มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 9/2557 (ครั้งที่ 183)
วันพุธที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 15.00 น.
ปลัดกระทรวงพลังงาน นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ กรรมการและเป็นประธานที่ประชุม แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ เป็นกรรมการและเลขานุการ
เรื่อง การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. รัฐบาลมีนโยบายในการดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เป็นธรรมสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เป็นผู้พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และระยะเวลาให้มีความเหมาะสม โดยให้คำนึงถึง (1) สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก (2) ภาวะเงินเฟ้อ (3) การส่งเสริมพลังงานทดแทน และ (4) ฐานะกองทุนน้ำมันฯ
2. จากการพิจารณาโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 27 มีนาคม 2557 พบว่าค่าการตลาด ของน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 0.8957 บาทต่อลิตร ซึ่งต่ำกว่าระดับที่เหมาะสม ดังนั้น กบง. ในการประชุมเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2557 จึงได้มีมติเห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลลง 0.40 บาทต่อลิตร ซึ่งจากการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว ส่งผลทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซล ณ วันที่ 28 มีนาคม 2557 อยู่ที่ 1.3396 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2557 ผู้ค้าน้ำมันได้ปรับเพิ่มราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอลทุกชนิดขึ้น 0.40 บาทต่อลิตร ยกเว้นน้ำมันแก๊สโซฮอล E20 ปรับเพิ่ม 0.20 บาทต่อลิตร
3. จากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ณ วันที่ 22 เมษายน 2557 เมื่อเปรียบเทียบราคาน้ำมันตลาดโลก ณ วันที่ 26 มีนาคม 2557 พบว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.00 5.93 และ 3.08 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 106.30 123.54 และ 125.01 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ตามลำดับ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราวันที่ 22 เมษายน 2557 อยู่ที่ 32.4329 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น 0.30 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ และราคาไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันอยู่ที่ 31.88 บาทต่อลิตร ลดลง 3.27 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซล ณ วันที่ 23 เมษายน 2557 อยู่ที่ 1.0533 บาทต่อลิตร ซึ่งอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าการตลาดที่เหมาะสม โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อค่าการตลาด ประกอบด้วย (1) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่แข็งค่าขึ้น 0.30 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ค่าการตลาดเพิ่มขึ้น 0.23 บาทต่อลิตร (2) ราคาน้ำมันดีเซล (MOPS) เฉลี่ย 3 วันเพิ่มขึ้น 3.0200 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่งผลให้ค่าการตลาดลดลง 0.59 บาทต่อลิตร และ (3) การเปลี่ยนแปลงราคา B100 ลดลง 3.27 บาทต่อลิตร ส่งผลทำให้ค่าการตลาดเพิ่มขึ้น 0.11 บาทต่อลิตร
4. ดังนั้น เพื่อให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซล อยู่ในระดับที่เหมาะสม ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอ ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 0.30 บาท ซึ่งผลจากการปรับลดอัตราเงิน ส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว จะทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลอยู่ที่ประมาณ 1.3533 บาทต่อลิตร ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายจ่ายเพิ่มขึ้นประมาณวันละ 17.98 ล้านบาท จากมีรายจ่ายวันละ 5.45 ล้านบาท เป็นมีรายจ่ายวันละ 22.83 ล้านบาท ทั้งนี้ ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 20 เมษายน 2557 มีทรัพย์สินรวม 9,568 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 16,791 ล้านบาท กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิเป็นติดลบ 7,223 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลลง 0.30 บาทต่อลิตร จาก 0.40 บาทต่อลิตร เป็นเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่อัตรา 0.10 บาทต่อลิตร โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน 2557 เป็นต้นไป