสำหรับก๊าซที่จำหน่ายให้ภาคขนส่ง โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 ส่งผลให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ที่จำหน่ายก๊าซให้ภาคขนส่งต้องส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ โดยตั้งแต่วันที่ 16 - 31 มกราคม 2555 ในอัตรา 0.7009 บาท/กก. และในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 ในอัตรา 1.4018 บาท/กก.
4. จากประกาศ กบง. เรื่อง การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนสำหรับก๊าซที่จำหน่ายให้ภาคขนส่ง ดังกล่าว ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนในการปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคขนส่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 หรือวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2555 ฝ่ายเลขานุการฯ จึงได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับข้อกฎหมายในการบังคับใช้จากการออกประกาศให้สอดคล้องกับมติ ครม. เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2554 และเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการกำหนดระยะเวลาบังคับใช้ สนพ. จึงได้ดำเนินการออกประกาศ ฉบับที่ 17 โดยให้การปรับขึ้นราคาในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2555 เป็นต้นไป รวมทั้งการดำเนินการข้างต้นทำให้เกิดช่องว่างในการกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ระหว่างวันที่ 1- 15 กุมภาพันธ์ 2555
5. ฝ่ายเลขานุการฯได้เสนอประเด็นให้ กบง. พิจารณาดังนี้ (1) ขอความเห็นชอบกำหนดอัตราเงิน ส่งเข้ากองทุนน้ำมันสำหรับก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่จำหน่ายให้ภาคขนส่ง ในช่วงวันที่ 1- 15 กุมภาพันธ์ 2555 ในอัตรา 0.7009 บาท/กก. (2) ขอความเห็นชอบในการกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันสำหรับก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่จำหน่ายให้ภาคขนส่ง ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2555 เป็นต้นไป โดยให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอ กบง. พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนออกประกาศ กบง. เพื่อให้มีผลบังคับใช้ในเดือนต่อๆไป (3) มอบหมายให้ สนพ. รับไปดำเนินการออกประกาศ กบง. เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบให้กำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่จำหน่ายให้ภาคขนส่ง ในช่วงวันที่ 1- 15 กุมภาพันธ์ 2555 ในอัตรา 0.7009 บาทต่อกิโลกรัม
2. มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดทำอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันสำหรับก๊าซปิโตรเลียมเหลว ที่จำหน่ายให้ภาคขนส่งเสนอต่อคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2555
3. มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานประสานกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อพิจารณารายละเอียดในการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เรื่อง การกำหนดอัตราเงิน ส่งเข้ากองทุนสำหรับก๊าซที่จำหน่ายให้ภาคขนส่ง ให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2554 ซึ่งเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2554