มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 2/2552 (ครั้งที่ 39)
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2552 เวลา 13.30 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด - นิธิพัฒน์ อาคาร 7 ชั้น 11 กระทรวงพลังงาน
1. นโยบาย 6 มาตรการ 6 เดือน : มาตรการด้านภาษีสรรพสามิตน้ำมัน
2. การกำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่นสำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอล E85
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน(นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล) กรรมการและเลขานุการ
ประธานฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กระทรวงการคลังพิจารณาการเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงกลับสู่ระดับเดิม ซึ่งจากมติดังกล่าว คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานสามารถพิจารณาโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่ได้ เพื่อเตรียมนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติต่อไป
เรื่องที่ 1 นโยบาย 6 มาตรการ 6 เดือน : มาตรการด้านภาษีสรรพสามิตน้ำมัน
สรุปสาระสำคัญ
1. คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2552 ได้มีมติเห็นชอบ เรื่องนโยบาย 6 มาตรการ 6 เดือน : มาตรการด้านภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ดังนี้ (1) เห็นชอบในหลักการให้ใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันที่จะสูงขึ้นจากการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 โดยการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ราคาน้ำมันขายปลีกทยอยเพิ่มขึ้นในระดับและในช่วงเวลาที่เหมาะสม และมิให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้บริโภค (2) มอบหมายให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) รับไปพิจารณาดำเนินการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ให้เป็นไปตามหลักการในข้อ (1) และ (3) มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน รับไปดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 2/2551 เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้สามารถดำเนินการตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือ ณ คลังน้ำมันและสถานีบริการ ได้ทุกครั้งที่มีการปรับราคาใหม่ ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันก่อนที่ประกาศราคาขายปลีกใหม่บังคับใช้ และเรียกเก็บเงินส่วนเกินของปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือจากผู้ประกอบการคลังน้ำมันและสถานีบริการและนำส่งกองทุนน้ำมันฯ ทั้งนี้ให้สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติในข้อ (1)
2. เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2552 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเรื่องอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิง โดยให้ปรับอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซิน 95, 91 เพิ่มขึ้น 1.32 บาท/ลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล 95, 91 เพิ่มขึ้น 4.48 บาท/ลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E20, E85, น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B2, B5 เพิ่มขึ้น 3.98, 0.73, 3.30 และ 2.10 บาท/ลิตร ตามลำดับ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งจะทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 95, 91 เพิ่มขึ้น 1.55 บาท/ลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล 95, 91 เพิ่มขึ้น 5.28 บาท/ลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E20 เพิ่มขึ้น 4.69 บาท/ลิตร และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B2, B5 เพิ่มขึ้น 3.88, 2.47 บาท/ลิตร ตามลำดับ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนในการขึ้นราคาขายปลีกครั้งเดียว ต่อมาเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2552 กพช. ได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้ใช้กองทุนน้ำมันฯ บรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันที่จะสูงขึ้นจากการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 โดยการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ราคาน้ำมันขายปลีกทยอยเพิ่มขึ้นในระดับและในช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่ง ณ วันที่ 23 มกราคม 2552 กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิ 15,181 ล้านบาท (ยังไม่รวมหนี้ ปตท. ในการนำเข้า LPG อีก 7,948 ล้านบาท) มีเงินไหลเข้ากองทุนน้ำมันฯ ประมาณ 3,438 ล้านบาท/เดือน
3. ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จะประกาศลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ราคาขายปลีกเพิ่มขึ้นประมาณ 1 บาท/ลิตร หลังจากนั้นจะทยอยปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ อีกประมาณ 3 ครั้งๆ ละประมาณ 1 บาท/ลิตร เพื่อให้อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ กลับไปอยู่ในอัตราเดิม ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2 เดือน และจากการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตของน้ำมันแก๊สโซฮอล ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 91 ต่ำกว่าน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 ซึ่งทำให้ไม่ส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล จึงจำเป็นต้องปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซิน 91 ขึ้นจาก 4.00 บาท/ลิตร ด้วย ทั้งนี้ ในการดำเนินการดังกล่าวข้างต้น คาดว่าจะใช้เงินจากกองทุนน้ำมันฯ ประมาณ 4,311 ล้านบาท
4. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้มีข้อเสนอ ดังนี้ (1) ขอความเห็นชอบในหลักการให้ใช้กองทุนน้ำมันฯ บรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันที่จะสูงขึ้นจากการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน โดยการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ อัตราหนึ่งในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 และหลังจากนั้นทยอยปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ อีกประมาณ 3 ครั้งๆ ละประมาณ 1 บาท/ลิตร รวมเป็น 4 ครั้ง เพื่อให้อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ กลับไปอยู่ในอัตราเดิม ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2 เดือน (2) ขอความเห็นชอบปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซิน 91 เพื่อรักษาส่วนต่างราคาขายปลีกระหว่างน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอล ในการส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล และ (3) เพื่อความคล่องตัวและทันเหตุการณ์ในการรักษาเสถียรภาพของกองทุนน้ำมันฯ จึงขอความเห็นชอบในหลักการและมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธาน กบง. เป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบหรืออนุมัติแทน กบง. ในการเปลี่ยนแปลงอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ให้สอดคล้องกับแนวทางในข้อ 4 (1) แล้วรายงานให้ กบง. ทราบในภายหลัง ทั้งนี้ มอบหมายให้ สนพ. รับไปดำเนินการต่อไป
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบในหลักการให้ใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันที่จะสูงขึ้นจากการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน โดยการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอัตราหนึ่ง ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 และหลังจากนั้นให้ทยอยปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ประมาณ 1.00 -1.50 บาท/ลิตร เพื่อให้อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกลับไปอยู่ในอัตราเดิม โดยอาจจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2 เดือน
2. เห็นชอบให้ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันเบนซิน 91 เพื่อรักษาส่วนต่างราคาขายปลีกระหว่างน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอล ในการส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล ภายหลังจากอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกลับไปอยู่ในอัตราเดิม
3. เพื่อให้มีความคล่องตัวและทันเหตุการณ์ในการรักษาเสถียรภาพของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เห็นชอบในหลักการที่มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบหรืออนุมัติแทนคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน ในการเปลี่ยนแปลงอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ให้สอดคล้องกับแนวทางในข้อ 1 แล้วรายงานให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานทราบภายหลัง
ทั้งนี้ มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการต่อไป
เรื่องที่ 2 การกำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่นสำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอล E85
สรุปสาระสำคัญ
1. กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ได้ออกประกาศ เรื่อง กำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันแก๊สโซฮอล พ.ศ. 2551 โดยกำหนดให้น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 คือน้ำมันแก๊สโซฮอลที่ได้จากการผสมน้ำมันเบนซินพื้นฐานกับเอทานอลแปลงสภาพในสัดส่วน 15 ต่อ 85 โดยปริมาตร มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2551 ต่อมากระทรวงการคลังได้ออกประกาศเรื่อง ลดอัตราและยกเว้นภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 73) โดยกำหนดให้น้ำมันแก๊สโซฮอลที่มีเอทานอลผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 9 กำหนดให้เสียภาษีสรรพสามิตในอัตรา 3.3165 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2547 - 24 กรกฎาคม 2551
2. เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2551 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเรื่อง 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำมันแพง โดยลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2551 - 31 มกราคม 2552 ซึ่งส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล ดีเซลหมุนเร็วและดีเซลหมุนเร็ว B5 ลดลง 3.30, 2.30 และ 2.10 บาท/ลิตร และหลังวันที่ 31 มกราคม 2552 การคำนวณภาษีสรรพสามิตน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 จะเป็นไปตามอัตราส่วนผสมของน้ำมันเบนซิน
3. กระทรวงการคลัง ได้ออกประกาศเรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 82) โดยกำหนดให้น้ำมันแก๊สโซฮอลที่มีเอทานอลผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 9 กำหนดให้เสียภาษีสรรพสามิตในอัตรา 0.0165 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2551 - 31 มกราคม 2552 และตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 เป็นต้นไป กำหนดให้เสียภาษีสรรพสามิตในอัตรา 3.3165 บาท/ลิตร ต่อมาเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2551 กพช. ได้มีมติเห็นชอบการส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 เป็นวาระแห่งชาติ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เกิดผลทางปฏิบัติในระยะเวลาที่กำหนดตามแผนปฏิบัติการการส่งเสริมการใช้ E85 ครบวงจร โดยให้กระทรวงพลังงานเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินงานและประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
4. ในส่วนของการกำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่นสำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจาก กบง. เพื่อมอบหมายให้ สนพ. รับไปดำเนินการออกประกาศ กบง. เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้มีข้อเสนอ ดังนี้
หลักเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่นสำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอล E85
ราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 = 15% ของราคา ณ โรงกลั่นเบนซินออกเทน 95 + 85% ของราคาเอทานอล |
โดยที่ ราคาเอทานอล อ้างอิงจากประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบให้กำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่นสำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ดังนี้
ราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 = 15% ของราคา ณ โรงกลั่นเบนซินออกเทน 95 + 85% ของราคาเอทานอล |
โดยที่ ราคาเอทานอล อ้างอิงจากประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
2. เห็นชอบในหลักการให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อเป็นกลไกในการรักษาระดับค่าการตลาดของน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ให้ไม่ต่ำกว่าค่าการตลาดน้ำมันแก๊สโซฮอล E10 ประมาณ 1.20 บาท/ลิตร
3. เห็นชอบในหลักการให้ราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ต่ำกว่าราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล E10 ประมาณร้อยละ 30
ทั้งนี้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป