มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 20/2556 (ครั้งที่ 154)
พฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 15.30 น.
ณ ห้องประชุม 4 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
1. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
รองปลัดกระทรวงพลังงาน นายคุรุจิต นาครทรรพ เป็นกรรมการและประธานที่ประชุม แทนปลัดกระทรวงพลังงาน
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ เป็นกรรมการและเลขานุการ
เรื่อง การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการ เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ และราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ข้อ 1.7.3 ดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคและผู้ผลิต และ ข้อ 3.5.3 กำกับราคาพลังงานให้มีความเหมาะสม เป็นธรรมและมุ่งสู่การสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยปรับบทบาทกองทุนน้ำมันฯ ให้เป็นกองทุนสำหรับรักษาเสถียรภาพราคา ส่วนการชดเชยราคานั้นจะดำเนินการอุดหนุนเฉพาะกลุ่ม ส่งเสริมให้มีการใช้ก๊าซธรรมชาติมากขึ้นในภาคขนส่งและส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอลและไบโอดีเซลในภาคครัวเรือน
2. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบหลักเกณฑ์การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และระยะเวลาให้มีความเหมาะสมภายใต้กรอบหลักเกณฑ์การมอบหมาย ดังนี้
2.1 น้ำมันดีเซล การปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาสูงขึ้นจนทำให้มีผลกระทบต่อภาคขนส่งและค่าโดยสารเกินสมควรให้ กบง. พิจารณาปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้ตามความเหมาะสม การปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาต่ำจนทำให้ผู้ประกอบการขนส่งและโดยสารสมควรปรับอัตราค่าบริการลงให้ กบง. ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่กระทบเกินสมควรต่อค่าขนส่งและโดยสาร
2.2 น้ำมันเบนซิน/น้ำมันแก๊สโซฮอล การปรับเพิ่ม/ลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลให้พิจารณาปรับ เพื่อรักษาระดับส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันเบนซินกับน้ำมัน แก๊สโซฮอล เพื่อจูงใจให้มีการใช้พลังงานทดแทน (เอทานอล) มากขึ้น
3. เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2556 กบง. ได้พิจารณาโครงสร้างราคาและค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิง และได้มีมติเห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลลง 0.30 บาทต่อลิตร จากเดิมที่อัตรา 2.40 บาทต่อลิตร เป็นส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ 2.10 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกน้ำมันไม่เปลี่ยนแปลง ต่อมาเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2556 ผู้ค้าน้ำมันได้ปรับเพิ่มราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน และน้ำมันแก๊สโซฮอล E10 E20 ขึ้นชนิดละ 0.30 บาทต่อลิตร และน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ปรับขึ้น 0.20 บาทต่อลิตร ผลจากการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ราคาปิดตลาดของน้ำมันตลาดโลก และอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่เปลี่ยนไป รวมทั้งการปรับขึ้นราคาขายปลีกกลุ่มน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลดังกล่าว ส่งผลทำให้โครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 17 มิถุนายน 2556 เป็นดังนี้
4. ราคาน้ำมันตลาดโลกปิดตลาด ณ วันที่ 19 มิถุนายน 2556 น้ำมันดิบดูไบ น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 103.30, 119.68 และ 122.44 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ตามลำดับ โดยราคาน้ำมันดิบดูไบ น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.18, 2.73 และ 3.24 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ตามลำดับ ในส่วนของอัตราแลกเปลี่ยนในวันที่ 19 มิถุนายน 2556 ที่ 31.0841 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น 0.0612 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ จากวันที่ 13 มิถุนายน 2556 ซึ่งอยู่ที่ 31.1453 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ และผู้ค้าน้ำมันได้ปรับราคาขายปลีก 2 ครั้ง คือในวันที่ 15 มิถุนายน 2556 และวันที่ 19 มิถุนายน 2556 โดยปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล 95E10 91E10 และ E20 เพิ่มขึ้นรวมชนิดละ 0.60 บาทต่อลิตร และน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 เพิ่มขึ้นรวม 0.40 บาทต่อลิตร
5. ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2556 มีทรัพย์สินรวม 16,746 ล้านบาท หนี้สินรวม 15,120 ล้านบาท โดยกองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิเป็นบวก 1,625 ล้านบาท
6. จากราคาน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และการปรับเพิ่มราคาขายปลีกของผู้ค้าน้ำมันภายในประเทศ ทำให้โครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 20 มิถุนายน 2556 เป็นดังนี้
จากโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าว พบว่าค่าการตลาดน้ำมันดีเซล อยู่ในระดับต่ำ ดังนั้น เพื่อให้ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับที่เหมาะสม ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนฯ ของน้ำมันดีเซลลง 0.50 บาทต่อลิตร ซึ่งจะทำให้ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลอยู่ที่ประมาณ 1.45 บาทต่อลิตร ค่าการตลาดเฉลี่ยกลุ่มเบนซินอยู่ที่ประมาณ 1.79 บาทต่อลิตร และค่าการตลาดเฉลี่ยทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 1.54 บาทต่อลิตร กองทุนน้ำมันฯ จะมีรายรับลดลงประมาณวันละ 30.46 ล้านบาท จากมีรายรับวันละ 131.14 ล้านบาท เป็นมีรายรับวันละ 100.69 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลลง 0.50 บาทต่อลิตร จาก 2.10 บาทต่อลิตร เป็นเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 1.60 บาทต่อลิตร โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและ แผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2556 เป็นต้นไป