มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 28/2555 (ครั้งที่ 125)
วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 14.00 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
1. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
2. รายงานสถานการณ์การใช้น้ำมันภายในประเทศ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ) กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการ เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ และราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ข้อ 1.7.3 ดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคและผู้ผลิต และ ข้อ 3.5.3 กำกับราคาพลังงานให้มีความเหมาะสม เป็นธรรมและมุ่งสู่การสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยปรับบทบาทกองทุนน้ำมันฯ ให้เป็นกองทุนสำหรับรักษาเสถียรภาพราคา ส่วนการชดเชยราคานั้นจะดำเนินการอุดหนุนเฉพาะกลุ่ม ส่งเสริมให้มีการใช้ก๊าซธรรมชาติมากขึ้นในภาคขนส่งและส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอลและไบโอดีเซลในภาคครัวเรือน
2. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบหลักเกณฑ์การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และระยะเวลาให้มีความเหมาะสมภายใต้กรอบหลักเกณฑ์การมอบหมาย ดังนี้
2.1 น้ำมันดีเซล การปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาสูงขึ้นจนทำให้มีผลกระทบต่อภาคขนส่งและค่าโดยสารเกินสมควรให้ กบง.พิจารณาปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้ตามความเหมาะสม การปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาต่ำจนทำให้ผู้ประกอบการขนส่งและโดยสารสมควรปรับอัตราค่าบริการลงให้ กบง. ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่กระทบเกินสมควรต่อค่าขนส่งและโดยสาร
2.2 น้ำมันเบนซิน/น้ำมันแก๊สโซฮอล การปรับเพิ่ม/ลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลให้พิจารณาปรับเพื่อรักษาระดับส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันเบนซินกับน้ำมันแก๊สโซฮอล เพื่อจูงใจให้มีการใช้พลังงานทดแทน (เอทานอล) มากขึ้น
3. ราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยราคาปิดตลาด ณ วันที่ 10 กันยายน 2555
น้ำมันดิบดูไบ น้ำมันเบนซิน 95 และดีเซลอยู่ที่ 112.91, 127.85 และ131.77 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ
โดยราคาน้ำมันดิบดูไบและดีเซลปรับตัวลดลง 0.60 และ 3.20 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ และราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.79 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จากราคาปิดตลาด ณ วันที่ 4 กันยายน 2555 ดังนั้น โครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 11 กันยายน 2555 คือ
4. ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 9 กันยายน 2555 มีทรัพย์สินรวม 4,412 ล้านบาท หนี้สินรวม 21,525 ล้านบาท โดยกองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิติดลบ 17,114 ล้านบาท
5. จากค่าการตลาดของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอลที่อยู่ในระดับต่ำ ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซิน และ แก๊สโซฮอลลง 0.20 บาท/ลิตร และจากค่าการตลาดน้ำมันดีเซลที่อยู่ในระดับสูง จึงขอปรับลดอัตราเงินชดเชยของน้ำมันดีเซลลง 0.20 บาท/ลิตร โดยมีอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังนี้
กองทุนน้ำมันฯ จะมีภาระเพิ่มขึ้นประมาณวันละ 6 ล้านบาท จากติดลบวันละ 112 ล้านบาท เป็นติดลบวันละ 106 ล้านบาท
การพิจารณาของที่ประชุม
ผู้แทนเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (นายสมชาย ศักดาเวคีอิศร) ได้ให้ความเห็นว่า ในส่วนของน้ำมันเบนซิน 91 และ น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 ไม่ควรมีการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ลง 0.20 บาท/ลิตร เพื่อเพิ่มส่วนต่างของราคาขายปลีกให้เพิ่มขึ้นและเป็นการส่งเสริมการใช้น้ำมัน แก๊สโซฮอล 91, E20 และ E85 ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้ชี้แจงว่า หากไม่ดำเนินการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซิน 91 และ น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 ลง ผู้ค้าน้ำมันอาจจะปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 91 และ น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2555 เป็นต้นไป
เรื่องที่ 2 รายงานสถานการณ์การใช้น้ำมันภายในประเทศ
อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล) ได้รายงานสถานกาณ์การใช้น้ำมันภายในประเทศว่า จากนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลโดยการเพิ่มส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลให้มากขึ้น ทำให้ในปัจจุบันปริมาณการใช้น้ำมันเบนซิน 91 มีแนวโน้มลดลงจากช่วงต้นปีมีการใช้ประมาณ 10 ล้านลิตรต่อวัน ลงมาอยู่ที่ 8 ล้านลิตรต่อวัน ส่วนน้ำมันเบนซิน 95 ยังคงมีปริมาณการใช้คงที่ประมาณ 1 แสนลิตรต่อวัน แต่ทั้งนี้ปริมาณการใช้น้ำมันแก๊สโซอฮลมีแนวโน้มที่มากขึ้นโดย E20 ในช่วงต้นปีมีปริมาณการใช้อยู่ที่ประมาณ 7 แสนลิตรต่อวัน ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านลิตรต่อวัน ส่วน E85 ในช่วงต้นปีมีปริมาณการใช้อยู่ที่ประมาณ 5 หมื่นลิตรต่อวัน ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนลิตรต่อวัน ดังนั้นจะเห็นได้ว่าส่วนต่างของราคามีผลกระทบต่อปริมาณการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลโดยตรง เนื่องปัจจุบันยังมีสถานีจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล E20 และ E85 เพียง 800 - 900 แห่ง แต่คาดว่าในช่วงสิ้นปีจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,200 แห่ง จะทำให้มีปริมาณการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 และ E85 เพิ่มขึ้นอีก