มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 6/2555 (ครั้งที่ 103)
เมื่อวันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555 เวลา 09.00 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
1. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล และน้ำมันดีเซล
2. แนวทางการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของก๊าซ LPG และ NGV ในภาคขนส่ง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ) กรรมการและเลขานุการ
ประธานฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบเกี่ยวกับการรณรงค์ประหยัดพลังงาน ในกิจกรรม "ปิดไฟ ช่วยชาติ" ในวันที่ 10 เมษายน 2555 โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งการจัดกิจกรรม "ปิดไฟ ช่วยชาติ" เป็นผลมาจากการคาดการณ์ความต้องการใช้พลังงานจะสูงสุด ในวันที่ 10 เมษายน 2555 ช่วงเวลาประมาณ 14.00-15.00 น. ประกอบกับเป็นช่วงที่ประเทศพม่าหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติเนื่องจากมีการหยุดซ่อมแซมประจำปี และโรงไฟฟ้าในประเทศบางแห่งจำเป็นต้องปิดซ่อมแซมเพื่อฟื้นฟูหลังน้ำท่วม ส่งผลให้การส่งกระแสไฟฟ้ากำลังสำรองไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้น เพื่อสร้างความตระหนักของทุกภาคส่วนให้เห็นถึงความสำคัญของการใช้พลังงาน ให้เกิดความประหยัดอย่างเป็นรูปธรรม กระทรวงพลังงานจึงจัดกิจกรรมดังกล่าว ด้วยการปิดไฟที่ไม่จำเป็นอย่างน้อย 1 ดวง ให้พร้อมกันในช่วงเวลา 14.00 - 15.00 น.
สรุปสาระสำคัญ
1. เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2554 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2554 เกี่ยวกับแนวทางการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้ (1) ทยอยปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล เดือนละ 1 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 เป็นต้นไป โดยมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณาระยะเวลาการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ตามความเหมาะสม (2) ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของดีเซลหมุนเร็ว 0.60 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 เป็นต้นไป โดยมอบให้ กบง. พิจารณาระยะเวลาการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ตามความเหมาะสม
2. เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2555 กบง. ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ในเดือนมกราคม 2555 โดยน้ำมันเบนซิน 95, 91 แก๊สโซฮอล 95, 91, E20 ปรับเพิ่มขึ้น 1.00 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ชดเชยเพิ่มขึ้น 0.10 บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเพิ่มขึ้น 0.60 บาทต่อลิตร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 เป็นต้นไป และเพื่อให้การดำเนินการปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2554 สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในแต่ละเดือน กบง. จึงได้มีมติมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) นำเสนอ กพช. พิจารณามอบหมายให้ กบง. กำหนดอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ให้มีความเหมาะสมและคล่องตัว โดยคำนึงถึงราคาน้ำมันในตลาดโลก การส่งเสริมพลังงานทดแทนและฐานะกองทุนน้ำมันฯ
3. ต่อมาเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2555 กบง. ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2555 เป็นต้นไป โดยน้ำมันเบนซิน 95, 91 แก๊สโซฮอล 95, 91, E20 และ E85 ปรับเพิ่มขึ้นชนิดละ 1.00 บาทต่อลิตร ส่วนน้ำมันดีเซลหมุนเร็วให้คงไว้ที่อัตราเดิม จากการทยอยปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลขึ้น 1.00 บาทต่อลิตร ทำให้อัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล 91, E20 และ E85 อยู่ที่อัตรา 0.60, -0.80 และ -12.60 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ที่เคยกำหนดไว้เดิม ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2554 ที่อัตรา 0.10, -1.30 และ -13.50 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ดังนั้น กบง. จึงได้มีมติให้ สนพ. จัดทำข้อเสนอการปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ให้มีความเหมาะสมและคล่องตัว โดยคำนึงถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก การส่งเสริมพลังงานทดแทนและฐานะกองทุนน้ำมันฯ นำเสนอ กพช. โดยการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแต่ละชนิดไม่สูงเกินกว่าอัตราเดิมที่เคยกำหนดไว้ ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2554
4. ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 1 เมษายน 2555 มีทรัพย์สินรวม 4,011 ล้านบาท มีหนี้สินกองทุน 26,845 ล้านบาท แยกเป็นหนี้ค้างชำระชดเชย 20,318 ล้านบาท งบบริหารและโครงการซึ่งได้อนุมัติแล้ว 347 ล้านบาท ดังนั้นกองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิติดลบ 22,834 ล้านบาท
5. เพื่อให้เป็นไปตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2554 จึงต้องปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินขึ้น 1.00 บาทต่อลิตร โดยให้คงอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอลในอัตราเดิม และน้ำมันดีเซลหมุนเร็วยังคงอัตราที่ 0.60 บาทต่อลิตร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2555 เป็นต้นไป จากการปรับเพิ่มอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว จะทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 95 และ 91 เพิ่มขึ้น 1.07 บาทต่อลิตร ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอลและน้ำมันดีเซลคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 กับน้ำมันเบนซิน 91 เพิ่มขึ้นจาก 2.35 บาทต่อลิตร เป็น 3.42 บาทต่อลิตร และส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 กับน้ำมันเบนซิน 95 เพิ่มขึ้นจาก 6.30 บาทต่อลิตร เป็น 7.37 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ กองทุนน้ำมันฯ จะมีภาระลดลงประมาณวันละ 10 ล้านบาท จากติดลบวันละ 70 ล้านบาท เป็นติดลบวันละ 60 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
ชนิดน้ำมัน | เดิม | ใหม่ | เปลี่ยนแปลง(+/-) |
น้ำมันเบนซิน 95 | 3.00 | 4.00 | +1.00 |
น้ำมันเบนซิน 91 | 3.00 | 4.00 | +1.00 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 | 2.20 | 2.20 | - |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 | 0.60 | 0.60 | - |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 | -0.80 | -0.80 | - |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 | -12.60 | -12.60 | - |
น้ำมันดีเซล | 0.60 | 0.60 | - |
โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2555 เป็นต้นไป
เรื่องที่ 2 แนวทางการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของก๊าซ LPG และ NGV ในภาคขนส่ง
สรุปสาระสำคัญ
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2554 เห็นชอบตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2554 ดังนี้ (1) ทยอยปรับขึ้นราคาขายปลีก NGV เดือนละ 0.50 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 จนถึงเดือนธันวาคม 2555 (2) ทยอยปรับลดอัตราเงินชดเชยลงเดือนละ 0.50 บาทต่อกิโลกรัม จำนวน 4 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม ถึงเดือนเมษายน 2555 (3) ขยายระยะเวลาการตรึงราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนต่อไปจนถึงสิ้นปี 2555 (4) ขยายระยะเวลาการตรึงราคาก๊าซ LPG ภาคขนส่งต่อไปจนถึงวันที่ 15 มกราคม 2555 โดยตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 เริ่มปรับขึ้นราคาขายปลีกเดือนละ 0.75 บาทต่อกิโลกรัม (0.41 บาทต่อลิตร) โดยปรับพร้อมกับการขึ้นราคา NGV 0.50 บาทต่อกิโลกรัม จนไปสู่ต้นทุนโรงกลั่นน้ำมัน (5) กำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับก๊าซที่ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี กิโลกรัมละ 1 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 เป็นต้นไป และ (6) มอบหมายให้ กบง. พิจารณาดำเนินการแก้ไขคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 4/2547 เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมีส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ
2. การดำเนินการปรับราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้ออกประกาศ กบง. เรื่อง อัตราเงินชดเชยราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ จำนวน 4 ฉบับ ซึ่งการปรับลดอัตราเงินชดเชยดังกล่าวส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซ NGV ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 ถึงวันที่ 15 เมษายน 2555 ปรับเพิ่มขึ้น 1.50 บาทต่อกิโลกรัม จาก 8.50 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 10.00 บาทต่อกิโลกรัม
3. การดำเนินการปรับราคาขายปลีกก๊าซ LPG สนพ. ได้ออกประกาศ กบง. เรื่อง การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนสำหรับก๊าซที่จำหน่ายให้ภาคขนส่ง จำนวน 4 ฉบับ มีผลทำให้ราคาขายปลีกก๊าซ LPG ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 จนถึงวันที่ 15 เมษายน 2555 ปรับเพิ่มขึ้น 2.25 บาทต่อกิโลกรัม จาก 18.13 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 20.38 บาทต่อกิโลกรัม
4. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้มีข้อเสนอดังนี้ (1) ขอความเห็นชอบกำหนดอัตราเงินชดเชยราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ในอัตรา 0.00 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2555 เป็นต้นไป (2) ขอความเห็นชอบกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่จำหน่ายให้ภาคขนส่งในอัตรา 2.8036 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2555 ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2555 (3) ขอความเห็นชอบร่างประกาศ กบง. เรื่อง อัตราเงินชดเชยราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ และ เรื่อง การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนสำหรับก๊าซที่จำหน่ายให้ภาคขนส่ง และ(4) มอบหมายให้ สนพ. รับไปดำเนินการออกประกาศ กบง. เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบให้กำหนดอัตราเงินชดเชยราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ในอัตรา 0.00 บาท ต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2555 เป็นต้นไป
2. เห็นชอบให้กำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันสำหรับก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่จำหน่ายให้ภาคขนส่งในอัตรา 2.8036 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2555 ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2555
3. เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เรื่อง อัตราเงินชดเชยราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ และเรื่อง การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนสำหรับก๊าซที่จำหน่ายให้ภาคขนส่ง
4. มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการ บริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป