มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 10/2558 (ครั้งที่ 10)
วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 10.30 น.
1. โครงสร้างราคาก๊าซ LPG เดือนพฤศจิกายน 2558
2. การปรับปรุงวิธีการคำนวณและการกำหนดราคาเอทานอล
3. มาตรการส่วนลดราคาก๊าซ NGV สำหรับรถโดยสารสาธารณะ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ เป็นประธานที่ประชุม
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน นายทวารัฐ สูตะบุตร เป็นกรรมการและเลขานุการ
เรื่อง โครงสร้างราคาก๊าซ LPG เดือนตุลาคม 2558
สรุปสาระสำคัญ
1. กบง. เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2558 และเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2558 ได้เห็นชอบการกำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่น ซึ่งเป็นราคาซื้อตั้งต้นของก๊าซ LPG โดยใช้ต้นทุนจากแหล่งผลิตและแหล่งจัดหา (โรงแยกก๊าซธรรมชาติ โรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิงและโรงอะโรเมติก นำเข้า และ ปตท.สผ.) เฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนักตามปริมาณการผลิตและจัดหาเฉลี่ยย้อนหลัง 3 เดือน ทั้งนี้ให้มีการทบทวนราคาต้นทุนจากแหล่งผลิตและแหล่งจัดหาทุกๆ 3 เดือน ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามมติ กบง. เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2558 ฝ่ายเลขานุการฯ ได้มีการทบทวนต้นทุนราคาซื้อตั้งต้น ของก๊าซ LPG ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2558 – มกราคม 2559 แล้ว สรุปได้ ดังนี้ (1) ต้นทุนจากโรงแยกฯ เดือนสิงหาคม – ตุลาคม 2558 ลดลง 0.2152 บาทต่อกิโลกรัม จาก 15.9773 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 15.7621 บาทต่อกิโลกรัม (2) คงต้นทุนโรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิงและโรงอะโรเมติกอ้างอิงราคาตลาดโลกที่ CP-20 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เนื่องจากเป็นต้นทุนที่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้ราคาก๊าซ LPG จากโรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิงฯ เดือนพฤศจิกายน 2558 เท่ากับ 14.0272 บาทต่อกิโลกรัม (3) คงต้นทุนก๊าซ LPG จากการนำเข้าอยู่ที่ CP + 85 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ทำให้ต้นทุนการนำเข้าก๊าซ LPG เดือนพฤศจิกายน 2558 อยู่ที่ 17.7941 บาทต่อกิโลกรัม และ (4) ต้นทุนบริษัท ปตท.สผ.สยาม จำกัด อยู่ที่ 15.30 บาทต่อกิโลกรัม
2. จากราคาก๊าซ LPG ตลาดโลก (CP) เดือนพฤศจิกายน 2558 อยู่ที่ 411 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2558 จำนวน 49 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน และอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยเดือนตุลาคม 2558 อยู่ที่ 35.8752 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยเดือนตุลาคม 2558 จำนวน 0.3013 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ราคา ณ โรงกลั่น ซึ่งเป็นราคาซื้อตั้งต้นของก๊าซ LPG (LPG Pool) ปรับเพิ่มขึ้น 0.6957 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิม 15.1054 บาทต่อกิโลกรัม มาอยู่ที่ 15.8011 บาทต่อกิโลกรัม
3. จากราคาก๊าซ LPG Pool ของเดือนพฤศจิกายน 2558 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6957 บาทต่อกิโลกรัม ฝ่ายเลขานุการฯ จึงเสนอให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของก๊าซ LPG ของก๊าซ LPG ที่ 0.0695 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิม 0.0827 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 0.0132 บาทต่อกิโลกรัม ส่งผลให้ราคาขายปลีกเพิ่มขึ้น 0.67 บาทต่อกิโลกรัม หรือ 10 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ซึ่งจะทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายจ่าย 80 ล้านบาทต่อเดือน
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบการกำหนดราคาต้นทุนจากแหล่งผลิตและแหล่งจัดหา ดังนี้
1.1 กำหนดราคาก๊าซ LPG ที่ผลิตจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ณ ระดับราคา 15.7621 บาทต่อกิโลกรัม1.2 กำหนดราคาก๊าซ LPG ที่ผลิตจากโรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิงและโรงอะโรเมติก เป็นราคาตลาดโลก (CP) ลบ 20 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน1.3 กำหนดราคาก๊าซ LPG จากการนำเข้า เป็นราคาตลาดโลก (CP) บวก 85 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน1.4 กำหนดราคาก๊าซ LPG ที่ผลิตจากบริษัท ปตท.สผ.สยาม จำกัด อำเภอลานกระบือ จังหวัดกำแพงเพชร ณ ระดับราคา 15.30 บาทต่อกิโลกรัมโดยที่ CP = ราคาประกาศเปโตรมิน ณ ราสทานูรา ซาอุดิอาระเบียของเดือนนั้น เป็นสัดส่วนระหว่างโปรเปน กับ บิวเทน 60 ต่อ 40ทั้งนี้ให้มีการทบทวนราคาต้นทุนจากแหล่งผลิตและแหล่งจัดหาทุกๆ 3 เดือน
2. เห็นชอบกำหนดอัตราเงินชดเชยสำหรับก๊าซ LPG ที่ผลิตในราชอาณาจักรกิโลกรัมละ 0.6130 บาท โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ทั้งนี้ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2558 เป็นต้นไป
เรื่อง การปรับปรุงวิธีการคำนวณและการกำหนดราคาเอทานอล
สรุปสาระสำคัญ
1. เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2556 กบง. ได้เห็นชอบหลักเกณฑ์การคำนวณราคาเอทานอล โดยใช้ราคาเอทานอลเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักตามปริมาณการซื้อขายที่ผู้ผลิตเอทานอลแจ้งกับกรมสรรพสามิต โดยมีผลตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2556 เป็นต้นมา โดยข้อมูลราคาเอทานอลที่ผู้ผลิตเอทานอลแจ้งต่อกรมสรรพสามิต ตั้งแต่เดือนมกราคม - มิถุนายน 2558 เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 26.68 บาทต่อลิตร ในขณะที่ราคาเอทานอลที่ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 แจ้งต่อ สนพ. อยู่ที่ประมาณ 25.31 บาทต่อลิตร ทำให้เกิดส่วนต่างจำนวน 1.37 บาทต่อลิตร ส่งผลให้โครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ สนพ. ใช้ในการกำกับดูแลไม่สะท้อนต้นทุนราคาเอทานอล
2. เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2558 ได้มีการประชุมหารือระหว่าง หน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ สนพ. กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมธุรกิจพลังงาน และหน่วยงานเอกชน ได้แก่ สมาคมเอทานอล แห่งประเทศไทย สถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เรื่องหลักเกณฑ์การคำนวณราคาเอทานอล เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาโดยมีข้อสรุป ดังนี้ (1) ให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 รายงานราคาซื้อเอทานอลให้กับ สนพ. (2) ให้ผู้ผลิตเอทานอลรายงานราคาขายเอทานอลที่ถูกต้องให้กับกรมสรรพสามิต (3) ให้ใช้ราคา เอทานอลอ้างอิง จากการเปรียบเทียบราคาต่ำสุดระหว่างราคาเอทานอลที่ผู้ผลิตเอทานอลรายงานต่อกรมสรรพสามิต กับราคาเอทานอลที่ผู้ค้ามาตรา 7 รายงานต่อ สนพ. (4) ให้ สนพ. ยกเลิกประกาศ กบง. เรื่อง ราคาอ้างอิงเอทานอลแปลงสภาพและไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมัน หากมีผู้ที่ต้องการทราบราคาที่ใช้ในการคำนวณโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ให้สอบถามโดยตรงที่ สนพ. เนื่องจากการเปิดเผยราคาต้องได้รับความเห็นชอบจาก ผู้ซื้อและผู้ขาย
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 รายงานราคาซื้อเอทานอลให้กับ สนพ.
2. เห็นชอบให้ขอความร่วมมือให้ผู้ผลิตเอทานอลรายงานราคาขายเอทานอลที่ถูกต้องให้กับกรมสรรพสามิต
3. เห็นชอบให้ใช้ราคาเอทานอลอ้างอิง จากการเปรียบเทียบราคาต่ำสุดระหว่างราคาเอทานอล ที่ผู้ผลิตเอทานอลรายงานต่อกรมสรรพสามิต กับราคาเอทานอลที่ผู้ค้ามาตรา 7 รายงานต่อ สนพ.
4. เห็นชอบยกเลิกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เรื่อง ราคาอ้างอิงเอทานอล แปลงสภาพและไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมัน
ทั้งนี้มอบหมายให้ สนพ. รับไปดำเนินการ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือน ธันวาคม 2558 เป็นต้นไป
เรื่อง มาตรการส่วนลดราคาก๊าซ NGV สำหรับรถโดยสารสาธารณะ
สรุปสาระสำคัญ
1. เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2554 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2554 เรื่องแนวทางการปรับราคาขายปลีกก๊าซ NGV และเพื่อบรรเทาผลกระทบจากแนวทางการปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV สำหรับกลุ่มรถโดยสารสาธารณะ และมอบหมายให้ กบง. ไปพิจารณาหาแนวทางการช่วยเหลือกลุ่มดังกล่าวต่อไป ซึ่งต่อมา กบง. ได้มีมติเห็นชอบตามลำดับ ดังนี้ (1) วันที่ 3 พฤศจิกายน 2554 เห็นชอบโครงการบัตรเครดิตพลังงานสำหรับผู้ประกอบอาชีพรถรับจ้างขนส่งผู้โดยสารสาธารณะ โดยมีวงเงินบัตรเครดิต 3,000 บาท และส่วนลดราคาขายปลีก NGV วงเงิน 6,000 บาท (2) วันที่ 14 ธันวาคม 2554 เห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโครงการบัตรเครดิตพลังงาน โดยเพิ่มวงเงินส่วนลดจากเดือนละไม่เกิน 6,000 บาทต่อคน เป็นไม่เกิน 9,000 บาทต่อคน (3) วันที่ 12 มกราคม 2555 ได้มอบหมายให้ ปตท. ดำเนินการจัดทำบัตรส่วนลดและเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการใช้บัตรส่วนลดสำหรับรถร่วมโดยสารประจำทาง และ (4) วันที่ 8 มีนาคม 2555 ได้มอบหมายให้ ปตท. จัดทำบัตรส่วนลดเพิ่มเติมแก่กลุ่มรถโดยสาร ที่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ. การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 หมวด 1 - 4 และเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
2. ผลการดำเนินการ ณ วันที่ 30 กันยายน 2558 มีดังนี้ (1) การใช้เงินเชื่อชำระค่าก๊าซด้วยบัตรเครดิตพลังงาน NGV มีจำนวนผู้ถือบัตรทั้งหมด 95,903 ราย แบ่งเป็น บัตรฯ ที่พร้อมใช้งานได้ 68,612 ราย บัตรฯ ที่ถูกระงับใช้งาน/ยกเลิกใช้งาน 27,291 ราย ผู้ชำระค่าก๊าซฯ ด้วยบัตรฯ จำนวน 1,001 ราย จำนวนเงินเครดิต 0.82 ล้านบาท (เดือนกันยายน 2558) และมีหนี้ค้างชำระสะสม 20.32 ล้านบาท จากผู้ถือบัตรฯ 25,673 ราย (2) การใช้ส่วนลดราคา NGV ของรถโดยสารสาธารณะ มีจำนวนบัตรฯที่ได้รับส่วนลดราคาก๊าซ NGV ทั้งหมด 90,200 ใบ แบ่งเป็น บัตรเครดิตพลังงาน NGV จำนวน 68,612 ใบ บัตรเติมก๊าซฯ จำนวน 21,588 ใบ จำนวนเงินที่ให้ส่วนลดราคาก๊าซ NGV เดือนกันยายน 2558 อยู่ที่ 227 ล้านบาท และจำนวนเงินสะสมที่ให้ส่วนลดราคา NGV (มกราคม 2554 – กันยายน 2558) อยู่ที่ 6,345 ล้านบาท
3. จากพฤติกรรมของผู้ใช้บัตรเครดิตพลังงาน NGV ทั้งหมด 68,612 ราย พบว่า ผู้ใช้บัตรเครดิตพลังงาน NGV ส่วนใหญ่ประมาณ 67,505 ราย จะใช้บัตรฯ เพื่อรับส่วนลดและชำระเป็นเงินสด ส่วนที่เหลือประมาณ 1,107 ราย จะชำระเป็นเงินเชื่อ ซึ่งการกำหนดให้บัตรเครดิตฯ ที่มีวงเงินเครดิต 3,000 บาท/ใบ เพื่อชำระค่าก๊าซ NGV นั้นไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ที่ได้รับสิทธิฯ และยังก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการทุจริต เกิดภาระหนี้กับผู้ถือบัตรฯ และภาระของหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการฯ ดังนั้น ฝ่ายเลขานุการฯ จึงเสนอขอปิดโครงการบัตรเครดิตพลังงาน NGV ตามระยะเวลาเดิม ซึ่งจะสิ้นสุดโครงการฯ ในวันที่ 31 ธันวาคม 2558 และขอความร่วมมือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบหนี้ค้างชำระที่เกิดจากโครงการบัตรเครดิตพลังงาน NGV และขอความเห็นชอบให้ขยายมาตรการการให้ส่วนลดราคาก๊าซ NGV สำหรับรถโดยสารสาธารณะไปอีก 1 ปี (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2559 - 31 ธันวาคม 2559) หรือจนกว่าจะมี พ.ร.บ. กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฉบับใหม่ ด้วยการใช้บัตรส่วนลดราคา NGV ชำระค่าก๊าซฯ เป็นเงินสดอย่างเดียว และให้ใช้คุณสมบัติของผู้สมัครและหลักเกณฑ์การสมัครตามเดิม โดยขอความร่วมมือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการ และเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการใช้บัตรส่วนลดราคาก๊าซ NGV ต่อไป
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบให้ยกเลิกโครงการบัตรเครดิตพลังงาน NGV ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2558 และขอความร่วมมือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบหนี้ค้างชำระที่เกิดจากโครงการบัตรเครดิตพลังงาน NGV
2. เห็นชอบให้ขยายมาตรการการให้ส่วนลดราคาก๊าซ NGV สำหรับรถโดยสารสาธารณะ (ในเขต กทม./ปริมณฑล: รถแท็กซี่/ตุ๊กตุ๊ก/รถตู้ ร่วม ขสมก. ในต่างจังหวัด: รถโดยสาร/มินิบัส/สองแถว ร่วม ขสมก. รถโดยสาร/รถตู้ ร่วม บขส. และรถแท็กซี่) ไปอีก 1 ปี (ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 – วันที่ 31 ธันวาคม 2559) หรือจนกว่าจะมีพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฉบับใหม่ ด้วยการใช้บัตรส่วนลดราคาก๊าซ NGV ชำระค่าก๊าซฯ เป็นเงินสดอย่างเดียว โดยรถโดยสารสาธารณะขนาดเล็กวงเงินไม่เกิน 9,000 บาทต่อเดือนต่อใบ และรถโดยสารสาธารณะ ขนาดใหญ่ วงเงินไม่เกิน 35,000 บาทต่อเดือนต่อใบ และให้ใช้คุณสมบัติของผู้สมัครและหลักเกณฑ์การสมัครตามเดิม โดยขอความร่วมมือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการ และเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการใช้บัตรส่วนลดราคาก๊าซ NGV ต่อไป