มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 2/2548 (ครั้งที่ 7)
วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2548 เวลา 09.30 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด - นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
2. การชดเชยส่วนต่างของราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินออกเทน 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายวิเศษ จูภิบาล) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายเมตตา บันเทิงสุข) กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. ราคาน้ำมันดิบดูไบและเบรนท์สองเดือนแรกในไตรมาส 2 ปี 2548 เฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้น 4.94 และ 3.19 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 จากการคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันโลก โดย Energy Information Administration (EIA), International Energy Agency (IEA) และโอเปคได้ปรับเพิ่ม World Oil Demand ปี 2548 อยู่ที่ระดับ 84.8 , 84.3 , และ 84.0 ล้านบาร์เรล/วัน ตามลำดับ และ Goldman Sachs ได้คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นถึง 105 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้กองทุน Hedge Funds เข้าซื้อสะสมระยะสั้น ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2548 ราคาน้ำมันดิบดูไบและเบรนท์อยู่ที่ระดับ 46.35 และ 50.98 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับ
2. ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดจรสิงคโปร์สองเดือนแรกในไตรมาส 2 ได้ปรับตัวสูงขึ้นทุกผลิตภัณฑ์เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 โดยราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95 และ 92 เฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้น 4.06 และ 4.37 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับ ด้วยอุปทานที่ยังคงตึงตัวเนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันปิดซ่อมบำรุง และความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในภูมิภาคที่มีอย่างต่อเนื่อง ส่วนราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้น 6.32 เหรียญสหรัฐ ต่อบาร์เรล ตามราคาน้ำมันเพื่อความอบอุ่น (Heating Oil) ในขณะที่เกาหลีใต้และไต้หวันได้ลดการส่งออกลง เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันปิดซ่อมบำรุงและต้องเก็บสำรองไว้ใช้ในประเทศ สำหรับราคาน้ำมันสำเร็จรูป ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2548 น้ำมันเบนซินออกเทน 95, 92 ก๊าด, ดีเซลหมุนเร็ว และน้ำมันเตา อยู่ที่ระดับ 55.23 53.90, 62.92, 61.44 และ 39.99 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับ
3. ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงสองเดือนแรกในไตรมาส 2 ปี 2548 ราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลหมุนเร็วเฉลี่ยได้ปรับตัวสูงขึ้น 2.18 และ 3.04 บาท/ลิตร ตามลำดับ จากการที่ผู้ค้าน้ำมันปรับราคาเบนซินเพิ่มขึ้น 5 ครั้ง ลดลง 1 ครั้ง และรัฐบาลได้ปรับการตรึงราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วขึ้นไว้ที่ระดับ 18.19 บาท/ลิตร ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2548 ราคาขายปลีกของน้ำมันเบนซินออกเทน 95 , 91 และ ดีเซลหมุนเร็ว อยู่ที่ระดับ 22.14 , 21.34 และ 18.19 บาท/ลิตร ตามลำดับ
4. สำหรับไตรมาส 2 ค่าการตลาดและค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ย 0.1197 บาท/ลิตร และ 0.4514 บาท/ลิตร ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 มาอยู่ที่ระดับ 0.9909 บาท/ลิตร และ 1.7924 บาท/ลิตร
5. สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันในระยะสั้นคาดว่าราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปจะยังคงเคลื่อนไหวในระดับสูง โดยราคาน้ำมันดิบดูไบและเบรท์เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 43 - 45 และ 48 - 50 เหรียญสหรัฐ ต่อบาร์เรล ตามลำดับ และราคาน้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลหมุนเร็วในตลาดจรสิงคโปร์จะเคลื่อนไหวที่ระดับ 53 - 57 และ 56 - 59 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับ จากปัจจัยอุปสงค์น้ำมันโลกอยู่ในระดับสูง ขณะที่อุปทานค่อนข้างตึงตัวและจำกัด ตลอดจนการปรับเปลี่ยนคุณภาพน้ำมันของประเทศในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป
6. รัฐบาลได้ปล่อยลอยตัวราคาน้ำมันเบนซินและดีเซล โดยที่น้ำมันดีเซลได้ปล่อยลอยตัวราคาแบบมีการจัดการ (Manage float) ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2548 เป็นต้นไป ดังนั้น ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2548 กองทุนน้ำมันฯ จึงมีภาระการจ่ายชดเชยสะสมทั้งสิ้น 80,065 ล้านบาท แยกเป็นเงินชดเชยน้ำมันเบนซินและดีเซล หมุนเร็วจำนวน 6,975 ล้านบาท และ 73,090 ล้านบาท ตามลำดับ
7. ราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกเดือนพฤษภาคม 2548 ปรับตัวสูงขึ้น 5.0 เหรียญสหรัฐ/ตัน มาอยู่ที่ระดับ 421.2 เหรียญสหรัฐ/ตัน ราคาก๊าซ LPG ณ โรงกลั่นอยู่ในระดับ 12.4816 บาท/กก. (เป็นระดับเพดานของก๊าซ LPG สูงสุด 315 เหรียญสหรัฐ/ตัน) อัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯ อยู่ในระดับ 1.8364 บาท/กก. คิดเป็นเงิน 99.66 ล้านบาท/เดือน และฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2548 มีเงินสดสุทธิ 1,275 ล้านบาท หนี้สินค้างชำระ 80,065 ล้านบาท แยกเป็นภาระผูกพัน 53 ล้านบาท หนี้ชดเชยราคาก๊าซ LPG 7,655 ล้านบาท หนี้เงินคืนกรณีอื่นๆ 140 ล้านบาท หนี้การตรึงราคาน้ำมันเชื้อเพลิงช่วงวันที่ 1 เมษายน 2548 ถึง วันที่ 31 พฤษภาคม 2548 ประมาณ 9,097 ล้านบาท หนี้เงินกู้และดอกเบี้ย 63,000 ล้านบาท ฐานะกองทุนน้ำมันสุทธิติดลบ 78,790 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
เรื่องที่ 2 การชดเชยส่วนต่างของราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินออกเทน 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์
สรุปสาระสำคัญ
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อเดือนพฤษภาคม 2545 ได้อนุมัติตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ โดยเห็นชอบในหลักการให้ยกเว้นการเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตของเอทานอลหน้าโรงงานและภาษีสรรพสามิต ในส่วนของเอทานอลที่เติมในน้ำมันแก๊สโซฮอล์ตลอดไป และลดหย่อนอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ซึ่งต่อมาเดือนพฤษภาคม 2547 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการเพิ่มเติมเพื่อให้การดำเนินการตามยุทธศาสตร์ส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย ซึ่งมาตรการหนึ่งคือ มาตรการด้านราคา โดยมอบหมายให้กระทรวงพลังงานพิจารณายกเว้นการเรียกเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์เป็นการชั่วคราว
2. คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2547 ได้มีมติเรื่องการยกเว้นอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ โดยให้ยกเว้นการส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์เป็นการชั่วคราว โดยไม่รวมถึงการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในส่วนที่ได้มีการจ่ายเงินชดเชยตามนโยบายตรึงราคาน้ำมัน และมอบหมายให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพลังงาน (นายวิเศษ จูภิบาล) กรมการค้าภายใน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) รับไปหารือร่วมกับกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันในเรื่องต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 91 ที่จะนำมาผสมเอทานอลเพื่อผลิตเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์
3. ต่อมากระทรวงพลังงานได้มีนโยบายที่จะกำหนดให้ส่วนต่างของราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล์ถูกกว่าราคาน้ำมันเบนซิน 95 อยู่ที่ลิตรละ 1.50 บาท และเมื่อเดือนเมษายน 2548 กบง. ได้มีมติให้ผู้อำนวยการ สนพ. เป็นผู้พิจารณาปรับเพิ่มหรือลดอัตราลดส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ และดีเซล ในกรณีที่เพิ่มหรือลดอัตราส่งเข้ากองทุนดังกล่าวไม่เกิน 0.50 บาท/ลิตร/ครั้ง โดยการกำหนดอัตราส่งเข้ากองทุนดังกล่าวต้องทำให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (สบพ.) สามารถจ่ายดอกเบี้ยและชำระคืนเงินต้น ตราสารหนี้ได้เมื่อครบกำหนดจ่าย แต่ทั้งนี้ อัตราเงินส่งเข้ากองทุนดังกล่าวจะต้องไม่เกิน 1.50 บาท/ลิตร
4. ในการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างของราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินออกเทน 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ปัจจุบันยังไม่มีมติของคณะกรรมการใดกำหนดให้กองทุนน้ำมันฯ จ่ายเงินชดเชยส่วนต่างดังกล่าว เพื่อให้ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ต่ำกว่าราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ที่ระดับ 1.50 บาท/ลิตร จึงเห็นควรขอความเห็นชอบดังนี้
4.1 ขอความเห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เป็นผู้อนุมัติออกประกาศชดเชยส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินออกเทน 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ และมอบหมายให้ สนพ. รับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานประกาศชดเชยส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินออกเทน 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ต่อไป
4.2 มอบหมายให้กรมสรรพสามิตและสถาบันบริหารกองทุนพลังงานร่วมกันจัดทำระบบการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินออกเทน 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ โดยให้กรมสรรพสามิตเป็นผู้ตรวจสอบปริมาณการจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ และให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงานเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินออกเทน 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการการบริหารนโยบายพลังงานเป็นผู้อนุมัติออกประกาศชดเชยส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินออกเทน 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ และมอบหมายให้ สนพ. รับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานเรื่อง ชดเชยส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินออกเทน 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์
2. มอบหมายให้กรมสรรพสามิต และสถาบันบริหารกองทุนพลังงานร่วมกันจัดทำระบบการจ่ายงินชดเชยส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินออกเทน 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ โดยให้กรมสรรพสามิตเป็นผู้ตรวจสอบปริมาณการจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ และให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงานเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินออกเทน 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์