มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 6/2557 (ครั้งที่ 180)
วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.00 น.
ปลัดกระทรวงพลังงาน นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ กรรมการและเป็นประธานที่ประชุม แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ เป็นกรรมการและเลขานุการ
เรื่อง การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. รัฐบาลมีนโยบายในการดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เป็นธรรมสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เป็นผู้พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และระยะเวลาให้มีความเหมาะสม โดยให้คำนึงถึง (1) สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก (2) ภาวะเงินเฟ้อ (3) การส่งเสริมพลังงานทดแทน และ (4) ฐานะกองทุนน้ำมันฯ
2. จากการพิจารณาโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 6 มีนาคม 2557 พบว่าค่าการตลาดน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 1.8603 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าระดับที่เหมาะสม ดังนั้น กบง. ในการประชุมเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2557 จึงได้มีมติเห็นชอบให้ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลขึ้น 0.40 บาทต่อลิตร ซึ่งจากการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว ราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับลดลง และค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ส่งผลทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซล ณ วันที่ 7 มีนาคม 2557 อยู่ที่ 1.7610 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกยังคงเดิมอยู่ที่ 29.99 บาทต่อลิตร
3. จากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ณ วันที่ 10 มีนาคม 2557 เมื่อเปรียบเทียบราคาน้ำมันตลาดโลก ณ วันที่ 5 มีนาคม 2557 พบว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลง1.15, 0.28 และ 1.60 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 104.20, 121.08 และ 121.85 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราวันที่ 10 มีนาคม 2557 อยู่ที่ 32.5387 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ อ่อนค่าลง 0.0078 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ และราคาไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันอยู่ที่ 37.76 บาทต่อลิตร ลดลง 1.52 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซล ณ วันที่ 11 มีนาคม 2557 อยู่ที่ 1.8532 บาทต่อลิตร ซึ่งอยู่ในระดับสูงกว่าค่าการตลาดที่เหมาะสม โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อค่าการตลาด ประกอบด้วย (1) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่อ่อนค่าลง 0.0078 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ค่าการตลาดลดลง 0.01 บาทต่อลิตร (2) ราคาน้ำมันดีเซล (MOPS) เฉลี่ย 3 วันลดลง 1.7733 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่งผลให้ค่าการตลาดเพิ่มขึ้น 0.29 บาทต่อลิตร และ (3) การเปลี่ยนแปลงราคา B100 ลดลง 1.52 บาทต่อลิตร ส่งผล ทำให้ค่าการตลาดเพิ่มขึ้น 0.11 บาทต่อลิตร นอกจากนี้ยังพบว่าค่าการตลาดของน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E20 ที่ 2.4130 บาทต่อลิตร ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าการตลาดที่เหมาะสม
4. ดังนั้น เพื่อให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลและน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E20 อยู่ในระดับที่เหมาะสม ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลขึ้นลิตรละ 0.40 บาท และน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E20 ขึ้นลิตรละ 0.25 บาท ซึ่งผลจากการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว จะทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลและน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E20 อยู่ที่ประมาณ 1.4532 และ 2.1630 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายจ่ายลดลงประมาณวันละ 23.98 ล้านบาท จากมีรายจ่าย วันละ 37.66 ล้านบาท เป็นมีรายจ่ายวันละ 13.68 ล้านบาท ซึ่งหากพิจารณาฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 9 มีนาคม 2557 พบว่า กองทุนน้ำมันฯ มีทรัพย์สินรวมอยู่ 12,339 ล้านบาท มีหนี้สินรวมอยู่ 19,744 ล้านบาท ทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิเป็นติดลบ 7,405 ล้านบาท และหากนำมารวมกับวงเงินกู้ 30,000 ล้านบาท กองทุนน้ำมันฯ จะมีวงเงินบริหารจัดการรายจ่ายดังกล่าวได้อีกประมาณ 1,651 วัน กรณีที่อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดไม่เปลี่ยนแปลง
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลขึ้น 0.40 บาทต่อลิตร จากชดเชยที่อัตรา 0.10 บาทต่อลิตร เป็นส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่อัตรา 0.30 บาทต่อลิตร และ ให้ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E20 ขึ้น 0.25 บาทต่อลิตร จากชดเชยที่อัตรา 1.30 บาทต่อลิตร เป็นชดเชยที่อัตรา 1.05 บาทต่อลิตร โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2557 เป็นต้นไป