มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 4/2557 (ครั้งที่ 178)
วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 15.30 น.
ปลัดกระทรวงพลังงาน นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ กรรมการและเป็นประธานที่ประชุม แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ เป็นกรรมการและเลขานุการ
เรื่อง การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. รัฐบาลมีนโยบายในการดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เป็นธรรมสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เป็นผู้พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และระยะเวลาให้มีความเหมาะสม โดยให้คำนึงถึง (1) สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก (2) ภาวะเงินเฟ้อ (3) การส่งเสริมพลังงานทดแทน และ (4) ฐานะกองทุนน้ำมันฯ
2. จากการพิจารณาโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 15 มกราคม 2557 พบว่า ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 1.7046 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าระดับที่เหมาะสม ดังนั้น กบง. ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2557 จึงได้มีมติเห็นชอบให้ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลขึ้น 0.30 บาทต่อลิตร ซึ่งจากการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว ส่งผลทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซล ณ วันที่ 16 มกราคม 2557 อยู่ที่ 1.5603 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกยังคงเดิมอยู่ที่ 29.99 บาทต่อลิตร
จากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ณ วันที่ 30 มกราคม 2557 เมื่อเปรียบเทียบราคาน้ำมันตลาดโลก ณ วันที่ 14 มกราคม 2557 พบว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบ น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.51, 1.05 และ 1.68 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 103.71, 118.27 และ 122.13 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราวันที่ 31 มกราคม 2557 อยู่ที่ 33.1413 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ อ่อนค่าลง 0.10 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ และราคาไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันอยู่ที่ 38.14 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.65 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซล ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557 อยู่ที่ 1.0064 บาทต่อลิตร ซึ่งอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าการตลาดที่เหมาะสม โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อค่าการตลาด จะประกอบด้วย (1) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่อ่อนค่าลง 0.1038 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ค่าการตลาดลดลง 0.0788 บาทต่อลิตร (2) ราคาน้ำมันดีเซล (MOPS) เฉลี่ย 3 วันเพิ่มขึ้น 1.4500 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่งผลให้ค่าการตลาดลดลง 0.2904 บาทต่อลิตร และ (3) การเปลี่ยนแปลงราคา B100 เพิ่มขึ้น 0.6500 บาทต่อลิตร ส่งผลทำให้ค่าการตลาดลดลง 0.0455 บาทต่อลิตร
4. ดังนั้น เพื่อให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับที่เหมาะสม ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอ ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 0.40 บาท ซึ่งผลจากการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว จะทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลอยู่ที่ประมาณ 1.4064 บาทต่อลิตร ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายจ่ายเพิ่มขึ้นประมาณวันละ 22.27 ล้านบาท จากมีรายจ่ายวันละ 109.60 ล้านบาท เป็นมีรายจ่ายวันละ 131.87 ล้านบาท ซึ่งหากพิจารณาฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 พบว่า กองทุนน้ำมันฯ มีทรัพย์สินรวมอยู่ 18,053 ล้านบาท มีหนี้สินรวมอยู่ 21,489 ล้านบาท ทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิเป็นติดลบ 3,436 ล้านบาท และหากนำมารวมกับวงเงินกู้ 30,000 ล้านบาท กองทุนน้ำมันฯ จะมีวงเงินบริหารจัดการรายจ่ายดังกล่าวได้อีกประมาณ 201 วัน กรณีที่อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดไม่เปลี่ยนแปลง
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลลง 0.30 บาทต่อลิตร จากชดเชยที่อัตรา 0.20 บาทต่อลิตร เป็นชดเชยที่อัตรา 0.50 บาทต่อลิตร โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2557 เป็นต้นไป