มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 3/2553 (ครั้งที่ 54)
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2553 เวลา 9.30 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด - นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. การทบทวนหลักเกณฑ์การกำหนดราคาไบโอดีเซล (B100)
2. การใช้น้ำมันไบโอดีเซล B3 เป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา
3. เกณฑ์ประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ประจำปีบัญชี 2553
5. สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล) กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 การทบทวนหลักเกณฑ์การกำหนดราคาไบโอดีเซล (B100)
สรุปสาระสำคัญ
1. คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2550 และวันที่ 24 มกราคม 2551 เห็นชอบหลักเกณฑ์การกำหนดราคาไบโอดีเซล (B100) ดังนี้
โดยที่
B100 คือ ราคาขายไบโอดีเซล (B100) ในกรุงเทพมหานคร หน่วย บาท/ลิตร
CPO คือ ราคาขายน้ำมันปาล์มดิบในเขตกรุงเทพมหานคร หน่วย บาท/กิโลกรัม
MtOH คือ ราคาขายเมทานอลในกรุงเทพมหานคร หน่วย บาท/กิโลกรัม
2. เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2553 คณะอนุกรรมการศึกษาหลักเกณฑ์การกำหนดโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงได้มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การกำหนดราคาไบโอดีเซล (B100) ที่สะท้อนถึงต้นทุนที่แท้จริงในอุตสาหกรรมไบโอดีเซลซึ่งคำนึงถึงวัตถุดิบหลักในการผลิตไบโอดีเซล 3 ชนิด คือ น้ำมันปาล์มดิบ น้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์และสเตียรีน และให้นำเสนอ กบง. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
3. ปัจจุบันมีผู้ผลิตไบโอดีเซลที่ได้รับความเห็นชอบการจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายไบโอดีเซลจากกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) จำนวน 14 ราย กำลังการผลิต 5.90 ล้านลิตร/วัน วัตถุดิบที่ใช้ผลิตไบโอดีเซล ปี 2552 แบ่งเป็น น้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ร้อยละ 22.93 น้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ (RBD) ร้อยละ 40.53 ไขปาล์ม (สเตียรีน) ร้อยละ 36.21 และ น้ำมันพืชใช้แล้ว ร้อยละ 0.33
4. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ดำเนินการศึกษาหลักเกณฑ์การกำหนดราคาไบโอดีเซล โดยมีสมมติฐานดังนี้
ต้นทุน | CPO | สเตียรีน | หน่วย |
1. เงินลงทุน | 384 | 142 | ล้านบาท |
2. กำลังผลิตติดตั้ง | 300,000 | 250,000 | ลิตร/วัน |
3. อัตราคิดลด | 6.5 | 6.5 | ร้อยละ |
4. ประสิทธิภาพการผลิต | 80 | 80 | ร้อยละ |
5. อายุโครงการ | 15 | 15 | ปี |
6. ค่าซ่อมบำรุง | 5 | 5 | ร้อยละของเงินลงทุน |
7. ค่าประกันภัย | 2 | 2 | ร้อยละของเงินลงทุน |
หมายเหตุ :
ข้อ 1, 2 ใช้ข้อมูลในขั้นตอนการขอรับการส่งเสริมจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
ข้อ 3 - 6 เป็นหลักเกณฑ์ทั่วไปในการพิจารณาโครงการ
จากสมมติฐานข้างต้นจะได้ต้นทุนไบโอดีเซลต่อหน่วย ดังนี้
ต้นทุน (หน่วย: บาท/ลิตร) | CPO | สเตียรีน | RBD |
1. Total Initial Investment Cost (ค่าลงทุนเบื้องต้น : ค่าเครื่องจักร ค่าที่ดิน ค่าระบบบำบัด ค่าใช้จ่ายและเงินทุนแรกเริ่ม) |
0.46 | 0.21 | 0.21 |
2. Chemicals and Process Water (ค่าสารเคมีและน้ำดิบ) |
0.87 | 0.51 | 0.51 |
3. Utilities (ค่าพลังงาน/สาธารณูปโภค) | 1.16 | 0.91 | 0.91 |
4. Maintenances (ค่าซ่อมบำรุง) | 0.05 | 0.02 | 0.02 |
5. Insurances (ค่าประกันภัย) | 0.02 | 0.01 | 0.01 |
6. Labor (ค่าแรงทางตรง) | 0.40 | 0.38 | 0.38 |
7. Sales, General & Administrative Expenses (ค่าบริหารจัดการ) |
0.49 | 0.49 | 0.49 |
B100 Production Cost (ต้นทุนการผลิต) | 3.46 | 2.52 | 2.52 |
0.36 | 0.165 | 0.165 | |
ราคาไบโอดีเซล | 3.82 | 2.69 | 2.69 |
หมายเหตุ :
1. IRR = 12.5 %
2. เนื่องจากไม่มีต้นทุนไบโอดีเซลจากวัตถุดิบ RBD เพื่อให้ได้ต้นทุนการผลิต การศึกษาครั้งนี้จึงได้เทียบเคียงต้นทุน RBD จากสเตียรีนเพราะมีกระบวนการผลิตแบบเดียวกัน
5. จากการศึกษาหลักเกณฑ์การกำหนดราคาไบโอดีเซล โดยใช้ระบบการคำนวณต้นทุนการผลิต (Cost Plus) ตามข้อสมมติฐานข้างต้น ทำให้ได้ผลการศึกษาการกำหนดราคาไบโอดีเซลตามวัตถุดิบในการผลิต ดังนี้
5.1 ราคาไบโอดีเซลที่ผลิตจากน้ำมันปาล์มดิบ (CPO)
5.2 ราคาไบโอดีเซลที่ผลิตจากสเตียรีน
5.3 ราคาไบโอดีเซลที่ผลิตจากน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ (RBD)
โดยที่
6. เพื่อให้หลักเกณฑ์การกำหนดราคาไบโอดีเซล (B100) สะท้อนถึงต้นทุนที่แท้จริงในอุตสาหกรรม
ไบโอดีเซลซึ่งคำนึงถึงวัตถุดิบหลักในการผลิตไบโอดีเซล 3 ชนิด คือ น้ำมันปาล์มดิบ น้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์และ
สเตียรีน ฝ่ายเลขานุการฯ จึงเสนอหลักเกณฑ์ ดังนี้
โดยที่
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบหลักเกณฑ์การกำหนดราคาไบโอดีเซล (B100) ที่สะท้อนถึงต้นทุนที่แท้จริงในอุตสาหกรรมไบโอดีเซลซึ่งคำนึงถึงวัตถุดิบหลักในการผลิตไบโอดีเซล 3 ชนิด คือ น้ำมันปาล์มดิบ น้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์และสเตียรีน ดังนี้
โดยที่
ราคาไบโอดีเซลที่ผลิตจากน้ำมันปาล์มดิบ (CPO)
โดยที่
ราคาไบโอดีเซลที่ผลิตจากสเตียรีน
โดยที่
ราคาไบโอดีเซลที่ผลิตจากน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ (RBD)
โดยที่
2. มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการ บริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
เรื่องที่ 2 การใช้น้ำมันไบโอดีเซล B3 เป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา
สรุปสาระสำคัญ
1. เพื่อส่งเสริมให้มีการใช้ไบโอดีเซลเพิ่มมากขึ้นและเป็นไปตามแผนปฏิบัติการการพัฒนาและส่งเสริมไบโอดีเซลตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2552 กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมการค้าภายใน ,สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, ธพ., สนพ. และผู้ผลิตไบโอดีเซล ว่าในปี 2553 จะมีน้ำมันปาล์มดิบเพียงพอต่อการใช้บริโภค อุตสาหกรรมพลังงาน และการส่งออก ต่อมาเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2553 พพ. ได้ทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงพลังงาน เพื่อพิจารณาบังคับใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (B3) เป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา และให้มีน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 เป็นทางเลือก เนื่องจากผลผลิตปาล์มน้ำมันที่ใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตไบโอดีเซล (B100) มีปริมาณเพียงพอสามารถปรับอัตราส่วนผสมจากดีเซลหมุนเร็ว (B2) เป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (B3) ได้
2. ในเดือนมีนาคม 2553 มีผู้ผลิตไบโอดีเซลที่ได้คุณภาพตามประกาศของ ธพ. 14 ราย โดยมีกำลังการผลิตรวม 5.95 ล้านลิตร/วัน ปริมาณความต้องการไบโอดีเซลอยู่ที่ 1.72 ล้านลิตร/วัน ราคาไบโอดีเซลเดือนเมษายน อยู่ที่ 30.02 บาท/ลิตร มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (B2) และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 จำนวน 32.44 และ 21.46 ล้านลิตร/วัน ตามลำดับ โดยมีสถานีบริการน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 รวม 3,721 แห่ง
3. ปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ ชดเชยน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 เท่ากับ 0.80 บาท/ลิตร และเก็บเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (B2) 0.85 บาท/ลิตร ซึ่งทำให้ราคาขายปลีกดีเซลหมุนเร็ว B5 ต่ำกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (B2) 1.20 บาท/ลิตร
4. เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2552 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบกรอบแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี (พ.ศ. 2551 - 2565) กำหนดเป้าหมายการใช้ไบโอดีเซลเพื่อทดแทนน้ำมันดีเซล โดยให้มีการใช้ไบโอดีเซลเป็นส่วนผสมในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ภายในปี 2554 ทั้งนี้ในช่วงระยะก่อนที่จะมีการบังคับใช้ จำเป็นต้องมีการเตรียมพร้อมเพื่อรองรับโครงสร้างราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 เพียงเกรดเดียว เนื่องจากปัจจุบันน้ำมันดีเซลหมุนเร็วมี 2 ชนิด ได้แก่ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (B2) และ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 ซึ่งมีโครงสร้างราคาที่แตกต่างกัน ดังตารางต่อไปนี้
โครงสร้างราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว วันที่ 21 เมษายน 2553
ดังนั้นเพื่อให้มีการจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี กระทรวงพลังงานจึงเสนอแนวทางการดำเนินการ ดังนี้
4.1 เนื่องจากผลผลิตปาล์มน้ำมันที่ใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตไบโอดีเซล (B100) มีปริมาณเพียงพอสามารถปรับอัตราส่วนผสมจากดีเซลหมุนเร็ว (B2) เป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (B3) ได้ กระทรวงพลังงานจึงขอเสนอให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วต้องมีส่วนผสมของไบโอดีเซลร้อยละ 3 โดยมีผลบังคับใช้ภายใน 45 วัน หลังจาก กบง.มีมติเห็นชอบ
4.2 เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการบังคับใช้ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 ภายในปี 2554 จะต้องมีการติดตามและประเมินอีกครั้งว่าจะมีผลผลิตปาล์มน้ำมันเพียงพอหรือไม่ ในช่วงปลายปี 2553 และในช่วงก่อนการบังคับใช้ จำเป็นต้องดูแลราคาน้ำมันดีเซลให้มีความเหมาะสม โดยจะต้องมีการปรับลดอัตราเงินชดเชยและลดการเก็บเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ ส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (B3) กับ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 ลดลง ทั้งนี้ในขั้นแรกจะปรับส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (B3) กับ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 ลดลง 0.30 บาท/ลิตร จากเดิม 1.20 บาท/ลิตร เป็น 0.90 บาท/ลิตร และลดส่วนต่างของค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (B2) กับน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 จากระดับ 0.30 บาท/ลิตร เหลือ 0.20 บาท/ลิตร โดยลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดีเซลหมุนเร็ว (B2) ลง 0.20 บาท/ลิตร และลดอัตราเงินชดเชยน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 ลง 0.30 บาท/ลิตร ซึ่งจะทำให้ราคาขายปลีกของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (B3) ลดลง 0.30 บาท/ลิตร ในขณะที่ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 คงที่ หลังจากนั้นจะพิจารณาปรับลดอัตราการชดเชยและการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ตามความเหมาะสม ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวจะพยายามไม่ให้กระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง และเพื่อให้เกิดความคล่องตัวและทันเหตุการณ์ในการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ซึ่งจะปรับในเวลาที่เหมาะสมช่วงราคาน้ำมันขาลง จึงเห็นควรมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบในการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯดังกล่าวข้างต้น และมอบหมายให้ สนพ. รับไปดำเนินการออกประกาศต่อไป
โครงสร้างราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B3 หลังประกาศมีผลบังคับใช้
4.3 ขอความร่วมมือให้ ปตท. และ บางจาก ประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจกับประชาชนในการดำเนินการปรับเปลี่ยนจากน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (B2) เป็น น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (B3)
4.4 มอบให้ สนพ., ธพ. และ พพ. รับไปดำเนินการประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจกับประชาชน เพื่อเตรียมความพร้อมในการบังคับใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วชนิดเดียวในปี 2554
5. เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2552 คณะอนุกรรมการศึกษาหลักเกณฑ์การกำหนดโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ได้มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การกำหนดโครงสร้างน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว เพื่อให้โครงสร้างราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วสอดคล้องกับสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลร้อยละ 3 กับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วอ้างอิงตลาดสิงคโปร์และนำเสนอ กบง.เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป โดยมีหลักเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ดังนี้
ราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว | = |
97% ของราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว(อ้างอิงตลาดสิงคโปร์) |
โดยที่
- ราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันดีเซลหมุนเร็วอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ (บาท/ลิตร) คำนวณจาก
- (ราคา MOPS GO 0.5% + พรีเมียม) ที่ 60 0 F x อัตราแลกเปลี่ยน / 158.984
- ราคา MOPS GO 0.5% คือ ราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วซัลเฟอร์ 0.5% จาก Mean of Platt's Singapore (เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล)
- พรีเมียม คือ ค่าปรับคุณภาพน้ำมัน ค่าขนส่ง ค่าประกันภัย และ ค่า Loss
- ค่าปรับคุณภาพน้ำมัน 1.70 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- ค่าขนส่ง World Scala กรุงเทพฯ - สิงคโปร์ (เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล)
- ค่าประกันภัย ร้อยละ 0.084 ของ C&F
- ค่า Loss ร้อยละ 0.5 ของ CIF
- อัตราแลกเปลี่ยน อ้างอิงอัตราขายถัวเฉลี่ยของธนาคารแห่งประเทศไทย (บาท/เหรียญสหรัฐฯ)
ใช้ Conversion factor 60 0 F / 86 0 F
- ราคาไบโอดีเซล (B100) อ้างอิงจากประกาศ กบง. ( บาท/ลิตร)
6. ในการบังคับใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่มีส่วนผสมของไบโอดีเซลร้อยละ 3 ธพ.ต้องออกประกาศคุณสมบัติน้ำมันดีเซลหมุนเร็วใหม่และประกาศในราชกิจจานุเบกษา รวมทั้งผู้ค้าน้ำมันจะต้องใช้เวลาในการเตรียมการเกี่ยวกับระบบหัวจ่าย การจัดหาไบโอดีเซล (B100) และอื่นๆ อีก ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 45 วัน
7. หากเห็นชอบให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ตามแนวทางการดำเนินการในข้อ 4.2 กองทุนน้ำมันฯ จะมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น 17 ล้านบาท/เดือน จาก 483 ล้านบาท/เดือน เป็น 500 ล้านบาท/เดือน
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบแนวทางการส่งเสริมการใช้น้ำมันไบโอดีเซล โดยบังคับใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (B3) เป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา แทนการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (B2) ดังนี้
1.1 กำหนดให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดาต้องมีส่วนผสมของไบโอดีเซล ร้อยละ 3
1.2 ปรับส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (B3) กับ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 ลดลง 0.30 บาท/ลิตร จากเดิม 1.20 บาท/ลิตร เป็น 0.90 บาท/ลิตร โดยลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (B2) ลง 0.20 บาท/ลิตร และลดอัตราเงินชดเชยของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 ลง 0.30 บาท/ลิตร และคงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 ไว้ ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้วันเดียวกันกับประกาศกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง กำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซล มีผลบังคับใช้
1.3 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบในการปรับอัตราเงินส่งเข้า (ชดเชย) กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในเวลาที่เหมาะสม เพื่อเตรียมความพร้อมในการบังคับใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วชนิดเดียวในปี 2554
1.4 ขอความร่วมมือให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจกับประชาชนในการดำเนินการปรับเปลี่ยนจากน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (B2) เป็น น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (B3)
1.5 มอบให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรมธุรกิจพลังงาน และกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน รับไปดำเนินการประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจกับประชาชน เพื่อเตรียมความพร้อมในการบังคับใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วชนิดเดียวในปี 2554
2. เห็นชอบหลักเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ดังนี้
ราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว | = | 97% ของราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว(อ้างอิงตลาดสิงคโปร์) + 3% ของราคาไบโอดีเซล (B100) |
โดยที่ ราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันดีเซลหมุนเร็วอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ (บาท/ลิตร) คำนวณจาก
- (ราคา MOPS GO 0.5% + พรีเมียม) ที่ 60 0 F x อัตราแลกเปลี่ยน / 158.984
- ราคา MOPS GO 0.5% คือ ราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วซัลเฟอร์ 0.5% จาก Mean of Platt's Singapore (เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล)
- พรีเมียม คือ ค่าปรับคุณภาพน้ำมัน ค่าขนส่ง ค่าประกันภัย และ ค่า Loss
- ค่าปรับคุณภาพน้ำมัน 1.70 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- ค่าขนส่ง World Scale กรุงเทพฯ - สิงคโปร์ (เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล)
- ค่าประกันภัย ร้อยละ 0.084 ของ C&F
- ค่า Loss ร้อยละ 0.5 ของ CIF
- อัตราแลกเปลี่ยน อ้างอิงอัตราขายถัวเฉลี่ยของธนาคารแห่งประเทศไทย (บาท/เหรียญสหรัฐฯ)
- ใช้ Conversion factor 60 0 F / 86 0 F
- ราคาไบโอดีเซล (B100) อ้างอิงจากประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (บาท/ลิตร)
3. มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศการกำหนดคุณภาพน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดาต้องผสมไบโอดีเซล ร้อยละ 3 เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2553
เรื่องที่ 3 เกณฑ์ประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ประจำปีบัญชี 2553
สรุปสาระสำคัญ
1. คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2546 เห็นชอบให้หน่วยงานต่างๆ ที่มีเงินนอกงบประมาณนำระบบการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนที่เป็นมาตรฐานสากล และมีการกำหนดตัวชี้วัดการดำเนินงาน (KPI) เพื่อวัดประสิทธิภาพและประสิทธิผลการดำเนินงานของทุนหมุนเวียน ซึ่งกรมบัญชีกลางได้พิจารณาเห็นชอบให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนตั้งแต่ปีบัญชี 2551 เป็นต้นไป ต่อมาเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2552 คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้มีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะทำงานจัดทำบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้การดำเนินการจัดทำบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนน้ำมันฯ เป็นไปตามระบบการประเมินผล ซึ่งประธาน กบง. ได้มีคำสั่ง กบง. ที่ 5/2552 ลงวันที่ 4 กันยายน 2552 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานจัดทำบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
2. เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2552 กรมบัญชีกลางได้มีหนังสือถึง สนพ. โดยได้จัดส่งกรอบหลักเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2553 มาให้เพื่อเป็นแนวทางการประเมินผลกองทุนหมุนเวียน ในปี 2553
3. เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2553 คณะทำงานจัดทำบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนน้ำมันฯ ได้มีมติเห็นชอบเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนน้ำมันฯ ประจำปีบัญชี 2553 ประกอบด้วย 4 ส่วน ดังนี้ 1) ผลการดำเนินงานด้านการเงิน (ร้อยละ 22) ประกอบด้วย 2 ตัวชี้วัด ได้แก่ ร้อยละของความต้องการใช้เงินต่อการจัดหาเงินได้ของกองทุนฯ ในปีงบประมาณ และอัตราผลตอบแทนจากการบริหารเงินฝากของกองทุนฯ 2) ผลการดำเนินงานด้านปฏิบัติการ (ร้อยละ 38) ประกอบด้วย 4 ตัวชี้วัด ได้แก่ ร้อยละความคลาดเคลื่อนของการพยากรณ์ ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง 7 ประเภท เทียบกับข้อมูลของกรมธุรกิจพลังงาน ร้อยละของการเผยแพร่การวิเคราะห์ภาระกองทุนน้ำมันฯ ที่เกิดขึ้นตามประกาศ กบง. ทางเว็ปไซต์ของ สบพน. ได้ภายใน 1 วันทำการ หลังจากการรับแจ้งประกาศ กบง. จาก สนพ. ระยะเวลาในการจ่ายเงินให้แก่ผู้เบิกเงินกองทุน (แบ่งเป็นกรณีการจ่ายชดเชยตามประกาศ กบง. และกรณีการจ่ายชดเชยก๊าซ LPG นำเข้าจากต่างประเทศ) และ ระดับความสำเร็จของการรายงานการจ่ายเงินชดเชย (แบ่งเป็นแยกตามชนิดน้ำมันเชื้อเพลิง และแยกตามบริษัท) 3) การสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (ร้อยละ 20) ตัวชี้วัดคือ ร้อยละของระดับความพึงพอใจของผู้รับบริการ และ 4) การบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียน (ร้อยละ 20) ประกอบด้วย 3 ตัวชี้วัด ได้แก่ บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียน การควบคุมภายใน และการตรวจสอบภายใน
4. เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2553 กรมบัญชีกลางได้มีหนังสือถึง สนพ. แจ้งว่ากองทุนน้ำมันฯ ได้ เข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนของกรมบัญชีกลาง ประจำปีบัญชี 2553 โดยคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ได้เห็นชอบการกำหนดเกณฑ์ชี้วัดของการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนน้ำมันฯ ตามข้อเสนอของคณะทำงานแล้ว กรมบัญชีกลางจึงได้จัดส่งบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2553 ระหว่างกระทรวงการคลังกับกองทุนน้ำมันฯ มาให้ และขอให้ผู้มีอำนาจลงนามในบันทึกข้อตกลงดังกล่าว แต่ทั้งนี้ การนำเสนอให้ผู้มีอำนาจลงนามในบันทึกข้อตกลงฯ จะต้องผ่านความเห็นชอบจาก กบง. ก่อน
มติของที่ประชุม
เห็นชอบเกณฑ์ประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ประจำปีบัญชี 2553 และมอบให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2553 ระหว่างกระทรวงการคลังกับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เสนอประธานกรรมการบริหารนโยบายพลังงานลงนามต่อไป
สรุปสาระสำคัญ
1. ตามระเบียบกระทรวงพลังงานว่าด้วยการฝากและการเบิกจ่ายเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2549 หมวด 1 การเก็บรักษาเงินและการนำส่งเงิน ข้อ 5 กำหนดให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) "สบพน." เปิดบัญชีเงินฝากกับสถาบันการเงินตามประเภทที่ได้รับความเห็นชอบจากปลัดกระทรวงพลังงาน และ สบพน. ได้เปิดบัญชีเงินฝากกับสถาบันการเงิน รวม 8 แห่ง ตามที่ได้รับความเห็นชอบจากปลัดกระทรวงพลังงานแล้ว
2. ปัจจุบัน ธนาคารออมสินได้เปิดบริการการฝากเงินในรูปแบบพิเศษ คือ "การออกสลากออมสินพิเศษ 5 ปี" ซึ่งสามารถถอนคืนก่อนกำหนดและมีสิทธิถูกรางวัลตามที่ธนาคารกำหนด ซึ่งจะเปิดขายจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2553 และ เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2553 คณะกรรมการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน ได้มีมติเห็นชอบให้ สบพน. ฝากเงินในรูปแบบพิเศษด้วยการซื้อสลากออมสิน มีกำหนดวงเงินรวมไม่เกิน 5,000,000,000 บาท (ห้าพันล้านบาทถ้วน) โดยมีระยะเวลาการฝากไม่เกิน 2 ปี ซึ่งหากพันธบัตรรัฐบาล ที่มีอายุคงเหลือเท่าเทียมกับอายุคงเหลือของการฝากเงินในรูปแบบพิเศษ มีอัตราผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงินในรูปแบบพิเศษ ก็ให้ถอนเงินฝากรูปแบบพิเศษได้ก่อนครบกำหนด 2 ปี และให้ขอความเห็นชอบจากปลัดกระทรวงพลังงาน เนื่องจากการฝากเงินในรูปแบบพิเศษด้วยการซื้อสลากออมสิน เป็นการฝากเงินนอกเหนือประเภทบัญชีเงินฝากตามที่ได้รับความเห็นชอบจากปลัดกระทรวงพลังงาน กับทั้งไม่อาจปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการโดยอนุโลม สบพน. จึงได้นำเสนอปลัดกระทรวงพลังงานเพื่อขอความเห็นชอบตามระเบียบกระทรวงพลังงานว่าด้วยการฝากและการเบิกจ่ายเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2549 ข้อ 20 กำหนดไว้ว่า "การดำเนินการอื่นใดที่ไม่ได้กำหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการโดยอนุโลม ในกรณีที่ไม่อาจปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ ให้ขอความเห็นชอบจากปลัดกระทรวงพลังงาน" ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงพลังงานได้ให้ความเห็นชอบและให้ สบพน. จัดทำระเบียบเพื่อรองรับการฝากเงินในรูปแบบพิเศษดังกล่าว
3. สบพน. ได้มีหนังสือ ลงวันที่ 3 มีนาคม 2553 ขอความอนุเคราะห์ที่ปรึกษาคณะกรรมการสถาบันฯ (นายวันชาติ สันติกุญชร) รองอธิบดีอัยการฝ่ายคณะกรรมการอัยการเพื่อพิจารณาตรวจสอบร่างระเบียบกระทรวงพลังงานว่าด้วยการฝากและการเบิกจ่ายเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2553 ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2553 รองอธิบดีอัยการฯ ได้ให้ความเห็นว่า "การฝากเงินรูปแบบพิเศษด้วยการซื้อสลากออมสินเป็นเพียงการเพิ่มประเภทบัญชีเงินฝากตามระเบียบข้อ 5 เท่านั้น มิได้กระทบถึงระเบียบข้ออื่น ไม่สมควรยกเลิกระเบียบกระทรวงพลังงานว่าด้วยการฝากและการเบิกจ่ายเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2549 ทั้งฉบับ และได้ยกร่างระเบียบกระทรวงพลังงานว่าด้วยการฝากและการเบิกจ่ายเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2553 ขึ้นใหม่ทั้งฉบับ"
4. เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2553 สบพน. ได้มีหนังสือแจ้งว่ามีความประสงค์จะฝากเงินในรูปแบบพิเศษที่มิได้กำหนดไว้ในระเบียบกระทรวงพลังงานฯ คือ สลากออมสินพิเศษ 5 ปี ที่สามารถถอนคืนก่อนกำหนดได้ ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถาบันฯ และปลัดกระทรวงพลังงานแล้ว โดยปลัดกระทรวงพลังงานมอบให้ สบพน. จัดทำระเบียบเพื่อรองรับการฝากเงินในรูปแบบพิเศษดังกล่าว สบพน. จึงขอแก้ไขระเบียบกระทรวงพลังงานว่าด้วยการฝากและการเบิกจ่ายเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2549 เพื่อรองรับการฝากเงินในรูปแบบพิเศษดังกล่าว
มติของที่ประชุม
เห็นชอบร่างระเบียบกระทรวงพลังงานว่าด้วยการฝากและการเบิกจ่ายเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) เสนอ
เรื่องที่ 5 สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. ราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์เท็กซัส ในเดือนมีนาคม 2553 เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 77.31 และ 81.25 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว 3.83 และ 4.80 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ตามลำดับ และในช่วงวันที่ 1 - 20 เมษายน 2553 เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 83.11 และ 84.81 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว 5.80 และ 3.55 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ตามลำดับ จากซาอุดีอาระเบียมีแผนเพิ่มการใช้น้ำมันดิบเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ประกอบกับ RBS Sempra พยากรณ์ว่าอุณหภูมิในช่วงฤดูร้อนของสหรัฐฯ ในปีนี้จะสูงกว่า ปีที่ผ่านมาประมาณร้อยละ 4 นอกจากนี้ประเทศแองโกลามีแผนส่งออกน้ำมันดิบในเดือนมิถุนายน 2553 ลดลง จากเดือนก่อนมาอยู่ที่ระดับ 1.73 ล้านบาร์เรล/วัน
2. ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 92 และน้ำมันดีเซล ในเดือนมีนาคม 2553 เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 90.86, 88.48 และ 87.78 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ตามลำดับ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว 4.37, 4.93 และ 5.48 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ตามลำดับ และในช่วงวันที่ 1 - 20 เมษายน 2553 เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 93.96, 91.75 และ 94.43 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ตามลำดับ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว 3.10, 3.27 และ 6.65 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ตามลำดับ ตามราคาน้ำมันดิบและอุปสงค์น้ำมันเบนซินของประเทศอินโดนีเซียในเดือนเมษายน 2553 เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 อยู่ที่ 5.9 ล้านบาร์เรล ขณะที่อิหร่านนำเข้าน้ำมันเบนซินจากเอเซียเดือนเมษายน 2553 ที่ระดับ 128,000 บาร์เรล/วัน และอุปสงค์น้ำมันดีเซลจากเวียดนามแข็งแกร่งเนื่องจากโรงกลั่น Dung Quat (140,000 บาร์เรล/วัน) ยังกลั่นอยู่ที่ระดับร้อยละ 50 อีกทั้ง Pertamina ของอินโดนีเซียนำเข้าน้ำมันดีเซลในเดือนพฤษภาคม ปริมาณ 4 ล้านบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน ที่ 3.2 ล้านบาร์เรล
3. ในเดือนมีนาคม 2553 ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 95, 91,น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E10, E20 และแก๊สโซฮอล 91 ปรับตัวลดลง 0.20 บาท/ลิตร ส่วนแก๊สโซฮอล 95 E85, ดีเซลหมุนเร็วและดีเซลหมุนเร็ว B5 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.50, 0.10 และ 0.10 บาท/ลิตร ตามลำดับ และในช่วงวันที่ 1 - 21 เมษายน 2553 ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและดีเซลหมุนเร็ว ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.10 บาท/ลิตร ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 91, แก๊สโซฮอล 95 E10, E20, E85, แก๊สโซฮอล 91, ดีเซลหมุนเร็วและดีเซลหมุนเร็ว B5 ณ วันที่ 21 เมษายน 2553 อยู่ที่ระดับ 42.84, 37.84, 34.24, 31.94, 20.32, 32.74, 29.89 และ 28.69 บาท/ลิตร ตามลำดับ
4. สถานการณ์ก๊าซ LPG ในเดือนเมษายน 2553 ราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกปรับตัวลดลง 3 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน มาอยู่ที่ระดับ 721 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน เนื่องจากอุปสงค์ลดลงเมื่อสิ้นสุดฤดูหนาว และยุโรปลดปริมาณนำเข้าเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ส่วนราคาก๊าซ LPG ตลาดโลกในช่วงเดือนพฤษภาคม 2553 คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 712 - 722 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน รัฐได้กำหนดราคาก๊าซ LPG ณ โรงกลั่น ที่ระดับ 10.8647 บาท/กิโลกรัม และกำหนดราคาขายส่ง ณ คลัง ที่ระดับ 13.6863 บาท/กิโลกรัม ส่งผลให้ราคาขายปลีก ณ กรุงเทพฯ อยู่ที่ 18.13 บาท/กิโลกรัม สถานการณ์การนำเข้าก๊าซ LPG ตั้งแต่เดือนเมษายน 2551 - 23 เมษายน 2553 ได้มีการนำเข้ารวมทั้งสิ้น 1,633,609 ตัน คิดเป็นภาระชดเชย 21,234 ล้านบาท
5. สถานการณ์น้ำมันแก๊สโซฮอล ในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 มีผู้ประกอบการผลิตเอทานอล 19 ราย กำลังการผลิตรวม 2.95 ล้านลิตร/วัน ผลิตเป็นเชื้อเพลิง 15 ราย มีปริมาณการผลิตจริง 1.358 ล้านลิตร/วัน และราคาเอทานอลแปลงสภาพเดือนเมษายน 2553 อยู่ที่ 21.57 บาท/ลิตร ในเดือนมีนาคม 2553 มีปริมาณการจำหน่าย 11.5 ล้านลิตร/วัน จากสถานีบริการ 4,302 แห่ง ณ วันที่ 20 เมษายน 2553 ราคาขายปลีกน้ำมัน แก๊สโซฮอล 95 ต่ำกว่าน้ำมันเบนซิน 91 3.60 บาท/ลิตร ราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล 91 ต่ำกว่าน้ำมันเบนซิน 91 5.10 บาท/ลิตร ในเดือนมีนาคม 2553 น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 มีปริมาณจำหน่าย 0.32 ล้านลิตร/วัน จากสถานีบริการ 311 แห่ง โดยราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล E20 ต่ำกว่าน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E10 2.30บาท/ลิตร ส่วนน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ในเดือนมีนาคม 2553 มีปริมาณการจำหน่าย 4,200 ลิตร/วัน จากสถานีบริการ 5 แห่ง โดยราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ต่ำกว่าน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E10 13.92 บาท/ลิตร
6. สถานการณ์น้ำมันไบโอดีเซล ในเดือนมีนาคม 2553 มีผู้ผลิตไบโอดีเซล 14 ราย กำลังการผลิตรวม 5.95 ล้านลิตร/วัน ปริมาณความต้องการไบโอดีเซลในเดือนมีนาคม 2553 อยู่ที่ 1.72 ล้านลิตร/วัน ราคาไบโอดีเซลในประเทศเฉลี่ยในเดือนมีนาคมและเมษายนอยู่ที่ 30.50 และ 30.02 บาท/ลิตร ตามลำดับ มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 ในเดือนมีนาคม 2553 อยู่ที่ 21.46 ล้านลิตร/วัน สถานีบริการน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 3,721 แห่ง ปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ ชดเชยน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 0.80 บาท/ลิตร และราคาขายปลีกดีเซลหมุนเร็ว B5 ต่ำกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว 1.20 บาท/ลิตร
7. ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 19 เมษายน 2553 มีเงินสดในบัญชี 33,670 ล้านบาท มีหนี้สินกองทุนฯ 10,331 ล้านบาท แยกเป็นหนี้ค้างชำระเงินชดเชย 10,055 ล้านบาท และงบบริหารและโครงการซึ่งได้อนุมัติแล้ว 275 ล้านบาท ฐานะกองทุนน้ำมันฯ สุทธิ 23,339 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
สรุปสาระสำคัญ
1. กบง. ได้มีมติเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2552 เห็นชอบแผนการสนับสนุนกลุ่มรถแท็กซี่ที่ใช้ก๊าซ LPG ให้เปลี่ยนมาเป็นรถแท็กซี่ NGV และให้สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน (สป.พน.) และ ธพ. ร่วมกันในการกำหนดแนวทางและวิธีการในการจัดเก็บและทำลายอุปกรณ์และถัง LPG โดยอนุมัติเงินกองทุนน้ำมันฯ งบค่าใช้จ่ายอื่น ปีงบประมาณ 2552 เป็นจำนวนเงินรวม 12,400,000 บาท โดยแบ่งเป็นค่าบริหารโครงการ ค่าจ้างที่ปรึกษา 3,400,000 บาท และค่าจัดจ้างทำลายชุดอุปกรณ์ และถัง LPG ประมาณ 30,000 ชุด ชุดละประมาณ 300 บาท รวมทั้งสิ้นประมาณ 9,000,000 บาท
2. ในส่วนการบริหารโครงการและการจ้างที่ปรึกษา 3,400,000 บาท ธพ. ได้เชิญ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อยื่นข้อเสนอด้านเทคนิคและข้อเสนอราคาค่าจ้าง เป็นที่ปรึกษาเพื่อบริหารโครงการตามแผนการดังกล่าว แต่ ปตท. ได้ปฎิเสธ โดยให้เหตุผลว่ารายการข้อกำหนดและขอบข่ายของงานในการจัดซื้อถัง NGV และอุปกรณ์ส่วนควบ ของ สป.พน. และ รายการข้อกำหนดและขอบข่ายของงานในการจัดจ้างทำลายชุดอุปกรณ์และถัง LPG ของ ธพ. มีขอบข่ายงานและวิธีปฏิบัติที่แตกต่างจากที่ ปตท. เคยปฏิบัติไว้ค่อนข้างมาก และปัจจุบัน ปตท. มีการปรับเปลี่ยนทีมงานและยุบทีมงานที่เคยดำเนินการโครงการดัดแปลงรถแท็กซี่ฯ ไปแล้ว ทั้งนี้ หาก ปตท. เป็นผู้ดำเนินการ ปตท. จะต้องจ้างหน่วยงานภาครัฐหรือภาคเอกชนดำเนินการแทน เป็นการจ้างช่วงต่อ ซึ่งอาจขัดต่อระเบียบราชการที่ควรจัดจ้างโดยตรง และ ปตท. ได้เสนอแนะว่าควรจ้างสถาบันของภาครัฐที่มีความรู้และความชำนาญ และหรือได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบกเป็นผู้ตรวจและทดสอบการติดตั้ง NGV อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาครัฐต่อไป
3. ธพ. ได้จ้างคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยวิธีตกลง เพื่อเป็นที่ปรึกษาในการบริหารโครงการ ตามแผนการดำเนินการสนับสนุนกลุ่มรถแท็กซี่ที่ใช้ก๊าซ LPG ให้เปลี่ยนมาเป็นรถแท็กซี่ NGV จำนวน 30,000 คัน ในวงเงิน 3.40 ล้านบาท แต่ต่อมาได้ยกเลิกการจ้างฯ ตามที่คณะกรรมการดำเนินการจ้างที่ปรึกษาโดยวิธีตกลงฯ เสนอ เนื่องจากมีข้อเสนอเทคนิคไม่เป็นไปตามรายการข้อกำหนดขอบเขตของงาน
4. เนื่องจาก ปตท. ได้เคยดำเนินงานในลักษณะดังกล่าวมาแล้วในโครงการดัดแปลงรถแท๊กซี่ที่ ปตท. สนับสนุนค่าติดตั้งฯ และ ปตท. ได้ประมาณการค่าใช้จ่ายสำหรับการบริหารโครงการตามแผนการดำเนินการสนับสนุนกลุ่มรถแท็กซี่ที่ใช้ก๊าซ LPG ให้เปลี่ยนมาเป็นรถแท็กซี่ NGV เป็นเงิน 3,400,000 บาท ซึ่งเป็นอัตราค่าจ้างที่อยู่บนพื้นฐานของการใช้บุคลากร และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ของ ปตท. บางส่วน ซึ่งเดิม ปตท. ได้ประมาณอัตราค่าจ้างไว้ที่ 6,800,000 บาท โดยประเมินจากการบริหารจัดการสำหรับผู้รับจ้างเพียง 3 ราย (จาก 3 สัญญา) และใช้ระยะเวลารวมเพียง 4 เดือนเท่านั้น (ทั้ง 3 สัญญา เริ่มต้นและสิ้นสุดสัญญาพร้อมกัน) ดังนั้น เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่า หากประสงค์จะบริหารโครงการดังกล่าวให้ครบถ้วน เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกระทรวงพลังงาน เห็นควรให้มีวงเงินในการดำเนินงานเป็นเงิน 6,800,000 บาท ตามที่ ปตท. ได้เคยเสนอไว้เดิม และควรแบ่งค่าจ้างในการบริหารโครงการเป็น 3 งวด ให้สอดคล้องกับงวดการจัดซื้อของ สป.พน. ด้วย
มติของที่ประชุม
1. อนุมัติให้เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการใช้เงินเพื่อบริหารโครงการ ตามแผนการสนับสนุนกลุ่มรถแท็กซี่ ที่ใช้ก๊าซ LPG ให้เปลี่ยนมาเป็นรถแท็กซี่ NGV จากเดิมจำนวนประมาณ 30,000 คัน ในวงเงิน 3,400,000 บาท เป็นจำนวนประมาณ 15,000 คัน ในวงเงิน 3,400,000 บาท โดยให้กรมธุรกิจพลังงานเป็นผู้ดำเนินการทั้งในส่วนการบริหารโครงการและการจัดจ้างทำลายชุดอุปกรณ์ และถัง LPG ตามที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานได้มีมติเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2552 และวันที่ 2 มีนาคม 2553
2. อนุมัติเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง งบค่าใช้จ่ายอื่น ปีงบประมาณ 2553 ให้กรมธุรกิจพลังงาน เพื่อบริหารโครงการตามแผนการสนับสนุนกลุ่มรถแท็กซี่ที่ใช้ก๊าซ LPG ให้เปลี่ยนมาเป็นรถแท็กซี่ NGV (เพิ่มเติม) ในวงเงิน 3,400,000 บาท (สามล้านสี่แสนบาทถ้วน) จำนวนประมาณ 15,000 คัน ทั้งนี้ ให้กรมธุรกิจพลังงานดำเนินการจัดจ้างการบริหารโครงการให้สอดคล้องกับการจัดซื้อถัง NGV และอุปกรณ์ส่วนควบของสำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน