มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 1/2555 (ครั้งที่ 98)
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2555 เวลา 09.30 น.
ณ ห้องบัญชาการยุทธศาสตร์ ชั้น 25 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
3. การบรรเทาผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายพิชัย นริพทะพันธุ์) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ) กรรมการและเลขานุการ
สรุปสาระสำคัญ
1. เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2554 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2554 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับแนวทางการปรับราคาขายปลีกก๊าซ NGV ดังนี้
1) ขยายระยะเวลาตรึงราคาขายปลีกก๊าซ NGV ในระดับราคา 8.50 บาทต่อกิโลกรัม และคงอัตราเงินชดเชย 2 บาทต่อกิโลกรัม ต่อไปตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2554 - 15 มกราคม 2555 2) ทยอยปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซ NGV เดือนละ 0.50 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 จนถึง ธันวาคม 2555 เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้ใช้ NGV มากเกินไป 3) ทยอยปรับลดอัตราเงินชดเชยลงเดือนละ 0.50 บาทต่อกิโลกรัม จำนวน 4 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 - เมษายน 2555 และ 4) เพื่อบรรเทาผลกระทบจากแนวทางการปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำหรับกลุ่มรถโดยสารสาธารณะ โดยมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) รับไปหาแนวทางการช่วยเหลือกลุ่มดังกล่าวต่อไป
2. เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2554 กบง. ได้มีมติเห็นชอบแนวทางการปรับราคาขายปลีกก๊าซ NGV ดังนี้
2.1 การปรับราคาขายปลีกก๊าซ NGV ให้เป็นไปตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2554 โดยทยอยปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซ NGV เดือนละ 0.50 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 - ธันวาคม 2555 และทยอยปรับลดอัตราเงินชดเชยลงเดือนละ 0.50 บาทต่อกิโลกรัม จำนวน 4 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 - เมษายน 2555
2.2 การบรรเทาผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำหรับรถรับจ้างขนส่งผู้โดยสารสาธารณะ (รถแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก และรถตู้ร่วมโดยสาร ขสมก.) ให้มีการเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของก๊าซ NGV สำหรับรถรับจ้างขนส่งผู้โดยสารสาธารณะจากผู้ค้าน้ำมัน ตั้งแต่วันที่ 16 -31 มกราคม 2555 ในอัตรา 0.50 บาท ต่อกิโลกรัม และให้ทยอยปรับขึ้นเดือนละ 0.50 บาทต่อกิโลกรัม จำนวน 3 ครั้ง ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - เมษายน 2555 และให้คงอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของก๊าซ NGV สำหรับรถรับจ้างขนส่งผู้โดยสารสาธารณะจากผู้ค้าน้ำมันเดือนละ 2.00 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม - ธันวาคม 2555 ทั้งนี้ เงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในส่วนนี้ จะใช้เป็นเงินส่วนลดราคาขายปลีกก๊าซ NGV ในโครงการบัตรเครดิตพลังงาน
3. เพื่อให้สามารถดำเนินการเรียกเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของก๊าซ NGV ที่จำหน่ายให้รถรับจ้างขนส่งผู้โดยสารสาธารณะ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จึงได้ดำเนินการจัดทำร่างคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ .../2555 เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้น ทั้งนี้ ร่างคำสั่งนายกรัฐมนตรีดังกล่าว ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในขั้นต้นแล้ว
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบร่างคำสั่งนายกรัฐมนตรีฯ ที่ .../2555 เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง
2. มอบให้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบความถูกต้องของร่างคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ .../2555 เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง อีกครั้งก่อนนำเสนอนายกรัฐมนตรีลงนามต่อไป
สรุปสาระสำคัญ
1. เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2554 กพช. ได้มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การชะลอการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ จากน้ำมันเบนซิน 95 น้ำมันเบนซิน 91 และน้ำมันดีเซล เป็นการชั่วคราว โดยมอบหมายให้ กบง. รับไปกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ให้เป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนที่จะเริ่มดำเนินการในปีแรกของรัฐบาล ต่อมาเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2554 กบง. ได้เห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซิน 95 จากเดิม 7.50 บาทต่อลิตร เป็น 0.00 บาทต่อลิตร น้ำมันเบนซิน 91 จากเดิม 6.70 บาทต่อลิตร เป็น 0.00 บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลจากเดิม 2.80 บาทต่อลิตร เป็น 0.00 บาทต่อลิตร มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2554 เป็นต้นมา
2. เพื่อส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล กบง. เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2554 ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 ลง จาก 2.40 บาทต่อลิตร เป็น 1.40 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 จากเก็บเข้ากองทุนน้ำมันฯ 0.10 บาทต่อลิตร เป็นชดเชย 1.40 บาทต่อลิตร และให้ชดเชยน้ำมันแก๊สโซฮอล E20 เพิ่ม จากชดเชย 1.30 บาทต่อลิตร เป็นชดเชย 2.80 บาทต่อลิตร มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2554 เป็นต้นไป และเนื่องจากน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 มีราคาเท่ากับน้ำมันเบนซิน 91 แต่ค่าความร้อนของน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 ต่ำกว่าน้ำมันเบนซิน 91 ประมาณร้อยละ 3 ดังนั้น กบง. เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2554 จึงได้เห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 ลง จาก 1.40 บาทต่อลิตร เป็น 0.20 บาทต่อลิตร โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน 2554 เป็นต้นไป
3. กพช. เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2554 ได้มีมติเห็นชอบแนวทางการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้ (1) ทยอยปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอลเดือนละ 1 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 เป็นต้นไป โดยมอบให้ กบง. พิจารณาระยะเวลาการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ตามความเหมาะสม (2) ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของดีเซลหมุนเร็ว 0.60 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 เป็นต้นไป โดยมอบให้ กบง.พิจารณาระยะเวลาการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ตามความเหมาะสม
4. เพื่อลดภาระการชดเชยและเสริมสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันฯ จึงมีแนวทางการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้ (1) ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของดีเซลหมุนเร็ว 0.60 บาทต่อลิตร ตั้งแต่ 16 มกราคม 2555 เป็นต้นไป (2) ทยอยปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซิน เดือนละ 1 บาทต่อลิตร ไปจนสู่อัตรา 7.50 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 เป็นต้นไป และ (3) ทยอยปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 ไปอยู่ที่ 5.00 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 ไปอยู่ที่ 3.55 บาทต่อลิตร E20 ไปอยู่ที่ 2.50 บาทต่อลิตร และ E85 ไปอยู่ที่ชดเชย 12.66 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 เป็นต้นไป
5. สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ณ วันที่ 10 มกราคม 2555 น้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 110.80 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล น้ำมันเบนซินอยู่ที่ 124.15 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 129.96 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศเป็นดังนี้ น้ำมันเบนซิน 95 ลิตรละ 40.92 บาท น้ำมันเบนซิน 91 ลิตรละ 36.97 บาท น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 ลิตรละ 35.69 บาท และน้ำมันดีเซลลิตรละ 29.99 บาท โดยค่าการตลาดน้ำมัน ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2554 อยู่ที่ลิตรละ 5.0867, 1.8436, 0.8742 และ 0.8726 บาท ตามลำดับ
6. ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 6 มกราคม 2555 มีเงินสดในบัญชี 3,769 ล้านบาท มีหนี้สินกองทุน 18,319 ล้านบาท แยกเป็นหนี้อยู่ระหว่างการเบิกจ่ายชดเชย 18,165 ล้านบาท งบบริหารและโครงการซึ่งได้อนุมัติแล้ว 154 ล้านบาท กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะเบื้องต้นสุทธิติดลบ 14,550 ล้านบาท
7. เพื่อให้การดำเนินการปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2554 สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในแต่ละเดือน ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอแนวทาง ดังนี้
7.1 ขอความเห็นชอบการกำหนดเวลาที่เหมาะสมในการนำเสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานพิจารณาทยอยปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ สำหรับน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลในแต่ละครั้ง ให้คำนึงถึงผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงและฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
7.2 ขอความเห็นชอบให้ปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ในเดือนมกราคม 2555 ดังนี้
ชนิดน้ำมัน | เดิม | ใหม่ | เปลี่ยนแปลง(+/-) |
น้ำมันเบนซิน 95 | 0.00 | 1.00 | +1.00 |
น้ำมันเบนซิน 91 | 0.00 | 1.00 | +1.00 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 | 0.20 | 1.20 | +1.00 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 | -1.40 | -0.40 | +1.00 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 | -2.80 | -1.80 | +1.00 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 | -13.50 | -13.60 | -0.10 |
น้ำมันดีเซล | 0.00 | 0.60 | +0.60 |
โดยมอบหมายให้ สนพ. รับไปดำเนินการออกประกาศ กบง. เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 เป็นต้นไป
8. จากการปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว ส่งผลให้ราคาขายปลีกปรับเพิ่มขึ้น ในส่วนของกองทุนน้ำมันฯ จะมีภาระลดลงประมาณวันละ 53.62 ล้านบาท จากติดลบวันละ 97.85 ล้านบาท เป็นติดลบวันละ 44.23 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบให้ปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในเดือนมกราคม 2555 ดังนี้
ชนิดน้ำมัน | เดิม | ใหม่ | เปลี่ยนแปลง(+/-) |
น้ำมันเบนซิน 95 | 0.00 | 1.00 | +1.00 |
น้ำมันเบนซิน 91 | 0.00 | 1.00 | +1.00 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 | 0.20 | 1.20 | +1.00 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 | -1.40 | -0.40 | +1.00 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 | -2.80 | -1.80 | +1.00 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 | -13.50 | -13.60 | -0.10 |
น้ำมันดีเซล | 0.00 | 0.60 | +0.60 |
และมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 เป็นต้นไป
2. มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน นำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พิจารณามอบหมายให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) กำหนดอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้มีความเหมาะสมและคล่องตัว โดยคำนึงถึงราคาน้ำมันในตลาดโลก การส่งเสริมพลังงานทดแทนและฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
เรื่องที่ 3 การบรรเทาผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV
สรุปสาระสำคัญ
1. เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2554 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2554 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับแนวทางการปรับราคาขายปลีกก๊าซ NGV ดังนี้ 1) ขยายระยะเวลาตรึงราคาขายปลีกก๊าซ NGV ในระดับราคา 8.50 บาทต่อกิโลกรัม และคงอัตราเงินชดเชย 2 บาทต่อกิโลกรัม ต่อไปตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2554 - 15 มกราคม 2555 2) ทยอยปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซ NGV เดือนละ 0.50 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 จนถึง ธันวาคม 2555 เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้ใช้ NGV มากเกินไป 3) ทยอยปรับลดอัตราเงินชดเชยลงเดือนละ 0.50 บาทต่อกิโลกรัม จำนวน 4 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 - เมษายน 2555 และ 4) เพื่อบรรเทาผลกระทบจากแนวทางการปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำหรับกลุ่มรถโดยสารสาธารณะ โดยมอบให้ กบง. รับไปหาแนวทางการช่วยเหลือกลุ่มดังกล่าวต่อไป
2. เพื่อบรรเทาผลกระทบจากแนวทางการปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำหรับรถรับจ้างขนส่งผู้โดยสารสาธารณะ (รถแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก และรถตู้ร่วมโดยสาร ขสมก.) กบง. ได้มีมติเห็นชอบโครงการบัตรเครดิตพลังงานสำหรับผู้ประกอบอาชีพรถรับจ้างขนส่งผู้โดยสารสาธารณะ วงเงินบัตรเครดิต 3,000 บาท และส่วนลดราคาขายปลีก NGV จากการใช้บัตรเครดิตและเงินสดรวมวงเงิน 9,000 บาท ซึ่งการให้ส่วนลดราคาขายปลีกก๊าซ NGV เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 - 31 ธันวาคม 2558 ต่อมาเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2554 กลุ่มผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุกขนส่งได้เรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2554 เกี่ยวกับการทยอยปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซ NGV ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ได้เชิญกลุ่มผู้ร้องเรียนหารือร่วมกัน และผลการหารือได้กำหนดให้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อทบทวนการปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV โดยมีภาครัฐและกลุ่มผู้ประกอบการร่วมเป็นคณะทำงาน
3. เนื่องจากโครงการบัตรเครดิตพลังงาน เป็นการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มรถรับจ้างขนส่งผู้โดยสารสาธารณะ ดังนั้น รัฐบาลจึงได้มีนโยบายขยายกลุ่มการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบมากขึ้น ได้แก่ รถร่วมโดยสารประจำทาง ขสมก. รถมินิบัสร่วม ขสมก. และรถสองแถวร่วม ขสมก. โดยจัดทำบัตรส่วนลดราคาก๊าซ NGV ให้กับกลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว รวมทั้งกลุ่มที่ได้รับสิทธิตามโครงการบัตรเครดิตพลังงานเดิมบางส่วน ซึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินส่วนลดให้กับกลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายการปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV ในระยะแรกตามโครงการบัตรเครดิตพลังงานมี ปตท. เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินการ ดังนั้น จึงเห็นสมควรมอบหมายให้ ปตท. เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการจัดทำบัตรส่วนลดราคาขายปลีกก๊าซ NGV และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายบัตรส่วนลดที่เกิดขึ้น
มติของที่ประชุม
มอบหมายให้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รับไปดำเนินการจัดทำบัตรส่วนลดราคาขายปลีกก๊าซ NGV และเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการใช้บัตรส่วนลดต่อไป