Super User
รัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 09 เมษายน 56
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 14-20 ตุลาคม 2556
กบง. ครั้งที่ 2 - วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 2/2557 (ครั้งที่ 2)
วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 13.30 น.
1. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
2. การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ) พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง เป็นประธานที่ประชุม
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ เป็นกรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
1. รัฐบาลมีนโยบายในการดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเป็นธรรมสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เป็นผู้พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และระยะเวลาให้มีความเหมาะสม โดยให้คำนึงถึง(1) สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก (2) ภาวะเงินเฟ้อ (3) การส่งเสริมพลังงานทดแทน และ (4) ฐานะกองทุนน้ำมันฯ
2. จากการพิจารณาโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 11 มิถุนายน 2557 พบว่าค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 2.2657 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าระดับที่เหมาะสม ดังนั้น กบง. ในการประชุมเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2557 จึงได้มีมติเห็นชอบให้ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลขึ้น 0.56 บาทต่อลิตร ซึ่งจากการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว และราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซล ณ วันที่ 13 มิถุนายน 2557 อยู่ที่ 1.2844 บาทต่อลิตร โดยราคา ขายปลีกลดลง 0.14 บาทต่อลิตร จากเดิมอยู่ที่ 29.99 บาทต่อลิตร มาอยู่ที่ 29.85 บาทต่อลิตร ต่อมาเมื่อวันที่ 19 และ 20 มิถุนายน 2557 บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี่ จำกัด (มหาชน) ได้ปรับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลขึ้นไปอยู่ที่ 29.99 บาทต่อลิตร ส่วนบริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ได้ปรับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไปอยู่ที่ 30.49 บาทต่อลิตร ในขณะที่ บริษัท ปตท. จำกัด ( มหาชน ) และ บริษัท บางจากปิโตรเลียม (จำกัด) มหาชน ยังคงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 29.85 บาทต่อลิตร
3. จากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ณ วันที่ 20 มิถุนายน 2557 เมื่อเปรียบเทียบราคา น้ำมันตลาดโลก ณ วันที่ 10 มิถุนายน 2557 พบว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.01 6.92 และ 5.89 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 110.71 127.26 และ 124.16 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราวันที่ 20 มิถุนายน 2557 อยู่ที่ 32.6130 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ อ่อนค่าลง 0.0137 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ และราคาไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ ของกรดไขมันของวันที่ 23 มิถุนายน 2557 อยู่ที่ 29.77 บาทต่อลิตร ลดลง 0.50 บาทต่อลิตร จากวันที่ 12 มิถุนายน 2557 ส่งผลให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซล ณ วันที่ 23 มิถุนายน 2557 อยู่ที่ 0.4887 บาทต่อลิตร ซึ่งอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าการตลาดที่เหมาะสม โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อค่าการตลาด ประกอบด้วย (1) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่อ่อนค่าลง 0.0137 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ค่าการตลาดลดลง 0.01 บาทต่อลิตร (2) ราคาน้ำมันดีเซล (MOPS) เฉลี่ย 3 วันเพิ่มขึ้น 5.8133 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่งผลให้ค่าการตลาดลดลง 1.10 บาทต่อลิตร (3) การเปลี่ยนแปลงราคา B100 ลดลง 0.50 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ค่าการตลาดเพิ่มขึ้น 0.03 บาทต่อลิตร ดังนั้นต้นทุนน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นดังกล่าว เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลง เพื่อรักษาค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม 1.50 บาทต่อลิตร ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 1.01 บาท ซึ่งผลจากการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว จะทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลอยู่ที่ประมาณ 1.4987 บาทต่อลิตร ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ มีสภาพคล่องลดลงประมาณ 59.56 ล้านบาท จากมีรายรับวันละ 14.33 ล้านบาท เป็นมีรายจ่ายวันละ 45.23 ล้านบาท ทั้งนี้ ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 22 มิถุนายน 2557 มีทรัพย์สินรวม 8,083 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 15,605 ล้านบาท กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิเป็นติดลบ 7,522 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลลง 0.81 บาทต่อลิตร จาก 0.81 บาทต่อลิตร เป็นเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่อัตรา 0.00 บาทต่อลิตร โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2557 เป็นต้นไป
เรื่องที่ 2 การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
สรุปสาระสำคัญ
1. เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2557 คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการฯ กบง. ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทบทวนความจำเป็น ปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการจำนวน 29 คณะ ที่แต่งตั้งภายใต้ กบง. ชุดเดิม เพื่อเสนอแต่งตั้งใหม่ ซึ่งจากการประสานงาน ได้ข้อสรุปว่ามีคณะอนุกรรมการ ที่มีภารกิจต้องดำเนินการต่อเนื่องจำเป็นต้องแต่งตั้งใหม่ จำนวน 13 คณะ มีคณะอนุกรรมการที่หมดภารกิจจำนวน 16 คณะ
2. คณะอนุกรรมการที่มีภารกิจต้องดำเนินการต่อเนื่องจำเป็นต้องแต่งตั้งใหม่ จำนวน 13 คณะ ได้แก่ (1) คณะอนุกรรมการการพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้า (2) คณะอนุกรรมการประสานความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้าระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (3) คณะอนุกรรมการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำ (4) คณะอนุกรรมการโครงการวิสาหกิจชุมชนพลังงานสีเขียวจากพืชพลังงาน (5) คณะอนุกรรมการประสานนโยบายและความร่วมมือ พหุภาคีด้านพลังงานกับต่างประเทศ (6) คณะอนุกรรมการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชน (7) คณะอนุกรรมการพิจารณาปรับปรุงแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (8) คณะอนุกรรมการ เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) (9) คณะอนุกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (10) คณะอนุกรรมการบรรเทาผลกระทบจากการปรับราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ภาคครัวเรือน (11) คณะอนุกรรมการด้านมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงาน (12) คณะอนุกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจ่ายเงินชดเชยและการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากการปรับภาษีสรรพสามิต และ (13) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศด้านความมั่นคงทางพลังงานและพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และในส่วนของคณะอนุกรรมการที่หมดภารกิจทั้งสิ้น จำนวน 16 คณะ เช่น คณะอนุกรรมการพิจารณาปัญหาเกี่ยวกับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและคำสั่งนายกรัฐมนตรี และคณะอนุกรรมการประสานการดำเนินงานในอนาคตของการไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้นำเสนอร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการดังกล่าวต่อ กบง. เพื่อพิจารณา
มติของที่ประชุม
มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ รับไปจัดตั้งคณะอนุกรรมการที่มีภาระกิจต้องดำเนินการต่อเนื่อง โดยคณะอนุกรรมการที่มีอำนาจหน้าที่คล้ายกันให้รวมเป็นคณะเดียว และนำเสนอร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการให้ประธานกรรมการบริหารนโยบายพลังงานพิจารณาและลงนามแต่งตั้งต่อไป