มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 11/2557 (ครั้งที่ 185)
วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม 2557 เวลา 15.30 น.
ปลัดกระทรวงพลังงาน นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ กรรมการและเป็นประธานที่ประชุม แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน นายสุชาลี สุมามาลย์ เป็นกรรมการและเลขานุการ(แทน)
เรื่อง การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. รัฐบาลมีนโยบายในการดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเป็นธรรมสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เป็นผู้พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และระยะเวลาให้มีความเหมาะสม โดยให้คำนึงถึง (1) สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก (2) ภาวะเงินเฟ้อ (3) การส่งเสริมพลังงานทดแทน และ (4) ฐานะกองทุนน้ำมันฯ
2. จากการพิจารณาโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2557 พบว่าค่าการตลาด ของน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 1.8856 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าระดับที่เหมาะสม ดังนั้น กบง. ในการประชุมเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2557 จึงได้มีมติเห็นชอบให้ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลขึ้น 0.45 บาทต่อลิตร ซึ่งจากการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว ราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้น และอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลง ส่งผลทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซล ณ วันที่ 12 พฤษภาคม 2557 อยู่ที่ 1.2412 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ในส่วนของน้ำมันเบนซินและกลุ่มของน้ำมันแก๊สโซฮอล เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2557 ผู้ค้าน้ำมันได้ปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลทุกชนิดลง 0.30 และ 0.40 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ยกเว้นน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ปรับลดลง 0.20 บาทต่อลิตร
3. จากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ณ วันที่ 14 พฤษภาคม 2557 เมื่อเปรียบเทียบราคาน้ำมันตลาดโลก ณ วันที่ 7 พฤษภาคม 2557 พบว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.79 4.90 และ 0.88 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 105.70 121.74 และ 122.51 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ตามลำดับ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราวันที่ 14 พฤษภาคม 2557 อยู่ที่ 32.6430 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ อ่อนค่าลง 0.1267 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ และราคาไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันอยู่ที่ 31.94 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.35 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซล ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2557 อยู่ที่ 1.1007 บาทต่อลิตร ซึ่งอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าการตลาดที่เหมาะสม โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อค่าการตลาด ประกอบด้วย (1) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่อ่อนค่าลง 0.1267 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ค่าการตลาดลดลง 0.10 บาทต่อลิตร (2) ราคาน้ำมันดีเซล (MOPS) เฉลี่ย 3 วันเพิ่มขึ้น 0.3667 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่งผลให้ ค่าการตลาดลดลง 0.05 บาทต่อลิตร (3) การเปลี่ยนแปลงราคา B100 เพิ่มขึ้น 0.3500 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ค่าการตลาดลดลง 0.01 บาทต่อลิตร (4) สัดส่วนการผสมน้ำมันดีเซลลดลงร้อยละ 2.5 ส่งผลให้ค่าการตลาดเพิ่มขึ้น 0.63 บาทต่อลิตร และ (5) สัดส่วนการผสม B100 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 ส่งผลให้ค่าการตลาดลดลง 0.80 บาทต่อลิตร
4. ดังนั้นต้นทุนน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นดังกล่าว เกิดจากอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลงและต้นทุน B100 ที่เพิ่มขึ้น เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลปรับลดลง เพื่อรักษาค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม 1.50 บาทต่อลิตร ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 0.30 บาท ซึ่งผลจากการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว จะทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลอยู่ที่ประมาณ 1.4007 บาทต่อลิตร ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายจ่ายเพิ่มขึ้นประมาณวันละ 17.71 ล้านบาท จากมีรายรับวันละ 2.84 ล้านบาท เป็นมีรายจ่ายวันละ 14.86 ล้านบาท ทั้งนี้ ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 11 พฤษภาคม 2557 มีทรัพย์สินรวม 9,342 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 16,797 ล้านบาท กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิเป็นติดลบ 7,455 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลลง 0.30 บาทต่อลิตร จาก 0.55 บาทต่อลิตร เป็นเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่อัตรา 0.25 บาทต่อลิตร โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นไป