มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 4/2552 (ครั้งที่ 41)
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 เวลา 16.30 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด - นิธิพัฒน์ อาคาร 7 ชั้น 11 กระทรวงพลังงาน
2. การขอรับเงินสนับสนุนโครงการตรวจสอบปริมาณน้ำมันคงเหลือจากการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิต
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล) กรรมการและเลขานุการ
ประธานฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าการนัดประชุมในครั้งนี้ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องพิจารณาเกี่ยวกับการปรับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงตามมาตรการภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นวาระเร่งด่วน
สรุปสาระสำคัญ
1. เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2552 คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้มีมติเห็นชอบ เรื่องนโยบาย 6 มาตรการ 6 เดือน : มาตรการด้านภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ดังนี้ 1) เห็นชอบในหลักการให้ใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง บรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมัน ที่จะสูงขึ้นจากการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 โดยการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ราคาน้ำมันขายปลีกทยอยเพิ่มขึ้นในระดับและในช่วงเวลาที่เหมาะสม และมิให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้บริโภค และ 2) มอบหมายให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) รับไปพิจารณาดำเนินการปรับลดอัตราเงิน ส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ให้เป็นไปตามหลักการในข้อ 1)
2. กบง. ในการประชุมเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2552 ได้มีมติเห็นชอบเรื่อง นโยบาย 6 มาตรการ 6 เดือน : มาตรการด้านภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ดังนี้ 1) เห็นชอบในหลักการให้ใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันที่จะสูงขึ้นจากการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน โดยการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ อัตราหนึ่ง ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 และหลังจากนั้นให้ทยอยปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ประมาณ 1.00 -1.50 บาท/ลิตร เพื่อให้อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ กลับไปอยู่ในอัตราเดิม โดยอาจจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2 เดือน 2) เห็นชอบให้ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซิน 91 เพื่อรักษาส่วนต่างราคาขายปลีก ระหว่างน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอล ในการส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล ภายหลังจากอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ กลับไปอยู่ในอัตราเดิม และ 3) เพื่อให้มีความคล่องตัวและทันเหตุการณ์ในการรักษาเสถียรภาพของกองทุนน้ำมันฯ เห็นชอบในหลักการที่มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธาน กบง. เป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบหรืออนุมัติแทน กบง. ในการเปลี่ยนแปลงอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ให้สอดคล้องกับแนวทางใน ข้อ 1) แล้วรายงานให้ กบง. ทราบภายหลัง ทั้งนี้ มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) รับไปดำเนินการต่อไป
3. เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 ได้มีการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตน้ำมัน และได้ใช้กองทุนน้ำมันฯ เข้าไปรับภาระบางส่วน เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันเพิ่มขึ้นเพียง 1.55 บาท/ลิตร ต่อมาเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2552 ผู้ค้าน้ำมันได้ปรับเพิ่มราคาขายปลีกเบนซิน 95 และ 91 0.80 บาท/ลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอลทุกชนิดเพิ่มขึ้น 0.60 บาท/ลิตร และปรับลดดีเซลหมุนเร็ว B2 และ B5 0.50 บาท/ลิตร เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552 กบง. ได้มีมติให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล 95, น้ำมันแก๊สโซฮอล 91, น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E20, น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E85 ,ดีเซลหมุนเร็ว B2 และดีเซลหมุนเร็ว B5 เพิ่มขึ้น 0.60 บาท/ลิตร ทำให้ราคาขายปลีกเพิ่ม 0.60 บาท/ลิตร ต่อมาวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2552 ผู้ค้าน้ำมันปรับลดราคาดีเซล 0.40 บาท/ลิตร และวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2552 ปรับเพิ่มราคาเบนซิน 91 และน้ำมันแก๊สโซฮอล 0.80 บาท/ลิตร
4. เนื่องจากในช่วงวันที่ 13 - 18 กุมภาพันธ์ 2552 ราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ได้ปรับตัวลดลง โดยน้ำมันเบนซิน 95 ลดลงประมาณ 9 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และดีเซลลดลงประมาณ 2.5 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ส่งผลให้ค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมันในปัจจุบันอยู่ในระดับสูง จึงสามารถปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมัน จึงเห็นควรปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2552 เพื่อลดภาระการชดเชยจากการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตของน้ำมันแก๊สโซฮอลและดีเซลหมุนเร็ว B2 อีก 0.80 บาท/ลิตร และดีเซลหมุนเร็ว B5 อีก 0.26 บาท/ลิตร ซึ่งจะทำให้อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ค่าการตลาดและราคาขายปลีกเป็นดังนี้
โครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงหลังปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ
เปรียบเทียบอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมัน ค่าการตลาด และราคาขายปลีก
ภาระที่เหลือของกองทุนน้ำมันฯ
5. ในช่วงวันที่ 1-12 กุมภาพันธ์ 2552 กองทุนน้ำมันฯ ได้เข้ามาพยุงการขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิง ครั้งที่ 1 ทำให้ราคาขายปลีกปรับเพิ่มขึ้นเพียง 1.55 บาท/ลิตร คิดเป็นเงิน 1,498 ล้านบาท (หรือ 125 ล้านบาท/วัน ) ต่อมาในช่วงวันที่ 13-19 กุมภาพันธ์ 2552 หลังการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ครั้งที่ 2 ของน้ำมันแก๊สโซฮอลและน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 0.60 บาท/ลิตร ทำให้ราคาขายปลีกเพิ่ม 0.60 บาท/ลิตร ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ ลดภาระลงเหลือ 89 ล้านบาท/วัน และเมื่อปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ครั้งนี้จะส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ ลดภาระลงเหลือ 50 ล้านบาท/วัน
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันแก๊สโซฮอล 95, น้ำมันแก๊สโซฮอล 91,น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E20, น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E85 และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B2 เพิ่มขึ้น 0.80 บาท/ลิตร และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 เพิ่มขึ้น 0.26 บาท/ลิตร ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2552 เพื่อลดภาระการชดเชยจากการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ทั้งนี้ จะไม่ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงเปลี่ยนแปลง
เรื่องที่ 2 การขอรับเงินสนับสนุนโครงการตรวจสอบปริมาณน้ำมันคงเหลือจากการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิต
สรุปสาระสำคัญ
1. กบง. ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2552 ได้มีมติอนุมัติเงินสนับสนุนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง งบค่าใช้จ่ายอื่น ปีงบประมาณ 2552 ให้กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตรวจสอบปริมาณน้ำมันคงเหลือ จากการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตกลับมาอยู่ในอัตราเดิมเมื่อสิ้นสุด 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน ในวงเงินครั้งละ 5,114,100 บาท โดยเห็นชอบให้ ธพ. เบิกค่าใช้จ่ายจากกองทุนน้ำมันฯ เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานได้ไม่เกิน 3 ครั้ง หากจำเป็นต้องตรวจสอบปริมาณน้ำมันคงเหลือดังกล่าวเกิน 3 ครั้ง ให้นำเรื่องเสนอ กบง. เพื่อขอความเห็นชอบต่อไป
2. ธพ. ได้ดำเนินการตรวจสอบปริมาณน้ำมันคงเหลือไปแล้วจำนวน 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2552 และวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2552 และคาดว่าจะต้องดำเนินการตรวจสอบอีกประมาณ 3 ครั้ง โดยในการดำเนินการตรวจสอบฯ ที่ผ่านมาได้มีเจ้าหน้าที่ที่ออกปฏิบัติงานทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทักท้วงเรื่องค่าตอบแทนในการปฏิบัติงาน เดิมเหมาจ่ายเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงและพาหนะคนละ 300 บาท ว่าสามารถใช้ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ พ.ศ.2550 ซึ่งเบิกเป็นเงินค่าตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาได้ชั่วโมงละ 60 บาท ไม่เกินวันละ 7 ชั่วโมง เป็นเงิน 420 บาท จึงเห็นควรปรับค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้เป็นไปตามระเบียบข้างต้น โดย ขอความเห็นชอบอนุมัติเงินค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือจากกองทุนน้ำมันฯ นับแต่การตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือในครั้งต่อไป และให้เบิกค่าใช้จ่ายจากกองทุนน้ำมันฯ ได้ตามจำนวนครั้งที่มีการปฏิบัติงานตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือที่เกิดขึ้นจริง จำนวนครั้งละ 5,676,300 บาท
มติของที่ประชุม
อนุมัติเงินสนับสนุนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง งบค่าใช้จ่ายอื่น ปีงบประมาณ 2552 ให้กรมธุรกิจพลังงาน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือ จากการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตกลับมาอยู่ในระดับเดิมเมื่อสิ้นสุด 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน ในวงเงินครั้งละ 5,676,300 บาท (ห้าล้านหกแสนเจ็ดหมื่นหกพันสามร้อยบาทถ้วน) โดยให้เบิกค่าใช้จ่ายจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้ตามจำนวนครั้งที่มีการปฏิบัติงานตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือที่เกิดขึ้นจริง โดยให้มีผลนับแต่มีการตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือเกิดขึ้นในครั้งต่อไป
ทั้งนี้ ให้ปรับปรุงค่าตอบแทนในการปฏิบัติงานจากเดิม แบบเหมาจ่ายที่เป็นค่าเบี้ยเลี้ยงและพาหนะคนละ 300 บาท เป็นค่าตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาแบบเหมาจ่าย คนละ 420 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ พ.ศ. 2550