มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 2/2551 (ครั้งที่ 27)
วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 เวลา 9.00 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด - นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. แนวทางการแก้ไขปัญหาราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG)
2. สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง (มกราคม - 25 กุมภาพันธ์ 2551)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (พลโทหญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล) กรรมการและเลขานุการ
ประธานฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าการประชุมครั้งนี้เป็นการประชุม กบง. ครั้งแรกของรัฐบาล ชุดปัจจุบัน และได้สอบถามฝ่ายเลขานุการฯ เกี่ยวกับงานที่ยังค้างอยู่ของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้ชี้แจงว่าจากการประชุมฯ ครั้งที่ผ่านมา กบง. ได้มีมติเห็นชอบแนวทางการส่งเสริม การแปรรูปขยะเป็นน้ำมัน โดยนำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาช่วยอุดหนุนราคารับซื้อน้ำมันที่ผลิตได้จากการแปรรูปขยะในอัตราไม่เกิน 7 บาทต่อลิตร แต่เนื่องจากต้องมีการแก้ไขคำสั่งนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับนิยามของน้ำมันเชื้อเพลิงให้ครอบคลุมการผลิตน้ำมันจากขยะ ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ จะได้ดำเนินการแก้ไขคำสั่งนายกรัฐมนตรีตามมติ กบง. ต่อไป
เรื่องที่ 1 แนวทางการแก้ไขปัญหาราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG)
สรุปสาระสำคัญ
1. คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2550 ได้พิจารณาเรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาราคาก๊าซ LPG และมีมติเห็นชอบการยกเลิกการชดเชยราคาก๊าซ LPG โดยให้ปรับขึ้นราคาขายส่ง และให้ยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ จากการส่งออกก๊าซ LPG และยังคงนโยบายราคาก๊าซ ณ คลังเท่ากันทั่วประเทศ โดยเก็บเงินเข้ากองทุนฯ จากก๊าซ LPG ในระดับที่เพียงพอสำหรับชดเชยค่าขนส่งไปยังคลังก๊าซภูมิภาค และเห็นชอบหลักเกณฑ์การกำหนดราคา ณ โรงกลั่นก๊าซ LPG โดยกำหนดเพดานที่ต้นทุนการผลิตจากโรงแยกก๊าซฯ ร้อยละ 60 บวกราคาส่งออกก๊าซ LPG ร้อยละ 40 โดยให้ทยอยปรับสัดส่วนการผลิตระหว่างโรงแยกก๊าซและโรงกลั่นน้ำมันไปสู่ระดับจริง คือ 60 ต่อ 40 รวมทั้งได้มอบอำนาจให้ประธาน กบง. เป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบในการดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว ในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม
2. เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2550 รัฐบาลได้ยกเลิกการชดเชยราคาก๊าซ LPG โดยให้ปรับราคาขายส่งรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 1.20 บาทต่อกิโลกรัม จากราคา 16.81 บาท เป็น 18.01 บาทต่อกิโลกรัม วันที่ 4 มกราคม 2551 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในฐานะประธาน กบง. ได้เห็นชอบการปรับสูตรราคา ณ โรงกลั่นก๊าซ LPG เท่ากับ ต้นทุนการผลิตจากโรงแยกก๊าซฯ ร้อยละ 95 บวกราคาส่งออกก๊าซ LPG ร้อยละ 5 โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 7 มกราคม 2551 และวันที่ 30 มกราคม 2551 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้เห็นชอบให้ราคา ณ โรงกลั่นก๊าซ LPG ของเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ตามหลักเกณฑ์ฯ ซึ่งทำให้ราคาขายปลีกก๊าซ LPG ปรับตัวเพิ่มขึ้นกิโลกรัมละ 20 สตางค์ จากราคา 18.01 เป็น 18.21 บาทต่อกิโลกรัม และเดือนมีนาคม 2551 ราคาขายปลีกก๊าซ LPG จะเป็น 18.13 บาทต่อกิโลกรัม
3. ประมาณการใช้ก๊าซ LPG ในช่วงเดือนมกราคม - เมษายน 2551 อยู่ที่ระดับ 11.87 ล้านกิโลกรัมต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1.81 ล้านกิโลกรัมต่อวัน ขณะที่ประมาณการผลิตอยู่ที่ระดับ 11.20 ล้านกิโลกรัมต่อวัน ลดลงจากปีก่อน 0.26 ล้านกิโลกรัมต่อวัน ทั้งนี้เนื่องจากผู้ผลิตมีแผนปิดซ่อมบำรุงประจำปี ประกอบกับโรงกลั่นได้ปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตโดยใช้ก๊าซ LPG เป็นเชื้อเพลิงแทนน้ำมันเตา และจากราคาจำหน่ายในประเทศมีราคาต่ำ ทั้งนี้ คาดว่าปริมาณการผลิตก๊าซ LPG จะไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ จำเป็นต้องมีการนำเข้าเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ โดยคาดว่าในช่วง 4 เดือนแรกของ ปี 2551 ต้องนำเข้าก๊าซ LPG ประมาณ 81 ล้านกิโลกรัม
4. เพื่อการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนโดยรักษาระดับราคาพลังงานให้อยู่ระดับ ที่เหมาะสม ฝ่ายเลขานุการฯ จึงมีข้อเสนอดังนี้
4.1 เห็นควรให้ขยายเวลาการดำเนินการโดยให้คงราคา ณ โรงกลั่นตามสูตรการคำนวณของเดือนมีนาคม 2551 ไว้ก่อน เนื่องจากการส่งเสริมการใช้ NGV ให้เป็นทางเลือกของผู้ใช้ LPG ต้องใช้ระยะเวลาอีกระยะหนึ่ง โดยคาดว่าจะมีความพร้อมประมาณเดือนกรกฎาคม 2551
4.2 ให้รักษาระดับราคาก๊าซ LPG โดยให้คงราคาก๊าชหุงต้มไว้ ณ ระดับราคาตามราคา อิงตลาดโลกในข้อ 1 แต่สำหรับก๊าช LPG ที่นำไปใช้ในทางอื่นๆ ทั้งหมด ให้ปรับเพิ่มขึ้นตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ ทั้งนี้ เพื่อนำเงินที่ได้จากอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ไปชำระหนี้เงินชดเชยการนำเข้าก๊าช LPG จากต่างประเทศ และลดความต้องการใช้ก๊าช LPG โดยให้กรมธุรกิจพลังงานรับไปดำเนินการกำหนดรายละเอียดในหลักเกณฑ์วิธีการปฏิบัติต่อไป
4.3 เห็นชอบให้จ่ายเงินชดเชยราคาก๊าซ LPG จากการนำเข้าตามปริมาณสัดส่วนที่ขาด ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2551 เป็นต้นไป
4.4 มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงานและสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน ร่วมกันจัดระบบการจ่ายเงินชดเชยสำหรับก๊าซ LPG ที่นำเข้ามาใช้ในประเทศ รวมทั้งการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ จากการใช้ก๊าซ LPG ที่มิใช่การใช้ในภาคครัวเรือน โดยให้กรมธุรกิจพลังงานเป็นผู้รับผิดชอบตรวจสอบปริมาณการนำเข้าและปริมาณการใช้ก๊าซ LPG ที่ต้องส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ทั้งนี้ให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงานเป็นผู้รับผิดชอบด้านการจ่ายเงินชดเชย
4.5 มอบหมายให้ สนพ. รับไปดำเนินการออกประกาศ กบง. เพื่อกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ อัตราเงินชดเชยและอัตราเงินกองทุนคืนสำหรับก๊าซ LPG ที่ผลิต จำหน่ายและนำเข้ามาใช้ในประเทศ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
4.6 มอบหมายให้ประธาน กบง. เป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบหรืออนุมัติแทน กบง. ตามข้อ 4.1 ข้อ 4.2 และข้อ 4.3 ได้ตามความเหมาะสม
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบให้ขยายเวลาการดำเนินการตามมติ กบง. เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2550 เรื่อง แนวทาง การแก้ไขปัญหาราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว โดยให้คงราคา ณ โรงกลั่นก๊าซ LPG เท่ากับ ต้นทุนการผลิตจาก โรงแยกก๊าซฯ ร้อยละ 95 บวกราคาส่งออกก๊าซ LPG ร้อยละ 5 ของเดือนมีนาคม 2551 ไว้ จนถึงเดือนกรกฎาคม 2551 หลังจากนั้น ให้มีการพิจารณาดำเนินการปรับสูตรราคา ณ โรงกลั่นของก๊าซ LPG ให้เหมาะสมกับสถานการณ์
2. เห็นชอบให้รักษาระดับราคาก๊าซ LPG โดยให้คงราคาก๊าชหุงต้มไว้ ณ ระดับราคาตามราคาอิงตลาดโลกในข้อ 1 แต่สำหรับก๊าช LPG ที่นำไปใช้ในทางอื่นๆ ทั้งหมด ให้ปรับเพิ่มขึ้นตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ ทั้งนี้ เพื่อนำเงินที่ได้จากอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปชำระหนี้ เงินชดเชยการนำเข้าก๊าช LPG จากต่างประเทศ และให้ลดความต้องการใช้ก๊าช LPG โดยมอบให้ กรมธุรกิจพลังงานรับไปดำเนินการกำหนดรายละเอียดในหลักเกณฑ์วิธีการปฏิบัติต่อไป
3. เห็นชอบให้จ่ายเงินชดเชยราคาก๊าซ LPG จากการนำเข้าตามปริมาณสัดส่วนที่ขาด ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2551 เป็นต้นไป
4. มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงานและสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน ร่วมกันจัดระบบการจ่ายเงินชดเชยสำหรับก๊าซ LPG ที่นำเข้ามาใช้ในประเทศ และการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากการใช้ก๊าซ LPG ที่มิใช่การใช้ในภาคครัวเรือน โดยมอบให้กรมธุรกิจพลังงานเป็นผู้รับผิดชอบตรวจสอบปริมาณการนำเข้าและปริมาณการใช้ก๊าซ LPG ที่ต้องส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ทั้งนี้ให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงานเป็นผู้รับผิดชอบด้านการจ่ายเงินชดเชย
5. มอบหมายให้ สนพ. รับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง อัตราเงินชดเชยและอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ คืนสำหรับก๊าซ LPG ที่ผลิต จำหน่าย และนำเข้ามาใช้ในประเทศ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
6. มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธาน กบง. เป็นผู้พิจารณา ให้ความเห็นชอบหรืออนุมัติแทน กบง. ตามข้อ 1 ข้อ 2 และข้อ 3 ได้ตามความเหมาะสม
7. มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงานรับไปจัดทำข้อเสนอจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลและตรวจสอบการนำก๊าซหุงต้มไปจำหน่ายในสาขาอื่น และคณะกรรมการป้องกันการลักลอบจำหน่ายก๊าซ LPG เพื่อนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติต่อไป
เรื่องที่ 2 สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง (มกราคม - 25 กุมภาพันธ์ 2551)
สรุปสาระสำคัญ
1. ราคาน้ำมันดิบดูไบและเบรนท์เฉลี่ยเดือนมกราคม 2551 อยู่ที่ระดับ 87.37 และ 92.03 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว 1.79 และ 0.78 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ เนื่องจากข่าวไนจีเรียส่งออกน้ำมันดิบเดือนมีนาคม ลดลง 420,000 บาร์เรลต่อวัน และโรงกลั่น Aruba (255,000 บาร์เรลต่อวัน) ในสหรัฐฯ ปิดฉุกเฉินอย่างไม่มีกำหนดจากเหตุเพลิงไหม้ รวมทั้งข่าวกลุ่มโอเปค จะยังไม่พิจารณาเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน และต่อมาในช่วงวันที่ 1 - 25 กุมภาพันธ์ ราคาน้ำมันดิบดูไบและเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 89.13 และ 93.61 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ จากความวิตกว่าอุปทานน้ำมันดิบอาจตึงตัวจากข่าวบริษัทน้ำมัน Lukoil ของรัสเซียหยุดการส่งน้ำมันดิบทางท่อส่งน้ำมันปริมาณ 520,000 ตัน ไปยังเยอรมมีในเดือนกุมภาพันธ์ ประกอบกับพายุไซโคลน Nicholas พัดผ่านบริเวณแหล่งผลิตน้ำมันดิบในประเทศออสเตรเลีย ทำให้ต้องหยุดดำเนินการชั่วคราว รวมทั้งสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศอิรัก
2. ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 92 และน้ำมันดีเซลเฉลี่ยเดือนมกราคม 2551 อยู่ที่ระดับ 100.51, 99.56 และ 105.70 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว 2.13, 2.47 และ 0.01 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ ตามราคาน้ำมันดิบและจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง รวมทั้งจีนมีแผนลดปริมาณส่งออกน้ำมันเบนซินเพื่อสำรองไว้ใช้ในฤดูกาลแข่งขันกีฬาโอลิมปิคฤดูร้อน และในช่วงวันที่ 1-25 กุมภาพันธ์ ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 92 และน้ำมันดีเซลได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 103.59, 102.59 และ 109.71 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ ตามราคาน้ำมันดิบและจาก Formosa Petrochemical Corp. ของไต้หวันจะปิดซ่อมบำรุงตามแผน CDU (180,000 บาร์เรลต่อวัน) ประกอบกับข่าวเกาหลีใต้ลดส่งออกน้ำมันดีเซล เนื่องจากโรงกลั่นลดปริมาณการกลั่นน้ำมันดิบในเดือนมีนาคม
3. เดือนมกราคม 2551 ผู้ค้าน้ำมันได้ปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 95, แก๊สโซฮอล 95 (E10), (E20), แก๊สโซฮอล 91 ลดลง 0.10 บาทต่อลิตร และปรับลดราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว 0.20 บาท/ลิตร และปรับเพิ่มราคาน้ำมันเบนซิน 91 ขึ้นอีก 0.20 บาทต่อลิตร และในช่วงวันที่ 1-27 กุมภาพันธ์ 2551 ผู้ค้าน้ำมันได้ปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 0.40 บาทต่อลิตร จำนวน 1 ครั้ง และปรับราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี5 เพิ่มขึ้น 0.30 บาทต่อลิตร ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 91 แก๊สโซฮอล 95 (E10), (E20), 91 ดีเซลหมุนเร็ว และดีเซลหมุนเร็ว บี 5 ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2551 อยู่ที่ระดับ 33.19, 32.09, 29.19, 27.19, 28.39, 29.54 และ 29.04 บาทต่อลิตร ตามลำดับ
4. แนวโน้มราคาน้ำมันเดือนมีนาคม 2551 คาดว่าราคาน้ำมันจะทรงตัวในระดับสูง ซึ่งราคาน้ำมันดิบดูไบและเบรนท์จะเคลื่อนไหวอยู่ที่ 83 - 88 และ 88 - 93 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ จากความกังวลเกี่ยวกับ Supply Disruption และค่าเงินดอลล่าห์ที่อ่อนตัวทำให้ Trader & Hedge Funds เข้าซื้อขายเพื่อเก็งกำไรในตลาดซื้อขายล่วงหน้า และข่าวโอเปคมีแนวโน้มไม่เพิ่มปริมาณการผลิต ขณะที่ความต้องการในตลาดใช้น้ำมันของสหรัฐฯ และจีนยังอยู่ในระดับสูง สำหรับราคาน้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลหมุนเร็วในตลาดจรสิงคโปร์เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 98 - 105 และ 105 - 112 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ ตามราคาน้ำมันดิบและความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นของประเทศสหรัฐฯ และจีน
5. สำหรับสถานการณ์ LPG ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกปรับตัวลดลง70 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน มาอยู่ที่ระดับ 802 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ตามราคาน้ำมันดิบตลอดโลกในช่วงเดือนมกราคม 2551 แต่ความต้องการใช้เพื่อความอบอุ่นและจากธุรกิจปิโตรเคมียังคงมีจำนวนมาก ราคาก๊าซ LPG ณ โรงกลั่นอยู่ในระดับ 18.21 บาทต่อกิโลกรัม อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของก๊าซ LPG ที่จำหน่าย ในประเทศอยู่ในระดับ 0.3033 บาทต่อกิโลกรัม คิดเป็น 42.51 ล้านบาทต่อเดือน สำหรับราคาก๊าซ LPG ตลาดโลกในช่วงเดือนมีนาคม 2551 คาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 795 - 805 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน
6. สถานการณ์น้ำมันแก๊สโซฮอล เดือนกุมภาพันธ์ 2551 การผลิตและจำหน่ายเอทานอลมีปริมาณรวม 0.967 และ 0.81 ล้านลิตรต่อวัน ตามลำดับ จากผู้ประกอบการที่ผลิตเอทานอลเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง 7 ราย โดยราคาเอทานอลแปลงสภาพไตรมาส 1 - 4 ในปี 2550 อยู่ที่ลิตรละ 19.33, 18.62, 16.82 บาท และ 15.29 บาท ตามลำดับ และราคาเอทานอล ไตรมาส 1 ปี 2551 ลิตรละ 17.28 บาท ขณะที่มีปริมาณ เอทานอลสำรองของผู้ค้าน้ำมันรวม 22.39 ล้านลิตร ส่วนปริมาณการจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 (E10) เดือนมกราคมและในช่วงวันที่ 1-16 กุมภาพันธ์ 2551 ปริมาณ 5.27 และ 5.53 ล้านลิตรต่อวัน ตามลำดับ จากบริษัทค้าน้ำมันที่จำหน่าย จำนวน 15 บริษัท และสถานีบริการ 3,822 แห่ง โดยที่ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล 91 ในช่วงเวลาเดียวกันมีปริมาณ 1.44 และ 1.60 ล้านลิตรต่อวัน จากบริษัทค้าน้ำมันที่จำหน่ายจำนวน 4 บริษัท และสถานีบริการน้ำมัน 1,127 แห่ง ปัจจุบันราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 (E10) และ 91 (E20), 91 อยู่ที่ 22.19, 27.19 และ 28.09 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ต่ำกว่าราคาน้ำมันเบนซิน 95 และ 91 อยู่ที่ 4.00, 6.00 และ 3.50 บาทต่อลิตร ตามลำดับ
7. สำหรับน้ำมันไบโอดีเซล เดือนกุมภาพันธ์ 2551 มีกำลังการผลิตรวม 2.185 ล้านลิตรต่อวัน และราคาไบโอดีเซลในประเทศเฉลี่ยเดือนมกราคม และ กุมภาพันธ์ 2551 อยู่ที่ 38.93 และ 40.67 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ส่วนปริมาณการจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 เดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2550 มีจำนวน 4.89 และ 4.75 ล้านลิตรต่อวัน ตามลำดับ ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 อยู่ที่ 29.04 บาทต่อลิตร ซึ่งต่ำกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว 0.50 บาทต่อลิตร
8. ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2551 มีเงินสดในบัญชี 13,519 ล้านบาท มีหนี้สิน ค้างชำระ 10,129 ล้านบาท แยกเป็นหนี้พันธบัตร 8,800 ล้านบาท ภาระดอกเบี้ยพันธบัตร 388 ล้านบาท และหนี้ค้างชำระเงินชดเชย 941 ล้านบาท หนีชดเชยก๊าซ LPG 107 ล้านบาท ฐานะกองทุนน้ำมันฯ สุทธิ 3,390 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ