มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 3/2556 (ครั้งที่ 137)
วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 เวลา 16.00 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
1. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
2. หลักเกณฑ์การคำนวณราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการ เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ และราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ข้อ 1.7.3 ดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคและผู้ผลิต และ ข้อ 3.5.3 กำกับราคาพลังงานให้มีความเหมาะสม เป็นธรรมและมุ่งสู่การสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยปรับบทบาทกองทุนน้ำมันฯ ให้เป็นกองทุนสำหรับรักษาเสถียรภาพราคา ส่วนการชดเชยราคานั้นจะดำเนินการอุดหนุนเฉพาะกลุ่ม ส่งเสริมให้มีการใช้ก๊าซธรรมชาติมากขึ้นในภาคขนส่งและส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอลและไบโอดีเซลในภาคครัวเรือน
2. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบหลักเกณฑ์การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และระยะเวลาให้มีความเหมาะสมภายใต้กรอบหลักเกณฑ์การมอบหมาย ดังนี้
2.1 น้ำมันดีเซล การปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคา ขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาสูงขึ้นจนทำให้มีผลกระทบต่อภาคขนส่งและค่าโดยสารเกินสมควรให้ กบง. พิจารณาปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้ตามความเหมาะสม การปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาต่ำจนทำให้ผู้ประกอบการขนส่งและโดยสารสมควรปรับอัตราค่าบริการลงให้ กบง. ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล อยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่กระทบเกินสมควรต่อค่าขนส่งและโดยสาร
2.2 น้ำมันเบนซิน/น้ำมันแก๊สโซฮอล การปรับเพิ่ม/ลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลให้พิจารณาปรับ เพื่อรักษาระดับส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันเบนซินกับน้ำมัน แก๊สโซฮอล เพื่อจูงใจให้มีการใช้พลังงานทดแทน (เอทานอล) มากขึ้น
3. ราคาน้ำมันตลาดโลกได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคาปิดตลาด วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2556 น้ำมันดิบดูไบเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 112.66, 134.63 และ 134.87 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ โดยราคาน้ำมันดิบดูไบ เบนซิน และดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.07, 4.65 และ 3.11 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ จากราคาปิดตลาดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2556 เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลง ผู้ค้าน้ำมันได้มีการปรับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2556 ขึ้น 0.20 บาทต่อลิตร และมีการปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2556 ขึ้น 0.50 บาทต่อลิตร ส่งผลให้โครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556 เป็นดังนี้
4. ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2556 มีทรัพย์สินรวม 4,960 ล้านบาท หนี้สินรวม 20,111 ล้านบาท โดยกองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิติดลบ 15,152 ล้านบาท
5. จากค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลที่อยู่ในระดับต่ำ ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลลง 0.50 บาทต่อลิตร ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ จะมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นประมาณวันละ 28.56 ล้านบาท จากติดลบวันละ 33.10 ล้านบาทเป็นติดลบวันละ 61.66 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล และน้ำมันดีเซล ดังนี้
โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2556 เป็นต้นไป
เรื่องที่ 2 หลักเกณฑ์การคำนวณราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว
สรุปสาระสำคัญ
1. กระทรวงพาณิชย์ได้ออกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2535) ปรับปรุงคุณภาพน้ำมันดีเซลโดยการปรับลดอุณหภูมิการกลั่นน้ำมันดีเซล จาก 370 องศาเซลเซียส เป็น 357 องศาเซลเซียส มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2536 และลดปริมาณกำมะถันจากร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.5 หรือจาก 10000 ppm เป็น 5000 ppm มีผลตั้งแต่ 1 กันยายน 2536 ทำให้การคำนวณโครงสร้างราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นอ้างอิงราคาน้ำมันดีเซลตลาดสิงคโปร์กำมะถัน 5000 ppm บวกค่าปรับคุณภาพน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 0.70 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ต่อมาได้มีการปรับคุณภาพน้ำมันดีเซลจากปริมาณกำมะถัน 5000 ppm เป็น 2500 ppm มีผลตั้งแต่ 1 มกราคม 2539 ทำให้การคำนวณโครงสร้างราคาหน้าโรงกลั่นน้ำมันดีเซลอ้างอิงราคาน้ำมันดีเซลตลาดสิงคโปร์กำมะถัน 5000 ppm บวกค่าปรับคุณภาพน้ำมันดีเซล 0.85 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จากนั้นได้มีการปรับคุณภาพน้ำมันดีเซลจากปริมาณกำมะถัน 2500 ppm เป็น 500 ppm มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2542 และมีการคำนวณโครงสร้างราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นอ้างอิงราคาน้ำมันดีเซลตลาดสิงคโปร์กำมะถัน 5000 ppm บวกค่าปรับคุณภาพน้ำมันดีเซล 1.00 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และต่อมาเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2547 ได้มีการปรับคุณภาพน้ำมันดีเซลจากปริมาณกำมะถัน 500 ppm เป็น 350 ppm โดยมีหลักเกณฑ์การคำนวณราคาหน้าโรงกลั่นน้ำมันดีเซลโดยมีค่าปรับคุณภาพน้ำมัน 1.70 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
2. คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2549 เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการประชุมเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2549 ให้กำหนดมาตรฐานคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศไทย ในอนาคตตามมาตรฐานน้ำมันเชื้อเพลิงยูโร 4 โดยการปรับปรุงจากมาตรฐานคุณภาพน้ำมันที่มีใช้อยู่ในปัจจุบัน และให้กำหนดระยะเวลาในการบังคับใช้มาตรฐานน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่ ปริมาณกำมะถันไม่สูงกว่า 50 ppm ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 เป็นต้นไป และเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2554 คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การคำนวณราคาหน้าโรงกลั่นเพื่อให้สะท้อนต้นทุนการผลิตน้ำมันตามมาตรฐานยูโร 4 ของน้ำมันดีเซล ดังนี้
3. Platts ซึ่งเป็นผู้ประกาศราคาซื้อขายน้ำมันตลาดสิงคโปร์ที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ใช้ในการอ้างอิงราคาในการคำนวณราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นได้แจ้งยกเลิกการประกาศราคาน้ำมันดีเซล กำมะถัน 5000 ppm (0.5%s) ที่ สนพ. ใช้ในการอ้างอิงการคำนวณราคาหน้าโรงกลั่นของน้ำมันดีเซล โดยประกาศใช้ราคาน้ำมันดีเซลกำมะถัน 500 ppm (0.05%s) เป็นตัวฐานในการซื้อขายน้ำมันดีเซลแทน ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2556
4. เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2555 สนพ. ได้ประชุมหารือร่วมกับกรมธุรกิจพลังงาน กลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน และผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 เกี่ยวกับค่าปรับคุณภาพน้ำมันดีเซลที่ใช้ในการคำนวณโครงสร้างราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นของน้ำมันดีเซล โดยที่ประชุมได้มีข้อคิดเห็นดังนี้ (1) ปัจจุบันคุณภาพน้ำมันดีเซลของไทยเป็นมาตรฐานน้ำมัน ยูโร 4 โดย สนพ. ได้คำนวณราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นของน้ำมันดีเซลโดยใช้ค่าปรับคุณภาพน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจากกำมะถัน 5000 ppm เป็นกำมะถัน 350 ppm ที่ 1.70 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และจากน้ำมันดีเซลกำมะถัน 350 ppm เป็นกำมะถัน 50 ppm ที่ 2.20 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล รวมค่าปรับคุณภาพอยู่ที่ 3.90 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล โดยหากเปลี่ยนการอ้างอิงราคาน้ำมันดีเซลตลาดสิงคโปร์เป็นกำมะถัน 500 ppm จะต้องมีต้นทุนค่าปรับคุณภาพและค่าปรับอุณหภูมิการกลั่น เนื่องจากการกลั่นน้ำมันโรงกลั่นของไทยมีอุณหภูมิการกลั่นอยู่ที่ 3570C แต่โรงกลั่นสิงคโปร์มีอุณหภูมิการกลั่นที่ 3700C (2) เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2555 Platts ได้ประมาณการส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันดีเซล กำมะถัน 5000 ppm (0.5%s) กับกำมะถัน 500 ppm ในเดือนมกราคมถึง กุมภาพันธ์ 2556 อยู่ที่ 1.02 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และ (3) การเปรียบเทียบส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลกำมะถัน 5000 ppm กับกำมะถัน 500 ppm ตลาดสิงคโปร์ ในปี 2554 พบว่ามีส่วนต่างราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1.663 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และปี 2555 มีส่วนต่างราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1.954 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
5. กลุ่มโรงกลั่นน้ำมันได้เสนอปรับลดต้นทุนค่าปรับคุณภาพน้ำมันลง 1.00 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งจะทำให้ค่าปรับคุณภาพน้ำมันดีเซลอยู่ที่ประมาณ 2.90 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2555 Platts ได้ประกาศส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันดีเซลกำมะถัน 5000 ppm (0.5%s) กับกำมะถัน 500 ppm ช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2556 อยู่ที่ 1.02 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จะทำให้มีค่าปรับคุณภาพน้ำมันดีเซลอยู่ที่ประมาณ 2.88 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งในระหว่างที่ยังไม่มีข้อสรุปจากการพิจารณาค่าปรับคุณภาพน้ำมันดีเซลจากการอ้างอิงฐานใหม่ สนพ. จึงได้ใช้ค่าปรับคุณภาพน้ำมันดีเซลที่ 2.88 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (จากเดิม 3.90 หักลบด้วย 1.02 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามประกาศของ Platts) เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีมติใหม่
6. เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2556 คณะอนุกรรมการศึกษาหลักเกณฑ์การกำหนดโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง โดยมีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน ได้พิจารณาค่าปรับคุณภาพน้ำมันดังนี้
6.1 ในปี 2555 คุณภาพน้ำมันถูกกำหนดตามมาตรฐานน้ำมันยูโร 4 มีค่ากำมะถันที่ 50 ppm การคำนวณราคาน้ำมันดีเซลหน้าโรงกลั่นที่อ้างอิงราคาน้ำมันดีเซลตลาดสิงคโปร์กำมะถัน 5000 ppm มีค่าปรับคุณภาพน้ำมัน 3.90 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งค่าปรับปรุงคุณภาพประกอบด้วยค่าลดกำมะถันจาก 5000 ppm เป็น 50 ppm 3.20 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และค่าปรับลดอุณหภูมิการกลั่นจาก 3700C เป็น 3570C อีก 0.70 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล การเปลี่ยนการใช้อ้างอิงราคาน้ำมันดีเซลตลาดสิงคโปร์จากกำมะถัน 5000 ppm (0.5%s) เป็นกำมะถัน 500 ppm เมื่อพิจารณาจากค่าปรับคุณภาพที่ผ่านมาพบว่าส่วนต่างค่าปรับคุณภาพน้ำมันดีเซลกำมะถัน 5000 ppm กับกำมะถัน 500 ppm อยู่ที่ 0.30 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ดังนั้นการเปลี่ยนมาใช้การอ้างอิงราคาน้ำมันดีเซลกำมะถัน 500 ppm ค่าใช้จ่ายในการลดกำมะถันจะลดลง 0.30 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จาก 3.20 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เป็น 2.90 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ดังนั้นการอ้างอิงราคาน้ำมันดีเซลตลาดสิงคโปร์กำมะถัน 500 ppm จึงมีค่าลดกำมะถัน 2.90 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และค่าปรับลดอุณหภูมิการกลั่นอีก 0.70 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล รวม 3.60 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
6.2 การเปรียบเทียบราคาอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ระหว่างกำมะถัน 5000 ppm (0.5%s) กับกำมะถัน 500 ppm พบว่ามีส่วนต่างราคาเฉลี่ยปี 2011 อยู่ที่ 1.663 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ปี 2012 อยู่ที่ 1.954 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และปี 2011 – 2012 อยู่ที่ 1.811 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล โดยส่วนต่างราคาที่แตกต่างกัน ถูกกำหนดโดย 2 ปัจจัย คือ ต้นทุนค่าปรับคุณภาพน้ำมันและปริมาณการซื้อขายของน้ำมันดีเซลทั้ง 2 เกรด ณ ช่วงเวลานั้น จึงเห็นว่าการใช้ส่วนต่างราคาดังกล่าวไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้กำหนดเป็นค่าปรับคุณภาพน้ำมัน ในการคำนวณราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นของไทย
6.3 Platts มีประกาศราคาน้ำมันดีเซลกำมะถัน 50 ppm แต่เนื่องจากมันดีเซลกำมะถัน 50 ppm ในตลาดสิงคโปร์มีปริมาณการซื้อขายน้อย มีเฉพาะประเทศไทยและสิงคโปร์ที่ใช้น้ำมันดีเซลคุณภาพกำมะถัน 50 ppm ทำให้ราคาอาจจะมีความผันผวนมากจึงเห็นว่าไม่เหมาะสมที่จะใช้เป็นราคาอ้างอิงในการคำนวณราคาหน้าโรงกลั่นของไทยในขณะนี้
6.4 จากการกำหนดค่าปรับคุณภาพของน้ำมันดีเซลที่ผ่านมา พบว่าการอ้างอิงราคาน้ำมันดีเซลกำมะถัน 5000 ppm เป็น 500 ppm มีค่าใช้จ่ายในการลดกำมะถันลดลงเพียง 0.30 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล แต่ถ้าพิจารณากำหนดค่าปรับคุณภาพน้ำมันดีเซลตามข้อเสนอของกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันที่ให้ค่าปรับคุณภาพน้ำมันดีเซลลดลง 1.00 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันดีเซลกำมะถัน 5000 ppm กับ 500 ppm ที่ Platts มีประกาศที่ 1.02 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ดังนั้น การคำนวณราคาหน้าโรงกลั่นน้ำมันดีเซลที่อ้างอิงราคาน้ำมันดีเซลกำมะถัน 500 ppm ตลาดสิงคโปร์ จึงควรมีค่าปรับลดกำมะถันลงจากเดิม 1.02 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งจะทำให้ค่าปรับคุณภาพน้ำมันอยู่ที่ 2.88 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้น้ำมัน โดยมอบหมายให้ สนพ. นำเสนอ กบง. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบและขอให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2556
7. ฝ่ายเลขานุการฯ จึงเสนอหลักเกณฑ์การคำนวณราคาหน้าโรงกลั่นของน้ำมันดีเซล ดังนี้
ทั้งนี้ มีผลบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2556
มติของที่ประชุม
เห็นชอบหลักเกณฑ์การคำนวณราคาหน้าโรงกลั่นของน้ำมันดีเซล ดังนี้
ทั้งนี้ มีผลบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2556