มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 37/2556 (ครั้งที่ 171)
วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 14.30 น.
ปลัดกระทรวงพลังงาน นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ กรรมการและเป็นประธานที่ประชุม แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ เป็นกรรมการและเลขานุการ
เรื่อง การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการ เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ และราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ข้อ 1.7.3 ดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคและผู้ผลิต และ ข้อ 3.5.3 กำกับราคาพลังงานให้มีความเหมาะสม เป็นธรรมและมุ่งสู่การสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยปรับบทบาทกองทุนน้ำมันฯ ให้เป็นกองทุนสำหรับรักษาเสถียรภาพราคา ส่วนการชดเชยราคานั้นจะดำเนินการอุดหนุนเฉพาะกลุ่ม ส่งเสริมให้มีการใช้ก๊าซธรรมชาติมากขึ้นในภาคขนส่งและส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอลและไบโอดีเซลในภาคครัวเรือน
2. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบหลักเกณฑ์การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และระยะเวลาให้มีความเหมาะสมภายใต้กรอบหลักเกณฑ์การมอบหมาย ดังนี้
2.1 น้ำมันดีเซลการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาสูงขึ้นจนทำให้มีผลกระทบต่อภาคขนส่งและค่าโดยสารเกินสมควรให้ กบง. พิจารณาปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้ตามความเหมาะสม การปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาต่ำจนทำให้ผู้ประกอบการขนส่งและโดยสารสมควรปรับอัตราค่าบริการลงให้ กบง. ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่กระทบเกินสมควรต่อค่าขนส่งและโดยสาร2.2 น้ำมันเบนซิน/น้ำมันแก๊สโซฮอลการปรับเพิ่ม/ลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลให้พิจารณาปรับ เพื่อรักษาระดับส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันเบนซินกับน้ำมันแก๊สโซฮอล เพื่อจูงใจให้มีการใช้พลังงานทดแทน (เอทานอล) มากขึ้น
3. เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2556 กบง. ได้พิจารณาโครงสร้างราคา และค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิง และได้มีมติเห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลลง 0.60 บาทต่อลิตร ผลจากการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลง ส่งผลทำให้โครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 26 พฤศจิกายน 2556 เป็นดังนี้
4. ราคาน้ำมันตลาดโลกปิดตลาด ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2556 น้ำมันดิบดูไบ น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 108.66, 117.19 และ 127.60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ตามลำดับ โดยราคาน้ำมันดิบดูไบ และน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.10 และ 1.94 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ตามลำดับ และน้ำมันเบนซิน 95 ปรับตัวลดลง 0.84 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จากการประชุมครั้งก่อนเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2556 (ราคาปิดตลาดวันที่ 22 พฤศจิกายน 2556) ในส่วนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2556 อยู่ที่ 32.2064 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ อ่อนค่าลง 0.27 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ จากวันที่ 22 พฤศจิกายน 2556 ที่ 31.9402 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ และผู้ค้าน้ำมันไม่มีการปรับราคาขายปลีกตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2556
5. ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2556 กองทุนน้ำมันฯ มีทรัพย์สินรวม 24,255 ล้านบาท หนี้สินรวม 18,895 ล้านบาท โดยกองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิเป็นบวก 5,360 ล้านบาท
6. จากราคาน้ำมันเบนซิน และดีเซลตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นและอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลง มีผลทำให้โครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2556 เป็นดังนี้
จากโครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2556 พบว่าค่าการตลาดน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้นเพื่อให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับที่เหมาะสม ฝ่ายเลขานุการฯ จึงเสนอปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนฯ ของน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 0.60 บาท ผลจากการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ จะทำให้ค่าการตลาดเฉลี่ยกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล อยู่ที่ประมาณ 1.52 บาทต่อลิตร น้ำมันดีเซลอยู่ที่ประมาณ 1.11 บาทต่อลิตร และค่าการตลาดเฉลี่ยทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 1.24 บาทต่อลิตร ทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายจ่ายเพิ่มขึ้นประมาณวันละ 29.79 ล้านบาท จากมีรายจ่ายวันละ 28.73 ล้านบาท เป็นมีรายจ่ายวันละ 58.52 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลลง 0.50 บาทต่อลิตร จาก 0.50 บาทต่อลิตร เป็นส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 0.00 บาทต่อลิตร โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2556 เป็นต้นไป