มติการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 2/2563 (ครั้งที่ 16)
วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 14.00 น.
1. โครงการทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการด้านพลังงาน(ERC Sandbox)
2. การปรับปรุงโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
ผู้มาประชุม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานกรรมการ
(นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์)
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ
(นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท)
เรื่องที่ 1 . โครงการทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการด้านพลังงาน(ERC Sandbox)
สรุปสาระสำคัญ
1. คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน ได้เสนอแนวทางดำเนินการปฏิรูปด้านพลังงานไฟฟ้า ในประเด็นที่ 5 เรื่องการส่งเสริมกิจการไฟฟ้าเพื่อเพิ่มการแข่งขัน สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) จึงดำเนินโครงการทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการด้านพลังงาน (Energy Regulatory Commission Sandbox: ERC Sandbox) เพื่อพัฒนาและทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการด้านพลังงานในพื้นที่ที่กำกับดูแลเป็นการเฉพาะ โดยอาจผ่อนปรนหลักเกณฑ์การกำกับดูแลบางประการที่มีอยู่เดิมตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 จนกว่าจะพร้อมเข้าสู่ขั้นตอนเพื่อใช้งานในวงกว้าง โดยประโยชน์จากการดำเนินโครงการฯ(1) การพัฒนารูปแบบธุรกิจการให้บริการทางด้านพลังงานแบบใหม่ ที่จะนำไปสู่การเพิ่มทางเลือกและช่องทางการเข้าถึงบริการด้านพลังงาน ช่วยลดมลพิษจากการผลิตไฟฟ้าในอนาคต (2) ได้ข้อมูลการซื้อขายไฟฟ้าที่เกิดขึ้นภายในโครงการ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดหลักเกณฑ์และวิเคราะห์การกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้โครงข่ายของบุคคลที่สาม (Third Party Access and Wheeling Charge) การคิดค่า Backup หรือการกำหนด Ancillary Service ที่เหมาะสม (3) ได้ข้อมูลผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าจากการให้บริการพลังงานรูปแบบใหม่ ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการฯ เป็นหน่วยงานของรัฐหรือ นิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย หรือสถาบันการศึกษา ที่ประสงค์จะเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมทางด้านพลังงานที่ไม่เคยมีหรือไม่เหมือนกับที่มีอยู่แล้วในประเทศไทย หรือนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพ และต้องการนำนวัตกรรมนี้ มาเสนอให้ใช้ในวงกว้างหลังผ่านการทดสอบใน ERC Sandbox แล้ว
2.กิจกรรมและนวัตกรรมที่ดำเนินการทดสอบภายใต้โครงการฯ ประกอบด้วย (1) Peer-to-Peer Energy Trading & Bilateral Trading โดย Peer-to-Peer Energy Trading คือ นวัตกรรมการซื้อขายไฟฟ้าโดยตรงระหว่างผู้ผลิต (Producer) และผู้ใช้ไฟฟ้า (Consumer) มีการกำหนดราคาและปริมาณพลังงานไฟฟ้า ที่ซื้อขายชัดเจน และมีกำหนดการส่งมอบพลังงานไฟฟ้าที่ชัดเจนล่วงหน้า (2) Micro grid คือ นวัตกรรม การบริหารจัดการพลังงานในพื้นที่เล็ก ๆ แบบครบวงจรประกอบด้วยระบบผลิตพลังงาน ระบบกักเก็บพลังงาน และระบบบริหารจัดการพลังงาน (3) Battery Storage คือ นวัตกรรมการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้า โดยการอัดประจุไฟฟ้า กักเก็บใน Energy Storage และจ่ายประจุไฟฟ้าเพื่อใช้ในงานในช่วงเวลาอื่นที่ต้องการ (4) โครงสร้างอัตราค่าบริการใหม่ คือ นวัตกรรมการเสนออัตราค่าบริการรูปแบบใหม่ที่ยังไม่มีในปัจจุบัน หรือการศึกษาเพื่อเสนอให้มีการทบทวนอัตราที่มีอยู่เดิมให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น (5) รูปแบบธุรกิจใหม่ คือ นวัตกรรมการศึกษารูปธุรกิจใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมพลังงาน (6) ก๊าซธรรมชาติ คือ นวัตกรรมรูปแบบธุรกิจการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติแบบใหม่ (7) นวัตกรรมด้านพลังงานอื่นๆ โดยมีประเด็นข้อจำกัดในการดำเนินโครงการฯ ทั้งนี้ พบว่าการดำเนินการของกลุ่ม (peer to peer) ขัดกับโครงสร้างกิจการไฟฟ้าปัจจุบันในรูปแบบ Enhanced Single Buyer (ESB) จึงจำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อขอผ่อนปรนในประเด็นการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างเอกชนกับเอกชน ผ่านโครงข่ายของการไฟฟ้าตามกลุ่มประเภทกิจกรรม ดังนี้ Peer-to-Peer Energy Trading & Bilateral Trading, Microgrid และ รูปแบบธุรกิจใหม่
3. คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เห็นควรเสนอ กพช. รับทราบการดำเนินโครงการ ERC Sandbox ของสำนักงาน กกพ.และขอความเห็นชอบในหลักการให้ผ่อนปรนให้มีการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างเอกชนกับเอกชนผ่านโครงข่ายของการไฟฟ้า โดยใช้อัตราค่าบริการตามที่ กกพ. กำหนด ภายใต้การกำกับของ กกพ. ร่วมกับการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งในพื้นที่การดำเนินโครงการ ERC Sandbox โดยมีกำลังผลิตติดตั้งรวมเพื่อใช้ ในการทดสอบนวัตกรรมไม่เกิน 50 เมกะวัตต์ ระยะเวลาแต่ละโครงการไม่เกิน 2 ปี ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการต้องไม่ได้รับผลกำไรในเชิงการค้าจากการดำเนินโครงการ โดยให้คำนึงถึงความมั่นคงของระบบไฟฟ้า และเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงานในการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการไฟฟ้า
มติของที่ประชุม
1.รับทราบการดำเนินโครงการ ERC Sandbox ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
2.เห็นชอบในหลักการให้ผ่อนปรนให้มีการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างเอกชนกับเอกชนผ่านโครงข่าย ของการไฟฟ้า โดยใช้อัตราค่าบริการตามที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กำหนด ภายใต้การกำกับของ กกพ. ร่วมกับการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งในพื้นที่การดำเนินโครงการ ERC Sandbox โดยมีกำลังผลิตติดตั้งรวม เพื่อใช้ในการทดสอบนวัตกรรมไม่เกิน 50 เมกะวัตต์ ระยะเวลาแต่ละโครงการไม่เกิน 2 ปี ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการต้องไม่ได้รับผลกำไรในเชิงการค้าจากการดำเนินโครงการ โดยให้คำนึงถึงความมั่นคงของระบบไฟฟ้า และเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงานในการส่งเสริมการแข่งขัน ในกิจการไฟฟ้า ทั้งนี้ มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอ กพช. เพื่อพิจารณาต่อไป
เรื่องที่ 2. การปรับปรุงโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้มีการพิจารณากำหนดราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้ (1) เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2561 เห็นชอบหลักเกณฑ์การกำหนดราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิง (2) เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 เห็นชอบหลักเกณฑ์การกำหนดราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว โดยปรับปรุงค่า X จากเดิม “ร้อยละโดยปริมาตรไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์อัตราต่ำของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ตามประกาศกรมธุรกิจพลังงาน” เป็น “ร้อยละโดยปริมาตรไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์อัตราเฉลี่ยของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ตามประกาศกรมธุรกิจพลังงาน” (3) เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2562 เห็นชอบหลักเกณฑ์การกำหนดราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว โดยให้ใช้ MOPS Gasoil 10 ppm และ MOPS Gasoil 500 ppm ในการคำนวณราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วอ้างอิงราคากลางของตลาดภูมิภาคเอเชีย (4) เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2561 เห็นชอบค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหมาะสมที่ 1.85 บาทต่อลิตร โดยเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินการของสถานีบริการน้ำมัน 0.89 บาทต่อลิตร ค่าใช้จ่ายดำเนินการของผู้ค้ามาตรา 7 (ม.7) 0.47 บาทต่อลิตร และค่าลงทุนสถานีบริการ 0.49 บาทต่อลิตร (5) เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 เห็นชอบ ค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหมาะสมของกลุ่มดีเซลหมุนเร็วรายผลิตภันฑ์ เพื่อส่งเสริมให้ใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 เพิ่มขึ้น โดยค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 บี10 และ บี20 อยู่ที่ 1.50 บาทต่อลิตร 1.85 บาทต่อลิตร และ 1.55 บาทต่อลิตร ตามลำดับ โดยยังคงค่าการตลาดเฉลี่ยของทุกผลิตภัณฑ์อยู่ที่ระดับ 1.85 บาทต่อลิตร ตามมติ กบง. วันที่ 20 เมษายน 2561 และเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 กลุ่มผีเสื้อกระพือปีกและเครือข่ายได้เรียกร้องขอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันและค่าพลังงานที่สูงกว่าประเทศ เพื่อนบ้าน ต่อมาเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้แต่งตั้งคณะทำงาน เพื่อพลังงานที่เป็นธรรมโดยมีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน และมีผู้แทนภาคประชาชน ผู้ทรงคุณวุฒิ หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชน ร่วมเป็นคณะทำงานฯ เพื่อศึกษาวิเคราะห์ ทบทวน และเสนอแนะแนวทางการกำหนดโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงให้มีความเหมาะสม
2. คณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม ได้ตั้งคณะทำงานย่อยเพื่อศึกษารายละเอียดของราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิง ผลการดำเนินการโดยสรุป ณ วันที่ 4 มีนาคม 2563 มีดังนี้
2.1 การปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิง หลักเกณฑ์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นวิธี Import Parity ซึ่งเทียบเคียงราคานำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากประเทศสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางการซื้อขายน้ำมันของตลาดภูมิภาคเอเชีย (ราคา Mean of Platts Singapore : MOPS) ราคานำเข้าอ้างอิง จะบวกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขนส่ง ได้แก่ ค่าขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงจากสิงคโปร์มายังไทย (Freight : F) ค่าประกันภัย (Insurance: I) และค่าสูญเสียน้ำมันระหว่างการขนส่ง (Loss: L) ค่าปรับคุณภาพน้ำมันค่าปรับอุณหภูมิ ค่าผสมเชื้อเพลิงชีวภาพ ให้ตรงตามมาตรฐานคุณลักษณะน้ำมันเบนซินของประเทศไทยตามประกาศกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ค่าสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง และค่าบริการอื่นๆ (ค่าใช้จ่ายคลังและค่าลำเลียง)
2.2 ข้อเสนอในการปรับปรุงหลักเกณฑ์ มีดังนี้ (1) ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงอ้างอิงราคากลางของตลาดภูมิภาคเอเชีย (FOB) ในส่วนของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ ปัจจุบันใช้ราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก 2 วันย้อนหลัง โดยอ้างอิง MOPS ของเบนซิน 95 ข้อเสนอคือ ให้ใช้ราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก 2 วันย้อนหลัง โดยเบนซิน 95 อ้างอิง MOPS ของเบนซิน 95 ส่วนกลุ่มแก๊สโซฮอล์ อ้างอิง MOPS เบนซิน 91 Non-Oxy ส่วนของน้ำมันดีเซลคงเดิม (2) ค่าปรับคุณภาพน้ำมัน ในส่วนของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ ปัจจุบันเบนซิน 95 และเบนซิน 91 อยู่ที่ 2.46 และ 0.26 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ ข้อเสนอคือ เบนซิน 95 เท่ากับ 2.05 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เบนซินพื้นฐานชนิดที่ 1 (สำหรับการผลิตแก๊สโซฮอล์ 91 E10, 95 E20, E85) เท่ากับ -0.63 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เบนซินพื้นฐานชนิดที่ 2 (สำหรับการผลิตแก๊สโซฮอล์ 95 E10) เท่ากับ 1.57 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนของน้ำมันดีเซลไม่มีค่าปรับคุณภาพน้ำมัน (3) ค่าขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงจากสิงคโปร์มายังไทย (อ้างอิงอัตรา World Scale) ในส่วนของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ ปัจจุบันใช้ AFRA ของเรือบรรทุกน้ำมันสำเร็จรูปขนาด LR1 และคำนวณอัตราค่าขนส่งในแบบ long term charter โดยให้ค่าขนส่งทางเรือสิงคโปร์-ศรีราชา ข้อเสนอคือ ใช้ AFRA ของเรือบรรทุกน้ำมันดิบเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักขนาด VLCC ต่อ LR2 สัดส่วนร้อยละ 60 ต่อ 40 และคำนวณอัตราค่าขนส่งในแบบ long term charter โดยให้ค่าขนส่งทางเรือสิงคโปร์-ศรีราชา ส่วนของน้ำมันดีเซลปรับตามข้อเสนอของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ (4) ค่าบริการอื่นๆ (ค่าใช้จ่ายคลังและค่าลำเลียง) ในส่วนของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ ปัจจุบันคิดค่าขนส่งน้ำมันทางท่อจากศรีราชา-กรุงเทพฯ ตามจริง ข้อเสนอคือ ย้ายค่าขนส่งน้ำมันทางท่อจากศรีราชา-กรุงเทพฯ ให้เป็นค่าใช้จ่ายตามต้นทุนจริงที่ค่าการตลาด (0.80 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล หรือประมาณ 0.15 บาทต่อลิตร ณ ไตรมาส 1 ปี 2563) ส่วนของน้ำมันดีเซลปรับตามข้อเสนอของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ (5) ค่าประกันภัย ปัจจุบันใช้อัตราร้อยละ 0.084 ของ C&F ของน้ำมันสำเร็จรูป ข้อเสนอคือปรับเป็นอัตราร้อยละ 0.084 ของ C&Fของน้ำมันดิบ ส่วนของน้ำมันดีเซลปรับตามข้อเสนอของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ (6) ค่าสูญเสียน้ำมันระหว่างการขนส่ง ปัจจุบันใช้อัตราร้อยละ 0.3 ของราคา CIF ของน้ำมันสำเร็จรูป ข้อเสนอคือ ปรับเป็นอัตราร้อยละ 0.3 ของราคา CIF ของน้ำมันดิบ ส่วนของน้ำมันดีเซลปรับตามข้อเสนอของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ (7) ค่าใช้จ่ายสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง คงเดิมที่ 0.68 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล (สำรองน้ำมันดิบที่ร้อยละ 6) ส่วนของน้ำมันดีเซลคงเดิม (8) ค่าปรับอุณหภูมิเป็น 86 องศาฟาเรนไฮน์ น้ำมันเบนซิน 95 และ 91 อยู่ที่ 0.9814 และ 0.9810 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ ส่วนของน้ำมันดีเซลคงเดิมและ (9) ค่าใช้จ่ายการผสมเอทานอลและไบโอดีเซล คงเดิมคือ ส่วนต่างระหว่างมูลค่าน้ำมันองค์ประกอบที่เติมลงไปและนำออกจากน้ำมันเบนซินพื้นฐาน ให้เป็นศูนย์จนกว่าผู้ค้าจะส่งข้อมูลมายืนยัน ส่วนของน้ำมันดีเซลคงเดิม
2.3 กรณีที่มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์ฯ ตามข้อเสนอ ฝ่ายเลขานุการฯ เห็นควรให้มีการปรับองค์ประกอบโครงสร้างราคา ณ โรงกลั่นฯ ได้แก่ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 91 E20 E85 เบนซินออกเทน 95 เบนซินพื้นฐานชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว น้ำมันดีเซลหมุนเร็วอ้างอิงราคากลางของตลาดภูมิภาคเอเชีย น้ำมันเตา 600 (2%S) และ1500 (2%S) ผลจากการปรับปรุงหลักเกณฑ์ฯ จะทำให้ราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิงเปลี่ยนแปลง โดยลดลง 0.14 ถึง 0.51 บาทต่อลิตร
2.4 จากข้อเสนอแนวทางการปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเสนอให้ย้ายค่าขนส่งน้ำมันทางท่อจากศรีราชา - กรุงเทพฯ ให้เป็นค่าใช้จ่ายตามต้นทุนจริงที่ค่าการตลาด (0.80 เหรียญต่อบาร์เรล หรือประมาณ 0.15 บาทต่อลิตร) จึงมีผลต่อหลักเกณฑ์การคำนวณค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้ค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหมาะสมเพิ่มขึ้น 0.15 บาทต่อลิตรโดยเปลี่ยนแปลง จากปัจจุบันที่เฉลี่ย 1.85 บาทต่อลิตร เป็นเฉลี่ย 2.00 บาทต่อลิตร แบ่งเป็น (1) ค่าใช้จ่ายดำเนินการของสถานีบริการน้ำมันคงเดิมที่ 0.89 บาทต่อลิตร (2) ค่าใช้จ่ายดำเนินการของผู้ค้ามาตรา 7 เพิ่มขึ้น 1.85 บาทต่อลิตร (จากปัจจุบัน 0.47 บาทต่อลิตร เป็น 0.62 บาทต่อลิตร) และ (3) ค่าลงทุนสถานีบริการคงเดิมเท่ากับ 0.49 บาทต่อลิตร และการปรับปรุงค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหมาะสม รายผลิตภัณฑ์ จากการปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิง ส่งผลให้ค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงเปลี่ยนแปลงเป็นเฉลี่ย 2.00 บาทต่อลิตร ฝ่ายเลขานุการฯ จึงเสนอปรับปรุงค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงรายผลิตภัณฑ์
3. สรุปผลการปรับปรุงตามข้อเสนอฯ การปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดราคา ณ โรงกลั่นฯ และค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงฯ ตามที่คณะทำงานฯ และฝ่ายเลขานุการฯ เสนอตามข้อ 2 ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงปรับลดลงในช่วง 0.39 - 1.58 บาทต่อลิตร โดยมีเพียงราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 E85 ที่ปรับเพิ่มขึ้น 0.01 บาทต่อลิตร จากการประชุมหารือร่วมกับกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งมีความเห็นต่อหลักเกณฑ์การกำหนดราคา ณ โรงกลั่น ดังนี้ มีราคาน้ำมันเชื้อเพลิงอ้างอิงราคากลางของตลาดภูมิภาคเอเชีย ปริมาณการซื้อขายน้ำมันเบนซิน 91Non-Oxy คิดเป็นสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับปริมาณการซื้อขายน้ำมันเบนซินในภูมิภาคเอเชีย และราคาน้ำมันเบนซิน 91 Non-Oxy ตามที่บริษัท S&P Global Platts รายงานเป็นการประเมินราคา มิได้เป็นการเก็บข้อมูลซื้อขายจริงเช่นเดียวกับน้ำมันเบนซินออกเทน 97 ออกเทน 95 และ ออกเทน 92 และการกำหนดค่าปรับคุณภาพน้ำมันเบนซินควรคำนึงถึงต้นทุนค่าปรับความดันไอ (RVP) ค่าปรับอุณหภูมิการระเหยในอัตราร้อยละ 50 โดยปริมาณ (T50) และค่าปรับ MON (Motor Octane number) นอกเหนือจากต้นทุนในการขจัดสารตะกั่ว กำมะถัน เบนซีน และสารเร่งปฏิกิริยา ตามที่คณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรมพิจารณาด้วย
4. ฝ่ายเลขานุการฯ ขอเสนอ กบง. เพื่อพิจารณาดังนี้ (1) ขอความเห็นชอบแนวทางการปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดราคา ณ โรงกลั่น ตามข้อเสนอของคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม (2) ขอความเห็นชอบหลักเกณฑ์การกำหนดราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิงที่เสนอปรับปรุง ได้แก่ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 91 E20 E85 เบนซินออกเทน 95 เบนซินพื้นฐานชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว น้ำมันดีเซลหมุนเร็วอ้างอิงราคากลางของตลาดภูมิภาคเอเชีย น้ำมันเตา 600 (2%S) และ 1500 (2%S) (3) ขอความเห็นชอบ ค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหมาะสมเฉลี่ยที่ 2.00 บาทต่อลิตร (4) ขอความเห็นชอบให้การดำเนินการตามข้อ (2) และ(3) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป และ (5) ให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานและกรมธุรกิจพลังงาน ศึกษาการกำหนดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงอ้างอิงราคากลางของตลาดภูมิภาคเอเชียและการกำหนดค่าปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง และนำเสนอต่อ กบง. เพื่อพิจารณาต่อไป
มติของที่ประชุม
1.เห็นชอบในหลักการปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดราคา ณ โรงกลั่น ตามข้อเสนอของคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม
2.เห็นชอบหลักเกณฑ์การกำหนดราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 = (1-X1) ของ [ราคาเบนซินพื้นฐานชนิดที่ 2 + (Y1 $/BBL x อัตราแลกเปลี่ยน / 158.984)] + (X1) ของราคาเอทานอล
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 = (1-X2) ของ [ราคาเบนซินพื้นฐานชนิดที่ 1 + (Y2 $/BBL x อัตราแลกเปลี่ยน / 158.984)] + (X2) ของราคาเอทานอล
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 = (1-X3) ของ [ราคาเบนซินพื้นฐานชนิดที่ 1 + (Y3 $/BBL x อัตราแลกเปลี่ยน / 158.984)] + (X3) ของราคาเอทานอล
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 = (1-X4) ของราคาเบนซินพื้นฐานชนิดที่ 1 + (X4) ของราคาเอทานอล
โดยที่
X1 = ร้อยละโดยปริมาตรเอทานอลแปลงสภาพอัตราต่ำของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 ออกเทน 95 ตามประกาศกรมธุรกิจพลังงาน
Y1 = ส่วนต่างระหว่างมูลค่าน้ำมันองค์ประกอบที่เติมลงในน้ำมันเบนซินพื้นฐานและมูลค่าน้ำมันองค์ประกอบที่นำออกจากน้ำมันเบนซินพื้นฐาน ซึ่งเมื่อนำไปผสมกับเอทานอลแปลงสภาพแล้วจะได้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 ออกเทน 95 ตามประกาศกรมธุรกิจพลังงาน
X2 = ร้อยละโดยปริมาตรเอทานอลแปลงสภาพอัตราต่ำของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 ออกเทน 91 ตามประกาศกรมธุรกิจพลังงาน
Y2 = ส่วนต่างระหว่างมูลค่าน้ำมันองค์ประกอบที่เติมลงในน้ำมันเบนซินพื้นฐานและมูลค่าน้ำมันองค์ประกอบที่นำออกจากน้ำมันเบนซินพื้นฐาน ซึ่งเมื่อนำไปผสมกับเอทานอลแปลงสภาพแล้วจะได้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 ออกเทน 91 ตามประกาศกรมธุรกิจพลังงาน
X3 = ร้อยละโดยปริมาตรเอทานอลแปลงสภาพอัตราต่ำของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ตามประกาศกรมธุรกิจพลังงาน
Y3 = ส่วนต่างระหว่างมูลค่าน้ำมันองค์ประกอบที่เติมลงในน้ำมันเบนซินพื้นฐานและมูลค่าน้ำมันองค์ประกอบที่นำออกจากน้ำมันเบนซินพื้นฐาน ซึ่งเมื่อนำไปผสมกับเอทานอลแปลงสภาพแล้วจะได้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ตามประกาศกรมธุรกิจพลังงาน
X4 = ร้อยละโดยปริมาตรเอทานอลแปลงสภาพอัตราต่ำของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ตามประกาศกรมธุรกิจพลังงาน
เอทานอล = ราคาเอทานอลแปลงสภาพ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานเห็นชอบ
เบนซินออกเทน 95 = (ราคาน้ำมันเบนซินอ้างอิงราคากลางของตลาดภูมิภาคเอเชีย + พรีเมียม) ที่ 60℉ x อัตราแลกเปลี่ยน /158.984
โดยที่
ราคาน้ำมันเบนซินอ้างอิงราคากลางของตลาดภูมิภาคเอเชีย = ราคา Mean of Platts Singapore (MOPS) เบนซิน 95
พรีเมียม = ค่าปรับคุณภาพน้ำมัน 2.05 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล + ค่าขนส่ง World Scale ด้วยเรือบรรทุกน้ำมันดิบเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ขนาด VLCC : LR2 สัดส่วนร้อยละ 60 : 40 แบบ Long Term Charter (สิงคโปร์ – ศรีราชา) + ค่าประกันภัยร้อยละ 0.084 ของ C&F น้ำมันดิบ +ค่าสูญเสียร้อยละ 0.3 ของ CIF น้ำมันดิบ + ค่าสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง 0.68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (สำรองน้ำมันดิบที่ร้อยละ 6)
เบนซินพื้นฐานชนิดที่ 1 = (ราคาน้ำมันเบนซินอ้างอิงราคากลางของตลาดภูมิภาคเอเชีย + พรีเมียม) ที่ 60℉ x อัตราแลกเปลี่ยน /158.984
โดยที่
ราคาน้ำมันเบนซินอ้างอิงราคากลางของตลาดภูมิภาคเอเชีย = ราคา Mean of Platts Singapore (MOPS) เบนซิน 91 Non-Oxy
พรีเมียม = ค่าปรับคุณภาพน้ำมัน -0.63 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล + ค่าขนส่ง World Scale ด้วยเรือบรรทุกน้ำมันดิบเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ขนาด VLCC : LR2 สัดส่วนร้อยละ 60 : 40 แบบ Long Term Charter (สิงคโปร์ – ศรีราชา) + ค่าประกันภัยร้อยละ 0.084 ของ C&F น้ำมันดิบ +ค่าสูญเสียร้อยละ 0.3 ของ CIF น้ำมันดิบ + ค่าสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง 0.68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (สำรองน้ำมันดิบที่ร้อยละ 6)
เบนซินพื้นฐานชนิดที่ 2 = (ราคาน้ำมันเบนซินอ้างอิงราคากลางของตลาดภูมิภาคเอเชีย + พรีเมียม) ที่ 60℉ x อัตราแลกเปลี่ยน /158.984
โดยที่
ราคาน้ำมันเบนซินอ้างอิงราคากลางของตลาดภูมิภาคเอเชีย = ราคา Mean of Platts Singapore (MOPS) เบนซิน 91 Non-Oxy
พรีเมียม = ค่าปรับคุณภาพน้ำมัน 1.57 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล + ค่าขนส่ง World Scale ด้วยเรือบรรทุกน้ำมันดิบเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ขนาด VLCC : LR2 สัดส่วนร้อยละ 60 : 40 แบบ Long Term Charter (สิงคโปร์ – ศรีราชา) + ค่าประกันภัยร้อยละ 0.084 ของ C&F น้ำมันดิบ +ค่าสูญเสียร้อยละ 0.3 ของ CIF น้ำมันดิบ + ค่าสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง 0.68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (สำรองน้ำมันดิบที่ร้อยละ 6)
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว = (1-X) ของราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วอ้างอิงราคากลางของตลาดภูมิภาคเอเชีย + (X) ของราคาไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมัน
โดยที่
X = ร้อยละโดยปริมาตรไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์อัตราเฉลี่ยของน้ำมันดีเซล หมุนเร็ว ตามประกาศกรมธุรกิจพลังงาน
ไบโอดีเซล = ราคาอ้างอิงไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมัน ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานเห็นชอบ (บาทต่อลิตร)
น้ำมันดีเซลหมุนเร็วอ้างอิง = (0.9184 x MOPS Gasoil 10 ppm + 0.0816 x MOPS Gasoil ราคากลางของตลาดภูมิภาคเอเชีย 500 ppm + พรีเมียม) ที่ 60℉ x อัตราแลกเปลี่ยน /158.984
โดยที่
พรีเมียม = ค่าขนส่ง World Scale ด้วยเรือบรรทุกน้ำมันดิบเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ขนาด VLCC : LR2 สัดส่วนร้อยละ 60 : 40 แบบ Long Term Charter (สิงคโปร์ – ศรีราชา) + ค่าประกันภัยร้อยละ 0.084 ของ C&F น้ำมันดิบ +ค่าสูญเสียร้อยละ 0.3 ของ CIF น้ำมันดิบ + ค่าสำรอง น้ำมันเพื่อความมั่นคง 0.68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (สำรองน้ำมันดิบที่ร้อยละ 6)
น้ำมันเตา 600 (2%S)
FO 600 (2%S)t = [(FO 180 (2%)t x 0.836) + MOPS Gasoil 50 ppm) x 0.164] x อัตราแลกเปลี่ยน x 0.9896 /158.984
โดยที่
FO 180 (2%)t = ราคา FO 180 (2%) ณ วันที่ t โดยคำนวณจาก 2 คูณด้วยราคา FO 180 (2%) ณ วันที่ t-1 บวกด้วยราคา FO 180 (2%) ณ วันที่ t-2 แล้วหารด้วย 3
FO 180 (2%) = คำนวณจากราคาน้ำมันเตาชนิด FO 180 CST 2.0% (อ้างอิงราคากลางของตลาดภูมิภาคเอเชีย) ที่ต่ำสุดบวกด้วยราคาที่สูงสุดในวันนั้นๆ แล้วหารด้วย 13.1784
น้ำมันเตา 1500 (2%S)
FO 1500 (2%S)t = FO 180 (2%)t x อัตราแลกเปลี่ยน x 0.9896 /158.984
โดยที่ FO 180 (2%)t = ราคา FO 180 (2%) ณ วันที่ t โดยคำนวณจาก 2 คูณด้วยราคา FO 180 (2%) ณ วันที่ t-1 บวกด้วยราคา FO 180 (2%) ณ วันที่ t-2 แล้วหารด้วย 3
FO 180 (2%) = คำนวณจากราคาน้ำมันเตาชนิด FO 180 CST 2.0% (อ้างอิงราคากลางของตลาดภูมิภาคเอเชีย) ที่ต่ำสุดบวกด้วยราคาที่สูงสุดในวันนั้นๆ แล้วหารด้วย 13.1784
3. เห็นชอบค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหมาะสมเฉลี่ยที่ 2.00 บาทต่อลิตร
4. มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ พิจารณาระยะเวลาที่เหมาะสมในการบังคับใช้หลักเกณฑ์การกำหนดราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิง ตามข้อ 2 และค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหมาะสมตามข้อ 3 โดยนำเสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานพิจารณาต่อไป
5. มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน และกรมธุรกิจพลังงาน ศึกษาการกำหนดลักษณะและคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงการกำหนดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงอ้างอิงราคากลางของตลาดภูมิภาคเอเชีย และการกำหนดค่าปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงให้เหมาะสม และนำเสนอต่อคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานเพื่อพิจารณาต่อไป
สรุปสาระสำคัญ
1. ตามแผนปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน ด้านการบริหารจัดการพลังงาน ประเด็นการปฏิรูปที่ 3 ปฏิรูปการสร้างธรรมาภิบาลในทุกภาคส่วน ได้เสนอให้รัฐบาลกำหนดนโยบายส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน ในภาคอุตสาหกรรมและกิจการพลังงานและให้เริ่มนำร่องในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง โดยให้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งเพื่อทำหน้าที่ศึกษาความเหมาะสมการจัดตั้งบริษัทวิสาหกิจเพื่อสังคมของกลุ่มอุตสาหกรรมด้านพลังงานและปิโตรเคมี และอุตสาหกรรม ที่เกี่ยวเนื่อง ต่อมาสำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน (สป.พน.) ได้มอบหมายให้มูลนิธิเพื่อสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ดำเนินงานโครงการศึกษาการบริหารจัดการและพัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเลียมนำร่องในพื้นที่ มาบตาพุดการดำเนินงานโครงการฯ มีระยะเวลา 10 เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 - กุมภาพันธ์ 2563 และได้ยกร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการศึกษาความเหมาะสมการจัดตั้งบริษัทวิสาหกิจเพื่อสังคม และการขับเคลื่อนการดำเนินการวิสาหกิจเพื่อสังคมในพื้นที่มาบตาพุด โดยมีปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานอนุกรรมการ มีผู้แทนสำนักงานปลัดกระทรวงพลังงานและผู้แทนการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเป็นอนุกรรมการและเลขานุการร่วม มีหน้าที่เสนอแนะนโยบาย และศึกษาความเหมาะสม การจัดตั้งบริษัทวิสาหกิจเพื่อสังคมของกลุ่มอุตสาหกรรมด้านพลังงานและปิโตรเคมี และอุตสาหกรรม ที่เกี่ยวเนื่อง และเสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2562 ซึ่งได้มอบหมายให้ สป.พน. ปรับปรุงขอบเขตการดำเนินงานให้อยู่ในอุตสาหกรรมด้านพลังงานและปิโตรเคมี ทั้งในและนอกเขตนิคมอุตสาหกรรมและให้นำเสนอ กบง. พิจารณาต่อไป
2. สป.พน. ได้ปรับปรุงร่างคำสั่งดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว จึงขอนำเสนอ กบง. พิจารณาและมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอประธาน กบง. พิจารณาลงนามต่อไป
มติของที่ประชุม
เห็นชอบร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการศึกษาความเหมาะสมการจัดตั้งบริษัทวิสาหกิจเพื่อสังคมและการขับเคลื่อนการดำเนินการวิสาหกิจเพื่อสังคมในพื้นที่มาบตาพุด และมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอประธานกรรมการบริหารนโยบายพลังงานพิจารณาลงนามต่อไป
สรุปสาระสำคัญ
1. เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์) ได้แจ้งให้ที่ประชุมฯ ทราบว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้หารือกับภาครัฐในการช่วยเหลือประชาชนเพื่อบรรเทาผลกระทบของประชาชนและภาคธุรกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และบรรเทาภัยแล้งในเบื้องต้นดังนี้ (1) การคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้า เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล โดยคืนเงินประกันให้กับผู้ขอใช้ไฟฟ้าประเภทที่ 1 และ 2 รวมจำนวนประมาณ 21 ล้านราย ซึ่งวางเงินประกันไว้กับการไฟฟ้าตามขนาดมิเตอร์ รวมวงเงินทั้งสิ้นประมาณ 30,000 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยคืนได้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เป็นต้นไป (2) เร่งการเบิกจ่ายเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าที่มีครอบคลุมพื้นที่ 72 จังหวัด และในส่วนที่ค้างอยู่จะเร่งลงพื้นที่และอนุญาตให้เปลี่ยนแปลงโครงการได้ เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายที่รวดเร็วขึ้น (3) ลดค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) เพื่อให้ค่าไฟฟ้าคงอยู่ที่ 3.50 บาทต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงมิถุนายน 2563 (4) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการไฟฟ้านครหลวง จะอนุญาตให้ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทที่ 5 กิจการประเภทโรงแรม สามารถแจ้งร้องขอเพื่อขยายเวลาการชำระค่าไฟฟ้าได้เป็นระยะเวลา 6 เดือน ทั้งนี้กระทรวงมหาดไทยแจ้งว่าจะลดค่าไฟฟ้าอีกร้อยละ 3 เป็นระยะเวลา 3 เดือน
2.ประธานฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมฯ ทราบว่า มาตรการดังกล่าวจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 10 มีนาคม 2563 เพื่อเร่งให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงนี้
มติของที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ