programmer_ener
กอ. ครั้งที่ 43 - วันศุกร์ที่ 2 มิถุนายน 2549
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 3/2553 (ครั้งที่ 52)
วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม 2553 เวลา 15.30 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
2. รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553
3. ประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2554-2557
4. รายงานการดำเนินโครงการและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2553
5. รายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
6. บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง
7. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
1. เลขานุการฯ ได้แจ้งที่ประชุมทราบว่า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2553 ได้มีมติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนฯ จำนวน 7 ราย ดังนี้
1.1 นายสวัสดิ์ ตันตระรัตน์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม |
1.2 นายสมชาติ โสภณรณฤทธิ์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.3 นายกฤษณพงศ์ กีรติกร | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.4 หม่อมราชวงศ์พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.5 นายยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.6 นางสาวพวงเพชร สารคุณ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.7 นายพรายพล คุ้มทรัพย์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ |
2. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2553 ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2553 เป็นต้นไป และฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านทราบแล้ว
มติที่ประชุม
รับทราบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 2 รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553
เลขานุการฯ ได้รายงานผลการใช้จ่ายเงินและฐานะเงินกองทุนฯ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 ดังนี้
หน่วย : ล้านบาท | |
ยอดยกมา ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2553 | 16,385.31 |
บวก รายรับ | 1,232.38 |
รวม | 17,617.69 |
หัก รายจ่าย | 901.63 |
คงเหลือ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 | 16,716.06 |
มติที่ประชุม
1. รับทราบรายงานฐานะการเงินกองทุนฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
2. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำข้อเสนอแนะของผู้แทนกรมบัญชีกลางไปพิจารณาดำเนินการ และเสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาเห็นชอบก่อนดำเนินการ และให้รายงานต่อคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อทราบ
เรื่องที่ 3 ประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2554-2557
1. กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2552 ได้มีมติให้ยกเลิกการจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนอนุรักษ์ฯ ในส่วนที่เก็บเพื่อส่งเสริมโครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่งของทั้งน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล ที่จัดเก็บในอัตรา 0.50 บาท/ลิตร และให้โอนเงินที่ได้จัดเก็บไว้แล้ว มาสบทบกับเงินสำหรับส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และลดอัตราจัดเก็บเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ ของน้ำมันดีเซลสำหรับส่งเสริมอนุรักษ์พลังงาน จากที่เก็บอยู่ 0.25 บาท/ลิตร เหลือ 0.05 บาท/ลิตร เป็นระยะเวลา 1 ปี และให้จัดเก็บในอัตราเดิม คือ 0.25 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2553
2. รายได้ที่จัดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ สำหรับ "โครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง" ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2551 - 1 ตุลาคม 2552 รวมทั้งสิ้น 8,151.37 ล้านบาท โดยปัจจุบันได้โอนเงินดังกล่าวเข้าสมทบกับเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ ทั้งนี้ฐานะเงิน "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 มีจำนวนทั้งสิ้น 16,385 ล้านบาท
3. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้จัดทำประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 สรุปได้ดังนี้
หน่วย: ล้านบาท
ปีงบประมาณ | 2554 | 2555 | 2556 | 2557 | รวมช่วงปี54-57 |
1.เงินคงเหลือณวันที่ 30 กันยายน 2553 | 16,385 | 16,385 | |||
2.ยอดยกมาต้นปีงบประมาณ | 17,536 | 22,272 | 29,666 | ||
3.รายรับประกอบด้วย | |||||
3.1 ประมาณรายรับจากผู้ผลิต/ผู้นำเข้าน้ำมัน | 7,083 | 7,214 | 7,379 | 7,453 | 29,129 |
3.2 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากพพ. | 968 | 862 | 671 | 710 | 3,210 |
3.3 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากปตท. | 211 | 212 | 204 | 135 | 762 |
หน่วย: ล้านบาท
ปีงบประมาณ | 2554 | 2555 | 2556 | 2557 | รวมช่วงปี54-57 |
3.4 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากกฟผ. | 550 | - | - | 400 | 950 |
รวมรับ | 8,812 | 8,288 | 8,254 | 8,698 | 34,051 |
4.รายจ่ายประกอบด้วย | |||||
4.1 รายจ่ายผูกพันปี 2538-2547 | 274 | 132 | 21 | - | 426 |
4.2 รายจ่ายผูกพันปี 2548-2552 | 4,701 | 3,420 | 838 | 766 | 9,726 |
4.3 รายจ่ายผูกพันปี 2553 (สนพ.) | 1,281 | 1,281 | |||
4.4 รายจ่ายผูกพันปี 2553 (พพ.) | 1,406 | 1,406 | |||
รวมจ่าย | 7,661 | 3,552 | 860 | 766 | 12,839 |
5.เงินคงเหลือปลายปี (1+2+3-4) ยกไป | 17,536 | 22,272 | 29,666 | 37,598 | 37,598 |
ประมาณการรายได้/รายจ่ายสุทธิ (3-4) | 1,151 | 4,736 | 7,394 | 7,932 | 21,213 |
มติที่ประชุม
รับทราบประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2554-2557 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 4 รายงานการดำเนินโครงการและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2553
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2553 ให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ในวงเงิน 1,823,952,000 บาท และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในวงเงิน 1,379,613,752 บาท รวมเป็นเงิน 3,203,565,752 บาท โดยแยกเป็นแผนพลังงานทดแทน ในวงเงิน 1,039,305,450 บาท แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในวงเงิน 2,034,859,090 บาท และแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ในวงเงิน 129,401,212 บาท
2. พพ. และ สนพ. ได้ดำเนินโครงการภายใต้แผนพลังงานทดแทน แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ปีงบประมาณ 2553 ตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ไว้แล้ว โดยมีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นจำนวนเงิน 2,931,520,752 บาท คิดเป็นร้อยละ 91.51 ของงบประมาณรวม และได้เบิกจ่ายเงินคิดเป็นร้อยละ 23 ของงบที่ผูกพัน ดังนี้
2.1 การดำเนินโครงการภายใต้แผนพลังงานทดแทน ได้มีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 979.95 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 94 ของงบที่ได้รับ
2.2 การดำเนินโครงการภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ได้มีใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 1,822.17 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 90 ของงบที่ได้รับ
2.3 การดำเนินงานภายใต้แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ได้มีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 129.40 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 100 ของงบที่ได้รับ
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานการดำเนินโครงการและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2553 ตามที่ ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 5 รายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
1. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม 2551 - 31 กรกฎาคม 2552 เพื่อให้ทราบว่าการดำเนินงานของกองทุนฯ และโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ มีผลการดำเนินงานบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายหรือไม่การใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ประหยัด และคุ้มค่าหรือไม่ อย่างไร โดยขอตรวจสอบตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549-2551 และได้ขอความร่วมมือ สนพ. จัดเตรียมเอกสารและข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับกองทุนฯ และสถานที่ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานระหว่างการตรวจสอบ
2. สตง. ได้แจ้งผลและส่งรายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549-2551 มายัง สนพ. เพื่อทราบและดำเนินการตามข้อเสนอแนะ ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ 2 ประเด็น ดังนี้
2.1 การใช้จ่ายเงินไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ โดยครอบคลุมการใช้จ่ายเงินเพื่อบริหารกองทุนฯ ทั้งในส่วนของ สนพ. และ พพ. ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามภารกิจหน้าที่ของกองทุนฯ ซึ่งกำหนดไว้ในวัตถุประสงค์ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535
2.2 ผลการดำเนินงานโครงการที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไม่บรรลุวัตถุประสงค์และไม่มีการใช้ประโยชน์ ซึ่ง สตง. ได้ตรวจสอบทั้งหมด 42 โครงการ ตามแผนพลังงานทดแทน และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยมีผลการดำเนินงานโครงการไม่บรรลุวัตถุประสงค์ และไม่มีการใช้ประโยชน์จากโครงการ จำนวน 11 โครงการ (พพ. จำนวน 10 โครงการ และ สนพ. จำนวน 1 โครงการ)
3. สตง. เสนอแนะให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอผลการตรวจสอบของ สตง. ให้ประธานกรรมการกองทุนฯ รับทราบและพิจารณา ดังต่อไปนี้
3.1 กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ในส่วนของงานบริหาร เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
3.2 จัดให้มีการติดตามประเมินผลการใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ ในส่วนของงานบริหารเพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งทราบปัญหา อุปสรรค
3.3 ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาของการดำเนินงานโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ โดยการพิจารณาดำเนินการตามรายงานประเมินผลและข้อเสนอแนะของคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน และแจ้งปัญหาในการดำเนินงานของทั้ง 11 โครงการ ตามผลการตรวจสอบให้ สนพ. และ พพ. ทราบและดำเนินการแก้ไข เพื่อให้การดำเนินงานโครงการมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและยั่งยืน
3.4 กำหนดกฎระเบียบให้ สนพ. และ พพ. ซึ่งได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ จัดส่งข้อมูล โครงการให้กองทุนฯ เพื่อให้คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ใช้ในการติดตามประเมินผล
3.5 การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้กับโครงการที่มีลักษณะการส่งเสริมและสาธิต ในอนาคตต้องกำหนดหลักเกณฑ์ให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ก่อน เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับพิจารณาตัดสินใจให้การสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับการดำเนินงานโครงการต่อไป
4. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ สตง. แล้ว สรุปได้ดังนี้
4.1 ได้จัดทำหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการประจำปี 2554 เพื่อใช้ในการพิจารณางบประมาณกองทุนฯ ปี 2554 ดังนี้
1) เกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ประจำปี 2554
เพื่อให้ใช้จ่ายเงินกองทุนในส่วนของงานบริหารงานกองทุนฯ เป็นไปตามเจตนารมณ์ ของพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรการ 25 (4) ที่กำหนดวัตถุประสงค์ให้ "เป็นค่าใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในการบริหารงานการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้" การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ประจำปี 2554 คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองงบประมาณประจำ 2554 ใช้หลักเกณฑ์เบื้องต้นในการพิจารณาจัดสรร ดังนี้
1.1) เป็นรายการค่าใช้จ่ายที่มีความเกี่ยวข้องกับภารกิจและหน้าที่ของกองทุนเพื่อส่งเสริม การอนุรักษ์พลังงาน
1.2) อัตราค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนด และรายการค่าจ้างที่ปรึกษาให้เป็นไปตามที่สำนักงบประมาณกำหนด
1.3) เป็นรายการค่าใช้จ่ายที่เป็นไปตามภารกิจที่คณะกรรมการกองทุนฯ และคณะอนุกรรมการกองทุนฯ มอบหมาย
1.4) เป็นรายการค่าใช้จ่ายที่ดำเนินการตามตัวชี้วัดเงินทุนหมุนเวียนของกรมบัญชีกลาง
1.5) นำผลประเมินของคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ มาประกอบการพิจารณาในการจัดสรรงบประมาณแต่ละปี
2) แนวทางการดำเนินงานในปีงบประมาณต่อไป
2.1) ฝ่ายเลขานุการฯ จะจัดตั้งคณะทำงานกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ของกองทุนฯ เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณเป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และตามภารกิจ หน้าที่ของกองทุนฯ ซึ่งประกอบด้วย ผู้แทนจาก สนพ. พพ. กรมบัญชีกลาง และผู้แทนสำนักงบประมาณ
2.2) นำหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ของกองทุนฯ ที่กำหนดโดยคณะทำงานมาใช้ในการจัดสรรงบประมาณแต่ละปี
4.2 ฝ่ายเลขานุการฯ จะดำเนินการจัดทำหนังสือแจ้งประธานอนุกรรมการประเมินผลฯ เพื่อติดตามประเมินผลการใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ ในส่วนของงานบริหารต่อไป
4.3 สนพ. และ พพ. ได้ชี้แจงเหตุที่ไม่บรรลุวัตถประสงค์หรือไม่มีการใช้ประโยชน์ พร้อมทั้งเสนอแนวทางการแก้ไขการดำเนินโครงการให้เกิดการใช้ประโยชน์สูงสุด ทั้ง 11 โครงการแล้ว ซึ่งมีรายละเอียดตามเอกสารแนบของระเบียบวาระ
4.4 การจัดส่งข้อมูลโครงการให้กองทุนฯ นั้น ได้เพิ่มเติมข้อเสนอในเรื่องที่ 4.1 เพื่อเป็นมติให้ สนพ. และ พพ. จัดส่งข้อมูลโครงการให้กองทุนฯ เพื่อให้คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ใช้ในการติดตามประเมินผลแล้ว
4.5 สนพ. ได้มีหนังสือแจ้ง สตง. ให้ทราบผลการดำเนินงานเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตามที่ ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และประธานกรรมการกองทุนฯ ให้ฝ่ายเลขานุการฯ และหน่วยงานทั้ง สนพ. และ พพ. นำข้อท้วงติงของ สตง. ไปเป็นแนวปฏิบัติในการดำเนินงานต่อไป เพื่อมิให้มีรายการค่าใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ที่ผิดวัตถุประสงค์เกิดขึ้นอีก
เรื่องที่ 6 บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2546 มีมติอนุมัติให้หน่วยงานต่างๆ ที่มีเงินนอกงบประมาณ ถือปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลเงินนอกงบประมาณ ที่กระทรวงการคลังเสนออย่างเคร่งครัด โดยให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติติดตามผล การดำเนินการ และกรมบัญชีกลางเริ่มใช้ระบบประเมินผลทุนหมุนเวียน ตั้งแต่ปีบัญชี 2547 ซึ่งกองทุน เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเป็นทุนหมุนเวียนที่เข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงาน ตั้งแต่ปีบัญชี 2549
2. ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 กรมบัญชีกลางได้กำหนดตัวชี้วัดภาคบังคับ "บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียน" ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ทุกทุนหมุนเวียนในความรับผิดชอบของกรมบัญชีกลางจะต้องปฏิบัติตาม โดยมีความมุ่งหวังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลของคณะกรรมการทุนหมุนเวียน โดย จะประเมินจาก 4 ประเด็นหลักที่สำคัญ ดังนี้
2.1 การจัดให้มีทิศทาง แผนยุทธศาสตร์ และแผนปฏิบัติการประจำปี โดยพิจารณาจากคณะกรรมการทุนหมุนเวียนกำหนดทิศทาง ยุทธศาสตร์ และจัดให้มีแผนยุทธศาสตร์หรือแผนระยะยาว และแผนปฏิบัติการประจำปี ที่มีองค์ประกอบครบถ้วน มีคุณภาพ และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์จัดตั้ง รวมถึง พันธกิจของทุนหมุนเวียน
2.2 การติดตามระบบการบริหารจัดการและผลการปฏิบัติงานตามภารกิจของทุนหมุนเวียน โดยพิจารณาจากคณะกรรมการทุนหมุนเวียนมีการติดตามผลการปฏิบัติงานตามพันธกิจและระบบบริหารจัดการที่สำคัญ ได้แก่ ระบบการควบคุมภายใน ระบบการตรวจสอบภายใน ระบบการบริหารความเสี่ยง ระบบบริหารจัดการสารสนเทศ และระบบบริหารทรัพยากรบุคคลของทุนหมุนเวียนอย่างครบถ้วน เพียงพอ และสม่ำเสมอทั้งปี
2.3 การจัดให้มีระบบประเมินผลผู้บริหารทุนหมุนเวียน โดยพิจารณาจากการประเมินผลผู้บริหารระดับสูงที่เป็นระบบ โดยมีหลักเกณฑ์ชัดเจนสอดคล้องและเชื่อมโยงกับหลักเกณฑ์ และเป้าหมายระดับองค์กร
2.4 การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยพิจารณาจากการเปิดเผยข้อมูลสารสนเทศที่ครบถ้วน ถูกต้อง เชื่อถือได้ ทันกาล
3. การกำหนดเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2554 นั้น ฝ่ายเลขานุการฯ กำลังดำเนินการเจรจาต่อรองระหว่างผู้ถูกประเมิน คือ กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (สนพ. และ พพ.) กับผู้ประเมิน คือ กรมบัญชีกลางและทริส เพื่อให้ได้ตัวชี้วัดที่เหมาะสมกับการดำเนินงานของกองทุนฯ มากที่สุด ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จกลางเดือนมกราคม 2554
มติที่ประชุม
รับทราบบทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง ตามที่ ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ รายงานผลการประเมินการดำเนินงานของกองทุนฯ ในแต่ละรอบ ต่อคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อทราบต่อไปด้วย
เรื่องที่ 7 งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 ได้รับทราบแผนอนุรักษ์พลังงานและเป้าหมาย ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-2554 ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เสนอ โดยมีเป้าหมายและการดำเนินการจะลดปริมาณการใช้พลังงานลง 7,820 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.8 ของความต้องการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศในปี 2554 และกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้แทนพลังงานเชิงพาณิชย์ 8,858 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 12.2 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554 และ กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2552 ได้เห็นชอบแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี โดยกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานทดแทนรวม 10,961 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 15.6 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554
2. สนพ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ได้รวบรวมงบประมาณรายจ่ายตามแผนงานและโครงการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับ ใช้จ่ายเป็นเงินหมุนเวียน เงินช่วยเหลือ หรือเงินอุดหนุนสำหรับการลงทุน และดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน มาตรา 25 แห่ง "พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" โดยมีหน่วยงานยื่นขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในปีงบประมาณ 2554 เป็นจำนวน 125 โครงการ ในวงเงินทั้งสิ้น 5,365,911,205 บาท
3. การพิจารณากลั่นกรองงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ดำเนินการโดย "คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองงบประมาณประจำปี 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ที่ประธานคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้แต่งตั้งเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2553 โดยมีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธานคณะทำงานฯ ซึ่งได้เริ่มประชุมพิจารณางบประมาณตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2553 - 3 ธันวาคม 2553 รวม 9 ครั้ง และคณะทำงานฯ ได้ยึดแนวทาง/หลักเกณฑ์การพิจารณากลั่นกรองโครงการฯ ของกองทุนฯ โดยมีหลักเกณฑ์ที่สำคัญ ดังนี้
1) การจัดลำดับความสำคัญตามนโยบายและแผน โดยทำการพิจารณาถึงความสอดคล้องของโครงการกับภารกิจที่สำคัญ ดังนี้
- ภารกิจตามข้อกำหนดและกฎหมาย พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
- ภารกิจตามยุทธศาสตร์ระดับชาติ นโยบายรัฐบาล และกระทรวงพลังงาน
- ภารกิจตามเจตนารมณ์ของกองทุนฯ ตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และตามแผนและเป้าหมายอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2551-2554
- ภารกิจตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี (พ.ศ. 2551-2565)
2) ระยะเวลาการเกิดผลสัมฤทธิ์ โดยใช้เป็นเกณฑ์ในการแบ่งช่วงเวลาที่โครงการดังกล่าวสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้ในอนาคต โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะ "สั้น" (เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ใน 1-2 ปี) ระยะ "กลาง" (เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ใน 3-5 ปี) และ ระยะ "ยาว" (เกิดผลสัมฤทธิ์ต้องใช้เวลามากกว่า 5 ปี)
3) ศักยภาพในการขยายผล โดยเน้นโครงการวิจัยและ/หรือดำเนินการแล้วสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้จริง (Deployment Potential) โดยแบ่งตามศักยภาพการขยายผลเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "มาก" และกลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "น้อย"
4) โครงการต่อเนื่อง โดยพิจารณาผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ถ้ามีความก้าวหน้าเกินกว่าร้อยละ 50 ของแผนงาน และผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดี จึงจะได้รับงบประมาณสำหรับปีต่อไป
5) งานประชาสัมพันธ์ ดำเนินงานเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสารอย่างแท้จริง
6) งบบริหารแผนการดำเนินงาน จะต้องเป็นภารกิจหรืองานที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และปรับอัตราค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ แนวทาง และขอบเขตการพิจารณางบประมาณตามที่สำนักงบประมาณกำหนด
4. คณะทำงานฯ ได้พิจารณารายละเอียดการของบประมาณรายจ่ายโครงการของกองทุนฯ ตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะอนุกรรมการฯ แล้ว โดยเห็นสมควรสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายตามโครงการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ เป็นจำนวนไม่เกิน 2,614,335,136 บาท รวม 81 โครงการ ซึ่งได้ครอบคลุมการดำเนินงานทั้งในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจ การจัดการด้านการใช้พลังงาน รวมถึงการส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานทดแทนในการผลิตไฟฟ้า และผลิตความร้อนในเทคโนโลยีต่างๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานชีวมวล และเชื้อเพลิงชีวภาพ โดยแบ่งรายจ่ายออกเป็น 2 หน่วยงานผู้เบิกเงิน กองทุนฯ ดังนี้
1) พพ. จำนวน 883,618,960 บาท คิดเป็นร้อยละ 33.80 รวม 54 โครงการ
2) สนพ. จำนวน 1,730,716,176 บาท คิดเป็นร้อยละ 66.20 รวม 27 โครงการ
5. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2553 ได้พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ แล้ว ที่ประชุมมีมติเห็นชอบงบประมาณรายจ่าย เป็นจำนวน 2,614,335,136 บาท ตามที่คณะทำงานฯ เห็นสมควร และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ดังนี้
จำแนกตามแผนอนุรักษ์พลังงาน | จำนวนโครงการ | รวม | ร้อยละ | จำแนกตามหน่วยผู้เบิก (บาท) | |
พพ. | สนพ. | ||||
1. แผนพลังงานทดแทน | 39 | 1,449,445,340 | 55.44 | 318,758,500 | 1,130,686,840 |
1.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา | 10 | 214,635,000 | 8.21 | 61,635,000 | 153,000,000 |
1.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 20 | 341,945,340 | 13.08 | 228,703,500 | 113,241,840 |
1.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 9 | 864,445,000 | 33.07 | - | 864,445,000 |
1.4 งานบริหารแผนงาน | - | 28,420,000 | 1.09 | 28,420,000 | - |
2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 40 | 1,087,318,060 | 41.59 | 564,860,460 | 522,457,600 |
2.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา | 3 | 107,800,000 | 4.12 | 7,800,000 | 100,000,000 |
2.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 21 | 492,940,000 | 18.86 | 492,940,000 | - |
2.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 16 | 479,543,060 | 18.34 | 57,085,460 | 422,457,600 |
2.4 งานบริหารแผนงาน | - | 7,035,000 | 0.27 | 7,035,000 | - |
3. แผนบริหารเชิงกลยุทธ์ | 2 | 77,571,736 | 2.97 | - | 77,571,736 |
3.1 งานศึกษาวิจัยเชิงนโยบาย | 2 | 14,000,000 | 0.54 | - | 14,000,000 |
3.2 งานบริหารแผนงาน | - | 63,571,736 | 2.43 | - | 63,571,736 |
รวมงบประมาณ กทอ.ปี 2554 | 81 | 2,614,335,136 | 100.00 | 883,618,960 | 1,730,716,176 |
6. ฝ่ายเลขานุการฯ มีข้อเสนอในการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ดังนี้
1) เนื่องจาก พพ. และ สนพ. มีงานบริหารเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานที่ต้องดำเนินงานต่อเนื่อง เช่น การเบิกจ่ายเงินให้หน่วยงาน โครงการ ตามข้อผูกพันสัญญาฯ การประสานหน่วยงาน โรงงาน อาคาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอนุรักษ์พลังงาน การให้คำแนะนำกับประชาชนในเรื่องวิธีประหยัดพลังงาน ฯลฯ จึงมีรายจ่ายประจำที่จำเป็นเพื่อการบริหารงานที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น ค่าจ้างพนักงานราชการ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปให้ความรู้ความเข้าใจ การร่วมประชุมให้ความเห็น ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเห็นชอบให้งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ งานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553
2) การพิจารณาให้ความเห็นชอบโครงการภายใต้งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ทั้งแผนพลังงานทดแทนและแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในส่วนที่ สนพ. รับผิดชอบ ขอเสนอวิธีการดำเนินงานในลักษณะเดียวกับปีงบประมาณ 2553 โดยให้ สนพ. ทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองรายละเอียดของโครงการที่มีผู้ยื่นขอรับการสนับสนุน ตามรายละเอียดการของบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 แล้วนำเสนอผู้มีอำนาจอนุมัติภายในวงเงิน ดังต่อไปนี้
(1) ผอ.สนพ. ไม่เกิน 10,000,000 บาท
(2) คณะอนุกรรมการกองทุนฯ เกิน 10,000,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000,000 บาท
(3) คณะกรรมการกองทุนฯ เกิน 50,000,000 บาท
3) เพื่อให้งานประชาสัมพันธ์มีความเป็นเอกภาพ และมีทิศทางการปฏิบัติไปในแนวเดียวกัน จึงขอเสนอพิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายโครงการประชาสัมพันธ์ในแผนพลังงานทดแทนและแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ไว้เป็นกรอบวงเงินแผนงานละ 350 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 700 ล้านบาท ให้ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจาก "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" ที่ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน และให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผนงาน/งานเดียวกันได้ ทั้งนี้เมื่อคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ เห็นชอบแล้ว ให้เสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติก่อนดำเนินโครงการต่อไป และให้กระทรวงพลังงานดำเนินการประเมินผลการประชาสัมพันธ์ที่ได้รับงบประมาณจากกองทุนฯ ต่อไปด้วย
4) เพื่อให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ให้ สนพ. และ พพ. จัดส่งข้อมูลการดำเนินโครงการที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ 2554 พร้อมทั้งเอกสารรายงานที่ได้ตรวจรับแล้ว (ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์) ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ทุก 4 เดือน เพื่อจัดส่งให้คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ใช้ในการติดตามประเมินผลโครงการต่อไป
มติที่ประชุม
ประธานกรรมการกองทุนฯ ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ไปดำเนินการทบทวนและตรวจสอบงบประมาณรายจ่ายในแต่ละโครงการตามข้อกำหนดในมาตรา 25 ของ พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พร้อมทั้งตรวจสอบโครงการในมิติตามเป้าหมายการอนุรักษ์พลังงาน เพิ่มเติม และจัดทำข้อมูลดังกล่าวเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อประกอบการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ในการประชุมครั้งต่อไป
กอ. ครั้งที่ 42 - วันศุกร์ที่ 10 มีนาคม 2549
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 1/2549 (ครั้งที่ 42)
วันศุกร์ที่ 10 มีนาคม 2549 เวลา 13.30 น.
ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล
3. โครงการทุนหมุนเวียนสำหรับยานยนต์ NGV
4. ข้อเสนอขอปรับโครงการส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ
5. ขออนุมัติโครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม 2 โครงการ
7. โครงการรณรงค์ประหยัดพลังงานในหน้าร้อน
8. ขออนุมัติโครงการทีมเทคนิคและอาชีวศึกษาเพื่อการประหยัดพลังงาน
รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายเมตตา บันเทิงสุข) กรรมการและเลขานุการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายวิเศษ จูภิบาล) กระทรวงพลังงาน ผู้เข้าร่วมประชุม
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ตรวจสอบรับรองงบการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2547 และ 2546 เรียบร้อยแล้ว โดย สตง. มีข้อสังเกตว่าสินทรัพย์ถาวรที่จัดซื้อจากเงินกองทุนฯ ยังไม่ได้บันทึกเป็นสินทรัพย์ของส่วนราชการที่จัดซื้อ ซึ่งไม่เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 สตง. ได้เสนอแนะให้กองทุนฯ ประสานงานกับส่วนราชการ (หน่วยผู้เบิก) ให้สำรวจและจัดทำทะเบียนคุมทรัพย์ให้ถูกต้องครบถ้วน เพื่อให้ส่วนราชการดังกล่าวนำไปบันทึกเป็นสินทรัพย์ ในบัญชีชุดส่วนราชการต่อไป
2. สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการกองทุนฯ ได้แจ้งให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานและกรมบัญชีกลางทราบและถือปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของ สตง. โดยเคร่งครัดต่อไปแล้ว
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่า คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ได้เห็นชอบการปรับเปลี่ยนแนวทางในการติดตามประเมินผลใหม่ โดยการประเมินผลแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 (2548 - 2554) จะใช้แนวทางการติดตามและประเมินผลแบบมีส่วนร่วม ซึ่งเป็นการประเมินที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับเจ้าของโครงการ ผู้ร่วมโครงการและผู้ประเมินผลได้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการประเมิน และเป็นการประเมินผลโครงการอย่างต่อเนื่องทั้งโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ (Ongoing Evaluation) และโครงการที่เสร็จสิ้นแล้ว (Post Evaluation) ซึ่งจะทำให้สามารถนำผลการประเมินไปปรับปรุงการดำเนินโครงการและแผนงานได้อย่างทันท่วงที โดยการประเมินผลในระดับแผนงาน จะนำผลการประเมินระดับโครงการมาเป็นข้อมูลวิเคราะห์และประเมินผล โดยจะพิจารณาประเด็น4 ด้าน คือ ด้านพันธกิจ ด้านกลุ่มเป้าหมาย ด้านการบริหารจัดการ และด้านการเรียนรู้และพัฒนา
2. การติดตามประเมินผลปี 2548 เป็นการติดตามประเมินผลโครงการทั้งหมดภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงานระยะที่ 3 ปีงบประมาณ 2548 มีทั้งสิ้น 84 โครงการ งบประมาณรวม 1,571.92 ล้านบาท โดยที่ปรึกษาได้แบ่งกลุ่มโครงการเพื่อการติดตามและประเมินผลออกเป็น 4 กลุ่มเพื่อให้สอดคล้องตามดัชนีชี้วัดของโครงการ ดังนี้
2.1 โครงการภายใต้แผนงานพลังงานทดแทน (กลุ่มงานวิจัยและสาธิต)
2.2 โครงการภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (กลุ่มงานวิจัยและสาธิต)
2.3 โครงการภายใต้แผนงานบริหารเชิงกลยุทธ์
2.4 โครงการกลุ่มประชาสัมพันธ์และบุคลากรภายใต้แผนงานพลังงานทดแทนและแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
3. สรุปผลการติดตามประเมินผล : การดำเนินงานติดตามและประเมินผลที่ผ่านมามีความคืบหน้าไปด้วยดี โดย ณ สิ้นเดือนมกราคม 2549 สถานะการประเมินผลโครงการมีรายระเอียดดังนี้คือ
โครงการอยู่ระหว่างขอข้อมูลโครงการ จำนวน 1 โครงการ
โครงการอยู่ระหว่างการพัฒนาดัชนีชี้วัดรายโครงการ จำนวน 13 โครงการ
โครงการที่สรุปดัชนีชี้วัด และกำลังพัฒนาเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล จำนวน 47 โครงการ
อยู่ในขั้นตอนการเก็บรวบรวมข้อมูล จำนวน 18 โครงการ
อยู่ในขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูล จำนวน 1 โครงการ
อยู่ในขั้นตอนการสรุปผลการประเมิน และจัดทำข้อเสนอแนะ จำนวน 4 โครงการ
โดยคาดว่าจะสามารถสรุปผลการประเมินโครงการและแผนงานทั้งหมดภายในเดือนพฤษภาคม 2549 นี้
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
เรื่องที่ 3 โครงการทุนหมุนเวียนสำหรับยานยนต์ NGV
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่า คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 2/2548 (ครั้งที่ 41) เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2548 ได้พิจารณาโครงการทุนหมุนเวียนสำหรับยานยนต์ NGV ตามที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เสนอ และได้มีมติอนุมัติเงินกองทุนฯ จำนวน 2,000 ล้านบาท จากแผนพลังงานทดแทน งานส่งเสริมและสาธิต ปีงบประมาณ 2549 ให้ ปตท. เพื่อนำไปใช้ในโครงการทุนหมุนเวียนสำหรับยานยนต์ NGV โดยมีเงื่อนไขให้ ปตท. จัดทำรายละเอียดของโครงการฯ เสนอคณะอนุกรรมการฯ พิจารณา เช่น การเบิกจ่ายเงินจากกองทุนฯ เท่าที่จำเป็นต้องใช้ในแต่ละช่วงเวลา ระยะเวลาการส่งเงินคืนกองทุนฯ และอัตราดอกเบี้ย เป็นต้น และเมื่อ ปตท. ได้ดำเนินการตามเงื่อนไขดังกล่าว และได้รับความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการฯ แล้ว ให้ฝ่ายเลขานุการฯ รายงานผลให้คณะกรรมการกองทุนฯ ทราบ ต่อไป
2. ปตท.ได้เสนอสาระสำคัญและขั้นตอน วิธีการดำเนินโครงการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสรุปได้ ดังนี้
2.1 ปตท. จัดตั้งกองทุนหมุนเวียนสำหรับยานยนต์ NGV เพื่อขยายการใช้ NGV จำนวน 5,000 ล้านบาท และเงินทุนจากกองทุนฯ สมทบกองทุนหมุนเวียนฯ อีกจำนวน 2,000 ล้านบาท ปตท. จะเบิกเงินเป็นรายเดือนตามรายละเอียดการจ่ายจริง
2.2 ปตท. เชิญธนาคารและสถาบันการเงินต่าง ๆ เข้าร่วมในโครงการให้สินเชื่อแก่เจ้าของยานยนต์ ซึ่งมีความประสงค์ที่จะดัดแปลง และ/หรือ ติดตั้งอุปกรณ์ใช้ NGV โดย ปตท. จะนำเงินเข้าฝากในบัญชีที่ ปตท. เปิดไว้กับแต่ละธนาคารและสถาบันการเงินให้เพียงพอกับวงเงินสินเชื่อที่ธนาคาร/สถาบันการเงินนั้นปล่อยกู้เพื่อโครงการ ฯ
2.3 ปตท. เป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อร่วมกับธนาคาร/สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ
2.4 ปตท. จะทำการลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกัน (MOU) กับธนาคารและสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการ
2.5 ปตท. โอนเงินไปฝากไว้ในบัญชีให้แต่ละธนาคาร/สถาบันการเงินตามที่ธนาคาร/สถาบันการเงินแจ้งประมาณการปล่อยสินเชื่อ
2.6 ธนาคาร/สถาบันการเงิน จะดำเนินการปล่อยสินเชื่อตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ได้ตกลงกับ ปตท.
2.7 ปตท. จัดทำรายละเอียดการเบิกจ่ายเงินจากกองทุนฯ พร้อมทั้งรายงานความก้าวหน้าการปล่อยสินเชื่อโครงการให้แก่ สนพ. ทราบทุกไตรมาส
2.8 ปตท. จะชำระคืนเงินกองทุนฯ เป็นรายไตรมาส พร้อมอัตราดอกเบี้ย 0.50% ต่อปี
ทั้งนี้ การเบิกจ่ายเงิน และการคืนเงินกองทุนฯ เป็นการประมาณการ โดยอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตามการเบิกจ่ายจริง
3. คณะอนุกรรมการฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2549 (ครั้งที่ 2) เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2549 ได้พิจารณาแล้วมีมติดังนี้
3.1 เห็นชอบในรายละเอียดขั้นตอนการดำเนินงานของโครงการทุนหมุนเวียนสำหรับยานยนต์ NGV ตามข้อเสนอโครงการที่ ปตท. เสนอ ทั้งนี้ หากกองทุนฯ มีปัญหาในเรื่องสภาพคล่องทางด้านการเงินในปีแรก ปตท. จะต้องจ่ายเพิ่มให้เพียงพอกับความต้องการใช้เงินของธนาคารด้วย
3.2 เห็นชอบให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำโครงการดังกล่าว เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อทราบต่อไป
3.3 กองทุนฯ ต้องไม่มีความเสี่ยงใดๆ ในการปล่อยกู้ หากมีหนี้สูญ ปตท. จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเอง
3.4 มอบหมายให้ ปตท. สนพ. และกรมบัญชีกลางหารือเรื่องรายละเอียดการเบิกจ่ายเงิน และการส่งเงินคืนกองทุนฯ โดยให้คำนึงถึงสภาพคล่องทางการเงินของกองทุนฯ ด้วย
3.5 มอบหมายให้ สนพ. ศึกษาความคุ้มค่าทางด้านเศรษฐศาสตร์ สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศในระยะยาวหากมีการส่งเสริมให้มีการใช้ NGV อย่างแพร่หลาย
4. ผู้แทน ปตท. ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่าสำหรับประเด็นที่อนุกรรมการฯ ได้ให้ข้อสังเกตไว้นั้น ปตท. ได้ร่วมหารือกับ สนพ. แล้ว และ ปตท. สามารถดำเนินการได้ตามข้อสังเกตของคณะอนุกรรมการฯ
มติที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบมติคณะอนุกรรมการฯ ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 4 ข้อเสนอขอปรับโครงการส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบว่า ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2548 (ครั้งที่ 40) เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2548 ได้มีมติอนุมัติเงินกองทุนฯ จำนวน 110 ล้านบาท จากแผนพลังงานทดแทน งานส่งเสริมและสาธิต ปีงบประมาณ 2548 ให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อนำไปใช้ในโครงการส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ โดยมีจำนวนรถที่สนใจเข้าร่วมโครงการ จากหน่วยงานราชการต่างๆ จำนวน 21 กระทรวง เป็นจำนวนทั้งสิ้น 1,708 คัน โดยให้ ปตท. เป็นผู้จัดหาอุปกรณ์ NGV กรมธุรกิจพลังงานเป็นผู้จัดทำแผนการติดตั้ง และมีหน่วยงานทหารและสถาบันอาชีวศึกษาต่างๆ จำนวน 15 แห่ง เป็นผู้ติดตั้ง
2. ผลการดำเนินโครงการ ปรากฏว่าการติดตั้งอุปกรณ์ NGV ของหน่วยงานราชการตามข้อมูล ณ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2549 มีรถราชการติดตั้งอุปกรณ์ NGV แล้ว จำนวนทั้งสิ้น 314 คัน โดยการติดตั้งอุปกรณ์ NGV ในรถราชการไม่เป็นไปตามแผนที่กรมธุรกิจพลังงานได้กำหนด เนื่องจาก จำนวนรถที่หน่วยงานราชการแต่ละหน่วยงานยืนยันเข้าร่วมโครงการ ได้มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งบางหน่วยงานมีจำนวนรถลดลง ปตท. จึงได้มีหนังสือที่ 71063000/329/2549 ลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2549 เพื่อขอปรับรายละเอียดในโครงการส่งเสริมการใช้ก๊าซ NGV ในรถราชการ ดังนี้
2.1 ขอปรับรายงานความก้าวหน้าและรายงานการเงิน โดยรวมส่งรายงานความก้าวหน้าฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 ซึ่งเป็นการรายงานความก้าวหน้าการติดตั้งอุปกรณ์ NGV ในรถราชการ จำนวน 500 คัน และ 1,000 คันตามลำดับ เป็นรายงานฉบับเดียวกัน โดยขอส่งรายงานความก้าวหน้า ณ สิ้นเดือนที่ 8 (พฤษภาคม 2549) และขอรวมการเบิกเงินตามรายงานความก้าวหน้าฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 เป็นครั้งเดียวกันจำนวนทั้งสิ้น 75,500,000 บาท เมื่อรายงานความก้าวหน้าฉบับที่ 1 ได้รับความเห็นชอบจาก สนพ.
2.2 ขอเพิ่มเติมรถยนต์ราชการที่สามารถเข้าร่วมโครงการจากเดิม เฉพาะเครื่องยนต์เบนซิน เป็นเครื่องยนต์เบนซิน หรือดีเซล
2.3 ขออนุมัติถัวจำนวนรถยนต์ในโครงการระหว่างหน่วยงานราชการต่างๆ รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 1,708 คัน
2.4 ขอเพิ่มหน่วยงานราชการอื่นที่ไม่ได้แจ้งความจำนงไว้ ตั้งแต่เริ่มโครงการแต่ได้ยื่นความจำนงเพิ่มเติมในภายหลัง โดย ปตท. จะทำการติดตั้งอุปกรณ์ให้กับหน่วยงานที่ได้ยื่นความจำนงไว้ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการก่อนเป็นลำดับแรก หากติดตั้งแล้วเสร็จทั้งหมด แต่จำนวนรถราชการที่ติดตั้งยังไม่ครบจำนวน 1,708 คัน และหรืองบประมาณยังคงเหลือ ปตท. จะแจ้งให้หน่วยงานที่แจ้งความจำนงภายหลัง นำรถของหน่วยงานมาติดตั้งอุปกรณ์ NGV
มติที่ประชุม
อนุมัติให้ ปตท. ปรับโครงการส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ ตามรายละเอียดที่เสนอในข้อ 2 และมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ รับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ ไปดำเนินการต่อไป
เรื่องที่ 5 ขออนุมัติโครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม 2 โครงการ
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะอนุกรรมการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 8/2547 (ครั้งที่ 15) เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2547 ได้อนุมัติข้อเสนอของ 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ที่ได้ยื่นขอทุนจากกองทุนฯ เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการสาธิตการใช้พลังงานลมเพื่อผลิตไฟฟ้าจ่ายขนานเข้าระบบจำหน่าย รวม 3 โครงการ โดย พพ. กฟผ. และ กฟภ. จะติดตั้งกังหันลมหน่วยงานละ 1 ชุด เพื่อเก็บสถิติข้อมูลจากการใช้งานจริง โดยแต่ละระบบมีความแตกต่างกันในด้านขนาดกำลังการผลิต เทคโนโลยี และสถานที่ติดตั้ง ดังนี้
หน่วยงาน | สถานที่ติดตั้ง | กำลังการผลิต | ขอทุน (ล้านบาท) |
ร่วมลงทุน (ล้านบาท) |
รวมทั้งสิ้น (ล้านบาท) |
(1) พพ. | ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช |
900 kW | 50.000 | - | 50.000 |
(2) กฟภ. | ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย อ.สทิงพระ จ.สงขลา |
600 kW | 41.108 | 13.980 | 55.088 |
(3) กฟผ. | ชายฝั่งทะเลอันดามัน แหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ต |
600 kW | 31.037 | 13.302 | 44.339 |
รวมทั้งสิ้น | 2,100 kW | 122.145 | 27.282 | 149.427 |
2. พพ. ได้มีหนังสือที่ พน.0506/31097 ลงวันที่ 8 พฤษภาคม 2548 เพื่อขอเปลี่ยนแปลงการดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามนโยบายกระทรวงพลังงาน จากวิธีการสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วนให้กับแต่ละหน่วยงานโดยตรงเพื่อดำเนินการติดตั้งระบบสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม เป็น พพ. กฟภ. และ กฟผ.ร่วมดำเนินการโครงการฯ โดยเปิดให้เอกชนลงทุน จัดตั้งกังหันลมเพื่อขายไฟฟ้าที่ผลิตได้ให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย และนำเงินที่ได้รับอนุมัติไว้แล้ว รวมทั้งสิ้น 122,145,194 บาท มาจัดทำ "โครงการสนับสนุนการรับซื้อพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานลม" เพื่อเปิดให้เอกชนลงทุนเพื่อติดตั้งระบบสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม โดยให้เงินสนับสนุนค่าพลังงานไฟฟ้าส่วนเพิ่มไม่เกินหน่วยละ 8 บาท มีระยะเวลาการรับเงินชดเชย 5 ปี
3. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 1/2548 (ครั้งที่ 1) เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2548 ที่ประชุมได้พิจารณาแล้วมีความเห็นว่าเนื่องจากการจัดทำโครงการพลังงานลม 3 โครงการเดิมนั้น มีวัตถุประสงค์ เพื่อวิจัย พัฒนาและสาธิต เทคโนโลยีที่ยังไม่มีในประเทศ ดังนั้นควรเป็นการสาธิตกังหันขนาดใหญ่ ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อการวิจัยพัฒนาในอนาคตมากกว่า โดยควรสาธิตที่ขนาด 1.5 MW ขึ้นไป และเพื่อไม่ให้กระทบต่อวงเงินเดิมที่ได้อนุมัติไว้ จึงเห็นควรให้มีการปรับลดหน่วยงานที่ดำเนินการจากเดิม ลงเหลือ 2 แห่ง คือ พพ. และ กฟภ. ซึ่งที่ประชุมได้มีมติในเรื่องดังกล่าว ดังนี้
(1) เห็นควรสนับสนุนให้มีการส่งเสริมและสาธิตการผลิตไฟฟ้าโดยมอบหมายให้ พพ. และ กฟภ. ดำเนินโครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมโดยปรับเปลี่ยนจากการดำเนินงาน 3 โครงการ เหลือ 2 โครงการ และแต่ละโครงการมีขนาดติดตั้ง 1.5 MW ขึ้นไป และเสนอให้คณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาต่อไป
(2) เห็นชอบให้ กฟผ. กฟภ. และ พพ. ปิดบัญชีโครงการเดิม และส่งเงินที่เหลือพร้อมดอกเบี้ยคืนกองทุนฯ โดยให้แต่ละหน่วยงานสามารถหักรายจ่ายที่เกิดขึ้นจากดำเนินโครงการได้ตามที่เกิดขึ้นจริง
4. พพ. และ กฟภ. ได้จัดทำข้อเสนอโครงการตามความเห็นของคณะอนุกรรมการฯ แล้ว โดยจะติดตั้งกังหันลมหน่วยงานละ 1 ชุด เพื่อเก็บสถิติข้อมูลจากการใช้งานจริง สรุปได้ดังนี้
หน่วยงาน | สถานที่ติดตั้ง | กำลังผลิต | ขอทุน (ล้านบาท) |
ร่วมลงทุน (ล้านบาท) |
รวมทั้งสิ้น (ล้านบาท) |
เทคโนโลยี |
พพ. | ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช |
1.5 MW | 87.000 | - | 87.000 | Gear Box |
กฟภ. | ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย อ.สทิงพระ จ.สงขลา |
1.5 MW | 76.828 | 24.552 | 101.380 | Gearless |
รวมทั้งสิ้น | 3.0 MW | 163.828 | 188.380 |
มติที่ประชุม
1. อนุมัติให้ พพ. กฟภ. และ กฟผ. ยกเลิกการดำเนินโครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากลม ทั้ง 3 หน่วยงาน ตามที่คณะอนุกรรมการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุม เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2547 ได้อนุมัติไว้ และให้ พพ. กฟภ. และ กฟผ. ทำการปิดโครงการฯ พร้อมทั้งคืนเงินส่วนที่เหลือทั้งหมดต่อกองทุนฯ
2. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ปีงบประมาณ 2549 ให้แก่ พพ. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ในวงเงิน 87,000,000 บาท (แปดสิบเจ็ดล้านบาทถ้วน) ทั้งนี้ พพ. จะต้องดำเนินการจัดหาผู้ดำเนินการติดตั้งระบบกังหันลมให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับทุนจากกองทุนฯ โดยให้ พพ. จะต้องพิจารณาเลือกชนิด ขนาด เทคโนโลยีของกังหันลมให้มีความสอดคล้องกับศักยภาพของพลังลมในพื้นที่ที่จะติดตั้ง และควรคำนึงถึงความสามารถในการผลิตไฟฟ้าของกังหันลมด้วย
3. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ปีงบประมาณ 2549 ให้แก่ กฟภ. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการติดตั้งกังหันลมผลิตไฟฟ้าจ่ายขนานเข้าระบบจำหน่าย ในวงเงิน 76,828,000 บาท (เจ็ดสิบหกล้านแปดแสนสองหมื่นแปดพันบาทถ้วน) ทั้งนี้ กฟภ. จะต้องดำเนินการจัดหาผู้ดำเนินการติดตั้งระบบกังหันลมให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับทุนจากกองทุนฯ โดยให้ กฟภ. จะต้องพิจารณาเลือกชนิด ขนาด เทคโนโลยีของกังหันลมให้มีความสอดคล้องกับศักยภาพของพลังลมในพื้นที่ที่จะติดตั้ง และควรคำนึงถึงความสามารถในการผลิตไฟฟ้าของกังหันลมด้วย
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ตามที่กระทรวงคมนาคม เสนอขอความเห็นชอบ ปรับเปลี่ยนค่าผ่านทางของ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) สำหรับรถยนต์ที่มีล้อไม่เกิน 4 ล้อ เป็น 20 บาทต่อคัน ตลอดทั้งสาย และลดค่าผ่านทางสำหรับรถยนต์ที่มีล้อเกินกว่า 4 ล้อ ลงเหลือไม่เกิน 50 บาทต่อคัน ในช่วงทดลองเป็นระยะเวลา 3 เดือน ในกรณีรายได้จากค่าผ่านทางที่บริษัทฯ เก็บได้ลดลงต่ำกว่าวันละ 3.3 ล้านบาท รัฐจะต้องชดเชยในส่วนต่างให้กับบริษัทฯ ร้อยละ 80 ของส่วนต่าง โดยให้กองทุนฯ จัดสรรเงินชดเชยให้ ส่วนกรณีรายได้สูงกว่า 3.3 ล้านบาท ก็เห็นควรแบ่งรายได้กันฝ่ายละครึ่ง ซึ่งคณะรัฐมนตรี ในการประชุมเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2547 ได้มีมติเห็นชอบในหลักการ แนวทางการแก้ไขปัญหาการจราจรบนถนนวิภาวดีรังสิต ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ แต่เนื่องจากการจัดสรรเงิน กองทุนฯ เพื่อชดเชยค่าผ่านทางในส่วนต่างให้แก่บริษัทฯ เป็นอำนาจของคณะกรรมการกองทุนฯ ตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 จึงให้ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลัง คือการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการฯ ดังกล่าวด้วย
2. บริษัทฯ ได้ปรับลดค่าผ่านทางของทางยกระดับอุตราภิมุขตลอดสายตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2547 - 21 มีนาคม 2548 เป็นระยะเวลา 3 เดือนแล้ว กรมทางหลวง ได้ทำการตรวจสอบรายได้ หลังจากทดลองปรับลดค่าผ่านทาง สรุปผลได้ดังนี้ รายได้ค่าผ่านทางตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2547 - 21 มีนาคม 2548 เป็นเงิน 258,408,950 บาท ซึ่งต่ำกว่ารายได้ของบริษัทฯ ก่อนปรับลดค่าผ่านทาง คือ 297,000,000 บาท ดังนั้น กรมทางหลวง จึงมีหนังสือที่ คค 0637/ฝส./10614 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2548 ขอให้ สนพ. ดำเนินการ ในส่วนที่รัฐต้องชดเชยค่าผ่านทางร้อยละ 80 ของส่วนต่าง เป็นจำนวน 30,603,845 บาท ให้กับบริษัทฯ ตามมติคณะรัฐมนตรี
3. ฝ่ายเลขานุการฯ เห็นควรให้จ่ายค่าชดเชยให้กับบริษัทฯ เป็นจำนวนเงิน 30,603,845 บาท เนื่องจากเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี และผลจากการดำเนินการดังกล่าวนั้น คาดว่าจะก่อให้เกิดประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคขนส่ง
มติที่ประชุม
1. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานส่งเสริมและสาธิต ปีงบประมาณ 2549 ในวงเงิน 30,603,845 บาท ให้แก่กรมทางหลวง เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินเพื่อชดเชยค่าผ่านทาง ในส่วนต่างให้แก่ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2547
2. การเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ให้แก่กรมทางหลวง เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการจ่ายเงินเพื่อชดเชยค่าผ่านทางในส่วนต่างให้แก่ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2547 โดยมอบหมายให้กรมทางหลวง รวบรวมเอกสาร หลักฐาน การเบิกจ่ายเงิน ให้ครบถ้วนตามจำนวนเงิน 30,603,845 บาท แล้วจัดส่งให้ สนพ. เพื่อใช้เป็นเอกสาร หลักฐาน การเบิกจ่ายเงินจากกองทุนฯ พร้อมทั้งตรวจสอบผลประหยัดที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการในช่วงดังกล่าวส่งให้ฝ่ายเลขานุการฯ เพื่อประเมินความคุ้มค่าของโครงการต่อไปด้วย
เรื่องที่ 7 โครงการรณรงค์ประหยัดพลังงานในหน้าร้อน
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (สอศ.) ประสานและหารือมายังกระทรวงพลังงาน (พน.) ถึงแนวทางความร่วมมือในการดำเนินงานด้านพลังงานทั้งในระยะสั้น และระยะยาว เพื่อให้เกิดการบูรณาการความร่วมมือ และเกิดผลในการปฏิบัติโดยเร็ว ดังนั้น พน. จึงได้จัดให้มีการประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางความร่วมมือร่วมกันระหว่าง พน. และ สอศ. ซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบให้เร่งดำเนินงานในระยะสั้น โดยการจัดกิจกรรมการรณรงค์ประหยัดพลังงานในหน้าร้อน คือ โครงการล้างแอร์ และโครงการตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ทั่วประเทศ
2. พน. ได้จัดทำโครงการประหยัดพลังงานหน้าร้อนเพื่อให้เกิดผลในทุกภาคส่วน โดยดำเนินกิจกรรมล้างแอร์และตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ ร่วมกับ สอศ. พร้อมกับประสานขอความร่วมมือกับพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บมจ. กฟผ. จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) บริษัทผู้ให้บริการล้างเครื่องปรับอากาศ บริษัทน้ำมัน และกรมการขนส่งทางบก เพื่อให้บริการแก่ประชาชน ซึ่ง พน. จำเป็นต้องขอรับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการร่วมกับ สอศ. ในการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ และการประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ภูมิภาค ดังนี้
2.1 โครงการล้างแอร์ลดค่าไฟหน้าร้อน เพื่อลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าในช่วงหน้าร้อน ซึ่งเป็นช่วงที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของประเทศ โดยสนับสนุนให้ สอศ. ล้างเครื่องปรับอากาศสำหรับภาคราชการ จำนวน 20,000 เครื่อง ในวงเงิน 10,000,000 บาท และในภาคประชาชน/เอกชน ไม่ต่ำกว่า 20,000 เครื่อง (ไม่รวมเป้าหมายจากพันธมิตร เช่น กฟน. ร่วมให้บริการในพื้นที่ของ กฟน. จำนวน 10,000 เครื่อง บริษัทน้ำมันต่างๆ ร่วมล้างเครื่องปรับอากาศในร้านสะดวกซื้อและสำนักงานทั่วประเทศ) โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการใช้ไฟฟ้าหน่วยงานราชการ ประชาชน และภาคธุรกิจ ไม่ต่ำกว่า 4,500,000 หน่วย คิดเป็นเงิน 13,500,000 บาท/เดือน ลดการใช้น้ำมันเตาในการผลิตไฟฟ้าในช่วง Peak ไม่ต่ำกว่า 19,485,000 บาท
2.2 โครงการตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ (Tune up) เพื่อลดปริมาณการใช้น้ำมันในช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเดินทางไปต่างจังหวัด เพื่อพักผ่อนและเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ โดยความร่วมมือระหว่างกองทุนฯ ผู้ให้การสนับสนุนค่าใช้จ่ายจำนวน 4,886,400 บาท ร่วมกับ สอศ. และบริษัทเชลล์ ออร์โตเซิร์ฟ สนับสนุนด้านบุคลากรในการปรับแต่งเครื่องยนต์ กรมการขนส่งทางบก และบริษัทน้ำมันต่างๆ อาทิ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด บริษัท น้ำมันคาลเท็กซ์ (ไทย) จำกัด และบริษัท คอนอโค (ประเทศไทย) จำกัด สนับสนุนในการจัดพื้นที่ให้บริการ สนพ. สนับสนุนงานด้านการประชาสัมพันธ์โครงการ โดยมีระยะเวลาการดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 1-10 เมษายน 2549 จำนวน 200 แห่ง ทั่วประเทศ มีเป้าหมายเพื่อให้มีการปรับแต่งเครื่องยนต์สำหรับรถยนต์ทั่วไป จำนวน 25,000 คัน คาดว่าประหยัดน้ำมันเบนซิน 190,000 ลิตร/เดือน และประหยัดน้ำมันดีเซล 72,000 ลิตร/เดือน คิดเป็นผลประหยัด 6.55 ล้านบาท/เดือน
2.3 การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ โครงการ "พลังไทย ฉลาดใช้พลังงาน...หน้าร้อน" เพื่อสร้างกระแสให้กลุ่มเป้าหมายทุกภาคส่วนลดการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันในช่วงฤดูร้อน และเพื่อรณรงค์ประหยัดพลังงาน ด้วยการกระตุ้นและจูงใจให้กลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งสามารถเห็นผลการประหยัดไฟฟ้า และน้ำมันได้อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้การประชาสัมพันธ์ยังเป็นการให้คำแนะนำถึงวิธีการปฏิบัติ หรือวิธีการดูแลและรักษาเครื่องปรับอากาศ และเครื่องยนต์อย่างถูกวิธีที่กลุ่มเป้าหมายสามารถนำไปปฏิบัติให้เคยชินเป็นนิสัย ซึ่งจะลดค่าใช้จ่ายให้กับตนเองได้ โดยขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในวงเงิน 27,855,000 บาท ซึ่ง สนพ. ใช้งบประมาณประจำปี 2549 ที่กองทุนฯ ได้อนุมัติไว้แล้ว จำนวนเงิน 20,245,000 บาท และขออนุมัติเพิ่มเติมอีกจำนวน 7,610,000 บาท โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือประชาชนทั่วไป หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ บริษัทเอกชน และภาคอุตสาหกรรมต่างๆ
2.4 ค่าใช้จ่ายในการติดต่อประสานงานกับหน่วยราชการในจังหวัดและการดำเนินกิจกรรมประชาสัมพันธ์ เพื่อสนับสนุนโครงการนี้ในระดับจังหวัดของสำนักงานพลังงานภูมิภาค ในสังกัดของสำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน จำนวน 600,000 บาท
มติที่ประชุม
1. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ ปีงบประมาณ 2549 ให้สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา ในวงเงิน 14,184,400 บาท ( สิบสี่ล้านหนึ่งแสนแปดหมื่นสี่พันสี่ร้อยบาทถ้วน) โดยแบ่งเป็น โครงการล้างแอร์ลดค่าไฟหน้าร้อน จำนวน 9,298,000 บาท (เก้าล้านสองแสนเก้าหมื่นแปดพันบาทถ้วน) และ โครงการตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ จำนวน 4,886,400 บาท (สี่ล้านแปดแสนแปดหมื่นหกพันสี่ร้อยบาทถ้วน)
2. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ ปีงบประมาณ 2549 ให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เพิ่มเติมอีกในวงเงิน 7,610,000 บาท (เจ็ดล้านหกแสนหนึ่งหมื่นบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการรณรงค์ประหยัดพลังงานในหน้าร้อน ในส่วนที่ สนพ. รับผิดชอบ
3. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ ปีงบประมาณ 2549 ให้สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน (สป.พน.) ในวงเงิน 600,000 บาท (หกแสนบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการรณรงค์ประหยัดพลังงานในหน้าร้อน ในส่วนที่ สป.พน. รับผิดชอบ
เรื่องที่ 8 ขออนุมัติโครงการทีมเทคนิคและอาชีวศึกษาเพื่อการประหยัดพลังงาน
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2548 ได้มีมติเห็นชอบยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาด้านพลังงานของประเทศ โดยให้แต่งตั้งคณะกรรมการประสานการรณรงค์ และติดตามการประหยัดพลังงาน เพื่อทำหน้าที่ในการให้คำปรึกษาและแนะนำการประหยัดพลังงานกับทุกภาคส่วน
2. ประธานคณะกรรมการฯ (นายเชิดพงษ์ สิริวิชช์) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านเทคนิคเพื่อการประหยัดพลังงาน เพื่อทำหน้าที่ในการประสานและให้คำแนะนำด้านเทคนิคและแนวทางปฏิบัติในการประหยัดพลังงานในทุกภาคส่วน จากการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการด้านเทคนิคฯ ที่ผ่านมา ได้มีการจัดตั้ง ทีมเทคนิคเพื่อการประหยัดพลังงาน ซึ่งประกอบไปด้วยทีมวิศวกรของ พพ. กฟน. กฟภ. และ กฟผ. ประมาณ 80 ทีม โดย พพ. กฟน. และ กฟผ. รับผิดชอบอาคารในเขตกรุงเทพฯ สมุทรปราการ และนนทบุรี ส่วน กฟภ. รับผิดชอบอาคารในภูมิภาค 73 จังหวัด ซึ่งในช่วงระยะเวลา 10 เดือนที่ผ่านมา (มิถุนายน 2548 - กุมภาพันธ์ 2549) พพ. กฟผ. กฟน. และ กฟภ. ได้จัดส่งทีมเทคนิคไปยังหน่วยงานต่างๆ ดังนี้
2.1 พพ. ได้จัดส่งทีมเทคนิคไปฝึกอบรมให้ความรู้กับหน่วยงานของรัฐ จำนวน 39 แห่ง รวมทั้งได้มีการบรรยายข้าราชการไทยลดใช้พลังงาน ให้กับกลุ่มหน่วยงานราชการส่วนกลางและส่วนภูมิภาค อีก 5 ครั้ง
2.2 กฟผ. ได้จัดส่งทีมเทคนิคไปฝึกอบรมให้ความรู้กับหน่วยงานของรัฐ จำนวน 56 แห่ง มีผู้เข้าร่วมสัมมนาจำนวนมากกว่า 3,745 คน
2.3 กฟน. ได้จัดส่งทีมเทคนิคไปฝึกอบรมให้ความรู้กับหน่วยงานต่างๆ จำนวน 56 แห่ง มีผู้เข้าร่วมสัมมนาจำนวน 5,732 คน
2.4 กฟภ. ได้จัดส่งทีมเทคนิคไปฝึกอบรมให้ความรู้กับหน่วยงานต่างๆ จำนวน 128 แห่ง มีผู้เข้าร่วมสัมมนาจำนวน 8,355 คน
3. ปัญหาและอุปสรรคการดำเนินงานทีมเทคนิคเพื่อการประหยัดพลังงาน สรุปได้ ดังนี้
3.1 การประสานงาน: ในการเข้าไปประสานงานกับหน่วยงานราชการบางแห่ง ผู้ประสานงานของหน่วยงานยังไม่เข้าใจหน้าที่ของตน ที่จะต้องดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามมติ ครม. ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ จะต้องชี้แจงเพิ่มเติมทางโทรศัพท์ เพื่อให้ผู้ประสานงานของหน่วยงานเข้าใจเรื่องดังกล่าว
3.2 งบประมาณ: เนื่องจากการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการฯ และทีมเทคนิคเป็นภารกิจเร่งด่วนที่ไม่ได้ตั้งงบประมาณรองรับไว้ จึงมีอุปสรรคในด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ เช่น การจัดทำสื่อที่ใช้ประชาสัมพันธ์ การจัดฝึกอบรม เป็นต้น
4. แผนการดำเนินงานทีมเทคนิคเพื่อการประหยัดพลังงานในปี 2549: จากความสำเร็จในการดำเนินงานที่ผ่านมาในช่วงระยะเวลา 10 เดือน (มิถุนายน 2548 - กุมภาพันธ์ 2549) กระทรวงพลังงานมีนโยบายในการขยายการทำงานของทีมเทคนิค โดยจะร่วมมือกับ สอศ. เพื่อเพิ่มศักยภาพและสร้างเครือข่ายการทำงานของทีมเทคนิคเพื่อการประหยัดพลังงาน โดยให้นักศึกษาและคณาจารย์ที่มีความรู้ความเข้าใจทางด้านเทคนิคเข้ามาช่วยสนับสนุนการทำงานของทีมเทคนิคที่จะช่วยเหลือโรงงานอุตสาหกรรม/อาคารในด้านการประหยัดพลังงาน ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณในการดำเนินโครงการทีมเทคนิคและอาชีวศึกษาเพื่อการประหยัดพลังงานในปี 2549 จำนวน 15,000,000 บาท
มติที่ประชุม
อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ปีงบประมาณ 2549 ให้ พพ. ในวงเงิน 15 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการทีมเทคนิคและอาชีวศึกษาเพื่อการประหยัดพลังงาน
อนุ กอ. ครั้งที่ 20 - วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม 2553
มติคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 3/2553 (ครั้งที่ 20)
วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม 2553 เวลา 13.30 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. การขอปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
2. การมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้ข้าราชการ และพนักงานราชการ ปฏิบัติงานแทนผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
3. รายงานการประเมินผลการดำเนินงานในช่วง 4 ปีแรก (ปี 2548- 2551) ของแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3
นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานอนุกรรมการ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน อนุกรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 การขอปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า มีหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไปแล้ว ได้ยื่นเรื่องเพื่อขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการจากที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้พิจารณาและอนุมัติไว้ รวม 27โครงการ ซึ่งตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินฯ ตามข้อ 1.3 (2) หมวด 3 ข้อ 24 กำหนดว่า การเปลี่ยนแปลงรายการ ระยะเวลาดำเนินการ ไปจากรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติไว้แล้ว จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ก่อน จึงจะเปลี่ยนแปลงได้
2. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้พิจารณาเหตุผลและรายละเอียดที่เจ้าของโครงการฯ ได้แจ้งขอเปลี่ยนแปลงแล้ว ซึ่งจำแนกขอเปลี่ยนแปลงออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้
2.1 ขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ เกิน 3 เดือน นับจากวันสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา จำนวน 4 โครงการ ดังนี้
(1) โครงการพัฒนาคุณภาพหม้อไอน้ำในภาคอุตสาหกรรม
(2) การว่าจ้างที่ปรึกษาตรวจสอบ (Accredited Consultants) เพื่อดำเนินงานในส่วนการตรวจสอบและส่งเสริมการปฏิบัติงานตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ในโรงงานควบคุม (กลุ่มที่ 1)
(3) การว่าจ้างที่ปรึกษาตรวจสอบ (Accredited Consultants) เพื่อดำเนินงานในส่วนการตรวจสอบและส่งเสริมการปฏิบัติงานตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ในโรงงานควบคุม (กลุ่มที่ 3)
(4) โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาโครงการทบทวนร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดเครื่องจักร อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงและวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 2
มีสาเหตุจากคู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรได้ทำสัญญาจ้างไว้กับ พพ. ได้ส่งงาน/รายงาน เลยกำหนดระยะเวลาในสัญญา และบางข้อเสนอส่งตามเวลาที่กำหนดไว้แล้ว แต่การตรวจรับงานของ พพ. พบว่าผลงานยังไม่สมบูรณ์ตามข้อตกลง เช่น ขาดรายละเอียด ขาดข้อมูลหรือเอกสารอ้างอิง ฯลฯ และให้คู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรดำเนินการปรับปรุงรายงานให้สมบูรณ์ ซึ่งส่งผลให้เลยกำหนดระยะเวลา 3 เดือน นับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา พพ. จึงได้เสนอขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายรายการนั้นๆ ซึ่งเป็นการดำเนินตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ข้อ 16 ที่ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการเบิกจ่ายเงินกองทุนไว้ "ให้ผู้เบิกเงินกองทุนใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันตามประมาณการรายจ่ายประจำปีได้ ภายในวงเงินและปีงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ กรณีผู้เบิกเงินกองทุนก่อหนี้ผูกพันภายในปีงบประมาณแต่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายในปีงบประมาณนั้นๆ ให้ขยายเวลาการเบิกจ่ายรายการนั้นๆ ต่อไปได้ ภายใน 3 เดือน นับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา"
ฝ่ายเลขานุการฯ เห็นว่าการขยายเวลาของทั้ง 4 โครงการ ไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับแล้ว จึงเห็นควรให้ทั้ง 4 โครงการ ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายแต่ละรายการได้ตามที่เสนอมา โดยให้ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายออกไปได้อีก 3 เดือน นับจากวันที่คณะกรรมการกองทุนฯ มีมติอนุมัติ
2.2 ขอขยายระยะเวลาโครงการฯ จำนวน 16 โครงการ ดังนี้
โครงการ | หน่วยงาน | เดิม | ขยายถึง | |
(1) โครงการศูนย์พัฒนามาตรฐานและทดสอบระบบเซลล์แสงอาทิตย์ ปีที่ 3 | พพ. | เม.ย. 2552 | พ.ย. 2552 | |
(2) โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและผลกระทบเชิงพื้นที่ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ | สพน. | ม.ค. 2553 | มิ.ย. 2553 | |
(3) โครงการศึกษาและจัดทำแผนงานด้านโครงสร้างอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ | สพน. | ม.ค. 2553 | มิ.ย. 2553 | |
(4) โครงการจัดหาที่ปรึกษาเพื่อศึกษาแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อรองรับการจัดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ | สพน. | ม.ค. 2553 | มิ.ย. 2553 | |
(5) โครงการจัดทำสื่อเพื่อการรณรงค์และเผยแพร่องค์ความรู้ ความเข้าใจด้านพลังงานนิวเคลียร์ | สพน. | ก.พ. 2553 | พ.ค. 2553 | |
(6) โครงการพลังงานทดแทนโดยการใช้เอทานอลจากพืชเศรษฐกิจ สำหรับรถจักรยานยนต์ E85-100 ในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีและชุมชนเครือข่ายเกษตรกรต้นแบบ | มทส. | ม.ค. 2553 | มี.ค. 2553 | |
(7) โครงการศึกษาแนวทางบริหารจัดการเชื้อเพลิงชีวมวลเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน (ระดับชุมชน) | มทส. | ธ.ค. 2552 | ก.พ. 2553 | |
(8) โครงการศึกษาเชิงนโยบาย กรณีปรับแต่งเครื่องยนต์เพื่อประหยัดพลังงาน | ปตท. | ก.ย. 2549 | ธ.ค. 2552 | |
(9) โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการอบแห้งกุนเชียง ระยะที่ 2 | มจธ. | มี.ค. 2553 | มี.ค. 2554 | |
(10) โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาในประเทศ
- กรมการพลังงานทหารขอขยายระยะเวลาการศึกษา |
ธ.ค. 2552 |
พ.ย. 2553 | ||
(11) โครงการพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้และขยายเครือข่ายการสื่อสารด้านพลังงานในกลุ่มเยาวชนและครู ปีที่ 2 | สป.พน. | มี.ค. 2553 | ก.ย. 2553 | |
(12) โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ
- ขอขยายระยะเวลาการศึกษา 2 หน่วยงาน |
มศก.
มน. |
ธ.ค. 2552
ม.ค. 2553 |
มิ.ย. 2553
ธ.ค. 2553 |
|
(13) โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 11 โครงการ 5 หน่วยงาน | ตามเอกสารแนบ 3.1.1
ส่วนที่ 2 โครงการที่ 13 |
|||
(14) โครงการศูนย์สาธิตและพัฒนาพลังงานทดแทนจากข้าวครบวงจร | พพ. | ก.ย. 2552 | ก.ค. 2553 | |
(15) โครงการศูนย์การเรียนรู้พลังงานในภูมิภาค: กิจกรรมว่าจ้างวิศวกรที่ปรึกษาออกแบบก่อสร้างศูนย์การเรียนรู้พลังงานในภูมิภาค | สป.พน. | ก.ค. 2553 | ธ.ค. 2553 | |
(16) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศ | ธพ. | พ.ย. 2552 | มี.ค. 2553 |
แต่ละหน่วยงานได้ดำเนินการตามแผนงานที่เสนอไว้กับกองทุนฯ แล้ว แต่มีข้อจำกัดระหว่างการดำเนินงาน เช่น การจัดหาชุดอุปกรณ์ทดสอบเฉพาะทาง การปฏิบัติตามกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง การได้รับผลกระทบทางการเงินของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ การใช้เวลาในการเก็บข้อมูลสำหรับการทำวิทยานิพนธ์ การทำงานวิจัยแล้วผลการทดลองมีความคลาดเคลื่อนไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ จำเป็นต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์ผลการทดลองเพิ่มเติม เป็นต้น
ฝ่ายเลขานุการฯ เห็นว่าการขยายเวลาของทั้ง 16 โครงการ ไม่ได้เกิดจากเจตนาของผู้ได้รับทุน และการเปลี่ยนแปลงแต่ละรายการ ไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับแล้ว และไม่ได้ทำให้ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการลดลง จึงเห็นควรให้ทั้ง 16 โครงการ ขยายระยะเวลาโครงการออกไปได้ตามที่ขอมา ทั้งนี้สำหรับโครงการที่ขอขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการจนถึงเดือนมิถุนายน 2553 ได้แก่ โครงการที่ 1-8, 13 และ 16 เห็นควรเสนอพิจารณาอนุมัติให้การสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ เป็น ภายใน 30 วัน นับจากวันที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้มีหนังสือแจ้งมติอนุมัติการขอขยายระยะเวลาดังกล่าว
2.3 ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ จำนวน 4 โครงการ ดังนี้
โครงการ | การขอเปลี่ยนแปลง | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
(1) โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาในประเทศ | สป.พน. ขอยกเลิกการรับทุนการศึกษาให้กับนายประพนธ์ แก้วรินขวา เนื่องจากได้รับการบรรจุเป็นพนักงานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
(2) โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ | มก. ขอผ่อนผันให้นายสราวุธ เทพานนท์ สามารถนับระยะเวลาการปฏิบัติงานที่ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก เป็นเวลาปฏิบัติงานชดใช้ทุนตามที่กรมบัญชีกลางได้เห็นชอบการผ่อนผันดังกล่าว เป็นกรณีพิเศษ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
(3) โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา | มจธ. ขอเปลี่ยนแปลงโครงการวิจัย ดังนี้
(1) โครงการ "การออกแบบอาคารโรงงานอุตสาหกรรมแบบบูรณาการเพื่อการประหยัดพลังงาน" ขอเปลี่ยนชื่อเป็น "ยุทธศาสตร์การออกแบบอย่างบูรณาการด้านประสิทธิภาพพลังงานของอาคารอุตสาหกรรมในเขตร้อนชื้น" (2) โครงการ "การบำบัดน้ำเสียอุตสาหกรรมอาหารด้วยกระบวนการไบโอไฮโดรเจน" ขอเพิ่มผู้วิจัย คือ นางสาวสุภัทร์พร เทียนงาม |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
(4) โครงการส่งเสริมการใช้หลอดผอมใหม่เบอร์ 5 | กฟผ. ขอเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินงานและรายละเอียดงบประมาณ ดังนี้
ขอปรับวิธีการดำเนินงาน
ขอปรับรายละเอียด
|
ฝ่ายเลขานุการฯ เห็นว่าการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดดังกล่าว เป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อที่จะทำให้โครงการเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น และบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ โดยไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับแล้ว จึงเห็นควรให้ทั้ง 4 โครงการ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการได้
2.4 ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ และขยายระยะเวลาดำเนินงาน จำนวน 3 โครงการ
โครงการ | การขอเปลี่ยนแปลง |
(1) โครงการผลิตข่าวสารนิวเคลียร์ โดย สพน. |
(1) ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของสื่อที่ใช้ในการเผยแพร่ข่าวสารนิวเคลียร์ (ตาม เอกสารแนบ 3.1.1 ส่วนที่ 4 โครงการที่ 1) (2) ขอขยายเวลาโครงการ จากเดิมสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2553 เป็นสิ้นสุด เดือนพฤษภาคม 2553 |
(2) โครงการ Energy Mobile Unit
ระยะที่ 2 (ชุดปฏิบัติการพลังงานเคลื่อนที่ ระยะที่ 2) โดย สป.พน. |
(1) ขอเปลี่ยนการจัดหารถพลังงานเคลื่อนที่ (Mobile Unit) จากเดิม จัดหารถบรรทุก 4-6 ล้อ พร้อมตู้สำหรับบรรทุกชุดนิทรรศการเคลื่อนที่และอุปกรณ์เทคโนโลยี พลังงาน เป็นยานพาหนะ เพื่อนำเจ้าหน้าที่และบรรทุกชุดนิทรรศการเคลื่อนที่ และขอปรับจำนวนเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยปฎิบัติการพลังงานเคลื่อนที่ จากเดิม 26 อัตรา เป็นไม่น้อยกว่า 26 อัตรา (2) ขอขยายเวลาโครงการ จากเดิมสิ้นสุดเดือนสิงหาคม 2553 เป็นธันวาคม 2553 |
ม. วลัยลักษณ์ ขอขยายเวลาการศึกษาให้แก่ นายปิยะ ปานผู้มีทรัพย์ ออกไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2553 - มีนาคม 2554 เพื่อจัดทำวิทยานิพนธ์ พร้อมทั้งขออนุมัติเพิ่มวงเงินทุนการศึกษาในช่วงที่ขอขยายเวลา จำนวนเงิน 276,318 บาท |
ฝ่ายเลขานุการฯ เห็นว่าการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียด และขยายระยะเวลาดำเนินงานดังกล่าว เป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อที่จะทำให้โครงการเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น และบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ โดยไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับแล้ว จึงเห็นควรให้โครงการที่ 1-2 เปลี่ยนแปลงรายละเอียดและขยายระยะเวลาโครงการได้ ทั้งนี้สำหรับโครงการที่ 1 ที่ขอขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการจนถึงเดือนพฤษภาคม 2553 เห็นควรเสนอพิจารณาอนุมัติให้การสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ เป็น ภายใน 30 วัน นับจากวันที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้มีหนังสือแจ้งมติอนุมัติการขอขยายระยะเวลาดังกล่าว ส่วนโครงการที่ 3 คือ โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ เห็นควรอนุมัติขยายเวลาการศึกษาให้แก่ผู้ได้รับทุนการศึกษาได้ ตามที่ขอมา โดยไม่ควรให้เบิกเงินงบประมาณเหลือจ่ายจากวงเงินประมาณเดิมที่เคยได้รับอนุมัติไว้ และไม่อนุมัติเพิ่มวงเงิน สำหรับใช้เป็นค่าใช้จ่ายในภาคการศึกษาที่ได้รับอนุมัติให้ขยายเวลา เนื่องจากกองทุนฯ ได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายตลอดระยะเวลาของหลักสูตรที่กำหนดไว้แล้ว
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณาการขอปรับรายละเอียดของโครงการแล้ว มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ ดังนี้
1. ประธานอนุกรรมการฯ เห็นควรให้ฝ่ายเลขานุการฯ ปรับชื่อวาระจาก "การขอปรับรายละเอียดโครงการ..." เป็น "การขอเปลี่ยนแปลงโครงการ..." ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับประเด็นการพิจารณาที่เสนอขอมา
2. การขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ เกิน 3 เดือน ในโครงการที่ 4 "โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาโครงการทบทวนร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดเครื่องจักร อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 2" ประธานอนุกรรมการฯ ได้มีข้อสังเกตว่า เป็นโครงการที่ใช้เวลาในการดำเนินงานและได้ล่วงเลยระยะเวลาสิ้นสุดของสัญญามาเป็นเวลานาน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า หน่วยงานไม่มีระบบการติดตามการดำเนินโครงการที่ดี จึงทำให้เกิดความล่าช้าและไม่แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด ดังนั้น เพื่อให้ระบบการบริหารและการติดตามงานโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ให้ พพ. ดำเนินการติดตามงานโครงการอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง และให้รายงานความก้าวหน้าของโครงการต่ออนุกรรมการเพื่อทราบทุกๆ 3 เดือน
3. โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ ในข้อ 2.3 ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ประชุมพิจารณาแล้ว และเห็นว่าการชดใช้ทุนนั้น เป็นการปฏิบัติตามข้อกำหนดในระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการทำสัญญาและการชดใช้เงินกรณีรับทุน ลาศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ พ.ศ. 2548 ที่หน่วยงาน/ส่วนราชการจะต้องถือเป็นหลักปฏิบัติ ดังนั้น จึงให้ฝ่ายเลขานุการฯ พิจารณาและตรวจสอบข้อกำหนดของระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้องต่อไป
4. โครงการส่งเสริมการใช้หลอดผอมใหม่เบอร์ 5 ในข้อ 2.3 ที่ประชุมพิจารณาแล้ว และเห็นควรให้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ปรับเป้าหมายของจำนวนหลอดไฟ ให้สอดคล้องกับวงเงินที่ปรับลด และเห็นว่าแผนการดำเนินงานโครงการที่ขอปรับนั้น กฟผ. ได้เน้นการรณรงค์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการใช้งานของหลอดมากขึ้น ด้วยการส่งเสริมให้หน่วยงานราชการเป็นผู้นำในการใช้หลอดผอมเบอร์ 5 รวมถึงส่งเสริมการเปลี่ยนหลอดในภาคเอกชน พร้อมทั้งการประสานธนาคารพาณิชย์ในการปล่อยกู้สำหรับลงทุน ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนมาใช้หลอดผอมเบอร์ 5 เพิ่มมากขึ้น และทำให้เป้าหมายจำนวนหลอดภายใต้โครงการเพิ่มขึ้นด้วย
5. โครงการผลิตข่าวสารนิวเคลียร์ ในข้อ 2.4 ที่ประชุมเห็นควรให้ สพน.พิจารณาเพิ่มการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโทรทัศน์ การจัดทำสื่อวีดีทัศน์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากจะเป็นสื่อที่สามารถนำไปเผยแพร่ และใช้ประกอบการเรียนการสอนได้มากขึ้น รวมถึงการคำนึงถึงภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร ควรจะเป็นภาษาที่สามารถเข้าใจได้ง่าย ตลอดจนการจัดทำรูปแบบให้น่าสนใจ เพื่อให้การเผยแพร่ข่าวสารมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้โครงการตามข้อ 2.1 ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ เกิน 3 เดือน นับจากวันสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา จำนวน 4 โครงการ ข้อ 2.2 ขยายระยะเวลาโครงการฯ จำนวน 16 โครงการ ข้อ 2.3 เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ จำนวน 3 โครงการ และ ข้อ 2.4 เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการและขยายระยะเวลาดำเนินงาน จำนวน 3 โครงการ รวม 26 โครงการ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการได้ ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอมา และให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติต่อไป
1. พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 และ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 มาตรา 27 กำหนดให้มีคณะกรรมการกองทุนฯ โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (ผอ.สนพ.) เป็นกรรมการและเลขานุการ
2. เนื่องจากการดำเนินงานตามภารกิจของกองทุนฯ มิได้มีหน่วยงานหรือองค์กร รองรับภารกิจต่างๆ ของกองทุนฯ ปัจจุบันการดำเนินงานตามภารกิจของกองทุนฯ ได้ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ดังนั้น อาศัยอำนาจตามมาตรา 24 ข้อ 1 - 6 มาตรา 25 และมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ผอ.สนพ. ในฐานะกรรมการและเลขานุการ จึงได้มีคำสั่งสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ที่ 55/2553 เรื่อง "มอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้ข้าราชการ และพนักงานราชการ ปฏิบัติงานแทนผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการกองทุนฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย คล่องตัว รวดเร็วยิ่งขึ้น
3. รายละเอียดการมอบอำนาจหน้าที่ให้ข้าราชการ และพนักงาน ปฏิบัติงานแทน ผอ.สนพ. ในส่วนของ สนพ. เป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักนโยบายอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน สำนักบริหารกลาง กองนโยบายและแผนพลังงาน และจากศูนย์และสารสนเทศพลังงาน รวม 27 ราย
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว และเห็นว่าการมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้ข้าราชการและพนักงานราชการ ปฏิบัติงานแทน ผอ.สนพ. ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการกองทุนฯ นั้น จะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดในระเบียบที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น เพื่อให้การมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้ข้าราชการและพนักงานราชการ ปฏิบัติงานแทน ผอ.สนพ. มีการปฏิบัติที่ถูกต้อง จึงให้ฝ่ายเลขานุการฯ ไปดำเนินการตรวจสอบข้อกำหนดในระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน และให้ฝ่ายเลขานุการฯ ถอนวาระการประชุมนี้ออกไปก่อน
มติที่ประชุม
ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ไปดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดในแนวทางการปฏิบัติในการมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้ข้าราชการและพนักงานราชการ ปฏิบัติงานแทน ผอ.สนพ. ตามข้อกำหนดในระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้ชัดเจน
1. คณะกรรมการกองทุนฯ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน เพี่อทำหน้าที่ประเมินผลการดำเนินงานของโครงการ และเสนอข้อพิจารณาประกอบรายงานการประเมินผลของโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ เป็นรายโครงการ และนำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ
2. คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ได้มอบหมายให้ บริษัทเอเบิล คอนซัลแตนท์ จำกัด ดำเนินการประเมินผลภาพรวมของการดำเนินโครงการในช่วง 4 ปีแรก (ปี 2548-2551) ของแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 และการประเมินผลภาพรวมได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดย สนพ. ได้นำเสนอผลการประเมินต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในการสัมมนา 2 ครั้ง เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อผลการประเมินดังกล่าว
3. รายงานการประเมินผลการดำเนินงานในช่วง 4 ปีแรก (ปี 2548-2551) ของแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 (ปี 2548-2554) สรุปได้ดังนี้
3.1 จากการตรวจวิเคราะห์เชิงสถิติ พบว่าในระยะ 4 ปีแรกของแผนฯ มีการใช้เงินกองทุนฯ รวมทั้งสิ้น 32,000 ล้านบาท โดยใช้ไปในการดำเนินโครงการรวม 686 โครงการ ซึ่งส่วนใหญ่ร้อยละ 70 เป็นโครงการที่ไม่ได้มุ่งเน้นให้เกิดการประหยัดพลังงานที่เป็นรูปธรรม เช่น โครงการบริหารกิจกรรมและโครงการศึกษาจัดทำระเบียบ หลักเกณฑ์ มาตรฐาน โครงการประชาสัมพันธ์ เป็นต้น การดำเนินโครงการในแต่ละปีมีความล่าช้า จนถึงปัจจุบันมีจำนวนโครงการเพียงร้อยละ 65 ที่ดำเนินการแล้วเสร็จ สาเหตุสำคัญมาจากการบริหารงบประมาณ และการดำเนินการล่าช้า
3.2 โครงการที่ประเมินมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 299 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 43.6 ของโครงการทั้งหมด โดยปรากฏว่าร้อยละ 23.3 ของโครงการทั้งหมดมีความสัมฤทธิผล (ประสิทธิผล ประสิทธิภาพ ผลกระทบ และความยั่งยืน) อยู่ในระดับดีเยี่ยม, ร้อยละ 18.3 ดีมาก, ร้อยละ 28.8 ดี, ร้อยละ 23.7 พอใช้ และที่เหลือร้อยละ 5.8 ต้องปรับปรุง
3.3 กลุ่มงานที่มีความสัมฤทธิผลสูง ได้แก่ กลุ่มงานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนที่เป็นข้อสังเกตสำหรับโครงการพัฒนาบุคลากรอยู่ที่ การบริหารจัดการ การติดตามผลการดำเนินงาน และการใช้ประโยชน์ผลผลิตที่ได้ สำหรับกลุ่มงานประชาสัมพันธ์มีข้อสังเกตทางด้านประสิทธิภาพการใช้เงิน และวิธีการประชาสัมพันธ์ที่ทำแบบปูพรมมากเกินไป แทนที่จะเจาะเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย
3.4 ส่วนโครงการทางด้านศึกษาวิจัย ส่งเสริมสาธิต และการบริหารเชิงยุทธศาสตร์ ส่วนใหญ่มีผลการประเมินในระดับพอใช้ ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดยจุดอ่อนอยู่ที่ทำงานได้ผลต่ำกว่าเป้า ดำเนินการล่าช้า มีปัญหาด้านคุณภาพและมาตรฐานของงานที่ทำ โครงการบางประเภทให้ผลการประเมินอยู่ในระดับดี มีผลการประหยัดชัดเจน และใกล้เคียงกับเป้า เช่น โครงการส่งเสริมก๊าซชีวภาพจากมูลสัตว์ โครงการมีส่วนร่วม โครงการสิทธิประโยชน์ทางภาษี เป็นต้น แต่ก็ไม่ควรจะให้เงินอุดหนุนต่อ เพราะให้มานานเลยช่วงของการสาธิตมาแล้ว ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด
3.5 การประเมินผลภาพรวมของการดำเนินงานตามแผนฯ ในช่วง 4 ปีแรก (2548-2551) ให้ผลในระดับพอใช้ ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน สาเหตุมาจากปริมาณผลผลิต/ผลประหยัด ได้ต่ำกว่าเป้า การดำเนินโครงการมีความล่าช้า และมีปัญหาประสิทธิภาพและความยั่งยืนของการดำเนินงาน
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้รับทราบรายงานการประเมินผลการดำเนินงานในช่วง 4 ปีแรก (ปี 2548-2551) ของแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 (ปี 2548-2554) แล้ว และมีข้อคิดเห็นในรายงานการประเมินผลเพิ่มเติม ดังนี้
1. ควรให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน และกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน มีระบบการติดตามการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง และให้ฝ่ายเลขานุการฯ รายงานความก้าวหน้าของโครงการต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ทราบทุกๆ 3 เดือน
2. การพิจารณาอนุมัติโครงการ ควรจะมีการศึกษาและทบทวนในรายละเอียดของข้อมูลโครงการที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดความซ้ำซ้อนการดำเนินงานของโครงการและเกิดประโยชน์สูงสุด
3. การพิจารณาข้อเสนอโครงการศึกษา วิจัย ควรคำนึงถึงศักยภาพในด้านการบริหารจัดการโครงการให้มีประสิทธิภาพ และแล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด
มติที่ประชุม
1. รับทราบรายงานการประเมินผลการดำเนินงานในช่วง 4 ปีแรก (ปี 2548 - 2551) ของแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 (ปี 2548 - 2554) ตามที่คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ เสนอมา และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อทราบต่อไป
2. ให้ สนพ. และ พพ. -มีระบบการติดตามการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง และให้ฝ่ายเลขานุการฯ รายงานความก้าวหน้าของโครงการต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ทราบทุกๆ 3 เดือน
3. การพิจารณาอนุมัติโครงการ ควรจะมีการศึกษาและทบทวนในรายละเอียดของข้อมูลโครงการที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดความซ้ำซ้อนการดำเนินงานของโครงการและเกิดประโยชน์สูงสุด
4. การพิจารณาข้อเสนอโครงการศึกษา วิจัย ควรคำนึงถึงศักยภาพในด้านการบริหารจัดการโครงการให้มีประสิทธิภาพ และแล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด
อนุ กอ. ครั้งที่ 21 - วันพุธที่ 7 กรกฎาคม 2553
มติคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 4/2553 (ครั้งที่ 21)
วันพุธที่ 7 กรกฎาคม 2553 เวลา 13.30 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. รายงานความก้าวหน้าโครงการฯ ที่ได้รับงบประมาณจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปี 2553
2. โครงการนำร่องเพื่อผลิตพลังงานทดแทนจากชีวมวลในระดับชุมชน
3. แนวทาง/หลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554
4. โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
5. การประเมินผลโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปี 2553
นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานอนุกรรมการ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน อนุกรรมการและเลขานุการ
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2553 ให้ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ในวงเงิน 1,823,952,000 บาท และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในวงเงิน 1,379,613,752 บาท รวม 3,203,565,752 บาท แยกเป็นแผนพลังงานทดแทน 1,039,305,450 บาท แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 2,034,859,090 บาท และแผนบริหารทางกลยุทธ์ 129,401,212 บาท
2. พพ. และ สนพ. ได้ดำเนินโครงการตามที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ 2553 โดยได้มีการผูกพันงบประมาณ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2553 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,179.39 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 36.81 ของจำนวนวงเงินงบประมาณทั้งหมด ดังนี้
หน่วย: ล้านบาท
แผนงาน | พพ. | สนพ. | รวม | ||||||
วงเงิน | ผูกพัน | % | วงเงิน | ผูกพัน | % | วงเงิน | ผูกพัน | % | |
แผนพลังงานทดแทน | 292.71 | 159.58 | 54.52 | 746.59 | 47.38 | 6.35 | 1,039.30 | 206.96 | 19.91 |
แผนเพิ่มประสิทธิภาพฯ | 1,531.24 | 717.36 | 46.85 | 503.62 | 151.27 | 30.04 | 2,034.86 | 868.63 | 42.69 |
แผนบริหารเชิงกลยุทธ์ | - | - | - | 129.40 | 103.8 | 80.22 | 129.40 | 103.8 | 80.22 |
รวม | 1,823.95 | 876.94 | 48.08 | 1,379.61 | 302.45 | 21.92 | 3,203.56 | 1,179.39 | 36.81 |
โดยการดำเนินโครงการภายใต้แผนพลังงานทดแทน และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน พพ. และ สนพ. ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของแต่ละโครงการ ซึ่งแยกเป็น 3 กรณีหลัก ได้แก่
1) กรณีที่ พพ. และ สนพ. ดำเนินโครงการเอง จะประกอบด้วย ขั้นตอนการประกาศ TOR จัดจ้าง ที่ปรึกษา การพิจารณาคัดเลือกที่ปรึกษา การสรุปผลว่าจ้าง และการลงนามในสัญญา
2) กรณีที่จัดสรรให้แก่หน่วยงานอื่นๆ จะประกอบด้วย หน่วยงานที่ได้รับจัดสรรจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับทุน พิจารณาปรับปรุงข้อเสนอโครงการให้มีความครบถ้วน เสนอ ผอ.สนพ./อพพ. พิจารณาจัดสรรทุน และลงนามในหนังสือยืนยันการขอรับทุน
3) กรณีที่ประกาศรับสมัครทุน (โครงการวิจัย/ทุนการศึกษา/ทุนวิจัย) ประกอบด้วย ประกาศรับข้อเสนอ/ทุนวิจัย ผู้ขอรับทุนยื่นข้อเสนอคณะกรรมการ/ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาโครงการ จัดลำดับความสำคัญ เสนอ ผอ.สนพ./ คณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณาจัดสรรทุน และลงนามในหนังสือยืนยันการขอรับทุน
โดยความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการตามขั้นตอนแต่ละโครงการ/แผนงาน ที่ดำเนินการโดย พพ. และ สนพ. สรุปได้ดังนี้
ความก้าวหน้าในการดำเนินงานโครงการ ของ พพ.
แผน/งาน | จำนวนโครงการรวม | ความก้าวหน้าในการดำเนินงาน | ||
ขั้นตอนคัดเลือกที่ปรึกษา/ผู้ดำเนินโครงการ | ขั้นตอนลงนามในสัญญา/หนังสือยืนยัน | เริ่มดำเนินโครงการ | ||
แผนพลังงานทดแทน | 20 | 7 | 8 | 5 |
งานศึกษาวิจัยฯ | 9 | 3 | 5 | 1 |
งานส่งเสริมสาธิต | 10 | 4 | 2 | 4 |
งานพัฒนาบุคลากรฯ | 1 | - | 1 | - |
แผนเพิ่มประสิทธิภาพฯ | 18 | 10 | 6 | 2 |
งานศึกษาวิจัยฯ | 2 | - | 1 | 1 |
งานส่งเสริมสาธิต | 13 | 10 | 2 | 1 |
งานพัฒนาบุคลากรฯ | 3 | - | 3 | - |
รวม | 38 | 17 | 14 | 7 |
ความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการ ของ สนพ.
แผน/งาน | จำนวนโครงการรวม | ความก้าวหน้าในการดำเนินงาน | ||
ขั้นตอนคัดเลือกที่ปรึกษา/ผู้ดำเนินโครงการ | ขั้นตอนลงนามในสัญญา/หนังสือยืนยัน | เริ่มดำเนินโครงการ | ||
แผนพลังงานทดแทน | 15 | 11 | 4 | - |
งานศึกษาวิจัยฯ | 1 | 1 | - | - |
งานส่งเสริมสาธิต | 2 | 2 | - | - |
งานพัฒนาบุคลากรฯ | 12 | 8 | 4 | - |
แผนเพิ่มประสิทธิภาพฯ | 15 | 6 | 5 | 4 |
งานศึกษาวิจัยฯ | 1 | 1 | - | - |
งานส่งเสริมสาธิต | 2 | - | 2 | - |
งานพัฒนาบุคลากรฯ | 12 | 5 | 3 | 4 |
แผนบริหารทางกลยุทธ์ (งานศึกษาเชิงนโยบาย) |
2 | 1 | 1 | - |
รวม | 32 | 18 | 10 | 4 |
ความเห็นของที่ประชุม
ที่ประชุมได้รับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการที่ได้รับงบประมาณจากกองทุนฯ ปี 2553 แล้ว และผู้แทนกรมบัญชีกลางได้เสนอแนะให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนองวดการเบิกจ่ายเงินของโครงการฯ ที่ได้ผูกพันงบประมาณประกอบการรายงานความก้าวหน้าของโครงการฯ ด้วย เพื่อให้ทราบถึงประสิทธิภาพของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการที่ได้รับงบประมาณจากกองทุนฯ ปี 2553 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอมา
เรื่องที่ 2 โครงการนำร่องเพื่อผลิตพลังงานทดแทนจากชีวมวลในระดับชุมชน
1. กระทรวงพลังงาน และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้จัดทำบันทึกตกลงความร่วมมือการพัฒนาและส่งเสริมนวัตกรรมด้านพลังงานทดแทน เพื่อดำเนินการพัฒนาและส่งเสริมการต่อยอดเทคโนโลยีนวัตกรรมด้านพลังงานทดแทนของผู้ประกอบการไทย ผ่านโครงการนำร่อง และการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้อง
2. สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.) ได้ยื่นข้อเสนอ "โครงการนำร่องเพื่อผลิตพลังงานทดแทนจากชีวมวลในระดับชุมชน" ไว้กับ สนพ. เพื่อขอสนับสนุนทุนดำเนินโครงการฯ จากกองทุนฯ ในวงเงิน 49,905,240 บาท ภายในระยะเวลา 24 เดือน โดยสรุปสาระสำคัญของโครงการฯ ได้ดังนี้
2.1 วัตถุประสงค์ เพื่อต่อยอดนวัตกรรมด้านพลังงานทดแทนของผู้ประกอบการไทย โดยนำร่องการพัฒนาเทคโนโลยีแก๊สซิฟิเคชั่นโดยใช้พลังงานชีวมวลในระดับชุมชนขนาดต่างๆ
2.2 สนช. ได้สนับสนุนทุนในการจัดทำโครงการนวัตกรรมด้านพลังงานทดแทนมาช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนพลังงาน และพบว่าเทคโนโลยีแก๊สซิฟิเคชั่นมีรูปแบบที่เหมาะสมในการนำชีวมวลมาใช้ประโยชน์เพื่อผลิตพลังงานทดแทนได้ เนื่องจากมีอุตสาหกรรมขนาดเล็กหลายประเภทที่มีพลังงานชีวมวลในพื้นที่ และมีความต้องการใช้พลังงานความร้อนจากก๊าซหุงต้ม (LPG) ในกิจกรรมการผลิต เช่น การอบแห้งผลผลิตทางการเกษตร การใช้ความร้อนในการแปรรูปอาหาร เป็นต้น โดยสามารถนำเทคโนโลยีแก๊สซิฟิเคชั่นมาผลิตพลังงานเพื่อทดแทนก๊าซหุงต้มได้ นอกจากนี้เมื่อพิจารณาถึงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดใหญ่ พบว่ามีปัญหาเรื่องการขาดแคลนเชื้อเพลิงชีวมวลที่นำมาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า ทำให้โอกาสในการขยายผลต่ำ ดังนั้นโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลชุมชนขนาดเล็ก จึงมีโอกาสการขยายผลที่สูงกว่า โดยระบบผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กจากชีวมวลด้วยกระบวนการแก๊สซิฟิเคชั่นมีความเหมาะสมต่อการใช้งานในระดับชุมชน เนื่องจากการมีส่วนร่วมกับชุมชนต่างๆ รอบข้างในการจัดหาและบริหารจัดการเชื้อเพลิง
2.3 สนช. จึงได้จัดทำโครงการนำร่องเพื่อผลิตพลังงานทดแทนจากชีวมวลในระดับชุมชน เพื่อนำร่องจัดทำต้นแบบการใช้เทคโนโลยีแก๊สซิฟิเคชั่นโดยใช้ประโยชน์จากชีวมวล ได้แก่ เศษไม้ กิ่งไม้ หรือเศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรในบริเวณพื้นที่กลุ่มเป้าหมาย โดยทำการประสานงานกับเครือข่ายธุรกิจนวัตกรรมของ สนช. และจัดสัมมนา ประชาสัมพันธ์ เพื่อเชิญชวนให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ ทำการยื่นข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนในการจัดทำระบบนำร่องผลิตพลังงานทดแทนจากชีวมวลในระดับชุมชน 11 แห่ง แบ่งเป็นระบบผลิตพลังงานความร้อน 8 แห่ง และระบบผลิตไฟฟ้า 3 แห่ง โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ (1) อุตสาหกรรมอบแห้งสินค้าทางการเกษตร (2) อุตสาหกรรมเซรามิก (3) อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร (4) อุตสาหกรรมอบยางแท่ง (5) อุตสาหกรรมปุ๋ย (6) โรงแรม-รีสอร์ท (7) ผู้ประกอบการ VSPP โดยขอรับการสนับสนุนเงินในส่วนผู้เข้าร่วมโครงการจากกองทุนฯ ในสัดส่วน 55% ของเงินลงทุนระบบฯ ประกอบด้วย
ขนาดระบบ (kg/ชั่วโมง) | เป้าหมาย (แห่ง) |
เงินลงทุน (ล้านบาท) |
สนับสนุน 55% (ล้านบาท) |
ทดแทนพลังงาน (kg-LPG/วัน) | ระยะเวลาคืนทุน | |
กรณีปกติ | กรณีสนับสนุน 55% | |||||
1. ระบบผลิตพลังงานความร้อน | ||||||
50 | 4 | 2.00 | 1.10 | 90 | 7 - 13 ปี | 4 - 6 ปี |
100 | 3 | 3.00 | 1.65 | 180 | 5 - 7 ปี | 2 - 3 ปี |
200 | 1 | 4.80 | 2.64 | 360 | 3 - 5 ปี | 1.5 - 2 ปี |
2. ระบบผลิตพลังงานไฟฟ้า | ||||||
200 (120-150 kW) |
1 | 12.00 | 6.60 | 2,600 | 8 - 21 ปี | 4 - 10 ปี |
350 (250-300 kW) |
2 | 20.00 | 11.00 | 4,500 | 7 - 19 ปี | 3 - 8.5 ปี |
2.4 ขั้นตอนการดำเนินโครงการ สนช. จะคัดเลือกข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนผ่านคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือก ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานและสาขาที่เกี่ยวข้อง โดยพิจารณาจากศักยภาพของผู้ประกอบการ ความพร้อมในการดำเนินโครงการ และความสามารถในการบริหารจัดการเชื้อเพลิงชีวมวล ทั้งนี้ สนช. จะทำการควบคุมดูแลการทำงาน และติดตามตรวจสอบประสิทธิภาพและสมรรถนะของระบบผลิตพลังงานของผู้ประกอบการที่ผ่านการคัดเลือกอย่างต่อเนื่อง
2.5 งบประมาณโครงการ รวมทั้งสิ้น 83,115,240 บาท เป็นเงินลงทุนจากผู้ร่วมโครงการฯ 33,210,000 บาท และ สนช. ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในวงเงินรวม 49,905,240 บาท ประกอบด้วย เงินสนับสนุนผู้ร่วมโครงการ ร้อยละ 55 จำนวน 40,590,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการโครงการ 9,315,240 บาท
2.6 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ จะสามารถผลิตก๊าซเชื้อเพลิงเพื่อทดแทนก๊าซหุงต้มได้ 0.5 ล้านกิโลกรัม/ปี และผลิตพลังงานไฟฟ้า 2.1 ล้านหน่วย/ปี ทดแทนพลังงานได้ 725 toe/ปี คิดเป็นมูลค่ารวม 16.7 ล้านบาท/ปี ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 1,144 ตันCO2/ปี
2.7 ดัชนีชี้วัดความสำเร็จโครงการฯ เกิดการขยายผลโครงการนวัตกรรมโดยผู้ประกอบการไทยทั้งการผลิตความร้อน และการผลิตไฟฟ้า รวมจำนวน 11 ระบบ หรือได้ค่าพลังงานความร้อนจากระบบผลิตความร้อน ไม่ต่ำกว่า 545 toe/ปี และระบบผลิตไฟฟ้า ไม่ต่ำกว่า 180 toe/ปี ซึ่งรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 725 toe/ปี
3. สนพ. ได้ตั้งคณะผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อร่วมวิเคราะห์ประเมินคุณภาพของข้อเสนอ รวมถึงการให้ข้อแนะนำกับเจ้าของโครงการฯ เพื่อทำให้แผนงานและผลที่คาดว่าจะได้รับมีความชัดเจนมากขึ้น ประกอบด้วย
(1) รศ.ดร.สุวิทย์ เตีย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
(2) ผศ.ดร.วีระชัย อาจหาญ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
(3) ผศ.ดร.สุธรรม ปทุมสวัสดิ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
(4) นายประมวล จันทร์พงษ์ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน
คณะผู้ทรงคุณวุฒิมีความเห็นว่า โครงการมีวัตถุประสงค์สอดคล้องกับนโยบายการส่งเสริมชีวมวล แก่ผู้ประกอบการในระดับชุมชน นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีของผู้ประกอบการไทย จึงเห็นควรที่กองทุนฯ จะสนับสนุนให้ดำเนินการ และควรให้ สนช. ดำเนินการปรับปรุงข้อเสนอ ดังนี้
(1) ปรับปรุงวิธีการดำเนินงาน รายละเอียดงบประมาณ แนวทางการสนับสนุนการเบิกจ่ายเงินระหว่างกองทุนฯ กับ สนช. ในส่วนของผู้ร่วมโครงการฯ กับ ส่วนการบริหารโครงการฯ และการเบิกจ่ายของ สนช. ให้กับผู้ร่วมโครงการฯ โดยให้ สนช. เป็นผู้บริหารโครงการฯ และกำกับติดตามผู้ร่วมโครงการฯ ทั้งหมด พร้อมทั้งปรับระยะเวลาการดำเนินโครงการให้สอดคล้อง และครอบคลุมกับระยะเวลาก่อสร้างและติดตามผลการดำเนินโครงการฯ ด้วย
(2) กำหนดจำนวนเป้าหมายผู้ประกอบการที่จะทำการส่งเสริมให้ชัดเจนและควรมีการกระจายตัวหลากหลายประเภท โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นโรงงานขนาดกลางและขนาดย่อม มากกว่ากลุ่มสถานประกอบการพาณิชย์ เนื่องจากมีชั่วโมงการใช้เชื้อเพลิงมากกว่า
(3) เพิ่มเติมหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกผู้ประกอบการโดยควรคำนึงถึงเงื่อนไขในการคัดเลือก คือ ความพร้อมในการจัดหาวัตถุดิบ และความเชื่อมั่นของเทคโนโลยี
(4) เพิ่มเติมโครงสร้างและบทบาทหน้าที่ของคณะทำงานที่จะทำการพิจารณาข้อเสนอโครงการฯ ของผู้เข้าร่วมโครงการฯ
(5) ชี้แจงเหตุผลในการกำหนดอัตราการสนับสนุนผู้เข้าร่วมโครงการฯ
(6) ควรกำหนดเป้าหมายพลังงานที่ทดแทนได้ให้เป็น ktoe ให้ชัดเจน ทั้งความร้อนและไฟฟ้า
โดย สนช. ได้ปรับปรุงข้อเสนอโครงการฯ ตามข้อสังเกตของคณะผู้ทรงคุณวุฒิ และ สนพ. ได้นำเสนอคณะผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาเห็นชอบแล้ว
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว และมีข้อคิดเห็น สรุปได้ดังนี้
1. ประธานอนุกรรมการฯ เห็นว่าการสนับสนุนเงินกองทุนฯ เพื่อดำเนินโครงการศึกษาและพัฒนาเทคนิคด้านพลังงาน ควรจะกำหนดหลักเกณฑ์ (Criteria) ในการพิจารณาโครงการที่ชัดเจน และให้เหมาะสมกับลักษณะของโครงการ เพื่อเป็นแนวทางและใช้ประกอบการตัดสินใจในการสนับสนุนเงินกองทุนฯ โดยเห็นควรให้มีการพิจารณาโครงการในหลายๆ ด้านหรือในปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น ด้านการบริหารจัดการโครงการ การกำหนดวงเงินทุนสนับสนุน เป็นต้น นอกเหนือจากการใช้ดุลพินิจในการพิจารณา ระยะเวลาคืนทุนและผลตอบแทน/ความคุ้มทุนของโครงการ ทั้งนี้ เพื่อให้การสนับสนุนจากเงินกองทุนฯ มีสัดส่วนที่เหมาะสมกับประเภทของโครงการ
2. ปลัดกระทรวงพลังงาน ได้เรียนให้ที่ประชุมทราบถึงเกณฑ์ในการพิจารณาข้อเสนอโครงการที่กระทรวงพลังงานใช้เป็นแนวทางในการสนับสนุนโครงการมี 3 ด้าน คือ เป้าหมายในการลดพลังงาน การบริหารจัดการโครงการ และระยะเวลาคืนทุนของโครงการ ซึ่งการกำหนดเกณฑ์ในการพิจารณาจะแตกต่างกันตามประเภทและกลุ่มเทคโนโลยีพลังงาน
3. ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ได้ให้เสนอแนะในการจัดทำข้อเสนอโครงการที่มีระยะเวลาเกิน 1 ปี ควรกำหนดเป้าหมายของโครงการแยกเป็นรายปี เพื่อวัดความสำเร็จของโครงการในแต่ละปีได้ชัดเจน
4. ประธานอนุกรรมการฯ เห็นว่าการสนับสนุนเงินกองทุนฯ ในโครงการนำร่องเพื่อผลิตพลังงานทดแทนจากชีวมวลในระดับชุมชน ควรจะสอดคล้องกับเกณฑ์การสนับสนุนเงินของ สนช. ที่สนันสนุน ในสัดส่วนร้อยละ 50 จึงขอปรับลดสัดส่วนการสนับสนุนเงินในส่วนผู้เข้าร่วมโครงการจากกองทุนฯ จากเดิมในสัดส่วน ร้อยละ 55 ของเงินลงทุนระบบฯ เป็นร้อยละ 50 ทำให้การสนับสนุนเงินกองทุน ในการดำเนินโครงการประกอบด้วย เงินสนับสนุนผู้ร่วมโครงการร้อยละ 50 คิดเป็นจำนวนเงิน 36,900,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการโครงการ 9,315,240 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 46,215,240 บาท
มติที่ประชุม
อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค โครงการสนับสนุน การศึกษาวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน ปีงบประมาณ 2553 ให้ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ในวงเงิน 46,215,240 บาท (สี่สิบหกล้านสองแสนหนึ่งหมื่นห้าพันสองร้อยสี่สิบบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายใน "โครงการนำร่องเพื่อผลิตพลังงานทดแทนจากชีวมวลในระดับชุมชน"
เรื่องที่ 4.2 โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้เห็นชอบให้งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ที่เกี่ยวกับโครงการประชาสัมพันธ์ ในแผนพลังงานทดแทน 250 ล้านบาท และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 250 ล้านบาท ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจาก "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" ที่ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน โดยให้สามารถ ถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผน/งานเดียวกันได้ ทั้งนี้ เมื่อคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ เห็นชอบแล้ว ให้เสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติก่อนดำเนินโครงการต่อไป และให้กระทรวงพลังงานดำเนินการประเมินผลการประชาสัมพันธ์ที่ได้รับงบประมาณจากกองทุนฯ ต่อไปด้วย
2. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2553 ได้เห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2553 ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติให้ สนพ. ไว้แล้ว เพื่อดำเนินโครงการประชาสัมพันธ์ 4 โครงการ ดังนี้
รายชื่อโครงการ | หน่วยงาน | งบประมาณ (ล้านบาท) | |
แผนพลังงานทดแทน | แผนเพิ่มประสิทธิภาพฯ | ||
1. โครงการประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจด้านพลังงานผ่านบทเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์ | สป.พน. | - | 35 |
2. โครงการเผยแพร่ผลการดำเนินงานของกระทรวงพลังงาน ตามนโยบายรัฐบาล | สป.พน. | - | 2 |
3. โครงการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน | สนพ. | - | 20 |
4. โครงการบริหารศูนย์ประชาสัมพันธ์รวมพลังหารสอง | สนพ. | 15 | - |
รวมงบประมาณ | 15 | 57 | |
คงเหลืองบประมาณ | 235 | 193 |
3. คณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ ในการประชุมครั้งที่ 4/2553 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2553 และ ในการประชุมครั้งที่ 5/2553 เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2553 ได้พิจารณาโครงการประชาสัมพันธ์ ภายใต้แผนพลังงานทดแทน และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จำนวน 7 โครงการ และมีมติเห็นชอบโครงการประชาสัมพันธ์จากงบประมาณกองทุนฯ ภายใต้แผนพลังงานทดแทน และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ดังนี้
รายชื่อโครงการ | หน่วยงาน | งบประมาณ (ล้านบาท) | |
แผนพลังงานทดแทน | แผนเพิ่มประสิทธิภาพฯ | ||
1. โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาจัดทำแผนกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์และอำนวยการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน | สป.พน. | - | 15 |
รายชื่อโครงการ | หน่วยงาน | งบประมาณ (ล้านบาท) | |
แผนพลังงานทดแทน | แผนเพิ่มประสิทธิภาพฯ | ||
2.โครงการประชาสัมพันธ์ตามนโยบายและสถานการณ์พลังงานของกระทรวงพลังงาน | สป.พน. | - | 50 |
3. โครงการสื่อสารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นนโยบายพลังงาน | สป.พน. | - | 35 |
4. โครงการประชาสัมพันธ์ลดโลกร้อน ถวายพ่อ | สป.พน. | 80 | - |
5. โครงการส่งเสริมและสร้างความรู้ความเข้าใจด้านพลังงานร่วมกับสื่อมวลชนวิทยุกระจายเสียง | สป.พน. | 30 | - |
6. โครงการสร้างความรู้ ความเข้าใจ การใช้น้ำมันคุณภาพ E85 | พพ. | 50 | - |
7. โครงการสร้างความเข้าใจการกำหนดคุณภาพน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 | พพ. | 20 | - |
รวมทั้งสิ้น | 180 | 100 |
1) โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาจัดทำแผนกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์และอำนวยการสื่อสาร ของกระทรวงพลังงาน โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อศึกษาและจัดทำแผนกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ของกระทรวงพลังงาน และหน่วยงาน ในสังกัด ให้สอดคล้องตามยุทธศาสตร์ด้านพลังงานของประเทศ
(2) เพื่อให้การสื่อสารและประชาสัมพันธ์ รวมทั้งการส่งเสริมภาพลักษณ์ของกระทรวงพลังงานและหน่วยงานในสังกัดเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งในด้านรูปแบบ เนื้อหา บรรลุตามยุทธศาสตร์ด้านพลังงานของประเทศ
(3) เพื่อกำหนด Key Message ของกระทรวงพลังงาน หน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ เพื่อการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
(4) เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์กับหน่วยงานเอกชนและหน่วยงานราชการอื่นๆ
หน่วยงานที่รับผิดชอบ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน
งบประมาณ ในวงเงิน 15,000,000 บาท
2) โครงการประชาสัมพันธ์ตามนโยบายและสถานการณ์พลังงานของกระทรวงพลังงาน
โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อติดตาม เฝ้าระวัง วิเคราะห์การนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนและรายงาน พร้อมกับแก้ปัญหา อันเนื่องมาจากข่าวอย่างทันท่วงทีรวมถึงกรณีเกิดวิกฤตพลังงาน หรือข่าวสารด้านลบ สามารถแก้ไขข้อมูลให้กลุ่มเป้าหมายได้รับทราบทันที
(2) เพื่อวางแผน จัดเตรียมสื่อ จัดทำข่าว ประสานงานกับสื่อมวลชน แหล่งข่าว และดำเนินการนำเสนอข่าวอย่างมีหลักการและฉับไว
(3) เพื่อเผยแพร่ภารกิจ ผลงานของ พน. และหน่วยงานในสังกัด รวมถึงข้อมูลข่าวสารพลังงานต่างๆ ที่ถูกต้องให้กลุ่มเป้าหมายในทุกระดับได้รับรู้อย่างทั่วถึง เพื่อกลุ่มเป้าหมาย หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกิดการรับรู้/เข้าใจ รวมถึงสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการนำไปปฏิบัติอย่างชัดเจน อันจะนำซึ่งภาพลักษณ์ที่ดีของกระทรวงพลังงาน
(4) เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเกิดทัศนคติที่ดี และเกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อกระทรวงเป็นหน่วยงาน ที่ตระหนักถึงความตั้งใจจริงในการออกนโยบายด้านพลังงาน การรณรงค์ด้านการส่งเสริมพลังงานทดแทน อนุรักษ์พลังงาน อย่างต่อเนื่อง
(5) เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกระทรวงพลังงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน สื่อมวลชน และชุมชน
หน่วยงานที่รับผิดชอบ สำนักงานปลัดกระทรวงแพลังงาน
- งบประมาณ ในวงเงิน 50,000,000 บาท
3) โครงการสื่อสารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นนโยบายพลังงานโดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อสำรวจความคิดเห็น ทัศนคติ และความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อนโยบายของกระทรวงพลังงาน
(2) เพื่อสื่อสาร เผยแพร่นโยบาย บทบาทและภารกิจของกระทรวงพลังงาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
(3) เพื่อพัฒนาทักษะการสื่อสารด้านนโยบายของกระทรวงพลังงานให้เจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
(4) เพื่อสร้างกระบวนการสื่อสารของหน่วยงานของกระทรวงพลังงาน เพื่อความเป็นเอกภาพและมีประสิทธิภาพ
หน่วยงานที่รับผิดชอบ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน
งบประมาณ ในวงเงิน 35,000,000 บาท
4) โครงการประชาสัมพันธ์ลดโลกร้อน ถวายพ่อ โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสมหามงคลบรมราชาภิเษกปีที่ 60 และการเฉลิมพระชนมพรรษา ให้ประจักษ์แก่ประชาชนชาวไทย
(2) เพื่อสร้างความตระหนักและรณรงค์ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการลดการใช้พลังงาน และหันมาใช้พลังงานทดแทน เพื่อร่วมลดกระแสภาวะโลกร้อน
(3) เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์อันดีของกระทรวงพลังงาน
หน่วยงานรับผิดชอบ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน
- งบประมาณ ในวงเงิน 80,000,000 บาท
5) โครงการส่งเสริมและสร้างความรู้ความเข้าใจด้านพลังงาน ร่วมกับสื่อมวลชนวิทยุกระจายเสียง โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อเผยแพร่แนวนโยบายด้านพลังงานให้กว้างขวางและทั่วถึง คลอบคลุมทุกภูมิภาค ทั่วประเทศ
(2) เพื่อขยายโอกาสการได้รับข้อมูลข่าวสารและสร้างความเข้าใจต่อนโยบายด้านพลังงานไปถึงประชาชนทุกภาคส่วน
(3) เพื่อสร้างเครือข่ายวิทยุในการสื่อสารเรื่องของพลังงานกับประชาชนได้ครอบคลุมทุกพื้นที่
(4) เพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วมจากภาคสื่อสารมวลชนกลางและส่วนท้องถิ่น ทำให้เกิดการยอมรับนโยบายด้านพลังงาน และสนับสนุนต่อนโยบายด้านพลังงานของประเทศ
หน่วยงานที่รับผิดชอบ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน
งบประมาณ ในวงเงิน 30,000,000 บาท
6) โครงการสร้างความรู้ ความเข้าใจ การใช้น้ำมันคุณภาพ E85 โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อเทิดพระเกียรติและเชิดชูพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีสายพระเนตรอันยาวไกล
(2) เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ การใช้น้ำมันคุณภาพ E85 เพื่อเป็นการลดภาระจากราคาน้ำมัน และสร้างรายได้หลักให้แก่เกษตรกร รวมทั้งปลูกจิตสำนึกให้คนไทยรักษ์และประหยัดพลังงาน และสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ
(3) เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่กระทรวงพลังงาน ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการส่งเสริมพลังงานทดแทน ตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
หน่วยงานที่รับผิดชอบ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน
งบประมาณ ในวงเงิน 50,000,000 บาท
7) โครงการสร้างความเข้าใจการกำหนดคุณภาพน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อรณรงค์สร้างความเข้าใจการกำหนดคุณภาพน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี5 รวมทั้งปลูกจิตสำนึก ให้คนไทยเห็นคุณค่าและความสำคัญของพลังงานทดแทนอันเป็นพระราชดำริจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
(2) เพื่อสร้างกระแสการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 5 อย่างกว้างขวาง
(3) เพื่อวิเคราะห์ ติดตาม ประเมินผลทัศนคติของประชาชนต่อการใช้น้ำมัน บี 5
หน่วยงานที่รับผิดชอบ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน
งบประมาณ ในวงเงิน 20,000,000 บาท
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณารายละเอียดของโครงการทั้ง 7 โครงการแล้ว และมีข้อคิดเห็น สรุปได้ดังนี้
1. เห็นชอบในการเปลี่ยนแปลงรายการและงบประมาณ โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนและส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในแผนพลังงานทดแทน และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ดังนี้
แผนพลังงานทดแทน
กิจกรรมเดิม | จำนวนเงิน (ล้านบาท) |
กิจกรรมใหม่ | จำนวนเงิน (ล้านบาท) |
1. โครงการพัฒนาการให้บริการวิชาการด้านพลังงาน | 13 | 1.โครงการประชาสัมพันธ์ลดโลกร้อนถวายพ่อ | 80 |
2. โครงการส่งเสริมและสนับสนุนพลังงานหมุนเวียนรูปแบบต่างๆ | 58 | 2. โครงการส่งเสริมและสร้างความเข้าใจรับรู้ด้านพลังงานร่วมกับเครือข่ายสื่อมวลชนท้องถิ่น (Area Base) | 30 |
3. โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจ เกี่ยวกับนโยบายการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน | 50 | 3.โครงการสร้างความรู้ ความเข้าใจการใช้น้ำมันคุณภาพ E85 | 50 |
4. การผลิตสื่อประชาสัมพันธ์/เอกสารเผยแพร่ ความรู้ความเข้าใจในเรื่องพลังงานทดแทน | 30 | 4 โครงการสร้างความรู้ ความเข้าใจการกำหนดคุณภาพน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 5 | 20 |
5. โครงการติดตามสถานการณ์และนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีพลังงานทดแทน | 35 | ||
รวมเป็นเงิน | 186 | รวมเป็นเงิน | 180 |
แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
กิจกรรมเดิม | จำนวนเงิน (ล้านบาท) |
กิจกรรมใหม่ | จำนวนเงิน (ล้านบาท) |
1. โครงการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ รวมพลังไทยร่วมใจประหยัดพลังงาน | 60 | 1.โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาจัดทำแผนกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์และอำนวยการสื่อสาร ของกระทรวงพลังงาน | 15 |
2. โครงการประชาสัมพันธ์ตามนโยบายพลังงาน | 30 | 2. โครงการประชาสัมพันธ์ตามนโยบายและสถานการณ์พลังงานของกระทรวงพลังงาน | 50 |
3. โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อบริหารโครงการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน | 10 | 3. โครงการสื่อสารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นนโยบายพลังงาน | 35 |
รวมเป็นเงิน | 100 | รวมเป็นเงิน | 100 |
2. ผู้แทนกรมบัญชีกลาง เห็นว่าโครงการประชาสัมพันธ์ที่เสนอในแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ได้แก่ (1) โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาจัดทำแผนกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์และอำนวยการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน (2) โครงการประชาสัมพันธ์ตามนโยบายและสถานการณ์พลังงานของกระทรวงพลังงาน และ (3) โครงการสื่อสารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นนโยบายพลังงาน เป็นการดำเนินกิจกรรมที่เน้นด้านการประชาสัมพันธ์และผลงานของกระทรวงพลังงาน ซึ่งไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการใช้เงินกองทุนฯ และมี สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เคยให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับการใช้เงินกองทุนฯ ไว้ จึงขอให้กระทรวงพลังงานนำกลับไปพิจารณาหรือทำการปรับปรุงข้อเสนอโครงการให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการใช้เงินกองทุนฯ ต่อไป ซึ่งกระทรวงพลังงานได้ขอถอนการพิจารณาโครงการทั้ง 3 โครงการดังกล่าว และขอให้ สป.พน.ทำการปรับปรุงและแก้ไขข้อเสนอโครงการให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการใช้เงินกองทุนฯ และให้นำเสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป
3. ผู้แทน สนย. สป.พน. ได้ขอปรับเปลี่ยนชื่อโครงการประชาสัมพันธ์ จากเดิม "โครงการส่งเสริมและสร้างความเข้าใจรับรู้ด้านพลังงานร่วมกับสื่อมวลชนวิทยุกระจายเสียง (Area Base)" เป็น "โครงการว่าจ้างที่ปรึกษา เพื่อสร้างความเข้าใจรับรู้ด้านพลังงานร่วมกับสื่อมวลชนวิทยุกระจายเสียง (Area Base)"
4. กิจกรรม/โครงการประชาสัมพันธ์ ที่หน่วยงานจะต้องดำเนินการภายใต้งบประมาณคงเหลือในแต่ละแผนงาน เลขานุการฯ เห็นควรให้คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงานพิจารณาและนำเสนอคณะอนุกรรมการฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติ และดำเนินการตามระเบียบราชการภายใน 30 กันยายน 2553
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงรายการและงบประมาณในโครงการประชาสัมพันธ์ ภายใต้แผนพลังงานทดแทน และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอมา
2. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนพลังงานทดแทน งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ปีงบประมาณ 2553 ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2553 (ครั้งที่ 50) เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติให้ สนพ. ไว้แล้ว มาใช้สำหรับดำเนินโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน จำนวน 4 โครงการ ดังนี้
(1) โครงการประชาสัมพันธ์ลดโลกร้อน ถวายพ่อ โดยให้ สป.พน. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 80,000,000 บาท (แปดสิบล้านบาทถ้วน)
(2) โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจด้านพลังงานร่วมกับสื่อมวลชนวิทยุกระจายเสียง โดยให้ สป.พน. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 30,000,000 บาท (สามสิบล้านบาทถ้วน)
(3) โครงการสร้างความรู้ ความเข้าใจ การใช้น้ำมันคุณภาพ E85 โดยให้ พพ. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 50,000,000 บาท (ห้าสิบล้านบาทถ้วน)
(4) โครงการสร้างความเข้าใจการกำหนดคุณภาพน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 โดยให้ พพ. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 20,000,000 บาท (ยี่สิบล้านบาทถ้วน)
3. เห็นชอบให้ สป.พน. และ พพ. สามารถเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการดำเนินงานได้เพื่อความเหมาะสม โดยสามารถถัวจ่ายระหว่างรายการ และแยกรายการ และทำสัญญาหรือหนังสือยืนยันได้หลายรายการตามความเหมาะสม โดยแบ่งกระจายน้ำหนักตามงบประมาณและกิจกรรมต่างๆ ได้ ตามที่เสนอมา
เรื่องที่ 3 แนวทาง/หลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554
1. กระทรวงพลังงาน ในฐานะผู้เก็บรักษาเงินและทรัพย์สินของ "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" จะพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้หน่วยงานจัดทำโครงการเพื่อสนับสนุนแผนอนุรักษ์พลังงาน และดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน มาตรา 25 แห่ง "พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" โดยจัดทำรายละเอียดเสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ และคณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติตามลำดับ
2. สนพ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการกองทุนฯ ได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดการของบประมาณของกองทุนฯ ปี 2554 ในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และการผลิตและการใช้พลังงานทดแทน และ สนพ. จะรวบรวมและเสนองบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ เสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ และคณะกรรมการกองทุนฯ
3. เพื่อให้การจัดสรรเงินกองทุนฯ เกิดประโยชน์สูงสุดในการดำเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอกรอบการพิจารณาโครงการฯ ตามงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 ดังนี้
3.1 กำหนดแนวทาง/หลักเกณฑ์การวิเคราะห์ในการจัดทำลำดับความสำคัญของโครงการ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและการเงินของประเทศในปัจจุบัน ประกอบด้วย
(1) การจัดลำดับความสำคัญตามนโยบายและแผน โดยทำการพิจารณาถึงความสอดคล้องของโครงการกับภารกิจที่สำคัญ ดังนี้
- ภารกิจตามข้อกำหนดและกฎหมาย พ.ร.บ.ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
- ภารกิจตามยุทธศาสตร์ระดับชาติ นโยบายรัฐบาล และกระทรวงพลังงาน
- ภารกิจตามเจตนารมณ์ของกองทุนฯ ตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และตามแผนและเป้าหมายอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2551-2554
- ภารกิจตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี (พ.ศ. 2551-2565)
(2) ระยะเวลาการเกิดผลสัมฤทธิ์ โดยใช้เป็นเกณฑ์ในการแบ่งช่วงเวลาที่โครงการดังกล่าวสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้ในอนาคต โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะ "สั้น" (เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ใน 1-2 ปี) ระยะ "กลาง" (เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ใน 3-5 ปี) และ ระยะ "ยาว" (เกิดผลสัมฤทธิ์ต้องใช้เวลามากกว่า 5 ปี)
(3) ศักยภาพในการขยายผล โดยเน้นโครงการวิจัยและ/หรือดำเนินการแล้วสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้จริง (Deployment Potential) โดยแบ่งตามศักยภาพการขยายผลเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "มาก" และกลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "น้อย"
(4) โครงการต่อเนื่อง โดยพิจารณาผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ถ้ามีความก้าวหน้าเกินกว่าร้อยละ 50 ของแผนงาน และผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดี จึงจะได้รับงบประมาณสำหรับปีต่อไป
(5) งานประชาสัมพันธ์ ดำเนินงานเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสารอย่างแท้จริง
(6) งบบริหารแผนการดำเนินงาน จะต้องเป็นภาระกิจหรืองานที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และปรับอัตราค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ แนวทาง และขอบเขตการพิจารณางบประมาณตามที่สำนักงบประมาณกำหนด
(7) ผลลัพธ์ของโครงการ (Out come) เน้นโครงการที่สามารถระบุผลการประหยัดพลังงานหรือผลการทดแทนพลังงานเชิงพาณิชย์ได้อย่างชัดเจน และส่งผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายของแผนอนุรักษ์พลังงาน
3.2 ให้มีคณะทำงานที่ทำหน้าที่ในการกลั่นกรองงบประมาณ และพิจารณาแผนการปฏิบัติงาน ของหน่วยงานต่างๆ ที่จะขอจัดสรรจากกองทุนฯ ประจำปีงบประมาณ 2554 และเมื่อพิจารณากลั่นกรองแล้ว ให้จัดทำความเห็นเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกองทุนฯ โดยมีองค์ประกอบ ดังนี้
(1) รองปลัดกระทรวงพลังงาน (นายณอคุณ สิทธิพงศ์) ประธานคณะทำงาน
(2) ผู้แทนคณะอนุกรรมการประเมินผล คณะทำงานโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน
(3) ผู้แทนสำนักงบประมาณ คณะทำงาน
(4) อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน คณะทำงาน
(5) ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน คณะทำงาน
(6) ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน คณะทำงาน
(7) ผู้อำนวยการสำนักนโยบายอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน สนพ. คณะทำงานและเลขานุการ
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว และเห็นชอบแนวทาง/หลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 โดยประธานอนุกรรมการฯ เห็นควรให้นำการประเมินผลลัพธ์ (Out Come) ของโครงการที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนฯ มาประกอบการพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ในปีงบประมาณนี้ด้วย
มติที่ประชุม
เห็นชอบแนวทาง/หลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 และการแต่งตั้งคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองงบประมาณฯ ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอมา
เรื่องที่ 5 การประเมินผลโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปี 2553
1. คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้เห็นชอบให้งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553 ที่เกี่ยวกับโครงการประชาสัมพันธ์ ในแผนพลังงานทดแทน 250 ล้านบาท และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 250 ล้านบาท ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจาก "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" และให้กระทรวงพลังงานดำเนินการประเมินผลการประชาสัมพันธ์ที่ได้รับงบประมาณจากกองทุนฯ ต่อไปด้วย
2. คณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ ในการประชุมครั้งที่ 5/2553 เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2553 ได้เห็นชอบให้ สนพ. ดำเนินโครงการ "การประเมินผลโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปี 2553" ในวงเงิน 3,000,000 บาท และนำเสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป โดยสาระสำคัญของโครงการ สรุปได้ดังนี้
2.1 วัตถุประสงค์
(1) จัดให้มีการสำรวจประสิทธิภาพของโครงการ ประเมินผลและวิเคร าะห์การดำเนินงานกิจกรรมหรือโครงการต่างๆ เพื่อรับทราบถึงผลการดำเนินงาน ทั้งในด้านการรับรู้ การเข้าใจข้อความที่สื่อสารประสิทธิภาพการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ความเหมาะสมของรูปแบบกิจกรรม การบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ รวมถึงความคุ้มค่าของงบประมาณดำเนินงาน
(2) นำผลการประเมินมาใช้ในการปรับแผนการดำเนินกิจกรรม รูปแบบ ตลอดจนใช้เป็นข้อมูลในการกำหนดกรอบ แนวคิดด้านการประชาสัมพันธ์ในอนาคต
2.2 หน่วยงานที่รับผิดชอบ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
2.3 งบประมาณ ในวงเงิน 3,000,000 บาท
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว และเห็นชอบให้ สนพ. ดำเนินการประเมินผลโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปี 2553 เพื่อสำรวจประสิทธิภาพของโครงการประชาสัมพันธ์ที่ได้ดำเนินการ ในปีงบประมาณ 2553
มติที่ประชุม
อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2553 ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติให้ สนพ. ไว้แล้ว มาใช้สำหรับดำเนิน "การประเมินผลโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปี 2553" โดยให้ สนพ. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 3,000,000 บาท (สามล้านบาทถ้วน) โดยให้สามารถเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการดำเนินงานได้ เพื่อความเหมาะสม โดยสามารถถัวจ่ายระหว่างรายการ และแยกรายการ และทำสัญญาหรือหนังสือยืนยันได้หลายรายการตามความเหมาะสม โดยแบ่งกระจายน้ำหนักตามงบประมาณและกิจกรรมต่างๆ ได้
กอ. ครั้งที่ 44 - วันพฤหัสบดีที่ 21 ธันวาคม 2549
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 3/2549 (ครั้งที่ 44)
วันพฤหัสบดีที่ 21 ธันวาคม 2549 เวลา 13.30 น
ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล
1. แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
4. เห็นชอบผลการดำเนินงานโครงการที่เป็นงานต่อเนื่องและผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการกองทุนฯ แล้ว
5. ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการประเมินผลแผนอนุรักษ์พลังงาน
รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์) กระทรวงพลังงาน ผู้เข้าร่วมการประชุม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า เนื่องจากประธานกรรมการกองทุนฯ ติดภารกิจเร่งด่วน จึงมอบหมายให้ทำหน้าที่ประธานในการประชุมไปพรางก่อน
เรื่องที่ 1 แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2549 ได้มติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนฯ เรียบร้อยแล้ว จำนวน 7 ท่าน ตามรายนามดังต่อไปนี้
1. นายปิยะวัติ บุญ-หลง
2. นายปรีดา วิบูลย์สวัสดิ์
3. นายกฤษณพงศ์ กีรติกร
4. นายอรรจน์ เศรษฐบุตร
5. นายยอดเยี่ยม เทพธรานนท์
6. นางสาวพรทิพย์ จาละ
7. นายพรายพล คุ้มทรัพย์
มติที่ประชุม
รับทราบ
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงาน ประมาณการรับ-จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและงบการเงินที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบเรียบร้อยแล้วให้ที่ประชุมรับทราบ ซึ่งมีประมาณการรับ-จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 คงเหลือ ณ วันที่ 30 กันยายน 2550 ดังนี้
หน่วย : ล้านบาท | |
เงินคงเหลือ ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 | 4,915.24 |
บวก ประมาณการรายรับ ปี 2550 | 1,400.00 |
รวมเงินคงเหลือ | 6,315.24 |
หัก ประมาณการรายจ่าย ปี 2550 | (3,641.18) |
ประมาณการเงินคงเหลือ ณ วันที่ 30 ก.ย. 2550 | 2,674.06 |
มติที่ประชุม
รับทราบ
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้คณะกรรมกองทุนฯ รับทราบถึงกรอบแผนอนุรักษ์ฯ ระยะที่ 3 โดยสรุป ดังนี้
1. ความเป็นมา
1.1 คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในการประชุม เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2547 ได้อนุมัติกรอบแผนอนุรักษ์พลังงานฯ ระยะที่ 3 (ในช่วงปี 2548-2554) ตามข้อเสนอของคณะกรรมการกองทุนฯ และเห็นชอบให้คณะกรรมการกองทุนฯ โดยมีเป้าหมายตามยุทธศาสตร์พลังงานของประเทศที่จะลดอัตราส่วนการใช้พลังงานต่ออัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจจาก 1.4:1 เป็น 1:1 ภายในปี 2551 และเพิ่มอัตราส่วนการใช้พลังงานทดแทนจากร้อยละ 0.5 เป็นร้อยละ 8 ภายในปี 2554
1.2 ผลการดำเนินการในปี 2548 และปี 2549 คาดว่าเมื่อโครงการดำเนินงานจนครบอายุการใช้งานของอุปกรณ์หรือเทคโนโลยีแล้ว จะลดการใช้พลังงานได้ 2,490 ktoe/ปี หรือคิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 47,310 ล้านบาท อัตราการใช้พลังงานต่ออัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจจาก 1.4:1 เป็น 1.2:1 เพิ่มอัตราส่วนการใช้พลังงานทดแทนจากร้อยละ 0.5 เป็นร้อยละ 3 และยังมีประโยชน์ในด้านอื่นๆ เช่น ลดการก่อมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
2. ทบทวนแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 ในช่วงที่เหลือ (ปี 2550-2554)
เป็นการทบทวนแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 (ในช่วงปี 2548-2554) จากที่ กพช. เห็นชอบไว้เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2547 โดยพิจารณาจากความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันทั้งด้านศักยภาพและมาตรการที่จะดำเนินการ รวมถึงความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ด้านพลังงานของประเทศ และนโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลชุดปัจจุบัน
2.1 ยุทธศาสตร์ด้านพลังงานของประเทศ ในช่วงปี 2548-2554
ยุทธศาสตร์หลักของการแก้ไขปัญหาด้านพลังงานของประเทศ ประกอบด้วย (1) การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัด (2) การใช้พลังงานทดแทน เช่น NGV ก๊าซโซฮอล์ และไบโอดีเซล และ (3) ความมั่นคงในการจัดหาแหล่งพลังงานในประเทศและต่างประเทศ (4) การพัฒนาศูนย์กลางพลังงาน และมีมาตรการประหยัดพลังงานมาตามลำดับ โดยมุ่งเน้นใน 3 ภาคเศรษฐกิจหลักที่มีการใช้พลังงานรวมมากถึงร้อยละ 95 ได้แก่ ภาคการขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจและที่อยู่อาศัย โดยมีภาครัฐทำตัวเป็นตัวอย่างด้านประหยัดพลังงาน
2.2 นโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลชุดปัจจุบัน
"ส่งเสริมประสิทธิภาพและประหยัดการใช้พลังงาน การพัฒนาและใช้ประโยชน์พลังงานทดแทน การสำรวจและพัฒนาแหล่งพลังงานทั้งภายในประเทศและนอกประเทศ รวมถึงเขตพัฒนาร่วมกันกับประเทศเพื่อนบ้าน การส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด การกำหนดโครงสร้างราคาพลังงานที่เหมาะสม และการปรับโครงสร้างบริหารกิจการพลังงานให้เหมาะสม โดยแยกงานนโยบายและการกำกับดูแลให้มีความชัดเจน รวมทั้งส่งเสริมการแข่งขันในธุรกิจพลังงานในระยะยาว และการศึกษาวิจัยพลังงานทางเลือก" โดยกระทรวงพลังงานได้จัดทำแนวนโยบายพลังงานดังกล่าวให้มีรายละเอียดและชัดเจนมากขึ้น และเสนอ กพช. เห็นชอบเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2549 โดยเป็นการมุ่งเน้นการวางพื้นฐานการพัฒนาพลังงานของประเทศให้มีความมั่นคงและยั่งยืน สอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
3. แผนปฏิบัติการอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2550-2554
3.1 จากการทบทวนแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 เพื่อดำเนินการในช่วงปี 2550-2554 องค์ประกอบของแผนฯ ยังคงดำเนินการใน 3 แผนงาน
(1) แผนงานพัฒนาพลังงานทดแทน เป็นแผนงานเกี่ยวกับ
งานศึกษา วิจัยพัฒนา และส่งเสริมเพื่อก่อให้เกิดการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้นในการผลิตไฟฟ้า ความร้อน และเชื้อเพลิงชีวภาพ เพื่อใช้ในภาคคมนาคมขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม บ้านอยู่อาศัย ได้แก่ แสงอาทิตย์ น้ำ ลม ชีวมวล ชีวภาพ เอทานอล ไบโอดีเซล เซลล์เชื้อเพลิง ฯลฯ
งานสร้างและพัฒนาศักยภาพของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานด้านพลังงานทดแทน ได้แก่ การประชุมเชิงวิชาการ สัมมนา ฝึกอบรม ดูงาน ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการให้ทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี โท เอก
งานเผยแพร่ข้อมูล สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนทั่วไป เพื่อรู้จักพลังงานทดแทน พลังงานทางเลือก ให้ถูกต้อง อาทิ ชีวมวล ชีวภาพ ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน นิวเคลียร์ แก๊สโซฮอล์ ไบโอดีเซล มีความเชื่อมั่น และสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐ
(2) แผนงานเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เป็นแผนงานเกี่ยวกับ
งานศึกษา วิจัยพัฒนา และส่งเสริมเพื่อก่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ในภาคคมนาคมขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม ธุรกิจ บริการ เกษตรกรรม และภาคบ้านอยู่อาศัย
งานสร้างและพัฒนาศักยภาพของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ได้แก่ การประชุมเชิงวิชาการ สัมมนา ฝึกอบรม ดูงาน ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการให้ทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี โท เอก
งานสร้างความรู้ความเข้าใจเพื่อให้มีการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า ปรับเปลี่ยนลักษณะการใช้พลังงานให้เป็นไปอย่างพอประมาณ
(3) แผนงานบริหารเชิงกลยุทธ์ เป็นแผนงานเกี่ยวกับ
งานศึกษาวิจัยเชิงนโยบายเพื่อเป็นข้อเสนอแนะ ทางเลือก หรือภาพรวมของสถานการณ์ที่ผสมผสานทั้งมิติด้าน การผลิตและการใช้พลังงาน ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สำหรับใช้ประกอบการตัดสินใจพัฒนาแผนพลังงานทดแทน หรือแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้เหมาะสมทันต่อสถานการณ์ เป็นเครื่องมือนำทางสำหรับจัดลำดับความสำคัญของงานและการจัดสรรงบประมาณ
งานด้านบริหารจัดการให้แผนอนุรักษ์พลังงานดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ
งานช่วยเหลือส่งเสริมการดำเนินงานอื่นๆ เป็นเรื่องเฉพาะกิจที่สำคัญหรือเร่งด่วน
3.2 โดยส่วนใหญ่ยังคงมาตรการเดิม แต่ปรับเป้าหมายและวิธีดำเนินการเพื่อให้ผลที่คาดว่าจะได้รับชัดเจนขึ้น ได้แก่ การดำเนินการให้โรงงานควบคุมและอาคารควบคุมปฏิบัติตามที่พระราชบัญญัติฯ กำหนดอย่างจริงจัง การดำเนินการเรื่องมาตรฐานประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงาน ปรับลดเป้าหมายของการลดปริมาณการใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ของประเทศ เพราะแผนงานบางส่วน เช่น ระบบขนส่งมวลชน ระบบขนส่งสินค้า แผนปฏิบัติการโลจิสติกส์ ที่เป็นโครงการขนาดใหญ่และต้องใช้เงินลงทุนสูง ได้เลื่อนมาดำเนินการในปี 2550 นอกจากนี้ยังได้เพิ่มการส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติ และทบทวนเป้าหมายและแผนด้านพลังงานทดแทนทั้งด้านการผลิตไฟฟ้าในส่วนของพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และน้ำ เป้าหมายของการใช้แก๊สโซฮอล์ ไบโอดีเซล เป็นต้น โดยคำนึงถึงศักยภาพ ความสามารถ ความพร้อม ความเหมาะสมที่จะดำเนินการ
3.3 สรุปเป้าหมายแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 ในช่วงปี 2550-2554
(1) เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยลดใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ ในปี 2554 จาก 91,877 พันตัน เทียบเท่าน้ำมันดิบ เหลือ 84,183 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือลดการใช้พลังงานโดยไม่เกิดประโยชน์ได้ประมาณ 9.1 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 7,694 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ จำแนกเป็นภาคคมนาคมขนส่ง 3.9% ภาคอุตสาหกรรม 4.6% การจัดการใช้พลังงาน 0.7%
(2) พัฒนาพลังงานทดแทนให้มีสัดส่วนการใช้เพิ่มขึ้น โดยในปี 2554 จะมีการใช้พลังงานอื่นๆ เพิ่มขึ้น 13.9% ของความต้องการใช้พลังงานขั้นสุดท้าย หรือทดแทนการใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ประมาณ 11,722 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ จำแนกเป็น
1) ภาคคมนาคมขนส่ง มีการใช้พลังงานทดแทน 21% โดยใช้ Biodiesel แทนน้ำมันดีเซล 1,258 ktoe ใช้ Ethanol แทนน้ำมันเบนซิน 820 ktoe และใช้ NGV 4,764 ktoe
2) ภาคอุตสาหกรรมและบ้านอยู่อาศัย มีการใช้พลังงานทดแทน ดังนี้
ใช้แสงอาทิตย์ผลิตไฟฟ้า 75 MW คิดเป็น 7 ktoe และทำน้ำร้อน 5 ktoe
ใช้พลังลมสูบน้ำและผลิตไฟฟ้า 45 MW คิดเป็น 5 ktoe
ใช้น้ำท้ายเขื่อนชลประทานผลิตไฟฟ้า 156 MW คิดเป็น 18 ktoe
ใช้ชีวมวลผลิตไฟฟ้า 2,800 MW คิดเป็น 940 ktoe และให้ความร้อน 3,660 ktoe
ใช้น้ำเสียมาเป็นก๊าซชีวภาพผลิตไฟฟ้า 30 MW หรือคิดเป็น 14 ktoe
(3) มีผู้จบการศึกษาระดับอุดมศึกษาทั้งในและต่างประเทศด้านพลังงานมาช่วยเสริมการทำงานเพิ่มขึ้น 400 คน มีหลักสูตรการเรียนการสอนด้านพลังงานในโรงเรียนกว่า 30,000 โรงเรียน มีหลักสูตรอุดมศึกษาที่ตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและผลิตบุคลากรที่มีทักษะด้านพลังงานในภาคอุตสาหกรรม 1,400 คน ผู้ชำนาญการด้านพลังงานระดับท้องถิ่นได้รับการพัฒนาทักษะ 500 คน
เปรียบเทียบเป้าหมายอนุรักษ์พลังงานในปี 2554 ระหว่างแผนเดิมกับแผนที่ปรับปรุง
แผนงาน | เป้าหมายเดิม | เป้าหมายใหม่ | ||
ktoe | ร้อยละ | ktoe | ร้อยละ | |
(1) แผนงานเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 10,354 | 12.7 | 7,694 | 9.1 |
- สาขาอุตสาหกรรม | 3,411 | 4.2 | 3,832 | 4.6 |
- สาขาขนส่ง | 6,270 | 7.7 | 3,290 | 3.9 |
- การจัดการด้านการใช้พลังงาน | 673 | 0.8 | 571 | 0.7 |
(2) แผนงานด้านพลังงานทดแทน | 7,530 | 9.2 | 11,722 | 13.9 |
- ส่งเสริม NGV | - | - | 4,764 | 5.7 |
- พลังงานหมุนเวียน* | 7,530 | 9.2 | 6,958 | 8.3 |
เป้าหมายของการใช้พลังงานหมุนเวียน ในปี 2554 จำแนกประเภทได้ดังนี้
ประเภทพลังงาน | ไฟฟ้า | ความร้อน | เชื้อเพลิงชีวภาพ | รวม | ||
MW | ktoe | ktoe | ล้านลิตร/วัน | ktoe | ktoe | |
เอทานอล | - | - | - | 3 | 820 | 820 |
ไบโอดีเซล | - | - | - | 4 | 1,258 | 1,258 |
ชีวมวล | 2,800 | 940 | 3,660 | - | - | 4,600 |
ขยะ | 100 | 45 | - | - | - | 45 |
ก๊าซชีวภาพ | 30 | 14 | 186 | - | - | 200 |
ไฟฟ้าพลังน้ำ | 156 | 18 | - | - | - | 18 |
พลังลม | 45 | 5 | - | - | - | 5 |
แสงอาทิตย์ | 75 | 7 | 5 | - | - | 12 |
รวม | 3,206 | 1,029 | 3,851 | 7 | 2,078 | 6,958 |
โดยในช่วงปี 2550-2554 จะขอจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไปดำเนินการประมาณ 12,488 ล้านบาท และขอให้คณะกรรมการกองทุนฯ จัดสรรเงินกองทุนฯ สำหรับใช้จ่ายตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 (ในช่วงปี 2550-2554) ภายในวงเงินรวมดังกล่าว โดยสามารถให้ความเห็นชอบปรับปรุงแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และการจัดสรรเงินตามแผนงานต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ภายในวงเงินรวมดังกล่าว
4. แผนปฏิบัติการอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2550
แผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปีงบประมาณ 2550 ที่ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการกองทุนฯ แล้วในการประชุมรวม 2 ครั้ง คือเมื่อวันที่ 4 และ 14 ธันวาคม 2549 โดยสรุปสาระสำคัญของแผนฯ ได้ดังนี้
4.1 เร่งรัดการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 เพื่อบังคับให้โรงงานควบคุม 3,110 แห่ง อาคารควบคุม 1,115 แห่ง (ไม่รวมอาคารของรัฐ 800 แห่ง) ดำเนินการตามแผนและเป้าหมายอนุรักษ์พลังงานที่เสนอไว้กับ พพ. อย่างจริงจัง โดยแก้ไขกฎกระทรวง ใช้มาตรการส่งเสริม สนับสนุนและจูงใจทั้งด้านการเงิน มาตรการทางภาษี และคำแนะนำทางด้านเทคนิค
4.2 ติดตามการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงในหน่วยงานราชการและอาคารของรัฐให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีกับประชาชน คาดว่าในปี 2550 จาก 1,800 หน่วยงานที่ใช้ไฟฟ้ามากกว่า 10,000 หน่วย/ปี จะลดใช้พลังงาน 38 ktoe/ปี คิดเป็นมูลค่า 1,187 ล้านบาท/ปี
4.3 เร่งรัดการจัดการออกกฎกระทรวงเพื่อให้ วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องจักร และเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงาน ที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศไทย ได้มาตรฐานมีประสิทธิภาพด้านพลังงาน พร้อมทั้งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีการผลิตและประชาชนนิยมใช้เป็นที่แพร่หลาย โดยในปี 2550 สมอ. จะประกาศให้มาตรฐานการใช้พลังงานขั้นต่ำมีผลใช้บังคับกับบัลลาสต์ และหลอดฟลูออเรสเซนต์/คอมแพคฟลูออเรสเซนต์ กระทรวงพลังงานออกกฎกระทรวงประกาศมาตรฐานขั้นสูงกับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า 6 รายการ และมีสินค้าที่ติดฉลากแสดงประสิทธิภาพพลังงานเพิ่มเติม คือ พัดลมโคจร กระติกน้ำร้อน เตาหุงต้ม LPG อุปกรณ์ปรับความเร็วรอบมอเตอร์ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถบรรทุกส่วนบุคคล คาดว่าจะก่อให้เกิดผลประหยัดพลังงาน 120 ktoe/ปี คิดเป็นมูลค่า 3,493 ล้านบาท/ปี
4.4 ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนพัฒนาพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น โดยใช้มาตรการกำหนดอัตราราคารับซื้อไฟฟ้าส่วนเพิ่ม (Adder) และใช้เงินจากกองทุนฯ 2,000 ล้านบาท (1,000 ล้านบาท/ปี) เพื่อให้เอกชนที่จะลงทุนด้านพลังงานทดแทนได้มีแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ที่คาดว่าจะช่วยทำให้เพิ่มอัตราส่วนการใช้พลังงานทดแทนจากร้อยละ 3 เป็นร้อยละ 4.7 คาดว่าเป็นการผลิตไฟฟ้าเพิ่มจาก 2,055 MW เป็น 2,233 MW เพิ่มการใช้ในกระบวนการความร้อนจาก 1,789 ktoe เป็น 2,217 ktoe และเพิ่มการใช้เอทานอล 0.4 ล้านลิตร/วัน เป็น 0.9 ล้านลิตร/วัน และใช้ไบโอดีเซล 0.3 ล้านลิตร/วัน เป็น 0.5 ล้านลิตร/วัน
4.5 การกระจายความรู้ความเข้าใจสู่ภูมิภาคและท้องถิ่นอย่างทั่วถึง ทั้งเรื่องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการใช้พลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานรูปแบบอื่นที่เหมาะสมกับท้องถิ่น
4.6 ให้ความรู้ความเข้าใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในเรื่องพลังงานทางเลือก ทั้งด้านนโยบายของรัฐ การผลิต การใช้ การกำกับดูแลความปลอดภัย และการจัดการป้องกันผลกระทบ เช่น ก๊าซธรรมชาติ แก๊สโซฮอล์ ไบโอดีเซล ถ่านหิน นิวเคลียร์ เป็นต้น
4.7 ในปี 2550 คาดว่าจะมีประมาณการรายจ่ายรวมทั้งสิ้น 3,487,758,344 บาท ประกอบด้วย
1. แผนพลังงานทดแทน | 2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 3. แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ | |||
ล้านบาท | ล้านบาท | ล้านบาท | |||
1.1 งานศึกษาวิจัยและ | 2.1 งานศึกษาวิจัยและ | 3.1 งานศึกษาเชิงนโยบาย | |||
พัฒนาด้านเทคนิค | 356.22 | พัฒนาด้านเทคนิค | 239.00 | และวิชาการ | 102.00 |
1.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 1,541.05 | 2.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 548.11 | 3.2 งานบริหารกองทุน | 85.52 |
1.3 งานพัฒนาบุคลากร | 34.50 | 2.3 งานพัฒนาบุคลากร | 180.35 | 3.3 งานอื่นๆ | - |
และประชาสัมพันธ์ | 156.00 | และประชาสัมพันธ์ | 180.00 | ||
1.4 งานบริหารแผนงาน | 42.50 | 2.4 งานบริหารแผนงาน | 22.50 | ||
รวม | 2,130.27 | รวม | 1,169.96 | รวม | 187.52 |
โดยจัดสรรให้ 3 หน่วยงาน คือ พพ. สนพ. และกรมบัญชีกลาง นำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ดังนี้
หน่วยงาน | 1. แผนพลังงานทดแทน | 2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพฯ | 3. แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ | รวม |
1) พพ. | 1,600,772,500 | 697,350,000 | - | 2,298,122,500 |
2) สนพ. | 529,500,000 | 472,611,000 | 186,405,104 | 1,188,516,104 |
3) กรมบัญชีกลาง | - | - | 1,119,740 | 1,119,740 |
รวม | 2,130,272,500 | 1,169,961,000 | 187,524,844 | 3,487,758,344 |
ทั้งนี้ ให้แต่ละหน่วยงานสามารถถัวจ่ายภายในแผนงาน/งานเดียวกันได้
4.8 สรุปผลที่คาดว่าจะได้รับจากการดำเนินการในปี 2550 จะสามารถลดปริมาณการใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ลง 541 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ และจะนำพลังงานทดแทนมาใช้เพิ่มขึ้น 550 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ ภายในปี 2550
5. ฐานะการเงินกองทุนฯ ในช่วงปี 2550-2554
5.1 ในช่วงปี 2535-2540 กพช. กำหนดอัตราจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนฯ ไว้ที่ 7 สตางค์/ลิตร เป็นช่วงที่การดำเนินงานอนุรักษ์พลังงานยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น เพราะรอการออกกฎกระทรวง รอการจัดทำระเบียบและหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินให้เรียบร้อย จึงทำให้ฐานะการเงินของกองทุนฯ มีรายรับสูงกว่ารายจ่ายมาก ซึ่งในเดือนกรกฎาคม 2540 สถานการรายได้ของรัฐไม่เพียงพอกับงบประมาณที่ตั้งไว้ในปี 2540 และ 2541 กพช. จึงได้เก็บเพิ่มอัตราภาษีน้ำมันเชื้อเพลิง และให้ลดอัตราการเงินส่งเข้ากองทุนฯ เป็นอัตรา 4 สตางค์ต่อลิตร เป็นการชั่วคราว เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันในช่วงเวลานั้น
การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในช่วงที่ผ่านมา ยังมีสภาพคล่องเพราะมีเงินสะสมมาจากช่วงปี 2535-2540 ที่รายรับสูงกว่ารายจ่ายมาก ปัจจุบันวงเงินดังกล่าวได้มีการใช้จ่ายออกไปตามแผนฯ อย่างต่อเนื่อง ทำให้ฐานะการเงินของกองทุนฯ ณ 30 กันยายน 2549 เมื่อประเมินกับรายรับของกองทุนฯ ที่เก็บในอัตรา 4 สตางค์/ลิตร จะไม่เพียงพอรองรับกับแผนการดำเนินงานในช่วงต่อไป
5.2 เพื่อช่วยเหลือและส่งเสริมให้มีการผลิตและใช้พลังงานอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนก่อให้เกิดการผลิตอุปกรณ์และวัสดุที่ใช้ในการอนุรักษ์พลังงานขึ้นภายในประเทศ และเร่งรัดให้การดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายตามแผนฯ คาดว่าจะขอจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ประมาณ 12,488 ล้านบาท (ปี 2550-2554) และจากสถิติการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเฉลี่ย 3,521 ล้านบาท/ปี เมื่อนำมาเป็นฐานการจัดทำงบประมาณรายจ่าย ล่วงหน้าแต่ละปี ในระยะเวลา 5 ปี โดยประมาณการรายรับของกองทุนฯ จากปัจจุบันที่กำหนดอัตราเก็บเงินเข้ากองทุนฯ 4 สตางค์/ลิตร หรือประมาณ 1,300-1,400 ล้านบาท/ปี จึงสรุปฐานะการเงินของกองทุนฯ ในช่วง 2550-2554 ได้ดังนี้
ปีงบประมาณ | 2550 | 2551 | 2552 | 2553 | 2554 | รวม |
1. เงินคงเหลือยกมาต้นปี | 4,915 | (514) | (2,554) | (3,081) | (3,493) | 4,915 |
2. ประมาณการรายรับล่วงหน้า | 1,287 | 1,314 | 1,342 | 1,370 | 1,399 | 6,711 |
3. เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจาก พพ. | 413 | 937 | 1,080 | 986 | 936 | 4,351 |
รวมรับ | 1,699 | 2,251 | 2,421 | 2,356 | 2,335 | 4,351 |
4. รายจ่าย ประกอบด้วย | ||||||
4.1 รายจ่ายผูกพัน ปี 2538-2547 | 558 | 468 | 398 | 265 | 76 | 1,764 |
4.2 รายจ่ายผูกพัน ปี 2548-2549 | 3,082 | 824 | 551 | 503 | - | 4,959 |
4.3 ประมาณการรายจ่ายล่วงหน้า | 3,488 | 3,000 | 2,000 | 2,000 | 2,000 | 12,488 |
รวมจ่าย | 7,128 | 4,291 | 2,948 | 2,768 | 2,076 | 19,212 |
5. เงินคงเหลือปลายปี ยกไป | (514) | (2,554) | (3,081) | (3,493) | (3,235) | (3,235) |
5.3 เมื่อพิจารณาสถานการงบประมาณของประเทศในปัจจุบันค่อนข้างมั่นคงแล้ว และเพื่อให้ฐานะทางการเงินของกองทุนฯ เพิ่มขึ้นสู่ระดับเดิมและสอดคล้องกับการใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ ตามแผนอนุรักษ์พลังงาน จึงขอเสนอปรับเพิ่มอัตราส่งเงินเข้ากองทุนฯ เป็นอัตรา 7 สตางค์ต่อลิตร สำหรับน้ำมันเบนซิน ก๊าด ดีเซล และเตาที่ผลิตในประเทศและนำเข้า และอัตรา 6.3 สตางค์ต่อลิตร สำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ซึ่งจะทำให้ฐานะการเงินของกองทุนฯ ในช่วง 2-3 ปีแรก รายจ่ายยังสูงกว่ารายรับ แต่จากการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ แต่ละปี พบว่าเบิกจ่ายได้เฉลี่ยร้อยละ 70 ของงบประมาณประจำปีที่ได้รับ ซึ่งเมื่อนำมาประมาณการฐานะการเงินในช่วง ปี 2550-2554 ก็เห็นว่าการกำหนดอัตราส่งเงินเข้ากองทุนฯ ที่ระดับอัตรา 7 สตางค์ต่อลิตร ก็น่าจะสอดคล้องกับการใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ
หน่วย : ล้านบาท
ปีงบประมาณ | 2550 | 2551 | 2552 | 2553 | 2554 | รวม |
1. เงินคงเหลือยกมาต้นปี | 4,915 | 1,348 | (4) | 25 | 491 | 4,915 |
2. ประมาณการรายรับล่วงหน้า | 2,102 | 2,149 | 2,198 | 2,248 | 2,299 | 10,995 |
3. เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจาก พพ. | 413 | 937 | 1,080 | 986 | 936 | 4,351 |
รวมรับ | 2,514 | 3,086 | 3,277 | 3,233 | 3,235 | 4,351 |
4. รายจ่าย ประกอบด้วย | ||||||
4.1 รายจ่ายผูกพัน ปี 2538-2547 | 558 | 468 | 398 | 265 | 76 | 1,764 |
4.1 รายจ่ายผูกพัน ปี 2548-2549 | 3,082 | 824 | 551 | 503 | - | 4,959 |
4.3 ประมาณการรายจ่ายล่วงหน้า | 2,441 | 3,146 | 2,300 | 2,000 | 2,600 | 12,488 |
รวมจ่าย | 6,081 | 4,438 | 3,248 | 2,768 | 2,676 | 19,212 |
5. เงินคงเหลือปลายปี ยกไป | 1,348 | (4) | 25 | 491 | 1,049 | 1,049 |
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบกรอบแผนอนุรักษ์พลังงาน และกรอบการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในช่วงปี 2550-2554 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ และก่อนนำเสนอ กพช. ให้ สนพ. ปรับลดเป้าหมายพลังงานแสงอาทิตย์ลงเป็น 45 MW เพิ่มเป้าหมายของพลังงานลมเป็น 115 MW ปรับลดเป้า NGV เป็น 251,600 คัน สำหรับแนวทางดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในขนส่งนั้น เห็นชอบกรอบแผนงานตามที่เสนอ และเมื่อแผนงานทางกระทรวงคมนาคมชัดเจนขึ้นแล้ว คณะกรรมการกองทุนฯ จะพิจารณารายละเอียดภายหลัง
2. อนุมัติแผนอนุรักษ์พลังงาน และงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 2550 ในวงเงินรวม 3,484,538,344 บาท โดยจัดสรรให้ พพ. สนพ. และกรมบัญชีกลาง ประกอบด้วย
หน่วย : บาท
หน่วยงาน | 1. แผนพลังงานทดแทน | 2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพฯ | 3. แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ | รวม |
1) พพ. | 1,597,552,500 | 697,350,000 | - | 2,294,902,500 |
2) สนพ. | 529,500,000 | 472,611,000 | 186,405,104 | 1,188,516,104 |
3) กรมบัญชีกลาง | - | - | 1,119,740 | 1,119,740 |
รวม | 2,127,0522,500 | 1,169,961,000 | 187,524,844 | 3,484,538,344 |
ทั้งนี้ ให้แต่ละหน่วยงานสามารถถัวจ่ายภายในแผนงาน/งานเดียวกันได้
3. สำหรับค่าใช้จ่ายในงานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน อนุมัติให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2549 โดยให้แต่ละหน่วยงานสามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในหมวดต่าง ๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม และในส่วนงบประมาณรายจ่ายปี 2550 ที่ พพ. และ สนพ. ได้รับ ให้ สามารถโอนเปลี่ยนแปลงรายจ่ายระหว่างหน่วยงานและหรือให้หน่วยงานในกระทรวงพลังงานรับไปดำเนินการได้ โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
4. อนุมัติให้โครงการที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไปแล้ว สามารถเปลี่ยนแปลงรายละเอียดได้ โดยให้คณะอนุกรรมการกองทุนฯ เป็นผู้พิจารณารายละเอียดและให้ความเห็นชอบในการเปลี่ยนแปลงนั้น
5. ให้ สนพ. และ พพ. รายงานความก้าวหน้าของการดำเนินงานให้ฝ่ายเลขานุการฯ เพื่อสรุปรายงานคณะอนุกรรมการฯ ทุก 3 เดือน และคณะกรรมการกองทุนฯ ทุก 6 เดือน
6. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้ทุนอุดหนุนวิจัย ร่วมพิจารณากับคณะอนุกรรมการกองทุนฯ อีกครั้ง ก่อนดำเนินการ เนื่องจากแผนอนุรักษ์พลังงานปีงบประมาณ 2550 มีบางโครงการที่จะดำเนินการ อาจมีความซ้ำซ้อน หรืออาจจะเคยมีการศึกษาวิจัยไปแล้ว
ฝ่ายเลขานุการฯ ต่อเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อโปรดทราบผลการดำเนินงานของโครงการระยาวและได้ผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการกองทุนฯ แล้วในการประชุมครั้งที่ 2/2549 เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2549 และ ครั้งที่ 3/2549 เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2549 รวม 4 โครงการ ดังต่อไปนี้
1. โครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ระยะที่ 3
1.1 คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 4/2544 เมื่อ 19 กันยายน 2444 ได้อนุมัติเงินกองทุนฯ ให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในวงเงินรวม 853 ล้านบาท เพื่อดำเนินการส่งเสริมการลงทุนให้เจ้าของฟาร์มสุกรขนาดกลาง (มีสุกร 500-5,000 ตัว) และขนาดใหญ่ (มีสุกรมากกว่า 5,000 ตัว) นำน้ำเสียและมูลสุกรไปผ่านระบบบำบัดและผลิตได้ก๊าซชีวภาพมาใช้ประโยชน์เป็นพลังงานทดแทนด้านความร้อนและนำไปผลิตไฟฟ้า โดยในเวลา 8 ปี จะติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพให้สามารถรองรับของเสียจากสุกรขุนได้ 2 ล้านตัว หรือคิดเป็น 70-80% ของปริมาณสุกรที่เลี้ยงอยู่ในฟาร์มขนาดกลางและขนาดใหญ่ โดยแบ่งกิจกรรมออกเป็น
วงเงินรวม | ส่วนที่ 1: | ส่วนที่ 2: | ส่วนที่ 3: |
ฟาร์มขนาดใหญ่ | ฟาร์มขนาดกลาง | ศูนย์การเรียนรู้ | |
348 ล้านบาท | 419 ล้านบาท | 86 ล้านบาท | |
- ค่าบริหารงาน | 202 ล้านบาท | 118 ล้านบาท | |
- เงินอุดหนุนผู้เข้าร่วมโครงการฯ | 146 ล้านบาท (18% ของค่าก่อสร้าง) |
169 ล้านบาท (15% ของค่าก่อสร้าง) |
|
- ค่าบริษัทที่ปรึกษา | - | 132 ล้านบาท | |
- ศูนย์การเรียนรู้ เครื่องมือทดสอบ | 86 ล้านบาท |
1.2 คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้รับทราบผลการดำเนินงานปีที่ 2 ตามที่ มช. เสนอมา และผลประเมินจาก บริษัท อีอาร์เอ็มสยาม จำกัด ที่อยู่ในเกณฑ์ดี ทั้งด้านเทคโนโลยี ผลตอบแทนการลงทุน ความสามารถในการทดแทนเชื้อเพลิง ประสิทธิภาพของเจ้าของโครงการฯ ผลกระทบของโครงการฯ ที่มีต่อปัจจัยอื่นๆ ทางสังคมและสิ่งแวดล้อม คณะอนุกรรมการฯ จึงเห็นชอบให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้การสนับสนุนการดำเนินงานปีต่อไป มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
2. โครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมันและพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจรในพื้นที่ตัวอย่างเขตภาคเหนือ
2.1 กองทุนฯ ได้ให้การสนับสนุนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ในวงเงินรวม 50 ล้านบาท เพื่อทำการศึกษาวิจัย โครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมันและพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจรในพื้นที่ตัวอย่างเขตภาคเหนือ ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี (ปี 2548- 2552) โดยมีเป้าประสงค์ดังนี้
(1) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility) ทั้งด้านสถานภาพของระบบการปลูก การผลิตพืชน้ำมัน ที่มีศักยภาพในพื้นที่นอกเขตภาคใต้และมีปริมาณฝนน้อย เช่นในพื้นที่ภาคเหนือ
(2) เพื่อศึกษากระบวนการสกัดแปรรูปน้ำมันดิบของโรงงานขนาดพอเหมาะแก่ชุมชน เพื่อทำน้ำมัน ไบโอดีเซล ทั้งด้านเศรษฐศาสตร์ สังคม และสิ่งแวดล้อม
(3) เพื่อจัดทำศูนย์เรียนรู้ชุมชน (Farm model) ที่มีแบบจำลอง Process-based ของปาล์มน้ำมันและสบู่ดำ เพื่อการปลูกและผลิตไบโอดีเซลครบวงจร
2.2 คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้รับทราบผลการดำเนินงานปีที่ 1 ตามที่ มช. เสนอมา และผลประเมินจากคณะอนุกรรมการประเมินผลแผนอนุรักษ์ ที่มีประสิทธิภาพอยู่ในระดับ 4 และประสิทธิผลอยู่ในระดับ 3 คะแนน จาก 5 คะแนนเต็ม คณะอนุกรรมการฯ จึงเห็นชอบให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้การสนับสนุนการดำเนินงานปีต่อไป
3. โครงการพัฒนาบัณฑิตศึกษาและงานวิจัยด้านเทคโนโลยีพลังงานและสิ่งแวดล้อม
3.1 คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2541 ได้อนุมัติเงินกองทุนฯ ให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เป็นค่าใช้จ่ายในโครงการพัฒนาบัณฑิตศึกษาและงานวิจัยด้านเทคโนโลยีพลังงานและสิ่งแวดล้อม ในวงเงินรวม 145.76 ล้าน ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนนักศึกษาที่ได้รับทุนทั้งสิ้น 276 คน แบ่งเป็นระดับปริญญาเอก 135 คน (เป้าหมาย 120 คน) และระดับปริญญาโท 141 คน (เป้าหมาย 210 คน) โดยมีผู้สำเร็จการศึกษา 94 คน แบ่งเป็นระดับปริญญาเอก 27 คน และระดับปริญญาโท 67 คน ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่องจากเป็นหลักสูตรที่เน้นการวิจัย และต้องรอการตีพิมพ์ผลงานให้ครบตามเงื่อนไขจึงจะสำเร็จการศึกษาได้
3.2 คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้รับทราบผลการดำเนินงานปีที่ 4 ตามที่ มจธ. เสนอมา และผลประเมินจาก Asia Policy Research Co.,Ltd. เป็นที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาระบบติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน (Performance Monitoring System) ของ JGSEE ที่อยู่ในระดับดีโดยเฉพาะด้านบริหารจัดการมีโครงสร้างองค์กรที่ดีและเป็นทางการ มีแผนกลยุทธ์ที่จะนำไปสู่เป้าหมาย การพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง คณะอนุกรรมการฯ จึงเห็นชอบให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้การสนับสนุนการดำเนินงานปีต่อไป
4. การลงทุนอนุรักษ์พลังงานในอาคารควบคุมของ 3 หน่วยงาน
4.1 ในช่วงปี 2535-2548 กองทุนฯ ได้ให้การสนับสนุนแก่อาคารควบคุมที่เป็นส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เป็นเงินช่วยเหลือให้เปล่าในการศึกษา วางแผนและการลงทุนในการอนุรักษ์พลังงานในแต่ละอาคาร และผู้ได้รับการสนับสนุนที่เป็นหน่วยงานราชการจะต้องทำหนังสือยืนยันกับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ( พพ.) ต่อมาคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2548 (ครั้งที่ 1) เมื่อ 26 มกราคม 2548 มีมติให้ระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการลงทุนตามแผนอนุรักษ์พลังงานแก่เจ้าของอาคารควบคุม ในกรณีที่ยังไม่ดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2548 เป็นต้นไป พพ. ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบการดำเนินงานฯ ได้ออกหนังสือแจ้งเตือนไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่ พพ. ได้แจ้งยืนยันไปแล้วว่าจะได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ โดยขอให้หน่วยงาน เร่งดำเนินการจัดหาผู้รับจ้างพร้อมส่งคู่สัญญาจ้างให้ พพ. ตามระยะเวลาที่ระบุในหนังสือแจ้งยืนยันการขอรับการสนับสนุน โดยมีหน่วยงานที่ไม่สามารถเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ให้กับผู้รับจ้างได้ โดยมีประเด็นปัญหาในแต่ละกรณีดังนี้
(1) กรณีจังหวัดกระบี่: ได้ทำสัญญาว่าจ้าง บริษัท เค แอนด์ พี ซินเซียริตี้ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เป็นผู้ดำเนินการอนุรักษ์พลังงานอาคารโรงพยาบาลกระบี่ ในวงเงิน 2,248,331 บาท ตามสัญญาเลขที่ 69/2548 ลงวันที่ 6 กรกฎาคม 2548 แต่ พพ. ได้มีหนังสือด่วนมากที่ พน 0504/50840 ลงวันที่ 19 กันยายน 2548 แจ้งยกเลิกการสนับสนุนโรงพยาบาลกระบี่ เพราะไม่ได้รับหนังสือส่งคู่สัญญาจ้างของจังหวัดกระบี่
(2) กรณีกรมยุทธโยธาทหารบก : ได้ทำสัญญาว่าจ้าง 2 บริษัท คือ (1) บริษัท อี อี แอนด์ ไอ คอนซัลแตนท์ จำกัด 3,189,000 บาท และ (2) บริษัท จินตรงค์ จำกัด 719,967 บาท เป็นผู้ดำเนินการอนุรักษ์พลังงาน อาคารของมณฑลทหารบกที่ 23 (ค่ายศรีพัชรินทร) จ.ขอนแก่น ตามสัญญา อ. 11/2547 ลงนามวันที่ 14 มกราคม 2548 และกรมรบพิเศษที่ 1 (ค่ายวชิราลงกรณ์) จ.ลพบุรี ตามสัญญา อ. 25/2547 ลงนามวันที่ 24 มกราคม 2548 ตามลำดับ แต่ พพ. แจ้งยกเลิกการสนับสนุน กรมยุทธโยธาทหารบกจึงยังไม่สามารถเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ให้กับผู้รับจ้างได้
4.2 คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้พิจารณาแล้ว มีความเห็นว่าปัญหาดังกล่าวเกิดจากความคลาดเคลื่อนในระหว่างการจัดส่งเอกสารระหว่างหน่วยงาน ประกอบกับการลงทุนอนุรักษ์พลังงานสำหรับอาคารโรงพยาบาลกระบี่ ในวงเงิน 2,248,331 บาท และการลงทุนอนุรักษ์พลังงานในอาคารมณฑลทหารบกที่ 23 (ค่ายศรีพัชรินทร) จ.ขอนแก่น และอาคารกรมรบพิเศษที่ 1 (ค่ายวชิราลงกรณ์) จ.ลพบุรี ในวงเงินรวม 3,908,967 บาท นั้น ก่อให้เกิดการลดใช้พลังงานคิดเป็นมูลค่า 1,155,400 บาท/ปี จึงเห็นควรเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้การสนับสนุน
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบผลการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ระยะที่ 3 ครั้งที่ 2 ตามที่ มช. เสนอมา และอนุมัติเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน แผนงานภาคความร่วมมือ โครงการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน "โครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ระยะที่ 3" ในส่วนบริหารโครงการฯ ให้ มช. ในวงเงินรวม 78,143,841 บาท ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 ฟาร์มขนาดใหญ่ งวดที่ 6-9 ในวงเงิน 60,623,000 บาท และส่วนที่ 2 ฟาร์มขนาดกลาง งวดที่ 8-11 ในวงเงิน 17,520,841 บาท
2. เห็นชอบผลการดำเนินงานโครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมันและพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจรในพื้นที่ตัวอย่างเขตภาคเหนือ ปีที่ 1 ตามที่ มช. เสนอมา และอนุมัติเงินกองทุนฯ แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ งานศึกษาเชิงนโยบายและวิชาการ ให้ มช. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามแผนงานโครงการฯ ในปีที่ 2 ในวงเงิน 8,346,000 บาท
3. เห็นชอบผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาบัณฑิตศึกษาและงานวิจัยด้านเทคโนโลยีพลังงานและสิ่งแวดล้อม ปีที่ 4 ตามที่ มจธ. เสนอมา และอนุมัติเงินกองทุนฯ โครงการพัฒนาบุคลากร หมวดการพัฒนาหลักสูตร สื่อการเรียนการสอน อุปกรณ์และห้องปฏิบัติการ โครงการพัฒนาบัณฑิตศึกษาและงานวิจัยด้านเทคโนโลยีพลังงานและสิ่งแวดล้อม ปีที่ 5 ให้ มจธ. ในวงเงิน 18,811,500 บาท และเห็นชอบให้ มจธ. ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการฯ จากเดิมสิ้นสุดในเดือนกันยายน 2549 เป็นเดือนกันยายน 2550
4. อนุมัติให้ พพ. จัดสรรเงินกองทุนฯ ให้จังหวัดกระบี่ เพื่อสนับสนุนเป็นค่าใช้จ่ายในการลงทุนอนุรักษ์พลังงานตามเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน สำหรับอาคารโรงพยาบาลกระบี่ ในวงเงิน 2,248,331 บาท ตามสัญญาเลขที่ 69/2548 ลงวันที่ 6 กรกฎาคม 2548 โดยใช้งบประมาณที่ได้ผูกพันไว้แล้วต่อไป
5. อนุมัติให้ พพ. จัดสรรเงินกองทุนฯ ให้กองทัพบก เพื่อสนับสนุนเป็นค่าใช้จ่ายในการลงทุนอนุรักษ์พลังงานตามเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน สำหรับอาคารมณฑลทหารบกที่ 23 (ค่ายศรีพัชรินทร) จ.ขอนแก่น ในวงเงิน 3,189,000 บาท ตามสัญญาเลขที่ อ.11/2547 ลงวันที่ 14 มกราคม 2548 โดยใช้งบประมาณที่ได้ผูกพันไว้แล้วต่อไป
6. อนุมัติให้ พพ. จัดสรรเงินกองทุนฯ ให้กองทัพบก เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการลงทุนอนุรักษ์พลังงานตามเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน สำหรับอาคารกรมรบพิเศษที่ 1 (ค่ายวชิราลงกรณ์) จ.ลพบุรี ในวงเงิน 719,967 บาท ตามสัญญาเลขที่ อ.25/2547 ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2548 โดยใช้งบประมาณที่ได้ผูกพันไว้แล้วต่อไป
7. เห็นชอบให้ พพ. ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงิน เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุนในการอนุรักษ์พลังงานตามเป้าหมายและแผนฯ ตามข้อ 4 - ข้อ 6 โดยให้สามารถเบิกจ่ายเงินภายในระยะเวลา 3 เดือน นับจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งมติคณะกรรมการกองทุนฯ ด้วย
เรื่องที่ 5 ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการประเมินผลแผนอนุรักษ์พลังงาน
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่า มีอนุกรรมการประเมินผลแผนอนุรักษ์พลังงาน จำนวน 2 ท่าน ได้ขอลาออกจากการเป็นอนุกรรมการฯ ได้แก่ นายปรีดา วิบูลย์สวัสดิ์ และ นายมานิจ ทองประเสริฐ เพื่อให้การดำเนินการประเมินผลแผนอนุรักษ์พลังงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ในการประชุมครั้งที่ 6/2549 (ครั้งที่ 29) เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2549 ที่ประชุมได้มีมติให้เปลี่ยนชื่อคณะอนุกรรมการฯ จากเดิมเป็น "คณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน" โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการ ดังนี้
1. องค์ประกอบของคณะอนุกรรมการฯ
(1) | นายจุลละพงษ์ จุลละโพธิ | ประธานอนุกรรมการ |
(2) | นายปิยะวัติ บุญ-หลง | อนุกรรมการ |
(3) | นายศุภชาติ จงไพบูลย์พัฒนะ | อนุกรรมการ |
(4) | นายธีระพงษ์ วิกิตเศรษฐ | อนุกรรมการ |
(5) | นายทนงเกียรติ เกียรติศิริโรจน์ | อนุกรรมการ |
(6) | นายสมชาติ โสภณรณฤทธิ์ | อนุกรรมการ |
(7) | นายกล้าณรงค์ ศรีรอต | อนุกรรมการ |
(8) | ผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน | อนุกรรมการและเลขานุการ |
2. อำนาจและหน้าที่ของคณะอนุกรรมการ
(1) พิจารณาให้ความเห็นชอบในการจ้างที่ปรึกษาเพื่อประเมินผลการดำเนินงานของโครงการ ที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ตามหลักเกณฑ์ และวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนฯ กำหนด
(2) ประเมินผลการดำเนินงานของโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ เป็นรายโครงการ
(3) เสนอข้อพิจารณาประกอบรายงานการประเมินผลของโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ เป็นรายโครงการ และนำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ
(4) มีอำนาจแต่งตั้งคณะทำงาน เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่คณะอนุกรรมการฯ มอบหมาย
(5) ปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ มอบหมาย
ในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะอนุกรรมการดังกล่าว ให้มีอำนาจเชิญผู้แทนของส่วนราชการ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อชี้แจงรายละเอียดในข้อเท็จจริง คำอธิบาย คำแนะนำ หรือจัดส่งเอกสารตามที่เห็นสมควร
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการประเมินผลแผนอนุรักษ์พลังงาน เป็นคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน ตามที่คณะอนุกรรมการฯ เสนอ และมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานจัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการดังกล่าว เสนอต่อประธานกรรมการกองทุนฯ เพื่อลงนามต่อไป
อนุ กอ. ครั้งที่ 22 - วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม 2553
มติคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 5/2553 (ครั้งที่ 22)
วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม 2553 เวลา 09.30 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
2. เรื่องอื่นๆ
นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานอนุกรรมการ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน อนุกรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้เห็นชอบให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ที่เกี่ยวกับโครงการประชาสัมพันธ์ ในแผนพลังงานทดแทน 250 ล้านบาท และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 250 ล้านบาท ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจาก "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" โดยให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผน/งานเดียวกันได้ ทั้งนี้ เมื่อคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ เห็นชอบแล้ว ให้เสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติก่อนดำเนินโครงการต่อไป
2. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2553 และวันที่ 7 กรกฎาคม 2553 ได้อนุมัติเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2553 เพื่อดำเนินโครงการประชาสัมพันธ์ ดังนี้
รายชื่อโครงการ | หน่วยงาน | งบประมาณ (ล้านบาท) | |
แผนพลังงานทดแทน | แผนเพิ่มประสิทธิภาพฯ | ||
1. โครงการประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจด้านพลังงานผ่านบท เพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์ | สป.พน. | - | 35 |
2. โครงการเผยแพร่ผลการดำเนินงานของกระทรวงพลังงานตามนโยบายรัฐบาล | สป.พน. | - | 2 |
3. โครงการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน | สนพ. | - | 20 |
4. โครงการบริหารศูนย์ประชาสัมพันธ์รวมพลังหารสอง | สนพ. | 15 | - |
5. การประเมินผลโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปี 2553 | สนพ. | - | 3 |
6. โครงการประชาสัมพันธ์ลดโลกร้อน ถวายพ่อ | สป.พน. | 80 | - |
7. โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจด้านพลังงาน ร่วมกับสื่อมวลชน | สป.พน. | 30 | - |
8. โครงการว่าจ้างที่ปรึกษารณรงค์สร้างความรู้ ความเข้าใจเรื่องการ ใช้น้ำมันคุณภาพ E85 | พพ. | 50 | - |
9. โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาสร้างความเข้าใจการกำหนด คุณภาพน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 | พพ. | 20 | - |
รวมงบประมาณ | 195 | 60 | |
คงเหลืองบประมาณ | 55 | 190 |
นอกจากนี้ ในการประชุมเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2553 คณะอนุกรรมการกองทุนฯ เห็นควรให้ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน (สป.พน.) ดำเนินการปรับปรุงรายละเอียดโครงการประชาสัมพันธ์ ภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จำนวน 3 โครงการ ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการใช้เงินกองทุนฯ ดังนี้
1) โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาจัดทำแผนกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์และอำนวยการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน ในวงเงิน 15,000,000 บาท
2) โครงการประชาสัมพันธ์ตามนโยบายและสถานการณ์พลังงานของกระทรวงพลังงาน ในวงเงิน 50,000,000 บาท
3) โครงการสื่อสารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นนโยบายพลังงาน ในวงเงิน 35,000,000 บาท
3. สป.พน. ได้ดำเนินการปรับแก้ไขรายละเอียดโครงการประชาสัมพันธ์ดังกล่าว ตามความเห็นของคณะอนุกรรมการกองทุนฯ แล้ว และเสนอคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2553 ทราบแล้ว พร้อมทั้งเห็นชอบให้ สป.พน. ดำเนิน "โครงการรณรงค์ส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและพัฒนาพลังงานทดแทนในชุมชน" ภายใต้แผนพลังงานทดแทน ในวงเงิน 30,000,000 บาท
4. ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ที่ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ จำนวน 4 โครงการ โดยสรุปสาระสำคัญของโครงการ ได้ดังนี้
4.1 โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาจัดทำแผนกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ด้านการอนุรักษ์ พลังงานและพลังงานทดแทน และนำแผนไปสู่การปฏิบัติ โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อศึกษาและจัดทำแผนกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์นโยบายด้านพลังงาน การอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานทดแทน ให้สอดคล้องตามยุทธศาสตร์ด้านพลังงานของประเทศ
(2) เพื่อกำหนด Key Message ของกระทรวงพลังงาน หน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ เพื่อการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
(3) เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์กับหน่วยงานเอกชนและหน่วยงานราชการอื่นๆ
(4) เพื่อนำแผนกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติ และเผยแพร่ให้เป็นที่รับรู้ในวงกว้าง
ระยะเวลาดำเนินโครงการ 12 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 15,000,000 บาท
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
มีแผนกลยุทธ์ด้านการประชาสัมพันธ์ด้านพลังงานที่ทันสมัยสอดคล้องกับสถานการณ์ด้านพลังงานของประเทศ ตลอดจนมีการดำเนินงานไปตามแผนที่กำหนด
4.2 โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านการอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานทดแทนโดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อติดตาม เฝ้าระวัง วิเคราะห์การนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนและรายงาน พร้อมกับแก้ปัญหาอันเนื่องมาจากข่าวอย่างทันท่วงที รวมถึงกรณีเกิดวิกฤตพลังงาน หรือข่าวสารด้านลบ สามารถแก้ไขข้อมูลให้กลุ่มเป้าหมายได้รับทราบทันที
(2) เพื่อวางแผนจัดเตรียมสื่อ จัดทำข่าว ประสานงานกับสื่อมวลชน แหล่งข่าว และดำเนินการนำเสนอข่าวอย่างมีหลักการและฉับไว
(3) เพื่อเผยแพร่นโยบายพลังงาน ข้อมูลข่าวสารพลังงานต่างๆ ที่ถูกต้องรวมทั้งสถานการณ์พลังงานที่สำคัญให้กลุ่มเป้าหมายในทุกระดับได้รับรู้อย่างทั่วถึง เพื่อกลุ่มเป้าหมาย หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกิดการรับรู้/เข้าใจ รวมถึงสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการนำไปปฏิบัติอย่างชัดเจน
(4) เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเกิดทัศนคติที่ดี และตระหนักถึงความสำคัญของนโยบายพลังงาน การรณรงค์ด้านการส่งเสริมพลังงานทดแทน อนุรักษ์พลังงาน อย่างต่อเนื่อง
(5) เพื่อสร้างแนวร่วมในการขับเคลื่อนนโยบายพลังงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน สื่อมวลชน และชุมชน
ระยะเวลาดำเนินโครงการ 12 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 50,000,000 บาท
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
(1) การประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับนโยบายด้านพลังงานต่างๆ ให้มีความถูกต้อง ชัดเจน และไปถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างกว้างขวาง ครอบคลุม
(2) การต่อต้านและการประท้วงเกี่ยวกับพลังงานลดลง ประชาชนมีทัศนคติที่ดีต่อนโยบายพลังงานของประเทศ และสนับสนุนการดำเนินงานด้านพลังงาน
(3) สื่อมวลชนมีความเข้าใจเรื่องนโยบายพลังงาน มีความสัมพันธ์ที่ดีและเข้าใจบาทภารกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านพลังงาน สามารถสื่อข่าวเกี่ยวกับด้านพลังงานได้อย่างถูกต้อง ตรงประเด็น และรวดเร็ว
4.3 โครงการสื่อสารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนโยบายด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนโดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อสำรวจความคิดเห็น ทัศนคติ และความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อนโยบายด้านการอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานทดแทน
(2) เพื่อสื่อสาร เผยแพร่นโยบายด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
(3) เพื่อพัฒนาทักษะ และสร้างกระบวนการสื่อสารนโยบายด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนแก่ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
(4) พัฒนาประสิทธิภาพการสื่อสารนโยบายด้านการอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานทดแทน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นอย่างยั่งยืน
ระยะเวลาดำเนินโครงการ 12 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 35,000,000 บาท
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
(1) กลุ่มเป้าหมายรับทราบนโยบายด้านพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน
(2) กลุ่มเป้าหมายมีทัศนคติที่ดี และมีความเชื่อมั่นต่อการทำงานของหน่วยงานผู้รับผิดชอบด้านนโยบายพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน
(3) กลุ่มเป้าหมายมีการตอบสนองที่ดี และให้ความร่วมมือต่อนโยบายด้านพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน
4.4 โครงการรณรงค์ส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและพัฒนาพลังงานทดแทนในชุมชนโดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อพัฒนากระบวนการสื่อสารอย่างมีส่วนร่วม ในการเผยแพร่ความรู้ด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนให้เหมาะสมกับวิถีชีวิตของประชาชนของแต่ละจังหวัด โดยเน้นให้ประชาชนสามารถนำข้อมูลความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันมากที่สุด
(2) เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาและการใช้ประโยชน์จากพลังงานทดแทนอย่างแพร่หลายในระดับเชิงพื้นที่
ระยะเวลาดำเนินโครงการ 12 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 30,000,000 บาท
- ผลที่คาดว่าจะได้รับ
(1) ประชาชนในพื้นที่เข้าใจและรับรู้การดำเนินงานโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการอนุรักษ์พลังงาน และการพัฒนาพลังงานทดแทน ได้อย่างถูกต้องและทันต่อสถานการณ์
(2) หน่วยงานราชการในจังหวัดและประชาชนในพื้นที่มีความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาพลังงานที่ถูกต้องและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงมีการสนับสนุนการดำเนินงานของโครงการด้านพลังงานที่ดีต่อไป
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณารายละเอียดของโครงการแล้ว และมีข้อคิดเห็น/ข้อสังเกต ดังนี้
1. เห็นชอบในการเปลี่ยนแปลงรายการและงบประมาณโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จำนวน 3 โครงการ ตามที่ สป.พน. ปรับแก้ไข ดังนี้
กิจกรรมเดิม (เสนอกองทุนฯ) |
จำนวนเงิน (ล้านบาท) |
กิจกรรมที่คณะอนุกรรมการฯ เห็นชอบเมื่อ 7ก.ค. 53 | กิจกรรมที่ สป.พน. ขอแก้ไข | จำนวนเงิน (ล้านบาท) |
1.โครงการรณรงค์ประชาสัมพันธ์รวมพลังไทย ร่วมใจประหยัดพลังงาน | 60 | 1. โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาจัดทำแผนกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์และอำนวยการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน | 1.โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาจัดทำแผนกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน และนำแผนไปสู่การปฏิบัติ | 15 |
2. โครงการประชาสัมพันธ์ตามนโยบายพลังงาน | 30 | 2. โครงการประชาสัมพันธ์ตามนโยบายและสถานการณ์พลังงานของกระทรวงพลังงาน | 2.โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน | 50 |
3. โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อบริหาร โครงการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน | 10 | 3. โครงการสื่อสารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นนโยบายพลังงาน | 3.โครงการสื่อสารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนโยบายด้านการอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานทดแทน | 35 |
รวมเป็นเงิน | 100 | รวมเป็นเงิน | 100 |
2. เห็นชอบการเปลี่ยนแปลงรายการและงบประมาณโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน แผนพลังงานทดแทน จาก "โครงการนโยบายการจัดหาไฟฟ้าของประเทศ" ในวงเงิน 30,000,000 บาท มาดำเนิน "โครงการรณรงค์ส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและพัฒนาพลังงานทดแทนในชุมชน" ในวงเงิน 30,000,000 บาท
3. ผู้แทนกรมบัญชีกลาง เสนอให้เพิ่มเติมรายละเอียดใน "โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาจัดทำแผนกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน และนำแผนไปสู่การปฏิบัติ" เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการใช้เงินกองทุนฯ มากขึ้น โดยขอเพิ่มในสาระสำคัญของโครงการ ดังนี้
เพิ่มวัตถุประสงค์ของโครงการอีก 1 ข้อ เป็นข้อ 2.4 ของโครงการ คือ "เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการประชาสัมพันธ์การอนุรักษ์พลังงานและป้องกันแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม" และ ปรับจากข้อ 2.4 เดิม เป็นข้อ 2.5
ให้เพิ่มข้อความ "ส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง" ในกลุ่มเป้าหมาย และในวิธีการดำเนินงาน ข้อ 4.6 ของโครงการ เป็น "...ผู้บริหารกระทรวงพลังงาน ส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง..."
เพิ่มข้อความในผลที่คาดว่าจะได้รับจากเดิมที่คาดว่าจะได้เฉพาะแผนกลยุทธ์ ซึ่งเห็นว่าควรจะต้องมีการนำแผนที่ได้ไปสู่การปฏิบัติด้วย ดังนั้น จึงปรับผลที่คาดว่าจะได้รับ เป็น 1) มีแผนกลยุทธ์ด้านการประชาสัมพันธ์ด้านพลังงานที่ทันสมัยสอดคล้องกับสถานการณ์ด้านพลังงานของประเทศ และ 2) นำแผนกลยุทธ์ที่ได้นำไปสู่การปฏิบัติตามวัตถุประสงค์อย่างสัมฤทธิ์ผล
4. เลขานุการฯ ได้มีข้อสังเกตในหนังสือแจ้งมติคณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน ว่ามีเนื้อหาที่ไม่สอดคล้องกับความเห็นของที่ประชุมคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2553 ที่ปรากฏในรายงานการประชุม ดังนั้น จึงขอให้ สป.พน. แก้ไขหนังสือแจ้งมติคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ และส่งมายัง สนพ. ต่อไปด้วย
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงรายการและงบประมาณในโครงการประชาสัมพันธ์ ภายใต้แผนพลังงานทดแทน และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอมา
2. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2553 ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติให้ สนพ. ไว้แล้ว มาใช้สำหรับดำเนินโครงการ ดังนี้
1) โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาจัดทำแผนกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ด้านการอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานทดแทน และนำแผนไปสู่การปฏิบัติ โดยให้ สป.พน. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 15,000,000 บาท (สิบห้าล้านบาทถ้วน) โดยให้ปรับรายละเอียดของโครงการตามที่ผู้แทนกรมบัญชีกลางได้เสนอขอแก้ไขเพิ่มเติม
2) โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน โดยให้ สป.พน. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 50,000,000 บาท (ห้าสิบล้านบาทถ้วน)
3) โครงการสื่อสารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนโยบายด้านการอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานทดแทน โดยให้ สป.พน. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 35,000,000 บาท (สามสิบห้าล้านบาทถ้วน)
3. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนพลังงานทดแทน งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ปีงบประมาณ 2553 ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติให้ สนพ. ไว้แล้ว มาใช้สำหรับ "โครงการรณรงค์ส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและพัฒนาพลังงานทดแทนในชุมชน" โดยให้ สป.พน. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 30,000,000 บาท (สามสิบล้านบาทถ้วน)
4. อนุมัติให้ สป.พน. สามารถเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการดำเนินงานได้เพื่อความเหมาะสม โดยสามารถถัวจ่ายระหว่างรายการ และแยกรายการ และทำสัญญาหรือหนังสือยืนยันได้หลายรายการตามความเหมาะสม โดยแบ่งกระจายน้ำหนักตามงบประมาณและกิจกรรมต่างๆ ได้ ตามที่เสนอมา
ประธานอนุกรรมการฯ ได้มีข้อสังเกตในโครงการประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจด้านพลังงานผ่าน บทเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์ ที่คณะอนุกรรมการฯ ได้อนุมัติไว้แล้วว่า อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงชื่อของโครงการ เพื่อให้สอดคล้องกับโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาส การบรมราชาภิเษก ปีที่ 60 และการเฉลิมพระชนมพรรษา ของ พน. ที่ดำเนินการโดยคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ ดังนั้น จึงขอให้ สป.พน. พิจารณาและเสนอเรื่องการขอเปลี่ยนแปลงชื่อของโครงการให้คณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณาและอนุมัติในการประชุมครั้งต่อไปด้วย
กอ. ครั้งที่ 45 - วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2550
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 1/2550 (ครั้งที่ 45)
วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2550 เวลา 16.00 น.
ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล
1. ขออนุมัติเงินสนับสนุนโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานโดยสถาบันการเงิน ระยะที่ 3
2. ขอนุมัติเปลี่ยนแปลงการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ สำหรับ โครงการส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ
3. ขออนุมัติเงินสนับสนุนโครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม
4. ขออนุมัติเงินสนับสนุนโครงการว่าจ้างที่ปรึกษาทบทวนร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดเครื่องจักรอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงและวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 2
5. ขออนุมัติเงินสนับสนุนโครงการอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วมโดยโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก"
6. ขอคืนหลักประกันซอง โครงการส่งเสริมผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กที่ใช้พลังงานหมุนเวียน
รองนายกรัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล) กรรมการและเลขานุการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์) กระทรวงพลังงาน ผู้เข้าร่วมประชุม
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่าในช่วงที่ผ่านมา คณะกรรมการกองทุนฯ ได้พิจารณา อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานโดยสถาบันการเงิน ดังนี้
1.1 คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2548 (ครั้งที่ 40) เมื่อ 25 สิงหาคม 2548
(1) อนุมัติเงินกองทุนฯ 2,000 ล้านบาท ให้ พพ. เพื่อดำเนินโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยสถาบันการเงิน ระยะที่ 2 โดยใช้เงินจาก แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานส่งเสริมและสาธิต ปีงบประมาณ 2549 เพื่อให้สถาบันการเงินที่ผ่านการคัดเลือกของ พพ. นำไปเป็นเงินหมุนเวียนให้แก่โรงงาน อาคาร และบริษัทจัดการพลังงาน นำไปใช้ในการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงาน ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยสถาบันการเงินนั้น จะต้องปล่อยกู้ภายในระยะเวลา 3 ปี และส่งคืนกองทุนฯ ผ่าน พพ. ในเวลา 10 ปี นับจากวันที่ พพ. ทำสัญญากับสถาบันการเงิน โดยจะมีขั้นตอน เงื่อนไข หลักเกณฑ์ การเบิกจ่ายเงิน ในการสนับสนุนเหมือนกับโครงการเงินหมุนเวียนฯ ระยะที่ 1
(2) ให้ พพ. ดำเนินการเจรจากับสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้จ่ายดอกเบี้ยคืนกองทุนฯ ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.5 ของเงินกองทุนฯ ที่สถาบันการเงินนำไปปล่อยให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อเป็นค่าเสียโอกาสในส่วนดอกเบี้ยเงินฝากที่กองทุนฯ ได้รับเป็นประจำ
1.2 คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 3/2549 (ครั้งที่ 44) เมื่อ 21 ธันวาคม 2549 ได้อนุมัติเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานจำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อให้ พพ. ดำเนินโครงการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อส่งเสริม การใช้พลังงานทดแทน โดยสถาบันการเงิน ระยะที่ 1 โดยใช้เงินจากแผนพลังงานทดแทน งานส่งเสริมและสาธิต ปีงบประมาณ 2550
2. ผลการดำเนินงานโครงการเงินหมุนเวียนฯ
2.1 ผลการดำเนินงานโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานฯ ระยะที่ 1
การดำเนินงานฯ ระยะที่ 1 โครงการฯ ได้ครบกำหนดระยะเวลาการปล่อยกู้เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2550 โดย พพ. ได้อนุมัติข้อเสนอโครงการจำนวนทั้งสิ้น 78 ข้อเสนอ ประกอบด้วย อาคารจำนวน 13 ข้อเสนอ โรงงาน 63 ข้อเสนอ บริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) 2 ข้อเสนอ จำนวนเงินที่ พพ. อนุมัติคิดเป็นเงิน 1,908 ล้านบาท โดยมีเงินลงทุนจำนวน 3,427 ล้านบาท และจากการประเมินศักยภาพผลการอนุรักษ์พลังงานที่ประเทศชาติจะได้รับ คิดเป็นการประหยัดพลังงานรวมเป็นเงิน 1,402 ล้านบาทต่อปี
2.2 ผลการดำเนินงานโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานฯ ระยะที่ 2
การดำเนินงานฯ ระยะที่ 2 โครงการฯ (ข้อมูล ณ วันที่ 5 เมษายน 2550) ครบกำหนดระยะเวลาการปล่อยกู้เมื่อ 16 มีนาคม 2552 โดย พพ. ได้อนุมัติข้อเสนอโครงการจำนวนทั้งสิ้น 75 ข้อเสนอ ประกอบด้วย อาคารจำนวน 9 ข้อเสนอ โรงงาน 66 ข้อเสนอ จำนวนเงินที่ พพ. อนุมัติคิดเป็นเงิน 1,446 ล้านบาท (วงเงินคงเหลือ 554 ล้านบาท) โดยมีเงินลงทุนจำนวน 2,794 ล้านบาท และจากการประเมินศักยภาพผลการอนุรักษ์พลังงานที่ประเทศชาติจะได้รับ คิดเป็นการประหยัดพลังงานรวมเป็นเงิน 1,258 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการในระยะที่ 2 ได้ปล่อยสินเชื่อสำหรับโครงการที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนเองในวงเงินกว่า 12,000 ล้านบาท และยังมีข้อเสนอโครงการที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ พพ. อีกจำนวน 20 ข้อเสนอ ในวงเงินกว่า 567 ล้านบาท ซึ่งเกินกว่าวงเงินในระยะที่ 2
2.3 สรุปผลการดำเนินงานโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานฯ ระยะที่ 1 และ 2
พพ. ได้อนุมัติข้อเสนอโครงการจำนวนทั้งสิ้น 153 ข้อเสนอ ประกอบด้วย อาคาร 22 ข้อเสนอ โรงงาน 129 ข้อเสนอ บริษัทจัดการพลังงาน 2 ข้อเสนอ รวมจำนวนเงินที่ พพ. อนุมัติ 3,354 ล้านบาท โดยมีเงินลงทุนทั้งหมดจำนวน 6,221 ล้านบาท มีศักยภาพผลการอนุรักษ์พลังงานที่ประหยัดได้ตลอดอายุอุปกรณ์ สามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ 6,329 ล้านหน่วย (คิดเป็นเงิน 20,486 ล้านบาท) ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 2,134 ล้านลิตรเทียบเท่าน้ำมันเตา (คิดเป็นเงิน 15,608 ล้านบาท) รวมประหยัดได้ 36,094 ล้านบาท หรือ 2,384 ktoe
2.4 ความคืบหน้าโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนฯ ระยะที่ 1
เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของโครงการฯ การดำเนินงานของโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ระยะที่ 1 พพ. จะดำเนินการจัดสรรวงเงินให้แก่สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 11 แห่ง โดยจะมีขั้นตอน เงื่อนไข หลักเกณฑ์ การเบิกจ่ายเงิน ในการสนับสนุนเช่นเดียวกับโครงการเงินหมุนเวียนฯ ในระยะที่ 2 ต่อไป โดยจะเน้นการให้สินเชื่อทางด้านพลังงานทดแทนให้มากขึ้น
3. เหตุผลความจำเป็นในการเพิ่มวงเงินหมุนเวียน
3.1 ความต้องการการลงทุนโครงการด้านพลังงานของภาคสถาบันการเงิน : จากการสำรวจข้อมูลจากสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 11 แห่ง ธนาคารต่างๆ ได้ให้ข้อมูลที่ภาคเอกชนมีความต้องการจะขอสินเชื่อเกี่ยวกับโครงการด้านพลังงานประมาณ 80 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 3,350 ล้านบาท
3.2 โครงการที่อยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเสนอโครงการ : สถาบันการเงินได้ยื่นโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนมายัง พพ. (ข้อมูล ณ วันที่ 5 เมษายน 2550) และอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเสนอโครงการอย่างเป็นทางการอีกจำนวน 20 ข้อเสนอ คิดเป็นเงินลงทุนรวม 1,280 ล้านบาท โดยต้องการเงินในส่วนของเงินโครงการเงินหมุนเวียน จำนวน 567.2 ล้านบาท ซึ่งเกินกว่าวงเงินที่ได้รับอนุมัติในโครงการเงินหมุนเวียน ระยะที่ 2
3.3 การพิจารณาผลกระทบกับฐานะของกองทุนฯ
เมื่อพิจารณาฐานะการเงินของกองทุนฯ โดยอยู่บนฐานของรายได้เฉลี่ยปีละ 1,400 ล้านบาท และประมาณการรายจ่ายปีละ 2,000 ล้านบาท หากมีการจัดสรรเงินเพิ่มเติมอีก 1,000 ล้านบาท เพื่อให้ พพ. รับไปดำเนินโครงการเงินหมุนเวียนฯ ระยะที่ 3 จะมีผลกระทบต่อฐานะการเงินของกองทุนฯ ที่จะขาดดุลในปีงบประมาณ 2551 และ 2552 วงเงิน 610 ล้านบาท และ 281 ล้านบาท ตามลำดับ และจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยแสดงรายการได้ดังนี้
ปีงบประมาณ | 2550 | 2551 | 2552 | 2553 | 2554 | รวม |
1. เงินคงเหลือยกมาต้นปี | 4,915 | 1,239 | (610) | (281) | 184 | 4,915 |
2.ประมาณการรายรับล่วงหน้า | 1,795 | 2,149 | 2,198 | 2,248 | 2,299 | 10,688 |
3. เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืน | 413 | 937 | 1,080 | 986 | 936 | 4,351 |
รวมรับ | 2,208 | 3,086 | 3,277 | 3,233 | 3,235 | 19,954 |
4. รายจ่าย ประกอบด้วย | ||||||
4.1 รายจ่ายผูกพัน ปี 2538-2547 | 558 | 468 | 398 | 265 | 76 | 1,764 |
4.2 รายจ่ายผูกพัน ปี 2548-2549 | 3,082 | 824 | 551 | 503 | - | 4,959 |
4.3 ประมาณการรายจ่ายล่วงหน้า | 2,244 | 3,644 | 2,000 | 2,000 | 2,600 | 12,488 |
รวมจ่าย | 5,884 | 4,935 | 2,948 | 2,768 | 2,676 | 19,212 |
5. เงินคงเหลือปลายปี ยกไป | 1,239 | (610) | (281) | 184 | 742 | 742 |
4. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2550 (ครั้งที่ 7) เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2550 ได้เห็นชอบ "โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยสถาบันการเงิน ระยะที่ 3" ตามที่ พพ. เสนอมา
(1) จากความต้องการของภาคเอกชนที่ให้ความสนใจยื่นขอสินเชื่อเพื่อการลงทุนด้านพลังงานที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก และสถาบันการเงินจะได้มีความเชื่อมั่นสามารถตัดสินใจในการให้สินเชื่อได้เร็วขึ้นหากมีนโยบายหรือสัญญาณที่แสดงว่าจะมีแหล่งเงินสนับสนุนจากกองทุนฯ จึงเห็นควรสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามการจัดสรรเงินในช่วงปีงบประมาณ 2551 และ 2552 ต้องมีการบริหารจัดการเพื่อลดรายจ่ายตามแผนงานที่คาดว่าจะใช้จ่ายปีละ 2,000 ล้านบาท เพื่อให้ฐานะการเงินของกองทุนฯ อยู่ในลักษณะไม่ขาดดุล
(2) งานด้านอนุรักษ์พลังงานและผลักดันการใช้พลังงานทดแทนมีหลายโครงการที่จำเป็นต้องมีแหล่งทุนสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มสภาพคล่องให้กับกองทุนฯ อาจต้องขอโอนเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีรายได้เฉลี่ยประมาณเดือนละ 2,700 - 3,000 ล้านบาท ซึ่ง ณ เดือนมกราคม 2550 ฐานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงแสดงให้เห็นว่ามีแนวโน้มจะสามารถชำระหนี้ชดเชยตรึงราคาน้ำมันค้างชำระและหนี้ชดเชยราคา LPG ที่มีวงเงิน 34,204 ล้านบาท ได้หมดภายในสิ้นปี 2550 จึงควรเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติโอนเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบางส่วนมาสมทบเป็นรายได้ให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพช่วยผลักดันการดำเนินการตามนโยบายของรัฐในการแก้ไขปัญหาด้านพลังงานของประเทศได้มากขึ้น
(3) ระหว่างที่รอปรับฐานะการเงินของกองทุนฯ ให้ พพ. ขยายกรอบการใช้เงิน "โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ระยะที่ 1" ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติจัดสรรเงินไว้แล้วเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2549 ในวงเงิน 1,000 ล้านบาท ให้สามารถปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการเพื่อการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานได้ด้วย โดยมีขั้นตอน เงื่อนไข หลักเกณฑ์ การเบิกจ่ายเงิน ในการสนับสนุนเหมือนกับโครงการเงินหมุนเวียนฯ ระยะที่ 2 และให้รับข้อสังเกตของที่ประชุมไปดำเนินการด้วย
(4) พพ. ควรนำตัวอย่างมาตรการที่ประสบความสำเร็จของโครงการฯ ระยะที่ 1 และ 2 ไปเผยแพร่ให้สาธารณชนสามารถรับทราบได้มากขึ้นเพื่อจะได้มีการนำไปประยุกต์ใช้และก่อให้เกิดการขยายผลในวงกว้าง
มติที่ประชุม
1. อมุมัติให้ พพ. ขยายกรอบการใช้เงิน " โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ระยะที่ " ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติจัดสรรเงินไว้แล้วเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2549 ในวงเงิน 1,000 ล้านบาท ให้สามารถปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการเพื่อการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน โดยมีขั้นตอนขั้นตอน เงื่อนไข หลักเกณฑ์ การเบิกจ่ายเงิน ในการให้การสนับสนุนเช่นเดียวกับโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยสถาบันการเงิน ระยะที่ 2
2. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานส่งเสริมและสาธิต ปีงบประมาณ 2550 ให้ พพ. เพิ่มเติม ในวงเงิน 1,000 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับ "โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยสถาบันการเงิน ระยะที่ 3" ให้สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ นำไปเป็นเงินหมุนเวียนให้แก่โรงงาน อาคาร และบริษัทจัดการพลังงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยสถาบันการเงินต้องปล่อยกู้ภายในระยะเวลา 3 ปี และ ส่งเงินคืนกองทุนฯ ผ่าน พพ. ในเวลา 10 ปี นับจากวันที่ได้รับอนุมัติ โดยอนุโลมให้ใช้ขั้นตอน เงื่อนไข หลักเกณฑ์ การเบิกจ่ายเงิน ในการให้การสนับสนุนเช่นเดียวกับโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยสถาบันการเงิน ระยะที่ 2
3. เห็นชอบให้ สนพ. เสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติโอนเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 3,000 ล้านบาท มาสมทบเป็นรายได้ให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องของฐานะการเงินของกองทุนฯ ทำให้มีศักยภาพช่วยผลักดันการดำเนินการตามนโยบายของรัฐในการแก้ไขปัญหาด้านพลังงานของประเทศได้มากขึ้น
เรื่องที่ 2 ขอนุมัติเปลี่ยนแปลงการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ สำหรับ โครงการส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบถึงมาตรการส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ สรุปได้ดังนี้
1.1 คณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2548 ได้มีมติเห็นชอบยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาพลังงานของประเทศ โดยกำหนดแนวทางในการส่งเสริมการนำก๊าซธรรมชาติ (NGV) มาใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลและให้รถยนต์ราชการที่ใช้น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิงติดตั้งอุปกรณ์เพื่อเปลี่ยนไปใช้ NGV โดยให้ ปตท. ดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ NGV ให้ก่อน และให้กระทรวงการคลังกำหนดระเบียบการผ่อนจ่ายค่าติดตั้งอุปกรณ์ NGV ในรถยนต์ราชการเพื่อคืนให้ ปตท. โดยบวกเพิ่มในราคาก๊าซฯ อีกกิโลกรัมละ 5 บาท เป็น 9.53 + 5.00 บาท = 14.53 บาท และ คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2548 (ครั้งที่ 40) เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2548 ได้พิจารณาข้อเสนอ "โครงการส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ" และมีมติดังนี้
(1) อนุมัติเงินกองทุนฯ จากแผนพลังงานทดแทน ปีงบประมาณ 2548 ให้ ปตท. เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนปลอดดอกเบี้ย ในวงเงิน 110 ล้านบาท (หนึ่งร้อยสิบล้านบาทถ้วน) มีระยะเวลาใช้เงินทั้งหมดคืนกองทุนฯ ภายใน 10 ปี โดยใช้คืนไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของวงเงินภายในปีที่ 5 และคืนส่วนที่เหลือภายในปีที่ 10
(2) ก่อนดำเนินโครงการฯ ให้ ปตท. หารือกับกรมบัญชีกลาง เรื่องระเบียบวิธีการเบิกจ่ายและเรียกเก็บเงินคืนกองทุนฯ และให้ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ 19 เมษายน 2548 ที่ให้ ปตท. ออกค่าติดตั้งอุปกรณ์ NGV ให้ก่อน และให้ส่วนราชการผ่อนจ่ายคืนโดยบวกเพิ่มในราคาก๊าซ ซึ่งหากวิธีดำเนินการขัดกับมติคณะรัฐมนตรีก็ให้นำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป
(3) การติดตั้งอุปกรณ์ NGV โดยใช้เงินกองทุนฯ ให้ดำเนินการกับรถยนต์ราชการจำนวน 1,708 คัน ที่แจ้งความประสงค์ไว้ ในราคาประมาณ 65,000 บาท/คัน และสำหรับรถยนต์ราชการที่จะติดตั้งต่อจากนี้ให้ตั้งเรื่องของบประมาณแผ่นดินมาเป็นค่าติดตั้ง
(4) รถยนต์ของส่วนราชการที่ติดตั้งอุปกรณ์ NGV แล้ว และรถยนต์หมดอายุการใช้งานก่อนอุปกรณ์ NGV สามารถนำอุปกรณ์ NGV เปลี่ยนไปติดตั้งกับรถยนต์ราชการคันอื่นได้
1.2 กระทรวงการคลังเห็นว่าการผ่อนชำระคืนค่าติดตั้งอุปกรณ์ NGV ให้กับรถยนต์ราชการที่เข้าร่วมโครงการฯ ส่วนราชการต่างๆ ไม่สามารถชำระค่าติดตั้งให้เสร็จสิ้นภายในปีงบประมาณ และจะต้องผูกพันเงินงบประมาณในปีต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อนดำเนินการก่อหนี้ผูกพัน ตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 23 วรรค 4 ดังนั้นเพื่อเป็นแนวทางให้ส่วนราชการถือปฏิบัติ คณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2548 ได้อนุมัติหลักการให้ทุกส่วนราชการที่นำรถยนต์ราชการเข้าร่วม "โครงการติดตั้งอุปกรณ์ NGV ให้แก่รถยนต์ราชการ" ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณในการผ่อนชำระคืนค่าติดตั้งอุปกรณ์ NGV ให้แก่กองทุนฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และสำหรับแนวทางการชำระคืนเงินค่าติดตั้งอุปกรณ์ NGV มีมติให้ สนพ. เป็นผู้แทนทุกส่วนราชการในการเสนอขอตั้งงบประมาณเป็นเงินอุดหนุนชดเชยกองทุนฯ เพื่อผูกพันงบประมาณโดยรวม
1.3 ในปี 2549 ปตท. ได้ติดตั้งอุปกรณ์ NGV ให้รถยนต์ราชการรวม 1,209 คัน (เป้าหมายเดิมจำนวน 1,708 คัน) คาดว่าจะประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงในภาครัฐคิดเป็นมูลรวม 32,358,856 บาท/ปี ซึ่งกรมธุรกิจพลังงานเห็นว่ายังมีรถยนต์ราชการจำนวน 1,200 คัน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ยังไม่ได้ติดตั้งอุปกรณ์ NGV จึงเสนอขอใช้เงินจากกองทุนฯ 100,000,000 บาท (หนึ่งร้อยล้านบาทถ้วน) เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนปลอดดอกเบี้ยสำหรับสนับสนุนค่าติดตั้งอุปกรณ์ NGV ให้กับหน่วยงานดังกล่าว โดยในครั้งนี้กรมธุรกิจพลังงานจะเป็นผู้แทนทุกส่วนราชการในการเสนอขอตั้งงบประมาณเป็นเงินอุดหนุนชดเชยกองทุนฯ
1.4 คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 3/2549 (ครั้งที่ 44) เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2549 ได้มีมติอนุมัติเงินกองทุนฯ ให้ สนพ. ในวงเงินรวม 1,188,516,104 บาท (หนึ่งพันหนึ่งร้อยแปดสิบแปดล้านห้าแสนหนึ่งหมื่นหกพันหนึ่งร้อยสี่บาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ปี 2550 ในส่วนที่ สนพ. รับผิดชอบ ภายใต้แผนพลังงานทดแทน งานส่งเสริมและสาธิต จะมีงบประมาณส่วนหนึ่งในวงเงิน 100,000,000 บาท (หนึ่งร้อยล้านบาทถ้วน) ที่เตรียมไว้ให้กรมธุรกิจพลังงานเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับ "โครงการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ ระยะที่ 2" ซึ่งปัจจุบัน (25 เมษายน 2550) กรมธุรกิจพลังงานกำลังจัดทำรายละเอียดของโครงการฯ เสนอ สนพ.
2. ผลการดำเนินงาน
ในช่วงระยะเวลา 1 ปี ( ธันวาคม 2548 ถึง ธันวาคม 2549) สนพ. ปตท. กรมธุรกิจพลังงาน กรมการพลังงานทหาร กระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมกันดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ NGV ในรถยนต์ราชการ จำนวน 1,209 คัน ประกอบด้วย
รถยนต์เบนซิน ติดระบบ Bi Fuel 1,177 คัน (41,000 ถึง 97,000 บาท/คัน)
รถยนต์ดีเซลขนาดเล็ก ติดระบบ Diesel Dual Fuel 27 คัน ( 45,000 บาท/คัน)
รถบัส เปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ NGV (Re – powering) 5 คัน ( 150,000 บาท/คัน)
การดำเนินงานดังกล่าวคาดว่า ส่วนราชการจะประหยัดน้ำมันเบนซินได้ 1,730,100 ลิตรต่อปี และดีเซล 217,175 ลิตรต่อปี หรือคิดเป็นมูลค่าผลประหยัดรวม 32,358,856 บาทต่อปี โดย ปตท. มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งอุปกรณ์ NGV ผ่านเงินทุนหมุนเวียนปลอดดอกเบี้ย รวม 66,091,653 บาท (หกสิบหกล้านเก้าหมื่นหนึ่งพันหกร้อยห้าสิบสามบาทถ้วน) และ สนพ. เตรียมตั้งเป็นรายจ่ายในงบประมาณประจำปี 2551 เสนอสำนักงบประมาณเพื่อนำมาชำระคืนกองทุนฯ ต่อไป
3. การขอเปลี่ยนแปลงการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ
3.1 ปัจจุบันฐานะการเงินของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเมื่อจัดสรรเงินตามประมาณการรายจ่ายตามแผนงาน 2550-2554 แล้วยังอยู่ในลักษณะสมดุล และกระทรวงพลังงานได้ประเมินฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงแล้วเห็นว่ามีแนวโน้มจะสามารถชำระหนี้ชดเชยตรึงราคาน้ำมันค้างชำระและหนี้ชดเชยราคา LPG ได้หมดภายในสิ้นปี 2550 จึงจะเสนอขอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติโอนเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบางส่วนมาสมทบเป็นรายได้ให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพช่วยผลักดันการดำเนินการตามนโยบายของรัฐในการแก้ไขปัญหาด้านพลังงานของประเทศได้มากขึ้น
3.2 จากเหตุผลตามข้อ 3.1 ประกอบกับภาระค่าใช้จ่ายของงบประมาณแผ่นดินที่รัฐบาลจำเป็นต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากในการผลักดันงานและโครงการต่างๆ เพื่อพัฒนาและสร้างความมั่นคงของประเทศ สนพ. จึงขอเสนอคณะอนุกรรมการฯ เพื่อโปรดพิจารณาการเปลี่ยนแปลงการใช้เงินจากกองทุนฯ สำหรับ "โครงการส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ" ของ ปตท. และ "โครงการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ ระยะที่ 2" ของกรมธุรกิจพลังงาน ดังต่อไปนี้
(1) ให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ภายใต้ "โครงการส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ" และ "โครงการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ ระยะที่ 2" เปลี่ยนแปลงเป็น "เงินให้เปล่า" แทน "เงินทุนหมุนเวียนปลอดดอกเบี้ย ที่ต้องคืนกองทุนฯ ภายใน 10 ปี โดยใช้คืนไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของวงเงินภายในปีที่ 5 และคืนส่วนที่เหลือภายในปีที่ 10"
(2) จากข้อ (1) สนพ. และกรมธุรกิจพลังงาน ไม่ต้องตั้งรายจ่ายในงบประมาณแผ่นดินประจำปี เพื่อนำมาชำระคืนกองทุนฯ
(3) เปลี่ยนชื่อ "โครงการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ ระยะที่ 2" ที่กรมธุรกิจพลังงานได้รับอนุมัติจัดสรรเงินไว้แล้วจากมติคณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 3/2549 (ครั้งที่ 44) เมื่อ 21 ธันวาคม 2549 โดยเปลี่ยนชื่อเป็น "โครงการส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ ระยะที่ 2" และให้กรมธุรกิจพลังงานปรับแผนงานโครงการฯ ให้สอดรับกับการดำเนินงานสนับสนุนค่าติดตั้งอุปกรณ์ NGV ในรถยนต์ราชการ แบบให้เปล่า
4. มติคณะอนุกรรมการกองทุนฯ
คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 2/2550 (ครั้งที่ 8) เมื่อ 25 เมษายน 2550 เห็นว่า ทั้ง 2 โครงการข้างต้นได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไปแล้วโดยให้ใช้ในลักษณะ "เงินทุนหมุนเวียนปลอดดอกเบี้ย" ที่ สนพ. จะเป็นผู้แทนทุกส่วนราชการในการเสนอขอตั้งงบประมาณแผ่นดินนำมาชำระคืนกองทุนฯ ภายหลังและในเวลาที่กำหนด ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าทั้ง 2 โครงการดังกล่าวเป็นการติดตั้งอุปกรณ์ NGV ให้รถยนต์ของส่วนราชการ และฐานะการเงินของกองทุนฯ ที่มีสภาพคล่องดีแล้ว จึงเห็นชอบการเปลี่ยนแปลงการใช้เงินจากกองทุนฯ ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอมาในข้อ 3 .4 และให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อโปรดพิจารณาต่อไป
มติที่ประชุม
1. อนุมัติให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ภายใต้ "โครงการส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ" และ "โครงการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ ระยะที่ 2" เปลี่ยนแปลงเป็น "เงินให้เปล่า" แทน "เงินทุนหมุนเวียนปลอดดอกเบี้ย ที่ต้องคืนกองทุนฯ ภายใน 10 ปี โดยใช้คืนไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของวงเงินภายในปีที่ 5 และคืนส่วนที่เหลือภายในปีที่ 10" ทั้งนี้ สนพ. และกรมธุรกิจพลังงาน ไม่ต้องตั้งรายจ่ายในงบประมาณแผ่นดินประจำปี เพื่อนำมาชำระคืนกองทุนฯ ทั้ง 2 โครงการ
2. อนุมัติให้เปลี่ยนชื่อ "โครงการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ ระยะที่ 2" ที่กรมธุรกิจพลังงานได้รับอนุมัติจัดสรรเงินไว้แล้วจากมติคณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 3/2549 (ครั้งที่ 44) เมื่อ 21 ธันวาคม 2549 โดยเปลี่ยนชื่อเป็น "โครงการส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ ระยะที่ 2" และให้กรมธุรกิจพลังงาน ปรับแผนงานโครงการฯ ให้สอดรับกับการดำเนินงานสนับสนุนค่าติดตั้งอุปกรณ์ NGV ในรถยนต์ราชการ แบบให้เปล่า
เรื่องที่ 3 ขออนุมัติเงินสนับสนุนโครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่า พพ. เสนอขอรับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2550 เพิ่มเติม ในวงเงิน 119,000,000 บาท (หนึ่งร้อยสิบเก้าล้านบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายใน "โครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม" ซึ่งคณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2549 (ครั้งที่ 41) เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2549 เคยมีมติอนุมัติเงินกองทุนฯ แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ปีงบประมาณ 2549 ให้ พพ. ไปดำเนินการจัดหา ติดตั้ง กังหันลมระบบมีเกียร์ เพื่อสาธิตการผลิตไฟฟ้า ขนาด 1.5 MW บริเวณพื้นที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช โดยมีเงื่อนไขที่สำคัญ ให้ พพ. ทำการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากโครงการและพพ. จะต้องจัดหาผู้ดำเนินการติดตั้งระบบกังหันลมให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับทุนจากกองทุนฯ
พพ. ได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในวงเงิน 498,000 บาท ศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และได้ส่งรายงานฉบับสมบูรณ์แล้วเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2549 สรุปได้ ดังนี้
(1) ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางกายภาพทางด้านลบในระดับ "น้อย" ขณะที่คุณค่าการใช้ประโยชน์ของมนุษย์และคุณค่าต่อคุณภาพชีวิตอยู่ในระดับ "มาก"
(2) จัดรับฟังความเห็นของประชาชนในพื้นที่ มีผู้เข้าร่วม 113 คน โดยร้อยละ 98.7 เห็นด้วยเพราะเห็นว่าจะเป็นแหล่งพลังงาน แหล่งท่องเที่ยวใหม่และช่วยนำรายได้เข้าสู่ท้องถิ่น ส่วนร้อยละ 1.3 มีความกังวลในเรื่องเสียงรบกวน ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และผลกระทบต่อการทำมาหากิน (ผลกระทบกับนกนางแอ่น ซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจประจำท้องถิ่น)
2. พพ. ไม่สามารถดำเนินการจัดหาผู้ดำเนินการติดตั้งระบบกังหันลมให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปีได้ จึงนำโครงการดังกล่าว เสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณาในการประชุมครั้งที่ 1/2550 (ครั้งที่ 8) เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2550 เพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ อีกครั้ง เพราะจากการดำเนินการจัดหาผู้ติดตั้งระบบฯ ตามขั้นตอนของระเบียบพัสดุด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามประกาศลงวันที่ 11 กันยายน 2549 กำหนดให้ยื่นเอกสารวันที่ 21 กันยายน 2549 ปรากฏว่ามีผู้ยื่นข้อเสนอเพียง 1 ราย พพ. จึงยกเลิกการจัดหาเมื่อ 26 กันยายน 2549 เป็นเหตุให้ พพ. ไม่สามารถจัดหาผู้ดำเนินการติดตั้งระบบกังหันลมให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี แต่การดำเนินงานของโครงการในกิจกรรมอื่น มีความก้าวหน้าไปพอสมควรแล้ว และได้รับความร่วมมือจากท้องถิ่นเป็นอย่างดี เพื่อให้มีทางเลือกในการนำพลังงานหมุนเวียนที่มีอยู่ตามธรรมชาติมาใช้ทดแทนพลังงานสิ้นเปลือง พพ. จึงเสนอขอที่จะดำเนินการโครงการดังกล่าวต่อ โดยใช้เงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2550 ในวงเงิน 119 ล้านบาท ซึ่ง พพ. จะดำเนินการติดตั้งกังหันลม 1 ชุด จะเสียค่าใช้จ่าย Overhead ไม่ต่างกับการติดตั้ง Wind Farm (ตั้งแต่ 5 ชุดขึ้นไป)
3. มติคณะอนุกรรมการฯ 1/2550 และ 2/2550
คณะอนุกรรมการฯ ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว เห็นชอบให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2550 ให้ พพ. เพิ่มเติม ในวงเงิน 119 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับ "โครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม"
มติที่ประชุม
อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ปีงบประมาณ 2550 ให้ พพ. เพิ่มเติม ในวงเงิน 119,000,000 บาท (หนึ่งร้อยสิบเก้าล้านบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับ โครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ตามรายละเอียดที่ปรากฎในเอกสารประกอบวาระ 3.3
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ได้ ขอให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำ "โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาทบทวนร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดเครื่องจักรอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงและวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 2 จำนวน 11 ผลิตภัณฑ์" เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติเงินจากกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2550 ให้ พพ. เพิ่มเติมในวงเงินรวม 18.8 ล้านบาท (สิบแปดล้านแปดแสนบาทถ้วน) เป็นค่าดำเนินงานโครงการดังกล่าว สรุปได้ดังนี้
1) วัตถุประสงค์และสาระสำคัญ
ในช่วงปี 2543-2548 พพ. ได้จัดทำร่างกฎกระทรวงฯ จำนวน 11 ผลิตภัณฑ์ไว้แล้ว คือ กระจก ตู้แช่ เตารีดไฟฟ้า เครื่องซักผ้า เตาไฟฟ้า เตาอบไมโครเวฟ กาต้มน้ำร้อนไฟฟ้า ฉนวนใยแก้ว เครื่องอบผ้า เตาอบไฟฟ้า และเครื่องทำน้ำเย็น แต่เนื่องจากร่างกฎกระทรวงดังกล่าวได้จัดทำไว้หลายปีแล้วโดยอาศัยข้อมูลจากเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์ ณ เวลานั้น ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีของแต่ละผลิตภัณฑ์ได้เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว จึงจำเป็นต้องทบทวนร่างกฎกระทรวงฯ ให้เหมาะสมกับสภาวะปัจจุบัน เพื่อประกาศใช้ในการส่งเสริมการผลิตและจำหน่าย ตลอดจนจัดทำร่างมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ประสิทธิภาพขั้นต่ำ) เพื่อส่งให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมดำเนินการต่อไป
2) งบประมาณรายจ่ายของโครงการฯ ขอรับสนับสนุนจากกองทุนฯ ในวงเงินรวม 18.8 ล้านบาท แบ่งเป็น
ค่าใช้จ่าย | จำนวน |
1. ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร | 6,337,550 บาท |
2. ค่าใช้จ่ายประชุม-สัมมนา | 1,450,000 บาท |
3. ค่าใช้จ่ายทดสอบผลิตภัณฑ์ | 4,950,000 บาท |
4. ค่าใช้จ่ายประชาสัมพันธ์ | 5,092,100 บาท |
5. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ | 972,100 บาท |
รวม | 18,801,650 บาท |
* ขอสนับสนุนจากกองทุนฯ | 18,800,000 บาท |
3) ประโยชน์ที่มีต่อการประหยัดพลังงาน : ระยะเวลาดำเนินการ 12 เดือน คาดว่าการออกกฎกระทรวงของอุปกรณ์ 11 ประเภท จะช่วยให้เกิดการประหยัดพลังงานได้ 90 ktoe/ปี
เห็นระหว่างกันเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2550 ซึ่งเห็นว่ารายละเอียดในข้อเสนอของ พพ. ยังขาดข้อมูลในประเด็นสำคัญ คือ2. สนพ. ได้ประเมินคุณภาพของข้อเสนอฯ โดยเชิญผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 3 ท่าน ประกอบด้วย 1) ศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์ 2) ศ.ดร.จุลละพงษ์ จุลละโพธิ และ 3) รศ.ดร.อภิชิต เทอดโยธิน ร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความ
(1) การทบทวนงานที่หน่วยงานต่างๆ รวมถึง พพ. ที่ได้ดำเนินการศึกษาไว้แล้ว เพื่อศึกษาแนวทาง กระบวนการที่จะผลักดันให้งานจัดทำมาตรฐานประสิทธิภาพ ประสพความสำเร็จ
(2) การทบทวนผลการดำเนินงานศึกษาร่างกฎกระทรวงที่ พพ. ดำเนินการผ่านมา เพื่อบ่งชี้ให้เห็นปัญหาอุปสรรคที่ พพ. ไม่สามารถนำร่างกฎกระทรวงของอุปกรณ์ที่ได้ศึกษาไว้ทั้ง 24 ชนิด มาประกาศใช้ และระบุกระบวนการหรือแนวทางที่จะเชื่อมั่นได้ว่าการศึกษาครั้งนี้ จะผ่านอุปสรรคเดิมและสามารถประกาศกฎกระทรวงได้
(3) การอ้างอิงถึงกระบวนการพิจารณาถึงความเหมาะสมที่แจ้งว่าผลการศึกษาเดิม (ปี 2543-2548) ไม่เป็นปัจจุบัน จำเป็นต้องศึกษาใหม่ ทั้ง 11 อุปกรณ์
(4) เหตุผลที่ต้องศึกษาเพื่อกำหนดค่ามาตรฐานโดยแยกเป็นรายอุปกรณ์ เพราะอุปกรณ์บางชนิดไม่มีความซับซ้อนและเทคโนโลยีไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงเร็ว เช่น กระติกน้ำร้อน กาต้มน้ำร้อน เตาอบไมโครเวฟ เป็นต้น หรือความจำเป็นที่ต้องกำหนดมาตรฐานในอุปกรณ์บางชนิดที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ออกรุ่นใหม่ๆ มาเสมอ เช่น เครื่องซักผ้า และมีแนวทางจะกำหนดมาตรฐานอย่างไรกับอุปกรณ์ลักษณะนี้
(5) ความจำเป็นที่ต้องจ้างที่ปรึกษาเข้ามาดำเนินการแทนในทุกรายการ เพราะการทบทวนกฎกระทรวงฯ ไม่น่าจะจำเป็นที่ต้องจ้างที่ปรึกษามาให้ความเห็นทุกอุปกรณ์ บุคลากรของหน่วยงานเจ้าของโครงการ น่าจะดำเนินการเองได้ เพราะต้องมีความชำนาญการในเรื่องนี้มากกว่าที่ปรึกษาเพื่อการกำกับดูแลคุณภาพงานจะได้เป็นไปด้วยความครบถ้วน
(6) ที่มาของผลการประหยัดพลังงานที่ระบุไว้ หากมีการประกาศใช้กฎกระทรวงของ 11 ผลิตภัณฑ์ จะช่วยให้เกิดการประหยัดพลังงานได้ 90 ktoe/ปี
(7) ยังไม่ควรดำเนินการประชาสัมพันธ์ เพราะเป้าหมายของโครงการฯ เป็นเรื่องทางเทคนิคที่ยังไม่มีผลเป็นนามธรรมหรือจับต้องได้
โดยคณะผู้ทรงคุณวุฒิมีความเห็นว่า พพ. ควรจัดทำข้อเสนอใหม่ โดยเพิ่มเติมข้อมูลที่สำคัญในประเด็น ตามที่มีความเห็นไว้ข้างต้น ประกอบกับในช่วงนี้กระทรวงพลังงานจะทำงบประมาณปี 2551 เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณา และงานที่ พพ. มีอยู่เดิมและต้องดำเนินการในปีงบประมาณ 2550 มีปริมาณมากอยู่แล้ว จึงเห็นควรให้ พพ. จัดทำรายละเอียดและปรับแนวทางการดำเนินโครงการฯ ให้เรียบร้อย และยื่นเสนอขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในปีงบประมาณ 2551 ต่อไป
3. มติคณะอนุกรรมการกองทุนฯ
ด้วยเรื่องดังกล่าวมีความจำเป็นที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้เครื่องจักรอุปกรณ์และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงานที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศไทยมีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพโดยเร็ว พพ. จึงได้จัดทำข้อเสนอฯ ที่ได้ปรับปรุงตามความเห็นของคณะผู้ทรงคุณวุฒิตามข้อ 2 เสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณาในการประชุมครั้งที่ 3/2550 (ครั้งที่ 9) เมื่อ 11 มิถุนายน 2550 ซึ่งเห็นชอบให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาต่อไป โดยให้ พพ. ปรับลดงบประมาณในการประชาสัมพันธ์ให้เน้นเพียงการสร้างความเข้าใจกับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเท่านั้น เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีความจำเป็นและสามารถจัดทำการประชาสัมพันธ์พร้อมกันได้เมื่อประกาศใช้กฎกระทรวงแล้ว
พพ. ได้ดำเนินการปรับปรุงข้อเสนอโครงการฯ ตามข้อเสนอแนะของคณะอนุกรรมการฯ เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยการปรับลดงบประมาณในการประชาสัมพันธ์ให้เน้นเพียงการสร้างความเข้าใจกับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเท่านั้น พร้อมทั้งปรับลดวงเงินงบประมาณที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เป็นเงิน 15,700,00 บาท ฝ่ายเลขานุการฯ จึงใคร่ขอเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณา ตามรายละเอียดที่ปรากฏเอกสารประกอบวาระ 3.4.
มติที่ประชุม
อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานส่งเสริมและสาธิต ปีงบประมาณ 2550 ให้ พพ. เพิ่มเติมในวงเงินรวม 13,700,000 บาท (สิบสามล้านเจ็ดแสนบาทถ้วน) เป็นค่าดำเนินงาน "โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาทบทวนร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดเครื่องจักรอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงและวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 2" ตามรายละเอียดที่ปรากฏเอกสารประกอบวาระ 3.4 โดยให้ประสานสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในการดำเนินการด้วย
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่า กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ได้ ขอให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำ "โครงการอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วมโดยโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก" เสนอคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเพื่อพิจารณาอนุมัติเงินจากกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2550 ให้ พพ. เพิ่มเติมในวงเงินรวม 22 ล้านบาท (ยี่สิบสองล้านบาทถ้วน) เป็นค่าดำเนินงานโครงการ สรุปได้ดังนี้
1) วัตถุประสงค์และสาระสำคัญ
โรงงานอุตสาหกรรมและอาคารธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กทั่วประเทศ มีประมาณ 36,000 แห่ง ที่ต้องการความรู้ความเข้าใจวิธีการอนุรักษ์พลังงานอย่างถูกต้องและเป็นระบบ ในช่วงปี 2548 และ 2549 พพ. ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาเข้าไปดำเนินการโครงการอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วมโดยโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กแล้ว 700 แห่ง เกิดผลประหยัดพลังงาน 8.366 ktoe และเพื่อให้การดำเนินงานมีความต่อเนื่อง พพ. จึงจะว่าจ้างที่ปรึกษาดำเนินการต่อในปี 2550 อีก 100 แห่ง
2) งบประมาณรายจ่ายของโครงการฯ ขอสนับสนุนจากกองทุนฯ 22 ล้านบาท แบ่งเป็น
ค่าใช้จ่ายต่อกลุ่ม (กลุ่มละ 25 แห่ง) | จำนวน |
1. ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร | 3,306,000 บาท |
2. ค่าใช้จ่ายอื่น | 1,835,250 บาท |
3. ภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 | 359,888 บาท |
รวม | 5,501,138 บาท |
ขอตั้งงบประมาณ ต่อกลุ่ม | 5,500,000 บาท |
รวมงบประมาณ 100 แห่ง (แบ่ง 4 กลุ่มๆ ละ 25 แห่ง) | 22,000,000 บาท |
3) ประโยชน์ที่มีต่อการประหยัดพลังงาน : ระยะเวลา 8 เดือน คาดว่าจะมีผลประหยัดพลังงานเฉลี่ยต่อแห่งไม่ต่ำกว่า 5 toe/ปี หรือเมื่อจบโครงการแล้วจะเกิดผลประหยัดรวมไม่น้อยกว่า 500 toe/ปี ระยะเวลาคืนทุนเฉลี่ยไม่เกิน 2 ปี
2. สนพ. ได้ประเมินคุณภาพของข้อเสนอฯ โดยเชิญผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 3 ท่าน ประกอบด้วย 1) ศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์ 2) ศ.ดร.จุลละพงษ์ จุลละโพธิ และ 3) รศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ ร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างกันเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2550 ซึ่งเห็นว่ารายละเอียดในข้อเสนอของ พพ. ยังขาดข้อมูลในประเด็นสำคัญ คือ
(1) การทบทวนการทำงานโครงการอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วม ที่ พพ. ดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2545 การที่บ่งชี้ถึงสิ่งที่ พพ. ได้เรียนรู้จากประสบการณ์การทำงาน จำแนกกลุ่มของสถานประกอบการที่เข้าไปดำเนินการมาแล้ว แสดงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทั้งด้านพลังงานและมาตรการที่เกิดขึ้น ระบุประเด็นปัญหาหรือข้อจำกัด ที่นำมาสู่การทำโครงการตามที่เสนอมาในครั้งนี้ โดยระบุให้ชัดเจนว่าจะเลือกเข้าไปดำเนินการกับกลุ่มเป้าหมายใน sector ใดบ้าง ด้วยเหตุผลอะไร
(2) ปรับแนวทางการดำเนินโครงการฯ ที่ไม่ใช่การดำเนินการผ่านระบบที่ปรึกษา แต่ควรมุ่งเน้นกระบวนการที่จะก่อให้เกิดความยั่งยืนโดยปลูกฝังพัฒนาไว้ที่บุคลากรของสถานประกอบการ เช่น การนำองค์ความรู้ที่ได้จากการดำเนินงานที่ผ่านมาที่ พพ. จัดทำไว้ในรูปแบบเอกสารเผยแพร่ หรือ VDO อยู่มากนั้น ไปขยายผลด้วยวิธีที่เข้าถึงสถานประกอบการที่ยังไม่ได้ดำเนินการอนุรักษ์พลังงานกว่า 20,000 แห่ง ได้เร็วขึ้น รวมถึงการใช้ทรัพย์สินที่ลงทุนไว้แล้ว เช่น ศูนย์ให้คำปรึกษา ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น หรือหากต้องการให้มีที่ปรึกษาเข้าไปช่วยให้คำแนะนำ ก็ควรให้เจ้าของสถานประกอบการนั้นออกค่าใช้จ่ายด้วยส่วนหนึ่ง
(3) พิจารณาปรับตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการ จากที่จะประหยัดพลังงานเฉลี่ยต่อแห่งไม่ต่ำกว่า 5 toe/ปี โดยน่าจะเพิ่มการวัดผลที่ความยั่งยืนที่สถานประกอบการดำเนินการอนุรักษ์พลังงานอย่างต่อเนื่องด้วย
โดยคณะผู้ทรงคุณวุฒิมีความเห็นว่า พพ. ควรจัดทำข้อเสนอใหม่ โดยเพิ่มเติมข้อมูลที่สำคัญในประเด็น ตามที่มีความเห็นไว้ข้างต้น ประกอบกับในช่วงนี้กระทรวงพลังงานจะทำงบประมาณปี 2551 เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณา และงานที่ พพ. มีอยู่เดิมและต้องดำเนินการในปีงบประมาณ 2550 มีปริมาณมากอยู่แล้ว จึงเห็นควรให้ พพ. จัดทำรายละเอียดและปรับแนวทางการดำเนินโครงการฯ ให้เรียบร้อย และยื่นเสนอขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในปีงบประมาณ 2551 ต่อไป
3. มติคณะอนุกรรมการกองทุนฯ
ด้วยเรื่องดังกล่าวมีความจำเป็นที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อช่วยผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กสามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลงในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน ประกอบกับ พพ.ได้จัดทำข้อเสนอที่ปรับปรุงตามความเห็นของคณะผู้ทรงคุณวุฒิตามข้อ 2 เสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 3/2550 (ครั้งที่ 9) เมื่อ 11 มิถุนายน 2550 ได้พิจารณาแล้ว มีมติชอบให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาต่อไป ตามรายละเอียดปรากฏในเอกสารประกอบวาระ 3.5
มติที่ประชุม
อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานส่งเสริมและสาธิต ปีงบประมาณ 2550 ให้ พพ. เพิ่มเติมในวงเงินรวม 22 ล้านบาท (ยี่สิบสองล้านบาทถ้วน) เป็นค่าดำเนิน "โครงการอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วมโดยโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก" ตามรายละเอียดปรากฏในเอกสารประกอบวาระ 3.5 ทั้งนี้ก่อนดำเนินโครงการให้ พพ. พิจารณาปรับข้อเสนอโครงการฯ ตามข้อเสนอแนะในรายงานของคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน ด้วย
เรื่องที่ 6 ขอคืนหลักประกันซอง โครงการส่งเสริมผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กที่ใช้พลังงานหมุนเวียน
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้นำเสนอให้ที่ประชุมได้พิจารณาเกี่ยวกับการขอคืนหลักประกันซองโครงการส่งเสริมผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กที่ใช้พลังงานหมุนเวียน ที่ไม่ได้ทำสัญญาขอรับการสนับสนุนค่าพลังงานไฟฟ้าส่วนเพิ่มกับ กฟผ. รวม 6 ราย คือ
(1) อุตสาหกรรมโคราช จำกัด จ.นครราชสีมา
(2) ไฟฟ้าชนบท จำกัด จ.ลพบุรี
(3) น้ำตาลตะวันออก จำกัด จ.สระแก้ว
(4) ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) จ.ลพบุรี
(5) ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (เขื่อนเจ้าพระยา) จ.ชัยนาท
(6) ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (เขื่อนคลองท่าด่าน) จ.นครนายก
2. การคืนหนังสือค้ำประกันซองให้กับ 6 หน่วยงาน สนพ. ได้พิจารณาตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ใน "เอกสารเชิญชวนเพื่อยื่นข้อเสนอขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ โครงการส่งเสริมผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กที่ใช้พลังงานหมุนเวียน" ตามที่แจ้งแล้วในข้อ 1.1 และสรุปผลการพิจารณาได้ดังนี้
2.1 รายที่ 1 บริษัท อุตสาหกรรมโคราช จำกัด สนพ. ได้คืนหนังสือค้ำประกันซองให้บริษัทฯ แล้ว เมื่อ 18 พฤษภาคม 2548 เนื่องจาก เป็นไปตามข้อ 1.1 (3) บริษัทฯ ไม่ผ่านการพิจารณาตามระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตรายเล็กของการไฟฟ้า เพราะ ไม่สามารถจัดหาเชื้อเพลิงได้สม่ำเสมอและเพียงพอต่อการขายไฟฟ้าตามสัญญา Firm อันเป็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของภาครัฐในการแก้ไขปัญหาอ้อยและน้ำตาล ซึ่งคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในคราวการประชุมครั้งที่ 2/2547 เมื่อ 28 กรกฎาคม 2547 ได้มีมติเห็นชอบให้ บริษัท อุตสาหกรรมโคราชฯ ยกเลิกคำร้องการขายไฟฟ้าประเภทสัญญา Firm ได้
2.2 รายที่ 2 และ 3 สนพ. จะไม่คืนหนังสือค้ำประกันซองให้ เพราะไม่เข้าลักษณะข้อหนึ่งข้อใดตามที่ปรากฏในข้อ 1.1 (1) - (3) แต่เข้าลักษณะของการริบหลักประกันซองในกรณีบริษัทฯ ผ่านการคัดเลือกตามเกณฑ์ที่ สนพ. กำหนด แต่ไม่ไปทำสัญญาขอรับเงินสนับสนุนฯ กับ กฟผ. ภายในเวลาที่กำหนด
2.3 รายที่ 4 ถึง 6 ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่างบริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้งกับ กฟผ. เพื่อจัดทำโรงไฟฟ้าขนาดเล็กท้ายเขื่อนชลประทาน บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมในทุกด้านเพื่อการลงนามในสัญญากับ กฟผ. แล้ว แต่คณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อ 9 ธันวาคม 2546 ได้มีมติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้ดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็กท้ายเขื่อนชลประทาน และให้กระทรวงพลังงานเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านเทคนิค จึงเป็นเหตุที่ทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินโครงการดังกล่าวได้
สนพ. เห็นว่า กฟผ. ได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะดำเนินโรงไฟฟ้าขนาดเล็กท้ายเขื่อนชลประทานทั้ง 3 แห่ง ทั้งด้านเทคนิค สังคมและสิ่งแวดล้อม แต่เหตุที่ทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถทำสัญญาขอรับการสนับสนุนค่าพลังงานไฟฟ้าส่วนเพิ่มกับ กฟผ. ได้ทันภายในเวลาที่กำหนดเกิดจากมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
กรณีที่เกิดขึ้นข้างต้นไม่ได้ระบุไว้ในเอกสารเชิญชวนฯ สนพ. จึงอาศัยข้อความที่ระบุไว้ในเอกสารเชิญชวนฯ ข้อ 10 "ในกรณีที่ข้อความในเอกสารเชิญชวนฯ ไม่ชัดเจน......ให้คำวินิจฉัยของ สนพ. ถือเป็นเด็ดขาด" จึงเห็นว่าควรจะคืนหนังสือค้ำประกันซองให้บริษัทฯ ทั้ง 3 ราย อย่างไรก็ตามโครงการสนับสนุนค่าพลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กที่ใช้พลังงานหมุนเวียนนี้ ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สนพ. จึงเสนอต่อฝ่ายเลขานุการฯ เพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ โปรดพิจารณาเรื่องการคืนหลักประกันซอง ตามที่ สนพ. เสนอมา
มติที่ประชุม
ให้ สนพ. เป็นผู้ดำเนินการในการพิจารณาเรื่องดังกล่าว
อนุ กอ. ครั้งที่ 1 - วันอังคารที่ 27 กันยายน 2548
มติคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 1/2548 (ครั้งที่ 1)
วันอังคารที่ 27 กันยายน 2548 เวลา 14.00 น.
ณ ห้องประชุม 11 อาคาร 6 กระทรวงพลังงาน
1. คำสั่งแต่งตั้ง "คณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน"
2. ขอความเห็นชอบในการจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 ปีงบประมาณ 2549
3. ขอความเห็นชอบเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานโครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม 3 โครงการ
4. ขอความเห็นชอบการปรับแผนของโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานภายใต้ความรับผิดชอบของ สนพ.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายวิเศษ จูภิบาล) ประธานอนุกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายเมตตา บันเทิงสุข) อนุกรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 คำสั่งแต่งตั้ง "คณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน"
ที่ประชุมได้รับทราบเรื่องที่ฝ่ายเลขนุการฯ แจ้งให้ทราบว่า คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 1/2548 (ครั้งที่ 40) เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2548 2548 ได้มีมติเห็นชอบให้ยกเลิกคำสั่งคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่ 1/2547 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ลงวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2547 และเห็นชอบให้แต่งตั้ง "คณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ขึ้นแทน เพื่อทำหน้าที่ในการพิจารณาหรือปฏิบัติการตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ มอบหมาย โดยประธานคณะกรรมการกองทุนฯ (นายวิษณุ เครืองาม) ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2548 โดยองค์ประกอบ "คณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" มีดังนี้
1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานอนุกรรมการ
2. ปลัดกระทรวงพลังงาน อนุกรรมการ
3. อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน อนุกรรมการ
4. ผู้แทนกรมบัญชีกลาง อนุกรรมการ
5. ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย อนุกรรมการ
6. นายปิยะวัติ บุญ-หลง อนุกรรมการ
7. นายพรายพล คุ้มทรัพย์ อนุกรรมการ
8. ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน อนุกรรมการและเลขานุการ
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้เสนอที่ประชุมพิจารณางบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2549 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามลำดับดังนี้
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ได้จัดสรรเงินกองทุนฯ งบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2548 ให้ 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย สนพ. พพ. และกรมบัญชีกลาง ในวงเงินรวม 1,821.32 ล้านบาท
2. สถานภาพของกองทุนฯ ประมาณการ ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 สรุปได้ดังนี้
หน่วย : ล้านบาท
ยอดเงินคงเหลือยกมา ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2547 | 9,856.20 |
บวก ประมาณการรายรับ ถึงเดือน 30 กันยายน 2548 บวก ประมาณการรายรับ จากเงินทุนหมุนเวียน |
2,103.66 240.00 |
รวมเป็นเงิน (ก่อนหักรายจ่าย) | 12,199.71 |
หัก รายจ่าย ณ เดือน 30 กันยายน 2548 | 4,849.57 |
- รายจ่าย ตามแผน 38-47 3,958.57 - รายจ่าย ตามแผน 48 891.00 |
|
รวมเงินคงเหลือในบัญชี 30 กันยายน 2548 | 7,350.18 |
บวก เงินสดในมือ (สนพ. 583 +พพ. 610) | 1,193.00 |
รวมเงินคงเหลือทั้งสิ้น ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 | 8,543.18 |
(ก่อน หัก รายจ่ายผูกพันตามแผนฯ ค้างจ่าย | (6,960.00) |
3. รายจ่ายผูกพันตามแผนฯ ค้างจ่าย 6,960 ล้านบาท จำแนกตามแผนงาน ได้ดังนี้
หน่วย : ล้านบาท
ปีงบประมาณ | 2549 | 2550 | 2551 | 2552 | 2553 | 2554 | รวม |
แผนงานภาคบังคับ | 980 | 980 | 980 | - | - | - | 2,940 |
แผนงานสนับสนุน | 272 | 137 | 137 | - | - | - | 546 |
แผนงานภาคความร่วมมือ | 1,383 | 403 | 496 | 194 | 56 | 5 | 2,537 |
รวมผูกพันจากปี 38-47 | 2,635 | 1,520 | 1,613 | 194 | 56 | 5 | 6,023 |
แผนพลังงานทดแทน | 285 | - | - | - | - | - | 285 |
แผนเพิ่มประสิทธิภาพ | 435 | - | - | - | - | - | 435 |
แผนบริหารทางกลยุทธ์ | 217 | - | - | - | - | - | 217 |
รวมผูกพันปี 48 | 937 | - | - | - | - | - | 937 |
รวมผูกพันทั้งสิ้น | 3,572 | 1,520 | 1,613 | 194 | 56 | 5 | 6,960 |
4. ผลการดำเนินงานตามแผนฯ ปี 2548
(1) ในส่วนที่ สนพ. รับผิดชอบ
- ได้รับจัดสรรงบประมาณรวม 790.37 ล้านบาท ใช้และผูกพันรวม 699.52 ล้านบาท
- ใช้เงินกองทุนฯ สนับสนุนหน่วยงานต่างๆ รวม 24 หน่วยงาน เช่น สภาอุตสาหกรรม (กลุ่มยานยนต์) บริษัท ปตท. (มหาชน) จำกัด มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา สถาบันอาชีวศึกษา ฯลฯ
- ดำเนินงานด้านอนุรักษ์พลังงานรวม 37 โครงการ ตลอดจนสนับสนุนทุนการศึกษาข้าราชการในหน่วยงานต่างๆ 16 ทุน และทุนวิจัยระดับอุดมศึกษา 52 ทุน
- ก่อให้เกิดผลประหยัดพลังงาน 1,025 ktoe เมื่อได้ดำเนินโครงการเสร็จเรียบร้อยในปี 2549 โดยได้ผลมากกว่าที่เสนอกองทุนฯ ไว้
- สรุปผลการดำเนินงานในส่วนที่ สนพ. รับผิดชอบ ตามเอกสารที่แจกให้ที่ประชุมทราบ
(2) ในส่วนที่ พพ. รับผิดชอบ
- ได้รับจัดสรรงบประมาณรวม 1,072.91 ล้านบาท ใช้และผูกพันรวม 878.81 ล้านบาท
- พพ. ได้รายงานผลการดำเนินงานในปี 2548 ให้ที่ประชุมทราบดังนี้
- งานด้านเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในส่วนการศึกษาวิจัย พพ. ได้กำหนดมาตรฐานการจัดการพลังงานในโรงงานอุตสาหกรรม กำหนดเกณฑ์การใช้พลังงานในอาคาร และจัดทำ ร่างกฎกระทรวง Compressor ประสิทธิภาพสูง สำหรับการส่งเสริมและสาธิต พพ. ได้ดำเนินมาตรการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี และมาตรการอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วมในโรงงานและอาคารทุกระดับ
- งานด้านพลังงานทดแทน พพ. ได้ดำเนินการศึกษาวิจัยและส่งเสริม/สาธิต หลายโครงการ เช่น วิจัยเซลล์แสงแดดไทยสู่ความเป็นเลิศ จัดตั้งศูนย์พัฒนามาตรฐานและทดสอบ Solar Cell วิจัยการใช้ไบโอดีเซลในเครื่อง Commonrail ปรับปรุงเครื่องคาบิวเรเตอร์เพื่อใช้แก๊สโซฮอล์ จัดระบบรวบรวม/ขนส่ง เอทานอล สาธิตการใช้ถังหมักก๊าซจากขยะ/มูลสัตว์ ขนาดเล็ก ศึกษาผลิตไบโอดีเซลจากสบู่ดำ และศึกษามาตรการ CDM ด้านพลังงาน เป็นต้น
- งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ พพ. ได้ดำเนินการอบรมให้ความรู้ในการอนุรักษ์พลังงานแก่บุคลกรของอุตสาหกรรม พัฒนาหลักสูตร Energy Audit จัดเสวนา ESCO และประกวดโรงงาน/อาคาร อนุรักษ์พลังงาน ฯลฯ
(3) ในส่วนที่ บก. รับผิดชอบ
- ได้รับจัดสรรงบประมาณรวม 3.19 ล้านบาท ใช้และผูกพันรวม 0.6 ล้านบาท
5. แผนอนุรักษ์พลังงานปี 2549
5.1 เพิ่มประสิทธิภาพ ภาคขนส่ง (สนพ.) 40 ล้านบาท
- ลดปัญหาจราจร และ Taxi วิ่งเที่ยวเปล่า (10 ล้านบาท)
- ร่วมมือกับ กทม. จัดจุดจอด Taxi และระบบรับส่ง ผู้โดยสารในศูนย์การค้า โรงพยาบาล หน่วยราชการ
- Park & ride (30 ล้านบาท)
- ลดปริมาณรถเข้าเมือง โดยสร้าง Park & ride ชานเมือง (รถบุคคล / car pool รถโรงเรียน/รถหมู่บ้าน) นำร่อง 1 แห่ง พร้อมจัดระบบ Feeder
- ปรับปรุง Park & ride ที่บางซื่อ เพื่อเป็นจุดเชื่อมต่อ รถขนส่งสาธารณะต่างจังหวัด และรถขนส่งพนักงานองค์กรขนาดใหญ่ กับระบบขนส่งสายหลัก
5.2 เพิ่มประสิทธิภาพ อุตสาหกรรม/อาคาร/บ้านอยู่อาศัย (พพ.) 653 ล้านบาท
- การอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วม (313 ล้านบาท)
- สิทธิประโยชน์ทางภาษี
- Tax Incentive (100 ล้านบาท)
- สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้จากกรมสรรพากร (100 ล้านบาท)
- สนับสนุนการดำเนินงานตาม พรบ. (50 ล้านบาท)
- การบริหารงานโครงการเงินทุนหมุนเวียน (10 ล้านบาท)
- ศึกษาเกณฑ์การใช้พลังงานในอุตสาหกรรมและอาคารต่างๆ (SEC) (40 ล้านบาท)
- การศึกษาจัดทำแผนการส่งเสริมเครื่องจักรอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (3.5 ล้านบาท)
- การจัดตั้งเครือข่ายศูนย์ทดสอบวัสดุอุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (6.5 ล้านบาท)
- ศึกษาจัดทำเกณฑ์การสนับสนุนและดำเนินการส่งเสริมการจำหน่ายเครื่องปรับอากาศและตู้เย็น Premium เบอร์ 5 (10 ล้านบาท)
- นำร่องปรับปรุงบ้านพักอาศัยเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (20 ล้านบาท)
5.3 ใช้พลังงานทดแทน (พพ.) 497.14 ล้านบาท
- ส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวมวล/ชีวภาพ 60.5 ล้านบาท
- ส่งเสริมก๊าซชีวภาพในโรงงานอุตสาหกรรม(15 ล้านบาท)
- ส่งเสริมก๊าซชีวภาพจากขยะระดับชุมชน (30 ล้านบาท)
- พัฒนา/สาธิตระบบผลิตพลังงานจากชีวมวลชุมชน (7 ล้านบาท)
- พัฒนาเตาเผาก๊าซชีวมวลในอุตสาหกรรมเซรามิค (1.5 ล้านบาท)
- ศึกษาเทคโนโลยีการผลิตก๊าซเชื้อเพลิงถ่านหิน (7 ล้านบาท)
- ส่งเสริมพลังงานแสงอาทิตย์ / ลม 60 ล้านบาท
- พัฒนาเซลแสงแดดสู่ความเป็นเลิศ (30 ล้านบาท)
- พัฒนามาตรฐานและทดสอบระบบเซลแสงอาทิตย์ (30 ล้านบาท)
- ส่งเสริมเชื้อเพลิง ไบโอดีเซล/เอทานอล 95.64 ล้านบาท
- ส่งเสริมไบโอดีเซลชุมชน (51 ล้านบาท)
- ส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลใน กทม. และ เชียงใหม่ (30 ล้านบาท)
- กำหนดคุณสมบัติแก๊สโซฮอล์ที่เหมาะสมหลังปี 2550 (6.4 ล้านบาท)
- วงจรชีวิตการผลิตและใช้เอทานอลจากมันสำปะหลังและอ้อย (8.24 ล้านบาท)
- ส่งเสริมพลังงานทดแทนอื่นๆ 281 ล้านบาท
- ฐานข้อมูลการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนใน SME (5 ล้านบาท)
- สาธิตเซลเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า SOFC (25 ล้านบาท)
- สาธิตผลิตไฮโดรเจนจากขบวนการความร้อนทางเคมี (6 ล้านบาท)
- พัฒนาระบบติดตาม / สำรวจการใช้พลังงานทดแทน (15 ล้านบาท)
- พัฒนาศูนย์รวมองค์ความรู้พลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (19 ล้านบาท)
- ปรับปรุงระเบียบเพื่อการพัฒนาการผลิตการใช้พลังงาน (2 ล้านบาท)
- ประเมินศักยภาพแหล่งน้ำพุร้อนในประเทศไทย (4 ล้านบาท)
- วิจัยพัฒนาการใช้ Vanadium แบตเตอรี่ -พพ. (200 ล้านบาท)
- ติดตามประเมินผล วิจัยพัฒนาการใช้ Vanadium -สนพ. (5 ล้านบาท)
5.4 ใช้เชื้อเพลิงทางเลือก (สนพ.) 40.5 ล้านบาท
- ส่งเสริมการใช้ NGV ด้วยระบบสินเชื่อ (22 ล้านบาท)
- เรือประมงเล็ก 100 ลำ และรถส่วนบุคคล 10,000 คัน
- สร้างความเชื่อมั่น NGV กับเครื่องยนต์ดีเซลโดยทดสอบชุด Kit แต่ละเทคโนโลยีกับเครื่องยนต์แต่ละประเภทของรถ ปิคอัพและรถตู้ (10 ล้านบาท)
- เพิ่มพื้นที่ปลูกพืชน้ำมันในภาคเหนือ (โครงการต่อเนื่องปี2) (8.5 ล้านบาท)
5.5 การดำเนินการเชิงนโยบาย (สนพ.) 34 ล้านบาท
- ศึกษา/จัดทำ/ปรับปรุงนโยบายให้สอดคล้องสถานการณ์พลังงานโลก (20 ล้านบาท)
- บูรณาการแผนพลังงานกับแผนยุทธศาสตร์จังหวัด (24 ล้านบาท)
5.6 รณรงค์การเปลี่ยนพฤติกรรมให้ประหยัดพลังงาน (สนพ.) 127 ล้านบาท
- กระทรวงพลังงานจับมือพันธมิตร (50 ล้านบาท)
- อสมท. กระทรวงวัฒนธรรม อาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงคมนาคม บริษัทไปรษณีย์ไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
- Energy Fantasia ระยะที่ 2 (30 ล้านบาท)
- บ้านประหยัดพลังงานร่วมกับธุรกิจบ้านจัดสรร (25 ล้านบาท)
- PR ตามสถานการณ์ + ผลิตสื่อสนับสนุนอื่นๆ + ประเมินผล (22 ล้านบาท)
5.7 รณรงค์การใช้พลังงานทดแทนน้ำมัน (สนพ.) 45 ล้านบาท
- สร้างความรู้ความเข้าใจการใช้NGV (15 ล้านบาท)
- เผยแพร่ความสำเร็จของการใช้พลังงานทดแทน (30 ล้านบาท)
5.8 การสร้างทรัพยากรบุคลากรด้านพลังงาน (สนพ.) 104 ล้านบาท
- ให้ทุนการศึกษาใน+ต่างประเทศ (ข้าราชการ) ระดับ ตรี-โท-เอก
- ให้ทุนวิจัย ทุนดูงาน/ฝึกอบรม (หน่วยงานต่างๆ)
- อบรมข้าราชการไทย ลดใช้พลังงาน
- อบรมอาชีวศึกษา Fix it center
- อบรมบุคลากรเรื่องบูรณาการการเรียนการสอนด้านพลังงานระดับประถมและมัธยมศึกษา
5.9 พัฒนาบุคลากรด้านพลังงานและประชาสัมพันธ์ (พพ.) 158 ล้านบาท
- Feedback Report สำหรับโรงงาน/อาคารควบคุม (5 ล้านบาท)
- รายงานสถานภาพการใช้พลังงานและผลการดำเนินงาน ของ พพ. (3.5 ล้านบาท)
- ประกวดโรงงาน/อาคาร/บุคลากรด้านพลังงาน (9 ล้านบาท)
- จัดกิจกรรมอนุรักษ์พลังงาน (9.5 ล้านบาท)
- พัฒนาหลักสูตรอนุรักษ์พลังงาน/พลังงานทดแทน (10 ล้านบาท)
- อบรมและพัฒนาคุณภาพผู้รับผิดชอบด้านพลังงาน (23.25 ล้านบาท)
- อบรมเทคนิคพลังงานสำหรับราชการ (3 ล้านบาท)
- อบรมสร้างจิตสำนึก (4 ล้านบาท)
- จัดทำโปรแกรมจำลอง Mini Plant (3.5 ล้านบาท)
- ศูนย์ปรึกษาการประหยัดพลังงาน (8 ล้านบาท)
- ลูกค้าสัมพันธ์ (15 ล้านบาท)
- ประชาสัมพันธ์อนุรักษ์พลังงาน (10 ล้านบาท)
- ประชาสัมพันธ์พลังงานทดแทน (25 ล้านบาท)
- เผยแพร่เทคโนโลยีของอาคารอนุรักษ์พลังงานเฉลิมพระเกียรติ (3 ล้านบาท)
- เผยแพร่การอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน (10 ล้านบาท)
- อบรม/ดูงาน/ประชาสัมพันธ์ความรู้ด้านเชื้อเพลิงชีวภาพ (7 ล้านบาท)
- จัดทำแผนและบริหารงานวิชาการ (8.5 ล้านบาท)
- จัดทำเอกสารเผยแพร่การอนุรักษ์พลังงานและค่าสมาชิกเว็บไซต์ (1.1 ล้านบาท)
5.10 งานบริหารจัดการ 126.63 ล้านบาท
- พพ. (55 ล้านบาท)
- สนพ. (68.5 ล้านบาท)
- บก. (3.13 ล้านบาท)
6. ผลประโยชน์ที่จะได้รับถึงปี 2549
- เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน(ขนส่ง อุตสาหกรรม บ้าน) 2,975 ktoe คิดเป็นมูลค่าประมาณ 47,600 ล้านบาท
- ใช้พลังงานหมุนเวียน (เอทานอล ชีวมวล ฯลฯ) 1,402 ktoe ใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น 2,258 ktoe ทดแทนการนำเข้าพลังงาน 58,560 ล้านบาท
7. สรุปงบประมาณการรายจ่ายแผนอนุรักษ์พลังงาน ประจำปี 2549
หน่วย: ล้านบาท
แผนงาน | สนพ. | พพ. | บก. | รวม | ร้อยละ |
1. แผนพลังงานทดแทน | 100.00 | 579.44 | 0.00 | 679.44 | 36.80 |
1.1 งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค | 5.00 | 260.00 | 0.00 | 265.00 | 39.00 |
1.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 0.00 | 232.14 | 0.00 | 232.14 | 34.17 |
1.3 งานพัฒนาบุคลากร | 50.00 | 54.80 | 0.00 | 104.80 | 15.42 |
และประชาสัมพันธ์ | 45.00 | 0.00 | 45.00 | 6.62 | |
1.4 งานบริหารจัดการ (พพ.) | 0.00 | 32.50 | 0.00 | 32.50 | 4.78 |
2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน | 191.00 | 779.05 | 0.00 | 970.05 | 52.55 |
2.1 งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค | 0.00 | 60.00 | 0.00 | 60.00 | 6.19 |
2.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 0.00 | 593.00 | 0.00 | 593.00 | 61.13 |
2.3 งานพัฒนาบุคลากร | 54.00 | 103.55 | 0.00 | 157.55 | 16.24 |
และประชาสัมพันธ์ | 137.00 | 0.00 | 137.00 | 14.12 | |
2.4 งานบริหารจัดการ (พพ.) | 0.00 | 22.50 | 0.00 | 22.50 | 2.32 |
3. แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ | 193.50 | 0.00 | 3.13 | 196.63 | 10.65 |
3.1 งานศึกษาเชิงนโยบายและวิชาการ | 125.00 | 0.00 | 0.00 | 125.00 | 63.57 |
3.2 งานบริหารจัดการ (สนพ.+บก.) | 68.50 | 0.00 | 3.13 | 71.63 | 36.43 |
3.3 งานอื่นๆ | 0.00 | 0.00 | 0.00 | 0.00 | 0.00 |
รวมงบประมาณปี 2549 | 484.50 | 1,358.49 | 3.13 | 1,846.12 | 100.00 |
หมายเหตุ: โดยให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผนงานเดียวกันได้
มติที่ประชุม
1. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ปรับรายละเอียดแผนงานอนุรักษ์พลังงานปีงบประมาณ 2549 ตามที่คณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานให้ความเห็นไว้ และเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาต่อไป โดยให้ฝ่ายเลขานุการฯ แสดงเหตุผลให้คณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเรื่องการจัดสรรเงินรวมสูงกว่า 1,300 ล้านบาท และสัดส่วนการใช้เงินของแผนด้านพลังงานทดแทน และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานต่างไปจากที่คณะกรรมการกองทุนฯ กำหนดกรอบไว้ด้วย
2. เห็นชอบการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในวงเงินรวม 1,846.12 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ในปีงบประมาณ 2549 ดังนี้
(1) ให้ พพ. ในวงเงิน 1,358.49 ล้านบาท ตามเอกสารประกอบวาระ 3.1.1-3.1.2 และ 3.1.4
(2) ให้ สนพ. ในวงเงิน 484.50 ล้านบาท ตามเอกสรประกอบวาระ 3.1.3
(3) ให้ บก. ในวงเงิน 3.13 ล้านบาท ตามเอกสารประกอบวาระ 3.1.3
ทั้งนี้ ให้สามารถถัวจ่ายภายในแผนงานเดียวกันได้
โดยให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาหลังจากคณะกรรมการเห็นชอบการปรับกรอบสัดส่วนการใช้เงินตามข้อ 1 แล้ว และให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2548 โดยให้แต่ละหน่วยงานสามารถถัวจ่ายรายการต่างๆ ได้
3. หากคณะกรรมการกองทุนฯ ไม่เห็นชอบตามข้อ 1 เห็นควรเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติแผนงานบริหารทางกลยุทธ์งานบริหารจัดการ ซึ่งเป็นงบประมาณเกี่ยวกับค่าจ้างบุคลากรและค่าใช้จ่ายสำนักงานได้เท่าที่จ่ายจริงไปก่อนมีการปรับประมาณการ
4. เห็นควรให้ปรับหัวข้อการวิจัยในแผนอนุรักษ์พลังงาน ปี 2549 ให้สอดคล้องกับผลการศึกษาของ สกว. เรื่องมาตรการเชิงนโยบายที่สำคัญและกรอบการวิจัยด้านพลังงานหมุนเวียนและการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานเบื้องต้น สำหรับปี 2549
เรื่องที่ 3 ขอความเห็นชอบเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานโครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม 3 โครงการ
1. คณะอนุกรรมการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 8/2547 (ครั้งที่ 15) เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2547 ได้อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้ 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการสาธิตการใช้พลังงานลมเพื่อผลิตไฟฟ้าจ่ายขนานเข้าระบบจำหน่าย รวม 3 โครงการ โดย พพ. กฟผ. และ กฟภ. จะติดตั้งกังหันลมหน่วยงานละ 1 ชุด เพื่อเก็บสถิติข้อมูลจากการใช้งานจริง โดยแต่ละระบบ มีความแตกต่างกันในด้านขนาดกำลังการผลิต เทคโนโลยี สถานที่ติดตั้ง ดังนี้
หน่วยงาน | สถานที่ติดตั้ง | กำลังการผลิต | ขอทุน (บาท) |
(1) พพ. | ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช | 900 kW | 50,000,000 |
(2) กฟภ. | ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ที่ อ.สทิงพระ จ.สงขลา | 600 kW | 31,037,194 |
(3) กฟผ. | ชายฝั่งทะเลอันดามัน ที่ แหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ต | 600 kW | 41,108,000 |
รวมทั้งสิ้น | 2,100 kW | 122,145,194 |
2. พพ. ได้มีหนังสือที่ พน.0506/31097 ลงวันที่ 8 พฤษภาคม 2548 ขอเปลี่ยนแปลงวิธีดำเนินการของทั้ง 3 โครงการ จากการสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้กับแต่ละหน่วยงาน เป็นให้ พพ. กฟภ. และ กฟผ. ร่วมกันดำเนินการ โดยนำเงินกองทุนฯ ที่ได้รับอนุมัติไว้แล้ว 122,145,194 บาท ทำเป็นเงินสนับสนุนค่ารับซื้อพลังงานไฟฟ้าส่วนเพิ่มให้กับเอกชนที่จะเข้ามาลงทุนติดตั้งกังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้าและขายให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย ตามจำนวนหน่วยที่ผลิตและขายจริง เป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่เกินหน่วยละ 8 บาท โดยมอบหมายให้ กฟภ. เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานและเริ่มโครงการในเดือนกันยายน 2548
3. ฝ่ายเลขานุการฯ เห็นควรสนับสนุนการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินโครงการฯ ตามที่ พพ. เสนอมา ซึ่งนอกจากกองทุนฯ ไม่ต้องจ่ายสนับสนุนทั้งหมดทันทีเพื่อลงทุนในการจัดซื้อกังหันลมผลิตไฟฟ้า แต่เพียงทยอยจ่ายเงินสนับสนุนค่าพลังงานไฟฟ้าส่วนเพิ่มในระยะเวลา 5 ปี เท่านั้นแล้ว ยังไม่มีภาระผูกพันใน การบำรุงรักษา อุปกรณ์ รวมถึงรับความเสี่ยงการลงทุนในกรณีที่ผลิตพลังงานไฟฟ้าไม่ได้ตามที่กำหนดไว้ด้วย
4. สนพ. ได้เบิกจ่ายเงินงวดแรก ให้ กฟผ. กฟภ. และ พพ. ไปแล้วรวม 19,662,439 บาท ซึ่ง กฟผ. ได้ดำเนินโครงการฯ ตามแผนเดิมถึงขึ้นตอนการเปิดประกาศประกวดราคานานาชาติไปแล้ว แต่ได้ประกาศยกเลิกประกวดราคาดังกล่าว ภายหลังจากทราบนโยบายของกระทรวงพลังงานตามที่ พพ. แจ้ง ซึ่ง กฟผ. ได้จ่ายเงินที่ได้รับจากกองทุนฯ ไปแล้ว 420,000 บาท ในการนี้ ฝ่ายเลขานุการฯ จึงเสนอต่อที่ประชุม หากเห็นควรปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินโครงการฯ ใคร่ขอให้ถือว่ารายจ่ายที่ กฟผ. ได้จ่ายไปแล้ว 420,000 บาท ดังกล่าว เป็นรายจ่ายตามแผนงานฯ ด้วย
5. ให้ กฟผ. กฟภ. และ พพ. ปิดบัญชีโครงการเดิม และส่งเงินที่เหลือพร้อมดอกเบี้ยคืน สนพ. เพื่อส่งคืนกองทุนฯ ต่อไป
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบให้ พพ. และ กฟภ. ดำเนินโครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม หน่วยงานละ 1 โครงการ โดยแต่ละโครงการมีขนาดติดตั้ง 1.5 MW ขึ้นไป
2. เห็นชอบให้ กฟผ. กฟภ. และ พพ. ปิดบัญชีโครงการเดิม และส่งเงินที่เหลือพร้อมดอกเบี้ยคืนกองทุนฯ โดยให้หักรายจ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานของ กฟผ. ไปแล้ว จำนวน 420,000 บาท ได้
ผ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบ สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. การพิจารณาอนุมัติในการเปลี่ยนแปลง กิจกรรมหรือแผนงานโครงการใดๆ ภายใต้แผนงานภาคความร่วมมือ แผนงานสนับสนุน และ/หรือแผนงานภาคบังคับ ในช่วงที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการกองทุนฯ ได้มอบอำนาจให้คณะอนุกรรมการฯ และ/หรือผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (ผอ.สนพ.) และ/หรืออธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (อพพ.) เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน
2. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้แจ้งให้ สนพ. ทราบว่าในประเด็นของการขออนุมัติเปลี่ยนแปลงกิจกรรมและแผนงานโครงการที่ได้อนุมัติไว้แล้ว เป็นอำนาจของคณะกรรมการกองทุนฯ โดยเฉพาะ คณะกรรมการกองทุนฯ ไม่สามารถมอบหมายให้อนุกรรมการฯ และ/หรือบุคคลใดทำการแทนได้ ดังนั้นในการที่หน่วยงานต่างๆ ที่ได้รับทุนจากกองทุนฯ หากขอเปลี่ยนแปลงกิจกรรมและแผนงานโครงการที่ได้อนุมัติไว้แล้ว จะต้องนำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณา
3. มีหน่วยงานที่ได้รับทุนจากกองทุนฯ ในส่วนที่ สนพ. รับผิดชอบ ได้ขอปรับแผนงาน รวม 10 โครงการ ดังนี้
(1) โครงการสวนพลังงานแสงอาทิตย์ ระยะที่ 2 ของมหาวิทยาลัยนเรศวร
(2) โครงการใช้แสงธรรมชาติผ่านแผงควบคุมช่องเปิดด้านบน ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น
(3) โครงการศึกษาการจัดทำกรอบแผนยุทธศาสตร์พลังงานระดับจังหวัดแบบบูรณาการ สำนักงานพลังงานภูมิภาคที่ 10-ปี 2548 ของสำนักงานพลังงานภูมิภาคที่ 10
(4) โครงการวิจัยและสาธิตการผลิตและการใช้ไบโอดีเซลเป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์รับจ้างสองแถวในจังหวัดเชียงใหม่ ของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน
(5) โครงการห้องปฏิบัติการทดสอบบัลลาสต์ ของการไฟฟ้านครหลวง
(6) โครงการจัดตั้งห้องปฏิบัติการเพื่อส่งเสริมการผลิตมอเตอร์ประสิทธิภาพสูง ของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
(7) โครงการประหยัดพลังงานด้วยการควบคุมการระบายอากาศภายในอาคารที่เหมาะสม ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
(8) โครงการศึกษาการจัดทำกรอบแผนยุทธศาสตร์พลังงานระดับจังหวัดแบบบูรณาการ สำนักงานพลังงานภูมิภาคที่ 4-ปี 2548 ของสำนักงานพลังงานภูมิภาคที่ 4
(9) โครงการประหยัดพลังงานในการบ่มใบยาสูบ ระยะที่ 3 ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
(10) โครงการแท็กซี่อาสาสมัครใช้ก๊าซ NGV จำนวน 7,000 คัน ของบริษัท ปตท. จำกัด
การขอปรับแผนงานฯ ของ 10 โครงการ แบ่งเป็น 4 ประเภท ดังนี้
(1) ขอปรับเปลี่ยนรายละเอียดงบประมาณ 4 โครงการ (ลำดับที่ 1-4)
(2) ขอขยายระยะเวลาการดำเนินงาน 2 โครงการ (ลำดับที่ 5-6)
(3) ขอเปลี่ยนแปลงบุคลากรของโครงการ 1 โครงการ (ลำดับที่ 7)
(4) ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในการดำเนินงาน 3 โครงการ (ลำดับที่ 8-10)
มติที่ประชุม
ให้ฝ่ายเลขานุการฯ เพิ่มเติมเหตุผลที่แต่ละโครงการจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการไปจากที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้ ให้ชัดเจน แล้วให้เวียนขอความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการฯ ก่อนเวียนขอความเห็นชอบคณะกรรมการกองทุนฯ
กอ. ครั้งที่ 46 - วันศุกร์ที่ 21 กันยายน 2550
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 2/2550 (ครั้งที่ 46)
วันศุกร์ที่ 21 กันยายน 2550 เวลา 9.30 น.
ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล
1. เกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2550
2. ขอความเห็นชอบแผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2551-2554 และขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2551
3. ขออนุมัติปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
รองนายกรัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล) กรรมการและเลขานุการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์) กระทรวงพลังงาน ผู้เข้าร่วมประชุม
เรื่องที่ 1 เกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2550
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า กรมบัญชีกลาง (บก.) ได้รายงานผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2549 โดยภาพรวมมีคะแนนอยู่ในระดับ 3.6036 สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.1 ผลการดำเนินงานด้านการเงิน (15%) ประกอบด้วย
ตัวชี้วัดที่ 1.1 ร้อยละของงบประมาณที่มีการผูกพันสัญญาต่องบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากกองทุนฯ ผลการดำเนินงานสิ้นปี 2549 อยู่ในระดับร้อยละ 97.27 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 5.00
ตัวชี้วัดที่ 1.2 ค่าใช้จ่ายเพื่อการบริหารกองทุนฯ ที่เกิดขึ้นจริงเทียบกับงบประมาณ ผลการดำเนินงานสิ้นปี 2549 อยู่ในระดับร้อยละ 84.96 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 3.5413
1.2 ผลการดำเนินงานด้านปฏิบัติการ (35%) ประกอบด้วย
ตัวชี้วัดที่ 2.1 ร้อยละของจำนวนโครงการที่มีการทำสัญญาของแต่ละแผนงาน ต่อจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติทั้งหมดของแต่ละแผนงาน ผลการดำเนินงานสิ้นปี 2549 โดย แผนพลังงานทดแทน ได้คะแนน 3.0960 แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ได้คะแนน 3.8880 และแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ได้คะแนน 1.00
ตัวชี้วัดที่ 2.2 ร้อยละของจำนวนโครงการที่สามารถดำเนินงานได้ตามแผนภายในระยะเวลาที่กำหนดต่อจำนวนโครงการทั้งหมด โดยแผนพลังงานทดแทน ได้คะแนน 1.00 แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ได้คะแนน 1.0000 และ แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ได้คะแนน 5.00
ตัวชี้วัดที่ 2.3 ร้อยละของการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการ ประจำปี 2549 ได้คะแนน 1.00
1.3 การสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (20%) ประกอบด้วย
ตัวชี้วัดที่ 3.1 การสำรวจความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้คะแนน 5.00
ตัวชี้วัดที่ 3.2 การจัดทำแผนการปรับปรุงการดำเนินงาน ได้คะแนน 4.00
1.4 การบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียน (30%) ประกอบด้วย
ตัวชี้วัดที่ 4.1 การจัดทำแผนกลยุทธ์กองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2550-2554 ได้คะแนน 4.00
ตัวชี้วัดที่ 4.2 การจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปีบัญชี 2550 กองทุนฯ ได้คะแนน 4.00
ตัวชี้วัดที่ 4.3 การติดตามประเมินผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ ได้คะแนน 5.0000
2. ความเห็นคณะอนุกรรมการฯ ในการประชุมครั้งที่ 5/2550 (ครั้งที่ 11) เมื่อ 14 กันยายน 2550
2.1 รับทราบผลการประเมินฯ ประจำปีงบประมาณ 2549 และมีข้อสังเกตเรื่องคะแนนผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ที่อยู่ในระดับ 3.6036 เมื่อเปรียบเทียบกับกองทุนอื่นๆ ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้ชี้แจงว่า กองทุนหมุนเวียนที่มีลักษณะให้การส่งเสริมและเข้าสู่ระบบประเมินผลในปี 2549 มี 11 ราย กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานมีผลการประเมินจัดอยู่ในอันดับที่ 6 โดยคะแนนตัวชี้วัดด้านการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการที่ได้รับไม่เต็ม เนื่องจากการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ล่าช้า คณะอนุกรรมการฯ ที่ประชุมรับทราบและให้คำแนะนำว่างบประมาณของกองทุนฯ ปี 2550 ได้รับอนุมัติล่าช้าประมาณ 3 เดือน อาจส่งผลให้การดำเนินงานไม่ผ่านเกณฑ์ ฝ่ายเลขานุการฯ ควรหารือกับกรมบัญชีกลางขอผ่อนผันเพื่อปรับเกณฑ์การประเมินตามตัวชี้วัดดังกล่าวด้วย
2.2 เห็นชอบเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2550 และให้ฝ่ายเลขานุการฯ รายงานให้คณะกรรมการกองทุนฯ รับทราบก่อน เสนอประธานกรรมการกองทุนฯ เพื่อโปรดพิจารณาลงนามในบันทึกข้อตกลงการประเมินกับกระทรวงการคลัง
มติที่ประชุม
รับทราบผลการประเมินการดำเนินงานทุนหมุนเวียนของกองทุนฯ ประจำปี 2549 และเห็นชอบเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2550 และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอประธานกรรมการกองทุน เพื่อโปรดพิจารณาลงนามในบันทึกข้อตกลงการประเมินกับกระทรวงการคลัง ต่อไป
1. ผลการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2548-2550 ฝ่ายเลขานุการฯ ได้สรุปรายงานที่ประชุมเพื่อทราบ ดังนี้
1.1 การดำเนินงานแต่ละด้านเป็นไปตามแผนงานฯ ที่กำหนดไว้ ก่อเกิดผลลดการใช้พลังงานได้ประมาณ 1,518 ktoe และมีการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น 3,713 ktoe ใกล้เคียงกับเป้าหมาย ณ ปี 2550 โดยเปรียบเทียบเป้าหมายกับผลประหยัดพลังงานที่คาดว่าจะได้รับ ณ ปี 2550 ได้ดังนี้
แผนงาน | เป้าหมาย ปี 54 | เป้าหมาย | ผล |
ปี 50 | ปี 50 | ||
ktoe | ktoe | ktoe | ktoe |
(1) แผนงานเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 7,693 | 1,557 | 1,518 |
1. อุตสาหกรรม | 3,832 | 492 | 567 |
2. ขนส่ง | 3,290 | 861 | 726 |
3. บ้านและการจัดการ | 571 | 204 | 225 |
(2) แผนงานด้านพลังงานทดแทน | 11,311 | 3,555 | 3,713 |
1. ส่งเสริม NGV | 4,348 | 405 | 540 |
2. ส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน | 6,963 | 3,150 | 3,173 |
1.2 ผลงานที่สำคัญในการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปี 2548-2550 เช่น
(1) ปรับปรุงแก้ไข พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 เพื่อให้บทบัญญัติบางประการเหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน และผ่านขั้นตอนความเห็นชอบของรัฐสภาแล้ว อยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อทูลเกล้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ลงพระปรมาภิไธย
จากการแก้ไข พ.ร.บ.ฯ ฉบับดังกล่าว ต้องมีการปรับปรุงกฎหมายลำดับรองที่ออกตามมาด้วย ซึ่งกระทรวงพลังงานได้เตรียมเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ ตามลำดับต่อไป
(2) กำหนดมาตรฐานเครื่องจักรอุปกรณ์วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้พลังงาน โดยจัดทำแผน 5 ปี (2550-2554) เพื่อออกกฎกระทรวงฯ กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำ (MEPs) และการส่งเสริม (ติดฉลาก) เครื่องจักรและอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน รวมทั้งสิ้น 35 ผลิตภัณฑ์
- (3) การส่งเสริม ช่วยเหลือ อุดหนุน ด้านอนุรักษ์พลังงาน เช่น
โครงการอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วม เกิดผลประหยัด 1,979 ล้านบาทต่อปี
โครงการสิทธิประโยชน์ทางภาษี เกิดผลประหยัดจากมาตรการ Cost based 375 ล้านบาทต่อปี มาตรการ Performance based 402 ล้านบาทต่อปี และสิทธิประโยชน์ด้านภาษี (BOI) 1,027 ล้านบาทต่อปี
โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน เกิดผลประหยัดในระยะที่ 1 จำนวน 1,403 ล้านบาทต่อปี และระยะที่ 2 จำนวน 1,545 ล้านบาทต่อปี
(4) การลดการใช้พลังงานในภาคขนส่ง จากการใช้ระบบขนส่งมวลชนโดยมีผู้ใช้รถไฟฟ้าประมาณ 600,000 คนต่อวัน ใน 3 สายทาง การปรับปรุงระบบจราจร ทำให้ความเร็วเฉลี่ยเขตเมือง เพิ่มขึ้น จาก 10 กม./ชม. เป็น 15 กม./ชม. การจัดทำเวบไซต์ Thai Truck Center เพื่อลดการเดินรถเที่ยวเปล่า มีสมาชิกแล้วจำนวน 5,224 ราย และการจัดทำพื้นที่จอดแล้วจร 12 แห่ง รองรับรถยนต์ได้ 5,707 คัน
(5) ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ดำเนินการในหลายด้านๆ ทั้งการปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง มาตรการส่งเสริมต่างๆ ทำให้เกิดการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น 3,713 ktoe เช่น
การขยายระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) สำหรับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยขยาย จากไม่เกิน 1 MW เป็นไม่เกิน 10 MW ทำให้มี VSPP รายใหม่ ยื่นคำร้องขอขายไฟฟ้า 564 MW ตอบรับซื้อไฟฟ้า 45 ราย 231.7 MW
ส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าด้วยระบบ Cogeneration จากการประกาศรับซื้อไฟฟ้ารอบแรก 500 MW นั้น มี SPP ยื่นคำร้องขอขายไฟฟ้า 31 ราย รวม 2,416 MW
การกำหนดส่วนเพิ่มอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ทั้ง SPP และ VSPP ด้วยกลไกการแข่งขัน มี SPP ซื้อซอง 11 ราย ยื่นซอง 9 ราย เป็นชีวมวล 435 MW
การสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนดอกเบี้ยต่ำเพื่อพลังงานทดแทน ให้เอกชน 62 ราย ลงทุนเปลี่ยนอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเปลี่ยนเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าจากน้ำมันเตาเป็นชีวมวล 36 ราย และเปลี่ยนมาใช้ก๊าซชีวภาพ 26 ราย
มาตรการอุดหนุนเงินลงทุน ค่าออกแบบ และค่าบริหารโครงการ ด้านพลังงานหมุนเวียน ช่วยให้มีการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น ณ ปี 2550 โดยเปรียบเทียบกับเป้าหมายได้ดังนี้
เป้าหมาย | ผลปี 50 | หน่วย | ||
ปี 54 | ปี 50 | |||
การผลิตไฟฟ้า | ||||
1) พลังงานแสงอาทิตย์ | 45 | 31 | 31 | MW |
2) พลังงานลม | 115 | 4 | 0.15 | MW |
3) พลังงานน้ำ | 156 | 104 | 62 | MW |
4) พลังงานชีวมวล | 2,800 | 2,077 | 1,977 | MW |
5) ขยะ | 100 | 10 | 4 | MW |
6) ก๊าซชีวภาพ | 30 | 8 | 29.20 | MW |
การใช้ความร้อน | ||||
7) พลังงานชีวมวล | 3,851 | 2,217 | 2,087 | ktoe/ปี |
การใช้น้ำมันและแอลกอฮอล์จากพืช | ||||
8) เอทานอล | 3.0 | 0.9 | 0.55 | ล้านลิตร/วัน |
9) ไบโอดีเซล | 4.0 | 0.5 | 0.07 | ล้านลิตร/วัน |
2. ฝ่ายเลขานุการฯ แจ้งต่อที่ประชุมว่า คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติจัดสรรเงินงบประมาณประจำปี 2550 ให้ 3 หน่วยงาน คือ พพ. สนพ. และกรมบัญชีกลาง เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2549 ในวงเงิน 3,487,758,344 บาท และเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2550 ได้อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้ พพ. เพิ่มเติม 3 โครงการ รวม 154,700,000 บาท รวมวงเงินจัดสรรในปีงบประมาณ 2550 รวมทั้งสิ้น 3,642,458,344 บาท จำแนกได้ดังนี้
หน่วยงาน | แผนพลังงานทดแทน | แผนเพิ่มประสิทธิภาพฯ | แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ | รวม |
1) พพ. | 1,719,772,500 | 733,050,000 | - | 2,452,822,500 |
2) สนพ. | 529,500,000 | 472,611,000 | 186,405,104 | 1,188,516,104 |
3) กรมบัญชีกลาง | - | - | 1,119,740 | 1,119,740 |
รวม | 2,249,272,500 | 1,205,661,000 | 187,524,844 | 3,642,458,344 |
เนื่องจากระยะเวลาดำเนินการตามแผนปีงบประมาณ 2550 มีเวลาเพียง 9 เดือน งานส่วนใหญ่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาจัดสรรทุน และการจัดหา จัดซื้อ จัดจ้าง การประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามระเบียบและประกาศของกระทรวงการคลัง จึงไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันตามประมาณการรายจ่ายได้ทันในเดือนกันยายน 2550 ฝ่ายเลขานุการฯ จึงใคร่เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติให้ทั้ง 3 หน่วยงาน ขยายเวลาการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ตามแผนงานต่างๆ ต่อไปได้ถึงเดือนธันวาคม 2550
3. แผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2551-2554 กระทรวงพลังงานได้พิจารณาศักยภาพและมาตรการที่จะดำเนินการในช่วงต่อไปกับสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว จึงเสนอปรับเป้าหมายและวิธีดำเนินการบางมาตรการเพื่อให้ผลที่คาดว่าจะได้รับชัดเจนและเร่งให้เร็วขึ้นได้ ดังนี้
3.1 เป้าหมายแผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2551-2554
แผนงาน | เป้าหมายเดิม (26 ธันวาคม 2549) |
เป้าหมายใหม่ (14 กันยายน 2550) |
||
ktoe | ร้อยละ | ktoe | ร้อยละ | |
(1) แผนงานเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 7,694 | 10.5 | 7,088 | 9.6 |
- สาขาอุตสาหกรรม | 3,832 | 5.2 | 2,581 | 3.5 |
- สาขาขนส่ง | 3,290 | 4.5 | 3,290 | 4.5 |
- การจัดการด้านการใช้พลังงาน | 572 | 0.8 | 1,217 | 1.6 |
(2) แผนงานด้านพลังงานทดแทน | 11,311 | 15.4 | 11,206 | 15.2 |
- ส่งเสริม NGV | 4,348 | 5.9 | 4,518 | 6.1 |
- พลังงานหมุนเวียน * | 6,963 | 9.5 | 6,688 | 9.0 |
* เป้าหมายของการใช้พลังงานหมุนเวียนจำแนกประเภทได้ดังนี้
ประเภทพลังงาน | ไฟฟ้า | ความร้อน | เชื้อเพลิงชีวภาพ | รวม | ||
MW | ktoe | ktoe | ล้านลิตร/วัน | ktoe | ktoe | |
แสงอาทิตย์ | 45 | 4 | 5 | - | - | 9 |
พลังลม | 115 | 13 | - | - | - | 13 |
ไฟฟ้าพลังน้ำ | 156 | 17 | - | - | - | 18 |
ชีวมวล | 2,800 | 941 | 3,660 | - | - | 4,601 |
ขยะ | 100 | 45 | - | - | - | 45 |
ก๊าซชีวภาพ * | 60 | 27 | 370 | - | - | 397 |
เอทานอล | - | - | - | 2.4 | 653 | 653 |
ไบโอดีเซล | - | - | - | 3.0 | 953 | 953 |
รวม | 3,276 | 1,047 | 4,035 | 5.4 | 1,606 | 6,688 |
3.2 เป้าหมายการประหยัดพลังงานในภาคอตุสาหกรรม ลดจาก 3,832 ktoe เป็น 2,581 ktoe เนื่องจากงานปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะประหยัดพลังงานได้ 1,400 ktoe ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษา และในช่วงปี 2551-2554 จะเร่งดำเนินการและเพิ่มมาตรการที่คาดว่าจะลดการใช้พลังงานได้อีก 794 ktoe สรุปโครงการที่สำคัญ เช่น
3.1.1 เร่งรัดการจัดการออกกฎกระทรวงตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. ... เพื่อให้วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องจักร และเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงาน ได้มาตรฐานมีประสิทธิภาพด้านพลังงาน
3.1.2 เร่งส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยใช้มาตรการส่งเสริม สนับสนุนและจูงใจทั้งด้านการเงิน มาตรการทางภาษี และการคำแนะนำทางด้านเทคนิค เพิ่มแนวทางใหม่เสริมกับมาตรการที่มีอยู่ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการมีทางเลือกลงทุนอนุรักษ์พลังงาน ดังนี้
(1) สนับสนุนธุรกิจบริษัทจัดการพลังงาน ESCO โดยจัดตั้งกองทุนเพื่อร่วมลงทุนและส่งเสริมการลงทุนให้โครงการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน โดยใช้เงินจากกองทุนฯ ไปเข้าร่วมทุนในโครงการ ในปี 2551 จะทดลองดำเนินการในวงเงิน 500 ล้านบาท คาดว่าจะเกิดการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนมากกว่า 2,500 ล้านบาท เกิดผลประหยัดด้านพลังงานมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท/ปี
(2) ส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงานโดยวิธีประกวดราคา โดยใช้เงินจากกองทุนฯ สนับสนุนอัตราต่อหน่วยพลังงานที่ประหยัดได้ ด้วยการเชิญชวนผู้ประกอบการยื่นข้อเสนอวิธีการที่จะปรับปรุงการใช้พลังงาน และเสนอขอรับเงินสนับสนุนต่อค่าพลังงานที่ประหยัดได้ ตามอัตราที่ต้องการและไม่เกินวงเงินที่กองทุนฯ กำหนด คาดว่าจะช่วยลดการใช้พลังงานได้ไม่น้อยกว่า 500 ล้านหน่วย/ปี ลดความต้องการไฟฟ้าได้ 77 MW ช่วยลดปริมาณการใช้พลังงานความร้อน 1.7 ล้าน MMBTU/ปี เทียบเท่าน้ำมันดิบ 48 ล้านลิตร/ปี
(3) รณรงค์ให้มีการเปลี่ยนมาใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์ T5 หรือหลอดผอมใหม่เบอร์ 5 แทนหลอดฟลูออเรสเซนต์ T8 หรือหลอดผอมเดิม เพื่อประหยัดพลังงานไฟฟ้าของประเทศ โดยมีเป้าหมายของ 100 ล้านหลอด หรือประมาณร้อยละ 50 ของจำนวนหลอดในระบบ คาดว่าจะลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ 4,111 ล้านหน่วย/ปี นับตั้งแต่ปี 2555 ลดความต้องการไฟฟ้าสูงสุดได้ 891 เมกะวัตต์ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ 2.1 ล้านตัน/ปี
(4) ส่งเสริมลดการใช้พลังงานในสาขาขนส่ง ได้แก่ การจัดเตรียมพื้นที่จอดแล้วจร (Park&Ride) และศึกษากฎหมายเรื่องการกำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะ เพื่อให้ความรู้กับผู้ใช้ยานพาหนะทราบเรื่องการขับ/ขี่ที่ความเร็วไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนดในแต่ละเขตทาง สำหรับการขนส่งสินค้าจะเริ่มเข้าไปช่วยผู้ประกอบกิจการบริการขนส่งสินค้าโดยตรงเพื่อศึกษาความเหมาะสมวิธีลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และต้องนำผลการศึกษาไปทำจริง สร้างแนวทางจูงใจใหม่ให้ผู้ประกอบกิจการต่างๆ ลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในกิจการของตน พร้อมทั้งจัดโปรแกรมฝึกอบรมวิธีการขับประหยัดน้ำมันและปลอดภัยให้กับ ผู้ขับยานพาหนะของหน่วยงานรัฐและเอกชน
3.3 ด้านการใช้พลังงานทดแทนเป้าหมายลดลง 275 ktoe เนื่องจากปรับเป้าหมายการใช้น้ำมันไบโอดีเซลและเอทานอลลง เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการน้ำมันที่ได้ชะลอตัวลงจากอดีตที่เคยคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามในช่วงปี 2551-2554 จะเร่งส่งเสริมให้เกิดการลงทุนและพัฒนาพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น ด้วยการเร่งผลักดันพลังงานทดแทนที่เหมาะสมกับประเทศไทย ดังนี้
3.3.1 ส่งเสริมการก๊าซชีวภาพ จากฟาร์มสุกร โรงงานแป้งมันสำปะหลัง และน้ำเสียจากโรงงาน เป็นต้น โดยมีเป้าหมายจะผลิตก๊าซชีวภาพ 1,060 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ทดแทนพลังงานเทียบเท่าน้ำมันดิบปีละ 397,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 6,970 ล้านบาทต่อปี ทำให้เป้าหมายก๊าซชีวภาพทางด้านไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 30 MW เป็น 60 MW และด้านความร้อนเพิ่มขึ้นเป็น 370 ktoe จาก 186 ktoe
3.3.2 การผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำ การแปรรูปขยะเป็นพลังงาน การใช้พลังงานจากลม และวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ได้มีแผนปฏิบัติการ รายละเอียดวิธีการดำเนินงาน และเป้าหมายในแต่ละปีที่ชัดเจนมากขึ้น
4. การดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปี 2551-2554 ตามข้อ 2 จะขอจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไปดำเนินการในวงเงินรวมประมาณ 16,132 ล้านบาท โดยสรุปแผนการใช้จ่ายเงินได้ดังนี้
แผนใช้จ่ายเงิน ปี | 2551 | 2552 | 2553 | 2554 | 2555 | รวม 5 ปี |
1) แผนพลังงานทดแทน | 2,588 | 940 | 1,065 | 880 | 1,110 | 6,582 |
2) แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 5,838 | 2,356 | 428 | 351 | 328 | 9,300 |
3) แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ | 250 | - | - | - | - | 250 |
รวมทั้งสิ้น | 8,675 | 3,295 | 1,493 | 1,231 | 1,438 | 16,132 |
หมายเหตุ: แต่ละหน่วยงานสามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผนงาน/งานเดียวกันได้
5. ฐานะทางการเงินของกองทุนฯ ตามแผนงานและแผนการจัดสรรเงินในข้อ 3 และข้อ 4 ปรากฏดังตารางต่อไปนี้
หมายเหตุ :
(1) ประมารการรายรับล่วงหน้าปี 2551 ได้รับโอนเงินจำนวน 3,000 ล้านบาท จากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีมาสมทบเป็นรายได้ให้กับกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
(2) ประมาณการรายจ่ายล่วงหน้าคาดว่าจะขออนุมัติเพิ่มเติมระหว่างปี 2552-2556 ประมาณปีละ 3,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเบิกจ่ายได้เฉลี่ยร้อยละ 70 ของงบประมาณที่ได้รับ
6. จากตารางตามข้อ 5 ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2551 ฐานะการเงินของกองทุนฯ ติดลบ ฝ่ายเลขานุการฯ จึงเสนอแนวทางเพิ่มสภาพคล่องให้กับฐานะการเงินของกองทุนฯ โดยกำหนดอัตราส่งเงินเข้ากองทุนฯ สำหรับน้ำมันเบนซินและดีเซล จาก 7 สตางค์ต่อลิตร เป็นอัตรา 25 สตางค์ต่อลิตร ก็จะทำให้ฐานะการเงินของกองทุนฯ เป็นบวก โดยดำเนินการวันเดียวกับการประกาศลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันเบนซินและดีเซลลง 18 สตางค์ต่อลิตร เพื่อไม่ให้มีผลต่อราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเมื่อมีการชดใช้หนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงหมดแล้ว คาดว่าประมาณเดือนธันวาคม 2550 - มกราคม 2551 ซึ่งจะทำให้ฐานะการเงินของกองทุนฯ ดังนี้
มติที่ประชุม
1. อนุมัติให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 3/2549 (ครั้งที่ 44) เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2549 และในการประชุมครั้งที่ 1/2550 (ครั้งที่ 45) เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2550 ได้อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และกรมบัญชีกลาง เพื่อใช้ตามแผนงานปีงบประมาณ 2550 รวมทั้งสิ้น 3,642,458,344 บาท (สามพันหกร้อยสี่สิบสองล้านสี่แสนห้าหมื่นแปดพันสามร้อยสี่สิบสี่บาทถ้วน) นั้น สามารถขยายระยะเวลาการผูกพันและใช้จ่ายเงินจำนวนดังกล่าวต่อไปได้ถึงเดือนธันวาคม 2550 สรุปได้ดังนี้
หน่วยงาน | แผนพลังงานทดแทน | แผนเพิ่มประสิทธิภาพฯ | แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ | รวม |
1) พพ. | 1,719,772,500 | 733,050,000 | - | 2,452,822,500 |
2) สนพ. | 529,500,000 | 472,611,000 | 186,405,104 | 1,188,516,104 |
3) กรมบัญชีกลาง | - | - | 1,119,740 | 1,119,740 |
รวม | 2,249,272,500 | 1,205,661,000 | 187,524,844 | 3,642,458,344 |
2. เห็นชอบกรอบแผนอนุรักษ์พลังงานระยะที่ 3 ในช่วงปี 2551-2554 และอนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อใช้ตามแผนงานดังกล่าว ในวงเงินรวม 16,132,273,859 บาท (หนึ่งหมื่นหกพันหนึ่งร้อยสามสิบสองล้านสองแสนเจ็ดหมื่นสามพันแปดร้อยห้าสิบเก้าบาทถ้วน) และคาดว่าจะเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาจัดสรรเพิ่มเติมในแต่ละปี จะมีวงเงินเฉลี่ย 3,000 ล้านบาท/ปี สำหรับวงเงิน 16,132,273,859 บาท นำมาจัดสรรให้ 3 หน่วยงาน ดังต่อไปนี้
2.1 ให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เพื่อใช้ตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปีงบประมาณ 2551-2555 ในวงเงินรวม 11,851,176,782 บาท (หนึ่งหมื่นหนึ่งพันแปดร้อยห้าสิบเอ็ดล้านหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นหกพันเจ็ดร้อยแปดสิบสองบาทถ้วน) ตามรายละเอียดแผนงาน/โครงการและแนวทางการใช้จ่ายเงินตามที่ปรากฏในเอกสารประกอบวาระ 4.1.2
2.2 ให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เพื่อใช้ตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ในปีงบประมาณ 2551 ในวงเงินรวม 4,279,988,401 บาท (สี่พันสองร้อยเจ็ดสิบเก้าล้านเก้าแสนแปดหมื่นแปดพันแปดสี่ร้อยหนึ่งบาทถ้วน) ตามรายละเอียดแผนงาน/โครงการและแนวทางการใช้จ่ายเงินตามที่ปรากฏในเอกสารประกอบวาระ 4.1.4-4.1.5 โดยมีเงื่อนไขให้ พพ. จัดทำรายละเอียดของโครงการเพิ่มเติมในบางโครงการฯ และเสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการ
2.3 อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ งานบริหารจัดการ ให้กรมบัญชีกลาง ในวงเงินรวม 1,108,676 บาท (หนึ่งล้านหนึ่งแสนแปดพันหกร้อยเจ็ดสิบหกบาทถ้วน) เพื่อใช้ในงานบริหารจัดการประจำปีงบประมาณ2551ตามรายละเอียดแผนงาน/โครงการที่ปรากฏในเอกสารประกอบวาระ 4.1.3
3. เห็นชอบให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ พิจารณาการปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนฯ สำหรับน้ำมันเบนซินและดีเซล จากเดิมเก็บในอัตรา 7 สตางค์/ลิตร เป็นอัตรา 25 สตางค์ต่อลิตร
4. ให้ สนพ. และ พพ. รายงานความก้าวหน้าของการดำเนินงานให้ฝ่ายเลขานุการฯ เพื่อสรุปรายงานคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ทุก 3 เดือน และคณะกรรมการกองทุนฯ ทุก 6 เดือน
เรื่องที่ 3 ขออนุมัติปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่า มีหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไปแล้ว ได้ยื่นเรื่องเพื่อขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการไปจากที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติไว้ รวม 8 โครงการ ดังนี้
1.1 ขอเปลี่ยนแปลงระยะเวลาดำเนินงาน รวม 6 โครงการ คือ
โครงการ | หน่วยงาน | เดิม | ขยายถึง | |
(1) | โครงการการส่งเสริมการผลิตถ่านและการจัดการทรัพยากรไม้อย่างมีประสิทธิภาพ | สมาคมเทคโนโลยีที่เหมาะสม | กันยายน 2549 | กันยายน 2550 |
(2) | โครงการสร้างขีดความสามารถด้านการบริหารจัดการพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติที่ยั่งยืนในถิ่นทุรกันดาร : กรณีศึกษาพื้นที่อำเภอบ่อเกลือ และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน | ม. พระจอมเกล้าธนบุรี | กุมภาพันธ์ 2549 | กรกฎาคม2550 |
(3) | โครงการศึกษากระบวนการสร้างชุมชนเข้มแข็ง ด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม |
ม. ราชมงคลล้านนา | กรกฎาคม 2550 | กันยายน 2550 |
(4) | โครงการส่งเสริมการเรียนการสอนเรื่องการอนุรักษ์พลังงาน ในระดับอุดมศึกษา ด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ |
ม. ธรรมศาสตร์ | กันยายน 2550 | กันยายน 2551 |
(5) | การสนับสนุนทุนอุดหนุนการวิจัยแก่นักศึกษา จำนวน 4 หน่วยงาน | ม. ราชภัฏเลย
ม. เกษตรศาสตร์ ม. พระจอมเกล้าธนบุรี ม. สงขลานครินทร์ |
กรกฎาคม 2550
ธันวาคม 2550 พฤศจิกายน 2550 มกราคม 2551 |
|
(6) | ขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินเกิน 3 เดือน นับจากวันสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา จำนวน 24 ราย |
พพ. | 3 เดือนนับจากวันสิ้นสุดสัญญา |
1.2 ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ รวม 2 โครงการ คือ
โครงการ | หน่วยงาน | ขอเปลี่ยนแปลง | |
(1) | โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาในประเทศ จำนวน 1 หน่วยงาน | พพ. | ขอใช้เงินคงเหลือจำนวน 23,580 บาท จากงบประมาณที่ได้รับอนุมัติไว้ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษาเพิ่มเติมอีก 1 ภาคการศึกษา เนื่องจากมหาวิทยาลัยได้เปลี่ยนแผนการเรียน จากเดิม 4 ภาคปกติ และ 2 ภาคฤดูร้อน เป็นการเรียนในภาคเรียนปกติ 5 ภาคเรียน |
(2) | การสนับสนุนทุนอุดหนุนการวิจัยแก่นักศึกษา จำนวน 2 หน่วยงาน | ม. แม่ฟ้าหลวง | ขอขยายเวลาดำเนินโครงการวิจัยให้กับ นายธำรงศักดิ์ จินดาเพ็ชร ถึง ตุลาคม 2550 และขอเปลี่ยนชื่อโครงการวิจัย เป็น "สมบัติทางไฟฟ้าและเชิงกลของวัสดุ อิเล็กโทรไลต์ DGC ที่เติมด้วย TZP" |
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ | ขอเปลี่ยนชื่อโครงการวิจัย ของ นางสาวลินดา เพ่งสุวรรณ เป็น "ประสิทธิผลของสื่อสิ่งพิมพ์เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการประหยัดพลังงานในอาคาร : กรณีศึกษา นักศึกษาปริญญาโท ภาคปกติ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์" |
2. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ ครั้งที่ 5/2550 (ครั้งที่ 11) เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2549 ได้พิจารณาการขอปรับรายละเอียดโครงการดังกล่าวแล้ว เห็นว่าโครงการตามข้อ 1.1 และข้อ 1.2 รวม 8 โครงการ ที่ขอขยายระยะเวลาดำเนินงานและปรับรายละเอียดโครงการมานั้น ไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับแล้ว และไม่ได้ทำให้ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการลดลง จึงเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาดำเนินงานและปรับรายละเอียดโครงการได้ตามที่เสนอมา และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ ขออนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ต่อไป
มติที่ประชุม
อนุมัติให้ทั้ง 8 โครงการ ตามข้อ 1.1 และข้อ 1.2 ขยายระยะเวลาดำเนินงานและปรับรายละเอียดได้ตามที่ขอมา
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2550 ได้เห็นชอบเรื่องแนวทางการออกประกาศเชิญชวนรับซื้อไฟฟ้าสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ (Independent Power Producer : IPP) สำหรับการจัดหาไฟฟ้าในช่วงปี พ.ศ. 2555 - 2557 ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เสนอ โดยมี สนพ. กระทรวงพลังงาน และคณะอนุกรรมการประเมินและคัดเลือกข้อเสนอการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน เป็นผู้ดำเนินการออกประกาศเชิญชวนรับซื้อไฟฟ้าจาก IPP และเห็นชอบให้ สนพ. สามารถนำรายได้ที่เกิดขึ้นในโครงการฯ ไปเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างที่ปรึกษาเพื่อประเมินและคัดเลือกข้อเสนอฯ และหากมีรายได้คงเหลือ ให้ สนพ. นำส่งเป็นรายได้ของรัฐ
2. การดำเนินงานที่ผ่านมา
2.1 ขั้นตอนดำเนินงานออกประกาศเชิญชวนรับซื้อไฟฟ้าสำหรับ IPP กำหนดไว้ดังนี้
1) ออกประกาศเชิญชวน | 29 มิถุนายน 2550 |
2) กำหนดการ IPP ยื่นข้อเสนอ | 19 ตุลาคม 2550 |
3) ประเมินและคัดเลือกแล้วเสร็จ | 16 พฤศจิกายน 2550 |
4) ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้วเสร็จ | มิถุนายน 2551 |
5) จัดหาเงินกู้แล้วเสร็จ (Financial Closed) | มิถุนายน 2552 |
6) เริ่มการก่อสร้างโรงไฟฟ้า | มิถุนายน 2552 |
7) วันเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ | พ.ศ. 2555 - 2557 |
2.2 เพื่อให้การออกประกาศเชิญชวนรับซื้อไฟฟ้าจาก IPP เป็นไปตามแผนงานฯ ซึ่งมีความเร่งด่วนในการดำเนินการ สนพ. จึงได้ดำเนินการจ้างที่ปรึกษาด้านระบบส่งสำหรับโครงการศึกษาสนับสนุนการดำเนินงานรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (ITSA) ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 83 วรรคสอง โดยวิธีตกลง และได้ทำสัญญาจ้างที่ปรึกษาเลขที่ KO. 2/2550 ลงวันที่ 23 กรกฎาคม 2550 โดยใช้เงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
3. ปัญหาของการดำเนินงานจ้างที่ปรึกษาและข้อเสนอเพื่อพิจารณา
3.1 การจ้างที่ปรึกษาด้านระบบส่งฯ สนพ. ได้ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 83 วรรคสอง ที่ให้หัวหน้าส่วนราชการทำรายงานชี้แจงเหตุผลและความจำเป็นของการจ้างโดยวิธีตกลงให้ คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ (กวพ.) ทราบ ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้มีการจ้าง โดย สนพ. ได้รายงานเสนอ กวพ. แล้วตามหนังสือลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2550
3.2 การพิจารณาเรื่องการจ้างที่ปรึกษา ITSA ดังกล่าวซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนนั้น ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาโดยกรมบัญชีกลางเพื่อเสนอ กวพ. ให้ความเห็น ที่ใช้เวลามานานพอสมควร ประกอบกับ สนพ. ได้เคยหารือกับคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ (กวพ.) เกี่ยวกับวิธีปฏิบัติในการนำระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยพัสดุ พ.ศ.2535 มาอนุโลมใช้บังคับกับเงินกองทุนฯ ซึ่ง กวพ. ได้เคยตอบข้อหารือไว้แล้วว่า "การหารือเกี่ยวกับการดำเนินการด้านพัสดุ โดยใช้จ่ายจากเงินกองทุนซึ่งไม่อยู่ในข่ายบังคับของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยพัสดุ พ.ศ.2535 กวพ. จึงไม่มีอำนาจที่จะพิจารณาวินิจฉัยข้อหารือดังกล่าวได้"
3.3 สนพ. ได้พิจารณาทบทวนขั้นตอนการดำเนินการในเรื่องการจ้างที่ปรึกษา ITSA แล้วเห็นว่า กวพ. อาจไม่มีอำนาจที่จะพิจารณาวินิจฉัยข้อหารือในเรื่องนี้เช่นกัน และเนื่องจากคณะกรรมการกองทุนฯ ยังไม่ได้กำหนดแนวทางปฏิบัติตามระเบียบพัสดุ ข้อ 83 วรรคสอง ไว้ ฝ่ายเลขานุการฯ จึงอาศัยอำนาจตามระเบียบคณะกรรมการการกองทุนฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนพิจารณา
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้ สนพ. จัดจ้างที่ปรึกษาด้านระบบส่งสำหรับโครงการศึกษาสนับสนุนการดำเนินงานรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ ตามสัญญาจ้างที่ปรึกษาเลขที่ KO. 2/2550 ลงวันที่ 23 กรกฎาคม 2550 โดยวิธีตกลง ได้ตามที่ สนพ. เสนอ
กอ. ครั้งที่ 47 - วันจันทร์ที่ 5 มิถุนายน 2550
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 3/2550 (ครั้งที่ 47)
วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา 11.00 น.
ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล
1. รายงานความคืบหน้าโครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงาน "โดยวิธีประกวดราคา"
2. แนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายพลังงานในการสนับสนุนการลงทุนโครงการพัฒนาระบบการขนส่งเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์
4. ขอความเห็นชอบปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
ปลัดกระทรวงพลังงาน (นายพรชัย รุจิประภา) กรรมการ เป็นประธานในที่ประชุม
รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายอดุลย์ ฉายอรุณ) แทนผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 รายงานความคืบหน้าโครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงาน "โดยวิธีประกวดราคา"
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบว่า คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2550 ได้อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้ สนพ. ในวงเงินรวม 1,137,500,000 บาท สำหรับใช้ตามแผน "โครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงานโดยวิธีประกวดราคา" ที่จะจูงใจผู้ประกอบการให้ตัดสินใจลงทุนดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในกิจการได้เร็วขึ้น โดยใช้เงินจากกองทุนฯ สนับสนุนอัตราต่อหน่วยพลังงานที่ประหยัดได้ ด้วยการเชิญชวนผู้ประกอบการยื่นข้อเสนอวิธีการที่จะปรับปรุงการใช้พลังงาน และเสนอขอรับเงินสนับสนุนต่อค่าพลังงานที่ประหยัดได้ ตามอัตราที่ต้องการและไม่เกินวงเงินที่ สนพ. กำหนด โดยโครงการดังกล่าว มีความคืบหน้าในการดำเนินงาน ดังนี้
1.1 สนพ. ได้จัดตั้งคณะทำงานโครงการฯ ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงานทั้งด้านไฟฟ้าและความร้อน มีบทบาทหน้าที่ในการกำกับ ดูแล ให้ข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน รวมถึงให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับเอกสารเชิญชวน การกำหนดรายละเอียด หลักเกณฑ์ และวิธีการประเมินเพื่อคัดเลือกข้อเสนอ ตลอดจนประเมินและคัดเลือกข้อเสนอ พร้อมทั้งติดตามผล
1.2 สนพ. ได้จัดทำร่างเอกสารเชิญชวนยื่นข้อเสนอ "โครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงาน โดยวิธีประกวดราคา" ในส่วนงานที่ 1 คือประกาศเชิญชวนผู้ใช้พลังงาน (end use) ผู้ประกอบการเอกชน โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน เรียบร้อยแล้ว และ สนพ. ได้จัดสัมมนาเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2550 แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ประกอบกิจการและผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ESCO เจ้าของอุปกรณ์ ที่ปรึกษาด้านพลังงาน โดยที่ประชุมเห็นว่าแนวทางของโครงการฯ มีความชัดเจนดีและมีลักษณะจูงใจ พร้อมทั้งมีคำแนะนำที่เป็นประโยชน์กับโครงการหลายประเด็น ซึ่ง สนพ. ได้นำคำแนะนำดังกล่าวมาปรับปรุงในเอกสารเชิญชวนยื่นข้อเสนอโครงการฯ เรียบร้อยแล้ว
1.3 สนพ. ได้เสนอร่างเอกสารเชิญชวน "โครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงาน โดยวิธีประกวดราคา" ในส่วนเชิญชวนผู้ใช้พลังงาน (end use) ผู้ประกอบการเอกชน โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน ให้คณะทำงานโครงการฯ พิจารณา แล้ว เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2550 โดยที่ประชุมได้สอบถามถึงประเด็นเงินสนับสนุนที่ได้รับจากกองทุนฯ กับการคำนวณภาษี ซึ่ง สนพ. ชี้แจงว่าจะเพิ่มข้อความดังกล่าวในประกาศเชิญชวนฯ เพื่อให้ผู้ประกอบการทราบว่า เงินสนับสนุนต่อหน่วยค่าพลังงานที่จะลดการใช้ลงตามที่กำหนดอัตราสูงสุดไว้ 1.00 บาท/kWh สำหรับพลังงานไฟฟ้า และ 75 บาท/MMBTU สำหรับพลังงานความร้อนที่ใช้เชื้อเพลิงเหลวและก๊าซ และ 15 บาท/MMBTU สำหรับพลังงานความร้อนที่ใช้เชื้อเพลิงแข็ง นั้นได้รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านภาษีต่างๆ ด้วยแล้ว คณะทำงานโครงการฯ จึงได้มีมติเห็นชอบ เอกสารเชิญชวนยื่นข้อเสนอ "โครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงาน โดยวิธีประกวดราคา" ตามที่ สนพ. เสนอ และเห็นชอบให้ดำเนินการตามแผนงานประกาศเชิญชวนต่อไป
2. การดำเนินงานในช่วงต่อไป : เมื่อครบกำหนดยื่นให้ สนพ. ในวันที่ 17 ธันวาคม 2550 สนพ. จะดำเนินการตรวจสอบความครบถ้วนและความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อเสนอแล้วเสร็จเสนอคณะทำงานโครงการฯ พิจารณาตัดสินคัดเลือกผู้ได้รับจัดสรรรอบที่ 1 ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2551 และจักรายงานคณะอนุกรรมการฯ และคณะกรรมการกองทุนฯ ได้ทราบผลต่อไป โดยมีตารางแสดงขั้นตอนและกำหนดเวลาโครงการฯ รอบที่ 1 ดังนี้
มติที่ประชุม
รับทราบความคืบหน้าของการดำเนินงาน "โครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงานโดยวิธีประกวดราคา" ตามที่ สนพ. เสนอ
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่า กพช. ในการประชุมครั้งที่ 6/2550 (ครั้งที่ 115) เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2550 ได้พิจารณาเรื่องแนวทางในการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอแล้ว ที่ประชุมได้มีมติในเรื่องดังกล่าว ดังนี้
1.1 เห็นชอบให้ปรับโอนอัตราเงิน "กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง" ให้แก่ "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ดังนี้
โอนให้กองทุนอนุรักษ์พลังงาน | เพื่อลดราคาขายปลีกน้ำมัน | ||
สำหรับแผนงานปกติ | สำหรับโครงการขนส่งฯ | ||
1) เบนซิน 95 | 0.1800 | 0.5000 | 0.5000 |
2) เบนซิน 91 | 0.1800 | 0.5000 | 0.5000 |
3) แก๊สโซฮอล์ 95 | 0.1870 | 0 - 0.5000 | 0.5000 |
4) แก๊สโซฮอล์ 91 | 0.1870 | 0 - 0.5000 | 0.5000 |
5) ดีเซลหมุนเร็ว | 0.1800 | 0.5000 | 0.5000 |
6) ไบโอดีเซล บี 5 | 0.1835 | 0 - 0.5000 | 0.5000 |
- โดยในระยะแรกให้โอนอัตรากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ และไบโอดีเซล ไปยังกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับโครงการพัฒนาระบบขนส่งในระดับ 0 บาท/ลิตร และมอบอำนาจให้ประธาน กพช. เป็นผู้พิจารณาปรับเพิ่มการโอนอัตรากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ และไบโอดีเซล ในอนาคตสูงขึ้นได้ถึง 0.50 บาท/ลิตร ตามภาวการณ์ที่เห็นว่าเหมาะสม
- ทั้งนี้ ให้ปรับเพิ่มการโอนอัตรากองทุนน้ำมันฯ ไปยังกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับโครงการพัฒนาระบบขนส่งเป็น 0.70 บาท/ลิตร เมื่อกองทุนน้ำมันฯ ได้สะสมเงินไว้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในภาวะฉุกเฉินและเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงได้เพียงพอแล้ว โดยมอบหมายให้กระทรวงพลังงานรับไปพิจารณาปริมาณเงินกองทุนน้ำมันฯ ที่เหมาะสมต่อไป
1.2 มอบหมายให้ ฝ่ายเลขานุการฯ ดำเนินการออกประกาศ กพช. และนำเสนอ กบง. เพื่อพิจารณาปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ให้สอดคล้องกับมติ กพช. ตามข้อ 1.1 โดยให้กระทำในวันเดียวกัน ดังนี้
1.2.1 ประกาศ กพช. เพื่อกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล์ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และไบโอดีเซล บี 5 เป็น 0.75, 0.25, 0.75 และ 0.25 บาท/ลิตร ตามลำดับ
1.2.2 ประกาศ กบง. เพื่อปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซิน 95 เบนซิน 91 น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และไบโอดีเซล บี 5
1.3 มอบหมายให้คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานรับไปจัดทำแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนในการสนับสนุนโครงการด้านระบบขนส่ง เพื่อเสนอ กพช. พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
2. การดำเนินการตามมติ กพช.
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้จัดทำร่างแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2550 ได้มีการประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับรัฐมนตรี ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และกระทรวงพลังงาน และเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2550 ได้เสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณา โดยได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์กับการปรับปรุงร่างแนวทางการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในการสนับสนุนโครงการด้านระบบขนส่ง มีความชัดเจน ครบถ้วนสมบูรณ์ขึ้นมาก
3. แนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในการสนับสนุนโครงการด้านระบบขนส่ง
เพื่อให้การจัดสรรเงินกองทุนฯ สำหรับโครงการพัฒนาระบบการขนส่งมีความชัดเจน จึงเสนอให้เพิ่มเป็นภารกิจพิเศษภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยกำหนดเป็นงานที่ 5) โครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง และกำหนดแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ดังต่อไปนี้
3.1 แนวทางในการให้การสนับสนุน : เป็นเงินหมุนเวียน เงินช่วยเหลือ หรือเงินอุดหนุน หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ สำหรับการลงทุนในโครงการที่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบการขนส่งเฉพาะที่ก่อให้เกิดผลลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศ และประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการนั้น เช่น การสร้างระบบขนส่งมวลชนในเมืองใหญ่ การพัฒนาระบบการขนส่งทางรถไฟ รวมถึงรถไฟรางคู่ และการพัฒนาระบบสนับสนุนการขนส่งสินค้า (Logistics) เช่น การปรับปรุงท่าเรือ และคลังสินค้า เป็นต้น
3.2 ผู้ที่จะได้รับการสนับสนุน : เป็นหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ
3.3 ประเภทของค่าใช้จ่ายที่จะได้รับการสนับสนุน ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ ในลักษณะเงินช่วยเหลือให้เปล่า และค่าใช้จ่ายในการลงทุน ในลักษณะเงินช่วยเหลือ หรือเงินอุดหนุน หรือเงินหมุนเวียน ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการควบคุมงานก่อสร้างหรือติดตั้ง เครื่องจักร อุปกรณ์ ทั้งนี้ผู้ได้รับจัดสรรเงินกองทุนฯ จะคืนเงินช่วยเหลืออุดหนุนดังกล่าวให้กองทุนฯ ตามเงื่อนไขและภายในเวลาที่จะได้มีการตกลงกัน
3.4 แนวทางจัดทำข้อเสนอโครงการฯ : "เจ้าของโครงการ" จะต้องจัดทำข้อเสนอโครงการ โดยมีแผนงานและงบลงทุนเต็มโครงการฯ รายจ่ายทั้งแผนงาน และต้องจำแนกส่วนที่ดำเนินงานไปแล้ว กำลังดำเนินงาน และจะต้องระบุแหล่งเงินทุนที่จะใช้ในการดำเนินโครงการในแต่ละแหล่งให้ชัดเจน รวมทั้งจะต้องระบุ รายละเอียดความคุ้มค่าของการลงทุน ผลตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจสังคม และผลตอบแทนด้านการเงิน รวมถึงผลตอบแทนด้านการลดใช้พลังงานของประเทศด้วย
3.5 เงื่อนไขในการพิจารณาโครงการ : ต้องเป็นโครงการที่จะได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ต้องผ่านการพิจารณาจากสํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คณะกรรมการกองทุนฯ และคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว และหากจะมีการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญของโครงการฯ ก็ให้ สศช. พิจารณาก่อน
3.6 วิธีการและขั้นตอนในการให้การสนับสนุน
ขั้นตอนที่ 1 "เจ้าของโครงการ" จัดทำข้อเสนอยื่นกับ สศช. และ กระทรวงการคลัง เพื่อขอความเห็นชอบในการดำเนินโครงการฯ และเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา พร้อมนี้กระทรวงการคลังอาจถามความเห็นจากคณะกรรมการกองทุนฯ ในส่วนของการจัดสรรเงินกองทุนฯ อุดหนุนโครงการดังกล่าวไปในคราวเดียว
ขั้นตอนที่ 2 โครงการที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว สนพ. จะเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้เจ้าของโครงการฯ นั้น ตามจำนวนที่ได้รับแจ้งจากกระทรวงการคลัง
สำหรับโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้ให้ความเห็นชอบไปตามขั้นตอนที่ 1 แล้ว ไม่ต้องเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอีก
ขั้นตอนที่ 3 สนพ. จะแจ้งมติให้ "เจ้าของโครงการ" ทราบและลงนามในหนังสือยืนยัน โดยการเบิกจ่ายเงินงวดแรกให้ "เจ้าของโครงการ" เป็นไปตามที่ระบุไว้ในหนังสือยืนยัน
ขั้นตอนที่ 4 "เจ้าของโครงการ" ดำเนินโครงการตามแผนงาน และรายงานผลการให้ สนพ. ทราบทุกระยะ
ขั้นตอนที่ 5 เมื่อต้องมีการจ่ายเงินตามงวดในหนังสือยืนยัน สนพ. จะเบิกเงินจากที่เก็บรักษาเงินกองทุนฯ เพื่อนำมารอจ่ายให้แก่ "เจ้าของโครงการ" ในการจ่ายเงินนี้ สนพ. ต้องพิจารณาตรวจสอบให้ "เจ้าของโครงการ" ดำเนินการตามหนังสือยืนยันก่อนจึงจ่ายเงินได้
ขั้นตอนที่ 6 สนพ. รายงานความก้าวหน้าและผลการดำเนินงานให้คณะกรรมการกองทุนฯ ทราบเป็นระยะๆ รวมถึงติดตามประเมินผลโครงการด้วย
3.7 หลักเกณฑ์การจัดสรรเงินสนับสนุน : เนื่องจากรายรับของกองทุนฯ มาจากสัดส่วนการส่งเงินเข้ากองทุนฯ ของประชาชนในภูมิภาคต่างๆ จึงนำปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จำหน่ายไปของแต่ละจังหวัดคิดค่าเฉลี่ยตั้งแต่ ปี 2547-ปัจจุบัน และจัดกลุ่มแบ่งออกเป็น 5 ภาค เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางกำหนดสัดส่วนการจัดสรรค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุนในโครงการพัฒนาระบบการขนส่ง เป็น ร้อยละ 70 สำหรับกรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และร้อยละ 30 สำหรับภาคอื่นๆ ทั้งนี้ การจัดสรรค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุนในโครงการพัฒนาระบบการขนส่ง อาจมีวงเงินสูงกว่าสัดส่วนข้างต้น โดยคณะรัฐมนตรีเป็นผู้ให้ความเห็นชอบ
4. ฐานะการเงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
4.1 สนพ. ได้จัดทำประมาณการรับและรายจ่ายของกองทุนน้ำมันฯ ให้สอดคล้องตามมติ กพช. โดยไม่ได้โอนเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฯ จำนวน 3,000 ล้านบาท ไปเพิ่มสภาพคล่องให้กับกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยเริ่มโอนอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานจัดเก็บแทน ในอัตรา 0.50 บาทต่อลิตร ในวันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2550 จะทำให้กองทุนน้ำมันฯ จะมีเงินสะสม 10,179 ล้านบาท ในเดือนมิถุนายน 2551 แต่ด้วย กบง. ในการประชุมเมื่อ 12 ตุลาคม 2550 มีมติให้กองทุนน้ำมันฯ โอนเงิน 3,500 ล้านบาท ฝากที่ ธกส. เพื่อเป็นทุนให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อใช้ในการผลิตไบโอดีเซล เงินกองทุนน้ำมันฯ จึงลดลงและจะสะสมได้ถึง 10,000 ล้านบาท ในปลายเดือนกันยายน 2551 การโอนอัตรากองทุนน้ำมันฯ ไปยังกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับโครงการพัฒนาระบบขนส่งเป็น 0.70 บาท/ลิตร จึงเริ่มในวันพุธที่ 1 ตุลาคม 2551 และฐานะการเงินของกองทุนน้ำมันฯ เป็นดังนี้
4.2 จากแนวทางตามข้อ 4.1 ฐานะการเงินของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน จะเป็นดังนี้
4.3 จากข้อ 4.2 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานจะมีวงเงินสำหรับโครงการลงทุนพัฒนาระบบขนส่งขนาดใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2550 ถึงกันยายน 2555 รวมทั้งสิ้น 71,424 ล้านบาท ดังนี้
ปี | 2550 | 2551 | 2552 | 2553 | 2554 | 2555 |
รายได้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ล้านบาท) สำหรับโครงการลงทุนพัฒนาระบบขนส่ง | ||||||
ประมาณการรายรับล่วงหน้า | ||||||
- รายได้ 50 ส.ต. (เริ่ม 17 ธ.ค. 50) | 0 | 8,575 | 11,071 | 11,068 | 11,082 | 11,541 |
- รายได้ 20 ส.ต. (เริ่ม 1 ต.ค. 51) | 0 | 0 | 4,428 | 4,427 | 4,433 | 4,617 |
ประมาณการรับรับ (รายปี) | 0 | 8,757 | 15,499 | 15,495 | 15,515 | 16,158 |
ประมาณการรายรับ (รวม 5ปี) 71,424 |
5. การปรับเป้าหมายแผนอนุรักษ์ฯ ในช่วงปี 2551-2554 : กพช. ในการประชุมเมื่อ 28 กันยายน 2550 มีข้อสังเกตว่าแผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปี 2551-2554 ที่ได้ปรับลดเป้าหมายการประหยัดพลังงานในภาคอุตสาหกรรม จาก 3,832 ktoe เป็น 2,581 ktoe เนื่องจากเห็นว่างานปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมยังอยู่ในระหว่างการศึกษา คาดว่าเกิดผลลดการใช้พลังงานหลังปี 2554 นั้น ที่ประชุมเห็นว่าบางกลุ่มอุตสาหกรรมดำเนินการเสร็จไปแล้ว ซึ่งน่าจะมีผลต่อการลดการใช้พลังงานเกิดขึ้นบางส่วนแล้ว จึงให้ สนพ. พิจารณาเรื่องการปรับเป้าหมายแผนอนุรักษ์พลังงานอีกครั้ง
สนพ. ได้ศึกษาจากรายงานผลการศึกษาโครงการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม ที่ พพ. ได้ว่าจ้าง TDRI ดำเนินการศึกษาแล้ว พบว่าประมาณการผลการประหยัดพลังงาน 1,400 ktoe ที่คาดว่าจะได้รับจากการปรับโครงสร้างการผลิตสินค้าประหยัดพลังงานให้ได้ 5% ได้แก่ การผลิต/ประกอบรถประหยัดเชื้อเพลิง ประหยัด 26,000 ล้านบาท/ปี (1,300 ktoe) การผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน (>เบอร์ 5) ประหยัด 3,000 ล้านบาท/ปี (150 ktoe) ลดส่วนแบ่งสาขาที่มีการใช้พลังงานสูงและเพิ่มส่วนแบ่งสาขาที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เช่น ลดสาขาโลหะลง เพิ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง/พลาสติก หรืออุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเลคทรอนิคส์ เป็นต้น ประหยัด 4,000 ล้านบาท (200 ktoe) ดังนั้น เป้าหมายแผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปี 2551-2554 ได้รวมผลการประหยัดพลังงานในเรื่องการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน และการก่อสร้างระบบรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงไว้แล้ว ในการนี้ได้ปรับเพิ่มผลการประหยัดพลังงานที่ได้จากการผลิตรถประหยัดเชื้อเพลิง (ECO Car) 123 ktoe และการผลิตไฟฟ้าระบบ Cogeneration 576 ktoe สำหรับการลงทุนในโครงการพัฒนาระบบขนส่งขนาดใหญ่ จะเกิดผลการประหยัดพลังงานหลังปี 2554 จึงสรุปเป้าหมายของแผนอนุรักษ์พลังงานฯ เป็นดังนี้
เป้าหมายแผนอนุรักษ์พลังงาน ณ ปี 2554 | |||
กพช. 23 ธ.ค.47 | กพช. 26 ธ.ค.49 | ปรับปรุง พ.ย. 50 | |
(ktoe) | (ktoe) | (ktoe) | |
เป้าหมายรวม | 17,884 | 19,005 | 18,993 |
แผนงานเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 10,354 | 7,694 | 7,787 |
สาขาอุตสาหกรรม | 3,411 | 3,832 | 3,157 |
สาขาขนส่ง | 6,270 | 3,290 | 3,413 |
การจัดการด้านการใช้พลังงาน | 673 | 572 | 1,217 |
แผนงานด้านพลังงานทดแทน | 7,530 | 11,311 | 11,206 |
ส่งเสริม NGV | - | 4,348 | 4,518 |
พลังงานหมุนเวียน* | 7,530 | 6,963 | 6,688 |
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับโครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง ตามที่ สนพ. เสนอ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พิจารณาต่อไป
2. เห็นชอบให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ กพช. พิจารณาการเริ่มโอนอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานจัดเก็บแทน ในอัตรา 0.50 บาทต่อลิตร ในวันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2550 และปรับเพิ่มเป็น 0.70 บาท/ลิตร ในวันพุธที่ 1 ตุลาคม 2551 เพื่อใช้สำหรับโครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง โดยกองทุนน้ำมันฯ ไม่ต้องโอนเงินจำนวน 3,000 ล้านบาท ให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเพื่อเพิ่มสภาพคล่องตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ เคยมีมติไว้แล้ว
3. เห็นชอบกรอบวงเงินที่ขออนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ สำหรับแผนงานโครงการลงทุนพัฒนาระบบขนส่ง ในช่วงปี 2551-2555 วงเงินประมาณ 71,424 ล้านบาท และให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดสรรเงินดังกล่าวตามแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับโครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง
4. เห็นชอบเป้าหมายแผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปี 2551-2554 ที่ปรับปรุงตามข้อ 5 และให้เสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ พิจารณาต่อไป
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่า คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการประชุมครั้งที่ 2/2550 เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2550 ได้มีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ (Nuclear Power Infrastructure Preparation Committee: NPIPC) โดยมี ดร. กอปร กฤตยากีรณ เป็นประธาน ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นคณะกรรมการ และผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานเป็นกรรมการและเลขานุการ เพื่อจัดทำและเสนอแนะแผนงาน มาตรการ แนวทางในการดำเนินงานด้านการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ เพื่อใช้ประโยชน์จากนิวเคลียร์เพื่อผลิตไฟฟ้า รวมทั้งการสื่อสารสาธารณะเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และนำไปสู่การยอมรับของประชาชน และคณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ (NPIPC) ได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการ 7 คณะ เพื่อช่วยเหลือคณะกรรมการในการศึกษาประเด็นหลัก (Key Issues) ประกอบด้วย
1) คณะอนุกรรมการด้านระบบกฎหมาย ระบบกำกับ และข้อผูกพันระหว่างประเทศ
2) คณะอนุกรรมการด้านโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมและการพาณิชย์
3) คณะอนุกรรมการด้านการถ่ายทอด พัฒนาเทคโนโลยี และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
4) คณะอนุกรรมการความปลอดภัยนิวเคลียร์ และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
5) คณะอนุกรรมการด้านสื่อสารสาธารณะและการยอมรับของประชาชน
6) คณะอนุกรรมการด้านการวางแผนด้านการเตรียมจัดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์
7) คณะอนุกรรมการยกร่างแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานพลังงานนิวเคลียร์
2. คณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ และคณะอนุกรรมการฯ ได้จัดทำร่างแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ แล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2550 และได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) มาให้ความเห็นต่อร่างดังกล่าว พร้อมทั้งได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องทุกภาคฝ่าย เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2550 และนำข้อคิดเห็นที่ได้รับมาปรับปรุงร่างแผนงานฯ ที่สมบูรณ์ ประกอบด้วย 6 แผน ดังนี้
1) แผนงานด้านระบบกฎหมาย ระบบกำกับ และข้อผูกพันระหว่างประเทศ
2) แผนงานโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมและการพาณิชย์
3) แผนการถ่ายทอดพัฒนาเทคโนโลยี และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
4) แผนด้านความปลอดภัยและการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
5) แผนการสื่อสารและการยอมรับของสาธารณะ
6) การวางแผนการดำเนินการโครงสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
3. คณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ ได้เสนอร่างแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ต่อ กพช. ในการประชุมครั้งที่ 7/2550 (ครั้งที่ 116) เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2550 และที่ประชุมได้มีมติดังนี้
3.1 เห็นชอบในหลักการ แผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานฯ โดยมอบหมายให้คณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ รับไปศึกษาในรายละเอียดเพื่อจัดทำแผนให้สมบูรณ์ และเสนอ กพช. ต่อไป
3.2 เห็นชอบให้มีการจัดตั้งสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ เป็นหน่วยงานภายในกระทรวงพลังงาน
3.3 เห็นชอบในการดำเนินโครงการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยจัดประชุมสัมมนาอย่างน้อย 8 ครั้ง ในระยะเวลา 6 เดือน
3.4 เห็นชอบแผนการดำเนินงานในช่วง 3 ปีแรก (พ.ศ. 2551 - 2553) โดยมอบหมายให้คณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ รับไปกำหนดแผนการดำเนินงานในรายละเอียดต่อไป
3.5 เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณในช่วง 3 ปีแรก (พ.ศ. 2551 - 2553) จำนวน 1,800 ล้านบาท เพื่อใช้ในการจัดตั้งสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ การดำเนินงานแผนงานด้านกฎหมาย ระบบกำกับและข้อผูกพันระหว่างประเทศ แผนงานด้านโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ แผนงานด้านพัฒนา ถ่ายทอดเทคโนโลยีและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ แผนงานด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม แผนงานด้านสื่อสารสาธารณะและการยอมรับของประชาชน และแผนงานด้านการเตรียมการจัดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ โดยให้ตั้งงบประมาณรวมอยู่ในกระทรวงพลังงาน และให้กระทรวงพลังงานรับไปพิจารณาจัดหางบประมาณต่อไป
3.6 เห็นชอบให้การกำกับดูแลในระยะเริ่มแรกให้ใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่หลายฉบับไปพลางก่อน หลังจากนั้นมอบหมายให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รับไปยกร่างกฎหมายเฉพาะในการกำกับดูแล มาตรฐานและความปลอดภัยด้านนิวเคลียร์ โดยครอบคลุมถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
4. ข้อเสนอของกระทรวงพลังงาน
4.1 คณะอนุกรรมการยกร่างแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานพลังงานนิวเคลียร์ ได้มีการประชุมครั้งที่ 4/2550 (ครั้งที่ 4) เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2550 เพื่อรับทราบมติของ กพช. และให้คณะอนุกรรมการทั้ง 6 ชุด จัดทำรายละเอียดแผนการดำเนินงานและแผนงบประมาณในช่วง 3 ปีแรก (พ.ศ. 2551-2553) ซึ่งคาดว่าจะใช้จ่ายเงินประมาณ 450 ล้านบาท/ปี หรือจำนวนรวม 1,350 ล้านบาท โดยจำแนกตามแผนงานในเบื้องต้นได้ดังนี้
(1) แผนงานด้านกฎหมาย ระบบกำกับและข้อผูกพันระหว่างประเทศ งบประมาณ 30 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
(2) แผนงานด้านโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ งบประมาณ 10 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพลังงาน
(3) แผนงานด้านพัฒนา ถ่ายทอดเทคโนโลยีและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ งบประมาณ 65 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงศึกษาธิการ
(4) แผนงานด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม งบประมาณ 30 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม
(5) แผนงานด้านสื่อสารสาธารณะและการยอมรับของประชาชน งบประมาณ 205 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงพลังงาน
(6) แผนงานด้านการเตรียมการจัดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ งบประมาณ 85 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
(7) การจัดตั้งสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ (NPPDO) งบประมาณ 25 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือ กระทรวงพลังงาน
4.2 เนื่องจากของบประมาณแผ่นดินไม่ทันและเพื่อให้การดำเนินงานตามแผนฯ มีความต่อเนื่องทันตามกำหนดเวลาที่ กพช. เห็นชอบไว้ กระทรวงพลังงานจึงเสนอขอใช้เงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ให้ สนพ. ไว้สำหรับจัดสรรเป็นเงินช่วยเหลืออุดหนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน 250 ล้านบาท/ปี หรือจำนวนรวม 750 ล้านบาท โดยมีแนวทางและขั้นตอนการจัดสรรเงินกองทุนฯ ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 คณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ จัดทำแผนการดำเนินงานในรายละเอียดของแต่ละโครงการและหน่วยงานที่รับผิดชอบพร้อมกำหนดแหล่งทุนที่จะใช้สำหรับโครงการนั้น
ขั้นตอนที่ 2 โครงการที่คณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ กำหนดให้ใช้เงินจากกองทุนฯ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการฯ ยื่นข้อเสนอต่อ สนพ. เพื่อให้ความเห็นเสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ
ขั้นตอนที่ 3 ข้อเสนอที่คณะอนุกรรมการกองทุนฯ เห็นชอบแล้ว สนพ. จะแจ้งมติให้เจ้าของโครงการทราบ และลงนามในหนังสือยืนยันหรือสัญญากับเจ้าของโครงการ การเบิกจ่ายเงินงวดแรกให้ "เจ้าของโครงการ" เป็นไปตามที่ระบุไว้ในหนังสือยืนยันหรือสัญญา
ขั้นตอนที่ 4 เจ้าของโครงการดำเนินการตามแผนงาน และรายงานผลให้ สนพ. ทราบทุกระยะ โดยมีคณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ รับรองรายงานแต่ละฉบับ
ขั้นตอนที่ 5 เมื่อต้องมีการจ่ายเงินตามงวดในหนังสือยืนยัน สนพ. จะดำเนินการเบิกเงินจากที่เก็บรักษาเงินกองทุนฯ เพื่อนำมารอจ่ายให้แก่เจ้าของโครงการ โดย สนพ. ต้องตรวจสอบให้เจ้าของโครงการดำเนินการตามหนังสือยืนยันหรือสัญญาก่อนจึงจ่ายเงินได้
ขั้นตอนที่ 6 สนพ. รายงานความก้าวหน้าและผลการดำเนินงานให้คณะกรรมการกองทุนฯ ทราบเป็นระยะๆ รวมถึงติดตามประเมินผลโครงการด้วย
มติที่ประชุม
เห็นชอบจัดสรรเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ให้ สนพ. สำหรับดำเนินการตามแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ในช่วง 3 ปีแรก (พ.ศ.2551 - 2553) จำนวน 250 ล้านบาท/ปี หรือจำนวนรวม 750 ล้านบาท โดยมีกรอบ แนวทาง และขั้นตอนการจัดสรรเงินกองทุนฯ ตามที่ สนพ.เสนอ โดยในปี 2552-2553 ให้จัดทำคำขอตั้งงบประมาณก่อน และขอรับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากคณะกรรมการกองทุนฯ ในส่วนที่งบประมาณจัดสรรให้ไม่เพียงพอ
เรื่องที่ 4 ขอความเห็นชอบปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่ามีหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานไปแล้ว ได้ยื่นเรื่องเพื่อขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการไปจากที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติไว้ รวม 22 โครงการ ดังนี้
1.1 ขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน รวม 12 โครงการ คือ
โครงการ | หน่วยงาน | เดิม | ขยายถึง | |
(1) | โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการอบแห้งกุนเชียง | ม.พระจอมเกล้าธนบุรี | กันยายน 2550 | ธันวาคม 2550 |
(2) | โครงการบูรณาการงานด้านพลังงานกับแผนยุทธศาสตร์จังหวัด | สำนักงานพลังงานภูมิภาค 3 | พฤษภาคม 2550 | สิงหาคม 2550 |
(3) | โครงการศึกษาดัชนีการใช้พลังงานสำหรับหน่วยงานราชการ | ม.เชียงใหม่ | กันยายน 2550 | ธันวาคม 2550 |
(4) | โครงการออกแบบประตูบานเกล็ดเพื่ออนุรักษ์พลังงาน | ม.พระจอมเกล้าธนบุรี | ธันวาคม 2548 | ธันวาคม 2550 |
(5) | โครงการกรุงเทพฯ ฟ้าใส ด้วยไบโอดีเซล | กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | พฤศจิกายน 2550 | พฤศจิกายน 2551 |
(6) | โครงการส่งเสริมการใช้ก๊าซชีวภาพจากระบบจัดการน้ำเสียโรงฆ่าสัตว์ | มูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม | กันยายน 2550 | สิงหาคม 2552 |
(7) | โครงการการส่งเสริมการผลิตการใช้ ไบโอดีเซลในระดับชุมชน (ทดสอบการใช้ไบโอดีเซลกับเครื่องยนต์การเกษตรเอนกประสงค์) |
กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | สิงหาคม 2550 | กุมภาพันธ์ 2551 |
(8) | โครงการการศึกษาวิศวกรรมแบบบูรณาการเพื่อเพิ่มทักษะด้านการอนุรักษ์พลังงานสำหรับพนักงานปฏิบัติการในโรงงานอุตสาหกรรม | ม.พระจอมเกล้าธนบุรี | เมษายน 2550 | ธันวาคม 2550 |
(9) | โครงการอบรมบุคลากรเรื่องบูรณาการการเรียนการสอนด้านพลังงานระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา | มูลนิธิสิ่งแวดล้อมไทย | กันยายน 2550 | มีนาคม 2551 |
(10) | โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 3 ทุน | ม. พระจอมเกล้าธนบุรี | - | - |
(11) | โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาในประเทศ จำนวน 2 ทุน | ม.เชียงใหม่ | - | - |
(12) | ขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินเกิน 3 เดือนนับจากวันสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา จำนวน 5 ราย | กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | - | 3 เดือนนับจากวันที่ได้รับอนุมัติการขยายระยะเวลา |
1.2 ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ รวม 10 โครงการ คือ
โครงการ | หน่วยงาน | ขอเปลี่ยนแปลง | |
(1) | โครงการบูรณาการงานด้านพลังงานกับแผนยุทธศาสตร์จังหวัด | สำนักงานพลังงานภูมิภาค 9 | ขอนำเงินค่าบริหารโครงการ ไปจัดซื้อเครื่องมือตรวจวัดการใช้พลังงาน จำนวน 6 ชุด ราคาชุดละ 29,799.50 บาท รวมเป็นเงิน 178,797 บาท |
(2) | โครงการการจัดการพลังงานพลังงานทั่วทั้งองค์กรสำหรับโรงแรมและการบริหารเปลี่ยนแปลง | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | ขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน จากเดิมสิ้นสุดเดือนกันยายน 2550 เป็นเดือนพฤษภาคม 2551 และขอปรับรายละเอียดการรายงานความก้าวหน้าและการเบิกจ่ายเงิน |
(3) | โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ จำนวน 3 ทุน | - | ขอขยายระยะเวลาการศึกษาและเพิ่มวงเงินทุนการศึกษา จำนวน 2 หน่วยงาน และขอโอนการชดใช้ทุน จำนวน 1 หน่วยงาน * |
(4) | โครงการสนับสนุนทุนอุดหนุนการ วิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 4 หน่วยงาน | - | ขอเปลี่ยนแปลงคณะผู้วิจัย จำนวน 3 หน่วยงาน และขอสละสิทธิ์การรับทุนอุดหนุนการวิจัย จำนวน 1 หน่วยงาน |
(5) | โครงการศึกษากำหนดคุณภาพและคุณสมบัติของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่เหมาะสมหลังปี 2550 | กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | ขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน จากเดิมสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เป็นเดือนพฤษภาคม 2551 และปรับลดวงเงินจากเดิม 6,400,000 บาท เป็น 5,340,000 บาท |
(6) | โครงการตรวจวัดมลพิษทางอากาศจากรถยนต์ที่ใช้แก๊สโซฮอล์ | กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | ขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน จากเดิมสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2550 เป็นเดือนพฤศจิกายน 2550 และปรับลดจำนวนรถยนต์ที่ใช้ทดสอบจาก 2 คัน เหลือ 1 คัน พร้อมปรับลดวงเงินจาก 11,762,000 บาท เหลือ 11,296,500 บาท |
(7) | โครงการผลิตเมทานอลจากชีวมวลเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในเซลล์เชื้อเพลิง | กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | ขอยกเลิกการดำเนินงานโครงการผลิต เมทานอลจากชีวมวลเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในเซลล์เชื้อเพลิง เพื่อเปลี่ยนไปดำเนินโครงการพัฒนาสาธิตการผลิตไฮโดรเจนจากขบวนการความร้อนเคมีระยะที่ 2 แทน ในวงเงิน 6,000,000 บาท |
(8) | โครงการการส่งเสริมการผลิตการใช้ไบโอดีเซลในระดับชุมชน (ขนาด 2,000 ลิตรต่อวัน) | กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | - ขอเปลี่ยนชุมชนต้นแบบการผลิตและใช้ไบโอดีเซล จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เป็นศูนย์ทดลองวิชาการพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน จังหวัดหนองคาย - ขอโอนเงินกองทุนฯ หมวดค่าตอบแทนใช้สอยและวัสดุ งานบริหารแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จำนวน 4,733,500 บาท ไปก่อสร้างอาคารโรงคลุมระบบผลิตไบโอดีเซล ศูนย์ทดลองวิชาการฯ จ.หนองคาย |
(9) | โครงการส่งเสริมการวิจัยเชิงนโยบายเพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาด้านการใช้พลังงานหมุนเวียนและการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย | ขอขยายระยะเวลาโครงการฯ ออกไปจนถึงเดือนตุลาคม 2551 และขอปรับแผนการใช้จ่ายเงินของโครงการฯ ส่วนที่เหลืออยู่จำนวน 28.5 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษารายละเอียดเชิงลึกเพิ่มเติม |
10) | โครงการไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก แควน้อย (อ.นครไทย จ.พิษณุโลก) | กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | คณะกรรมการกองทุนฯ มีเงื่อนไขก่อนใช้เงินกองทุนฯ 64,780,000 บาท พพ. ต้องมีหนังสือจากกรมป่าไม้ เห็นชอบให้เข้าดำเนินการในพื้นที่ได้ แต่ พพ. จำเป็นต้องสำรวจแนวเขตพื้นที่ร่วมกับกรมป่าไม้ให้มีความชัดเจน จึงขอใช้เงินที่ได้รับอนุมัติไว้ จำนวน 3,307,800 บาท ก่อน เพื่อนำไปเป็นงบดำเนินงานบริหารโครงการ |
* หมายเหตุ
(1) สำนักงานศาลปกครอง ขอขยายเวลาการศึกษาให้แก่ นางสาวรัชดาพร นิ่มพงษ์ศักดิ์ ออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2551 ถึงวันที่ 9 มกราคม 2552 เพื่อปรับปรุงวิทยานิพนธ์ และขออนุมัติเพิ่มวงเงินทุนการศึกษา จำนวน 9,040 ปอนด์
(2) ม. อุบล ขอขยายเวลาการศึกษาให้แก่นางสาวบงกช สุขอนันต์ ออกไปอีก 10 เดือน ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2551 ถึงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2551 เพื่อใช้เวลาในการเขียนวิทยานิพนธ์ และขออนุมัติเพิ่มวงเงินจำนวน 9,550 ปอนด์
(3) กรมควบคุมมลพิษ ขอให้นายสราวุธ เทพานนท์ โอนการชดใช้ทุนการศึกษา จากกรมควบคุมมลพิษ ไปปฏิบัติงานเป็นพนักงานของรัฐ ตำแหน่งอาจารย์ ในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
มติที่ประชุม
1. อนุมัติให้โครงการตามข้อ 1.1 (1)-(12) และข้อ 1.2 (1)-(6) และ (8)-(10) รวม 21 โครงการ ขยายระยะเวลาดำเนินงานและปรับรายละเอียดได้ตามที่เสนอมา
2. ไม่อนุมัติให้ พพ. นำเงินกองทุนฯ ที่จัดสรรมาใช้สำหรับ โครงการผลิตเมทานอลจากชีวมวลเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในเซลล์เชื้อเพลิง ไปใช้ดำเนินโครงการพัฒนาสาธิตการผลิตไฮโดรเจนจากขบวนการความร้อนเคมี ระยะที่ 2 และหาก พพ. มีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการพัฒนาสาธิตการผลิตไฮโดรเจนฯ ก็ควรจัดทำรายละเอียดเสนอขอจัดสรรเงินกองทุนฯ มาใช้ดำเนินการ