มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 36/2556 (ครั้งที่ 170)
วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 15.30 น.
ณ ห้องประชุม 4 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี กระทรวงพลังงาน
1. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
ปลัดกระทรวงพลังงาน นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ กรรมการและเป็นประธานที่ประชุม แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ เป็นกรรมการและเลขานุการ
เรื่อง การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการ เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ และราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ข้อ 1.7.3 ดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคและผู้ผลิต และ ข้อ 3.5.3 กำกับราคาพลังงานให้มีความเหมาะสม เป็นธรรมและมุ่งสู่การสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยปรับบทบาทกองทุนน้ำมันฯ ให้เป็นกองทุนสำหรับรักษาเสถียรภาพราคา ส่วนการชดเชยราคานั้นจะดำเนินการอุดหนุนเฉพาะกลุ่ม ส่งเสริมให้มีการใช้ก๊าซธรรมชาติมากขึ้นในภาคขนส่งและส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอลและไบโอดีเซลในภาคครัวเรือน
2. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบหลักเกณฑ์การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และระยะเวลาให้มีความเหมาะสมภายใต้กรอบหลักเกณฑ์การมอบหมาย ดังนี้
2.1 น้ำมันดีเซลการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาสูงขึ้นจนทำให้มีผลกระทบต่อภาคขนส่งและค่าโดยสารเกินสมควรให้ กบง. พิจารณาปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้ตามความเหมาะสม การปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาต่ำจนทำให้ผู้ประกอบการขนส่งและโดยสารสมควรปรับอัตราค่าบริการลงให้ กบง. ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่กระทบเกินสมควรต่อค่าขนส่งและโดยสาร2.2 น้ำมันเบนซิน/น้ำมันแก๊สโซฮอลการปรับเพิ่ม/ลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลให้พิจารณาปรับ เพื่อรักษาระดับส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันเบนซินกับน้ำมันแก๊สโซฮอล เพื่อจูงใจให้มีการใช้พลังงานทดแทน (เอทานอล) มากขึ้น
3. เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2556 กบง. ได้พิจารณาโครงสร้างราคา และค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิง และได้มีมติเห็นชอบให้ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลขึ้น 0.50 บาทต่อลิตร ผลจากการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และผู้ค้าน้ำมันปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล 95, 91 และ E20 ลงลิตรละ 0.20 บาท ส่งผลทำให้โครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 22 ตุลาคม 2556 เป็นดังนี้
4. ราคาน้ำมันตลาดโลกปิดตลาด ณ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2556 น้ำมันดิบดูไบ น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 107.56, 118.03 และ 125.66 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ โดยราคาน้ำมันดิบดูไบ น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.86, 3.67 และ 2.23 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ จากการประชุมครั้งก่อนเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2556 (ราคาปิดตลาดวันที่ 18 ตุลาคม 2556) ในส่วนของ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2556 อยู่ที่ 31.9402 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ อ่อนค่าลง 0.77 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ จากวันที่ 21 ตุลาคม 2556 ที่ 31.1737 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ และผู้ค้าน้ำมันได้ปรับราคาขายปลีกน้ำมันเพิ่มขึ้น 2 ครั้ง คือวันที่ 18 และ 24 พฤศจิกายน 2556 โดยปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล 95, 91 และ E20 เพิ่มขึ้นชนิดละ 1.00 บาทต่อลิตร และน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 เพิ่มขึ้นรวม 0.60 บาทต่อลิตร
5. ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2556 กองทุนน้ำมันฯ มีทรัพย์สินรวม 24,255 ล้านบาท หนี้สินรวม 18,895 ล้านบาท โดยกองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิเป็นบวก 5,360 ล้านบาท
6. จากราคาน้ำมันเบนซิน และดีเซลตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นและอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลง ประกอบกับผู้ค้าน้ำมันปรับราคาขายปลีกน้ำมันฯ มีผลทำให้โครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2556 เป็นดังนี้
จากโครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2556 พบว่าค่าการตลาดน้ำมันดีเซล อยู่ในระดับต่ำ ดังนั้น เพื่อให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับที่เหมาะสม ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 0.60 บาท ผลจากการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ จะทำให้ค่าการตลาดเฉลี่ยกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล อยู่ที่ประมาณ 1.65 บาทต่อลิตร น้ำมันดีเซลอยู่ที่ประมาณ 1.26 บาทต่อลิตร และค่าการตลาดเฉลี่ยทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 1.38 บาทต่อลิตร ทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายรับลดลงประมาณวันละ 29.79 ล้านบาท จากมีรายรับวันละ 1.06 ล้านบาท เป็นมีรายจ่ายวันละ 28.73 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลลง 0.60 บาทต่อลิตร จาก 1.10 บาทต่อลิตร เป็นเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 0.50 บาทต่อลิตร โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2556 เป็นต้นไป
สรุปสาระสำคัญ
1. เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2556 ในการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 1/2556 มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้มีมติมอบหมายให้กระทรวงพลังงานเป็นเจ้าภาพประสานกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมบูรณาการดำเนินการความมั่นคงทางพลังงานและพลังงานที่เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม ต่อมาเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556 กระทรวงพลังงานได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมยกร่างแผนปฏิบัติการความมั่นคงทางพลังงานและพลังงานที่เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม นำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานพิจารณาให้ความเห็นชอบ และจัดส่งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
2. เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2556 ในการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 2/2556 ได้มีการพิจารณาแผนปฏิบัติการความมั่นคงทางพลังงานและพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยนายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้นำยุทธศาสตร์ตามที่เสนอลงพื้นที่จังหวัด ซึ่งกระทรวงพลังงานได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายครั้ง จนได้ข้อสรุปร่วมกันเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2556 และได้สรุปนำเสนอนายกรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป
3. เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2556 ในการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 4/2556 นายกรัฐมนตรีได้พิจารณาผลการดำเนินการคณะทำงานด้านความมั่นคงทางพลังงานและพลังงานเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอดังนี้ (1) แนวทางดำเนินการเชิงพื้นที่ ประกอบด้วย การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานเชิงพื้นที่ การพัฒนาเมืองสีเขียว (Green City) การจัดพื้นที่ (Zoning) พืชพลังงาน และการพัฒนาแหล่งพลังงาน (Source of Energy) ในจังหวัด (2) แผนปฏิบัติการความมั่นคงทางพลังงานและพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ปรับปรุงใหม่ เห็นชอบแผนปฏิบัติการฯ กรอบงบประมาณ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เกิดผลทางปฏิบัติตามระยะเวลาที่กำหนดต่อไป และ (3) กลไกการดำเนินการ ให้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศด้านความมั่นคงทางพลังงานและพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพติดตามประเมินผลการดำเนินการและรายงานต่อรัฐบาลเป็นระยะ
4. เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ลงนามในคำสั่งคณะกรรมการ บริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศด้านความมั่นคงทางพลังงานและพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อติดตามประเมินผลการดำเนินการนำเสนอรัฐบาลผ่าน กบง. และคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) อย่างต่อเนื่อง ตามที่ได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรี และเนื่องจากมีการเพิ่มเติมโครงการพัฒนาพลังงานเชิงพื้นที่ กระทรวงพลังงานจึงเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเพื่อลงนามแต่งตั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2556 โดยคณะอนุกรรมการฯ มีองค์ประกอบคือ มีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นรองประธานอนุกรรมการ มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอนุกรรมการและมีผู้แทนสำนักงานปลัดกระทรวงพลังงานเป็นอนุกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่เสนอแนะนโยบาย มาตรการ และแนวทางการดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านความมั่นคงทางพลังงานและพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประสานงาน สนับสนุนการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการ ติดตามประเมินผล และรายงานผลดำเนินการต่อรัฐบาลผ่าน กบง. และ กพช. เป็นระยะ
5. เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2556 ในการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศด้านความมั่นคงทางพลังงานและพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 1/2556 ได้มีมติให้แต่งตั้งคณะทำงานจำนวน 2 คณะ ดังนี้
5.1 คณะทำงานพัฒนาเมืองพลังงานสะอาดหรือเมืองคาร์บอนต่ำ แต่งตั้งเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2556 มีรองปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นรองประธาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นคณะทำงาน และมีผู้แทนกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เป็นคณะทำงานและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ศึกษากำหนดแนวทางและจัดทำแผนปฏิบัติการการพัฒนาต้นแบบเมืองพลังงานสะอาดหรือเมืองคาร์บอนต่ำ ประสานงานและดำเนินการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการเมืองต้นแบบ พิจารณาผลดำเนินเพื่อปรับปรุงแนวทางการพัฒนาและกำหนดเกณฑ์และคัดเลือกเมืองพลังงานสะอาดในระยะต่อไป อย่างไรก็ตาม เพื่อให้อำนาจหน้าที่ของคณะทำงานเป็นไปอย่างเหมาะสมสอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ กบง. และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนฯ จึงเห็นควรให้มีการปรับปรุงอำนาจหน้าที่ใหม่5.2 คณะทำงานสนับสนุนการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรวัสดุอุปกรณ์เพื่ออนุรักษ์พลังงานในอาคารและโรงงานควบคุม แต่งตั้งเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2556 มีรองปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอนุรักษ์พลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นคณะทำงาน และมีผู้แทนสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นคณะทำงานและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่กำหนดแนวทางดำเนินการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจังหวัดนำร่องเพื่อสนับสนุนการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรวัสดุอุปกรณ์เพื่ออนุรักษ์พลังงานในอาคารและโรงงานควบคุมในพื้นที่นำร่องเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประสานงาน ติดตามประเมินผลการดำเนินงาน พิจารณาผลดำเนินการจังหวัดนำร่องที่ดำเนินการในระยะแรก เพื่อปรับปรุงแนวทางการพัฒนาสำหรับขยายผลไปสู่พื้นที่อื่นในระยะต่อไป อย่างไรก็ตาม เพื่อให้อำนาจหน้าที่ของคณะทำงานเป็นไปอย่างเหมาะสมสอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ กบง. และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนฯ จึงเห็นควรให้มีการปรับปรุงอำนาจหน้าที่ใหม่
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศด้านความมั่นคงทางพลังงานและพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556 และการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ เพิ่มเติม เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2556 ในการดำเนินการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการความมั่นคงทางพลังงานและพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ให้การดำเนินการที่ผ่านมาของคณะอนุกรรมการฯ มีผลตั้งแต่วันที่มีคำสั่งแต่งตั้ง
2. เห็นชอบการจัดตั้งคณะทำงานภายใต้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศด้านความมั่นคงทางพลังงานและพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อบูรณาการดำเนินการในเรื่องสำคัญ ประกอบด้วย คณะทำงานพัฒนาเมืองพลังงานสะอาดหรือเมืองคาร์บอนต่ำ และคณะทำงานสนับสนุนการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรวัสดุอุปกรณ์เพื่ออนุรักษ์พลังงานในอาคารและโรงงานควบคุม