มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 27/2555 (ครั้งที่ 124)
วันพุธที่ 5 กันยายน 2555 เวลา 13.30 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
1. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ) กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการ เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ และราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ข้อ 1.7.3 ดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคและผู้ผลิต และ ข้อ 3.5.3 กำกับราคาพลังงานให้มีความเหมาะสม เป็นธรรมและมุ่งสู่การสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยปรับบทบาทกองทุนน้ำมันฯ ให้เป็นกองทุนสำหรับรักษาเสถียรภาพราคา ส่วนการชดเชยราคาจะดำเนินการอุดหนุนเฉพาะกลุ่ม ส่งเสริมให้มีการใช้ก๊าซธรรมชาติมากขึ้นในภาคขนส่ง และส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอลและไบโอดีเซลในภาคครัวเรือน
2. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบหลักเกณฑ์การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และระยะเวลาให้มีความเหมาะสมภายใต้กรอบหลักเกณฑ์การมอบหมาย ดังนี้
2.1 น้ำมันดีเซล การปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาสูงขึ้นจนทำให้มีผลกระทบต่อภาคขนส่งและค่าโดยสารเกินสมควรให้ กบง.พิจารณาปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้ตามความเหมาะสม การปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาต่ำจนทำให้ผู้ประกอบการขนส่งและโดยสารสมควรปรับอัตราค่าบริการลงให้ กบง. ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่กระทบเกินสมควรต่อค่าขนส่งและค่าโดยสาร
2.2 น้ำมันเบนซิน/น้ำมันแก๊สโซฮอล การปรับเพิ่ม/ลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอล ให้พิจารณาปรับเพื่อรักษาระดับส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันเบนซินกับน้ำมันแก๊สโซฮอล เพื่อจูงใจให้มีการใช้พลังงานทดแทน (เอทานอล) มากขึ้น
3. ราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยราคาปิดตลาด ณ วันที่ 4 กัยายน 2555 น้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 113.51 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล น้ำมันเบนซิน 95 อยู่ที่ 125.06 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 134.97 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบดูไบ เบนซิน และดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการประชุมครั้งก่อนเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2555 (ราคาปิดตลาดวันที่ 30 สิงหาคม 2555) 3.26, 0.93 และ 2.51 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ โดยมีโครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 5 กันยายน 2555 ดังนี้
4. ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ ณ วันที่ 2 กันยายน 2555 มีทรัพย์สินรวม 3,745 ล้านบาท หนี้สินรวม 19,900 ล้านบาท โดยกองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิติดลบ 16,155 ล้านบาท
5. จากค่าการตลาดของน้ำมันเบนซินที่อยู่ในระดับสูง เพื่อเพิ่มเสถียรภาพของกองทุนน้ำมันฯ ให้ดีขึ้นฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯของน้ำมันเบนซิน และ แก๊สโซฮอล 0.50 บาท/ลิตร และจากค่าการตลาดน้ำมันดีเซลที่อยู่ในระดับต่ำ จึงขอปรับเพิ่มอัตราเงินชดเชยของน้ำมันดีเซล 0.30 บาท/ลิตร
กองทุนน้ำมันฯ จะมีภาระเพิ่มขึ้นประมาณวันละ 6 ล้านบาท จากติดลบวันละ 120 ล้านบาท เป็นติดลบวันละ 126 ล้านบาท
การพิจารณาของที่ประชุม
1. ปลัดกระทรวงพลังงาน (นายณอคุณ สิทธิพงศ์) ได้มีความเห็นว่า ราคาน้ำมันดีเซลในตลาดโลกในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลง ดังนั้นการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซล เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ควรพิจารณาถึงความเหมาะสมเนื่องจากราคาปิดตลาดโลกของน้ำมันดีเซลในช่วงเย็น
มีแนวโน้มที่จะลดลงอีก หากปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลลง 0.30 บาทต่อลิตร จะทำให้
ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลสูงจนเกินควร จึงเห็นควรให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลลง
0.20 บาทต่อลิตร
2. ประธานฯ ได้มีความเห็นเพิ่มเติมว่า ในช่วงที่ผ่านมาค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำเพียง
0.84 บาทต่อลิตร เนื่องจากราคาน้ำมันดีเซลในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น แต่ในปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซลในตลาดโลกมีแนวโน้มที่ลดลงซึ่งจะส่งผลให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลสูงขึ้นด้วย ดังนั้นการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลลง 0.20 บาทต่อลิตร น่าจะทำให้ค่าการตลาดมีความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
และควรมีการติดตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด และหากเกิดการเปลี่ยนแปลงจนส่งผลกระทบต่อกลไกการตลาดให้นำมาพิจารณาเพื่อความเหมาะสมอีกครั้ง
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2555 เป็นต้นไป